นางอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มจากตรงไหน เพราะนางก็รู้จักนิสัยของหวังหยวนเป็นอย่างดี จึงรู้ว่าหลังจากที่เขาตัดสินใจแล้ว จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง!หลังจากที่ไป๋เฟยเฟยจากไป หวังหยวนก็เล่าเรื่องนี้ให้ทุกคนฟัง โดยเฉพาะต้าหู่!เมื่อได้ยินดังนั้น ต้าหู่ก็เบิกตากว้างขึ้นทันที!“ฮ่องเต้สามานย์! กล้าดีอย่างไรมาสั่งจำคุกเอ้อหู่!”ต้าหู่คำราม ขณะพูด จิตสังหารแผ่ซ่านออกมาจากดวงตาของเขา!“ต้าหู่ ข้าจะพาเอ้อหู่กลับมาในระหว่างการเดินทางนี้ ไม่ต้องกังวล เป็นเพราะต้าเย่อยากให้ข้าตาย เอ้อหู่จึงต้องเดือดร้อนทั้งที่ไม่สมควร”หลังจากได้ฟังเช่นนี้ ต้าหู่ก็รีบพูดว่า “พี่หยวน ข้าจะไปกับท่านด้วย!”“ถ้าฮ่องเต้สามานย์นั่นต้องการฆ่าท่าน แม้ว่าข้าจะต้องเสี่ยงชีวิต แต่ข้าก็ยินดีจะตายไปพร้อมกับท่าน!”ต้าหู่พูดอย่างดุดันถังหม่างก็พูดทันทีว่า “พี่หยวน ข้าก็จะไปด้วย แม้ว่าจะมีการต่อสู้เกิดขึ้น ข้าก็จะพยายามหาทางออกให้พี่หยวน!”ส่วนเกาเล่อสูดหายใจเข้าลึก ๆ ไม่ได้พูดอะไร แต่ดวงตาเขาบ่งบอกว่ากำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่!“ไม่ต้องหรอก ไม่สะดวกให้พวกเจ้าไป ข้าไปคนเดียวจะดีกว่า”“พวกเจ้าแค่ต้องปก
เมื่อเกาเล่อส่งจดหมายเหล่านี้ออกไป ใช้เวลาเพียงครึ่งวันเท่านั้น หลายคนก็ได้รับแล้ว!เมื่อวังไห่เทียนอ่านจดหมายนี้ ใบหน้าของเขาก็มืดมนด้วยความโกรธจัด!“อู๋มู่เคยโดนเช่นนี้! ท่านหมิงถันก็จะโดนเช่นกันด้วยหรือ?”“ไม่... ข้าไม่ยอม!”ด้วยเหตุนี้วังไห่เทียนจึงเขียนจดหมายทันที เพื่อแจ้งให้สมาพันธ์ต้าถงทราบถึงทุกเรื่องที่เกิดขึ้นกับหวังหยวน!บัณฑิตคนอื่น ๆ ที่กู่โจวและจิ่วซานจึงได้รู้เรื่องนี้ทันที!ในเวลาเดียวกัน ทุกคนในพันธมิตรเส้นทางการค้าป่าเขียวต่างก็รู้เช่นกัน มีตระกูลหลี่และผู้คนมากมายที่ได้ธุรกิจของหวังหยวนคอยดูแลด้วยความช่วยเหลือของหวังหยวน พวกเขาจึงก่อตั้งพันธมิตรเส้นทางการค้าป่าเขียวขึ้นมา ทำให้ทุกคนรู้สึกขอบคุณหวังหยวน!เมื่อได้อ่านจดหมายฉบับนี้ ก็ยิ่งโกรธมากขึ้นไปอีก!ส่วนที่หุบเขาชิงหลง!ในขณะนี้ หลังจากที่หงเยี่ยได้อ่านจดหมาย จิตสังหารก็ฉายแววไปทั่วใบหน้านาง!“เจ้าคนสารเลว ฮ่องเต้สามานย์ คิดจะฆ่าหวังหยวนจริง ๆ! รนหาที่ตาย!”พวกผู้นำคนอื่น ๆ ที่อยู่ด้านล่าง ก็เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองเช่นกันจ้าวป๋อเซี่ยวกล่าวว่า “นายท่านใหญ่ พวกเราต้องเริ่มฝึกกองกำลังเสียเดี๋ยวนี้เลย!
รายงานแต่ละฉบับทำให้ฮ่องเต้ซิงหลงหน้าบึ้งตึง!เขาไม่เคยคิดเลยว่าหวังหยวนจะมีความสามารถเช่นนี้!เขาทำให้ทั้งต้าเย่ต้องลุกเป็นไฟได้ด้วยตัวเอง!ในเวลานี้ เสนาบดีฝ่ายขวาเป้าชิงสื่อ กล่าวตามตรงว่า “ฝ่าบาท หวังหยวนได้จัดตั้งกลุ่ม เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว เขาได้ทำผิดมหันต์ คนคนนี้ไม่อาจเก็บไว้ได้พ่ะย่ะค่ะ!”ในเวลานี้ สือเหยาเฉียนเจ้ากระทรวงกรมโยธาธิการ ก็รีบลุกขึ้นยืนเช่นกัน!“ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท หวังหยวนผู้นี้มีอำนาจมากล้น เขาถูกเมืองหวงติดสินบนไปแล้ว และเขากำลังปลุกปั่นบ้านเมือง มันเป็นโทษที่ไม่อาจให้อภัยได้พ่ะย่ะค่ะ!”เหล่าเจ้ากระทรวงข้างล่างก็โกรธจัดทุกคน!เดิมทีหวังหยวนได้รับตำแหน่งอ๋องต่างแซ่ ซึ่งทำให้คนส่วนใหญ่ขุ่นเคืองและอิจฉา!ราชสำนักยังไม่ได้ลงมือทำอะไรเลย แต่คนเช่นนี้กล้าขู่ราชสำนักต้าเย่ ซึ่งทำให้ทั้งเจ้าหน้าที่และผู้บังคับบัญชาโกรธมากแน่นอนว่าพวกเขาไม่รู้เรื่องเอ้อหู่ แม้ว่าพวกเขาจะรู้ หลายคนก็จะยังอยากฆ่าหวังหยวน!ส่วนหยางเฟิ่งกั๋ว เสนาบดีฝ่ายซ้ายไม่ได้พูดในขณะนี้ เพราะเขารู้ว่ามันจะไร้ประโยชน์ ไม่ว่าเขาจะพูดหรือไม่ก็ตาม อย่างน้อย ตอนนี้หวังหยวนก็ยังไม่ตกอยู่ในอันต
พระราชกฤษฎีกาของฮ่องเต้ซิงหลงออกไปอย่างรวดเร็ว เมื่อมีการประกาศ ทุกคนก็รู้เรื่องนี้!ไม่ว่าจะเป็นอู๋หลิง วังไห่เทียน หงเยี่ย และคนอื่น ๆ!แม้ว่าพวกเขาจะรู้ แต่พวกเขาก็ยังคงไม่รู้สึกโล่งใจ!เพราะถ้าหวังหยวนยังไม่กลับไปที่หมู่บ้านต้าหวัง แม้เพียงหนึ่งวัน พวกเขาก็จะรู้สึกไม่สบายใจ แม้ว่าอีกฝ่ายจะยังไม่ได้ลงมือทำอะไร ก็ยังไม่น่าไว้วางใจ!ในขณะนี้หวังหยวนขี่ม้ามาถึงเมืองซ่างจิงแล้วเขาแปลกใจเล็กน้อย ที่ไม่มีการสกัดกั้นระหว่างทางในขณะนี้ ฮ่องเต้ซิงหลงได้ให้อู๋หลิงออกไปนอกเมืองเพื่อพบกับหวังหยวนแล้ว!เมื่ออู๋หลิงเห็นหวังหยวน เขาก็รีบพูดว่า “เสนาธิการทหาร ขออภัยขอรับ!”หวังหยวนยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ต้องขอโทษหรอก มันไม่ใช่ความผิดของเจ้า ข้าเองที่สร้างปัญหาให้เอ้อหู่”“ไม่ขอรับ... ถ้าข้าเดาความคิดของฝ่าบาทได้ และส่งเอ้อหู่กลับไปที่หมู่บ้านต้าหวังก็จะไม่เป็นเช่นนี้!”อู๋หลิงโทษตัวเองอย่างหนัก หากเอ้อหู่ไม่ถูกจำคุก หวังหยวนคงไม่มาที่เมืองซ่างจิงเพียงลำพัง และย่อมไม่มีวิกฤติใด ๆ !“เอาล่ะ ข้าอยู่นี่แล้ว พูดเช่นนั้นไปก็ไม่มีประโยชน์ แต่ว่า... ไม่มีใครขัดขวางข้าระหว่างทาง ทำให้ข้าประหลาดใจนิ
อู๋หลิงให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น แต่ทั้งสองต่างก็หนักใจ“เสนาธิการทหาร คราวนี้ท่านคิดจะทำอะไร?”อู๋หลิงพาหวังหยวนไปห้องตำรา ขณะนี้มีเพียงสองคนเท่านั้น ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะพูดคุยกัน!หวังหยวนเหลือบมองอู๋หลิง แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “แน่นอน เราต้องช่วยเหลือเอ้อหู่ก่อน ส่วนเรื่องอื่นก็จะคุยกันได้ง่ายขึ้น”อู๋หลิงอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “เอ้อหู่น่าจะไม่เป็นอะไรหรอก แต่ท่าน... ฝ่าบาทจะไม่ฆ่าท่านตอนนี้ แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขากักขังท่าน? แล้วในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น?”หลังจากได้ยินดังนั้น หวังหยวนก็โบกมือแล้วพูดอย่างเฉยเมย “อย่ากังวล เขาจับข้าไว้ไม่ได้หรอก”อู๋หลิงไม่เข้าใจ อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “เมืองหลวงแห่งนี้เป็นเหมือนกรง เกรงว่าจะบินหนีได้ยากจริง ๆ!”“มีปีกก็ยังยากที่จะบินหรือ? ฮ่า ฮ่า ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไปไม่ใช่หรือ?”หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ อู๋หลิงก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ข้าแค่เปรียบเทียบ ถ้าท่านบินได้จริง ๆ ท่านก็สามารถไปมาได้อย่างอิสระ”“เช่นนั้นข้าจะบินออกไป”หวังหยวนยิ้มอ่อน ซึ่งทำให้อู๋หลิงสับสนมากยิ่งขึ้น“บิน...”เขาไม่เข้าใจว่าหวังหยวนหมายถึงอะไร ส่วนหวังหยวนก็ไม่ได้พูด
ในขณะนี้ ฮ่องเต้ซิงหลงกำลังรอหวังหยวนในห้องตำรา!ไม่อาจมองเห็นความสุข ความโกรธ ความโศกเศร้า หรือความกังวลจากสีหน้าของเขาได้เลย มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าตนกำลังสงบจริง ๆ เหมือนภายนอกหรือไม่!เหล่าราชองครักษ์อยู่ข้างนอก ตั้งแต่ตอนที่หวังหยวนเข้ามาในวัง ก็ไม่มีใครรู้สถานการณ์ของหวังหยวน!วังแห่งนี้เปรียบเสมือนกรงที่แน่นหนา ไม่มีใครสามารถงัดเข้าไปได้!ตอนนี้อู๋หลิงยืนอยู่ที่ลานกว้าง ความกังวลปรากฏทั่วใบหน้าของเขา!เขาไม่รู้ว่าหวังหยวนกับฮ่องเต้ซิงหลงกำลังพูดอะไรกัน!ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฮ่องเต้ซิงหลงจะทำอะไร!จะฆ่าเขาหรือเปล่า...ไม่มีใครรู้!เขาทำได้เพียงยืนมองจากภายนอกด้วยสีหน้าเป็นกังวลเท่านั้น!ในเวลาเดียวกัน หวังหยวนได้เข้าไปในวังหลวงแล้ว และมาถึงห้องตำราหลวง!ได้พบแล้ว...ฮ่องเต้ซิงหลง!ทันทีที่เห็นฮ่องเต้ซิงหลง หวังหยวนก็หรี่ตาลง นี่คือฮ่องเต้แห่งต้าเย่หรือ?ช่างน่าประหลาดใจจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้วยอารมณ์หรืออะไรก็ตาม ทุกอย่างเผยให้เห็นถึงความสูงส่ง!แต่มีร่องรอยของความเย็นชาฉายแววจากดวงตาอีกฝ่าย หวังหยวนรู้สึกได้ว่าฮ่องเต้ที่อยู่ตรงหน้าเขา ไม่ใช่คนใจกว้างเลยจริง ๆ!ฮ่องเ
“พูดอีกอย่างหนึ่ง ข้าควรเลือกอยู่กับใคร?”ฮ่องเต้ซิงหลงยกยิ้ม แน่นอนว่าเขาไม่เชื่อคำพูดเหล่านี้ เขาพูดว่า “ใต้แผ่นฟ้าไม่มีที่มดที่ไม่ใช่ดินแดนของฮ่องเต้ ไม่มีใครไม่ใช่ราษฎรของฮ่องเต้ เจ้าคิดว่าเจ้าควรภักดีต่อใครล่ะ?”หวังหยวนกล่าวว่า “ฝ่าบาท แม้ว่าท่านจะกล่าวเช่นนี้ แต่ข้าก็ยังอยากจะบอกว่าถ้อยคำเหล่านี้ผิด!”“น้ำสามารถพยุงเรือให้ลอยได้ ก็สามารถคว่ำเรือให้จมได้เช่นกัน โลกนี้ไม่ใช่ของใคร แต่เป็นของราษฎร สรรพสิ่งใต้แผ่นฟ้าในตอนแรก เพราะราษฎรเคารพนับถือและไว้วางใจ ราชวงศ์และอำนาจของฮ่องเต้ จึงถูกสถาปนาขึ้น!”“ทุกคนล้วนเป็นเจ้าของโลกนี้ เจ้าของโลกที่ว่านั้นไม่ใช่เทพเจ้าที่จับต้องไม่ได้หรือมองไม่เห็น แต่เป็นทุกคนในโลกนี้!”“เพราะพวกเขาเทิดทูนว่าท่านเป็นฮ่องเต้ ท่านจึงได้เป็นฮ่องเต้ หากพวกเขาคิดว่าท่านเป็นเจ้าของโลกนี้ ท่านก็จะเป็นเจ้าของโลกนี้!”ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ดังขึ้น สีหน้าของฮ่องเต้ซิงหลงก็เปลี่ยนไปเป็นไม่พอใจทันที!คำพูดเหล่านี้ช่างหยิ่งผยองนัก!กล้าดีอย่างไรมาพูดจาราวกับกบฏเช่นนี้ ต่อหน้าฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน!รนหาที่ตาย!“หวังหยวน เจ้ารู้หรือไม่ว่าด้วยคำพูดของเจ้า ข้าสามาร
ฮ่องเต้ซิงหลงรู้สึกสะเทือนใจเล็กน้อย เมื่อได้ยินคำพูดของหวังหยวน!ชายหญิงเท่าเทียมกัน!นี่มันเรื่องไร้สาระอะไร!ในความคิดของเขา ชายหญิงไม่ได้เท่าเทียมกันเลย!เขาไม่รู้ว่าหวังหยวนต้องการจะแสดงละครอะไร เขาจึงไม่ได้ใส่ใจมากนัก เพียงแค่มองหวังหยวน แล้วพูดอย่างใจเย็น“หวังหยวน เจ้าบอกว่าเจ้ากำลังทำเพื่อต้าเย่ แต่การกระทำของเจ้า ส่งผลกระทบต่อผู้คนมากมายในต้าเย่ เจ้ามีอะไรจะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่?”ฮ่องเต้ซิงหลงมองหวังหยวน แล้วพูดตามตรงหวังหยวนส่ายหน้า “ข้าไม่มีอะไรจะพูด พวกเขา... แค่ไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้นกับข้า”“ฝ่าบาท ท่านจะปล่อยเอ้อหู่ไปเมื่อใด”เมื่อได้ยินดังนั้น ฮ่องเต้ซิงหลงก็หัวเราะ “เอ้อหู่ ข้าย่อมปล่อยเขาไปอยู่แล้ว”“แต่ว่า... ข้าปล่อยเจ้าไปไม่ได้”หวังหยวนไม่แปลกใจ ตอบกลับเบา ๆ ว่า “เรื่องนี้ข้าคิดไว้แล้ว แต่ข้าอยากรู้ว่าเหตุใดฝ่าบาทถึงคลางแคลงใจข้า เป็นเพราะอู๋หลิง ข้ากับวังไห่เทียนสนิทกันอย่างนั้นหรือ?”ฮ่องเต้ซิงหลงไม่คาดคิดว่าหวังหยวนจะพูดตรงประเด็นเช่นนี้ แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดออกมา แต่ฮ่องเต้ซิงหลงก็ใช่ว่าจะไม่มีความรู้สึกใด ๆ ในใจเลย คำพูดนี้ทำให้เขากังวลเ
สายตาของหวังหยวนจับจ้องไปยังตงฟางฮั่นพลางเอ่ยถามขึ้นแม้เขาจะได้รับฟังเรื่องราวของเมืองอู่เจียงจากเกาเล่อมาบ้าง แต่ก็รู้เพียงผิวเผินเท่านั้นในเมืองอู่เจียงมีสี่ตระกูลใหญ่ ทั้งตระกูลเฉินและตระกูลซูล้วนรวมอยู่ในนั้น!แม้ทั้งสองตระกูลไม่ใช่ตระกูลที่รุ่งเรืองที่สุด แต่ก็มีบทบาทสำคัญในเมืองอู่เจียง!“ท่านหวังทราบหรือไม่ว่าตระกูลซูทำธุรกิจด้านใด?”ตงฟางฮั่นเอ่ยถามอย่างเชื่องช้า“ข้าได้ยินเกาเล่อรายงานว่าตระกูลซูทำธุรกิจขนส่งทางบก”“ว่ากันว่าในอดีต ซูหนานอัน หัวหน้าตระกูลซู เริ่มต้นจากการใช้รถเข็นสามล้อ แล้วค่อย ๆ สร้างฐานะขึ้นมา”“ต่อมาตระกูลซูก็เจริญรุ่งเรืองจนมีอำนาจดังเช่นทุกวันนี้”ทันใดนั้นหวังหยวนก็ตบหน้าผากตนเองอย่างแรง ราวกับนึกอะไรบางอย่างออกธุรกิจขนส่งทางบก!หากมีการสร้างเขื่อนกั้นน้ำ ผลประโยชน์ของตระกูลซูย่อมเสียหาย พวกเขาจึงเป็นผู้ที่ต้องการขัดขวางโครงการนี้มากที่สุด!“ท่านตงฟางช่างเฉียบแหลมนัก!”หวังหยวนเอ่ยชมตงฟางฮั่นส่ายหน้ากล่าวว่า “บัดนี้ยังไม่อาจยืนยันได้ว่าสิ่งที่ข้าคิดนั้นถูกต้องหรือไม่”“แต่ก็ควรไปดูให้เห็นกับตาสักครั้ง”“ยิ่งไปกว่านั้น ท่านเป็นถึงเจ้า
“ข้าคิดว่าในสถานการณ์เช่นนี้ เราควรพิจารณาว่าการสร้างเขื่อนกั้นน้ำไปขัดผลประโยชน์ของผู้ใด”“หากไม่ใช่เรื่องผลประโยชน์ อีกฝ่ายคงไม่ลงมือเช่นนี้”“เช่นนั้นพวกเราก็จะพบเป้าหมายได้โดยเร็ว”สมแล้วที่ตงฟางฮั่นเป็นบุคลากรที่ใคร ๆ ก็ต้องการ คำพูดของเขาทำให้หวังหยวนรู้สึกกระจ่าง!“เช่นนั้นเอง”“ตอนนี้พวกเราแบ่งเป็นสองกลุ่ม!”“กลุ่มแรกให้ฉุนอวี๋อันไปสืบหาตัวคนที่แอบเข้าใกล้บ่อน้ำเมื่อคืน!”“เพื่อตามหาตัวคนวางยา แล้วเค้นถามข้อมูลจากมันให้ได้!”“อีกกลุ่มหนึ่งต้องไปสืบในเมือง ดูว่าใครได้รับผลกระทบ ก็จะทำให้เรามุ่งเป้าหมายได้ถูกต้อง!”“ตอนนี้สิ่งสำคัญคือต้องปลอบขวัญชาวบ้าน หากไม่สามารถให้คำตอบที่น่าพอใจแก่พวกเขา พวกเขาก็คงจะอ้างเรื่องศาลเจ้ามังกรแล้วหยุดการทำงาน!”“เช่นนั้นจะทำให้การก่อสร้างล่าช้า!”ความคิดของหวังหยวนตรงกับคนอื่น ๆเพราะแท้จริงแล้วสิ่งสำคัญที่สุดคือการสร้างเส้นทางคมนาคมทางน้ำเพื่อให้เมืองอู่เจียงพัฒนาจากนั้นก็จะสามารถพัฒนาเมืองหลิงได้!“ไม่จำเป็นต้องยุ่งยากถึงเพียงนั้นหรอก!”“ที่จริงข้าพอจะเดาออกแล้วว่าเป็นใคร”“ไม่ทราบว่าท่านหวังจะไปกับข้าหรือไม่?”ตงฟางฮั่นมองหวั
ช่างเป็นเรื่องเหลวไหล!สิ่งที่เรียกว่าศรัทธาและเทพเจ้าก็เป็นเพียงที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ เชื่อก็มี ไม่เชื่อก็ไม่มีสรรพสิ่งล้วนมีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ มีที่มาที่ไป หากมีเทพเจ้าและศักดิ์สิทธิ์เช่นนั้นจริง เหตุใดจึงมีผู้คนอดอยากยากไร้อยู่ทั่วทุกหนแห่ง?“ไร้สาระ!”หวังหยวนตำหนิ ฉุนอวี๋อันจึงไม่กล้าพูดต่อ“เรื่องนี้ต้องมีคนอยู่เบื้องหลังเป็นแน่”“หรือไม่ทุกคนติดโรคระบาดจึงเป็นเช่นนี้!”“รอข้าไปถึงแล้วค่อยว่ากัน!”หวังหยวนหลับตา ไม่พูดกับฉุนอวี๋อันอีกเพื่อไม่ให้ตนเองโมโหฉุนอวี๋อันงุนงง เขาเคยได้ยินชื่อโรคมากมาย แต่ไม่เคยได้ยินเรื่องโรคระบาดมาก่อน!หรือจะเป็นโรคประหลาด?เมื่อเห็นหวังหยวนไม่สนใจ เขาก็เช็ดเหงื่อ ไม่กล้าพูดอะไรอีก ได้แต่นั่งเงียบไม่นานพวกหวังหยวนก็มาถึงเขตก่อสร้าง ชาวบ้านที่ได้ยินข่าวต่างมามุงดู สถานที่แห่งนี้ช่างคึกคักทางด้านตงฟางฮั่นอยู่ท่ามกลางฝูงชน กำลังตรวจสอบอะไรบางอย่างตงฟางฮั่นเห็นหวังหยวนเดินเข้ามาจึงลุกขึ้นเดินไปหาหวังหยวน“ท่านตงฟาง ข้าได้ยินเรื่องที่นี่แล้วจึงรีบมา”“ท่านมาก่อน พบเบาะแสอะไรหรือไม่?”ตงฟางฮั่นส่ายหน้า พลางขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “ข้าให้
ยามตะวันโด่งฟ้า หวังหยวนกับภรรยายังคงนอนหลับอยู่บนเตียง แต่แล้วก็ได้ยินเสียงเคาะประตูอย่างเร่งรีบ“ท่าน!”“เกิดเรื่องใหญ่แล้วขอรับ!”“ท่านรีบออกมาเถิดขอรับ!”เสียงของฉุนอวี๋อันเต็มไปด้วยความร้อนใจ เขาเคาะประตูไม่หยุดปกติฉุนอวี๋อันเป็นคนรอบคอบ ไม่ว่าจะทำสิ่งใดก็ต้องชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียก่อนเสมอด้วยเหตุนี้ฉุนอวี๋อันจึงถูกมองว่าอ่อนแอ ไร้ความสามารถ เมืองอู่เจียงไม่เคยได้รับการจัดการอย่างดี และสี่ตระกูลใหญ่ก็มีอำนาจอยู่เหนือเขา!วันนี้เขากลับกล้ามาหาหวังหยวนถึงห้อง ทั้งยังมารบกวนการนอนของพวกเขา แสดงว่าต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นจริง ๆ!หวังหยวนค่อย ๆ ยืดตัวบิดขี้เกียจ จากนั้นสวมเสื้อผ้าแล้วเปิดประตูมองไปที่ฉุนอวี๋อันเมื่อเห็นเขามีสีหน้าร้อนรนก็ส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “ฟ้าถล่มหรืออย่างไร?”อย่างไรเสียฉุนอวี๋อันก็เคยเป็นผู้ว่าราชการเมือง จึงจำเป็นต้องสงบนิ่ง ไม่หวั่นไหว แม้ภูผาจะถล่มก็ตามไม่เช่นนั้นหากเกิดเรื่องใดขึ้นมา ฉุนอวี๋อันจะไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้!แต่น่าเสียดายที่ฉุนอวี๋อันไม่ได้รับการฝึกฝน!โชคดีที่เขาเห็นข้อนี้ จึงให้ฉุนอวี๋อันลาออกจากตำแหน่ง เพื่อไม่ให้เป็นการทำร้า
“ต้องระมัดระวังทุกย่างก้าว”เกาเล่อรีบพยักหน้า“อีกอย่าง”“เจ้าไปเมืองผีครั้งนี้ต้องระวังตัวด้วย”“คำพูดของหลิ่วหรูเยียนเชื่อได้ แต่ก็ไม่ควรเชื่อทั้งหมด”“เมืองผีอาจไม่ใช่สถานที่ที่เราจะอยู่ได้ง่าย ๆ...”“หากพบเจอเรื่องยุ่งยากก็ปรึกษาข้าได้ตลอด อย่าได้ทำอะไรบุ่มบ่าม!”หวังหยวนกำชับอีกสองสามประโยคเกาเล่อเป็นมือขวาของเขา เขาย่อมไม่อยากให้เกาเล่อเป็นอันตราย ไม่เช่นนั้นหวังหยวนจะรู้สึกไม่สบายใจอย่างมากบ่ายวันนั้น เกาเล่อเดินทางไปเมืองผีด้วยตัวเองส่วนหวังหยวนก็กลับไปที่พักหลี่ซื่อหานรออยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นหวังหยวนเดินเข้ามา นางก็ยิ้มหวานเดินเข้ามาหา แล้วควงแขนหวังหยวนขณะกล่าวว่า “ข้าได้ยินเรื่องที่ท่านกำลังทำอยู่ในช่วงนี้”“จะรับอนุภรรยาอีกแล้วหรือ?”หวังหยวนถึงกับหน้าเสียใครปากมาก เอาเรื่องนี้ไปบอกหลี่ซื่อหาน?ที่เขาไปหอนางโลมนั้นไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อสถานการณ์บ้านเมืองต่างหาก!“ในสายตาเจ้า ข้าเป็นผู้ชายที่เห็นผู้หญิงแล้วอดใจไม่ได้หรือ?”หวังหยวนจิบชา และกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์หลี่ซื่อหานยิ้มก่อนกล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน แต่คนอื่นไม่รู้จักนิสัยของท่าน อาจทำให้เกิด
“ข้าบอกก็ได้...”“เหตุใดต้องโหดเหี้ยมกับข้าด้วย?”“ข้าเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง เจ้าไม่สงสารข้าบ้างหรือ?”หลิ่วหรูเยียนมองหวังหยวน ก่อนจะกล่าวด้วยเสียงหวานมีเสน่ห์ “เจ้ารู้จักสถานที่แห่งหนึ่งทางตะวันตกที่ชื่อว่าเมืองผี หรือไม่?”“เมืองผี?”หวังหยวนส่ายหน้า ไม่เคยได้ยินชื่อนี้ แต่สายตาของเขามองไปที่เกาเล่อเกาเล่อเป็นหัวหน้าองค์กรเครือข่ายผีเสื้อ ข้อมูลทั่วหล้าล้วนอยู่ในมือเขา หากแม้แต่เกาเล่อยังไม่รู้จัก แสดงว่าสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ลับจริง ๆ!แต่ก็มีความเป็นไปได้อีกอย่าง คือหลิ่วหรูเยียนกำลังหลอกลวง!ทั้งหมดเป็นเพียงกลลวงของนาง!เกาเล่อเดินไปข้าง ๆ หวังหยวนแล้วกระซิบ “ข้ารู้จักเมืองผี...”“เดิมทีมันไม่ได้ชื่อเมืองผี ปัจจุบันมีชื่ออื่นแล้ว แต่เพราะเมื่อก่อนมีคนอดตายที่นั่นมากมาย มีข่าวลือว่ากลางดึกมักจะได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้ จึงเรียกที่นั่นว่าเมืองผี”“แต่ที่จริงแล้วก็แค่เรื่องเล่าลือขอรับ”ฟังคำอธิบายของเกาเล่อแล้วหวังหยวนก็พยักหน้าจากนั้น ฃเขาก็มองไปที่หลิ่วหรูเยียนอีกครั้ง ก่อนกล่าวอย่างใจเย็น “เช่นนั้นเจ้าหมายความว่าฐานทัพใหญ่ของพรรคทมิฬอยู่ในเมืองผีหรือ?”หลิ่วหรู
ทันใดนั้นหวังหยวนก็ให้สมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้อถอยไป ส่วนเขามานั่งยอง ๆ ตรงหน้าหลิ่วหรูเยียนมุมปากของหวังหยวนเผยรอยยิ้ม ก่อนกล่าวว่า “เจ้าคิดว่าเจ้ามีสิทธิ์ต่อรองกับข้าหรือ?”“ตอนนี้เจ้าอยู่ในมือข้า ตราบใดที่เจ้าทำตามที่ข้าต้องการ ข้าก็จะไว้ชีวิตเจ้า ไม่ให้ใครมารังแกเจ้าได้”“แต่ถ้าเจ้ายังกล้าต่อรอง เจ้าก็ลองดู ว่าข้าจะทำเรื่องโหดร้ายอะไร”“แต่อย่าหาว่าข้าไม่เตือน หากเจ้าท้าทายข้า ทำให้ข้าหมดความอดทน ผลลัพธ์สุดท้ายคงคาดเดาได้...”“เจ้าจะต้องเสียใจแน่นอน”เมื่อเห็นแววตาจริงจังของหวังหยวน หลิ่วหรูเยียนก็อยากจะฆ่าเขานักเหตุใดนางจึงต้องมาเจอกับปีศาจตนนี้ด้วย?ช่างโชคร้ายเสียจริง!“ตกลง!”“เช่นนั้นเจ้าต้องปล่อยข้าก่อน”“เจ้าจับข้าไว้ด้วยตาข่ายเช่นนี้ ข้าอึดอัดจะตายแล้ว!”หลิ่วหรูเยียนขมวดคิ้วพูดหวังหยวนรับมีดสั้นจากสมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้อมาตัดตาข่ายใหญ่ตรงหน้าออก หลิ่วหรูเยียนจึงเป็นอิสระหวังหยวนกล่าวต่อ “ตอนนี้ข้าทำตามที่เจ้าต้องการแล้ว เจ้าควรจะบอกสิ่งที่ข้าอยากรู้ได้แล้วกระมัง?”เขาเองก็ใจกว้างพอหากไม่ใช่เพราะเห็นว่าหลิ่วหรูเยียนเป็นผู้หญิง คงลงมือกับนางไปแล้
“เจ้าช่างเป็นคนต่ำทรามชั่วช้าเหลือเกิน!” หลิ่วหรูเยียนจะไม่เข้าใจสิ่งที่หวังหยวนจะสื่อได้อย่างไร ใบหน้านางซีดเผือดราวกับกระดาษ นัยน์ตาเบิกโพลงด้วยความตกใจกลัวขณะตวาด!หญิงงามผู้มีชื่อเสียงในสถานเริงรมย์ แม้จะอยู่ในที่เช่นนั้น แต่ก็รักษาความบริสุทธิ์ไว้เสมอ ไม่เคยยอมให้ชายใดแตะต้องเรือนร่างอันงดงามของตน!แต่บัดนี้บุรุษผู้มีนามว่าหวังหยวนกลับใช้เรื่องนี้มาข่มขู่นาง เป็นการกระทำที่ชั่วช้าที่สุดเท่าที่เคยพบเจอมา!เหตุใดไม่รู้มาก่อนเลยว่าหวังหยวนน่ารังเกียจถึงเพียงนี้?“เจ้าไม่สมควรเป็นใหญ่ในแผ่นดิน!” “เจ้าเป็นแค่คนเลวทรามต่ำช้า!”“เช่นนั้นก็สังหารข้าเสีย การที่เจ้ามาล่วงละเมิดสตรีเช่นนี้ เจ้ายังถือว่าตนเป็นบุรุษผู้กล้าหาญได้อยู่หรือ?” “หากเรื่องนี้แพร่สะพัดออกไป ชื่อเสียงของเจ้าจะต้องเสื่อมเสียอย่างแน่นอนใช่หรือไม่?”นางพยายามอย่างตะโกนเพื่อที่จะเปลี่ยนใจหวังหยวนให้ได้ ทว่าใบหน้าของเขาไร้ซึ่งความรู้สึกใด เขายืนกอดอกเอ่ยเสียงเรียบเฉย “เป็นเรื่องปกติที่จะใช้วิธีการที่แตกต่างกันเพื่อปฏิบัติต่อผู้คนที่แตกต่างกัน”“หากเจ้าไม่ดื้อดึง ข้าก็คงไม่ต้องทำรุนแรงเช่นนี้ ข้าจะทำเช่นนี้กับ
“ข้าอยากรู้ว่าปากของนางกับมือของข้า อะไรจะแข็งกว่ากัน!”แม้จะเป็นเด็กกำพร้าก็ต้องหาวิธีง้างปากนางให้ได้!ไม่บรรลุเป้าหมายย่อมไม่หยุดยั้ง!ไม่นานหวังหยวนกับเกาเล่อก็มุ่งหน้าออกนอกเมืองที่หน้าศาลเจ้าเฉิงหวงหลิ่วหรูเยียนนั่งผิงไฟ ครุ่นคิดถึงแผนการต่อไปที่นางมาเมืองอู่เจียงนั้นเป็นเพราะคำสั่งของผู้นำระดับสูงในพรรคทมิฬ!เพื่อแทรกซึมเข้ามาในดินแดนศัตรู แล้วค่อย ๆ แผ่ขยายอำนาจไปยังเมืองหลิง!สาเหตุที่สาวกพรรคทมิฬแทรกซึมเข้ามาในดินแดนของหวังหยวน ไม่ใช่เพียงเพราะดินแดนของหวังหยวนเล็ก แต่เป็นเพราะหวังหยวนผู้นี้เป็นคนชาญฉลาดและรอบคอบ!หากเขาพบเบาะแสใดๆ ก็จะตามสืบจนเจอ และอาจนำพาหายนะมาสู่พวกเขา!แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ!หวังหยวนเพิ่งจะสังเกตเห็นร่องรอยของสาวกพรรคทมิฬ ไม่คิดเลยว่าจะพบตัวหลิ่วหรูเยียน!จากนั้นค่อยสืบหาความลับของพรรคทมิฬ!เรื่องนี้ต้องระวังให้ดี!“เหตุใดนกพิราบสื่อสารยังไม่กลับมาอีกนะ?”“หรือว่าจะเกิดเรื่อง...”หลิ่วหรูเยียนที่นั่งอยู่หน้ากองไฟ สำรวจสถานการณ์นอกประตูด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนักแม้สมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้อจะซ่อนตัวอยู่ แต่ก็ไม่รอดพ้นสายตาของนาง!แต