"ข้ารู้แล้ว เจ้าออกไปก่อนเถอะ" กู้อวิ๋นซีตอบอันเซี่ยรู้สึกเป็นกังวล "คุณหนู ขะ ข้าจะไปเป็นเพื่อนท่านด้วยเจ้าค่ะ"ก่อนหน้านี้คุณหนูทำให้เสวียนอ๋องโมโห ตอนนี้เรียกให้ไปหา จะต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่อันเซี่ยกลัวว่าคุณหนูของตัวเองจะถูกเสวียนอ๋องรังแกกู้อวิ๋นซีกลับพูดว่า "ต่อให้เจ้าอยู่ด้วยก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก กลับไปเถอะ""คุณหนู...""อย่ามากวนข้า ข้ายังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องจัดการ"อันเซี่ยมุ่ยปากเล็กๆ ของนาง รู้ว่าคุณหนูไม่อยากทำให้นางต้องเดือดร้อนไปด้วยแต่ว่า ตอนนี้หลีอ๋องยังอยู่ข้างในหนิก่อนจะเดินจากไป อันเซี่ยจึงจงใจพูดเสียงดังขึ้น "คุณหนูท่านทำให้เสวียนอ๋องโมโห เกรงว่าเสวียนอ๋องจะต้องลงโทษท่านแน่ คุณหนูท่านต้องระวังตัวนะเจ้าคะ"จากนั้นนางก็เดินจากไปจวินฉู่หลีรู้สึกจนใจ"นี่อันเซี่ยกำลังบอกเป็นนัยๆ ให้ข้าไปขอโทษท่านพี่สี่เป็นเพื่อนเจ้าด้วยอย่างนั้นเหรอ?""ไม่ไป" แต่กู้อวิ๋นซีกลับส่ายหัวจวินฉู่หลีรู้สึกประหลาดใจ "เพราะเหตุใด?""รู้ทั้งรู้ว่าเขาโมโหอยู่ก็ยังจะไปหา ไม่ใช่เสนอตัวไปให้เขาระบายอารมณ์ถึงที่หรอกเหรอ?"กู้อวิ๋นซีจ้องมองเขาทีหนึ่ง "เจ้าว่าข้าดูโง่ถึงเพียงนั้นไ
กู้อวิ๋นซีขาอ่อนแรงเป็นปฏิกริยาตอบสนองตามสัญชาติญาณอย่างหนึ่งเมื่อรู้สึกได้ถึงพลังไอเย็นบนตัวของจวินเย่เสวียน ก็ราวกับเกิดความกลัวสุดชีวิตขึ้นมาอย่างนั้นขนาดจวินฉู่หลีเองยังรู้สึกได้ว่าตอนนี้ที่นางตัวเย็นไปทั้งตัว ไม่ได้แกล้งทำมันออกมาเดิมทียังคิดอยู่ว่าจะกอดต่อดีไหม แต่เมื่อเห็นนางหวาดกลัวถึงเพียงนี้ จวินฉู่หลีกลับรู้สึกสงสารขึ้นมาเขาคว้าเอวของนาง ความจริงก็คือโอบเอวของนางเดินไปหยุดตรงหน้าของพระสนมหรง"เสด็จแม่"กู้อวิ๋นซีเองก็คารวะด้วยเช่นกัน "คารวะเสด็จแม่"จากนั้นจวินฉู่หลีก็ได้โอบนางเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าของจวินเย่เสวียน "ท่านพี่สี่"กู้อวิ๋นซีก็พูดตามเขาโดยที่ไม่เงยหน้าขึ้นมามองเลยด้วยซ้ำ "คารวะท่านพี่สี่"จวินเย่เสวียนเดินผ่านหน้าของพวกเขาไปด้วยสีหน้าเรียบเฉยเมื่อเดินมาถึงตำแหน่งที่นั่งของตัวเอง ก็สะบัดแขนเสื้อยาวทีหนึ่งก่อนจะนั่งลงไปจอกแก้วที่อยู่เบื้องหน้าก็ไม่รู้ว่าถูกลมแรงที่ไหนพัดถึงได้ร่วงหล่นลงไปบนพื้นเพล้งๆ ๆ แตกละเอียดทั่วพื้นทั้งงาน ตกอยู่ในความเงียบสนิทไปชั่วขณะบ่าวรับใช้ทั้งหลายต่างยิ่งไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงสรุปแล้วผู้ใดเป็นคนทำให้เสวียนอ๋อ
และแล้วก็มาถึงฉากสำคัญกู้อวิ๋นซีมีสีหน้าเคร่งขรึมไปนิดหนึ่งพระสนมหรงหรี่ตาลง แล้วพูดเร่งอีกครั้ง "ซีเออร์ เหล้าชั้นดีที่เจ้าเตรียมไว้ล่ะ?"คราวนี้กู้อวิ๋นซีถึงได้สติ ยืนขึ้นแล้วพูดเสียงเบาๆ ว่า "เพคะ ลูกจะไปเตรียมมาเดี๋ยวนี้"เห็นได้ชัดว่าพระสนมหรงไม่พอใจกับคำพูดของนางเพิ่งจะไปเตรียมตอนนี้เนี่ยนะ หมายความว่ายังไงกัน?ไม่ใช่ควรจะเตรียมไว้นานแล้วเหรอ?เด็กคนนี้ บังอาจไม่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กัยนางเหรอ?ฉินโหรวมองไปยังแผ่นหลังของกู้อวิ๋นซีที่เดินจากไป แววตาเคร่งขรึม ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ไม่นาน กู้อวิ๋นซีก็กลับมา ยกกาเหล้าเข้ามาเองกาหนึ่ง มาหยุดอยู่ตรงหน้าของจวินเย่เสวียน"ปรณนิบัติข้าดื่มเหล้าเหรอ?" ไม่รู้ว่าด้วยเพราะจวินเย่เสวียนดื่มเหล้าเข้าไปหรือเปล่า สายตาที่มองนางถึงได้ดูวางอำนาจและเผด็จการเช่นนี้เขายื่นมือออกมากู้อวิ๋นซีตกใจ รีบเบี่ยงตัวหลบมือของเขาอย่างเงียบๆ ไปยืนอยู่ด้านหนึ่งแล้วรินเหล้าให้กับเขาจนเต็มแก้ว"ท่านพี่สี่ นี่เป็นเหล้าชั้นดีที่ข้าตั้งใจเตรียมไว้ให้ท่านเป็นพิเศษ หวังว่าท่านพี่สี่จะชอบเพคะ""คืนนี้ดูเจ้าตั้งใจจะมอมเหล้าข้าอยู่ตลอดเลยนะ?" จวินเย่เสว
เหล้าจอกนี้ ถูกใส่ยาเหรอ?สายตาของทุกคนจับจ้องไปยังฉินโหรวลู่หงอวี้รู้สึกว้าวุ่นในใจพระสนมหรงกับแม่เฒ่าชิงแอบมองตากัน ไม่รู้ว่าตัวเองมองกู้อวิ๋นซีออกหรือไม่เด็กคนนี้ไปหาฉินโหรวจริงๆ คิดดีแล้วที่จะไม่อยากเกี่ยวข้องกับเสวียนอ๋องอีกอย่างนั้นเหรอ?นางอยากรักเดียวใจเดียวต่อจวินฉู่หลีเหรอ?แต่พวกนางไม่รู้เลยว่า มันเชื่อได้หรือไม่สายตาของจวินเย่เสวียนเพียงแค่มองบนตัวของฉินโหรวแบบผ่านๆ เท่านั้นเขามองกู้อวิ๋นซี ความอบอุ่นที่หาได้ยากในสายตาเมื่อครู่ ตอนนี้มันได้หายไปจนหมดแล้ว"จะอธิบายเช่นไร?" น้ำเสียงเขาเย็นชาจนถึงขีดสุด"ข้าไปหาแม่นางฉินมาจริงๆ หวังให้แม่นางฉินเสนอตัวใกล้ชิดกับท่านพี่สี่"กู้อวิ๋นซีเพิ่งจะพูดจบ สายตาของจวินเย่เสวียนก็เข้มขึ้น จอกที่ถืออยู่ที่ปลายนิ้วของเขา ราวกับจะถูกบีบให้แตกได้ทุกเมื่อ"เจ้าอยากจะส่งข้าให้ผู้หญิงคนอื่นมากจนทนไม่ไหวเช่นนี้เชียวเหรอ?""ท่านอ๋อง..." ฉินโหรวตกใจ!คำพูดนี้ของเสวียนอ๋อง ดูจะมีอะไรบางอย่าง!หรือว่า เขากับพระชายาหลีอ๋อง มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกันจริงๆ?กู้อวิ๋นซีกัดริมฝีปาก ไม่พูดอะไรจวินเย่เสวียนก็ไม่ได้สนใจฉินโหรวเลย ตอนนี้
"ได้" ครั้งนี้กู้อวิ๋นซีไม่ได้ปฏิเสธแต่ก่อนที่จะจากไป นางก็ได้เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าของลู่หงอวี้ แล้วยิ้มให้นางอย่างอ่อนโยน"ขอโทษด้วยนะ แม่นางลู่ คืนนี้เกิดเรื่องสุดวิสัย ไม่สามารถรับรองได้ดี ขอให้...""เจ้าใส่ยาให้เขาจริงๆ เหรอ?" สายตาที่ลู่หงอวี้มองนางเต็มไปด้วยความสับสนเมื่อครู่นางก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ เพียงแค่จู่ๆ ก็รู้สึกเจ็บปวดในใจเจ็บปวดแทนเสวียนอ๋องบางทีแม้แต่นางเองก็ยังไม่รู้เลยว่าเจ็บปวดอะไรแทนเขาแต่ก็แค่รู้สึกเจ็บมาก"เขา...ดีกับเจ้าขนาดนั้น" ขนาดลู่หงอวี้ยังมองในจุดนี้ออกเลย!สายตาที่เสวียนอ๋องมองพระชายาหลีอ๋อง เป็นสายตาที่เอ็นดูมากเลยจริงๆ!ทั้งๆ ที่โกรธมากขนาดนั้น แต่ก็ยัง เอ็นดูมากสีหน้าของกู้อวิ๋นซีไม่มีการแสดงอารมณ์ที่พิเศษอะไร เพียงแค่ยิ้มบางๆ เท่านั้น "ข้าไม่เข้าใจความหมายของแม่นางลู่ แต่ว่า คืนนี้จวนเสวียนอ๋องของเราค่อนข้างวุ่นวาย ไม่อาจจะรับรองแม่นางลู่ต่อได้จริงๆ""แม่นางลู่ วันหลังข้าจะไปขอโทษท่านที่จวนด้วยตัวเอง ขอตัวก่อน!"เยียนเป่ยรีบพูดขึ้นทันที "ใครก็ได้ ส่งแขก!"จากนั้นก็จ้องไปที่กู้อวิ๋นซี "พระชายา เชิญพ่ะย่ะค่ะ!"
คำพูดของจวินเย่เสวียน ทำให้กู้อวิ๋นซีรู้สึกเครียดทันที เผลอใช้มือลูบไปที่ช่วงเอวอย่างไม่รู้ตัวจวินเย่เสวียนกลับหัวเราะแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า "วิธีการเดียวกัน เจ้าคิดว่าข้าจะให้เจ้าทำสำเร็จได้อีกอย่างนั้นเหรอ? หากว่าเจ้ากล้าหยิบมีด ข้ารับรองกับเจ้าได้เลยว่า ของที่มีดของเจ้าจะตัดได้ก็คือเสื้อผ้าของเจ้าแน่นอน!"มือที่แตะอยู่ตรงช่วงเอวของกู้อวิ๋นซี ถูกเก็บกลับไปอย่างรวดเร็ว"ข้าไม่มีความอดทนมากมายขนาดนั้น มานี่!" เขาพูดเสียงเข้มกู้อวิ๋นซีก็รีบสาวเท้าเข้าไปทันทีอย่างไม่รู้ตัวราวกับโดนของพูดได้เพียงว่า ตอนที่เสวียนอ๋องพูดด้วยน้ำเสียงเข้มๆ มันช่างน่ากลัวเหลือเกิน"ในเมื่อท่านรู้ว่าข้าไม่ได้ใส่ยา ก็ไม่ควรจะโกรธแล้วไม่ใช่เหรอ?"ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดจึงต้องเรียกให้นางมาที่นี่อีก ทำราวกับต้องการจะหาเรื่องนางอย่างนั้น?"ข้าเดาว่าเจ้าเองคงสับสนระหว่างจะทำหรือไม่ทำหลายครั้งแน่"ดังนั้น เขาเองก็มีหลายครั้งที่เกือบจะถูกนางวางแผนทำสำเร็จ ไม่ใช่เหรอ?เมื่อคิดเช่นนี้ ขนาดเสวียนอ๋องที่สูงส่งเย็นชาไม่สนใครก็ยังรู้สึกไร้เรี่ยวแรงเลยหากวันใดวันหนึ่งเด็กคนนี้ต้องการชีวิตของเขาขึ้นมา ก็คงจะ
"องค์ชายสี่...""ถ้าไม่อ่านก็ถอด..."เลือกมาสักอย่าง! เดี๋ยวจะหาว่าเขาเผด็จการไม่ให้สิทธิ์นางได้เลือก!กู้อวิ๋นซีมองค้อนเขาไปอย่างโกรธๆ นี่เรียกว่าให้สิทธิ์เลือกเหรอ?น่าเสียดายที่จวินเย่เสวียนก็ยังคงหลับตาพักผ่อนอยู่ ต่อให้นางจะมองค้อนจนตาแทบถลน ก็ไม่ส่งผลกระทบอะไรกับเขาอยู่ดีกู้อวิ๋นซีทำใจสงบนิ่งลง ก่อนจะพูดต่อเสียงเบาๆ "จดหมายฉบับนี้ หน่วยสิบสองส่งข่าวมาบอกว่า...พบหลักฐานการแอบสร้างอาวุธของเจิ้งอ๋องบริเวณเทือกเขาอี๋หลิน"จวินเย่เสวียนเบิกตาขึ้นกู้อวิ๋นซีรีบปิดปากทันทีแล้วมองไปที่เขาถ้าหากบอกว่าเสวียนอ๋องในตอนปิดตาดูเกียจคร้านและเงียบสงบแล้วเช่นนั้นเขาในตอนเปิดตาก็ดูโหดเหี้ยมและเย็นชาแววตาของเขาปรากฎร่องรอยของความไม่พอใจ ทำให้กู้อวิ๋นซีรู้สึกเกร็งเครียดในใจในหนานหลิงของพวกเขาไม่อนุญาตให้มีการแอบสร้างโรงงานผลิตอาวุธแน่นอนว่า พวกร้านค้าเล็กๆ สามารถทำได้ ดาบ กระบี่ ธนู หอก มีอยู่มากมายในเมือง ร้านประเภทนี้ราชสำนักไม่สนใจแต่ถ้าเป็นเรื่องที่คนในหน่วยสิบสองหยิบยกขึ้นมาพูดถึงโดยเฉพาะแล้ว เรื่องนั้นจะต้องไม่ธรรมดาแน่นอนยิ่งไม่ต้องพูดถึง สร้างอยู่ในเทือกเขาอี๋หลินด้วยแล
"อื้อออ" กู้อวิ๋นซีขัดขืนขึ้นทันทีมือที่วางอยู่บนร่างกายของจวินเย่เสวียน พยายามออกแรงผลัก แต่ก็ไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่นิดเดียวลมหายใจเผด็จการของเขา ปิดผนึกปากนางอย่างรวดเร็วคางของนางยังคงถูกเขาบีบรัดอยู่ ริมฝีปากของนางไม่สามารถมีที่ให้หนีได้ไม่นาน ขนาดริมฝีปากอ่อนนุ่มก็ยังสละอาวุธยอมศิโรราบ ไม่อาจต้านทานการรุกรานที่รุนแรงของเขาได้ถูกเขาบุกเข้ามาด้านในมือน้อยๆ คู่นั้นยังคงดันอยู่ที่หน้าอกของเขา เพียงแต่แรงที่ผลักออกไปค่อยๆ อ่อนลงก็เท่านั้นลมหายใจของเขาหนักหน่วงทุกครั้งที่หายใจกลิ่นอำพันบนร่างกายก็โอบรัดนางไว้อย่างแน่นหนาบอกไม่ถูกเหมือนกันว่าเป็นกลิ่นอย่างไร แต่ว่ามันก็หอมอย่างประหลาดในหัวของกู้อวิ๋นซี กลายเป็นสีขาวโพลนอย่างรวดเร็วทั้งๆ ที่รู้สึกได้ว่ามือของเขาเริ่มทำหน้าที่ซุกซนบนร่างกายของนางอีกแล้ว แต่นางก็ไม่มีแรงที่จะปฏิเสธเขาได้เลยนางใช้มือกดข้อมือของเขาเอาไว้ แต่กลับไม่รู้ว่าต้องการจะผลักเขาออกหรือดึงเขาเข้าหาตัวเองกันแน่เป็นอารมณ์ที่ขัดแย้งกันอย่างมากร่างกายร้อนผ่าว แต่จิตใจกลับยิ่งเย็นยะเยือกขึ้นทุกที"เจ้าตัวเล็ก แลบลิ้นออกมาให้ข้าได้ชิมหน่อยสิ"น้
"ท่านอ๋อง ข้าต้องการยาเล็กน้อย อีกทั้งเหล้ากาหนึ่ง" กู้หรูชิวกล่าวจวินเย่เสวียนโบกมือหนึ่งที ความจริงเยียนเป่ยไม่ยินยอม แต่สุดท้ายเขาก็ไปเตรียมของมาให้กู้หรูชิวอย่างรวดเร็วกู้หรูชิวเดินไปอยู่ตรงหน้าของหลานโจว พูดอย่างอ่อนโยนว่า "คุณชายท่านนี้ ขออภัยด้วย"ที่ขมับของหลานโจวมีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นมาเยี่ยนอีกำมือแน่น แต่ก็ได้แต่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่ได้พูดอะไรเยียนเป่ยร้อนใจ "ท่านอ๋อง หลานโจวติดตามข้างกายท่านมาสิบกว่า สิบกว่าปี เขา..."จวินเย่เสวียนไม่ได้พูดอะไร ได้แต่มองด้วยสายตาเย็นชากู้หรูชิวบดยาหลายชนิดให้กลายเป็นผงแล้วใส่ลงไปในเหล้าหลานโจวรู้ว่านั่นเป็นยาที่ทำให้เขาขาดสติ โดยส่วนมากไว้ใช้สำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ เพื่อลดความเจ็บปวดของร่างกายเขาไม่รู้เลยว่ายาพวกนี้เมื่อเอามาผสมกับเหล้าแรงจะสามารถดึงวิญญาณของคนๆ หนึ่งได้แต่เมื่อทั้งสองชนิดผสมเข้าด้วยกัน ก็สามารถทำให้คนๆ หนึ่งมีสติเลือนลาน ช้าเชือนได้จริงๆ!เมื่อเห็นว่ากู้หรูชิวผสมยากับเหล้าเข้ากันดีแล้ว เดินถือมาอยู่ตรงหน้าของตัวเอง หลานโจวก็ได้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดอย่างสงบว่า "ท่านอ๋อง เป็นกระหม่อมที่เอายาพิษรุนแรง
ไม่รอให้หลานโจวได้เอ่ยปาก หมอคนนั้นก็พูดขึ้นว่า "จะไม่มีปัญหาได้อย่างไร? ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นดื่มยาพิษอะไรเข้าไป ซึ่งเป็นการทำร้ายเด็กในท้องตั้งนานแล้ว"เมื่อหมอคิดไปถึงสีหน้าของผู้หญิงคนนั้นในตอนนั้น ก็อดที่จะสงสารไม่ได้"ผู้หญิงคนนั้นจะต้องรักลูกในท้องของนางมากแน่ ข้าน้อยแนะนำให้นางรีบตัดสินใจ อะ เอาเด็กออก..."เมื่อรับรู้ได้ถึงสายตาของเสวียนอ๋อง ที่จู่ๆ ก็เย็นเยียบขึ้นมา หมอคนนั้นก็หวาดกลัวจนตัวสั่น ฉับพลันไม่รู้ว่าควรจะพูดต่อไปหรือไม่แต่ก็เป็นจวินเย่เสวียนที่พูดออกมาประโยคหนึ่งอย่างเย็นชา "พูดต่อ!"หมอคนนั้นถึงได้พูดต่อไปอย่างกลัวๆ กล้าๆ "ข้าน้อยคิดเพื่อร่างกายของผู้หญิงคนนั้นเองถึงได้แนะนำให้ดื่มยาขับเลือด แต่ผู้หญิงคนนั้นไม่ยินยอม ข้าน้อยรู้ว่านางยังแอบมีความหวังอยู่"สายตาของจวินเย่เสวียนมองไปยังร่างของหลานโจวหลานโจวรู้สึกสิ้นหวังมากเขารู้อยู่แล้วว่าสักวัน วันนี้ก็จะต้องมาถึงแต่แค่คิดไม่ถึงว่ามันจะมาเร็วขนาดนี้"มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?" ในที่สุดเยียนเป่ยก็ทนไม่ไหวเขาเชื่อใจหลานโจวขนาดนั้น แต่ทำไมตอนนี้ หลานโจว...ดูเหมือนว่าหลานโจวกำลังปกปิดอะไรไว้อยู่จริงๆ
"เสวียนเออร์ เจ้า...เจ้าพูดเรื่องเหลวไหลอะไร? ข้าจะไปทำอะไรนางได้? นางอยู่ในการคุ้มครองของเจ้าตลอดเวลานะ!"พระสนมหรงรู้สึกละอายใจ แต่ก็พยายามรักษาจิตใจให้สงบนิ่งนางปล่อยมือที่จับชายเสื้อของจวินเย่เสวียนเอาไว้ แล้วก้าวถอยหลังไปสองก้าวเริ่มรู้สึกหวาดกลัวลูกชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ขึ้นมาอย่างประหลาด"เสวียนเออร์ เจ้าลืมความเจ็บปวดของเจ้าได้เร็วขนาดนี้เชียวเหรอ? นางเป็นคนฆ่า...ของเจ้าเองกับมือเพื่อช่วยหลีเออร์นะ...""ลูก" คำนี้พระสนมหรงไม่กล้าที่จะพูดมันออกไปรอบข้างมีทั้งขันทีและนางกำนัลมากมายแต่นางรู้ดีว่าลูกชายของนางเข้าใจจริงดังนั้น ประโยคนี้ทำให้จวินเย่เสวียนกำหมัดแน่นทีเดียวเขาไม่อาจทำใจยอมรับเรื่องนี้ได้!โชคดีที่หลังจากกลับมา นางได้พบกับมู่อันหนิงแล้ว และได้คุยกับเรื่องคำที่จะพูดแล้วมู่อันหนิงช่างรู้งานจริงๆ!หากว่าไม่มีมู่อันหนิง พระสนมหรงเองคนเดียวคงไม่อาจจัดการเรื่องให้ดีได้เช่นนี้"เสวียนเออร์ แม่ก็แค่สงสารเจ้า หรือว่าเจ้าไม่คิดแค้นนาง...""นางช่วยลูกชายสุดที่รักของท่านไว้ แต่ท่านกลับ แค้นนาง?"จวินเย่เสวียนหรี่ตาลง ฉับพลันก็เดินขึ้นไปข้างหน้าพระสนมหรงตกใจจ
"เจ้า..."พระสนมหรงคิดไม่ถึงเลยว่ากู้อวิ๋นซีจะกล้ายอมรับออกมาจริงๆ!นางทำไปเพื่อแก้แค้นนางจริงๆ!แถมนางยังคิดจะให้ลูกชายทั้งสองคนของนางกลายเป็นศัตรู ฆ่ากันเอง!พระสนมหรงโมโหจนตัวสั่น แต่กู้อวิ๋นซีกลับใช้ดวงตาคู่โตชุ่มชื้นนั้นมองมาที่นางด้วยสายตาที่ไร้เดียงสาอย่างเดิมรอยยิ้มที่มุมปากเหมือนจะอ่อนโยน แต่คำพูดที่ออกมากลับเย็นชาสุดขีด"เสด็จแม่ ข้าเกือบจะถูกท่านฆ่าตายแล้ว หากว่าข้าไม่ทำให้ลูกชายทั้งสองของท่านตายไปบ้าง ข้าจะทำใจเรื่องความแค้นนี้ได้อย่างไร?""นังแพศยา เจ้ากล้า!"พระสนมหรงโมโหจนเสียสติ ยกมือขึ้นมาอย่างเร็ว และกำลังจะตบลงไปบนหน้าของกู้อวิ๋นซีอย่างแรงที่น่าแปลกก็คือ การต้องเผชิญกับฝ่ามือของตัวเอง กู้อวิ๋นซีไม่เพียงไม่คิดหลบ แต่ยังกลับยิ้มออกมาอย่างสะใจพระสนมหรงตกใจ จู่ๆ ก็เข้าใจได้ทันทีว่าตัวเองโดนหลอกแล้ว!แต่แรงตบที่นางอ้างออกไปมันไม่สามารถเก็บกลับได้ทันแล้ว ฝ่ามือนี้ในที่สุดก็จบลงไปบนหน้าของกู้อวิ๋นซีอย่างแรงเพราะว่าแรงมาก กู้อวิ๋นซีถึงได้ล้มลงไปนั่งกองอยู่บนพื้นทันทีตาลายไปหมด ลุกขึ้นมาไม่ได้เลย"ซีเออร์!" เงาของสองร่างปรากฎออกมาในทันทีตอนที่จวินฉู่หลีช่
ความจริงแล้วพระสนมหรงไม่เคยคิดเลยว่าหลังจากที่กลับมาจะยังเจอหน้าผู้หญิงคนนี้อีกตอนนั้นที่นางจากมา กู้อวิ๋นซีนอนคว่ำหน้าอยู่ข้างเตียง ปากก็กระอักเลือดสีดำ ลมหายใจรวยรินถึงแม้นางจะมีความสงสารอยู่บ้าง แต่เมื่อคิดถึงว่าลูกชายของตัวเองทังสองคนจะต้องผิดใจกันเพราะผู้หญิงคนนี้ นางก็ใจแข็งได้อีกครั้งวันนั้นที่ออกคำสั่งไม่ให้มีใครมา จริงๆ แล้วไม่ใช่ความปรารถนาของมู่อันหนิงแค่คนเดียวแต่เป็นความอนุญาตกลายๆ ของพระสนมหรงอีกด้วยเพียงแค่มู่อันหนิงนับว่ายังดีอยู่บ้างที่รับจบเรื่องนี้เอาไว้เอง ไม่ได้ทำให้ลูกชายทั้งสองของนางเกลียดนางด้วยเรื่องนี้ ทำให้ท่าทีที่พระสนมหรงมีต่อมู่อันหนิงก็ยิ่งดีขึ้นอีกเดิมคิดว่าหลังจากสามเดือนผ่านไป ตอนที่กลับมากู้อวิ๋นซีก็คงจะตายไปนานแล้ว และด้วยระยะเวลาที่ยาวนานนี้ ลูกชายทั้งสองของนางก็คงทำใจเรื่องผู้หญิงคนนี้ไปได้แล้วถึงตอนนั้น หลีเออร์ก็จะมีชีวิตใหม่ ส่วนเสวียนเออร์ นางเองก็ชอบมู่อันหนิงถ้าจะให้มู่อันหนิงมาเป็นพระชายาของเสวียนอ๋อง นางก็พอใจอย่างมากสรุปก็คือมันจะต้องเป็นการจบเรื่องที่สมบูรณ์แบบแต่นางคิดไม่ถึงเลยว่ากู้อวิ๋นซีไม่เพียงไม่ตาย แต่ยังกล้าท
สองวันต่อจากนั้น กู้อวิ๋นซีก็พักอยู่ที่ตำหนักของไทเฮาตลอดสองวันนี้จวินฉู่หลียุ่งมากด้านหนึ่งก็ยุ่งเรื่องการก่อสร้างจวนหลีอ๋อง อีกด้านหนึ่งก็ยุ่งเรื่องการย้ายไปประจำการที่เมืองฝานกู้อวิ๋นซีได้พักผ่อนอยู่สองวัน พอถึงเช้าตรู่วันที่สาม ในที่สุดก็ได้รับข่าวดี"คนในจวนแม่ทัพออกนอกเมืองไปแล้วเหรอ?"ข่าวนี้ทำให้นางอารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูกไปทั้งวัน"เจ้ากังวลว่าเสวียนอ๋องจะมาขัดขวางเหรอ?" ขนาดมู่เฟยหย่ายังดูออกเลยว่านางเบาใจไปมากกู้อวิ๋นซีไม่ได้ตอบคำถามนี้ความคิดของจวินเย่เสวียน ใครจะเดาออกกัน?สามวันก่อนหน้านี้เขาถูกนางทำให้โกรธจนกลับออกไป เสวียนอ๋องเป็นคนอารมณ์แปรปรวณ อีกทั้งยังรู้ว่านางตั้งใจจะให้คนในจวนแม่ทัพออกห่างจากความวุ่นวายนี้ดังนั้นการที่เขาจะขวางก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร"เรื่องนี้ข้าได้ปรึกษากับอาหลีแล้ว อาหลีเองก็เคยคิดวิธีรับมือ หากว่าเสวียนอ๋องตั้งใจจะขวาง อาหลีก็จะทำตามที่ข้าบอก"การที่จวินเย่เสวียนเก็บตัวเงียบแบบนี้ เป็นเรื่องที่เหนือการคาดหมายไปเหมือนกัน"วันนี้เจ้าช่วยข้าออกไปตามหาคุณชายมู่อีกครั้งเถอะ" จู่ๆ กู้อวิ๋นซีก็พูดขึ้นมา"หามาตั้งหลายวันแล้วยังไม่ได้ข
"อื้อ!"หมอนใบหนึ่งกระเด็นมาโดนที่หัวของมู่เฟยหย่าพอดิบพอดีมู่เฟยหย่าจึงทำได้เพียงแค่ต้องเงียบปากไปเท่านั้นแต่ในหัวสมองของนางยังคงมีภาพแผ่นหลังที่โดดเดี่ยวอ้างว้าง ราวกับถูกคนทั้งโลกละทิ้งของจวินเย่เสวียนตอนเดินจากไปวนเวียนอยู่ไม่หายนางรู้สึกปวดใจจริงๆ นะ!ก็ไม่รู้ว่าทำไมกู้อวิ๋นซีถึงใจร้ายได้แบบนี้กู้อวิ๋นซีในตอนนี้ นิ่งสงบราวกับผิวน้ำที่ไร้คลื่นความเจ็บปวดของเขา มันเทียบไม่ได้กับความเจ็บปวดของนางแม้เพียงสักหนึ่งส่วน มีอะไรให้น่าสงสารกัน?อีกอย่าง ต่อไปเสวียนอ๋องก็มีโอกาสอีกกว้างไกลในอนาคตแต่ตัวนางกับคนในจวนแม่ทัพกลับต้องตกอยู่ในสภาพที่ลำบากแค่สถานการณ์ของตัวนางเองในตอนนี้ก็ไม่มีสิทธิที่จะไปสงสารคนอื่นแล้ว"เอาล่ะ ข้าไม่พูดแล้ว แต่ว่า เจ้าไม่ใช่ต้องการจะแก้แค้นเหรอ? เหตุใดเจ้าถึงไม่ใช้เสวียนอ๋องกับหลีอ๋องมาต่อกรกับพระสนมหรงโดยตรงล่ะ?"ตอนนี้เป็นไง ทำให้เสวียนอ๋องโกรธจนจากไปแล้ว ต่อไปไม่ใช่ว่าจะมีศัตรูที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอีกคนอย่างนั้นเหรอ?กู้อวิ๋นซีได้แต่มองนางอย่างนิ่งสงบ "แล้วถ้าหากว่าเป็นเจ้า เจ้าจะทำอย่างไร?"มู่เฟยหย่าคิดสักพัก ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้นางแล้วพู
"ข้าชอบอาหลีหรือไม่ ข้าไม่รู้ แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ข้ารู้ได้ชัดเจน"กู้อวิ๋นซีเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา อย่างน้อย ครั้งนี้ก็เต็มไปด้วยความจริงใจ"จวินเย่เสวียน ข้าไม่รักท่านแล้ว""เจ้าคิดว่าข้าจะสนหรือยังไง?" น้ำเสียงของจวินเย่เสวียนที่พูดออกมาแทบจะแค้นมันออกมาจากซอกฟันอยู่แล้วถ้าเป็นในเวลาปกติ กู้อวิ๋นซีจะต้องกลัวแน่แต่ตอนนี้ ไม่รู้ทำไม จู่ๆ นางก็รู้สึกไม่กลัวแล้วจริงๆ"ทางที่ดีท่านอ๋องพูดแล้วก็ทำให้ได้ด้วย ไม่สน ต่อไปก็อย่ามารบกวนชีวิตของพวกเราสองสามีภรรยา"ใบหน้าเขาเรียบเฉย ดูแล้วจิตใจสงบนิ่งราวผิวน้ำแต่มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าคำพูดของกู้อวิ๋นซี เป็นเหมือนมีดเล่มหนึ่งที่ปักเข้าไปในหัวใจเขาอย่างจังลึกและแรงมาก!ประกายแสงเพียงน้อยนิดในดวงตาของเขา หายไปหมดแล้ว"กู้อวิ๋นซี เจ้าอย่าเสียใจทีหลังล่ะ!"...ในที่สุดเขาก็ไปแล้วกู้อวิ๋นซีนั่งลงไปบนพื้นอย่างอ่อนแรง หมดอาลัยตายอยากด้านนอกมีคนวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อนนางจับขอบเตียงเอาไว้เพื่อพยุงตัวเองขึ้นมาอย่างช้าๆเพิ่งจะลุกขึ้นมาได้ ก็เห็นจวินฉู่หลีที่วิ่งเข้ามาในห้องโถงด้วยสีหน้าที่ร้อนรน"ท่านพี่สี่เขา...""ไปแล้ว" กู้
การปรากฎตัวขึ้นของจวินเย่เสวียนเป็นอะไรที่กู้อวิ๋นซีคิดไม่ถึงมาก่อนตอนที่เห็นเงาร่างของเขาเดินเข้ามา นางก็รีบลุกขึ้นยืนอย่างตกใจ ก่อนจะถอยหลังไปหลายก้าวโดยสัญชาตญาณ"เจ้าคิดเหรอว่ามาหลบอยู่ที่ตำหนักของเสด็จย่าแล้วจะสามารถหลบข้าพ้น?"สายตาเย็นเยียบของจวินเย่เสวียนจับจ้องไปที่ร่างกายของนางตรงๆ"ให้คนของจวนแม่ทัพย้ายไปที่เมืองฝาน เพื่อจะได้รอดพ้นจากขอบเขตอำนาจของข้าก็คิดว่าจะสามารถไปไหนก็ได้แล้วอย่างนั้นเหรอ?""ก็แค่พวกมดแมลงตัวเล็กๆ ที่ต้องการรักษาชีวิตเท่านั้น ท่านอ๋อง ท่านต้องการปกป้องครอบครัวของท่าน ข้าก็ต้องการให้ครอบครัวของข้าได้มีชีวิตต่อไป เหตุใดท่านอ๋องถึงไม่ยอมปล่อยพวกเขาไปล่ะ?"กู้อวิ๋นซียังคงเดินถอยหลังอยู่ ไม่ทันระวังก็เลยเดินถอยไปจนถึงเตียงนอน จนไม่อาจถอยหลังได้อีก"ท่านอ๋อง คนที่ท่านแค้นคือข้า ไม่เกี่ยวกับพวกเขา ท่านอ๋องจะสามารถปล่อยให้พวกเขาได้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้หรือไม่?"ถึงแม้ฝีเท้าของจวินเย่เสวียนจะดูเอื่อยเฉื่อย แต่เพียงไม่นานเขาก็เดินมาอยู่ตรงหน้าของนางแล้ว"ดังนั้น ทั้งๆ ที่เมื่อคืนเจ้ายังพูดว่าต้องการผู้ชายที่แข็งแกร่งยิ่งใหญ่แบบข้าในอ้อมแขนของข้า แต่คืนนี