ตอนที่จวินเย่เสวียนออกจากหอหนิงอันก็เลยเวลาเที่ยงคืนมาแล้วระหว่างทางที่เดินอยู่ในทางเล็กๆ แสงจันทร์ที่สาดส่องทำให้เงาร่างของเขาลากยาว ยาวมากๆแรกเริ่ม ฝีเท้าของเขามันหนักอึ้งแต่ยิ่งเมื่อใกล้ถึงหอหนิงซี ฝีเท้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นทั้งเบาและว่องไวแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมาบนหน้าเขา สามารถเห็นได้ถึงความสุขสกาวบนใบหน้านั้นเขาไม่ต้องการอะไรก็ได้ทั้งนั้น แต่อย่างน้อย เขาก็มีภรรยา มีลูก!กู้อวิ๋นซีหลับไปแล้ว จวินฉู่หลีก็กลับหออวิ๋นหลีของตัวเองไปเมื่อช่วงกลางดึกแล้วหอหนิงซีในตอนนี้ ช่างเงียบสงบ เป็นความสงบเงียบราวกับช่วงเวลาที่สงบสุขจวินเย่เสวียนไล่คนรับใช้ให้ถอยออกไป เขาผลักประตูห้องเข้าไปเบาๆ เดินไปจนถึงข้างเตียง มองดูเด็กสาวที่กำลังนอนหลับฝันอยู่สายตาก็อดที่จะเคลื่อนไปหยุดอยู่ที่บริเวณหน้าท้องของนางไม่ได้บนตัวของกู้อวิ๋นซีมีผ้าผืนบางห่มคลุมอยู่ ทำให้เขามองไม่เห็นหน้าท้องของนางอยากจะดึงเอาผ้าห่มที่คลุมไว้ออก แต่ก็ไม่กล้า กลัวว่าสายลมเย็นๆ จะไปรบกวนการนอนของผู้หญิงและลูกของเขาแต่ในเวลานี้ สายลมเย็นๆ ที่พัดเข้ามาทางหน้าต่างก็ได้ทำให้นางตกใจตื่นขึ้นแล้วกลิ่นอายบนตัวของผู้ชายท
ช่วงเวลาหลังจากนั้น จวินเย่เสวียนก็เหมือนกับสามีที่ออกจากบ้านไปทำงานเมื่อเลิกงานก็รีบกลับมาอยู่ข้างกายของภรรยาในทันที เพื่อทำหน้าที่ของสามี"วันนี้ตอนเช้าตรู่ ท่านอ๋องยังไปที่ห้องครัวด้วย"หลังจากฟ้าสาง จวินเย่เสวียนก็ออกจากบ้านไปอีกแล้ว ตอนที่อันเซี่ยมาปรนนิบัติกู้อวิ๋นซีตื่นตอน ได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้าให้ฟังกู้อวิ๋นซีประหลาดใจเล็กน้อย "เขาไปทำอะไรที่ห้องครัว?""ไปทำข้าวเช้าให้ท่านน่ะสิเจ้าคะ" อันเซี่ยคิดไปถึงเหตุการณ์ในตอนนั้น ทั้งจนใจ ทั้งตลก แต่ก็สงสารด้วย"หลายวันมานี้คุณหนูไม่ค่อยอยากอาหาร เสวียนอ๋องจำได้ตลอด ไม่รู้ว่าเขาไปได้ยินมาจากไหนว่าขนมพุทราเปรี้ยวสามารถช่วยกระตุ้นความอยากอาหารได้ เมื่อคืนตอนที่กลับมา ก็เอาพุทราเปรี้ยวสดๆ กลับมาเป็นถุงๆ""แต่ว่าตอนที่กลับมาก็ดึกแล้ว คุณหนูก็หลับไปแล้ว ท่านอ๋องให้ข้าเก็บรักษาพุทราเปรี้ยวไว้ให้ดี จากนั้นเขาก็กลับเข้าไปพักผ่อนกับท่านแล้ว""ข้าคิดว่าท่านอ๋องคงลืมเรื่องนี้ไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าวันนี้เขาจะสั่งให้คนมาหาข้าตั้งแต่เช้าตรู่ ให้ข้าเอาพุทราเปรี้ยวไปที่ห้องครัว"อันเซี่ยรู้สึกว่าชีวิตของตัวเองช่างผ่า
จวินเย่เสวียนกลับมาในเวลากลางคืนอีกครั้งแต่ว่าวันนี้ไม่เหมือนทุกวัน กู้อวิ๋นซียังไม่นอนหลังจากที่เขาอาบน้ำเสร็จ ก็เปลี่ยนเป็นชุดสะอาดชุดใหม่แล้วก็มาทันทีคิดไม่ถึงว่าผู้หญิงของเขาจะยังนั่งรอเขาอยู่ที่ข้างโต๊ะ"ดึกขนาดนี้แล้วเหตุใดยังไม่พักผ่อน?" หลังจากจวินเย่เสวียนเข้าประตูไปก็อดพูดตำหนิไม่ได้ "เดี๋ยวก็เหนื่อยหรอก""ไม่เหนื่อย คืนนี้ ข้าอยากจะพูดคุยกับท่าน"กู้อวิ๋นซีมองไปที่เขา จนใจ นางได้กลิ่นคาวเลือดอีกแล้ว"นี่เสด็จพ่อกะจะให้ท่านสังหารศัตรูทั้งวันทั้งคืนเลยหรือยังไง?"ไม่รู้จักสงสารลูกชายของตัวเองบ้างเลยนางพูดอย่างไม่พอใจ "ทุกแคว้นไม่รู้ว่าปีๆ หนึ่งส่งสายลับเข้ามาสอดแนมเท่าไร หนานหลิงของเราเองก็เช่นกัน ก็ส่งสายลับออกไปทุกหนแห่งไม่ใช่เหรอ?"ดังนั้นสายลับพวกนี้ ไม่มีทางกำจัดหมดได้เขาไม่คิดจะพักบ้างเลยหรือยังไง?ร่างกายนี้ มีเลือดให้ไหลมากเท่าไรกันเชียว?ไม่รู้จักเหน็ดเนื่อยจริงๆ หรือยังไง?จวินเย่เสวียนเดินเข้ามาหยุดที่ข้างกายนาง ลากเก้าอี้ออกมาตัวหนึ่ง จากนั้นก็อุ้มนางมานั่งลงบนตักของตัวเอง"สงสารสามีของเจ้าเหรอ?"แต่กู้อวิ๋นซีกลับเบือนหน้าหนี สะบัดเสียงอย่างงอน
กู้อวิ๋นซีเข้าใจแล้วจวินเย่เสวียนคิดว่าตัวเองติดหนี้จวินฉู่หลีตลอดชีวิต ดังนั้น ไม่ว่าจวินฉู่หลีต้องการอะไร ต่อให้เป็นชีวิตของเขา เขาก็ให้ได้"แล้วถ้าหากว่า อาหลีต้องการข้าล่ะ?" ในใจของนางรู้สึกหนักอึ้งจวินเย่เสวียรู้ว่านางกำลังคิดอะไร จึงดึงมือของนางเข้ามากุมไว้ พูดว่า "ช่วงเวลาที่ผ่านมาข้ามีชีวิตที่ยากลำบาก อีกทั้งยังไม่รู้ว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร"กู้อวิ๋นซีรู้สึกเกร็งเครียดในใจ รู้สึกเจ็บปวดใจเหมือนถูกทิ่มแทง"แต่ตอนนี้ข้า รู้แล้วว่าตัวเองต้องการอะไร"เขาซดน้ำแกงในชามรวดเดียวหมด จากนั้นก็กินอะไรอีกสักสองสามคำ จากนั้นก็สั่งให้คนเอาไปเก็บ เขาอุ้มผู้หญิงของตัวเองไปยังข้างเตียง จากนั้นก็วางนางลงเบาๆกู้อวิ๋นซีพยายามกดมือที่เริ่มยุกยิกอยู่บนร่างกายของตัวเอง "ขะ ข้ายังมีเรื่องจะพูดอีก""อืม" แต่เขาไม่ได้หยุดมือของตัวเอง ไม่นานก็ถอดชุดท่อนบนของนางออกได้สำเร็จ"เย่เสวียน"เขาตัวสั่นไปทั้งตัวนี่เป็นครั้งแรกที่นางเรียกชื่อเขาออกมาตรงๆ แบบนี้!คิดไม่ถึงเลยว่าชื่อของเขาที่ถูกเรียกออกมาจากปากของนาง จะให้ความรู้สึกแบบนี้ทั้งตื่นเต้น นุ่มนวลและร้อนแรงในคราวเดียวจวินเย่เส
เพื่อที่จะทำภารกิจที่ฮ่องเต้มอบหมายให้สำเร็จลุล่วงก่อนกำหนด หลายวันต่อจากนั้น หลังจากที่จวินเย่เสวียนออกจากจวนไปก็ไม่ได้กลับมาอีกเลยถึงแม้เขาจะไม่ได้สั่งอะไรไว้ แต่กู้อวิ๋นซีก็เชื่อมั่นในตัวเขาเขาบอกว่าอีกห้าวันกลับ ก็จะต้องกลับมาแน่นอนดังนั้นในห้าวันนี้ นางจึงเตรียมการรักษาจวินฉู่หลีครั้งสุดท้ายกับหลานโจวในช่วงนี้ จวินฉู่หลีไม่กล้าไปหากู้อวิ๋นซีเลยแต่ความจริงแล้ว เขาจะคอยเฝ้าอยู่ที่หอหนิงซีทุกวันเพียงแค่นางไม่ยอมให้เขาเข้าไปเท่านั้นเอง เขาก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปเองโดยพลการพระสนมหรงที่เห็นลูกชายตัวเองเศร้าหมอง ก็เลยพูดปลอบใจว่า "หากว่าเจ้าชอบนางจริงๆ เจ้าก็ไปพูดกับท่านพี่สี่ของเจ้าเถอะ เขาจะต้องยกกู้อวิ๋นซีให้เจ้าแน่"แต่นางไม่พูดคำนี้ออกมาจะยังดีกว่า หลังจากจวินฉู่หลีได้ฟังแล้วก็ยิ่งรู้สึกแย่ในใจ"ซีเออร์ไม่ใช่สิ่งของ ไม่ใช่วัตถุ ไม่ใช่ใครจะมายกให้กันแล้วนางจะกลายเป็นของใคร""นางก็เป็นเพียงแค่คุณหนูจวนแม่ทัพคนหนึ่งเท่านั้น เจ้าเป็นถึงท่านอ๋องแห่งแคว้น อยากได้อะไรไม่ใช่หาได้โดยง่ายหรอกเหรอ?"พระสนมหรงเป็นห่วงว่าการที่ลูกชายเศร้าหมอง จะทำให้เกิดเป็นอาการป่วยขึ้นมาอีกนาง
"คุณหนู" อันเซี่ยยังคงกอดข้อมือของกู้อวิ๋นซีไว้เบาๆ ไม่กล้าที่จะปล่อย"คุณหนู คิดถึงเสวียนอ๋อง คิดถึงอนาคตของพวกท่านสิเจ้าคะ ท่านก็ไม่อยากทำใช่ไหม?"กู้อวิ๋นซีไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่มือที่ถือเข็มฉีดยาไว้กำลังสั่นไหวอย่างรุนแรงระยะเวลาในช่วงนี้ราวกับได้ย้อนเวลากลับไปในอดีตเมื่อหนึ่งปีที่ผ่านมาก็ไม่ปานได้ทำตามใจ ได้หัวเราะ ได้มีความสุขกระทั่งว่ามีความสุขยิ่งกว่าในอดีตซะอีกเพราะว่านางสามารถเรียกชื่อจริงๆ ของเขาออกมาได้ เย่เสวียนไม่ใช่ชื่อปลอมอย่างฉู่หลีอีก"คุณหนู หลีอ๋องอาการดีขึ้นทุกวัน ความจริงยังสามารถคิดหาวิธีการอื่นได้อีกใช่หรือไม่?"อันเซี่ยเชื่อว่าด้วยความสามารถของคุณหนู นางจะต้องมีวิธีการอื่นในการสกัดซีรั่มออกมาเพื่อรักษาหลีอ๋องได้แน่ไม่ใช่จำเป็นต้องทำแบบนี้เท่านั้น ใช่ไหม?"นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุด" เสียงของกู้อวิ๋นซีเบาหวิวอันเซี่ยรีบพูดอย่างร้อนใจ "แต่ไม่ใช่วิธีการเดียว ใช่ไหมเจ้าคะ?"กู้อวิ๋นซีมองไปที่นางอย่างจนใจ "แต่ลูกในท้องของข้า..."ด้วยฐานะหมอที่มีความรู้ของศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด นางไม่มีเหตุผลใดที่จะเก็บเด็กคนนี้ไว้แต่ว่า ในฐานะแม่คนหนึ่ง..."คุณหนู..
"กู้อวิ๋นซี เจ้าเป็นภรรยาของหลีเออร์ ตอนนี้กลับจะปล่อยให้หลีเออร์ตายเพื่อจะไปอยู่กับผู้ชายอีกคนหนึ่ง!"ยิ่งพระสนมหรงมองดูเข็มฉีดยาที่ไม่ได้ใช้นั้นก็ยิ่งรู้สึกโมโหในใจ"เจ้าไม่รู้สึกผิดต่อสามีของเจ้าบ้างเลยเหรอ?"แต่กลับไม่สนใจนาง พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "มีเรื่องหนึ่ง ข้าคิดว่าเสด็จแม่ท่านเข้าใจผิดมาตั้งแต่แรกแล้ว""เจ้าบอกว่าข้าเข้าใจผิดอย่างนั้นเหรอ?" พระสนมหรงโมโห "เจ้าไม่ยินดีที่จะใช้ร่างกายของตัวเองช่วยรักษาให้กับหลีเออร์ ทำผิดสัญญา เจ้ายังกล้าบอกว่าข้าเข้าใจผิดเหรอ?""พระสนมหรง"คำเรียกนี้ยิ่งทำให้พระสนมหรงยิ่งโมโหเข้าไปใหญ่นี่นางบังอาจไม่เรียกแม้แต่คำว่าเสด็จแม่แล้วเหรอ!"พระสนม" เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความโกรธของนาง กู้อวิ๋นซีก็ยังคงความสงบนิ่งไว้ได้ "ข้าไม่เคยพูดว่าจะยอมเสียสละตัวเองเพื่อช่วยชีวิตอาหลี จุดนี้ ขอให้พระสนมเข้าใจให้ถูกต้องด้วยเพคะ""เจ้าว่าอะไรนะ?" เมื่อพระสนมหรงได้ยินดังนั้น ยิ่งโมโหจนหน้าแดงก่ำ"นี่เจ้ากล้ากลับคำเหรอ เจ้า...นังผู้หญิงแพศยา! เจ้า...""ขอถามหน่อย พระสนมได้ยินเมื่อไรว่าข้าตอบตกลงว่าจำเป็นต้องเสียสละชีวิตตัวเองเพื่อช่วยอาหลีเหรอเพคะ?"กู
หลานโจวมองเข็มฉีดยาที่ถูกบรรจุเต็มไปด้วยพิษ จากนั้นก็มองที่กู้อวิ๋นซี ด้วยสีหน้าลำบากใจเขาทำแบบนี้ก็เท่ากับว่าเป็นการตัดโอกาสการมีชีวิตรอดของเด็กในท้องพระชายาถึงแม้เขาจะรู้อยู่เต็มอกว่าเด็กคนนี้ไม่มีทางมีชีวิตรอดได้ก็ตามทีแต่การที่เด็กเสียชีวิตเองเนื่องจากไม่แข็งแรงกับการเสียชีวิตจากการถูกเขาฉีดสารพิษเข้าไปมันเป็นคนละเรื่องกันเช่นนี้ โหดร้ายเกินไปแล้ว!"หลานโจว!" พระสนมหรงถลึงตามองเขาแล้วพูดอย่างโมโห "เจ้าลืมแล้วหรือไงว่าเคยสาบานอะไรไว้ต่อหน้าข้า? ข้าบอกความลับทุกอย่างกับเจ้าไปแล้วหรือว่ามันยังไม่พอที่จะทำให้เจ้าตัดสินใจได้หรือไง?"เมื่อหลานโจวได้ยินดังนั้นเขาก็สะดุ้งจนตัวสั่นในที่สุดก็ก้าวขาแข็งๆ เดินไปหยุดตรงหน้าโต๊ะแล้วหยิบเอาเข็มฉีดยาขึ้นมากู้อวิ๋นซีก็กำลังมองเขาอยู่เช่นกันนางรู้มาตลอดว่า จวนเสวียนอ๋องมีความลับสุดยอดที่น่ากลัวและไม่สามารถบอกใครได้นางไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ก็รู้ว่าเมื่อพูดออกไป ผลของมันจะต้องสามารถย้อมแผ่นดินให้แดงฉานด้วยเลือดได้แน่นอนแต่ทุกอย่างนี้ มันเกี่ยวอะไรกับนาง กับอาหลีและกับลูกในท้องด้วยล่ะ?"หลานโจว ข้ารู้ว่าเจ้าเคยตรวจอาการให้กับเด็กใ