หวังหยวนมองลึกไปที่เกาเล่อแล้วยิ้ม “ใต้เท้าเกา ทำให้ท่านผิดหวังแล้ว ข้าไม่ได้มีเจตนาจะฆ่าท่านจริง ๆ” “อย่างไรก็ตาม ใต้เท้าเกา ข้าก็อยากรู้เช่นกันว่า ท่าน... ไม่กลัวความตายหรือ?” หวังหยวนถาม และหลังจากพูดเช่นนี้ เกาเล่อก็อดยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “ความตายน่ากลัวตรงไหน หากชีวิตของข้าสามารถแลกกับชีวิตของคุณชายหมิงถันได้อย่างง่ายดาย เช่นนั้นก็เป็นเรื่องที่คุ้มค่า!” “ท้ายที่สุดแล้ว...หากว่าข้ามองไม่ผิดล่ะก็ ท่านจะเป็นศัตรูตัวฉกาจที่สุดในเมืองหวงของข้า!” หลังจากพูดอย่างนั้น เกาเล่อก็ยิ้มให้หวังหยวนเป็นครั้ง สุดท้ายแล้วก็ขี่ม้าจากไป! เมื่อเห็นเกาเล่อจากไป หวังหยวนก็ไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้เป็นเวลานาน! คนผู้นี้... จะต้องถูกกำจัดโดยเร็วที่สุด! เขาฉลาดเกินไปแล้ว! เมื่อกลับไปถึงโรงเตี๊ยมคณะทูต เขาก็เห็นต้าหู่และถังหม่างที่มีสีหน้าดูวิตกกังวล “พี่หยวน พี่ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” หวังหยวนยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร” หลายคนเดินเข้าไปในบ้าน ต้าหู่รีบรินชาให้หวังหยวนและอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “พี่หยวน พี่ได้เข้าพบไทเฮาแล้วหรือยัง? ท่าทางของพระองค์เป็นอย่างไรบ้าง?” หวังหยวนพูดอย่างใจเย็น
“หากพูดตามตรงก็คือ เป็นการแต่งงานที่ข้าขอร้องด้วยตัวเอง!” หลังจากพูดจบ ต้าหู่และถังหม่างต่างก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แต่พวกเขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับหวังหยวนพวกเขาทั้งสองคนก็สนับสนุนอย่างเต็มที่! “เดิมที...ข้าไม่เห็นด้วย สุดท้ายแล้วเมื่อมองจากมุมมองส่วนตัวของข้า ข้าไม่ชอบการแต่งงานเช่นนี้ เพราะ...ข้ามักจะรู้สึกผิดกับพี่สะใภ้ของพวกเจ้า” “แต่สำหรับสถานการณ์เช่นนี้แล้ว มันคงไม่ดีกว่านี้อีกแล้ว การใช้ข้าตามหาหวงเจียวเจียวเพื่อเป็นเหยื่อ เป็นการบังคับให้อ๋องหลงซีและข้าต้องหันกลับมาต่อกรเช่นเดียวกัน และปล่อยให้ราชวงศ์ทั้งสองคนนั้นเผยพิรุธออกมา” หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ ต้าหู่และถังหม่างก็กระพริบตาทันที “ที่แท้ก็เป็น...คุณหนูหวงหรอกหรือ...” ต้าหู่ไอแห้งและกระซิบพูด “ที่แท้ก็เป็นคุณหนูหวงหมายความว่าอย่างไร? นางกับข้าต่างบริสุทธิ์ต่อกัน เจ้าอย่าคิดเป็นอื่นเด็ดขาด ข้าทำเช่นนี้เพื่อจะได้กลับไปที่ต้าเย่โดยเร็วที่สุด ไม่เช่นนั้น เมื่อไหร่เรื่องนี้จะจบลงเล่า!” หวังหยวนพูดด้วยความโกรธ ต้าหู่และถังหม่างต่างมองหน้ากันและไม่พูดอะไรอีก “อย่างไรก็ตาม ก่อนเร
เกาเล่อเล่าอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอากู่ฉาหรืออ๋องหลงซี เขาก็พูดเจตนาของตัวเองออกมาจนหมด หลังจากได้ยินสิ่งนี้ อ๋องเจิ้นตงก็ยิ้ม “ไทเฮา...ใจร้อนเกินไปแล้ว...ถึงกับปล่อยให้คนที่ละทิ้งต้าเย้วางแผนเรื่องพวกนี้ ช่างน่าขันยิ่งนัก” อ๋องเจิ้นตงพูดอย่างราบเรียบด้วยสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม “อ๋องเจิ้นตง หวังหยวนผู้นี้ยากจะหยั่งถึง แม้แต่กระหม่อมก็มองไม่เห็นความคิดของเขา กระหม่อมคิดว่า... ฝ่าบาทควรหาโอกาสฆ่าเขาให้สิ้นซากพ่ะย่ะค่ะ!” อ๋องเจิ้นตงย่อมเชื่อคำพูดของเกาเล่อ เขาพยักหน้า “ไม่ควรเก็บเขาไว้จริง ๆ” “ทว่า...การคิดจะฆ่าเขาก็ไม่ง่ายเลย แต่ข้าสงสัยยิ่งนักว่าเหตุใดองครักษ์เงาถึงไม่ฆ่าเขา? เจ้าแอบระดมคนจำนวนมากเข้าไปไม่ใช่หรือ?” ในเวลานี้ อ๋องเจิ้นตงเอ่ยปากพูด แม้ว่าองครักษ์เงาจะเป็นของอ๋องหลงซี ทว่าเกาเล่อก็ได้วางคนของเขาเองเข้าไปนานแล้ว และการถ่ายทอดคำสั่งลับครั้งนี้ก็เป็นความตั้งใจของเขาเช่นกัน แต่คิดไม่ถึงว่ามันจะล้มเหลว! “กระหม่อมก็ไม่รู้เช่นกันว่าเหตุใดจึงล้มเหลว ถึงแม้ว่าคนที่ไปจะมีไม่กี่คน แต่พวกเขาก็เคลื่อนไหวอย่างลับ ๆ ตลอดทาง และไม่เปิดเผยพิรุธ ยิ่งกว่านั้น ข้ายัง
“มีเงินแล้วทำอย่างไรได้เล่า? ยังห่างไกลจากทหารองครักษ์เมืองหวงยิ่งนัก บุกรุกทุกซอกทุกมุม!” “ดังนั้น... คราวนี้เมืองหวงก็จะตกอยู่ในเงื้อมมือของข้าไม่ช้าก็เร็ว!” อ๋องเจิ้นตงมั่นใจมาก เมื่อเปรียบเทียบกับพวกเขาแล้ว พลังอำนาจของเขาน่ากลัวที่สุด! ทหารองครักษ์เมืองหวงควบคุมทุกอย่างในเมืองหลวง ถนนและตรอกซอกเต็มไปด้วยคนของทหารองครักษ์เมืองหวง! เบื้องบนจากวังสู่ราษฎรทั่วไป ทุกคนล้วนอยู่ในการควบคุมของเขา! เมื่อมีการกบฏ เขาจะควบคุมราชสำนักได้อย่างตามใจปรารถนาอย่างแน่นอน! ... วันรุ่งขึ้น หวังหยวนตื่นแต่เช้าและรับประทานอาหารเช้า งานเลี้ยงเฉลิมฉลองเริ่มตอนเที่ยง หวังหยวนไม่มีอะไรทำ และไม่ได้พูดอะไรมาก ทว่าเขากลับเริ่มวางแผน ตอนนี้สิ่งที่อยู่ในมือของเขาไม่มากพอที่สามารถใช้งานได้ แต่มีบางสิ่งที่ให้เขาประหลาดใจได้! ไม่นานก็ถึงเวลาเที่ยง เกาเล่อรออยู่ข้างนอกนานแล้ว “ใต้เท้าเกา ข้าเพียงแค่เข้าวังเท่านั้น ท่านมีตำแหน่งทางการที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ กลับมาพบข้าด้วยตนเอง มันทำให้ข้ารู้สึกละอายใจจริง ๆ” หวังหยวนหัวเราะ ข้างหลังเขามีต้าหู่และถังหม่างตามมาด้วย ทั้งสองคนสามารถติดตามเข้าไปในวั
การแสดงออกของไทเฮาเซียวฉู่ฉู่เปลี่ยนไปเล็กน้อย และทุกคนก็ต่างสังเกตเห็นพวกเขาทั้งหมดรู้สึกว่าไทเฮาไม่พอพระทัยเล็กน้อย ทว่าในเวลานี้ อ๋องถูหนาน อากู่ฉาเอ่ยปากกล่าวว่า “ไทเฮา ต้าเย่ปกครองประเทศเป็นที่รู้จักมาโดยตลอดในด้านความกล้าหาญด้านการต่อสู้ เบื้องหน้ามีอู๋มู่ และเบื้องหลังมีอู๋หลิงอยู่ ข้าเชื่อว่าหวังหยวนจะมาพร้อมกับปรมาจารย์หลายคนในครั้งนี้ การแข่งขันเช่นนี้ คงไม่นับว่ายากเกินไปกระมัง?” อากู่ฉากล่าวในทางว่าหนามยอกเอาหนามบ่ง หลังจากพูดเช่นนี้ สีหน้าของไทเฮาก็ดูไม่ดีขึ้นเล็กน้อย แต่มันคือการแสดงทั้งหมด หวังหยวนย่อมยิ้มตอบ “ในเมื่ออ๋องถูหนานมีอารมณ์อันสุนทรีย์เช่นนี้ กระหม่อมย่อมน้อมรับพ่ะย่ะค่ะ ต้าหู่” หวังหยวนกล่าวอย่างราบเรียบ และต้าหู่ที่อยู่ข้างหลังก็ก้าวออกมาข้างหน้า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เราก็มาเพิ่มความรื่นรมย์ด้วยศิลปะการต่อสู้กันเถอะ อย่างไรก็ตาม งานเฉลิมฉลองในวันนี้จะไม่มีการนองเลือดเป็นอันขาด เข้าใจหรือไม่?” ไทเฮาพูดอย่างเย็นชา หลังจากพูดเช่นนี้ อดีตนายพลผู้นั้นก็พูดทันที “กระหม่อมน้อมรับคำบัญชา!” เมื่อพูดเช่นนั้น เขาก็ชักดาบยาวออกมาแล้วเดินตรงไปที่ตรงกลา
หลังจากพูดแบบนี้ อากู่ฉาก็กระแอมเบา ๆ และเพิกเฉยต่อมัน ไทเฮาเซียวฉู่ฉู่กลับหัวเราะขึ้นมา “ไม่เป็นไร มันเป็นเพียงเพื่อความรื่นรมย์เท่านั้น” และในเวลานี้ จู่ ๆ ก็มีคนพูดขึ้นอีกครั้ง “ไทเฮา การแข่งขันศิลปะการต่อสู้ก็จบลงแล้ว ไม่สู้มาเพิ่มตวามรื่นรมย์ด้วยบทกวี ท้ายที่สุดแล้ว การชักปืนและร่ายรำกระบี่ในงานเฉลิมฉลองยิ่งใหญ่ในวันนี้ ไม่ใช่เรื่องดีนัก” มีใต้เท้าคนหนึ่งเสนอแนะทันที เซียวฉู่ฉู่หัวเราะและพยักหน้า “ก็ดี ทว่าการเพิ่มความรื่นรมย์เช่นนี้กลับไม่น่าสนใจเท่าไหร่ ไม่สู้ดวลวรรณกรรมกันเสียดีกว่า ผู้ชนะจะได้รับรางวัลใหญ๋จากข้า ทุกท่านคิดเห็นอย่างไรเล่า?” ทันทีที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ เหล่าขุนนางที่อยู่ด้านล่างต่างก็ตื่นเต้นยิ่งนัก “ข้อเสนอแนะของไทเฮา ช่างดียิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ!” ไทเฮาก็หัวเราะเช่นกัน “เช่นนั้นก็เริ่มกันเลยเถอะ” เมื่อหวังหยวนได้ยินดังนั้น เขาก็กระพริบตา ดูเหมือนว่านี่เป็นโอกาสที่ตัวเองจะเอ่ยขอแต่งงาน! ไทเฮาผู้นี้เชื่อใจตัวเขามากจริง ๆ ในวันเฉลิมฉลองยิ่งใหญ่เช่นนี้ ให้เขาเอ่ยขอแต่งงาน นางต้องมีเหตุผลเป็นแน่ และรางวัลใหญ่นี้ก็คือเหตุผล อย่างไรก็ตาม นางจะมั่นใจ
หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ เขาก็ยิ้มเล็กน้อยและนั่งลงบนที่นั่งทันที! กวานจีในบทกวี ทุกคนสามารถเขียนบทกวีใด ๆ ได้ตามใจปรารถนา หากมีคนที่สามารถเขียนบทกวีที่ดีกว่าบทกวีนี้ได้เพียงเล็กน้อยหวังหยวนก็จะยอมรับความพ่ายแพ้อย่างจริงใจ! ในขณะนี้ ทุกคนต่างสั่นสะท้านในใจ! บทกวีนี้ ช่าง... ช่างวิเศษยิ่งนัก! นกจีจิวขันร้องเรียกหาคู่ อยู่บนเกาะแก่งกลางแม่น้ำ! สาวงามแสนดีเอย เจ้าเป็นที่หมายปองของชายหนุ่ม! โดยเฉพาะสี่ประโยคนี้ เรียกได้ว่าเป็นผลงานชิ้นเอกอย่างแท้จริง! “สาวงามแสนดีเอย เจ้าเป็นที่หมายปองของชายหนุ่ม...บทกวีที่ดี...หวังหยวน เจ้าช่างมีความสามารถทางวรรณกรรมที่ไม่มีใครเทียบได้จริง ๆ!” ในเวลานี้ ไทเฮาเซียวฉู่ฉู่ก็รู้สึกประหลาดใจมากเช่นกัน นางรู้สึกประทับใจบทกวีนี้ยิ่งนัก! “ไทเฮากล่าวชมเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” หวังหยวนรีบส่ายหัว เขาประสานมือแล้วกล่าวอย่างสุภาพ แต่หลังจากที่ไทเฮาได้ยินดังนั้น นางก็หัวเราะและมองขุนนางใต้เท้าทุกคน “ทุกท่าน ตอนนี้วังหยวนกล่าวบทกวีนี้จบแล้ว มีใครต้องการแข่งกับเขาหรือไม่?” หลังจากที่ไทเฮากล่าวคำเหล่านี้ ทุกคนที่อยู่ ณ ที่นั้นต่างก็ตกตะลึง! บทกวีนี
ไทเฮาเคยบอกแล้วว่าเขาต้องแสร้งทำตัวเป็นศัตรูตัวฉกาจของหวังหยวน ดังนั้นเขาจึงพูดทันที “ทูลไทเฮา ความเกลียดชังที่ฆ่าเสด็จพ่อของข้า ข้าจะยุติความบาดหมางในอดีตได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ!!” “หากเป็นเช่นนี้จริง ข้าจะไม่กลายเป็นคนทรยศที่ยิ่งใหญ่ที่สุดหรือพ่ะย่ะค่ะ?” เสียงของอากู่ฉาต่ำลง หลังจากนั้นทุกคนก็ประหลาดใจ! นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่อากู่ฉากล้าหักหน้าไทเฮา! เจ้าผู้น้อยคนนี้... เป็นไปได้ไหมที่เขาจะไม่มีวันเปลี่ยนใจ? พวกเขาทั้งหมดต่างตกตะลึง อ๋องเจิ้นตงและอ๋องเซ่อเป่ยกลับยิ้ม และแอบมองอากู่ฉาอย่างเงียบ ๆ โดยไม่พูดอะไรสักคำ ไทเฮาเซียวฉู่ฉู่กระแอมเบา ๆ อย่างเย็นชาและหยุดพูด คำพูดของอากู่ฉาไม่มีอะไรผิด มันยากจริง ๆ ที่จะละทิ้งความเกลียดชังที่ฆ่าพ่อของตัวเอง! ดังนั้นนางจึงไม่สามารถเอ่ยพูดได้อีก เพื่อหลีกเลี่ยงคำวิจารณ์จากทุกคน “ไทเฮา ในเมื่ออากู่ฉาไม่เห็นด้วย เช่นนั้น... กระหม่อมทำได้เพียงร้องขออย่างอื่นเท่านั้นแล้วพ่ะย่ะ่ค่ะ!” หวังหยวนรู้ว่าอากู่ฉาไม่มีทางเห็นด้วย และเมื่อครู่นี้ก็เป็นเพียงข้ออ้างที่จะแสดงให้พวกเขาเห็นเท่านั้น ไม่ว่าพวกเขาจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม หวังหยวนก็ไม่สน
“ปกติพวกเจ้าล้วนองอาจกันไม่ใช่หรือ?”“ก่อนหน้านี้ ตอนที่คิดจะโจมตีราชวงศ์ต้าเย่ พวกเจ้าต่างก็อยากจะแบ่งปันดินแดนกันไม่ใช่หรือ? แล้วตอนนี้ล่ะ? แค่ทหารที่พวกนั้นเชิญมาก็ทำให้พวกเจ้าหวาดกลัวได้ถึงเพียงนี้แล้วหรือ?”“พวกเจ้าอย่าลืมว่าภูมิประเทศของที่นี่อันตราย หากพวกเราไม่ยอมออกจากภูเขา แม้หวังหยวนจะเก่งกาจและมียอดฝีมือมากมายก็ทำอะไรเราไม่ได้! หรือว่าเขาจะสามารถคุกคามเราได้จริง ๆ?”ทุกคนมองหน้ากัน ไม่มีใครเอ่ยคำใดการหลบอยู่ในหุบเขา ไม่ใช่แผนการระยะยาว!“หากผู้ใดกล้าพูดจาบั่นทอนกำลังใจอีก อย่าหาว่าข้าใจร้ายแล้วกัน!”เจียงเซี่ยวตวาดอีกครั้ง ทุกคนจึงไม่กล้าพูดอะไรอีก เพียงแค่พยักหน้าเห็นด้วยคนเราเมื่ออยู่ใต้ชายคาบ้านคนอื่นย่อมต้องยอมก้มหัว!รุ่งเช้า หวังหยวนและกองทัพเริ่มมุ่งหน้าสู่ภูเขาแห่งนี้!ชนเผ่าต่าง ๆ ล้วนได้รับข่าว บัดนี้หวาดผวาไปหมด เพียงแค่เสียงลมพัดก็คิดว่าเป็นศัตรู!ทุกคนต่างเกรงกลัวอำนาจของหวังหยวน ใครจะกล้าต่อกรกับเขา?แม้จะหลบอยู่ในภูเขา แต่หากหวังหยวนตีฝ่าแนวป้องกันมาได้จะทำเช่นไร?ผลลัพธ์สุดท้ายย่อมเดาได้!เมื่อคิดได้เช่นนี้ เหล่าหัวหน้าเผ่าจึงมารวมตัวกัน“พวก
“ส่วนเรื่องของตานสยงเฟย ข้าจะจัดการภายหลัง”ตานสยงเฟยเป็นคนดื้อรั้นและแข็งแกร่งอย่างแท้จริง ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่อาจไต่เต้าสร้างพรรคทมิฬขึ้นมาได้!หวังหยวนเข้าใจเรื่องนี้ดี จึงไม่โทษต่งอวี่“ขอบพระคุณท่านผู้นำขอรับ!”ต่งอวี่รับคำ แล้วเดินออกไปพรุ่งนี้มีศึกใหญ่ ต้องพักผ่อนให้เต็มที่ จึงจะมั่นใจได้ว่าจะไม่พลาด!แม้ว่าจะเลยเที่ยงคืนไปแล้ว หวังหยวนและคนอื่น ๆ นั้นหลับสนิท แต่ในเวลานี้ ชนเผ่าต่าง ๆ ที่เป็นศัตรูกับหวังหยวนกลับยังไม่พักผ่อน เหล่าหัวหน้าเผ่ารวมตัวกันเพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับมาตรการตอบโต้!แต่ทุกคนล้วนมีสีหน้ากังวล!“พวกท่านคงได้ยินแล้วกระมัง?”“หวังหยวนนำทัพมาเอง บัดนี้ใกล้จะเปิดศึกกับพวกเราแล้ว จะทำเช่นไรดี?”“ทุกคนคงรู้จักชื่อเสียงของหวังหยวนดี เขาไม่ใช่คนอ่อนแอเลย!”“หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ แม้มีความกล้าหาญกว่านี้สิบเท่า ข้าก็ไม่กล้าไปยั่วยุราชวงศ์ต้าเย่!”ตอนนี้ทุกคนต่างเสียใจ อยากถอนตัวกลับกันทั้งนั้นช่างน่าเจ็บใจยิ่งนัก!เดิมทีคิดว่าราชวงศ์ต้าเย่ใกล้สิ้นอำนาจ แผ่นดินจะวุ่นวาย!แต่ไม่คาดคิดเลยว่าพวกเขายังมีแผนสำรอง ยอมทุ่มเทกำลังคนและทรัพย์สินเพื่อเชิญหวังหย
หวังหยวนโบกมือ แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “กองทัพไม่ได้อยู่ที่จำนวนมาก แต่อยู่ที่ความแข็งแกร่ง พวกนั้นเป็นแค่ชนเผ่าป่าเถื่อน จะทำอะไรข้าได้?”“เพียงทหารห้าหมื่นนายของข้าก็เพียงพอแล้ว!”“ท่านขุนพลแค่ประจำการอยู่ในเมือง รอฟังข่าวดีจากข้าก็พอ!”หวังหยวนกล่าวด้วยความมั่นใจแน่นอนว่าหวังหยวนไม่ใช่คนโง่ เขาย่อมรู้ดีว่าหากให้ซือฟางนำทหารออกรบพร้อมกัน เมื่อถึงเวลาแบ่งปันดินแดนจะทำเช่นไร?ช่างยุ่งยากยิ่งนัก!สู้ให้เขานำทัพไปปราบชนเผ่าต่าง ๆ เอง เมื่อสำเร็จ ดินแดนเหล่านั้นก็ตกเป็นของเขาย่อมดีกว่า!แม้มีผู้ใดคิดแย่งชิงก็คงไม่มีโอกาส!ยิ่งกว่านั้น คาดว่าซือฟางคงไม่กล้าเช่นนั้น!หากทั้งสองฝ่ายเปิดศึก ผลลัพธ์ย่อมเป็นหายนะ!ยิ่งไป๋เหยียนเฟยประชวรหนักย่อมกระทบขวัญกำลังใจ ราชวงศ์ต้าเย่จะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนไปสู้รบ?“ในเมื่อท่านหวังกล่าวเช่นนี้ ข้าก็จะรอฟังข่าวดี”“ขอให้ท่านหวังได้รับชัยชนะ!”ซือฟางประสานมือกล่าวทุกคนสนทนากันอีกสักพัก จากนั้นก็แยกย้ายกันไปซือฟางต้องดูแลการป้องกันเมืองจึงกลับไปก่อน ส่วนไป๋ลั่วหลีอยู่ที่ค่าย คอยช่วยเหลือหวังหยวนวางแผนรบ!ต้องมีคนรู้จักภูมิประเทศนำทาง หวังหยวนจึงจะ
นอกเมืองหลวงหวังหยวนเดินทางพร้อมกับไป๋ลั่วหลีกลับมายังค่ายของตนทันทีที่ทั้งสองก้าวเข้ามา ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่เร่งรีบดังมาจากด้านนอก ซือฟางในชุดเกราะเดินเข้ามาต้อนรับเนื่องจากไป๋ลั่วหลีได้แนะนำให้ทั้งสองรู้จักกันแล้ว หวังหยวนจึงยิ้มพลางกล่าวว่า “ข้ากำลังสงสัยว่าเป็นผู้ใด ที่แท้ก็เป็นท่านขุนพลนี่เอง! เชิญเข้ามาเถิด!”“ท่านหวังเกรงใจเกินไปแล้วขอรับ!”“ท่านมาไกล แถมยังช่วยข้าปราบกบฏทางเหนือ เชิญท่านเข้าไปก่อนเถิดขอรับ!”ซือฟางกล่าวตอบอย่างสุภาพไม่นาน ทุกคนต่างเข้าไปในกระโจมใหญ่ต้าหู่และต่งอวี่ยืนขนาบข้างหวังหยวน ดูองอาจน่าเกรงขาม!ซือฟางมองไปที่ทั้งสอง แล้วเอ่ยถามอย่างสงสัย “ไม่ทราบว่าสองท่านนี้คือใครหรือขอรับ?”ทั้งสองดูสง่างาม เต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งความกล้าหาญ คงไม่ใช่คนธรรมดาเป็นแน่!ซือฟางเป็นขุนพลมายาวนานย่อมมีสายตาที่เฉียบคม!หวังหยวนแนะนำด้วยรอยยิ้ม “ท่านที่อยู่ทางซ้ายมือข้าคือต่งอวี่ นักธนูมือหนึ่งในใต้หล้า ยิงธนูไม่เคยพลาดเป้า เป็นขุนพลเอกในกองทัพ!”“กองกำลังพลธนูที่ข้าฝึกฝนล้วนอยู่ภายใต้การบัญชาการของเขา!”ต่งอวี่พยักหน้าทักทาย“ส่วนท่านที่อยู่ทางขวาคือพี่น
“หรือว่าแผ่นดินนี้จะต้องตกไปอยู่ในมือของผู้อื่น?”สิ้นคำพูด ซือฟางก็ซัดกำปั้นลงบนกำแพงเมืองอย่างเดือดดาล!เหล่าขุนพลที่ยืนอยู่ด้านหลังต่างไม่กล้าเข้าไปใกล้ หรือแม้แต่จะเอ่ยปาก!“ท่านขุนพลไม่ต้องกังวล!”ทันใดนั้น ขุนนางชราผู้หนึ่งก็เดินออกมา บนใบหน้ามีเคราสีขาวโพลน เพียงดูก็รู้ว่าไม่ใช่บุคคลธรรมดาอย่างแน่นอน!คนผู้นี้คือที่ปรึกษาคนสำคัญของไป๋เหยียนเฟยนามว่า เจี๋ยงโฉ่วอี!ในราชสำนัก ผู้ที่อยู่เหนือเขามีเพียงจักรพรรดินีเท่านั้น!บัดนี้ไป๋เหยียนเฟยป่วยหนัก ขุนนางน้อยใหญ่ล้วนพึ่งพาเจี๋ยงโฉ่วอี ราชกิจสำคัญล้วนตกเป็นภาระให้เขาตัดสินใจทั้งสิ้น!เห็นได้ชัดว่าเขามีอำนาจสูงส่งล้นฟ้า!“ปรากฏว่าเป็นท่านเจี๋ยงนี่เอง!”“ท่านคงได้ยินสิ่งที่ข้าพูดไปเมื่อครู่แล้วกระมัง?”ซือฟางประสานมือคารวะเจี๋ยงโฉ่วอี แล้วเอ่ยถามเจี๋ยงโฉ่วอีพยักหน้า กล่าวอย่างใจเย็นว่า “ข้ารู้ว่าท่านขุนพลจงรักภักดี ย่อมคิดถึงฝ่าบาท แต่พระองค์ก็มีเรื่องที่ต้องกังวลเช่นกัน!”“ครั้งนี้พระองค์ไม่เพียงต้องการให้หวังหยวนช่วยปราบปรามอริทางเหนือเท่านั้น แต่ยัง...”กล่าวได้ครึ่งหนึ่ง เจี๋ยงโฉ่วอีก็หยุดพูด พร้อมกับเหลือบมองขุนพลน
“ท่านหวังมาแล้วหรือ?”เมื่อหวังหยวนและพรรคพวกเข้ามาก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย แต่แฝงด้วยความอ่อนแอดังมาจากด้านในไป๋ลั่วหลีรีบเข้าไปในกระโจม เปิดม่านทั้งสองข้าง หวังหยวนจึงเห็นไป๋เหยียนเฟยนอนอยู่บนเตียงอาการของไป๋เหยียนเฟยดูย่ำแย่กว่าที่เขาคิด ไม่เพียงแต่ใบหน้าซีดเผือดเท่านั้น แม้แต่ริมฝีปากไร้สีเลือดฝาด ดูอ่อนแรงมาก!หวังหยวนเอ่ยขึ้นว่า “ไม่ได้พบกันนาน เหตุใดฝ่าบาทจึงเป็นเช่นนี้?”“ไม่ได้เชิญหมอมารักษาหรือ?”“แค่ก แค่ก”ไป๋เหยียนเฟยไอสองสามครั้ง ไป๋ลั่วหลีช่วยพยุงนางขึ้น นางเงยหน้ามองหวังหยวน แล้วส่ายหน้ายิ้มอย่างจนใจก่อนกล่าวว่า “เมื่อฟ้าลิขิตแล้ว จะทำเช่นไรได้?”“ข้าตามหาหมอมารักษา หมอชื่อดังทั่วดินแดนทั้งเก้าต่างบอกว่าหมดหนทาง บางทีนี่อาจเป็นเจตจำนงของสวรรค์ก็ได้ไม่ใช่หรือ?”“เมื่อสวรรค์ต้องการให้ข้าตาย ข้าจะฝืนได้อย่างไร?”“แต่น่าเสียดาย กลุ่มกบฏทางเหนือกลับบุกอาณาจักรข้า! ประกอบกับอาณาจักรต้าเป่ยต่างจ้องมองพวกข้าอยู่ ข้าจึงให้ไป๋ลั่วหลีไปเชิญท่านมา หวังว่าท่านจะช่วยปราบกบฏพวกนั้นได้!”หวังหยวนรู้สึกสงสารในบรรดาสี่อาณาจักรใหญ่ เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับอาณาจักรต้าเย่ และ
“ครั้งนี้คงไม่นาน ข้าจะรีบพาทุกคนกลับมา!”“ยิ่งกว่านั้น ยังมีต้าหู่และขุนพลต่งอยู่กับข้าด้วย พวกเจ้าไม่ต้องกังวล”“แค่รออยู่ที่บ้านก็พอ!”หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้มเขารู้ว่าตนเองรู้สึกผิดต่อพวกนาง แต่บุรุษเกิดมาแล้วย่อมต้องสร้างฐานะไม่ใช่หรือ?สวรรค์ให้โอกาสเขาเกิดใหม่ จึงต้องใช้ความสามารถสร้างความสำเร็จที่ไม่มีใครเทียบได้!“น้องหรูเยียนยังไม่ค่อยสนิทกับพวกเจ้า ครั้งนี้ข้าจะพานางไปอาณาจักรต้าเย่ก่อน รอให้พวกเรากลับมาแล้วค่อยทำความรู้จักกัน”หลี่ซื่อหานและคนอื่น ๆ ต่างพยักหน้า ไม่เอ่ยคำใดอีกในเมื่อหวังหยวนตัดสินใจแล้ว พวกนางก็ได้แต่ทำตามภรรยาย่อมต้องเชื่อฟังสามี!“ท่านตงฟาง!”หลังจากพูดคุยกับภรรยาแล้ว หวังหยวนก็มองไปที่ตงฟางฮั่น“หลังจากที่ข้าไปแล้ว ต้องรบกวนท่านและท่านถงช่วยดูแลที่นี่ด้วย”“ข้าได้สั่งเอ้อหู่ ให้เขาเชื่อฟังคำสั่งของพวกท่าน ห้ามกระทำการโดยพลการ!”“เมืองหลิงคือรากฐานของข้า จึงมีความสำคัญยิ่ง ต้องไม่เกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นเด็ดขาด!”“คนของอาณาจักรต้าเป่ยจ้องมองพวกเราอยู่ หานเทาพร้อมจะสู้รบกับข้าทุกเมื่อ พวกท่านต้องระวังตัว!”หวังหยวนกำชับหลายครั้งตงฟางฮั่นแ
ทันใดนั้น เสียงไอก็ขัดจังหวะหวังหยวนเขาหันไปมองตามเสียงจึงเห็นตงฟางฮั่นทั้งสองแค่สบตากันก็เข้าใจความคิดของกันและกัน“คุณหนูไป๋”“ข้าขอคิดทบทวนก่อน จึงค่อยให้คำตอบ! วันนี้เป็นงานเลี้ยงต้อนรับ อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องหนักใจเช่นนี้เลย รอให้ดื่มกันให้หนำใจก่อน แล้วค่อยพูดคุยกันดีกว่า เจ้าว่าเช่นไร?”หวังหยวนให้เกียรติไป๋ลั่วหลีไป๋ลั่วหลีพยักหน้า “เช่นนั้นข้าจะรอฟังข่าวจากท่านหวังเจ้าค่ะ!”เมื่องานเลี้ยงเลิกราและจัดการเรื่องที่พักของไป๋ลั่วหลีแล้ว หวังหยวนก็รีบออกไปข้างนอกพร้อมกับตงฟางฮั่นริมถนน หวังหยวนและตงฟางฮั่นเดินเล่นไปพลางคุยกัน “ท่านตงฟาง ท่านคิดเห็นเช่นไร?”“ข้าคิดว่าควรส่งกองกำลังไปช่วย!”“ตอนนี้ไม่ใช่ยุคสงคราม โครงการชลประทานทำให้อาณาจักรอื่น ๆ เห็นถึงประโยชน์ เท่าที่ข้ารู้ แม้แต่อาณาจักรต้าเป่ยก็กำลังเร่งสร้างโครงการชลประทานเหมือนกัน!”“ในเมื่อพวกเราสร้างเสร็จก่อน ก็ควรใช้โอกาสนี้ขยายอาณาเขต!”หืม?หวังหยวนเลิกคิ้ว รู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย “ท่านตงฟาง ท่านลืมแล้วหรือ ครั้งก่อนที่พวกเราพบกันที่หอหลิวหลี ต่างให้สัญญากันว่าจะไม่ทำสงครามเพื่อให้โลกสงบสุข!”“หากข้ายกทัพตอน
ดูเหมือนว่าเมืองหลิงจะเป็นเมืองที่รุ่งเรืองและมั่งคั่งที่สุดในดินแดนทั้งเก้า!ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข เป็นที่หมายปองของทุกคน!เมื่อทุกคนกลับถึงบ้านของหวังหยวน พวกหลี่ซื่อหานได้สั่งให้คนเตรียมอาหารไว้แล้ว เมื่อทุกคนนั่งลงที่โต๊ะแล้ว หวังหยวนจึงแนะนำหลิ่วหรูเยียนให้เหล่าภรรยารู้จักพวกนางชินกับเรื่องแบบนี้แล้วบุรุษมีสามภรรยาสี่อนุเป็นเรื่องปกติ ไม่นานพวกนางก็สนิทสนมกันดั่งพี่สาวน้องสาวเนื่องจากไป๋ลั่วหลีอยู่ที่นี่ด้วย หวังหยวนจึงไม่อาจอยู่พูดคุยกับภรรยาได้ เพราะต้องไปดูแลไป๋ลั่วหลีก่อนเพื่อไม่ให้เสียมารยาทหวังหยวนกลับมานั่งที่โต๊ะ หลังจากดื่มกับไป๋ลั่วหลีสองสามจอกแล้วจึงกล่าวว่า “คุณหนูไป๋เดินทางมาไกล คงไม่ใช่แค่มาขอบคุณข้ากระมัง?”“ตอนนี้เราเป็นสหายกันแล้ว หากเจ้ามีเรื่องอยากปรึกษาก็บอกมาตามตรงเถิด ไม่ต้องอ้อมค้อม! ข้าไม่ใช่คนใจแคบ! หากมีสิ่งใดให้ข้าช่วย ข้าก็ยินดี”หวังหยวนเป็นคนใจกว้างไป๋ลั่วหลีได้ยินเช่นนั้นก็ส่ายหน้าและถอนหายใจเป็นเช่นที่ร่ำลือกันจริง ๆ!หวังหยวนมีสายตาเฉียบแหลม แม้จะอายุยังน้อยแต่ก็มองคนได้ทะลุปรุโปร่ง ไม่มีความคิดใดหลบเลี่ยงสายตาเขาไปได้!“ในเมื่อท