“หากพูดตามตรงก็คือ เป็นการแต่งงานที่ข้าขอร้องด้วยตัวเอง!” หลังจากพูดจบ ต้าหู่และถังหม่างต่างก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แต่พวกเขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับหวังหยวนพวกเขาทั้งสองคนก็สนับสนุนอย่างเต็มที่! “เดิมที...ข้าไม่เห็นด้วย สุดท้ายแล้วเมื่อมองจากมุมมองส่วนตัวของข้า ข้าไม่ชอบการแต่งงานเช่นนี้ เพราะ...ข้ามักจะรู้สึกผิดกับพี่สะใภ้ของพวกเจ้า” “แต่สำหรับสถานการณ์เช่นนี้แล้ว มันคงไม่ดีกว่านี้อีกแล้ว การใช้ข้าตามหาหวงเจียวเจียวเพื่อเป็นเหยื่อ เป็นการบังคับให้อ๋องหลงซีและข้าต้องหันกลับมาต่อกรเช่นเดียวกัน และปล่อยให้ราชวงศ์ทั้งสองคนนั้นเผยพิรุธออกมา” หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ ต้าหู่และถังหม่างก็กระพริบตาทันที “ที่แท้ก็เป็น...คุณหนูหวงหรอกหรือ...” ต้าหู่ไอแห้งและกระซิบพูด “ที่แท้ก็เป็นคุณหนูหวงหมายความว่าอย่างไร? นางกับข้าต่างบริสุทธิ์ต่อกัน เจ้าอย่าคิดเป็นอื่นเด็ดขาด ข้าทำเช่นนี้เพื่อจะได้กลับไปที่ต้าเย่โดยเร็วที่สุด ไม่เช่นนั้น เมื่อไหร่เรื่องนี้จะจบลงเล่า!” หวังหยวนพูดด้วยความโกรธ ต้าหู่และถังหม่างต่างมองหน้ากันและไม่พูดอะไรอีก “อย่างไรก็ตาม ก่อนเร
เกาเล่อเล่าอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอากู่ฉาหรืออ๋องหลงซี เขาก็พูดเจตนาของตัวเองออกมาจนหมด หลังจากได้ยินสิ่งนี้ อ๋องเจิ้นตงก็ยิ้ม “ไทเฮา...ใจร้อนเกินไปแล้ว...ถึงกับปล่อยให้คนที่ละทิ้งต้าเย้วางแผนเรื่องพวกนี้ ช่างน่าขันยิ่งนัก” อ๋องเจิ้นตงพูดอย่างราบเรียบด้วยสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม “อ๋องเจิ้นตง หวังหยวนผู้นี้ยากจะหยั่งถึง แม้แต่กระหม่อมก็มองไม่เห็นความคิดของเขา กระหม่อมคิดว่า... ฝ่าบาทควรหาโอกาสฆ่าเขาให้สิ้นซากพ่ะย่ะค่ะ!” อ๋องเจิ้นตงย่อมเชื่อคำพูดของเกาเล่อ เขาพยักหน้า “ไม่ควรเก็บเขาไว้จริง ๆ” “ทว่า...การคิดจะฆ่าเขาก็ไม่ง่ายเลย แต่ข้าสงสัยยิ่งนักว่าเหตุใดองครักษ์เงาถึงไม่ฆ่าเขา? เจ้าแอบระดมคนจำนวนมากเข้าไปไม่ใช่หรือ?” ในเวลานี้ อ๋องเจิ้นตงเอ่ยปากพูด แม้ว่าองครักษ์เงาจะเป็นของอ๋องหลงซี ทว่าเกาเล่อก็ได้วางคนของเขาเองเข้าไปนานแล้ว และการถ่ายทอดคำสั่งลับครั้งนี้ก็เป็นความตั้งใจของเขาเช่นกัน แต่คิดไม่ถึงว่ามันจะล้มเหลว! “กระหม่อมก็ไม่รู้เช่นกันว่าเหตุใดจึงล้มเหลว ถึงแม้ว่าคนที่ไปจะมีไม่กี่คน แต่พวกเขาก็เคลื่อนไหวอย่างลับ ๆ ตลอดทาง และไม่เปิดเผยพิรุธ ยิ่งกว่านั้น ข้ายัง
“มีเงินแล้วทำอย่างไรได้เล่า? ยังห่างไกลจากทหารองครักษ์เมืองหวงยิ่งนัก บุกรุกทุกซอกทุกมุม!” “ดังนั้น... คราวนี้เมืองหวงก็จะตกอยู่ในเงื้อมมือของข้าไม่ช้าก็เร็ว!” อ๋องเจิ้นตงมั่นใจมาก เมื่อเปรียบเทียบกับพวกเขาแล้ว พลังอำนาจของเขาน่ากลัวที่สุด! ทหารองครักษ์เมืองหวงควบคุมทุกอย่างในเมืองหลวง ถนนและตรอกซอกเต็มไปด้วยคนของทหารองครักษ์เมืองหวง! เบื้องบนจากวังสู่ราษฎรทั่วไป ทุกคนล้วนอยู่ในการควบคุมของเขา! เมื่อมีการกบฏ เขาจะควบคุมราชสำนักได้อย่างตามใจปรารถนาอย่างแน่นอน! ... วันรุ่งขึ้น หวังหยวนตื่นแต่เช้าและรับประทานอาหารเช้า งานเลี้ยงเฉลิมฉลองเริ่มตอนเที่ยง หวังหยวนไม่มีอะไรทำ และไม่ได้พูดอะไรมาก ทว่าเขากลับเริ่มวางแผน ตอนนี้สิ่งที่อยู่ในมือของเขาไม่มากพอที่สามารถใช้งานได้ แต่มีบางสิ่งที่ให้เขาประหลาดใจได้! ไม่นานก็ถึงเวลาเที่ยง เกาเล่อรออยู่ข้างนอกนานแล้ว “ใต้เท้าเกา ข้าเพียงแค่เข้าวังเท่านั้น ท่านมีตำแหน่งทางการที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ กลับมาพบข้าด้วยตนเอง มันทำให้ข้ารู้สึกละอายใจจริง ๆ” หวังหยวนหัวเราะ ข้างหลังเขามีต้าหู่และถังหม่างตามมาด้วย ทั้งสองคนสามารถติดตามเข้าไปในวั
การแสดงออกของไทเฮาเซียวฉู่ฉู่เปลี่ยนไปเล็กน้อย และทุกคนก็ต่างสังเกตเห็นพวกเขาทั้งหมดรู้สึกว่าไทเฮาไม่พอพระทัยเล็กน้อย ทว่าในเวลานี้ อ๋องถูหนาน อากู่ฉาเอ่ยปากกล่าวว่า “ไทเฮา ต้าเย่ปกครองประเทศเป็นที่รู้จักมาโดยตลอดในด้านความกล้าหาญด้านการต่อสู้ เบื้องหน้ามีอู๋มู่ และเบื้องหลังมีอู๋หลิงอยู่ ข้าเชื่อว่าหวังหยวนจะมาพร้อมกับปรมาจารย์หลายคนในครั้งนี้ การแข่งขันเช่นนี้ คงไม่นับว่ายากเกินไปกระมัง?” อากู่ฉากล่าวในทางว่าหนามยอกเอาหนามบ่ง หลังจากพูดเช่นนี้ สีหน้าของไทเฮาก็ดูไม่ดีขึ้นเล็กน้อย แต่มันคือการแสดงทั้งหมด หวังหยวนย่อมยิ้มตอบ “ในเมื่ออ๋องถูหนานมีอารมณ์อันสุนทรีย์เช่นนี้ กระหม่อมย่อมน้อมรับพ่ะย่ะค่ะ ต้าหู่” หวังหยวนกล่าวอย่างราบเรียบ และต้าหู่ที่อยู่ข้างหลังก็ก้าวออกมาข้างหน้า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เราก็มาเพิ่มความรื่นรมย์ด้วยศิลปะการต่อสู้กันเถอะ อย่างไรก็ตาม งานเฉลิมฉลองในวันนี้จะไม่มีการนองเลือดเป็นอันขาด เข้าใจหรือไม่?” ไทเฮาพูดอย่างเย็นชา หลังจากพูดเช่นนี้ อดีตนายพลผู้นั้นก็พูดทันที “กระหม่อมน้อมรับคำบัญชา!” เมื่อพูดเช่นนั้น เขาก็ชักดาบยาวออกมาแล้วเดินตรงไปที่ตรงกลา
หลังจากพูดแบบนี้ อากู่ฉาก็กระแอมเบา ๆ และเพิกเฉยต่อมัน ไทเฮาเซียวฉู่ฉู่กลับหัวเราะขึ้นมา “ไม่เป็นไร มันเป็นเพียงเพื่อความรื่นรมย์เท่านั้น” และในเวลานี้ จู่ ๆ ก็มีคนพูดขึ้นอีกครั้ง “ไทเฮา การแข่งขันศิลปะการต่อสู้ก็จบลงแล้ว ไม่สู้มาเพิ่มตวามรื่นรมย์ด้วยบทกวี ท้ายที่สุดแล้ว การชักปืนและร่ายรำกระบี่ในงานเฉลิมฉลองยิ่งใหญ่ในวันนี้ ไม่ใช่เรื่องดีนัก” มีใต้เท้าคนหนึ่งเสนอแนะทันที เซียวฉู่ฉู่หัวเราะและพยักหน้า “ก็ดี ทว่าการเพิ่มความรื่นรมย์เช่นนี้กลับไม่น่าสนใจเท่าไหร่ ไม่สู้ดวลวรรณกรรมกันเสียดีกว่า ผู้ชนะจะได้รับรางวัลใหญ๋จากข้า ทุกท่านคิดเห็นอย่างไรเล่า?” ทันทีที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ เหล่าขุนนางที่อยู่ด้านล่างต่างก็ตื่นเต้นยิ่งนัก “ข้อเสนอแนะของไทเฮา ช่างดียิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ!” ไทเฮาก็หัวเราะเช่นกัน “เช่นนั้นก็เริ่มกันเลยเถอะ” เมื่อหวังหยวนได้ยินดังนั้น เขาก็กระพริบตา ดูเหมือนว่านี่เป็นโอกาสที่ตัวเองจะเอ่ยขอแต่งงาน! ไทเฮาผู้นี้เชื่อใจตัวเขามากจริง ๆ ในวันเฉลิมฉลองยิ่งใหญ่เช่นนี้ ให้เขาเอ่ยขอแต่งงาน นางต้องมีเหตุผลเป็นแน่ และรางวัลใหญ่นี้ก็คือเหตุผล อย่างไรก็ตาม นางจะมั่นใจ
หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ เขาก็ยิ้มเล็กน้อยและนั่งลงบนที่นั่งทันที! กวานจีในบทกวี ทุกคนสามารถเขียนบทกวีใด ๆ ได้ตามใจปรารถนา หากมีคนที่สามารถเขียนบทกวีที่ดีกว่าบทกวีนี้ได้เพียงเล็กน้อยหวังหยวนก็จะยอมรับความพ่ายแพ้อย่างจริงใจ! ในขณะนี้ ทุกคนต่างสั่นสะท้านในใจ! บทกวีนี้ ช่าง... ช่างวิเศษยิ่งนัก! นกจีจิวขันร้องเรียกหาคู่ อยู่บนเกาะแก่งกลางแม่น้ำ! สาวงามแสนดีเอย เจ้าเป็นที่หมายปองของชายหนุ่ม! โดยเฉพาะสี่ประโยคนี้ เรียกได้ว่าเป็นผลงานชิ้นเอกอย่างแท้จริง! “สาวงามแสนดีเอย เจ้าเป็นที่หมายปองของชายหนุ่ม...บทกวีที่ดี...หวังหยวน เจ้าช่างมีความสามารถทางวรรณกรรมที่ไม่มีใครเทียบได้จริง ๆ!” ในเวลานี้ ไทเฮาเซียวฉู่ฉู่ก็รู้สึกประหลาดใจมากเช่นกัน นางรู้สึกประทับใจบทกวีนี้ยิ่งนัก! “ไทเฮากล่าวชมเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” หวังหยวนรีบส่ายหัว เขาประสานมือแล้วกล่าวอย่างสุภาพ แต่หลังจากที่ไทเฮาได้ยินดังนั้น นางก็หัวเราะและมองขุนนางใต้เท้าทุกคน “ทุกท่าน ตอนนี้วังหยวนกล่าวบทกวีนี้จบแล้ว มีใครต้องการแข่งกับเขาหรือไม่?” หลังจากที่ไทเฮากล่าวคำเหล่านี้ ทุกคนที่อยู่ ณ ที่นั้นต่างก็ตกตะลึง! บทกวีนี
ไทเฮาเคยบอกแล้วว่าเขาต้องแสร้งทำตัวเป็นศัตรูตัวฉกาจของหวังหยวน ดังนั้นเขาจึงพูดทันที “ทูลไทเฮา ความเกลียดชังที่ฆ่าเสด็จพ่อของข้า ข้าจะยุติความบาดหมางในอดีตได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ!!” “หากเป็นเช่นนี้จริง ข้าจะไม่กลายเป็นคนทรยศที่ยิ่งใหญ่ที่สุดหรือพ่ะย่ะค่ะ?” เสียงของอากู่ฉาต่ำลง หลังจากนั้นทุกคนก็ประหลาดใจ! นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่อากู่ฉากล้าหักหน้าไทเฮา! เจ้าผู้น้อยคนนี้... เป็นไปได้ไหมที่เขาจะไม่มีวันเปลี่ยนใจ? พวกเขาทั้งหมดต่างตกตะลึง อ๋องเจิ้นตงและอ๋องเซ่อเป่ยกลับยิ้ม และแอบมองอากู่ฉาอย่างเงียบ ๆ โดยไม่พูดอะไรสักคำ ไทเฮาเซียวฉู่ฉู่กระแอมเบา ๆ อย่างเย็นชาและหยุดพูด คำพูดของอากู่ฉาไม่มีอะไรผิด มันยากจริง ๆ ที่จะละทิ้งความเกลียดชังที่ฆ่าพ่อของตัวเอง! ดังนั้นนางจึงไม่สามารถเอ่ยพูดได้อีก เพื่อหลีกเลี่ยงคำวิจารณ์จากทุกคน “ไทเฮา ในเมื่ออากู่ฉาไม่เห็นด้วย เช่นนั้น... กระหม่อมทำได้เพียงร้องขออย่างอื่นเท่านั้นแล้วพ่ะย่ะ่ค่ะ!” หวังหยวนรู้ว่าอากู่ฉาไม่มีทางเห็นด้วย และเมื่อครู่นี้ก็เป็นเพียงข้ออ้างที่จะแสดงให้พวกเขาเห็นเท่านั้น ไม่ว่าพวกเขาจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม หวังหยวนก็ไม่สน
เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย หวังหยวนพูดแบบนี้ออกมาได้เท่านั้นแต่เมื่อพูดออกมาแล้วนั้น หวงเจียวเจียวก็ยิ่งรู้สึกหดหู่มากขึ้นกว่าเดิม!แต่...นางไม่เคยเกลียดหวังหยวนเลย ครั้งสุดท้ายที่นางไปเดินเล่นริมทะเลสาบในคืนนั้น ถ้าหวังหยวนต้องการนางจริง ๆ นางไม่ลังเลและจะมอบให้กับเขา!เพราะในตอนนั้น ไทเฮามีรับสั่งใช้ทุกวิถีทางเพื่อเกลี้ยกล่อมหวังหยวนให้ได้!ดังนั้น...ต่อให้เป็นร่างกายของนางเอง นางก็ยินดีที่จะแลก!เมื่อไทเฮาและใต้เท้าทุกคนได้ยินดังนั้น พวกเขาต่างตกใจนิ่งอึ้งกันไปหมด!นี่...อย่างไรก็ตาม หลายคนต่างก้มหน้าเพราะรู้สึกอับอาย และยังนิ่งเงียบไม่พูดอะไรออกมาท้ายที่สุดแล้วนี่เป็นเรื่องในครอบครัวหลายคนเคยได้ยินเกี่ยวกับสิ่งที่หวงเจียวเจียวทำในต้าเย่!นักร้องจากหอไป่เฟิง นั่นไม่ใช่แค่ชื่อหรอกเหรอ?ยังบริสุทธิ์ผุดผ่องได้นี่สิแปลก!“เจ้า...เจ้า...ไอ้สารเลว!”ในตอนนั้นอ๋องหลงซีก็โกรธมาก ในเวลานั้นไทเฮาเซียวฉู่ฉู่ก็คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และกล่าวว่า“เอาเถอะ อ๋องหลงซี ข้ารู้ว่าเจ้ารักลูกสาวของเจ้า แต่ข้าคิดว่าคงไม่มีใครในโลกนี้ที่ยินดีที่จะแต่งงานกับเจียวเจียวจริง ๆ!”“ถึงอย่างนั้น ข
สายตาของหวังหยวนจับจ้องไปยังตงฟางฮั่นพลางเอ่ยถามขึ้นแม้เขาจะได้รับฟังเรื่องราวของเมืองอู่เจียงจากเกาเล่อมาบ้าง แต่ก็รู้เพียงผิวเผินเท่านั้นในเมืองอู่เจียงมีสี่ตระกูลใหญ่ ทั้งตระกูลเฉินและตระกูลซูล้วนรวมอยู่ในนั้น!แม้ทั้งสองตระกูลไม่ใช่ตระกูลที่รุ่งเรืองที่สุด แต่ก็มีบทบาทสำคัญในเมืองอู่เจียง!“ท่านหวังทราบหรือไม่ว่าตระกูลซูทำธุรกิจด้านใด?”ตงฟางฮั่นเอ่ยถามอย่างเชื่องช้า“ข้าได้ยินเกาเล่อรายงานว่าตระกูลซูทำธุรกิจขนส่งทางบก”“ว่ากันว่าในอดีต ซูหนานอัน หัวหน้าตระกูลซู เริ่มต้นจากการใช้รถเข็นสามล้อ แล้วค่อย ๆ สร้างฐานะขึ้นมา”“ต่อมาตระกูลซูก็เจริญรุ่งเรืองจนมีอำนาจดังเช่นทุกวันนี้”ทันใดนั้นหวังหยวนก็ตบหน้าผากตนเองอย่างแรง ราวกับนึกอะไรบางอย่างออกธุรกิจขนส่งทางบก!หากมีการสร้างเขื่อนกั้นน้ำ ผลประโยชน์ของตระกูลซูย่อมเสียหาย พวกเขาจึงเป็นผู้ที่ต้องการขัดขวางโครงการนี้มากที่สุด!“ท่านตงฟางช่างเฉียบแหลมนัก!”หวังหยวนเอ่ยชมตงฟางฮั่นส่ายหน้ากล่าวว่า “บัดนี้ยังไม่อาจยืนยันได้ว่าสิ่งที่ข้าคิดนั้นถูกต้องหรือไม่”“แต่ก็ควรไปดูให้เห็นกับตาสักครั้ง”“ยิ่งไปกว่านั้น ท่านเป็นถึงเจ้า
“ข้าคิดว่าในสถานการณ์เช่นนี้ เราควรพิจารณาว่าการสร้างเขื่อนกั้นน้ำไปขัดผลประโยชน์ของผู้ใด”“หากไม่ใช่เรื่องผลประโยชน์ อีกฝ่ายคงไม่ลงมือเช่นนี้”“เช่นนั้นพวกเราก็จะพบเป้าหมายได้โดยเร็ว”สมแล้วที่ตงฟางฮั่นเป็นบุคลากรที่ใคร ๆ ก็ต้องการ คำพูดของเขาทำให้หวังหยวนรู้สึกกระจ่าง!“เช่นนั้นเอง”“ตอนนี้พวกเราแบ่งเป็นสองกลุ่ม!”“กลุ่มแรกให้ฉุนอวี๋อันไปสืบหาตัวคนที่แอบเข้าใกล้บ่อน้ำเมื่อคืน!”“เพื่อตามหาตัวคนวางยา แล้วเค้นถามข้อมูลจากมันให้ได้!”“อีกกลุ่มหนึ่งต้องไปสืบในเมือง ดูว่าใครได้รับผลกระทบ ก็จะทำให้เรามุ่งเป้าหมายได้ถูกต้อง!”“ตอนนี้สิ่งสำคัญคือต้องปลอบขวัญชาวบ้าน หากไม่สามารถให้คำตอบที่น่าพอใจแก่พวกเขา พวกเขาก็คงจะอ้างเรื่องศาลเจ้ามังกรแล้วหยุดการทำงาน!”“เช่นนั้นจะทำให้การก่อสร้างล่าช้า!”ความคิดของหวังหยวนตรงกับคนอื่น ๆเพราะแท้จริงแล้วสิ่งสำคัญที่สุดคือการสร้างเส้นทางคมนาคมทางน้ำเพื่อให้เมืองอู่เจียงพัฒนาจากนั้นก็จะสามารถพัฒนาเมืองหลิงได้!“ไม่จำเป็นต้องยุ่งยากถึงเพียงนั้นหรอก!”“ที่จริงข้าพอจะเดาออกแล้วว่าเป็นใคร”“ไม่ทราบว่าท่านหวังจะไปกับข้าหรือไม่?”ตงฟางฮั่นมองหวั
ช่างเป็นเรื่องเหลวไหล!สิ่งที่เรียกว่าศรัทธาและเทพเจ้าก็เป็นเพียงที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ เชื่อก็มี ไม่เชื่อก็ไม่มีสรรพสิ่งล้วนมีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ มีที่มาที่ไป หากมีเทพเจ้าและศักดิ์สิทธิ์เช่นนั้นจริง เหตุใดจึงมีผู้คนอดอยากยากไร้อยู่ทั่วทุกหนแห่ง?“ไร้สาระ!”หวังหยวนตำหนิ ฉุนอวี๋อันจึงไม่กล้าพูดต่อ“เรื่องนี้ต้องมีคนอยู่เบื้องหลังเป็นแน่”“หรือไม่ทุกคนติดโรคระบาดจึงเป็นเช่นนี้!”“รอข้าไปถึงแล้วค่อยว่ากัน!”หวังหยวนหลับตา ไม่พูดกับฉุนอวี๋อันอีกเพื่อไม่ให้ตนเองโมโหฉุนอวี๋อันงุนงง เขาเคยได้ยินชื่อโรคมากมาย แต่ไม่เคยได้ยินเรื่องโรคระบาดมาก่อน!หรือจะเป็นโรคประหลาด?เมื่อเห็นหวังหยวนไม่สนใจ เขาก็เช็ดเหงื่อ ไม่กล้าพูดอะไรอีก ได้แต่นั่งเงียบไม่นานพวกหวังหยวนก็มาถึงเขตก่อสร้าง ชาวบ้านที่ได้ยินข่าวต่างมามุงดู สถานที่แห่งนี้ช่างคึกคักทางด้านตงฟางฮั่นอยู่ท่ามกลางฝูงชน กำลังตรวจสอบอะไรบางอย่างตงฟางฮั่นเห็นหวังหยวนเดินเข้ามาจึงลุกขึ้นเดินไปหาหวังหยวน“ท่านตงฟาง ข้าได้ยินเรื่องที่นี่แล้วจึงรีบมา”“ท่านมาก่อน พบเบาะแสอะไรหรือไม่?”ตงฟางฮั่นส่ายหน้า พลางขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “ข้าให้
ยามตะวันโด่งฟ้า หวังหยวนกับภรรยายังคงนอนหลับอยู่บนเตียง แต่แล้วก็ได้ยินเสียงเคาะประตูอย่างเร่งรีบ“ท่าน!”“เกิดเรื่องใหญ่แล้วขอรับ!”“ท่านรีบออกมาเถิดขอรับ!”เสียงของฉุนอวี๋อันเต็มไปด้วยความร้อนใจ เขาเคาะประตูไม่หยุดปกติฉุนอวี๋อันเป็นคนรอบคอบ ไม่ว่าจะทำสิ่งใดก็ต้องชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียก่อนเสมอด้วยเหตุนี้ฉุนอวี๋อันจึงถูกมองว่าอ่อนแอ ไร้ความสามารถ เมืองอู่เจียงไม่เคยได้รับการจัดการอย่างดี และสี่ตระกูลใหญ่ก็มีอำนาจอยู่เหนือเขา!วันนี้เขากลับกล้ามาหาหวังหยวนถึงห้อง ทั้งยังมารบกวนการนอนของพวกเขา แสดงว่าต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นจริง ๆ!หวังหยวนค่อย ๆ ยืดตัวบิดขี้เกียจ จากนั้นสวมเสื้อผ้าแล้วเปิดประตูมองไปที่ฉุนอวี๋อันเมื่อเห็นเขามีสีหน้าร้อนรนก็ส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “ฟ้าถล่มหรืออย่างไร?”อย่างไรเสียฉุนอวี๋อันก็เคยเป็นผู้ว่าราชการเมือง จึงจำเป็นต้องสงบนิ่ง ไม่หวั่นไหว แม้ภูผาจะถล่มก็ตามไม่เช่นนั้นหากเกิดเรื่องใดขึ้นมา ฉุนอวี๋อันจะไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้!แต่น่าเสียดายที่ฉุนอวี๋อันไม่ได้รับการฝึกฝน!โชคดีที่เขาเห็นข้อนี้ จึงให้ฉุนอวี๋อันลาออกจากตำแหน่ง เพื่อไม่ให้เป็นการทำร้า
“ต้องระมัดระวังทุกย่างก้าว”เกาเล่อรีบพยักหน้า“อีกอย่าง”“เจ้าไปเมืองผีครั้งนี้ต้องระวังตัวด้วย”“คำพูดของหลิ่วหรูเยียนเชื่อได้ แต่ก็ไม่ควรเชื่อทั้งหมด”“เมืองผีอาจไม่ใช่สถานที่ที่เราจะอยู่ได้ง่าย ๆ...”“หากพบเจอเรื่องยุ่งยากก็ปรึกษาข้าได้ตลอด อย่าได้ทำอะไรบุ่มบ่าม!”หวังหยวนกำชับอีกสองสามประโยคเกาเล่อเป็นมือขวาของเขา เขาย่อมไม่อยากให้เกาเล่อเป็นอันตราย ไม่เช่นนั้นหวังหยวนจะรู้สึกไม่สบายใจอย่างมากบ่ายวันนั้น เกาเล่อเดินทางไปเมืองผีด้วยตัวเองส่วนหวังหยวนก็กลับไปที่พักหลี่ซื่อหานรออยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นหวังหยวนเดินเข้ามา นางก็ยิ้มหวานเดินเข้ามาหา แล้วควงแขนหวังหยวนขณะกล่าวว่า “ข้าได้ยินเรื่องที่ท่านกำลังทำอยู่ในช่วงนี้”“จะรับอนุภรรยาอีกแล้วหรือ?”หวังหยวนถึงกับหน้าเสียใครปากมาก เอาเรื่องนี้ไปบอกหลี่ซื่อหาน?ที่เขาไปหอนางโลมนั้นไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อสถานการณ์บ้านเมืองต่างหาก!“ในสายตาเจ้า ข้าเป็นผู้ชายที่เห็นผู้หญิงแล้วอดใจไม่ได้หรือ?”หวังหยวนจิบชา และกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์หลี่ซื่อหานยิ้มก่อนกล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน แต่คนอื่นไม่รู้จักนิสัยของท่าน อาจทำให้เกิด
“ข้าบอกก็ได้...”“เหตุใดต้องโหดเหี้ยมกับข้าด้วย?”“ข้าเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง เจ้าไม่สงสารข้าบ้างหรือ?”หลิ่วหรูเยียนมองหวังหยวน ก่อนจะกล่าวด้วยเสียงหวานมีเสน่ห์ “เจ้ารู้จักสถานที่แห่งหนึ่งทางตะวันตกที่ชื่อว่าเมืองผี หรือไม่?”“เมืองผี?”หวังหยวนส่ายหน้า ไม่เคยได้ยินชื่อนี้ แต่สายตาของเขามองไปที่เกาเล่อเกาเล่อเป็นหัวหน้าองค์กรเครือข่ายผีเสื้อ ข้อมูลทั่วหล้าล้วนอยู่ในมือเขา หากแม้แต่เกาเล่อยังไม่รู้จัก แสดงว่าสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ลับจริง ๆ!แต่ก็มีความเป็นไปได้อีกอย่าง คือหลิ่วหรูเยียนกำลังหลอกลวง!ทั้งหมดเป็นเพียงกลลวงของนาง!เกาเล่อเดินไปข้าง ๆ หวังหยวนแล้วกระซิบ “ข้ารู้จักเมืองผี...”“เดิมทีมันไม่ได้ชื่อเมืองผี ปัจจุบันมีชื่ออื่นแล้ว แต่เพราะเมื่อก่อนมีคนอดตายที่นั่นมากมาย มีข่าวลือว่ากลางดึกมักจะได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้ จึงเรียกที่นั่นว่าเมืองผี”“แต่ที่จริงแล้วก็แค่เรื่องเล่าลือขอรับ”ฟังคำอธิบายของเกาเล่อแล้วหวังหยวนก็พยักหน้าจากนั้น ฃเขาก็มองไปที่หลิ่วหรูเยียนอีกครั้ง ก่อนกล่าวอย่างใจเย็น “เช่นนั้นเจ้าหมายความว่าฐานทัพใหญ่ของพรรคทมิฬอยู่ในเมืองผีหรือ?”หลิ่วหรู
ทันใดนั้นหวังหยวนก็ให้สมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้อถอยไป ส่วนเขามานั่งยอง ๆ ตรงหน้าหลิ่วหรูเยียนมุมปากของหวังหยวนเผยรอยยิ้ม ก่อนกล่าวว่า “เจ้าคิดว่าเจ้ามีสิทธิ์ต่อรองกับข้าหรือ?”“ตอนนี้เจ้าอยู่ในมือข้า ตราบใดที่เจ้าทำตามที่ข้าต้องการ ข้าก็จะไว้ชีวิตเจ้า ไม่ให้ใครมารังแกเจ้าได้”“แต่ถ้าเจ้ายังกล้าต่อรอง เจ้าก็ลองดู ว่าข้าจะทำเรื่องโหดร้ายอะไร”“แต่อย่าหาว่าข้าไม่เตือน หากเจ้าท้าทายข้า ทำให้ข้าหมดความอดทน ผลลัพธ์สุดท้ายคงคาดเดาได้...”“เจ้าจะต้องเสียใจแน่นอน”เมื่อเห็นแววตาจริงจังของหวังหยวน หลิ่วหรูเยียนก็อยากจะฆ่าเขานักเหตุใดนางจึงต้องมาเจอกับปีศาจตนนี้ด้วย?ช่างโชคร้ายเสียจริง!“ตกลง!”“เช่นนั้นเจ้าต้องปล่อยข้าก่อน”“เจ้าจับข้าไว้ด้วยตาข่ายเช่นนี้ ข้าอึดอัดจะตายแล้ว!”หลิ่วหรูเยียนขมวดคิ้วพูดหวังหยวนรับมีดสั้นจากสมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้อมาตัดตาข่ายใหญ่ตรงหน้าออก หลิ่วหรูเยียนจึงเป็นอิสระหวังหยวนกล่าวต่อ “ตอนนี้ข้าทำตามที่เจ้าต้องการแล้ว เจ้าควรจะบอกสิ่งที่ข้าอยากรู้ได้แล้วกระมัง?”เขาเองก็ใจกว้างพอหากไม่ใช่เพราะเห็นว่าหลิ่วหรูเยียนเป็นผู้หญิง คงลงมือกับนางไปแล้
“เจ้าช่างเป็นคนต่ำทรามชั่วช้าเหลือเกิน!” หลิ่วหรูเยียนจะไม่เข้าใจสิ่งที่หวังหยวนจะสื่อได้อย่างไร ใบหน้านางซีดเผือดราวกับกระดาษ นัยน์ตาเบิกโพลงด้วยความตกใจกลัวขณะตวาด!หญิงงามผู้มีชื่อเสียงในสถานเริงรมย์ แม้จะอยู่ในที่เช่นนั้น แต่ก็รักษาความบริสุทธิ์ไว้เสมอ ไม่เคยยอมให้ชายใดแตะต้องเรือนร่างอันงดงามของตน!แต่บัดนี้บุรุษผู้มีนามว่าหวังหยวนกลับใช้เรื่องนี้มาข่มขู่นาง เป็นการกระทำที่ชั่วช้าที่สุดเท่าที่เคยพบเจอมา!เหตุใดไม่รู้มาก่อนเลยว่าหวังหยวนน่ารังเกียจถึงเพียงนี้?“เจ้าไม่สมควรเป็นใหญ่ในแผ่นดิน!” “เจ้าเป็นแค่คนเลวทรามต่ำช้า!”“เช่นนั้นก็สังหารข้าเสีย การที่เจ้ามาล่วงละเมิดสตรีเช่นนี้ เจ้ายังถือว่าตนเป็นบุรุษผู้กล้าหาญได้อยู่หรือ?” “หากเรื่องนี้แพร่สะพัดออกไป ชื่อเสียงของเจ้าจะต้องเสื่อมเสียอย่างแน่นอนใช่หรือไม่?”นางพยายามอย่างตะโกนเพื่อที่จะเปลี่ยนใจหวังหยวนให้ได้ ทว่าใบหน้าของเขาไร้ซึ่งความรู้สึกใด เขายืนกอดอกเอ่ยเสียงเรียบเฉย “เป็นเรื่องปกติที่จะใช้วิธีการที่แตกต่างกันเพื่อปฏิบัติต่อผู้คนที่แตกต่างกัน”“หากเจ้าไม่ดื้อดึง ข้าก็คงไม่ต้องทำรุนแรงเช่นนี้ ข้าจะทำเช่นนี้กับ
“ข้าอยากรู้ว่าปากของนางกับมือของข้า อะไรจะแข็งกว่ากัน!”แม้จะเป็นเด็กกำพร้าก็ต้องหาวิธีง้างปากนางให้ได้!ไม่บรรลุเป้าหมายย่อมไม่หยุดยั้ง!ไม่นานหวังหยวนกับเกาเล่อก็มุ่งหน้าออกนอกเมืองที่หน้าศาลเจ้าเฉิงหวงหลิ่วหรูเยียนนั่งผิงไฟ ครุ่นคิดถึงแผนการต่อไปที่นางมาเมืองอู่เจียงนั้นเป็นเพราะคำสั่งของผู้นำระดับสูงในพรรคทมิฬ!เพื่อแทรกซึมเข้ามาในดินแดนศัตรู แล้วค่อย ๆ แผ่ขยายอำนาจไปยังเมืองหลิง!สาเหตุที่สาวกพรรคทมิฬแทรกซึมเข้ามาในดินแดนของหวังหยวน ไม่ใช่เพียงเพราะดินแดนของหวังหยวนเล็ก แต่เป็นเพราะหวังหยวนผู้นี้เป็นคนชาญฉลาดและรอบคอบ!หากเขาพบเบาะแสใดๆ ก็จะตามสืบจนเจอ และอาจนำพาหายนะมาสู่พวกเขา!แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ!หวังหยวนเพิ่งจะสังเกตเห็นร่องรอยของสาวกพรรคทมิฬ ไม่คิดเลยว่าจะพบตัวหลิ่วหรูเยียน!จากนั้นค่อยสืบหาความลับของพรรคทมิฬ!เรื่องนี้ต้องระวังให้ดี!“เหตุใดนกพิราบสื่อสารยังไม่กลับมาอีกนะ?”“หรือว่าจะเกิดเรื่อง...”หลิ่วหรูเยียนที่นั่งอยู่หน้ากองไฟ สำรวจสถานการณ์นอกประตูด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนักแม้สมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้อจะซ่อนตัวอยู่ แต่ก็ไม่รอดพ้นสายตาของนาง!แต