ฮ่องเต้ซิงหลงไม่สนใจว่าอู๋หลิงจะจากไปเมื่อใด เพราะเขารู้ว่าเขาจะชนะ!ไม่มีใครสามารถยื่นมือมาช่วยหวังหยวนได้!แม้ว่าคนเหล่านั้นอาจจะโกรธมาก แต่พวกเขาก็ไม่กล้าบุกเข้ามาในวังหลวง!ถึงบุกเข้ามาก็ไม่หวั่น!ใบหน้าของอู๋หลิงบึ้งตึงมาก เขาโศกเศร้ามาก เมื่อเขากลับมาเห็นหวังหยวนกับเอ้อหู่กำลังดื่มสุรากัน ความเจ็บปวดในใจของเขาก็รุนแรงยิ่งขึ้นเมื่อหวังหยวนเห็นอู๋หลิงกลับมา เขาก็ถอนหายใจ และอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ความจริงแล้วเจ้าไม่จำเป็นต้องไปเลย! ฝ่าบาทได้ตัดสินใจไปแล้ว ไม่มีใครสามารถทัดทานได้!”อู๋หลิงรู้สึกเสียใจมากขึ้น เมื่อเห็นหวังหยวนพูดเช่นนี้!หากเขารู้เรื่องนี้ก่อนหน้านี้ เขาน่าจะส่งเอ้อหู่ออกไปเร็วกว่านี้!“เป็นความผิดของข้าเอง!”อู๋หลิงอดไม่ได้ที่จะพูดหวังหยวนยิ้มแล้วพูดว่า “แม้ว่าเจ้าจะส่งเอ้อหู่กลับไปที่หมู่บ้านต้าหวัง เขาก็ยังจะหาทางให้ข้ามาที่เมืองซ่างจิงจนได้อยู่ดี หากไม่มีเอ้อหู่ เจ้าก็จะไม่อยู่ด้วยหรือ?”ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา อู๋หลิงก็รู้สึกเศร้าและโกรธมากยิ่งขึ้น!เขาหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดว่า “ท่านเสนาธิการทหาร เนื่องจากท่านไม่อาจออกจากเมืองหลวงแห่งนี้ได้ ท่
“ดังนั้น...เราควรเลือกที่จะเชื่อเขา!”แม้ว่าหงเยี่ยจะโกรธมาก แต่ในตอนนี้นางก็รู้เช่นกัน ว่าเห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้เลย ที่จะโน้มน้าวคนอื่นให้โจมตีเมืองหลวง!ในเวลาเดียวกัน ไทเฮาเซียวฉู่ฉู่แห่งเมืองหวงก็ได้รับจดหมายเช่นกัน!“ต้าเย่... ช่างไร้สาระเสียจริง ช่างน่าขันนัก ฮ่องเต้ไร้ประโยชน์สั่งจำคุกขุนนางที่ดี!”“หวังหยวน... ในเมื่อเจ้าขอให้ข้าถอนกำลังทหารกลับ เช่นนั้นข้าก็จะเชื่อใจเจ้าสักครั้ง มาดูกันว่าเจ้าจะออกจากต้าเย่ได้อย่างไร!”“ข้าจะให้เวลาเจ้าครึ่งปี หากเจ้าไม่อาจออกจากต้าเย่ได้ภายในครึ่งปี ข้าจะไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากนำกองทหารเข้าโจมตีต้าเย่ อย่างไรก็ต้อง... ช่วยเจ้าให้ได้!”“สั่งให้กองทหารชายแดนถอนตัว จัดระเบียบทางการทหารใหม่อย่างจริงจัง เตรียมพร้อมสำหรับ... ครึ่งปีข้างหน้า!”เซียวฉู่ฉู่ไม่เชื่อว่าหวังหยวนจะสามารถออกจากเมืองหลวงนั้นได้!ดังนั้น...นางรู้สึกว่าเพื่อให้หวังหยวนปลอดภัย ต้าเย่ต้องผลัดเปลี่ยนแผ่นดิน เพื่อให้เขามีชีวิตอยู่!ด้วยอำนาจของผู้ครองแผ่นดิน คนคนเดียวจะรอดพ้นจากการจำคุกได้อย่างไร!แม้ว่านางจะรู้สึกว่าหวังหยวนเป็นอัจฉริยะในใต้หล้า มีน้อยคนที่จะเทีย
ฮ่องเต้ซิงหลงไม่รู้ความคิดของหวังหยวน เพียงแค่คิดว่าเขาคงยอมแพ้แล้ว เพราะถึงจะมีปีก ก็ยากที่จะบินหนีไปจากวังหลวงแห่งนี้ แม้ว่าเขาจะไม่ยอมแพ้ และยังคงมีความทะเยอทะยานอันยิ่งใหญ่ แต่เขาจะทำอย่างไรได้?เมื่อคิดได้ดังนั้น ฮ่องเต้ซิงหลงก็จากไปทันทีแต่เสนาบดีฝ่ายซ้ายกับพรรคพวกรู้สึกกังวลมาก เขายิ่งเสียใจเมื่อเห็นหวังหยวนถูกคุมขังในเมืองหลวง และไม่อาจแสดงความสามารถที่มีได้แต่พวกเขาก็รู้ด้วยว่าไม่อาจทัดทานความมุ่งมั่นของฝ่าบาทได้!แต่แม้ว่าจะไม่อาจเปลี่ยนความคิดของฮ่องเต้ได้ แต่หยางเฟิ่งกั๋วก็ยังคงมาห้องตำราหลวงของฮ่องเต้ซิงหลง!ฮ่องเต้ซิงหลงเหลือบมองหยางเฟิ่งกั๋ว ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ชายคนนี้ไม่ได้พูดอะไรเลย เขาไม่รู้ว่าเหตุใดวันนี้จึงมาพบเขาแต่จะเป็นเพราะเรื่องอะไรได้ นอกจากเรื่องหวังหยวน!“เสนาบดีฝ่ายซ้าย นั่งลงเถิด”ฮ่องเต้ซิงหลงพูดอย่างสงบ หยางเฟิ่งกั๋วสูดลมหายใจเข้า ก่อนนั่งตรงข้ามฮ่องเต้ซิงหลง แล้วค่อย ๆ พูดว่า “ฝ่าบาท กระหม่อมมาที่นี่วันนี้ เพื่อขอความเมตตาจากฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้ซิงหลงนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “มันไม่สำคัญว่าเสนาบดีฝ่ายซ้ายจะขออะไร ตราบใดที่มันเป็นไปเพื่อ
หลังจากที่เหตุการณ์นี้สงบลงแล้ว เขาก็จะต้องตายแน่นอน!แต่เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ เขาก็ยังคงดูไม่กังวลหรือควรจะบอกเขา...ผิดพลาดแล้วก็ปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม ให้เขาใช้ชีวิตให้เพลิดเพลินในวาระสุดท้ายดีหรือไม่?หวังหยวนไม่รู้ว่าหยางเฟิ่งกั๋วมาแล้ว เพราะกำลังง่วนอยู่กับการสร้างอาวุธลับ ตามความทรงจำของเขา!นี่คือกุญแจสำคัญในการออกจากเมืองซ่างจิงของเขา!ในเวลานี้หยางเฟิ่งกั๋วกระแอมเบา ๆ จากนั้นพูดด้วยรอยยิ้ม “สวัสดีท่านหวังหยวน”หวังหยวนจึงสังเกตเห็นว่ามีชายชราคนหนึ่ง เดินมาถึงลานบ้านแล้วเมื่อเห็นเช่นนี้ หวังหยวนก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เขามีท่าทางไม่ธรรมดา และมีรัศมีของผู้สูงศักดิ์ในทุกท่วงท่าคนผู้นี้...จะต้องอยู่ในตำแหน่งที่สูงศักดิ์!“ท่านผู้เฒ่าท่าทางไม่ธรรมดา หากเดาไม่ผิด เกรงว่าจะอยู่ในตำแหน่งสูงส่ง และคนเดียวที่จะมาหาข้าด้วยท่าทางเช่นนี้ได้ ก็คือเสนาบดีฝ่ายซ้าย ดังนั้นท่านคือเสนาบดีฝ่ายซ้าย ใช่หรือไม่?”หวังหยวนพูดการคาดเดาของตัวเองด้วยรอยยิ้มหลังจากที่หยางเฟิ่งกั๋วได้ยินดังนั้น เขาก็หัวเราะทันที“ข้าได้ยินมานานแล้วว่าท่านหวังหยวนเป็นอัจฉริยะ แล้วท่านก็เดาไ
คำพูดเหล่านี้เหมือนกับคำพูดของกบฏที่มีโทษร้ายแรง!หากแพร่งพรายออกไป ฮ่องเต้จะโกรธมากถ้ารู้เรื่องนี้ และเขาอาจจะถูกตัดหัวเลยก็ได้!“พี่หยาง พูดตามตรง ข้ารู้สึกประหลาดใจมากที่ท่านพูดเช่นนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงใจ ก็คงไม่พูดเช่นนี้ออกมา”“แต่ข้ารู้อยู่แล้วว่าเมื่อข้ากลับมา ผลจะเป็นอย่างไร แต่ข้าก็ยังกลับมา เพราะครอบครัวของข้าอยู่ในต้าเย่ ถ้าข้าไม่กลับมา พวกเขาอาจต้องทุกข์ทรมานแสนสาหัส”“ยิ่งกว่านั้น ข้ามั่นใจว่าข้าสามารถออกจากเมืองซ่างจิงได้”หลังจากพูดจบ หวังหยวนก็หัวเราะ หยางเฟิ่งกั๋วจึงประหลาดใจมาก“สหายน้อยหวัง เจ้า... เจ้ามีวิธีออกไปจากที่นี่หรือ?”“จะเป็นไปได้อย่างไร!!”เขารู้จักฮ่องเต้ดีที่สุด ฮ่องเต้จะไม่มีทางปล่อยหวังหยวนไป!“ฮ่าฮ่า คนเราย่อมมีแผนอันชาญฉลาดเป็นของตัวเอง ให้ข้าลองจัดการเองเถอะขอรับ”หวังหยวนยิ้มและไม่พูดอะไรอีก โดนไม่ได้บอกว่าเขาจะออกจากเมืองซ่างจิงอย่างไรแต่หยางเฟิ่งกั๋วรู้สึกประหลาดใจ แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเหตุใดหวังหยวนถึงมั่นใจถึงเพียงนี้ แต่เขาก็ยังเลือกที่จะเชื่อมันเพราะหวังหยวนสามารถรอดกลับมาได้ หลังจากไปเยือนราชสำนักเมืองหวง ทั้งยังได้ยศอ๋องเ
หวังหยวนยิ้มแล้วพูดว่า “ดูเหมือนว่าพี่จะมีคำตอบในใจอยู่แล้ว แล้วเหตุใดถึงมาถามข้าอีกล่ะขอรับ?”หยางเฟิ่งกั๋วถอนหายใจ แล้วส่ายหน้า จากนั้นยกยิ้มฝืดเฝื่อน“บางครั้งก็รู้ชัดเจน แต่ก็ยังคงมีความหวังอยู่ในใจ แค่หวังว่าจะมีโอกาส…”หยางเฟิ่งกั๋วรู้สึกเศร้าใจมาก แต่หวังหยวนไม่ได้พูดอะไรมากในขณะนี้พวกเจ้านายใหญ่โต...เมื่อเทียบกับเมืองหวง สิ่งเดียวที่ดีกว่าก็คือดินแดนนี้อุดมสมบูรณ์!ถ้าพูดถึงราชสำนัก ก็คงสู้ไม่ได้!ต้องบอกว่าต้าเย่เข้มแข็งน้อยกว่า!แต่คนในต้าเย่มีความสามารถมากมาย!ไม่ว่าเสนาบดีฝ่ายซ้ายหรือเสนาบดีฝ่ายขวา ล้วนเป็นคนที่ไม่ธรรมดา แต่กลับไม่ทำงานร่วมกัน!แน่นอนว่าปัญหาที่ใหญ่ที่สุด คือฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน!เขาคือตัวปัญหา!ฝ่ายราชการไม่อาจปกครองได้ด้วยการแต่งตั้งยศตามการเล่นพรรคเล่นพวกแม้ว่าเขาจะถือได้ว่าเป็นฮ่องเต้ที่มีความสามารถ แต่ก็ยังไม่เพียงพอ!อย่างน้อยก็ใจกว้างไม่พอ!ในฐานะฮ่องเต้ หากจัดการกิจการแผ่นดินไม่ได้ แล้วจะครองแผ่นดินได้อย่างไร!?จะทำให้ทุกคนในแผ่นดินนี้บุกน้ำลุยไฟเพื่อตนได้อย่างไร!มีคำกล่าวที่ว่าท้องของมหาเสนาบดีสามารถบรรจุเรือ แล้วฮ่องเต้ล่ะ? ต้อ
หยางเฟิ่งกั๋วตกตะลึง!แน่นอนว่าเขาเข้าใจความหมายของถ้อยคำเหล่านี้!แต่นี่มันยากเกินไป!ในโลกนี้ ผู้มีอำนาจย่อมอยากรวยเป็นธรรมดา!จะยอมแบ่งปันความมั่งคั่งให้คนอื่นได้อย่างไร!แต่เขาเข้าใจว่าหากหลักการของหวังหยวนประสบความสำเร็จจริง ๆ ทั้งแผ่นดินก็จะร่ำรวยแน่นอน!เจ้าของที่ดินหนึ่งคนมีที่ดินมากพอ ๆ กับเกษตรกรหลายร้อยคน!ยังมีทรัพย์สินส่วนตัว สำหรับคนรับราชการอีกมากมาย!“สหายน้อยหวัง ความคิดของเจ้านั้นพิเศษจริง ๆ เฉียบแหลมและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่ถ้าต้องนำไปใช้จริง มันจะยากเกินไป…”หยางเฟิ่งกั๋วถอนหายใจ ก่อนจะกล่าว“นี่เป็นเรื่องปกติ พี่หยาง มีบางสิ่งที่ไม่มีใครหยุดได้ บางทีอาจจะยังไม่ถึงเวลานั้น”เวลาที่หวังหยวนพูดถึงยังมาไม่ถึง ดังนั้นแน่นอนว่ายังไม่ถึงขั้นตอนนั้น!แม้ว่าต้าเย่จะเต็มไปด้วยช่องโหว่ แต่ก็ยังคงเป็นอาณาจักรที่ทรงอำนาจ!ในตอนนี้ฮ่องเต้จะใส่ใจเรื่องนี้ได้อย่างไร!“เราคุยกันมานานแล้วโดยไม่รู้ตัว สหายน้อยหวัง ต้องขอโทษจริง ๆ ที่รบกวนเจ้ามานาน”หลังจากเห็นว่าพระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้าแล้ว หยางเฟิ่งกั๋วรู้สึกว่าการสนทนาของเขากับหวังหยวนในวันนี้ สนุกมาก จนเขาลืมเวลาไปเ
เพราะหวังหยวนเป็นญาติทางสายเลือดของพวกเขา!พวกจู่ปันและคนอื่น ๆ ต่างก็กังวลเรื่องความปลอดภัยของหวังหยวนในขณะนี้ ทุกคนได้รวมตัวกัน เพื่อวางแผนหาทางช่วยเหลือหวังหยวน“เรารอเช่นนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว! ต่อให้ต้องบุกเข้าไปในวังหลวงก็ต้องทำ เราต้องพาพี่หยวนกลับมาให้ได้!”ถังหม่างตะคอกอย่างเย็นชา สายตาฉายแววดุดัน“ใช่แล้ว พี่หยวนเป็นผู้มอบชีวิตใหม่ให้ข้า แม้ว่าต้องแลกชีวิต ข้าก็จะช่วยพี่หยวน!”เอ้อหู่พูด ขณะที่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธหวังหานซานสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขาเองก็อยากจะบุกเข้าไปในวังหลวงด้วย!แม้ว่าเขาจะรู้ว่าการทำเช่นนั้นผิด แต่เขาก็ยังไม่อาจต้านทานแรงกระตุ้นได้“พี่สะใภ้ พี่หยวนไม่อยู่ที่นี่ ท่านโปรดตัดสินใจด้วย เราควรบุกเข้าไปในวังหลวงหรือไม่ หากท่านพยักหน้า ทั้งพวกเรา หุบเขาชิงหลง และพันธมิตรเส้นทางการค้าป่าเขียว จะเริ่มดำเนินการทันที!”พวกเขาทุกคนมองหลี่ซื่อหาน!หลี่ซื่อหานหวังว่าจะช่วยสามีได้แต่นางเชื่อว่าสิ่งที่เขียนไว้ในจดหมาย ที่บอกให้นางไม่ต้องกังวล เขาจะกลับมาภายในเวลาไม่เกินครึ่งเดือน!“ทุกคน ข้ารู้ว่ามิตรภาพของพวกเจ้ากับหวังหยวนนั้นสำคัญมาก ความจริงแล้วข้าเ
“ปกติพวกเจ้าล้วนองอาจกันไม่ใช่หรือ?”“ก่อนหน้านี้ ตอนที่คิดจะโจมตีราชวงศ์ต้าเย่ พวกเจ้าต่างก็อยากจะแบ่งปันดินแดนกันไม่ใช่หรือ? แล้วตอนนี้ล่ะ? แค่ทหารที่พวกนั้นเชิญมาก็ทำให้พวกเจ้าหวาดกลัวได้ถึงเพียงนี้แล้วหรือ?”“พวกเจ้าอย่าลืมว่าภูมิประเทศของที่นี่อันตราย หากพวกเราไม่ยอมออกจากภูเขา แม้หวังหยวนจะเก่งกาจและมียอดฝีมือมากมายก็ทำอะไรเราไม่ได้! หรือว่าเขาจะสามารถคุกคามเราได้จริง ๆ?”ทุกคนมองหน้ากัน ไม่มีใครเอ่ยคำใดการหลบอยู่ในหุบเขา ไม่ใช่แผนการระยะยาว!“หากผู้ใดกล้าพูดจาบั่นทอนกำลังใจอีก อย่าหาว่าข้าใจร้ายแล้วกัน!”เจียงเซี่ยวตวาดอีกครั้ง ทุกคนจึงไม่กล้าพูดอะไรอีก เพียงแค่พยักหน้าเห็นด้วยคนเราเมื่ออยู่ใต้ชายคาบ้านคนอื่นย่อมต้องยอมก้มหัว!รุ่งเช้า หวังหยวนและกองทัพเริ่มมุ่งหน้าสู่ภูเขาแห่งนี้!ชนเผ่าต่าง ๆ ล้วนได้รับข่าว บัดนี้หวาดผวาไปหมด เพียงแค่เสียงลมพัดก็คิดว่าเป็นศัตรู!ทุกคนต่างเกรงกลัวอำนาจของหวังหยวน ใครจะกล้าต่อกรกับเขา?แม้จะหลบอยู่ในภูเขา แต่หากหวังหยวนตีฝ่าแนวป้องกันมาได้จะทำเช่นไร?ผลลัพธ์สุดท้ายย่อมเดาได้!เมื่อคิดได้เช่นนี้ เหล่าหัวหน้าเผ่าจึงมารวมตัวกัน“พวก
“ส่วนเรื่องของตานสยงเฟย ข้าจะจัดการภายหลัง”ตานสยงเฟยเป็นคนดื้อรั้นและแข็งแกร่งอย่างแท้จริง ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่อาจไต่เต้าสร้างพรรคทมิฬขึ้นมาได้!หวังหยวนเข้าใจเรื่องนี้ดี จึงไม่โทษต่งอวี่“ขอบพระคุณท่านผู้นำขอรับ!”ต่งอวี่รับคำ แล้วเดินออกไปพรุ่งนี้มีศึกใหญ่ ต้องพักผ่อนให้เต็มที่ จึงจะมั่นใจได้ว่าจะไม่พลาด!แม้ว่าจะเลยเที่ยงคืนไปแล้ว หวังหยวนและคนอื่น ๆ นั้นหลับสนิท แต่ในเวลานี้ ชนเผ่าต่าง ๆ ที่เป็นศัตรูกับหวังหยวนกลับยังไม่พักผ่อน เหล่าหัวหน้าเผ่ารวมตัวกันเพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับมาตรการตอบโต้!แต่ทุกคนล้วนมีสีหน้ากังวล!“พวกท่านคงได้ยินแล้วกระมัง?”“หวังหยวนนำทัพมาเอง บัดนี้ใกล้จะเปิดศึกกับพวกเราแล้ว จะทำเช่นไรดี?”“ทุกคนคงรู้จักชื่อเสียงของหวังหยวนดี เขาไม่ใช่คนอ่อนแอเลย!”“หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ แม้มีความกล้าหาญกว่านี้สิบเท่า ข้าก็ไม่กล้าไปยั่วยุราชวงศ์ต้าเย่!”ตอนนี้ทุกคนต่างเสียใจ อยากถอนตัวกลับกันทั้งนั้นช่างน่าเจ็บใจยิ่งนัก!เดิมทีคิดว่าราชวงศ์ต้าเย่ใกล้สิ้นอำนาจ แผ่นดินจะวุ่นวาย!แต่ไม่คาดคิดเลยว่าพวกเขายังมีแผนสำรอง ยอมทุ่มเทกำลังคนและทรัพย์สินเพื่อเชิญหวังหย
หวังหยวนโบกมือ แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “กองทัพไม่ได้อยู่ที่จำนวนมาก แต่อยู่ที่ความแข็งแกร่ง พวกนั้นเป็นแค่ชนเผ่าป่าเถื่อน จะทำอะไรข้าได้?”“เพียงทหารห้าหมื่นนายของข้าก็เพียงพอแล้ว!”“ท่านขุนพลแค่ประจำการอยู่ในเมือง รอฟังข่าวดีจากข้าก็พอ!”หวังหยวนกล่าวด้วยความมั่นใจแน่นอนว่าหวังหยวนไม่ใช่คนโง่ เขาย่อมรู้ดีว่าหากให้ซือฟางนำทหารออกรบพร้อมกัน เมื่อถึงเวลาแบ่งปันดินแดนจะทำเช่นไร?ช่างยุ่งยากยิ่งนัก!สู้ให้เขานำทัพไปปราบชนเผ่าต่าง ๆ เอง เมื่อสำเร็จ ดินแดนเหล่านั้นก็ตกเป็นของเขาย่อมดีกว่า!แม้มีผู้ใดคิดแย่งชิงก็คงไม่มีโอกาส!ยิ่งกว่านั้น คาดว่าซือฟางคงไม่กล้าเช่นนั้น!หากทั้งสองฝ่ายเปิดศึก ผลลัพธ์ย่อมเป็นหายนะ!ยิ่งไป๋เหยียนเฟยประชวรหนักย่อมกระทบขวัญกำลังใจ ราชวงศ์ต้าเย่จะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนไปสู้รบ?“ในเมื่อท่านหวังกล่าวเช่นนี้ ข้าก็จะรอฟังข่าวดี”“ขอให้ท่านหวังได้รับชัยชนะ!”ซือฟางประสานมือกล่าวทุกคนสนทนากันอีกสักพัก จากนั้นก็แยกย้ายกันไปซือฟางต้องดูแลการป้องกันเมืองจึงกลับไปก่อน ส่วนไป๋ลั่วหลีอยู่ที่ค่าย คอยช่วยเหลือหวังหยวนวางแผนรบ!ต้องมีคนรู้จักภูมิประเทศนำทาง หวังหยวนจึงจะ
นอกเมืองหลวงหวังหยวนเดินทางพร้อมกับไป๋ลั่วหลีกลับมายังค่ายของตนทันทีที่ทั้งสองก้าวเข้ามา ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่เร่งรีบดังมาจากด้านนอก ซือฟางในชุดเกราะเดินเข้ามาต้อนรับเนื่องจากไป๋ลั่วหลีได้แนะนำให้ทั้งสองรู้จักกันแล้ว หวังหยวนจึงยิ้มพลางกล่าวว่า “ข้ากำลังสงสัยว่าเป็นผู้ใด ที่แท้ก็เป็นท่านขุนพลนี่เอง! เชิญเข้ามาเถิด!”“ท่านหวังเกรงใจเกินไปแล้วขอรับ!”“ท่านมาไกล แถมยังช่วยข้าปราบกบฏทางเหนือ เชิญท่านเข้าไปก่อนเถิดขอรับ!”ซือฟางกล่าวตอบอย่างสุภาพไม่นาน ทุกคนต่างเข้าไปในกระโจมใหญ่ต้าหู่และต่งอวี่ยืนขนาบข้างหวังหยวน ดูองอาจน่าเกรงขาม!ซือฟางมองไปที่ทั้งสอง แล้วเอ่ยถามอย่างสงสัย “ไม่ทราบว่าสองท่านนี้คือใครหรือขอรับ?”ทั้งสองดูสง่างาม เต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งความกล้าหาญ คงไม่ใช่คนธรรมดาเป็นแน่!ซือฟางเป็นขุนพลมายาวนานย่อมมีสายตาที่เฉียบคม!หวังหยวนแนะนำด้วยรอยยิ้ม “ท่านที่อยู่ทางซ้ายมือข้าคือต่งอวี่ นักธนูมือหนึ่งในใต้หล้า ยิงธนูไม่เคยพลาดเป้า เป็นขุนพลเอกในกองทัพ!”“กองกำลังพลธนูที่ข้าฝึกฝนล้วนอยู่ภายใต้การบัญชาการของเขา!”ต่งอวี่พยักหน้าทักทาย“ส่วนท่านที่อยู่ทางขวาคือพี่น
“หรือว่าแผ่นดินนี้จะต้องตกไปอยู่ในมือของผู้อื่น?”สิ้นคำพูด ซือฟางก็ซัดกำปั้นลงบนกำแพงเมืองอย่างเดือดดาล!เหล่าขุนพลที่ยืนอยู่ด้านหลังต่างไม่กล้าเข้าไปใกล้ หรือแม้แต่จะเอ่ยปาก!“ท่านขุนพลไม่ต้องกังวล!”ทันใดนั้น ขุนนางชราผู้หนึ่งก็เดินออกมา บนใบหน้ามีเคราสีขาวโพลน เพียงดูก็รู้ว่าไม่ใช่บุคคลธรรมดาอย่างแน่นอน!คนผู้นี้คือที่ปรึกษาคนสำคัญของไป๋เหยียนเฟยนามว่า เจี๋ยงโฉ่วอี!ในราชสำนัก ผู้ที่อยู่เหนือเขามีเพียงจักรพรรดินีเท่านั้น!บัดนี้ไป๋เหยียนเฟยป่วยหนัก ขุนนางน้อยใหญ่ล้วนพึ่งพาเจี๋ยงโฉ่วอี ราชกิจสำคัญล้วนตกเป็นภาระให้เขาตัดสินใจทั้งสิ้น!เห็นได้ชัดว่าเขามีอำนาจสูงส่งล้นฟ้า!“ปรากฏว่าเป็นท่านเจี๋ยงนี่เอง!”“ท่านคงได้ยินสิ่งที่ข้าพูดไปเมื่อครู่แล้วกระมัง?”ซือฟางประสานมือคารวะเจี๋ยงโฉ่วอี แล้วเอ่ยถามเจี๋ยงโฉ่วอีพยักหน้า กล่าวอย่างใจเย็นว่า “ข้ารู้ว่าท่านขุนพลจงรักภักดี ย่อมคิดถึงฝ่าบาท แต่พระองค์ก็มีเรื่องที่ต้องกังวลเช่นกัน!”“ครั้งนี้พระองค์ไม่เพียงต้องการให้หวังหยวนช่วยปราบปรามอริทางเหนือเท่านั้น แต่ยัง...”กล่าวได้ครึ่งหนึ่ง เจี๋ยงโฉ่วอีก็หยุดพูด พร้อมกับเหลือบมองขุนพลน
“ท่านหวังมาแล้วหรือ?”เมื่อหวังหยวนและพรรคพวกเข้ามาก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย แต่แฝงด้วยความอ่อนแอดังมาจากด้านในไป๋ลั่วหลีรีบเข้าไปในกระโจม เปิดม่านทั้งสองข้าง หวังหยวนจึงเห็นไป๋เหยียนเฟยนอนอยู่บนเตียงอาการของไป๋เหยียนเฟยดูย่ำแย่กว่าที่เขาคิด ไม่เพียงแต่ใบหน้าซีดเผือดเท่านั้น แม้แต่ริมฝีปากไร้สีเลือดฝาด ดูอ่อนแรงมาก!หวังหยวนเอ่ยขึ้นว่า “ไม่ได้พบกันนาน เหตุใดฝ่าบาทจึงเป็นเช่นนี้?”“ไม่ได้เชิญหมอมารักษาหรือ?”“แค่ก แค่ก”ไป๋เหยียนเฟยไอสองสามครั้ง ไป๋ลั่วหลีช่วยพยุงนางขึ้น นางเงยหน้ามองหวังหยวน แล้วส่ายหน้ายิ้มอย่างจนใจก่อนกล่าวว่า “เมื่อฟ้าลิขิตแล้ว จะทำเช่นไรได้?”“ข้าตามหาหมอมารักษา หมอชื่อดังทั่วดินแดนทั้งเก้าต่างบอกว่าหมดหนทาง บางทีนี่อาจเป็นเจตจำนงของสวรรค์ก็ได้ไม่ใช่หรือ?”“เมื่อสวรรค์ต้องการให้ข้าตาย ข้าจะฝืนได้อย่างไร?”“แต่น่าเสียดาย กลุ่มกบฏทางเหนือกลับบุกอาณาจักรข้า! ประกอบกับอาณาจักรต้าเป่ยต่างจ้องมองพวกข้าอยู่ ข้าจึงให้ไป๋ลั่วหลีไปเชิญท่านมา หวังว่าท่านจะช่วยปราบกบฏพวกนั้นได้!”หวังหยวนรู้สึกสงสารในบรรดาสี่อาณาจักรใหญ่ เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับอาณาจักรต้าเย่ และ
“ครั้งนี้คงไม่นาน ข้าจะรีบพาทุกคนกลับมา!”“ยิ่งกว่านั้น ยังมีต้าหู่และขุนพลต่งอยู่กับข้าด้วย พวกเจ้าไม่ต้องกังวล”“แค่รออยู่ที่บ้านก็พอ!”หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้มเขารู้ว่าตนเองรู้สึกผิดต่อพวกนาง แต่บุรุษเกิดมาแล้วย่อมต้องสร้างฐานะไม่ใช่หรือ?สวรรค์ให้โอกาสเขาเกิดใหม่ จึงต้องใช้ความสามารถสร้างความสำเร็จที่ไม่มีใครเทียบได้!“น้องหรูเยียนยังไม่ค่อยสนิทกับพวกเจ้า ครั้งนี้ข้าจะพานางไปอาณาจักรต้าเย่ก่อน รอให้พวกเรากลับมาแล้วค่อยทำความรู้จักกัน”หลี่ซื่อหานและคนอื่น ๆ ต่างพยักหน้า ไม่เอ่ยคำใดอีกในเมื่อหวังหยวนตัดสินใจแล้ว พวกนางก็ได้แต่ทำตามภรรยาย่อมต้องเชื่อฟังสามี!“ท่านตงฟาง!”หลังจากพูดคุยกับภรรยาแล้ว หวังหยวนก็มองไปที่ตงฟางฮั่น“หลังจากที่ข้าไปแล้ว ต้องรบกวนท่านและท่านถงช่วยดูแลที่นี่ด้วย”“ข้าได้สั่งเอ้อหู่ ให้เขาเชื่อฟังคำสั่งของพวกท่าน ห้ามกระทำการโดยพลการ!”“เมืองหลิงคือรากฐานของข้า จึงมีความสำคัญยิ่ง ต้องไม่เกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นเด็ดขาด!”“คนของอาณาจักรต้าเป่ยจ้องมองพวกเราอยู่ หานเทาพร้อมจะสู้รบกับข้าทุกเมื่อ พวกท่านต้องระวังตัว!”หวังหยวนกำชับหลายครั้งตงฟางฮั่นแ
ทันใดนั้น เสียงไอก็ขัดจังหวะหวังหยวนเขาหันไปมองตามเสียงจึงเห็นตงฟางฮั่นทั้งสองแค่สบตากันก็เข้าใจความคิดของกันและกัน“คุณหนูไป๋”“ข้าขอคิดทบทวนก่อน จึงค่อยให้คำตอบ! วันนี้เป็นงานเลี้ยงต้อนรับ อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องหนักใจเช่นนี้เลย รอให้ดื่มกันให้หนำใจก่อน แล้วค่อยพูดคุยกันดีกว่า เจ้าว่าเช่นไร?”หวังหยวนให้เกียรติไป๋ลั่วหลีไป๋ลั่วหลีพยักหน้า “เช่นนั้นข้าจะรอฟังข่าวจากท่านหวังเจ้าค่ะ!”เมื่องานเลี้ยงเลิกราและจัดการเรื่องที่พักของไป๋ลั่วหลีแล้ว หวังหยวนก็รีบออกไปข้างนอกพร้อมกับตงฟางฮั่นริมถนน หวังหยวนและตงฟางฮั่นเดินเล่นไปพลางคุยกัน “ท่านตงฟาง ท่านคิดเห็นเช่นไร?”“ข้าคิดว่าควรส่งกองกำลังไปช่วย!”“ตอนนี้ไม่ใช่ยุคสงคราม โครงการชลประทานทำให้อาณาจักรอื่น ๆ เห็นถึงประโยชน์ เท่าที่ข้ารู้ แม้แต่อาณาจักรต้าเป่ยก็กำลังเร่งสร้างโครงการชลประทานเหมือนกัน!”“ในเมื่อพวกเราสร้างเสร็จก่อน ก็ควรใช้โอกาสนี้ขยายอาณาเขต!”หืม?หวังหยวนเลิกคิ้ว รู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย “ท่านตงฟาง ท่านลืมแล้วหรือ ครั้งก่อนที่พวกเราพบกันที่หอหลิวหลี ต่างให้สัญญากันว่าจะไม่ทำสงครามเพื่อให้โลกสงบสุข!”“หากข้ายกทัพตอน
ดูเหมือนว่าเมืองหลิงจะเป็นเมืองที่รุ่งเรืองและมั่งคั่งที่สุดในดินแดนทั้งเก้า!ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข เป็นที่หมายปองของทุกคน!เมื่อทุกคนกลับถึงบ้านของหวังหยวน พวกหลี่ซื่อหานได้สั่งให้คนเตรียมอาหารไว้แล้ว เมื่อทุกคนนั่งลงที่โต๊ะแล้ว หวังหยวนจึงแนะนำหลิ่วหรูเยียนให้เหล่าภรรยารู้จักพวกนางชินกับเรื่องแบบนี้แล้วบุรุษมีสามภรรยาสี่อนุเป็นเรื่องปกติ ไม่นานพวกนางก็สนิทสนมกันดั่งพี่สาวน้องสาวเนื่องจากไป๋ลั่วหลีอยู่ที่นี่ด้วย หวังหยวนจึงไม่อาจอยู่พูดคุยกับภรรยาได้ เพราะต้องไปดูแลไป๋ลั่วหลีก่อนเพื่อไม่ให้เสียมารยาทหวังหยวนกลับมานั่งที่โต๊ะ หลังจากดื่มกับไป๋ลั่วหลีสองสามจอกแล้วจึงกล่าวว่า “คุณหนูไป๋เดินทางมาไกล คงไม่ใช่แค่มาขอบคุณข้ากระมัง?”“ตอนนี้เราเป็นสหายกันแล้ว หากเจ้ามีเรื่องอยากปรึกษาก็บอกมาตามตรงเถิด ไม่ต้องอ้อมค้อม! ข้าไม่ใช่คนใจแคบ! หากมีสิ่งใดให้ข้าช่วย ข้าก็ยินดี”หวังหยวนเป็นคนใจกว้างไป๋ลั่วหลีได้ยินเช่นนั้นก็ส่ายหน้าและถอนหายใจเป็นเช่นที่ร่ำลือกันจริง ๆ!หวังหยวนมีสายตาเฉียบแหลม แม้จะอายุยังน้อยแต่ก็มองคนได้ทะลุปรุโปร่ง ไม่มีความคิดใดหลบเลี่ยงสายตาเขาไปได้!“ในเมื่อท