เมื่อเกาเล่อส่งจดหมายเหล่านี้ออกไป ใช้เวลาเพียงครึ่งวันเท่านั้น หลายคนก็ได้รับแล้ว!เมื่อวังไห่เทียนอ่านจดหมายนี้ ใบหน้าของเขาก็มืดมนด้วยความโกรธจัด!“อู๋มู่เคยโดนเช่นนี้! ท่านหมิงถันก็จะโดนเช่นกันด้วยหรือ?”“ไม่... ข้าไม่ยอม!”ด้วยเหตุนี้วังไห่เทียนจึงเขียนจดหมายทันที เพื่อแจ้งให้สมาพันธ์ต้าถงทราบถึงทุกเรื่องที่เกิดขึ้นกับหวังหยวน!บัณฑิตคนอื่น ๆ ที่กู่โจวและจิ่วซานจึงได้รู้เรื่องนี้ทันที!ในเวลาเดียวกัน ทุกคนในพันธมิตรเส้นทางการค้าป่าเขียวต่างก็รู้เช่นกัน มีตระกูลหลี่และผู้คนมากมายที่ได้ธุรกิจของหวังหยวนคอยดูแลด้วยความช่วยเหลือของหวังหยวน พวกเขาจึงก่อตั้งพันธมิตรเส้นทางการค้าป่าเขียวขึ้นมา ทำให้ทุกคนรู้สึกขอบคุณหวังหยวน!เมื่อได้อ่านจดหมายฉบับนี้ ก็ยิ่งโกรธมากขึ้นไปอีก!ส่วนที่หุบเขาชิงหลง!ในขณะนี้ หลังจากที่หงเยี่ยได้อ่านจดหมาย จิตสังหารก็ฉายแววไปทั่วใบหน้านาง!“เจ้าคนสารเลว ฮ่องเต้สามานย์ คิดจะฆ่าหวังหยวนจริง ๆ! รนหาที่ตาย!”พวกผู้นำคนอื่น ๆ ที่อยู่ด้านล่าง ก็เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองเช่นกันจ้าวป๋อเซี่ยวกล่าวว่า “นายท่านใหญ่ พวกเราต้องเริ่มฝึกกองกำลังเสียเดี๋ยวนี้เลย!
รายงานแต่ละฉบับทำให้ฮ่องเต้ซิงหลงหน้าบึ้งตึง!เขาไม่เคยคิดเลยว่าหวังหยวนจะมีความสามารถเช่นนี้!เขาทำให้ทั้งต้าเย่ต้องลุกเป็นไฟได้ด้วยตัวเอง!ในเวลานี้ เสนาบดีฝ่ายขวาเป้าชิงสื่อ กล่าวตามตรงว่า “ฝ่าบาท หวังหยวนได้จัดตั้งกลุ่ม เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว เขาได้ทำผิดมหันต์ คนคนนี้ไม่อาจเก็บไว้ได้พ่ะย่ะค่ะ!”ในเวลานี้ สือเหยาเฉียนเจ้ากระทรวงกรมโยธาธิการ ก็รีบลุกขึ้นยืนเช่นกัน!“ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท หวังหยวนผู้นี้มีอำนาจมากล้น เขาถูกเมืองหวงติดสินบนไปแล้ว และเขากำลังปลุกปั่นบ้านเมือง มันเป็นโทษที่ไม่อาจให้อภัยได้พ่ะย่ะค่ะ!”เหล่าเจ้ากระทรวงข้างล่างก็โกรธจัดทุกคน!เดิมทีหวังหยวนได้รับตำแหน่งอ๋องต่างแซ่ ซึ่งทำให้คนส่วนใหญ่ขุ่นเคืองและอิจฉา!ราชสำนักยังไม่ได้ลงมือทำอะไรเลย แต่คนเช่นนี้กล้าขู่ราชสำนักต้าเย่ ซึ่งทำให้ทั้งเจ้าหน้าที่และผู้บังคับบัญชาโกรธมากแน่นอนว่าพวกเขาไม่รู้เรื่องเอ้อหู่ แม้ว่าพวกเขาจะรู้ หลายคนก็จะยังอยากฆ่าหวังหยวน!ส่วนหยางเฟิ่งกั๋ว เสนาบดีฝ่ายซ้ายไม่ได้พูดในขณะนี้ เพราะเขารู้ว่ามันจะไร้ประโยชน์ ไม่ว่าเขาจะพูดหรือไม่ก็ตาม อย่างน้อย ตอนนี้หวังหยวนก็ยังไม่ตกอยู่ในอันต
พระราชกฤษฎีกาของฮ่องเต้ซิงหลงออกไปอย่างรวดเร็ว เมื่อมีการประกาศ ทุกคนก็รู้เรื่องนี้!ไม่ว่าจะเป็นอู๋หลิง วังไห่เทียน หงเยี่ย และคนอื่น ๆ!แม้ว่าพวกเขาจะรู้ แต่พวกเขาก็ยังคงไม่รู้สึกโล่งใจ!เพราะถ้าหวังหยวนยังไม่กลับไปที่หมู่บ้านต้าหวัง แม้เพียงหนึ่งวัน พวกเขาก็จะรู้สึกไม่สบายใจ แม้ว่าอีกฝ่ายจะยังไม่ได้ลงมือทำอะไร ก็ยังไม่น่าไว้วางใจ!ในขณะนี้หวังหยวนขี่ม้ามาถึงเมืองซ่างจิงแล้วเขาแปลกใจเล็กน้อย ที่ไม่มีการสกัดกั้นระหว่างทางในขณะนี้ ฮ่องเต้ซิงหลงได้ให้อู๋หลิงออกไปนอกเมืองเพื่อพบกับหวังหยวนแล้ว!เมื่ออู๋หลิงเห็นหวังหยวน เขาก็รีบพูดว่า “เสนาธิการทหาร ขออภัยขอรับ!”หวังหยวนยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ต้องขอโทษหรอก มันไม่ใช่ความผิดของเจ้า ข้าเองที่สร้างปัญหาให้เอ้อหู่”“ไม่ขอรับ... ถ้าข้าเดาความคิดของฝ่าบาทได้ และส่งเอ้อหู่กลับไปที่หมู่บ้านต้าหวังก็จะไม่เป็นเช่นนี้!”อู๋หลิงโทษตัวเองอย่างหนัก หากเอ้อหู่ไม่ถูกจำคุก หวังหยวนคงไม่มาที่เมืองซ่างจิงเพียงลำพัง และย่อมไม่มีวิกฤติใด ๆ !“เอาล่ะ ข้าอยู่นี่แล้ว พูดเช่นนั้นไปก็ไม่มีประโยชน์ แต่ว่า... ไม่มีใครขัดขวางข้าระหว่างทาง ทำให้ข้าประหลาดใจนิ
อู๋หลิงให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น แต่ทั้งสองต่างก็หนักใจ“เสนาธิการทหาร คราวนี้ท่านคิดจะทำอะไร?”อู๋หลิงพาหวังหยวนไปห้องตำรา ขณะนี้มีเพียงสองคนเท่านั้น ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะพูดคุยกัน!หวังหยวนเหลือบมองอู๋หลิง แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “แน่นอน เราต้องช่วยเหลือเอ้อหู่ก่อน ส่วนเรื่องอื่นก็จะคุยกันได้ง่ายขึ้น”อู๋หลิงอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “เอ้อหู่น่าจะไม่เป็นอะไรหรอก แต่ท่าน... ฝ่าบาทจะไม่ฆ่าท่านตอนนี้ แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขากักขังท่าน? แล้วในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น?”หลังจากได้ยินดังนั้น หวังหยวนก็โบกมือแล้วพูดอย่างเฉยเมย “อย่ากังวล เขาจับข้าไว้ไม่ได้หรอก”อู๋หลิงไม่เข้าใจ อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “เมืองหลวงแห่งนี้เป็นเหมือนกรง เกรงว่าจะบินหนีได้ยากจริง ๆ!”“มีปีกก็ยังยากที่จะบินหรือ? ฮ่า ฮ่า ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไปไม่ใช่หรือ?”หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ อู๋หลิงก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ข้าแค่เปรียบเทียบ ถ้าท่านบินได้จริง ๆ ท่านก็สามารถไปมาได้อย่างอิสระ”“เช่นนั้นข้าจะบินออกไป”หวังหยวนยิ้มอ่อน ซึ่งทำให้อู๋หลิงสับสนมากยิ่งขึ้น“บิน...”เขาไม่เข้าใจว่าหวังหยวนหมายถึงอะไร ส่วนหวังหยวนก็ไม่ได้พูด
ในขณะนี้ ฮ่องเต้ซิงหลงกำลังรอหวังหยวนในห้องตำรา!ไม่อาจมองเห็นความสุข ความโกรธ ความโศกเศร้า หรือความกังวลจากสีหน้าของเขาได้เลย มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าตนกำลังสงบจริง ๆ เหมือนภายนอกหรือไม่!เหล่าราชองครักษ์อยู่ข้างนอก ตั้งแต่ตอนที่หวังหยวนเข้ามาในวัง ก็ไม่มีใครรู้สถานการณ์ของหวังหยวน!วังแห่งนี้เปรียบเสมือนกรงที่แน่นหนา ไม่มีใครสามารถงัดเข้าไปได้!ตอนนี้อู๋หลิงยืนอยู่ที่ลานกว้าง ความกังวลปรากฏทั่วใบหน้าของเขา!เขาไม่รู้ว่าหวังหยวนกับฮ่องเต้ซิงหลงกำลังพูดอะไรกัน!ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฮ่องเต้ซิงหลงจะทำอะไร!จะฆ่าเขาหรือเปล่า...ไม่มีใครรู้!เขาทำได้เพียงยืนมองจากภายนอกด้วยสีหน้าเป็นกังวลเท่านั้น!ในเวลาเดียวกัน หวังหยวนได้เข้าไปในวังหลวงแล้ว และมาถึงห้องตำราหลวง!ได้พบแล้ว...ฮ่องเต้ซิงหลง!ทันทีที่เห็นฮ่องเต้ซิงหลง หวังหยวนก็หรี่ตาลง นี่คือฮ่องเต้แห่งต้าเย่หรือ?ช่างน่าประหลาดใจจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้วยอารมณ์หรืออะไรก็ตาม ทุกอย่างเผยให้เห็นถึงความสูงส่ง!แต่มีร่องรอยของความเย็นชาฉายแววจากดวงตาอีกฝ่าย หวังหยวนรู้สึกได้ว่าฮ่องเต้ที่อยู่ตรงหน้าเขา ไม่ใช่คนใจกว้างเลยจริง ๆ!ฮ่องเ
“พูดอีกอย่างหนึ่ง ข้าควรเลือกอยู่กับใคร?”ฮ่องเต้ซิงหลงยกยิ้ม แน่นอนว่าเขาไม่เชื่อคำพูดเหล่านี้ เขาพูดว่า “ใต้แผ่นฟ้าไม่มีที่มดที่ไม่ใช่ดินแดนของฮ่องเต้ ไม่มีใครไม่ใช่ราษฎรของฮ่องเต้ เจ้าคิดว่าเจ้าควรภักดีต่อใครล่ะ?”หวังหยวนกล่าวว่า “ฝ่าบาท แม้ว่าท่านจะกล่าวเช่นนี้ แต่ข้าก็ยังอยากจะบอกว่าถ้อยคำเหล่านี้ผิด!”“น้ำสามารถพยุงเรือให้ลอยได้ ก็สามารถคว่ำเรือให้จมได้เช่นกัน โลกนี้ไม่ใช่ของใคร แต่เป็นของราษฎร สรรพสิ่งใต้แผ่นฟ้าในตอนแรก เพราะราษฎรเคารพนับถือและไว้วางใจ ราชวงศ์และอำนาจของฮ่องเต้ จึงถูกสถาปนาขึ้น!”“ทุกคนล้วนเป็นเจ้าของโลกนี้ เจ้าของโลกที่ว่านั้นไม่ใช่เทพเจ้าที่จับต้องไม่ได้หรือมองไม่เห็น แต่เป็นทุกคนในโลกนี้!”“เพราะพวกเขาเทิดทูนว่าท่านเป็นฮ่องเต้ ท่านจึงได้เป็นฮ่องเต้ หากพวกเขาคิดว่าท่านเป็นเจ้าของโลกนี้ ท่านก็จะเป็นเจ้าของโลกนี้!”ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ดังขึ้น สีหน้าของฮ่องเต้ซิงหลงก็เปลี่ยนไปเป็นไม่พอใจทันที!คำพูดเหล่านี้ช่างหยิ่งผยองนัก!กล้าดีอย่างไรมาพูดจาราวกับกบฏเช่นนี้ ต่อหน้าฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน!รนหาที่ตาย!“หวังหยวน เจ้ารู้หรือไม่ว่าด้วยคำพูดของเจ้า ข้าสามาร
ฮ่องเต้ซิงหลงรู้สึกสะเทือนใจเล็กน้อย เมื่อได้ยินคำพูดของหวังหยวน!ชายหญิงเท่าเทียมกัน!นี่มันเรื่องไร้สาระอะไร!ในความคิดของเขา ชายหญิงไม่ได้เท่าเทียมกันเลย!เขาไม่รู้ว่าหวังหยวนต้องการจะแสดงละครอะไร เขาจึงไม่ได้ใส่ใจมากนัก เพียงแค่มองหวังหยวน แล้วพูดอย่างใจเย็น“หวังหยวน เจ้าบอกว่าเจ้ากำลังทำเพื่อต้าเย่ แต่การกระทำของเจ้า ส่งผลกระทบต่อผู้คนมากมายในต้าเย่ เจ้ามีอะไรจะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่?”ฮ่องเต้ซิงหลงมองหวังหยวน แล้วพูดตามตรงหวังหยวนส่ายหน้า “ข้าไม่มีอะไรจะพูด พวกเขา... แค่ไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้นกับข้า”“ฝ่าบาท ท่านจะปล่อยเอ้อหู่ไปเมื่อใด”เมื่อได้ยินดังนั้น ฮ่องเต้ซิงหลงก็หัวเราะ “เอ้อหู่ ข้าย่อมปล่อยเขาไปอยู่แล้ว”“แต่ว่า... ข้าปล่อยเจ้าไปไม่ได้”หวังหยวนไม่แปลกใจ ตอบกลับเบา ๆ ว่า “เรื่องนี้ข้าคิดไว้แล้ว แต่ข้าอยากรู้ว่าเหตุใดฝ่าบาทถึงคลางแคลงใจข้า เป็นเพราะอู๋หลิง ข้ากับวังไห่เทียนสนิทกันอย่างนั้นหรือ?”ฮ่องเต้ซิงหลงไม่คาดคิดว่าหวังหยวนจะพูดตรงประเด็นเช่นนี้ แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดออกมา แต่ฮ่องเต้ซิงหลงก็ใช่ว่าจะไม่มีความรู้สึกใด ๆ ในใจเลย คำพูดนี้ทำให้เขากังวลเ
แต่ฮ่องเต้ซิงหลงไม่ได้สนใจเลย กลับบอกให้คนพาทั้งสองคนไปยังสถานที่ที่หวังหยวนอยู่!แม้ว่าบ้านที่อยู่ลึกเข้าไปในวังหลวงแห่งนี้ จะดูหรูหรายิ่งนัก!แต่นี่คือกรงทอง!ในขณะนี้ ประตูบ้านของหวังหยวนมีเจ้าหน้าที่คอยดูแล และมีสาวใช้รออยู่ที่ลานบ้านเสื้อผ้าอาภรณ์งดงาม อาหารรสเลิศนับไม่ถ้วน!ในขณะนี้ หวังหยวนกำลังนั่งอยู่ในบ้าน ที่เขาได้รับเป็นรางวัล กำลังลิ้มรสสุรา และรับประทานอาหาร“พี่หยวน!”“ท่านเสนาธิการทหาร!”ทันทีที่ทั้งสองเห็นหวังหยวน ก็รู้สึกกังวลมาก ร่องรอยของความโกรธฉายแววในดวงตาของพวกเขา!“พวกเจ้ามาถึงแล้ว มาหาอะไรกินดื่มกันก่อนเถอะ”หวังหยวนไม่สนใจเลย ช่วงนี้เขาค่อนข้างเหนื่อยมาก ดังนั้นการพักผ่อนที่นี่สักสองสามวันก็ไม่เสียหายอะไร!“ฮึ่ม! ฝ่าบาททรงทำเช่นนี้ได้อย่างไร!”อู๋หลิงโกรธมาก รีบตรงไปที่ห้องตำราของฮ่องเต้ซิงหลง โดยไม่พูดอะไรเลย!เมื่อราชองครักษ์ที่เฝ้าประตูเห็นอู๋หลิง ก็รีบพูดว่า “ท่านแม่ทัพ ฝ่าบาท... ไม่ได้เรียกตัวท่าน ท่านไม่อาจเข้าไปได้”อู๋หลิงก็รู้เช่นกัน เขายืนอยู่ที่ประตู แล้วพูดเสียงดัง “อู๋หลิงถวายบังคมฝ่าบาท โปรดให้กระหม่อมเข้าเฝ้าด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”ฮ่อง
แต่ทั้งหมดนี้นั้น นับว่าเป็นความดีความชอบของปู่ของไฉจวิ้นด้วย หากไม่ใช่เพราะมีปู่ช่วยเหลืออยู่ข้าง ๆ และใช้ชีวิตอยู่ในป่ามาหลายปี แล้วเขาจะมีพละกำลังแข็งแกร่งเพียงนี้ได้อย่างไร?เมื่อไฉจวิ้นยกติ่งใหญ่ขึ้น ผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ ก็ทยอยแสดงความสามารถของตนน่าเสียดาย ในท้ายที่สุดผู้ที่สามารถยกติ่งใหญ่ขึ้นได้ นอกจากไฉจวิ้นแล้วมีเพียงชาวต่างชาติที่มาจากต่างแดนเท่านั้นเสียงปรบมือดังกึกก้องจากข้างล่างเวที “คนผู้นี้มีความสามารถยิ่งนัก”หวังหยวนกอดอกมองชาวต่างชาติผู้นั้น พลางกวักมือเรียกเกาเล่อในชั่วพริบตา เกาเล่อก็มาอยู่ข้างกายหวังหยวน แต่สีหน้ากลับดูตึงเครียด“คนผู้นั้นคือชาวต่างชาติที่เจ้าเพิ่งพูดถึงหรือ?”หวังหยวนชี้ไปที่อีกคนบนเวที แล้วเอ่ยถามเกาเล่อพยักหน้า จากนั้นก็ขมวดคิ้วเอ่ยว่า “คนผู้นี้มีที่มาไม่ธรรมดา ก่อนหน้านี้ข้าได้บอกข้อมูลของเขาให้ท่านทราบแล้ว คนผู้นี้มีชื่อว่าดาร์เนล ว่ากันว่ามีพละกำลังมหาศาลตั้งแต่เด็ก และเคยต่อยเสือร้ายตายด้วยหมัดเดียว!”“เดิมทีคิดว่าทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องเล่า ตอนนี้ดูเหมือนว่าอาจจะไม่ใช่เรื่องโกหก...”สามารถยกติ่งใหญ่หนักห้าร้อยชั่งได้ นั่นก็
เขามีความมั่นใจในตัวน้องชายคนนี้ก่อนหน้านี้ หวังหยวนเคยเห็นความสามารถของไฉจวิ้นมาก่อน อย่าว่าแต่จะหาผู้ที่เทียบเทียมเขาในบรรดาคนรุ่นเดียวกันได้ยากเลย แม้แต่คนที่อายุมากกว่าเขาก็ยังไม่มีใครมีพละกำลังเท่าเขา!ยิ่งไปกว่านั้น หวังหยวนเองก็ยังไม่รู้ขีดจำกัดของไฉจวิ้น!ดูท่าแล้ววันนี้คงมีเรื่องสนุกให้ชมกันเกาเล่อกลับเอ่ยว่า “ข้าเห็นว่าไม่เป็นเช่นนั้น คนที่อยู่ข้างกายไฉจวิ้นล้วนไม่ใช่คนธรรมดา! หนึ่งในนั้นมาจากต่างแดน คนผู้นี้มีชื่อเสียงมานาน ว่ากันว่าสามารถยกหินใหญ่หนักสองร้อยจินได้ด้วยมือเดียว!”“หากใช้สองมือ คาดว่าของหนักห้าร้อยจินก็คงไม่คณนามือขอรับ!”นี่...หวังหยวนกลืนน้ำลาย คนเหล่านี้กินหินเป็นอาหารกันหรืออย่างไร?ฝึกฝนร่างกายจนแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เลยหรือ?อย่าว่าแต่ยกของหนักห้าร้อยจินเลย แม้แต่สองร้อยห้าสิบจิน เขาก็ยังยกไม่ขึ้น!“รอดูไปก่อน ข้าก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าศักยภาพของไฉจวิ้นมีขีดจำกัดอยู่ที่ใด”“เจ้าจำไว้ว่าต้องไปเตือนเขาด้วยว่าอย่าได้มุทะลุดุดัน!”“เขายังเด็กนัก ภายภาคหน้ายังมีโอกาสอีกมากที่จะพิสูจน์ตนเอง หากได้รับบาดเจ็บเพราะเรื่องนี้แล้วนั้น ย่อมไม่คุ้มค่า”ห
ดูท่าแล้ว เกาเล่อคงจะทุ่มเทไปไม่น้อยเลย!เดินชมอยู่ราวหนึ่งชั่วยาม หวังหยวนจึงพาหลิ่วหรูเยียนกลับไปยังห้องโถง “คืนนี้พวกเราพักที่นี่ ดีหรือไม่?”แม้ว่าเมืองอู่เจียงจะอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านต้าหวัง แต่ก็ยังมีระยะทางที่ต้องใช้เวลาอีกหนึ่งวันหลายวันมานี้ หวังหยวนและคนอื่น ๆ เดินทางมาโดยตลอด ย่อมต้องพักผ่อนให้เต็มที่หลิ่วหรูเยียนรีบพยักหน้า พลางเอ่ยอย่างสมเหตุสมผลว่า “หากสามารถอยู่ที่นี่ได้ย่อมเป็นเรื่องดี!”“ที่นี่น่าสนุกกว่าเผ่าทางเหนือมาก!”หวังหยวนส่ายหน้ายิ้มขื่นเห็นได้ชัดว่าแต่งงานเป็นภรรยาผู้อื่นแล้ว อีกไม่นานก็จะกลายเป็นแม่คน แต่กลับยังคงทำตัวเหมือนเด็กน้อย!น่าสนใจ ช่างน่าสนใจยิ่งนัก!“จริงสิ ไฉจวิ้นเล่าหายไปไหน?”หวังหยวนมองไปรอบ ๆ แต่กลับไม่เห็นร่องรอยของไฉจวิ้นเขาจำได้อย่างชัดเจนว่าทุกคนเข้ามาในหอไร้เทียมทานพร้อมกัน แต่ไม่รู้ว่าไฉจวิ้นหายไปตอนไหน?“คงจะออกไปเที่ยวเล่นกระมัง?”“ท่านก็อย่าไปใส่ใจน้องชายคนนี้ของท่านเลย เขายังเป็นเด็ก การเล่นสนุกคือสัญชาตญาณของเขา!”หลิ่วหรูเยียนเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจช่างเป็นพวกเดียวกันโดยแท้!ทันใดนั้น ทหารองครักษ์ที่ยืนอยู่ด้านข้างก
หอไร้เทียมทานตั้งอยู่ทางเหนือของเมืองอู่เจียง ปกติแล้วแม้ว่าที่นี่จะรกร้าง แต่ก็เงียบสงบยิ่งนักแต่หลังจากที่หอไร้เทียมทานได้ก่อสร้างขึ้น ที่นี่มีผู้คนมากมายเมื่อมองออกไป รอบนอกของหอไร้เทียมทานมีชาวบ้านมากมายยืนชมอยู่ ยามนี้กำลังพูดคุยกันถึงเรื่องราวบางอย่างอย่างไรเสีย พวกเขาก็เพิ่งเคยเห็นสถาปัตยกรรมอันสวยงามยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้เป็นครั้งแรก!หอไร้เทียมทานมีพื้นที่กว้างใหญ่ เพียงแค่มองผ่านประตูใหญ่ก็สามารถมองเห็นภาพภายในได้อย่างง่ายดาย ต้องยอมรับว่าความโอ่อ่านี้ไม่ด้อยไปกว่าวังหลวงเลย!แม้แต่หวังหยวนยังอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง“เจ้าใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนไม่ใช่หรือ?”“เหตุใดจึงสามารถสร้างพระราชวังที่ยิ่งใหญ่เพียงนี้ได้?”หวังหยวนมองเกาเล่อด้วยความสงสัยเกาเล่อตอบด้วยรอยยิ้มว่า “นั่นก็เพราะคนผู้นี้ที่อยู่ข้างกายข้าขอรับ!”ขณะที่พูดคุยกัน เกาเล่อแนะนำคนผู้หนึ่งให้หวังหยวนรู้จัก คนผู้นั้นสวมชุดผ้าป่าน ผิวสีคล้ำ ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มซื่อ“นี่คือช่างเทวดาอันดับหนึ่งใต้หล้า ความเร็วในการก่อสร้างเร็วกว่าช่างทั่วไปมาก!”“ภายใต้การนำของเขา พระราชวังนี้ไม่เพียงแต่มีคุณภาพ ยังสร้างเสร็จอย
ตอนนี้หวังหยวนกลับพูดจาเยาะเย้ยเช่นนี้ นางจะไม่โกรธได้อย่างไร?“ดีนัก!”“พวกเราเพิ่งจะอยู่ร่วมกันไม่ถึงครึ่งปี ท่านก็เริ่มรังเกียจข้าแล้วหรือ?”“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ให้ข้าไปตอนนี้เลยแล้วกัน!”“ถือเสียว่าพวกเราไม่เคยรู้จักกัน!”หลิ่วหรูเยียนยังคงแข็งกร้าวเช่นเดิม พูดจบนางก็ลุกขึ้น เตรียมจะกระโดดลงจากรถม้าหวังหยวนรีบคว้าแขนของหลิ่วหรูเยียนไว้ พลางเอ่ยขอโทษอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าพูดผิดไป เจ้าเป็นคนใจกว้าง อย่าได้ถือสาข้าเลย!”“อีกอย่าง ต่อให้ร่างกายของเจ้าจะมีรอยแผลเป็น แล้วจะเป็นอย่างไร? ใจของข้าก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง!”“ข้ารู้ดีว่ารอยแผลเป็นบนร่างกายของเจ้าเกิดขึ้นเพราะข้า หากไม่มีรอยแผลเป็นนี้ บางทีข้าอาจจะลืมเลือนความดีของเจ้าที่มีต่อข้า แต่หากรอยแผลเป็นนี้ยังคงอยู่ ย่อมทำให้ข้ารู้สึกดีขึ้น!”“อย่างน้อยก็ทำให้ข้าจดจำความดีของเจ้าได้ตลอดไป!”หลิ่วหรูเยียนพ่นลมหายใจ แต่ในใจกลับรู้สึกยินดีนางรู้ดีว่าหวังหยวนไม่ใช่คนอกตัญญู ไม่เช่นนั้นในคืนนั้นนางคงไม่ยืนหยัดต่อสู้เต็มที่อยู่เคียงข้างหวังหยวน!ความทุ่มเทถือว่าได้รับผลตอบแทน!หลายวันผ่านไป หวังหยวนและพรรคพวกได้เดินทางมาถึงเชิงเขา
ครึ่งเดือนผ่านไป เนื่องจากเกาเล่อได้รวบรวมช่างฝีมือมามากมาย การก่อสร้างหอไร้เทียมทานจึงคืบหน้าไปอย่างรวดเร็วยามนี้เริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้วคาดว่าอีกครึ่งเดือน หอไร้เทียมทานก็จะสร้างเสร็จสมบูรณ์!และในช่วงเวลานี้ อาการของหลิ่วหรูเยียนค่อย ๆ ดีขึ้น หวังหยวนได้ติดต่อกับคนของหมู่บ้านต้าหวัง เพื่อทำให้ทุกคนสบายใจตั้งแต่หลิ่วหรูเยียนล้มป่วย หวังหยวนนั้นไม่มีแก่ใจจะทำสิ่งใด ไม่ได้ติดต่อกับคนของหมู่บ้านต้าหวัง ซึ่งทำให้ต้าหู่และเอ้อหู่สองพี่น้องร้อนใจยิ่งนัก!ยามนี้เมืองหลิงอยู่ภายใต้การปกครองของพวกเขาทั้งสอง แม้ว่าจะมีถงจื่อเจี้ยนและคนอื่นช่วยเหลือ แต่ทั้งสองนั้นเป็นห่วงความปลอดภัยของหวังหยวนมากกว่าแม้ว่าพวกเขาทั้งหลายจะไม่ใช่พี่น้องร่วมสายเลือด แต่ก็รักใคร่กันยิ่งกว่าพี่น้อง!แม้ว่ายามนี้จะมีอำนาจอยู่ในมือ แต่สำหรับพวกเขาแล้ว สิ่งเหล่านี้ล้วนไม่สำคัญ!ขอเพียงพี่น้องได้อยู่ร่วมกัน ต่อให้ต้องสูญเสียแผ่นดินไป แล้วจะมีความหมายอะไร?เวลาผ่านไปครึ่งเดือน ทุกอย่างก็เริ่มเข้าที่เข้าทาง และในช่วงครึ่งเดือนนี้ หอไร้เทียมทานสร้างเสร็จสมบูรณ์ หวังหยวนออกจากเผ่าแล้ว ยามนี้กำลังมุ่งหน้าไปยังเม
หากจะกล่าวให้ยิ่งใหญ่ขึ้นก็เพื่อปวงประชา!ดินแดนทั้งเก้าได้กลับคืนสู่ความสงบสุขได้ก็เพราะเขา เขาจึงต้องการให้ความสงบสุขนี้คงอยู่สืบไป ปวงประชาจะได้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุขตลอดกาล!“ไม่ทราบว่าท่านหมอเทวดาอันมีความคิดเห็นเช่นไร?”หวังหยวนเอ่ยถามอีกครั้งเมื่อเห็นสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความปรารถนาของเขา อันจูหมิงจึงรีบโบกมือเอ่ยว่า “ในเมื่อมีเรื่องดีเช่นนี้ มีหรือที่ข้าจะไม่เข้าร่วม? ข้าจะต้องมีที่นั่งในหอไร้เทียมทานนี้อย่างแน่นอน! ถือว่าเป็นการพิสูจน์ความสามารถของข้าด้วยก็แล้วกัน!”“อีกอย่าง ข้ารู้ว่าท่านมีชื่อเสียงไปทั่วทั้งดินแดนทั้งเก้า ปวงประชาต่างเคารพท่านราวกับเป็นฮ่องเต้ แม้แต่คนของอาณาจักรต้าเป่ยก็คิดเช่นนั้น!”“หอไร้เทียมทานย่อมต้องเจริญรุ่งเรืองภายใต้การดูแลของท่าน แล้วชื่อเสียงของข้าก็จะยิ่งโด่งดัง!”“เรื่องดีเช่นนี้ มีหรือที่ข้าจะพลาด?”คิดไม่ถึงว่าอันจูหมิงจะตอบรับอย่างง่ายดาย!หวังหยวนยินดียิ่งนัก “เช่นนั้นต้องขอบคุณท่านหมอเทวดาอันที่ให้เกียรติ!”เมื่อได้หมอเทวดาอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าเข้าร่วม คาดว่าอีกไม่นานหอไร้เทียมทานนี้ก็จะสามารถรวบรวมผู้มีความสามารถไว้ได้มากมายแน
“รับความไว้วางใจจากผู้อื่น ต้องรักภักดีต่องานของผู้อื่น”อันจูหมิงหยิบขวดยาออกมาจากอกเสื้อ พลางเอ่ยขึ้นว่า “นี่คือยาเม็ดที่ข้าปรุงให้ฮูหยิน ทานวันละหนึ่งเม็ด หลังอาหารเย็น ในนี้มียาสามสิบเม็ด หนึ่งเดือนต่อมา ฮูหยินก็จะหายดี!”หลังจากที่หวังหยวนและคนอื่น ๆ กลับมาเมื่อวาน ก็ให้เกาเล่อนำดอกหน้าผาชันมามอบให้อันจูหมิงเขาทำได้เพียงนำดอกหน้าผาชันกลับมา ส่วนการนำมาใช้เป็นยานั้นต้องอาศัยความสามารถของอันจูหมิงอีกทั้งอันจูหมิงก็ไม่ดื่มสุราเลย เพียงคืนเดียว ยาเม็ดนี้ก็ปรุงเสร็จ!“ยังต้องกินยาอีกหรือ?”หลิ่วหรูเยียนเดินมาด้วยสีหน้าจนใจ เมื่อเห็นขวดยาอันสวยงามประณีตก็ไม่รู้สึกสนใจแม้แต่น้อยเนื่องจากนางยังมีบาดแผล ทุกวันนี้จึงต้องดื่มยามากมาย ทำให้รู้สึกเบื่อหน่ายคิดไม่ถึงเลยว่าอาการป่วยของนางยังไม่หายดี แต่ปริมาณยากลับเพิ่มขึ้น ช่างน่าเจ็บใจนัก!หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “นี่คือสิ่งที่พวกเราแลกมาด้วยชีวิต เจ้าต้องกินให้ดี ไม่เช่นนั้นทั้งข้า เกาเล่อ และเฉินอวิ่นจะเสียแรงเปล่า”“เกิดอะไรขึ้น?”หลิ่วหรูเยียนเอ่ยถามด้วยความสงสัยส่วนอันจูหมิงที่อยู่ด้านข้างโบกมือ เมื่อคิดอะไรบางอย่างขึ
หวังหยวนใช้นิ้วเคาะเบา ๆ ที่หน้าผากของตน จากนั้นก็เอ่ยถามขึ้นส่วนเกาเล่อยกยิ้ม แล้วเอ่ยอย่างเฉยเมยว่า “นี่ก็เป็นเรื่องง่าย หากต้องการจะได้รับฉายาไร้เทียมทานย่อมต้องไปให้ถึงจุดสูงสุดของด้านนั้นๆ ต่อให้มีผู้เชี่ยวชาญมาสองคน พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องรับไว้ทั้งหมด สู้ให้พวกเขาทั้งสองประลองฝีมือกัน ผู้ใดแข็งแกร่งกว่า ผู้อ่อนแอกว่า ย่อมรู้ได้ในพริบตา!”“ท่านผู้นำคิดเห็นเช่นไรขอรับ?”หวังหยวนตบมือ เขาจะปฏิเสธได้อย่างไร?เขาก็คิดเช่นนี้เหมือนกันไม่ใช่หรือ?หากสามารถรวบรวมผู้ที่ไร้เทียมทานเหล่านี้มาอยู่เคียงข้างได้ เขาสามารถจินตนาการถึงภาพนั้นได้แล้ว!ต่อให้ภายภาคหน้าเขาจะไม่ได้เป็นเจ้าผู้ครองเมืองหลิงอีกต่อไป เพียงแค่หอไร้เทียมทานก็สามารถทำให้ผู้คนทั่วหล้ายังคงเคารพเขา และปกป้องแผ่นดินให้สงบสุขได้ด้วย!“ดื่มสุรา! ดื่มสุรา!”หวังหยวนอารมณ์ดียิ่งนัก เขายกจอกสุราขึ้น พลางโบกมือให้กับทุกคน ทุกคนจึงดื่มสุราตามเฉินอวิ่นไม่ได้ทำตัวเป็นคนนอก ในไม่ช้าก็สามารถเข้ากับทุกคนได้ดี ผู้ที่มีความสัมพันธ์อันดีที่สุดกับเขาคือไฉจวิ้นแม้ว่าไฉจวิ้นจะอายุน้อยกว่าเขามาก แต่ไฉจวิ้นมีนิสัยห้าวหาญ อีกทั้งยังไม่