คำพูดของจวินเย่เสวียน ทำให้กู้อวิ๋นซีรู้สึกเครียดทันที เผลอใช้มือลูบไปที่ช่วงเอวอย่างไม่รู้ตัวจวินเย่เสวียนกลับหัวเราะแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า "วิธีการเดียวกัน เจ้าคิดว่าข้าจะให้เจ้าทำสำเร็จได้อีกอย่างนั้นเหรอ? หากว่าเจ้ากล้าหยิบมีด ข้ารับรองกับเจ้าได้เลยว่า ของที่มีดของเจ้าจะตัดได้ก็คือเสื้อผ้าของเจ้าแน่นอน!"มือที่แตะอยู่ตรงช่วงเอวของกู้อวิ๋นซี ถูกเก็บกลับไปอย่างรวดเร็ว"ข้าไม่มีความอดทนมากมายขนาดนั้น มานี่!" เขาพูดเสียงเข้มกู้อวิ๋นซีก็รีบสาวเท้าเข้าไปทันทีอย่างไม่รู้ตัวราวกับโดนของพูดได้เพียงว่า ตอนที่เสวียนอ๋องพูดด้วยน้ำเสียงเข้มๆ มันช่างน่ากลัวเหลือเกิน"ในเมื่อท่านรู้ว่าข้าไม่ได้ใส่ยา ก็ไม่ควรจะโกรธแล้วไม่ใช่เหรอ?"ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดจึงต้องเรียกให้นางมาที่นี่อีก ทำราวกับต้องการจะหาเรื่องนางอย่างนั้น?"ข้าเดาว่าเจ้าเองคงสับสนระหว่างจะทำหรือไม่ทำหลายครั้งแน่"ดังนั้น เขาเองก็มีหลายครั้งที่เกือบจะถูกนางวางแผนทำสำเร็จ ไม่ใช่เหรอ?เมื่อคิดเช่นนี้ ขนาดเสวียนอ๋องที่สูงส่งเย็นชาไม่สนใครก็ยังรู้สึกไร้เรี่ยวแรงเลยหากวันใดวันหนึ่งเด็กคนนี้ต้องการชีวิตของเขาขึ้นมา ก็คงจะ
"องค์ชายสี่...""ถ้าไม่อ่านก็ถอด..."เลือกมาสักอย่าง! เดี๋ยวจะหาว่าเขาเผด็จการไม่ให้สิทธิ์นางได้เลือก!กู้อวิ๋นซีมองค้อนเขาไปอย่างโกรธๆ นี่เรียกว่าให้สิทธิ์เลือกเหรอ?น่าเสียดายที่จวินเย่เสวียนก็ยังคงหลับตาพักผ่อนอยู่ ต่อให้นางจะมองค้อนจนตาแทบถลน ก็ไม่ส่งผลกระทบอะไรกับเขาอยู่ดีกู้อวิ๋นซีทำใจสงบนิ่งลง ก่อนจะพูดต่อเสียงเบาๆ "จดหมายฉบับนี้ หน่วยสิบสองส่งข่าวมาบอกว่า...พบหลักฐานการแอบสร้างอาวุธของเจิ้งอ๋องบริเวณเทือกเขาอี๋หลิน"จวินเย่เสวียนเบิกตาขึ้นกู้อวิ๋นซีรีบปิดปากทันทีแล้วมองไปที่เขาถ้าหากบอกว่าเสวียนอ๋องในตอนปิดตาดูเกียจคร้านและเงียบสงบแล้วเช่นนั้นเขาในตอนเปิดตาก็ดูโหดเหี้ยมและเย็นชาแววตาของเขาปรากฎร่องรอยของความไม่พอใจ ทำให้กู้อวิ๋นซีรู้สึกเกร็งเครียดในใจในหนานหลิงของพวกเขาไม่อนุญาตให้มีการแอบสร้างโรงงานผลิตอาวุธแน่นอนว่า พวกร้านค้าเล็กๆ สามารถทำได้ ดาบ กระบี่ ธนู หอก มีอยู่มากมายในเมือง ร้านประเภทนี้ราชสำนักไม่สนใจแต่ถ้าเป็นเรื่องที่คนในหน่วยสิบสองหยิบยกขึ้นมาพูดถึงโดยเฉพาะแล้ว เรื่องนั้นจะต้องไม่ธรรมดาแน่นอนยิ่งไม่ต้องพูดถึง สร้างอยู่ในเทือกเขาอี๋หลินด้วยแล
"อื้อออ" กู้อวิ๋นซีขัดขืนขึ้นทันทีมือที่วางอยู่บนร่างกายของจวินเย่เสวียน พยายามออกแรงผลัก แต่ก็ไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่นิดเดียวลมหายใจเผด็จการของเขา ปิดผนึกปากนางอย่างรวดเร็วคางของนางยังคงถูกเขาบีบรัดอยู่ ริมฝีปากของนางไม่สามารถมีที่ให้หนีได้ไม่นาน ขนาดริมฝีปากอ่อนนุ่มก็ยังสละอาวุธยอมศิโรราบ ไม่อาจต้านทานการรุกรานที่รุนแรงของเขาได้ถูกเขาบุกเข้ามาด้านในมือน้อยๆ คู่นั้นยังคงดันอยู่ที่หน้าอกของเขา เพียงแต่แรงที่ผลักออกไปค่อยๆ อ่อนลงก็เท่านั้นลมหายใจของเขาหนักหน่วงทุกครั้งที่หายใจกลิ่นอำพันบนร่างกายก็โอบรัดนางไว้อย่างแน่นหนาบอกไม่ถูกเหมือนกันว่าเป็นกลิ่นอย่างไร แต่ว่ามันก็หอมอย่างประหลาดในหัวของกู้อวิ๋นซี กลายเป็นสีขาวโพลนอย่างรวดเร็วทั้งๆ ที่รู้สึกได้ว่ามือของเขาเริ่มทำหน้าที่ซุกซนบนร่างกายของนางอีกแล้ว แต่นางก็ไม่มีแรงที่จะปฏิเสธเขาได้เลยนางใช้มือกดข้อมือของเขาเอาไว้ แต่กลับไม่รู้ว่าต้องการจะผลักเขาออกหรือดึงเขาเข้าหาตัวเองกันแน่เป็นอารมณ์ที่ขัดแย้งกันอย่างมากร่างกายร้อนผ่าว แต่จิตใจกลับยิ่งเย็นยะเยือกขึ้นทุกที"เจ้าตัวเล็ก แลบลิ้นออกมาให้ข้าได้ชิมหน่อยสิ"น้
นางนอนกับจวินเย่เสวียน!ไม่รู้เหมือนกันว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไร ยิ่งไม่รู้ว่าก่อนที่จะหลับไป พวกเขากำลังทำอะไรอยู่กันแน่สรุปก็คือ ตอนนี้ทั้งคู่ กำลังนอนเอกขเนกกันอยู่บนเตียงด้วยเสื้อผ้าที่ไม่เรียบร้อย มือข้างหนึ่งของเขายังคงประทับอยู่บนหน้าอกของนางแม้แต่ในความฝันก็ยังอาจหาญเพียงนี้!กู้อวิ๋นซีตกใจจนความง่วงงุนหายไปเป็นปลิดทิ้ง รู้สึกตัวได้สติขึ้นมาในทันทีจวินเย่เสวียนกลับยังหลับสนิทอยู่กู้อวิ๋นซีค่อยๆ ดึงมือของเขาออกจากระมัดระวัง จากนั้นค่อยๆ ย่องลงจากเตียงของเขาไม่ได้สนใจว่าเสื้อผ้าของตัวเองจะเรียบร้อยหรือไม่ นางจัดเสื้อผ้าของตัวเองไปพลางก็รีบหนีออกไปจากห้องของเขาพลางรู้สึกเจ็บตรงหน้าอกมาก ก็ไม่รู้เหมือนกับว่าคนสารเลวนั่นเมื่อคืนนี้ทำอะไรกับนางไปบ้างถึงอย่างไรด้านบนก็ยังมีรอยประทับจากนิ้วมือของเขาหลงเหลืออยู่ บวมๆ รู้สึกเจ็บๆหลังจากออกจากห้องนอนของเสวียนอ๋อง กู้อวิ๋นซีก็วิ่งก้มหน้าไปตลอดทาง ราวกับกำลังหนีกลับหอหนิงซีของตัวเองนางไม่รู้ว่าวันนั้นจะมีคนนำเอาข่าวเรื่องนี้ไปบอกให้พระสนมหรงรู้"ดังนั้น เสวียนเออร์ของข้าก็ไม่ได้ถูกวางยา แต่ผู้หญิงคนนั้นกลับเสนอ
อันเซี่ยตกใจจนสติสตังกระเกิดกระเจิง รีบเข้าไปดึงมือของกู้อวิ๋นซีออกมาทันทีแต่กู้อวิ๋นซีกลับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า "อย่า...แตะต้องข้า อย่า..."นางดึงมือตัวเองกลับมา แล้วปิดกรงกลับไปเช่นเดิมก้าวถอยหลังมาสองก้าว ฝีเท้าสับสน ร่างกายเริ่มจะโงนเงนอันเซี่ยยกมือของนางขึ้นมาดู ที่หลังมือมีแผลอยู่สองรอยจริงๆ แผลนั้นเป็นสีดำสนิทคุณหนูถูกพิษแล้ว!อันเซี่ยกำลังจะวิ่งออกไปทันทีแต่กู้อวิ๋นซีกลับดึงตัวนางไว้ "อย่าไป..."แต่นางคิดไม่ถึงว่าตอนนี้ตัวเองจะอ่อนแอถึงเพียงนี้ดึงอันเซี่ยไว้ แต่กลับถูกอันเซี่ยลากไปข้างหน้าจนล้มโครมลงไปบนพื้นอันเซี่ยรีบเข้าไปพยุงนางทันที "คุณหนู ท่านไม่ต้องกลัว ข้ารู้ว่าในจวนอ๋องมีหมอเทวดาอยู่ท่านหนึ่งชื่อว่าหลานโจว! ข้าจะไปขอร้องเสวียนอ๋องเดี๋ยวนี้ ให้ท่านหลานโจวมาช่วยถอนพิษให้กับท่าน""ไม่...ต้อง ข้า...กินยาถอนพิษไว้แล้ว"กู้อวิ๋นซีเหงื่อนเย็นออกไปทั่วร่าง ตอนนี้ร่างกายแทบจะไม่มีแรงหลงเหลืออยู่แล้ว แต่นางก็ยังดึงเสื้อของอันเซี่ยไว้แล้วพูดด้วยเสียงแหบพร่า"อย่าไป ข้า...ข้าจงใจทำเอง ข้าต้องการ...ปรุง...ซีรั่ม""คุณหนู!" อันเซี่ยไม่เข้าใจว่าซีรั่มคืออ
"เสด็จแม่จะให้ข้าย้ายไปอยู่ที่เขาชิงไถหรือเพคะ?" แววตาของกู้อวิ๋นซีไหวระริกน้อยๆพระสนมหรงจับจ้องสีหน้าของนางเป็นพิเศษ แต่ก็ไม่เห็นร่อยรอยความประหลาดใจสักเท่าไรก็เพียงแค่สีหน้าดูแย่นิดหน่อย น้ำเสียงก็แหบแห้งนิดหน่อยเท่านั้นนอกจากนั้นก็ไม่มีอะไรผิดปกติเลยเด็กคนนี้ คิดไว้อยู่แล้วอย่างนั้นเหรอ?"หลีเออร์จะไปอยู่กับเจ้าด้วย เขาชิงไถอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี พวกเจ้าก็ไปอยู่กันที่เขาชิงไถสักระยะ หลีเออร์จะได้รักษาตัวด้วย ซีเออร์ เจ้ามีความเห็นอย่างไรบ้าง?"เขาชิงไถเป็นสถานที่พักผ่อนชั้นดีของคนในราชวงศ์ ถ้าพูดแบบไม่น่าฟังก็คือคนที่ฐานะไม่สูงพอก็ไม่มีสิทธิ์ไปได้สถานที่นั้น เป็นสถานที่ที่ดีจริงๆแต่กู้อวิ๋นซีกลับมีแผนเป็นของตัวเองหลายวันนี้ นางจำเป็นต้องใช้ร่างกายของตัวเองเพื่อปรุงยา ในเวลานี้ ถ้าได้อยู่ในสถานที่เงียบสงบก็เป็นตัวเลือกที่ดีไม่น้อยนางพยักหน้าตกลงทันที "ขอเพียงเป็นเรื่องที่ดีต่ออาหลี ลูกย่อมยินดีที่จะทำอยู่แล้วเพคะ เสด็จแม่ ลูกจะไปจัดการเก็บสัมภาระเดี๋ยวนี้เลย พรุ่งนี้เช้าจะออกเดินทางไปเขาชิงไถกับอาหลีทันที"พระสนมหรงคิดไม่ถึงเลยว่านางจะตอบรับได้รวดเร็วเช่นนี้บทพู
ถึงอย่างไรกู้อวิ๋นซีก็ถือว่าเป็นนายหญิงของจวนเสวียนอ๋องเหมือนกันประตูห้องถูกคนผลักออกอย่างไร้มารยาทเช่นนี้ เท่าที่จำได้นี่ก็เป็นครั้งที่สองแล้วปกติ บ่าวรับใช้ต่างให้ความเคารพนางกันทั้งสิ้น"แม่เฒ่าชิง..." อันเซี่ยตกใจตัวโยน รีบวางข้าวของในมือลงแล้วเข้าไปต้อนรับทันที"แม่เฒ่า ดึกดื่นป่านนี้ มาหาคุณหนูของข้าด้วยเรื่องอะไรหรือเจ้าคะ?""ไม่มีอะไร ก็แค่มีเรื่องจะกำชับแค่ไม่กี่ประโยคเท่านั้น"ฉับพลันแม่เฒ่าชิงก็ดึงตัวนาง โยนออกไปที่นอกประตูแม่เฒ่าชิงผู้นี้ เป็นคนที่เคยเรียนวรยุทธ์มาจริงๆ แรงดีเหลือเกิน!อันเซี่ยไม่ทันระวังก็เลยถูกนางจับโยนออกไปอย่างนี้เพิ่งจะออกไปก็มีทหารองครักษ์สองนายเดินเข้ามา คนหนึ่งซ้ายคนหนึ่งขวา คุมตัวนางเอาไว้"นี่พวกเจ้าทำอะไรเนี่ย? ปล่อยข้านะ! คะ...อื้อ! อื้ออ..."กู้อวิ๋นซีวางกล่องยาลง มองดูแม่เฒ่าชิงที่กำลังเดินเข้ามาหาตัวเองไม่ไกล "แม่เฒ่า นี่เจ้าหมายความว่ายังไงกัน? อันเซี่ยไปทำความผิดอะไรมาอย่างนั้นเหรอ?""เด็กนั่นไม่ได้ทำผิดอะไร เพียงแต่มีมาเรื่องที่บ่าวอยากจะพูดกับพระชายาแค่สองคน เด็กนั่นอยู่ด้วยจะเกะกะเปล่าๆ"แม่เฒ่าชิงหันหน้ากลับไปมองหนึ่งที
กู้อวิ๋นซีมองน้ำแกงบุตรหลานในมือของแม่เฒ่าชิงถึงแม้สีหน้าจะแสดงออกว่ายังใจเย็นสงบนิ่ง แต่จริงๆ มือที่ถูกซ่อนอยู่ใต้แขนเสื้อได้กำแน่นไปเรียบร้อยแล้วที่ฝ่ามือ เปียกชื้นไปด้วยเหงื่อเย็นวันนี้นางใช้ร่างกายตัวเองเพื่อปรุงยาพิษ ตอนนี้ในร่างกายยังมีสารพิษที่ยังตกค้างอยู่ช่วงพลบค่ำแต่งหน้าไปเล็กน้อยเพื่อให้สีหน้าของตัวเองไม่ดูขาวซีดถึงเพียงนั้น ฝืนลากสังขารตัวเองไปพบพระสนมหรงนี่ก็แทบจะใช้กำลังกายทั้งหมดที่นางมีไปหมดแล้วตอนนี้กลับมา คิดจะเก็บของง่ายๆ สักหน่อยจากนั้นก็จะนอนพักถ้าไม่พักรักษาตัวดีๆ พิษร้ายแรงของงูพิษอาจจะส่งผลร้ายย้อนกลับได้ทุกเมื่อ!แต่ในตอนนี้ แม่เฒ่าชิงกับพระสนมหรงยังไม่คิดที่จะปล่อยนางไปหากว่าน้ำแกงบุตรหลานชามนี้เข้าไปในท้องของนาง ก็ยังไม่รู้ว่าจะเกิดปฏิกริยาตอบสนองอะไรกับพิษงูในร่างกายของนางบ้างนางไม่อาจเสี่ยงอันตรายได้เด็ดขาด อาจจะตายได้ทุกเมื่อ"พระชายา?" แม่เฒ่าชิงขมวดคิ้ว แล้วเดินเข้ามาข้างหน้าอีกสองก้าว ตอนนี้ตัวนางได้เดินมาถึงตรงหน้าของกู้อวิ๋นซีแล้ว"พระชายา เหตุใดจึงแสดงสีหน้าไม่ยินยอมเช่นนั้น? หรือว่า ที่ท่านกับหลีอ๋องมีท่าทีรักกันเช่นนี้ ล้วนเป็
"ท่านอ๋อง ข้าต้องการยาเล็กน้อย อีกทั้งเหล้ากาหนึ่ง" กู้หรูชิวกล่าวจวินเย่เสวียนโบกมือหนึ่งที ความจริงเยียนเป่ยไม่ยินยอม แต่สุดท้ายเขาก็ไปเตรียมของมาให้กู้หรูชิวอย่างรวดเร็วกู้หรูชิวเดินไปอยู่ตรงหน้าของหลานโจว พูดอย่างอ่อนโยนว่า "คุณชายท่านนี้ ขออภัยด้วย"ที่ขมับของหลานโจวมีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นมาเยี่ยนอีกำมือแน่น แต่ก็ได้แต่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่ได้พูดอะไรเยียนเป่ยร้อนใจ "ท่านอ๋อง หลานโจวติดตามข้างกายท่านมาสิบกว่า สิบกว่าปี เขา..."จวินเย่เสวียนไม่ได้พูดอะไร ได้แต่มองด้วยสายตาเย็นชากู้หรูชิวบดยาหลายชนิดให้กลายเป็นผงแล้วใส่ลงไปในเหล้าหลานโจวรู้ว่านั่นเป็นยาที่ทำให้เขาขาดสติ โดยส่วนมากไว้ใช้สำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ เพื่อลดความเจ็บปวดของร่างกายเขาไม่รู้เลยว่ายาพวกนี้เมื่อเอามาผสมกับเหล้าแรงจะสามารถดึงวิญญาณของคนๆ หนึ่งได้แต่เมื่อทั้งสองชนิดผสมเข้าด้วยกัน ก็สามารถทำให้คนๆ หนึ่งมีสติเลือนลาน ช้าเชือนได้จริงๆ!เมื่อเห็นว่ากู้หรูชิวผสมยากับเหล้าเข้ากันดีแล้ว เดินถือมาอยู่ตรงหน้าของตัวเอง หลานโจวก็ได้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดอย่างสงบว่า "ท่านอ๋อง เป็นกระหม่อมที่เอายาพิษรุนแรง
ไม่รอให้หลานโจวได้เอ่ยปาก หมอคนนั้นก็พูดขึ้นว่า "จะไม่มีปัญหาได้อย่างไร? ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นดื่มยาพิษอะไรเข้าไป ซึ่งเป็นการทำร้ายเด็กในท้องตั้งนานแล้ว"เมื่อหมอคิดไปถึงสีหน้าของผู้หญิงคนนั้นในตอนนั้น ก็อดที่จะสงสารไม่ได้"ผู้หญิงคนนั้นจะต้องรักลูกในท้องของนางมากแน่ ข้าน้อยแนะนำให้นางรีบตัดสินใจ อะ เอาเด็กออก..."เมื่อรับรู้ได้ถึงสายตาของเสวียนอ๋อง ที่จู่ๆ ก็เย็นเยียบขึ้นมา หมอคนนั้นก็หวาดกลัวจนตัวสั่น ฉับพลันไม่รู้ว่าควรจะพูดต่อไปหรือไม่แต่ก็เป็นจวินเย่เสวียนที่พูดออกมาประโยคหนึ่งอย่างเย็นชา "พูดต่อ!"หมอคนนั้นถึงได้พูดต่อไปอย่างกลัวๆ กล้าๆ "ข้าน้อยคิดเพื่อร่างกายของผู้หญิงคนนั้นเองถึงได้แนะนำให้ดื่มยาขับเลือด แต่ผู้หญิงคนนั้นไม่ยินยอม ข้าน้อยรู้ว่านางยังแอบมีความหวังอยู่"สายตาของจวินเย่เสวียนมองไปยังร่างของหลานโจวหลานโจวรู้สึกสิ้นหวังมากเขารู้อยู่แล้วว่าสักวัน วันนี้ก็จะต้องมาถึงแต่แค่คิดไม่ถึงว่ามันจะมาเร็วขนาดนี้"มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?" ในที่สุดเยียนเป่ยก็ทนไม่ไหวเขาเชื่อใจหลานโจวขนาดนั้น แต่ทำไมตอนนี้ หลานโจว...ดูเหมือนว่าหลานโจวกำลังปกปิดอะไรไว้อยู่จริงๆ
"เสวียนเออร์ เจ้า...เจ้าพูดเรื่องเหลวไหลอะไร? ข้าจะไปทำอะไรนางได้? นางอยู่ในการคุ้มครองของเจ้าตลอดเวลานะ!"พระสนมหรงรู้สึกละอายใจ แต่ก็พยายามรักษาจิตใจให้สงบนิ่งนางปล่อยมือที่จับชายเสื้อของจวินเย่เสวียนเอาไว้ แล้วก้าวถอยหลังไปสองก้าวเริ่มรู้สึกหวาดกลัวลูกชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ขึ้นมาอย่างประหลาด"เสวียนเออร์ เจ้าลืมความเจ็บปวดของเจ้าได้เร็วขนาดนี้เชียวเหรอ? นางเป็นคนฆ่า...ของเจ้าเองกับมือเพื่อช่วยหลีเออร์นะ...""ลูก" คำนี้พระสนมหรงไม่กล้าที่จะพูดมันออกไปรอบข้างมีทั้งขันทีและนางกำนัลมากมายแต่นางรู้ดีว่าลูกชายของนางเข้าใจจริงดังนั้น ประโยคนี้ทำให้จวินเย่เสวียนกำหมัดแน่นทีเดียวเขาไม่อาจทำใจยอมรับเรื่องนี้ได้!โชคดีที่หลังจากกลับมา นางได้พบกับมู่อันหนิงแล้ว และได้คุยกับเรื่องคำที่จะพูดแล้วมู่อันหนิงช่างรู้งานจริงๆ!หากว่าไม่มีมู่อันหนิง พระสนมหรงเองคนเดียวคงไม่อาจจัดการเรื่องให้ดีได้เช่นนี้"เสวียนเออร์ แม่ก็แค่สงสารเจ้า หรือว่าเจ้าไม่คิดแค้นนาง...""นางช่วยลูกชายสุดที่รักของท่านไว้ แต่ท่านกลับ แค้นนาง?"จวินเย่เสวียนหรี่ตาลง ฉับพลันก็เดินขึ้นไปข้างหน้าพระสนมหรงตกใจจ
"เจ้า..."พระสนมหรงคิดไม่ถึงเลยว่ากู้อวิ๋นซีจะกล้ายอมรับออกมาจริงๆ!นางทำไปเพื่อแก้แค้นนางจริงๆ!แถมนางยังคิดจะให้ลูกชายทั้งสองคนของนางกลายเป็นศัตรู ฆ่ากันเอง!พระสนมหรงโมโหจนตัวสั่น แต่กู้อวิ๋นซีกลับใช้ดวงตาคู่โตชุ่มชื้นนั้นมองมาที่นางด้วยสายตาที่ไร้เดียงสาอย่างเดิมรอยยิ้มที่มุมปากเหมือนจะอ่อนโยน แต่คำพูดที่ออกมากลับเย็นชาสุดขีด"เสด็จแม่ ข้าเกือบจะถูกท่านฆ่าตายแล้ว หากว่าข้าไม่ทำให้ลูกชายทั้งสองของท่านตายไปบ้าง ข้าจะทำใจเรื่องความแค้นนี้ได้อย่างไร?""นังแพศยา เจ้ากล้า!"พระสนมหรงโมโหจนเสียสติ ยกมือขึ้นมาอย่างเร็ว และกำลังจะตบลงไปบนหน้าของกู้อวิ๋นซีอย่างแรงที่น่าแปลกก็คือ การต้องเผชิญกับฝ่ามือของตัวเอง กู้อวิ๋นซีไม่เพียงไม่คิดหลบ แต่ยังกลับยิ้มออกมาอย่างสะใจพระสนมหรงตกใจ จู่ๆ ก็เข้าใจได้ทันทีว่าตัวเองโดนหลอกแล้ว!แต่แรงตบที่นางอ้างออกไปมันไม่สามารถเก็บกลับได้ทันแล้ว ฝ่ามือนี้ในที่สุดก็จบลงไปบนหน้าของกู้อวิ๋นซีอย่างแรงเพราะว่าแรงมาก กู้อวิ๋นซีถึงได้ล้มลงไปนั่งกองอยู่บนพื้นทันทีตาลายไปหมด ลุกขึ้นมาไม่ได้เลย"ซีเออร์!" เงาของสองร่างปรากฎออกมาในทันทีตอนที่จวินฉู่หลีช่
ความจริงแล้วพระสนมหรงไม่เคยคิดเลยว่าหลังจากที่กลับมาจะยังเจอหน้าผู้หญิงคนนี้อีกตอนนั้นที่นางจากมา กู้อวิ๋นซีนอนคว่ำหน้าอยู่ข้างเตียง ปากก็กระอักเลือดสีดำ ลมหายใจรวยรินถึงแม้นางจะมีความสงสารอยู่บ้าง แต่เมื่อคิดถึงว่าลูกชายของตัวเองทังสองคนจะต้องผิดใจกันเพราะผู้หญิงคนนี้ นางก็ใจแข็งได้อีกครั้งวันนั้นที่ออกคำสั่งไม่ให้มีใครมา จริงๆ แล้วไม่ใช่ความปรารถนาของมู่อันหนิงแค่คนเดียวแต่เป็นความอนุญาตกลายๆ ของพระสนมหรงอีกด้วยเพียงแค่มู่อันหนิงนับว่ายังดีอยู่บ้างที่รับจบเรื่องนี้เอาไว้เอง ไม่ได้ทำให้ลูกชายทั้งสองของนางเกลียดนางด้วยเรื่องนี้ ทำให้ท่าทีที่พระสนมหรงมีต่อมู่อันหนิงก็ยิ่งดีขึ้นอีกเดิมคิดว่าหลังจากสามเดือนผ่านไป ตอนที่กลับมากู้อวิ๋นซีก็คงจะตายไปนานแล้ว และด้วยระยะเวลาที่ยาวนานนี้ ลูกชายทั้งสองของนางก็คงทำใจเรื่องผู้หญิงคนนี้ไปได้แล้วถึงตอนนั้น หลีเออร์ก็จะมีชีวิตใหม่ ส่วนเสวียนเออร์ นางเองก็ชอบมู่อันหนิงถ้าจะให้มู่อันหนิงมาเป็นพระชายาของเสวียนอ๋อง นางก็พอใจอย่างมากสรุปก็คือมันจะต้องเป็นการจบเรื่องที่สมบูรณ์แบบแต่นางคิดไม่ถึงเลยว่ากู้อวิ๋นซีไม่เพียงไม่ตาย แต่ยังกล้าท
สองวันต่อจากนั้น กู้อวิ๋นซีก็พักอยู่ที่ตำหนักของไทเฮาตลอดสองวันนี้จวินฉู่หลียุ่งมากด้านหนึ่งก็ยุ่งเรื่องการก่อสร้างจวนหลีอ๋อง อีกด้านหนึ่งก็ยุ่งเรื่องการย้ายไปประจำการที่เมืองฝานกู้อวิ๋นซีได้พักผ่อนอยู่สองวัน พอถึงเช้าตรู่วันที่สาม ในที่สุดก็ได้รับข่าวดี"คนในจวนแม่ทัพออกนอกเมืองไปแล้วเหรอ?"ข่าวนี้ทำให้นางอารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูกไปทั้งวัน"เจ้ากังวลว่าเสวียนอ๋องจะมาขัดขวางเหรอ?" ขนาดมู่เฟยหย่ายังดูออกเลยว่านางเบาใจไปมากกู้อวิ๋นซีไม่ได้ตอบคำถามนี้ความคิดของจวินเย่เสวียน ใครจะเดาออกกัน?สามวันก่อนหน้านี้เขาถูกนางทำให้โกรธจนกลับออกไป เสวียนอ๋องเป็นคนอารมณ์แปรปรวณ อีกทั้งยังรู้ว่านางตั้งใจจะให้คนในจวนแม่ทัพออกห่างจากความวุ่นวายนี้ดังนั้นการที่เขาจะขวางก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร"เรื่องนี้ข้าได้ปรึกษากับอาหลีแล้ว อาหลีเองก็เคยคิดวิธีรับมือ หากว่าเสวียนอ๋องตั้งใจจะขวาง อาหลีก็จะทำตามที่ข้าบอก"การที่จวินเย่เสวียนเก็บตัวเงียบแบบนี้ เป็นเรื่องที่เหนือการคาดหมายไปเหมือนกัน"วันนี้เจ้าช่วยข้าออกไปตามหาคุณชายมู่อีกครั้งเถอะ" จู่ๆ กู้อวิ๋นซีก็พูดขึ้นมา"หามาตั้งหลายวันแล้วยังไม่ได้ข
"อื้อ!"หมอนใบหนึ่งกระเด็นมาโดนที่หัวของมู่เฟยหย่าพอดิบพอดีมู่เฟยหย่าจึงทำได้เพียงแค่ต้องเงียบปากไปเท่านั้นแต่ในหัวสมองของนางยังคงมีภาพแผ่นหลังที่โดดเดี่ยวอ้างว้าง ราวกับถูกคนทั้งโลกละทิ้งของจวินเย่เสวียนตอนเดินจากไปวนเวียนอยู่ไม่หายนางรู้สึกปวดใจจริงๆ นะ!ก็ไม่รู้ว่าทำไมกู้อวิ๋นซีถึงใจร้ายได้แบบนี้กู้อวิ๋นซีในตอนนี้ นิ่งสงบราวกับผิวน้ำที่ไร้คลื่นความเจ็บปวดของเขา มันเทียบไม่ได้กับความเจ็บปวดของนางแม้เพียงสักหนึ่งส่วน มีอะไรให้น่าสงสารกัน?อีกอย่าง ต่อไปเสวียนอ๋องก็มีโอกาสอีกกว้างไกลในอนาคตแต่ตัวนางกับคนในจวนแม่ทัพกลับต้องตกอยู่ในสภาพที่ลำบากแค่สถานการณ์ของตัวนางเองในตอนนี้ก็ไม่มีสิทธิที่จะไปสงสารคนอื่นแล้ว"เอาล่ะ ข้าไม่พูดแล้ว แต่ว่า เจ้าไม่ใช่ต้องการจะแก้แค้นเหรอ? เหตุใดเจ้าถึงไม่ใช้เสวียนอ๋องกับหลีอ๋องมาต่อกรกับพระสนมหรงโดยตรงล่ะ?"ตอนนี้เป็นไง ทำให้เสวียนอ๋องโกรธจนจากไปแล้ว ต่อไปไม่ใช่ว่าจะมีศัตรูที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอีกคนอย่างนั้นเหรอ?กู้อวิ๋นซีได้แต่มองนางอย่างนิ่งสงบ "แล้วถ้าหากว่าเป็นเจ้า เจ้าจะทำอย่างไร?"มู่เฟยหย่าคิดสักพัก ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้นางแล้วพู
"ข้าชอบอาหลีหรือไม่ ข้าไม่รู้ แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ข้ารู้ได้ชัดเจน"กู้อวิ๋นซีเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา อย่างน้อย ครั้งนี้ก็เต็มไปด้วยความจริงใจ"จวินเย่เสวียน ข้าไม่รักท่านแล้ว""เจ้าคิดว่าข้าจะสนหรือยังไง?" น้ำเสียงของจวินเย่เสวียนที่พูดออกมาแทบจะแค้นมันออกมาจากซอกฟันอยู่แล้วถ้าเป็นในเวลาปกติ กู้อวิ๋นซีจะต้องกลัวแน่แต่ตอนนี้ ไม่รู้ทำไม จู่ๆ นางก็รู้สึกไม่กลัวแล้วจริงๆ"ทางที่ดีท่านอ๋องพูดแล้วก็ทำให้ได้ด้วย ไม่สน ต่อไปก็อย่ามารบกวนชีวิตของพวกเราสองสามีภรรยา"ใบหน้าเขาเรียบเฉย ดูแล้วจิตใจสงบนิ่งราวผิวน้ำแต่มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าคำพูดของกู้อวิ๋นซี เป็นเหมือนมีดเล่มหนึ่งที่ปักเข้าไปในหัวใจเขาอย่างจังลึกและแรงมาก!ประกายแสงเพียงน้อยนิดในดวงตาของเขา หายไปหมดแล้ว"กู้อวิ๋นซี เจ้าอย่าเสียใจทีหลังล่ะ!"...ในที่สุดเขาก็ไปแล้วกู้อวิ๋นซีนั่งลงไปบนพื้นอย่างอ่อนแรง หมดอาลัยตายอยากด้านนอกมีคนวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อนนางจับขอบเตียงเอาไว้เพื่อพยุงตัวเองขึ้นมาอย่างช้าๆเพิ่งจะลุกขึ้นมาได้ ก็เห็นจวินฉู่หลีที่วิ่งเข้ามาในห้องโถงด้วยสีหน้าที่ร้อนรน"ท่านพี่สี่เขา...""ไปแล้ว" กู้
การปรากฎตัวขึ้นของจวินเย่เสวียนเป็นอะไรที่กู้อวิ๋นซีคิดไม่ถึงมาก่อนตอนที่เห็นเงาร่างของเขาเดินเข้ามา นางก็รีบลุกขึ้นยืนอย่างตกใจ ก่อนจะถอยหลังไปหลายก้าวโดยสัญชาตญาณ"เจ้าคิดเหรอว่ามาหลบอยู่ที่ตำหนักของเสด็จย่าแล้วจะสามารถหลบข้าพ้น?"สายตาเย็นเยียบของจวินเย่เสวียนจับจ้องไปที่ร่างกายของนางตรงๆ"ให้คนของจวนแม่ทัพย้ายไปที่เมืองฝาน เพื่อจะได้รอดพ้นจากขอบเขตอำนาจของข้าก็คิดว่าจะสามารถไปไหนก็ได้แล้วอย่างนั้นเหรอ?""ก็แค่พวกมดแมลงตัวเล็กๆ ที่ต้องการรักษาชีวิตเท่านั้น ท่านอ๋อง ท่านต้องการปกป้องครอบครัวของท่าน ข้าก็ต้องการให้ครอบครัวของข้าได้มีชีวิตต่อไป เหตุใดท่านอ๋องถึงไม่ยอมปล่อยพวกเขาไปล่ะ?"กู้อวิ๋นซียังคงเดินถอยหลังอยู่ ไม่ทันระวังก็เลยเดินถอยไปจนถึงเตียงนอน จนไม่อาจถอยหลังได้อีก"ท่านอ๋อง คนที่ท่านแค้นคือข้า ไม่เกี่ยวกับพวกเขา ท่านอ๋องจะสามารถปล่อยให้พวกเขาได้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้หรือไม่?"ถึงแม้ฝีเท้าของจวินเย่เสวียนจะดูเอื่อยเฉื่อย แต่เพียงไม่นานเขาก็เดินมาอยู่ตรงหน้าของนางแล้ว"ดังนั้น ทั้งๆ ที่เมื่อคืนเจ้ายังพูดว่าต้องการผู้ชายที่แข็งแกร่งยิ่งใหญ่แบบข้าในอ้อมแขนของข้า แต่คืนนี