แต่ฮ่องเต้ซิงหลงไม่ได้สนใจเลย กลับบอกให้คนพาทั้งสองคนไปยังสถานที่ที่หวังหยวนอยู่!แม้ว่าบ้านที่อยู่ลึกเข้าไปในวังหลวงแห่งนี้ จะดูหรูหรายิ่งนัก!แต่นี่คือกรงทอง!ในขณะนี้ ประตูบ้านของหวังหยวนมีเจ้าหน้าที่คอยดูแล และมีสาวใช้รออยู่ที่ลานบ้านเสื้อผ้าอาภรณ์งดงาม อาหารรสเลิศนับไม่ถ้วน!ในขณะนี้ หวังหยวนกำลังนั่งอยู่ในบ้าน ที่เขาได้รับเป็นรางวัล กำลังลิ้มรสสุรา และรับประทานอาหาร“พี่หยวน!”“ท่านเสนาธิการทหาร!”ทันทีที่ทั้งสองเห็นหวังหยวน ก็รู้สึกกังวลมาก ร่องรอยของความโกรธฉายแววในดวงตาของพวกเขา!“พวกเจ้ามาถึงแล้ว มาหาอะไรกินดื่มกันก่อนเถอะ”หวังหยวนไม่สนใจเลย ช่วงนี้เขาค่อนข้างเหนื่อยมาก ดังนั้นการพักผ่อนที่นี่สักสองสามวันก็ไม่เสียหายอะไร!“ฮึ่ม! ฝ่าบาททรงทำเช่นนี้ได้อย่างไร!”อู๋หลิงโกรธมาก รีบตรงไปที่ห้องตำราของฮ่องเต้ซิงหลง โดยไม่พูดอะไรเลย!เมื่อราชองครักษ์ที่เฝ้าประตูเห็นอู๋หลิง ก็รีบพูดว่า “ท่านแม่ทัพ ฝ่าบาท... ไม่ได้เรียกตัวท่าน ท่านไม่อาจเข้าไปได้”อู๋หลิงก็รู้เช่นกัน เขายืนอยู่ที่ประตู แล้วพูดเสียงดัง “อู๋หลิงถวายบังคมฝ่าบาท โปรดให้กระหม่อมเข้าเฝ้าด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”ฮ่อง
ฮ่องเต้ซิงหลงไม่สนใจว่าอู๋หลิงจะจากไปเมื่อใด เพราะเขารู้ว่าเขาจะชนะ!ไม่มีใครสามารถยื่นมือมาช่วยหวังหยวนได้!แม้ว่าคนเหล่านั้นอาจจะโกรธมาก แต่พวกเขาก็ไม่กล้าบุกเข้ามาในวังหลวง!ถึงบุกเข้ามาก็ไม่หวั่น!ใบหน้าของอู๋หลิงบึ้งตึงมาก เขาโศกเศร้ามาก เมื่อเขากลับมาเห็นหวังหยวนกับเอ้อหู่กำลังดื่มสุรากัน ความเจ็บปวดในใจของเขาก็รุนแรงยิ่งขึ้นเมื่อหวังหยวนเห็นอู๋หลิงกลับมา เขาก็ถอนหายใจ และอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ความจริงแล้วเจ้าไม่จำเป็นต้องไปเลย! ฝ่าบาทได้ตัดสินใจไปแล้ว ไม่มีใครสามารถทัดทานได้!”อู๋หลิงรู้สึกเสียใจมากขึ้น เมื่อเห็นหวังหยวนพูดเช่นนี้!หากเขารู้เรื่องนี้ก่อนหน้านี้ เขาน่าจะส่งเอ้อหู่ออกไปเร็วกว่านี้!“เป็นความผิดของข้าเอง!”อู๋หลิงอดไม่ได้ที่จะพูดหวังหยวนยิ้มแล้วพูดว่า “แม้ว่าเจ้าจะส่งเอ้อหู่กลับไปที่หมู่บ้านต้าหวัง เขาก็ยังจะหาทางให้ข้ามาที่เมืองซ่างจิงจนได้อยู่ดี หากไม่มีเอ้อหู่ เจ้าก็จะไม่อยู่ด้วยหรือ?”ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา อู๋หลิงก็รู้สึกเศร้าและโกรธมากยิ่งขึ้น!เขาหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดว่า “ท่านเสนาธิการทหาร เนื่องจากท่านไม่อาจออกจากเมืองหลวงแห่งนี้ได้ ท่
“ดังนั้น...เราควรเลือกที่จะเชื่อเขา!”แม้ว่าหงเยี่ยจะโกรธมาก แต่ในตอนนี้นางก็รู้เช่นกัน ว่าเห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้เลย ที่จะโน้มน้าวคนอื่นให้โจมตีเมืองหลวง!ในเวลาเดียวกัน ไทเฮาเซียวฉู่ฉู่แห่งเมืองหวงก็ได้รับจดหมายเช่นกัน!“ต้าเย่... ช่างไร้สาระเสียจริง ช่างน่าขันนัก ฮ่องเต้ไร้ประโยชน์สั่งจำคุกขุนนางที่ดี!”“หวังหยวน... ในเมื่อเจ้าขอให้ข้าถอนกำลังทหารกลับ เช่นนั้นข้าก็จะเชื่อใจเจ้าสักครั้ง มาดูกันว่าเจ้าจะออกจากต้าเย่ได้อย่างไร!”“ข้าจะให้เวลาเจ้าครึ่งปี หากเจ้าไม่อาจออกจากต้าเย่ได้ภายในครึ่งปี ข้าจะไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากนำกองทหารเข้าโจมตีต้าเย่ อย่างไรก็ต้อง... ช่วยเจ้าให้ได้!”“สั่งให้กองทหารชายแดนถอนตัว จัดระเบียบทางการทหารใหม่อย่างจริงจัง เตรียมพร้อมสำหรับ... ครึ่งปีข้างหน้า!”เซียวฉู่ฉู่ไม่เชื่อว่าหวังหยวนจะสามารถออกจากเมืองหลวงนั้นได้!ดังนั้น...นางรู้สึกว่าเพื่อให้หวังหยวนปลอดภัย ต้าเย่ต้องผลัดเปลี่ยนแผ่นดิน เพื่อให้เขามีชีวิตอยู่!ด้วยอำนาจของผู้ครองแผ่นดิน คนคนเดียวจะรอดพ้นจากการจำคุกได้อย่างไร!แม้ว่านางจะรู้สึกว่าหวังหยวนเป็นอัจฉริยะในใต้หล้า มีน้อยคนที่จะเทีย
ฮ่องเต้ซิงหลงไม่รู้ความคิดของหวังหยวน เพียงแค่คิดว่าเขาคงยอมแพ้แล้ว เพราะถึงจะมีปีก ก็ยากที่จะบินหนีไปจากวังหลวงแห่งนี้ แม้ว่าเขาจะไม่ยอมแพ้ และยังคงมีความทะเยอทะยานอันยิ่งใหญ่ แต่เขาจะทำอย่างไรได้?เมื่อคิดได้ดังนั้น ฮ่องเต้ซิงหลงก็จากไปทันทีแต่เสนาบดีฝ่ายซ้ายกับพรรคพวกรู้สึกกังวลมาก เขายิ่งเสียใจเมื่อเห็นหวังหยวนถูกคุมขังในเมืองหลวง และไม่อาจแสดงความสามารถที่มีได้แต่พวกเขาก็รู้ด้วยว่าไม่อาจทัดทานความมุ่งมั่นของฝ่าบาทได้!แต่แม้ว่าจะไม่อาจเปลี่ยนความคิดของฮ่องเต้ได้ แต่หยางเฟิ่งกั๋วก็ยังคงมาห้องตำราหลวงของฮ่องเต้ซิงหลง!ฮ่องเต้ซิงหลงเหลือบมองหยางเฟิ่งกั๋ว ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ชายคนนี้ไม่ได้พูดอะไรเลย เขาไม่รู้ว่าเหตุใดวันนี้จึงมาพบเขาแต่จะเป็นเพราะเรื่องอะไรได้ นอกจากเรื่องหวังหยวน!“เสนาบดีฝ่ายซ้าย นั่งลงเถิด”ฮ่องเต้ซิงหลงพูดอย่างสงบ หยางเฟิ่งกั๋วสูดลมหายใจเข้า ก่อนนั่งตรงข้ามฮ่องเต้ซิงหลง แล้วค่อย ๆ พูดว่า “ฝ่าบาท กระหม่อมมาที่นี่วันนี้ เพื่อขอความเมตตาจากฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้ซิงหลงนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “มันไม่สำคัญว่าเสนาบดีฝ่ายซ้ายจะขออะไร ตราบใดที่มันเป็นไปเพื่อ
หลังจากที่เหตุการณ์นี้สงบลงแล้ว เขาก็จะต้องตายแน่นอน!แต่เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ เขาก็ยังคงดูไม่กังวลหรือควรจะบอกเขา...ผิดพลาดแล้วก็ปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม ให้เขาใช้ชีวิตให้เพลิดเพลินในวาระสุดท้ายดีหรือไม่?หวังหยวนไม่รู้ว่าหยางเฟิ่งกั๋วมาแล้ว เพราะกำลังง่วนอยู่กับการสร้างอาวุธลับ ตามความทรงจำของเขา!นี่คือกุญแจสำคัญในการออกจากเมืองซ่างจิงของเขา!ในเวลานี้หยางเฟิ่งกั๋วกระแอมเบา ๆ จากนั้นพูดด้วยรอยยิ้ม “สวัสดีท่านหวังหยวน”หวังหยวนจึงสังเกตเห็นว่ามีชายชราคนหนึ่ง เดินมาถึงลานบ้านแล้วเมื่อเห็นเช่นนี้ หวังหยวนก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เขามีท่าทางไม่ธรรมดา และมีรัศมีของผู้สูงศักดิ์ในทุกท่วงท่าคนผู้นี้...จะต้องอยู่ในตำแหน่งที่สูงศักดิ์!“ท่านผู้เฒ่าท่าทางไม่ธรรมดา หากเดาไม่ผิด เกรงว่าจะอยู่ในตำแหน่งสูงส่ง และคนเดียวที่จะมาหาข้าด้วยท่าทางเช่นนี้ได้ ก็คือเสนาบดีฝ่ายซ้าย ดังนั้นท่านคือเสนาบดีฝ่ายซ้าย ใช่หรือไม่?”หวังหยวนพูดการคาดเดาของตัวเองด้วยรอยยิ้มหลังจากที่หยางเฟิ่งกั๋วได้ยินดังนั้น เขาก็หัวเราะทันที“ข้าได้ยินมานานแล้วว่าท่านหวังหยวนเป็นอัจฉริยะ แล้วท่านก็เดาไ
คำพูดเหล่านี้เหมือนกับคำพูดของกบฏที่มีโทษร้ายแรง!หากแพร่งพรายออกไป ฮ่องเต้จะโกรธมากถ้ารู้เรื่องนี้ และเขาอาจจะถูกตัดหัวเลยก็ได้!“พี่หยาง พูดตามตรง ข้ารู้สึกประหลาดใจมากที่ท่านพูดเช่นนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงใจ ก็คงไม่พูดเช่นนี้ออกมา”“แต่ข้ารู้อยู่แล้วว่าเมื่อข้ากลับมา ผลจะเป็นอย่างไร แต่ข้าก็ยังกลับมา เพราะครอบครัวของข้าอยู่ในต้าเย่ ถ้าข้าไม่กลับมา พวกเขาอาจต้องทุกข์ทรมานแสนสาหัส”“ยิ่งกว่านั้น ข้ามั่นใจว่าข้าสามารถออกจากเมืองซ่างจิงได้”หลังจากพูดจบ หวังหยวนก็หัวเราะ หยางเฟิ่งกั๋วจึงประหลาดใจมาก“สหายน้อยหวัง เจ้า... เจ้ามีวิธีออกไปจากที่นี่หรือ?”“จะเป็นไปได้อย่างไร!!”เขารู้จักฮ่องเต้ดีที่สุด ฮ่องเต้จะไม่มีทางปล่อยหวังหยวนไป!“ฮ่าฮ่า คนเราย่อมมีแผนอันชาญฉลาดเป็นของตัวเอง ให้ข้าลองจัดการเองเถอะขอรับ”หวังหยวนยิ้มและไม่พูดอะไรอีก โดนไม่ได้บอกว่าเขาจะออกจากเมืองซ่างจิงอย่างไรแต่หยางเฟิ่งกั๋วรู้สึกประหลาดใจ แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเหตุใดหวังหยวนถึงมั่นใจถึงเพียงนี้ แต่เขาก็ยังเลือกที่จะเชื่อมันเพราะหวังหยวนสามารถรอดกลับมาได้ หลังจากไปเยือนราชสำนักเมืองหวง ทั้งยังได้ยศอ๋องเ
หวังหยวนยิ้มแล้วพูดว่า “ดูเหมือนว่าพี่จะมีคำตอบในใจอยู่แล้ว แล้วเหตุใดถึงมาถามข้าอีกล่ะขอรับ?”หยางเฟิ่งกั๋วถอนหายใจ แล้วส่ายหน้า จากนั้นยกยิ้มฝืดเฝื่อน“บางครั้งก็รู้ชัดเจน แต่ก็ยังคงมีความหวังอยู่ในใจ แค่หวังว่าจะมีโอกาส…”หยางเฟิ่งกั๋วรู้สึกเศร้าใจมาก แต่หวังหยวนไม่ได้พูดอะไรมากในขณะนี้พวกเจ้านายใหญ่โต...เมื่อเทียบกับเมืองหวง สิ่งเดียวที่ดีกว่าก็คือดินแดนนี้อุดมสมบูรณ์!ถ้าพูดถึงราชสำนัก ก็คงสู้ไม่ได้!ต้องบอกว่าต้าเย่เข้มแข็งน้อยกว่า!แต่คนในต้าเย่มีความสามารถมากมาย!ไม่ว่าเสนาบดีฝ่ายซ้ายหรือเสนาบดีฝ่ายขวา ล้วนเป็นคนที่ไม่ธรรมดา แต่กลับไม่ทำงานร่วมกัน!แน่นอนว่าปัญหาที่ใหญ่ที่สุด คือฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน!เขาคือตัวปัญหา!ฝ่ายราชการไม่อาจปกครองได้ด้วยการแต่งตั้งยศตามการเล่นพรรคเล่นพวกแม้ว่าเขาจะถือได้ว่าเป็นฮ่องเต้ที่มีความสามารถ แต่ก็ยังไม่เพียงพอ!อย่างน้อยก็ใจกว้างไม่พอ!ในฐานะฮ่องเต้ หากจัดการกิจการแผ่นดินไม่ได้ แล้วจะครองแผ่นดินได้อย่างไร!?จะทำให้ทุกคนในแผ่นดินนี้บุกน้ำลุยไฟเพื่อตนได้อย่างไร!มีคำกล่าวที่ว่าท้องของมหาเสนาบดีสามารถบรรจุเรือ แล้วฮ่องเต้ล่ะ? ต้อ
หยางเฟิ่งกั๋วตกตะลึง!แน่นอนว่าเขาเข้าใจความหมายของถ้อยคำเหล่านี้!แต่นี่มันยากเกินไป!ในโลกนี้ ผู้มีอำนาจย่อมอยากรวยเป็นธรรมดา!จะยอมแบ่งปันความมั่งคั่งให้คนอื่นได้อย่างไร!แต่เขาเข้าใจว่าหากหลักการของหวังหยวนประสบความสำเร็จจริง ๆ ทั้งแผ่นดินก็จะร่ำรวยแน่นอน!เจ้าของที่ดินหนึ่งคนมีที่ดินมากพอ ๆ กับเกษตรกรหลายร้อยคน!ยังมีทรัพย์สินส่วนตัว สำหรับคนรับราชการอีกมากมาย!“สหายน้อยหวัง ความคิดของเจ้านั้นพิเศษจริง ๆ เฉียบแหลมและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่ถ้าต้องนำไปใช้จริง มันจะยากเกินไป…”หยางเฟิ่งกั๋วถอนหายใจ ก่อนจะกล่าว“นี่เป็นเรื่องปกติ พี่หยาง มีบางสิ่งที่ไม่มีใครหยุดได้ บางทีอาจจะยังไม่ถึงเวลานั้น”เวลาที่หวังหยวนพูดถึงยังมาไม่ถึง ดังนั้นแน่นอนว่ายังไม่ถึงขั้นตอนนั้น!แม้ว่าต้าเย่จะเต็มไปด้วยช่องโหว่ แต่ก็ยังคงเป็นอาณาจักรที่ทรงอำนาจ!ในตอนนี้ฮ่องเต้จะใส่ใจเรื่องนี้ได้อย่างไร!“เราคุยกันมานานแล้วโดยไม่รู้ตัว สหายน้อยหวัง ต้องขอโทษจริง ๆ ที่รบกวนเจ้ามานาน”หลังจากเห็นว่าพระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้าแล้ว หยางเฟิ่งกั๋วรู้สึกว่าการสนทนาของเขากับหวังหยวนในวันนี้ สนุกมาก จนเขาลืมเวลาไปเ
“พวกเจ้าออกไปก่อน”เมื่อเห็นว่าคนเหล่านั้นหน้าดำคร่ำเครียด ซือหม่าอันจึงโบกมือให้พวกเขาออกไปในชั่วพริบตา คนเหล่านั้นก็จากไปด้วยความโล่งอกพวกเขาถึงกับกังวลว่าหานเทาจะสังหารพวกเขาเพราะความโกรธด้วยซ้ำ...“ท่านขุนพลหานไม่ต้องโมโห”“อันที่จริง เรื่องเหล่านี้ล้วนสมเหตุสมผล”“แม้ว่าจะไม่มีตำแหน่งอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าแล้ว แต่ชื่อเสียงของพวกเราก็ไม่ค่อยดีนัก พวกเขาจะเดินทางมาได้อย่างไร?”“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็สร้างหอไร้เทียมทานขึ้นมาเอง ท่านคิดเห็นเช่นไร?”ซือหม่าอันหรี่ตาลง ตอนนี้เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ สายตาจับจ้องไปที่หานเทาหานเทากลืนน้ำลาย เอ่ยถามขึ้นว่า “ท่านมีความคิดดี ๆ แล้วหรือ?”ซือหม่าอันกล่าวว่า “หลายปีมานี้ ผู้คนต่างก็เกลียดชังอาณาจักรต้าเป่ย ถึงกับคิดว่าต้นตอของสงครามในดินแดนทั้งเก้าก็คืออาณาจักรต้าเป่ยของพวกเรา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อยากเข้าร่วมกับพวกเรา”“เช่นนั้นพวกเราก็นำยอดฝีมือจำนวนมากจากภายนอกเข้ามาเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตนเองสิ!”“ตามที่ข้ารู้ หวังหยวนมีน้องชายคนหนึ่งชื่อว่าไฉจวิ้น ทั้งสองไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด ว่ากันว่าเป็นพี่น้องร่วมสาบาน”“ไฉ
“เมื่อคืนข้าไม่ได้บอกเจ้าแล้วหรือ ว่าอีกสองวันพวกเราจะกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง?”“ท่านถงและคนอื่น ๆ ล้วนอยู่ที่หมู่บ้านต้าหวัง พวกเราไม่ต้องเป็นกังวลกับเรื่องราวที่นั่น”“เมื่อพวกเรากลับไปแล้ว ก็เพียงแค่ใช้ชีวิตให้มีความสุข”หวังหยวนไม่ใช่คนไร้ซึ่งความทะเยอทะยาน เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้มีความรักชาติอันยิ่งใหญ่และคำนึงถึงปวงประชาเป็นหลัก!เขาเพียงต้องการดูแลครอบครัวของตนเอง รวมถึงสหายและพี่น้องที่อยู่เคียงข้าง!หากสามารถช่วยเหลือปวงประชาได้ ย่อมเป็นเรื่องดี แต่หากต้องเสียสละสิ่งใดจริง ๆ เกรงว่าเขาคงจะไม่ทำเช่นนั้น...แม้แต่การประชุมที่หอหลิวหลีในตอนนั้น ก็เป็นเพียงเพราะหวังหยวนต้องการความสงบสุข“ไม่ได้ ไม่ได้!”“ข้าไม่อยากกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง!”“ข้าอยากจะติดตามท่านไปยังสถานที่ที่ผู้คนไม่พลุกพล่าน เมื่อข้าให้กำเนิดลูกแล้ว พวกเราค่อยกลับไปก็ได้ไม่ใช่หรือ?”หลิ่วหรูเยียนฉลาดยิ่งนักเมื่อกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง นางจะสามารถติดตามหวังหยวนได้ทุกวันได้อย่างไร?อย่าว่าแต่ต้องการจะมีลูกเป็นของตนเองเลย เกรงว่าแม้แต่พื้นที่ส่วนตัวของเขากับนางก็ยังแทบจะไม่มี!ในบ้านยังมีพี่สาวอีกหลายคน
หวังหยวนได้ตัดสินใจแล้ว เรื่องราวในเมืองอู่เจียงใกล้จะสิ้นสุด เขาเตรียมที่จะกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวังในอีกสองวันครั้งนี้เขาออกมานานกว่าครึ่งปี แม้ว่าพวกหลี่ซื่อหานจะไม่ได้เร่งรัดให้เขากลับบ้าน แต่ด้วยนิสัยของพวกนาง เกรงว่าคงจะอยากมาตามหาเขาแล้วกระมัง?มีปัญหาน้อยดีกว่ามีปัญหามาก รีบกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวังย่อมดีกว่าอีกอย่างคือเมื่อมีคนรักใหม่แล้วจะลืมคนรักเก่าได้อย่างไร!ฝนตกทั่วฟ้าถึงจะถูกต้อง!“ท่านผู้นำ มีเรื่องสำคัญที่ต้องรายงานท่านขอรับ!”“ข้าเพิ่งได้รับข่าว หานเทาและซือหม่าอันได้ก่อตั้งสถานที่ที่คล้ายกับหอไร้เทียมทาน ตอนนี้กำลังรวบรวมยอดฝีมือทั่วหล้า!”“นี่มันจงใจเป็นศัตรูกับพวกเราชัด ๆ”“ข้าจึงอยากจะถามว่า ต่อไปพวกเราต้องทำการตอบโต้หรือไม่ขอรับ?”หากเป็นเมื่อก่อน เกาเล่อย่อมต้องการความมั่นคง ไม่เคยทำเรื่องหุนหันพลันแล่นในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมไม่เลือกที่จะปะทะกับหานเทาโดยตรงแต่ยามนี้แตกต่างออกไป เมื่อก่อนหวังหยวนมีเพียงแคว้นเดียวเท่านั้น ตอนนี้แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่เผ่าทางเหนือทั้งหมดก็อยู่ภายใต้การบัญชาของหวังหยวนแล้ว และท่านไท่สื่อก็เป็นคนของพวกเขาด้วย!ประกอบก
กองทัพทั่วหล้าตกอยู่ในมือของเขาแล้ว!หากเกิดสงครามกับหวังหยวน เขาก็ต้องเป็นแนวหน้า!ซือหม่าอันหรี่ตา จากนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “เรื่องที่ท่านขุนพลหานกังวล มีหรือที่ข้าจะไม่กังวล?”“ข้าได้กราบทูลเรื่องนี้กับฝ่าบาทแล้ว แต่ฝ่าบาทกลับไม่ได้ใส่ใจ ตอนนี้ท่านโปรดปรานการใช้ดินปืน ซ้ำยังให้คนไปคิดค้นอาวุธร้อนเพิ่มด้วย!”“เพียงแต่ว่าการจะพัฒนาอาวุธร้อนให้สมบูรณ์ ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ในชั่วข้ามคืน!”หานเทาถอนหายใจยาว มีหรือที่เขาจะไม่เข้าใจหลักการนี้?น่าเสียดายที่ไม่สามารถพูดคุยกับฝ่าบาทให้เข้าใจได้!“เช่นนั้นตามความคิดเห็นของท่านซือหม่า ต่อไปพวกเราต้องทำอย่างไร?”หานเทาเอ่ยถามเขาเป็นเพียงขุนศึก ในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมต้องการความช่วยเหลือจากซือหม่าอันเมื่อทั้งสองปรึกษาหารือกัน อาจจะสามารถหาผลลัพธ์ที่ดีได้!ซือหม่าอันหรี่ตาลง ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบา ๆ จากนั้นกล่าวว่า “หรือว่าพวกเราจะก่อตั้งสถานที่ที่คล้ายกับหอไร้เทียมทาน จากนั้นก็ป่าวประกาศเรื่องนี้ให้ทั่ว ให้ผู้คนทั่วหล้าเดินทางมา เช่นนี้แล้ว ต่อให้พวกเราไม่สามารถรวบรวมยอดฝีมือได้มากมาย อย่างน้อยก็ไม่ปล่อยให้
“เจ้านี่นะ! ถึงกับหึงหวงเพราะผู้ชายเลยหรือ? หากกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง เช่นนั้นข้าจะมีความสุขได้อย่างไร?”หวังหยวนส่ายหน้าอย่างจนใจ ที่บ้านเขายังมีภรรยาสาวสวยอีกหลายคน ท่าทางของหลิ่วหรูเยียนเช่นนี้ ช่างทำให้เขารู้สึกหวาดหวั่นที่สำคัญที่สุดก็คือ ภรรยาในบ้านแต่ละคนล้วนไม่ใช่คนธรรมดา!โดยเฉพาะหวงเจียวเจียว นิสัยของนางร้อนแรงยิ่งกว่าไฟ นอกจากหลี่ซื่อหานและคนอื่น ๆ แล้ว ก็เกรงว่าจะไม่ยอมรับใครอีกหากสตรีทั้งสองนี้มาพบกัน ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่ในเมื่อรับพวกนางมาเป็นภรรยาแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต เขาก็ต้องรับผิดชอบทั้งหมดเวลาสามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในช่วงสามวันนี้ หวังหยวนอยู่ในหอไร้เทียมทานต้องยอมรับว่าการก่อตั้งหอไร้เทียมทานได้ดึงดูดผู้มีความสามารถมากมายมาให้หวังหยวนที่สำคัญที่สุดก็คือหวังหยวนเป็นเพียงผู้ดูแล เรื่องราวทั้งหมดมอบให้เกาเล่อจัดการ โดยเพียงแค่ใช้ชื่อเสียงของหวังหยวนเท่านั้น!ต้องรู้ว่าหวังหยวนมีชื่อเสียงไปทั่วทั้งดินแดนทั้งเก้า เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด แม้แต่ปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้าก็เคารพหวังหยวน แล้วใครเล่าจะไม่อยากมาอยู่ใต้บัญชาของหวังหยวน?ยิ่งไป
การประลองย่อมต้องดำเนินต่อไปเพียงแต่ว่าตำแหน่งอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้านั้นมีมากมาย หวังหยวนจึงไม่ได้อยู่ดูการแข่งขันต่อคาดว่าในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า หอไร้เทียมทานคงจะคึกคักเป็นอย่างมากในไม่ช้า หวังหยวน ไฉจวิ้น และหลิ่วหรูเยียนทั้งสามก็กลับมาถึงห้อง ส่วนเรื่องภายนอกมอบให้เกาเล่อจัดการทันทีที่เดินเข้าห้อง หวังหยวนจึงรีบจับมือไฉจวิ้นมาตรวจดูอย่างละเอียด“พี่ใหญ่ ท่านไม่ต้องเป็นห่วงหรอกขอรับ ข้าสบายดี!”“ต่อให้ต้องประลองต่อ ข้าก็ยังไหว!”“เพียงแต่ข้าคิดไม่ถึงว่าเจ้านั่นจะยอมแพ้...”“เช่นนี้ก็ดี ทำให้ข้าไม่ต้องเปลืองแรง!”“อีกอย่าง หากต้องประลองกันต่อ เกรงว่าแม้แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือไม่...”นี่เป็นความจริงทุกคนรู้ว่าไฉจวิ้นมีพละกำลังมหาศาล ตัวเขาเองก็รู้ดีแก่ใจ แต่ขีดจำกัดของตนอยู่ที่ใด เกรงว่าแม้แต่เขาเองก็คงจะไม่รู้“เห็นว่าเจ้าไม่เป็นอะไร ข้าก็โล่งใจ”“แต่ต่อไปเมื่อทำสิ่งใด ต้องใช้ความคิดให้มาก”“แม้ว่าเจ้าจะมีพละกำลังมหาศาล แต่เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน เจ้าไม่มีทางรู้ได้ว่าคู่ต่อสู้ของเจ้าแข็งแกร่งเพียงใด”“ดังนั้นเมื่อทำสิ่งใด อย่าได้อวดดี เข้าใจหรือไม่?”
“ช่างมีพละกำลังมหาศาลจริง ๆ!”ขณะที่หวังหยวนกับพวกกำลังสนทนากัน สายตาของพวกเขาก็จับจ้องไปที่ดาร์เนล ซึ่งในตอนนี้ได้ยกติ่งหนักถึงเจ็ดร้อยชั่งขึ้นเหนือศีรษะบนเวทีเหลือเพียงไฉจวิ้นและดาร์เนลเมื่อดาร์เนลยกติ่งขึ้นได้ สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่ไฉจวิ้น ตอนนี้เขาคือความหวังของปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้า ตำแหน่งจอมพลังอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าจะไปตกอยู่ในมือของชาวต่างชาติได้อย่างไร?เช่นนี้แล้ว ภายภาคหน้าปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้าจะเชิดหน้าชูตาได้อย่างไร?ทางด้านสายตาของหวังหยวนนั้นจับจ้องไปที่ดาร์เนล ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่“ดูท่าแล้วไฉจวิ้นยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ดาร์เนลมีความสามารถจริง ๆ ข้าเห็นว่าตอนที่เขายกติ่งขึ้นเมื่อครู่ไม่ได้มีความลังเลแม้แต่น้อย ช่างมีพละกำลังมหาศาลนัก หากบอกว่าคนผู้นี้คือจอมพลังอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้า นั่นไม่ถือว่าเป็นการดูหมิ่นชื่อเสียงอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้า”หลิ่วหรูเยียนที่อยู่ด้านข้างเอ่ยอย่างช้า ๆการกระทำทั้งหมดของดาร์เนลล้วนอยู่ในสายตาของพวกเขา นี่คือผู้ที่มีความสามารถอย่างแท้จริงหากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เกรงว่าจะไม่มีใครทำได้อย่างเข้าไม่ใช่หรือ?
แต่ทั้งหมดนี้นั้น นับว่าเป็นความดีความชอบของปู่ของไฉจวิ้นด้วย หากไม่ใช่เพราะมีปู่ช่วยเหลืออยู่ข้าง ๆ และใช้ชีวิตอยู่ในป่ามาหลายปี แล้วเขาจะมีพละกำลังแข็งแกร่งเพียงนี้ได้อย่างไร?เมื่อไฉจวิ้นยกติ่งใหญ่ขึ้น ผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ ก็ทยอยแสดงความสามารถของตนน่าเสียดาย ในท้ายที่สุดผู้ที่สามารถยกติ่งใหญ่ขึ้นได้ นอกจากไฉจวิ้นแล้วมีเพียงชาวต่างชาติที่มาจากต่างแดนเท่านั้นเสียงปรบมือดังกึกก้องจากข้างล่างเวที “คนผู้นี้มีความสามารถยิ่งนัก”หวังหยวนกอดอกมองชาวต่างชาติผู้นั้น พลางกวักมือเรียกเกาเล่อในชั่วพริบตา เกาเล่อก็มาอยู่ข้างกายหวังหยวน แต่สีหน้ากลับดูตึงเครียด“คนผู้นั้นคือชาวต่างชาติที่เจ้าเพิ่งพูดถึงหรือ?”หวังหยวนชี้ไปที่อีกคนบนเวที แล้วเอ่ยถามเกาเล่อพยักหน้า จากนั้นก็ขมวดคิ้วเอ่ยว่า “คนผู้นี้มีที่มาไม่ธรรมดา ก่อนหน้านี้ข้าได้บอกข้อมูลของเขาให้ท่านทราบแล้ว คนผู้นี้มีชื่อว่าดาร์เนล ว่ากันว่ามีพละกำลังมหาศาลตั้งแต่เด็ก และเคยต่อยเสือร้ายตายด้วยหมัดเดียว!”“เดิมทีคิดว่าทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องเล่า ตอนนี้ดูเหมือนว่าอาจจะไม่ใช่เรื่องโกหก...”สามารถยกติ่งใหญ่หนักห้าร้อยชั่งได้ นั่นก็
เขามีความมั่นใจในตัวน้องชายคนนี้ก่อนหน้านี้ หวังหยวนเคยเห็นความสามารถของไฉจวิ้นมาก่อน อย่าว่าแต่จะหาผู้ที่เทียบเทียมเขาในบรรดาคนรุ่นเดียวกันได้ยากเลย แม้แต่คนที่อายุมากกว่าเขาก็ยังไม่มีใครมีพละกำลังเท่าเขา!ยิ่งไปกว่านั้น หวังหยวนเองก็ยังไม่รู้ขีดจำกัดของไฉจวิ้น!ดูท่าแล้ววันนี้คงมีเรื่องสนุกให้ชมกันเกาเล่อกลับเอ่ยว่า “ข้าเห็นว่าไม่เป็นเช่นนั้น คนที่อยู่ข้างกายไฉจวิ้นล้วนไม่ใช่คนธรรมดา! หนึ่งในนั้นมาจากต่างแดน คนผู้นี้มีชื่อเสียงมานาน ว่ากันว่าสามารถยกหินใหญ่หนักสองร้อยจินได้ด้วยมือเดียว!”“หากใช้สองมือ คาดว่าของหนักห้าร้อยจินก็คงไม่คณนามือขอรับ!”นี่...หวังหยวนกลืนน้ำลาย คนเหล่านี้กินหินเป็นอาหารกันหรืออย่างไร?ฝึกฝนร่างกายจนแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เลยหรือ?อย่าว่าแต่ยกของหนักห้าร้อยจินเลย แม้แต่สองร้อยห้าสิบจิน เขาก็ยังยกไม่ขึ้น!“รอดูไปก่อน ข้าก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าศักยภาพของไฉจวิ้นมีขีดจำกัดอยู่ที่ใด”“เจ้าจำไว้ว่าต้องไปเตือนเขาด้วยว่าอย่าได้มุทะลุดุดัน!”“เขายังเด็กนัก ภายภาคหน้ายังมีโอกาสอีกมากที่จะพิสูจน์ตนเอง หากได้รับบาดเจ็บเพราะเรื่องนี้แล้วนั้น ย่อมไม่คุ้มค่า”ห