“มีเงินแล้วทำอย่างไรได้เล่า? ยังห่างไกลจากทหารองครักษ์เมืองหวงยิ่งนัก บุกรุกทุกซอกทุกมุม!” “ดังนั้น... คราวนี้เมืองหวงก็จะตกอยู่ในเงื้อมมือของข้าไม่ช้าก็เร็ว!” อ๋องเจิ้นตงมั่นใจมาก เมื่อเปรียบเทียบกับพวกเขาแล้ว พลังอำนาจของเขาน่ากลัวที่สุด! ทหารองครักษ์เมืองหวงควบคุมทุกอย่างในเมืองหลวง ถนนและตรอกซอกเต็มไปด้วยคนของทหารองครักษ์เมืองหวง! เบื้องบนจากวังสู่ราษฎรทั่วไป ทุกคนล้วนอยู่ในการควบคุมของเขา! เมื่อมีการกบฏ เขาจะควบคุมราชสำนักได้อย่างตามใจปรารถนาอย่างแน่นอน! ... วันรุ่งขึ้น หวังหยวนตื่นแต่เช้าและรับประทานอาหารเช้า งานเลี้ยงเฉลิมฉลองเริ่มตอนเที่ยง หวังหยวนไม่มีอะไรทำ และไม่ได้พูดอะไรมาก ทว่าเขากลับเริ่มวางแผน ตอนนี้สิ่งที่อยู่ในมือของเขาไม่มากพอที่สามารถใช้งานได้ แต่มีบางสิ่งที่ให้เขาประหลาดใจได้! ไม่นานก็ถึงเวลาเที่ยง เกาเล่อรออยู่ข้างนอกนานแล้ว “ใต้เท้าเกา ข้าเพียงแค่เข้าวังเท่านั้น ท่านมีตำแหน่งทางการที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ กลับมาพบข้าด้วยตนเอง มันทำให้ข้ารู้สึกละอายใจจริง ๆ” หวังหยวนหัวเราะ ข้างหลังเขามีต้าหู่และถังหม่างตามมาด้วย ทั้งสองคนสามารถติดตามเข้าไปในวั
การแสดงออกของไทเฮาเซียวฉู่ฉู่เปลี่ยนไปเล็กน้อย และทุกคนก็ต่างสังเกตเห็นพวกเขาทั้งหมดรู้สึกว่าไทเฮาไม่พอพระทัยเล็กน้อย ทว่าในเวลานี้ อ๋องถูหนาน อากู่ฉาเอ่ยปากกล่าวว่า “ไทเฮา ต้าเย่ปกครองประเทศเป็นที่รู้จักมาโดยตลอดในด้านความกล้าหาญด้านการต่อสู้ เบื้องหน้ามีอู๋มู่ และเบื้องหลังมีอู๋หลิงอยู่ ข้าเชื่อว่าหวังหยวนจะมาพร้อมกับปรมาจารย์หลายคนในครั้งนี้ การแข่งขันเช่นนี้ คงไม่นับว่ายากเกินไปกระมัง?” อากู่ฉากล่าวในทางว่าหนามยอกเอาหนามบ่ง หลังจากพูดเช่นนี้ สีหน้าของไทเฮาก็ดูไม่ดีขึ้นเล็กน้อย แต่มันคือการแสดงทั้งหมด หวังหยวนย่อมยิ้มตอบ “ในเมื่ออ๋องถูหนานมีอารมณ์อันสุนทรีย์เช่นนี้ กระหม่อมย่อมน้อมรับพ่ะย่ะค่ะ ต้าหู่” หวังหยวนกล่าวอย่างราบเรียบ และต้าหู่ที่อยู่ข้างหลังก็ก้าวออกมาข้างหน้า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เราก็มาเพิ่มความรื่นรมย์ด้วยศิลปะการต่อสู้กันเถอะ อย่างไรก็ตาม งานเฉลิมฉลองในวันนี้จะไม่มีการนองเลือดเป็นอันขาด เข้าใจหรือไม่?” ไทเฮาพูดอย่างเย็นชา หลังจากพูดเช่นนี้ อดีตนายพลผู้นั้นก็พูดทันที “กระหม่อมน้อมรับคำบัญชา!” เมื่อพูดเช่นนั้น เขาก็ชักดาบยาวออกมาแล้วเดินตรงไปที่ตรงกลา
หลังจากพูดแบบนี้ อากู่ฉาก็กระแอมเบา ๆ และเพิกเฉยต่อมัน ไทเฮาเซียวฉู่ฉู่กลับหัวเราะขึ้นมา “ไม่เป็นไร มันเป็นเพียงเพื่อความรื่นรมย์เท่านั้น” และในเวลานี้ จู่ ๆ ก็มีคนพูดขึ้นอีกครั้ง “ไทเฮา การแข่งขันศิลปะการต่อสู้ก็จบลงแล้ว ไม่สู้มาเพิ่มตวามรื่นรมย์ด้วยบทกวี ท้ายที่สุดแล้ว การชักปืนและร่ายรำกระบี่ในงานเฉลิมฉลองยิ่งใหญ่ในวันนี้ ไม่ใช่เรื่องดีนัก” มีใต้เท้าคนหนึ่งเสนอแนะทันที เซียวฉู่ฉู่หัวเราะและพยักหน้า “ก็ดี ทว่าการเพิ่มความรื่นรมย์เช่นนี้กลับไม่น่าสนใจเท่าไหร่ ไม่สู้ดวลวรรณกรรมกันเสียดีกว่า ผู้ชนะจะได้รับรางวัลใหญ๋จากข้า ทุกท่านคิดเห็นอย่างไรเล่า?” ทันทีที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ เหล่าขุนนางที่อยู่ด้านล่างต่างก็ตื่นเต้นยิ่งนัก “ข้อเสนอแนะของไทเฮา ช่างดียิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ!” ไทเฮาก็หัวเราะเช่นกัน “เช่นนั้นก็เริ่มกันเลยเถอะ” เมื่อหวังหยวนได้ยินดังนั้น เขาก็กระพริบตา ดูเหมือนว่านี่เป็นโอกาสที่ตัวเองจะเอ่ยขอแต่งงาน! ไทเฮาผู้นี้เชื่อใจตัวเขามากจริง ๆ ในวันเฉลิมฉลองยิ่งใหญ่เช่นนี้ ให้เขาเอ่ยขอแต่งงาน นางต้องมีเหตุผลเป็นแน่ และรางวัลใหญ่นี้ก็คือเหตุผล อย่างไรก็ตาม นางจะมั่นใจ
หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ เขาก็ยิ้มเล็กน้อยและนั่งลงบนที่นั่งทันที! กวานจีในบทกวี ทุกคนสามารถเขียนบทกวีใด ๆ ได้ตามใจปรารถนา หากมีคนที่สามารถเขียนบทกวีที่ดีกว่าบทกวีนี้ได้เพียงเล็กน้อยหวังหยวนก็จะยอมรับความพ่ายแพ้อย่างจริงใจ! ในขณะนี้ ทุกคนต่างสั่นสะท้านในใจ! บทกวีนี้ ช่าง... ช่างวิเศษยิ่งนัก! นกจีจิวขันร้องเรียกหาคู่ อยู่บนเกาะแก่งกลางแม่น้ำ! สาวงามแสนดีเอย เจ้าเป็นที่หมายปองของชายหนุ่ม! โดยเฉพาะสี่ประโยคนี้ เรียกได้ว่าเป็นผลงานชิ้นเอกอย่างแท้จริง! “สาวงามแสนดีเอย เจ้าเป็นที่หมายปองของชายหนุ่ม...บทกวีที่ดี...หวังหยวน เจ้าช่างมีความสามารถทางวรรณกรรมที่ไม่มีใครเทียบได้จริง ๆ!” ในเวลานี้ ไทเฮาเซียวฉู่ฉู่ก็รู้สึกประหลาดใจมากเช่นกัน นางรู้สึกประทับใจบทกวีนี้ยิ่งนัก! “ไทเฮากล่าวชมเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” หวังหยวนรีบส่ายหัว เขาประสานมือแล้วกล่าวอย่างสุภาพ แต่หลังจากที่ไทเฮาได้ยินดังนั้น นางก็หัวเราะและมองขุนนางใต้เท้าทุกคน “ทุกท่าน ตอนนี้วังหยวนกล่าวบทกวีนี้จบแล้ว มีใครต้องการแข่งกับเขาหรือไม่?” หลังจากที่ไทเฮากล่าวคำเหล่านี้ ทุกคนที่อยู่ ณ ที่นั้นต่างก็ตกตะลึง! บทกวีนี
ไทเฮาเคยบอกแล้วว่าเขาต้องแสร้งทำตัวเป็นศัตรูตัวฉกาจของหวังหยวน ดังนั้นเขาจึงพูดทันที “ทูลไทเฮา ความเกลียดชังที่ฆ่าเสด็จพ่อของข้า ข้าจะยุติความบาดหมางในอดีตได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ!!” “หากเป็นเช่นนี้จริง ข้าจะไม่กลายเป็นคนทรยศที่ยิ่งใหญ่ที่สุดหรือพ่ะย่ะค่ะ?” เสียงของอากู่ฉาต่ำลง หลังจากนั้นทุกคนก็ประหลาดใจ! นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่อากู่ฉากล้าหักหน้าไทเฮา! เจ้าผู้น้อยคนนี้... เป็นไปได้ไหมที่เขาจะไม่มีวันเปลี่ยนใจ? พวกเขาทั้งหมดต่างตกตะลึง อ๋องเจิ้นตงและอ๋องเซ่อเป่ยกลับยิ้ม และแอบมองอากู่ฉาอย่างเงียบ ๆ โดยไม่พูดอะไรสักคำ ไทเฮาเซียวฉู่ฉู่กระแอมเบา ๆ อย่างเย็นชาและหยุดพูด คำพูดของอากู่ฉาไม่มีอะไรผิด มันยากจริง ๆ ที่จะละทิ้งความเกลียดชังที่ฆ่าพ่อของตัวเอง! ดังนั้นนางจึงไม่สามารถเอ่ยพูดได้อีก เพื่อหลีกเลี่ยงคำวิจารณ์จากทุกคน “ไทเฮา ในเมื่ออากู่ฉาไม่เห็นด้วย เช่นนั้น... กระหม่อมทำได้เพียงร้องขออย่างอื่นเท่านั้นแล้วพ่ะย่ะ่ค่ะ!” หวังหยวนรู้ว่าอากู่ฉาไม่มีทางเห็นด้วย และเมื่อครู่นี้ก็เป็นเพียงข้ออ้างที่จะแสดงให้พวกเขาเห็นเท่านั้น ไม่ว่าพวกเขาจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม หวังหยวนก็ไม่สน
เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย หวังหยวนพูดแบบนี้ออกมาได้เท่านั้นแต่เมื่อพูดออกมาแล้วนั้น หวงเจียวเจียวก็ยิ่งรู้สึกหดหู่มากขึ้นกว่าเดิม!แต่...นางไม่เคยเกลียดหวังหยวนเลย ครั้งสุดท้ายที่นางไปเดินเล่นริมทะเลสาบในคืนนั้น ถ้าหวังหยวนต้องการนางจริง ๆ นางไม่ลังเลและจะมอบให้กับเขา!เพราะในตอนนั้น ไทเฮามีรับสั่งใช้ทุกวิถีทางเพื่อเกลี้ยกล่อมหวังหยวนให้ได้!ดังนั้น...ต่อให้เป็นร่างกายของนางเอง นางก็ยินดีที่จะแลก!เมื่อไทเฮาและใต้เท้าทุกคนได้ยินดังนั้น พวกเขาต่างตกใจนิ่งอึ้งกันไปหมด!นี่...อย่างไรก็ตาม หลายคนต่างก้มหน้าเพราะรู้สึกอับอาย และยังนิ่งเงียบไม่พูดอะไรออกมาท้ายที่สุดแล้วนี่เป็นเรื่องในครอบครัวหลายคนเคยได้ยินเกี่ยวกับสิ่งที่หวงเจียวเจียวทำในต้าเย่!นักร้องจากหอไป่เฟิง นั่นไม่ใช่แค่ชื่อหรอกเหรอ?ยังบริสุทธิ์ผุดผ่องได้นี่สิแปลก!“เจ้า...เจ้า...ไอ้สารเลว!”ในตอนนั้นอ๋องหลงซีก็โกรธมาก ในเวลานั้นไทเฮาเซียวฉู่ฉู่ก็คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และกล่าวว่า“เอาเถอะ อ๋องหลงซี ข้ารู้ว่าเจ้ารักลูกสาวของเจ้า แต่ข้าคิดว่าคงไม่มีใครในโลกนี้ที่ยินดีที่จะแต่งงานกับเจียวเจียวจริง ๆ!”“ถึงอย่างนั้น ข
ทันทีที่พูดออกมา อ๋องหลงซีก็พยักหน้า“ใช่ มันเป็นความลับสุดยอด บางครั้งข้ายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครเป็นสมาชิกขององค์รักษ์เงา นี่เป็นกฎขององค์รักษ์เงาเช่นกัน จะไม่มีใครรู้รายชื่อองค์รักษ์เงาทุกคนทั้งหมด องค์รักษ์เงาจะได้ปลอดภัยตลอดไป!”“แต่ต้องมีคนทำอะไรบางอย่างอยู่เสมอ!”คำพูดของอ๋องหลงซีทำให้หวังหยวนประหลาดใจ จากนั้นเขาก็หยิบป้ายเจ็ดอันที่เป็นสัญลักษณ์ขององค์รักษ์เงาออกมา“คนเจ็ดคนนี้คือคนที่มาจัดการข้า ข้าอยากถาม...มีใครรู้เกี่ยวกับคนเจ็ดคนนี้ หรือสมาชิกคนอื่น ๆ ในกลุ่มองค์รักษ์เงาพวกเจ้าบ้างไหม?”หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ อ๋องหลงซีก็กล่าวอย่างมั่นใจว่า“ไม่! ทั้งเจ็ดคนนี้ ข้าไม่รู้ว่าพวกเขามาจากไหนด้วยซ้ำ”หวังหยวนกระพริบตาปริบ ๆ “ท่านไม่รู้... คงเป็นเรื่องปกติใช่ไหม? ท่านหมายความว่าข้อมูลองค์รักษ์เงารั่วไหลอย่างนั้นเหรอ? อาจมีคนอื่นมาจัดการยุ่มย่ามงั้นรึ?”“เจ้าคิดว่าข้า อ๋องหลงซีเป็นพวกกระจอกจริง ๆ งั้นหรือ? ชิ ข้าจงใจทั้งนั้น ข้ารู้ดีว่าเขาเป็นคนของใคร และทำอะไร!”จู่ ๆ อ๋องหลงซีก็เย้ยหยันออกมา หวังหยวนก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับท่าทางเช่นนั้น“ข้าไม่รู้ว่าคนทั้งเจ็ดนี้ปราก
ในคืนนั้นไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างแต่วันรุ่งขึ้น จดหมายฉบับหนึ่งวางไว้บนโต๊ะของอ๋องเจิ้นตง!อ๋องเจิ้นตงที่เพิ่งกลับถึงห้องหนังสือ ทันทีที่เข้ามาเขาก็เห็นซองจดหมายวางอยู่บนโต๊ะ!สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาเดินออกจากห้อง ถามทหารองค์รักษ์ที่เฝ้ารักษาการณ์อยู่ และถามออกไปว่า "เจ้าเห็นใครเข้ามาในห้องหนังสือข้าบ้างไหม"“ทูลท่านอ๋อง ไม่เห็นเลยพ่ะย่ะค่ะ!”ทหารองค์รักษ์ที่เฝ้ารักษาการณ์พูดออกมา หลังจากที่พูดสีหน้าของอ๋องเจิ้นตงก็เปลี่ยนไป เขารีบเดินเข้าไปในห้องอ่านหนังสือและหยิบซองจดหมายขึ้นมา!เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วเปิดมันออก!เมื่อกวาดตาอ่านดู เขาก็หน้าถอดสีทันที!‘เกาเล่อกำลังวางแผนทรยศอย่างลับ ๆ กับไทเฮา ท่านอ๋องโปรดระวังด้วย!’จดหมายฉบับนี้มีแค่ข้อความนี้ประโยคเดียวเท่านั้น!แต่ประโยคนี้ทำให้อ๋องเจิ้นตงหน้าถอดสีทันที!เขาขมวดคิ้วแล้วหัวเราะเบา ๆ “แผนโง่ ๆ!”หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็เผาจดหมายทิ้งทันที“ทหาร เรียกชาเอ๋อร์มา!”อ๋องเจิ้นตงตะโกนออกไป ทหารองค์รักษ์ก็รับคำสั่งทันที ชายหนุ่มรูปงามเดินเข้ามาและพูดทำความเคารพทันที“ท่านพ่อ เรียกหาลูกหรือพ่ะย่ะค่ะ”คนที
หวังหยวนใช้นิ้วเคาะเบา ๆ ที่หน้าผากของตน จากนั้นก็เอ่ยถามขึ้นส่วนเกาเล่อยกยิ้ม แล้วเอ่ยอย่างเฉยเมยว่า “นี่ก็เป็นเรื่องง่าย หากต้องการจะได้รับฉายาไร้เทียมทานย่อมต้องไปให้ถึงจุดสูงสุดของด้านนั้นๆ ต่อให้มีผู้เชี่ยวชาญมาสองคน พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องรับไว้ทั้งหมด สู้ให้พวกเขาทั้งสองประลองฝีมือกัน ผู้ใดแข็งแกร่งกว่า ผู้อ่อนแอกว่า ย่อมรู้ได้ในพริบตา!”“ท่านผู้นำคิดเห็นเช่นไรขอรับ?”หวังหยวนตบมือ เขาจะปฏิเสธได้อย่างไร?เขาก็คิดเช่นนี้เหมือนกันไม่ใช่หรือ?หากสามารถรวบรวมผู้ที่ไร้เทียมทานเหล่านี้มาอยู่เคียงข้างได้ เขาสามารถจินตนาการถึงภาพนั้นได้แล้ว!ต่อให้ภายภาคหน้าเขาจะไม่ได้เป็นเจ้าผู้ครองเมืองหลิงอีกต่อไป เพียงแค่หอไร้เทียมทานก็สามารถทำให้ผู้คนทั่วหล้ายังคงเคารพเขา และปกป้องแผ่นดินให้สงบสุขได้ด้วย!“ดื่มสุรา! ดื่มสุรา!”หวังหยวนอารมณ์ดียิ่งนัก เขายกจอกสุราขึ้น พลางโบกมือให้กับทุกคน ทุกคนจึงดื่มสุราตามเฉินอวิ่นไม่ได้ทำตัวเป็นคนนอก ในไม่ช้าก็สามารถเข้ากับทุกคนได้ดี ผู้ที่มีความสัมพันธ์อันดีที่สุดกับเขาคือไฉจวิ้นแม้ว่าไฉจวิ้นจะอายุน้อยกว่าเขามาก แต่ไฉจวิ้นมีนิสัยห้าวหาญ อีกทั้งยังไม่
“ถ้าอย่างนั้นก็ได้”“อย่างไรเสีย ข้าก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว ดื่มสุรากับท่านสักสองจอกที่นี่ก็ถือว่าได้สหายเพิ่มอีกคน”“แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าท่านเป็นใคร แต่ดูจากความร่ำรวยของท่านแล้ว ภายภาคหน้าหากต้องการเงินทอง ท่านคงเป็นผู้ช่วยที่ดี”ชายคนนั้นไม่เกรงใจ เขากล่าวอย่างไม่ใส่ใจหวังหยวนรู้สึกประหม่าเล็กน้อยเนื่องจากไท่สื่อลี่ได้เตรียมงานเลี้ยงไว้แล้ว ทุกคนจึงมุ่งหน้าไปยังบ้านของไท่สื่อลี่อย่างไรเสีย หวังหยวนก็ไม่อยากดื่มสุรากับคนทั้งเผ่า ประสบการณ์ครั้งก่อนยังคงแจ่มชัด เขาไม่อยากจะประสบพบเจออีก...อีกอย่าง ครั้งนี้ที่ต้องการจะดื่มสุราก็เพราะชายตรงหน้าคนนี้คนผู้นี้ช่างลึกลับยิ่งนัก แต่มีความสามารถที่แท้จริง หวังหยวนเป็นคนชอบคนเก่ง หากสามารถทำให้คนผู้นี้มาทำงานให้ตนได้ ภายภาคหน้าย่อมเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการพัฒนาของเขา!“ไม่ทราบว่าท่านมีนามว่าอะไรหรือ?”ขณะที่ทุกคนกำลังเดินไปยังบ้านของไท่สื่อลี่ สายตาของหวังหยวนก็จับจ้องไปที่ชายคนนั้น“ท่านไม่ต้องสุภาพมากนักหรอก เรียกข้าว่าเฉินอวิ่นก็พอ”เฉินอวิ่นเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ เห็นได้ชัดตั้งแต่แรกว่าเขาเป็นคนคนพเนจร ไม่ยึดติดกับกฎเกณฑ์เฉินอ
หวังหยวนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยว่า “ย่อมไม่เป็นเช่นนั้นแน่ เขามีวรยุทธ์ล้ำเลิศ แต่กลับแต่งกายเรียบง่าย นั่นก็พิสูจน์ได้ว่าเขาใช้เงินเท่าที่จำเป็น คาดว่าเงินทองส่วนเกินคงจะมอบให้ผู้อื่นไปหมดแล้ว”“นี่อาจจะเป็นความหมายของคำว่าคุณธรรมก็เป็นได้”“แต่สิ่งเหล่านี้ก็ไม่สำคัญ หากต้องการจะพิชิตใจคนผู้นี้ ดูท่าแล้วคงต้องใช้ความคิดมากกว่านี้”เกาเล่อพยักหน้าเห็นด้วย เป็นเช่นนั้นจริงๆครึ่งชั่วยามผ่านไป ชายคนนั้นกระโดดลงมาจากที่สูงเพียงไม่กี่ครั้งก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าพวกหวังหยวน ในมือของเขาถือเกสรดอกไม้ที่ส่องประกาย“นี่คือเกสรของดอกหน้าผาชันหรือ?”ดวงตาของหวังหยวนก็เป็นประกาย เขากำลังจะยื่นมือไปรับ แต่ชายคนนั้นหดมือกลับ“สหาย ท่านสัญญากับข้าว่าจะให้หนึ่งร้อยห้าสิบตำลึงทอง จ่ายเงินแล้วค่อยรับของ เช่นนี้ถึงจะถูกต้อง”“หากข้าไม่เห็นเงิน ข้าก็ไม่อาจมอบสิ่งนี้ให้ท่านได้”ชายคนนั้นมีท่าทีที่หนักแน่นหวังหยวนจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “หนึ่งร้อยห้าสิบตำลึงทองนั้นมากมายยิ่งนัก แต่สำหรับข้าแล้วนั้นไม่นับว่ามากมาย เพียงแต่ว่าข้าไม่ได้พกทองติดตัวมามากมายเพียงนั้น หรือว่าท่านจะติดตามข้าไปยังเผ่
ดังเช่นที่ชายคนนั้นได้กล่าวไว้ บนหน้าผาสูงตระหง่านแห่งนั้นช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก!แม้ว่าเกาเล่อจะมีวรยุทธ์ล้ำเลิศและฝึกฝนอยู่เป็นประจำ แต่ก็ไม่อาจปีนป่ายหน้าผาได้!เมื่อครู่นี้เขาตั้งใจจะเสี่ยงอันตราย หากสามารถนำดอกหน้าผาชันกลับมาได้ย่อมเป็นเรื่องดีแต่หากไม่สำเร็จ คงต้องสูญเสียชีวิตไป...ในขณะที่เขากำลังจะเคลื่อนไหวผ่านจุดที่ยากลำบากที่สุด ก็เห็นชายคนนั้นมาถึงข้างกาย ใช้เถาวัลย์พันรอบเอวของเขา แล้วพาเขากลับลงสู่พื้นดินทุกอย่างราวกับความฝัน ทำให้เกาเล่อไม่อยากเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น!หลังจากที่ชายคนนั้นช่วยเหลือเกาเล่อแล้ว ก็ไม่ได้เสียเวลาพูดคุยกับพวกหวังหยวนอีก แต่กลับมุ่งหน้าไปยังหน้าผาอีกครั้ง!การเคลื่อนไหวนั้นช่างชำนาญยิ่ง ราวกับเป็นยอดฝีมือในหมู่ยอดฝีมือ!ทั้งสองคนที่ยืนอยู่บนหน้าผารู้สึกราวกับกำลังชมการร่ายรำ เพียงแต่ว่าท่วงท่าอันงดงามนี้ หากเกิดความผิดพลาดเพียงครึ่งก้าวย่อมต้องแลกมาด้วยชีวิต!ผลลัพธ์ที่ตามมานั้นร้ายแรงยิ่งนัก!หวังหยวนและเกาเล่อสบตากัน เกาเล่อเอ่ยขึ้นว่า “ชาติที่แล้วเจ้านี่คงเกิดเป็นลิง ทักษะของเขาจะดีเยี่ยมปานนี้ได้อย่างไร? หรือว่าจะเป็นผู้มีวิชาที่เ
น่าเสียดาย หากต้องการเก็บเกสรดอกหน้าผาชันก็จำเป็นต้องมีทักษะอย่างแท้จริง!“ท่านรู้จักดอกหน้าผาชันด้วยหรือ?”หวังหยวนเอ่ยถามโดยไม่รู้ตัว“ย่อมต้องรู้จักสิ”“ท่านไม่อยากรู้หรือว่าข้ามาที่นี่เพื่ออะไร?”“ง่ายมาก! ข้าเองก็มาเพื่อดอกหน้าผาชันนี้เช่นกัน!”ชายคนนั้นกอดอกพูดคำพูดที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ“ท่านต้องการดอกหน้าผาชันไปทำอะไร?”หวังหยวนรีบถาม“แน่นอนว่าต้องนำไปแลกเงิน”“ดอกหน้าผาชันนับว่าเป็นสมุนไพรล้ำค่า ข้าต้องพึ่งพามันเพื่อหาทางอยู่รอด!”“ดอกหน้าผาชันหนึ่งดอกสามารถขายได้สิบตำลึงเงิน เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายทั้งเดือนของข้า!”หวังหยวนชะงักไปครู่หนึ่ง เพียงแค่สิบตำลึงเงินเองหรือ?“เหตุใดจึงมีราคาแต่ไม่มีคนขาย?”หากสามารถใช้เงินซื้อดอกหน้าผาชันในตอนนั้นได้ เขาจะลำบากเดินทางมาที่นี่เพื่ออะไร?บ่ายวันนี้ หวังหยวนได้แอบสอบถามมาแล้ว ปรากฏว่าในเผ่าไม่มีดอกหน้าผาชันแม้แต่ดอกเดียว!เขามีบารมีสูงส่งในเผ่า ผู้คนในเผ่าย่อมไม่หลอกลวงเขาหรือว่า...ชายตรงหน้าเขากำลังโกหก?“เหตุใดท่านมองข้าเช่นนี้?”“แน่นอนว่าดอกหน้าผาชันไม่ได้มีไว้ขายให้กับคนในเผ่า เพราะว่าพวกเขาไม่ต้องการสิ่งนี
ในขณะที่หวังหยวนกับเกาเล่อกำลังพูดคุยกัน พลันได้ยินเสียงที่ไม่คุ้นเคยดังขึ้น“เขาพูดถูก หากตกลงมาจากยอดเขานี้ ต่อให้เจ้ามีสามเศียรหกกรก็จะต้องแหลกเป็นชิ้นแน่นอน!”“ถึงตอนนั้น สภาพย่อมดูไม่จืด!”หวังหยวนกับเกาเล่ออดไม่ได้ที่จะรู้สึกตึงเครียด รีบหันไปมองตามต้นเสียงเมื่อสักครู่นี้พวกเขาทั้งสองคนกลับไม่ทันสังเกตว่าในความมืดมิดนั้นยังมีผู้อื่นซ่อนอยู่ด้วย!“พวกท่านไม่ต้องเครียด! ข้าไม่มีเจตนาร้ายต่อพวกท่าน!”ชายคนนั้นค่อย ๆ เดินออกมาจากความมืด เขาแต่งกายด้วยชุดผ้าป่าน อายุใกล้เคียงกับหวังหยวน ใบหน้าใต้แสงจันทร์ ของเขาเปื้อนรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลา“ไม่ทราบว่าท่านเป็นใคร?”“เหตุใดจึงมาที่นี่ในยามนี้?”ภูเขาทางเหนือตั้งอยู่ในที่ห่างไกล รอบด้านไม่มีบ้านเรือนผู้คน แม้แต่หมู่บ้านที่อยู่ใกล้ที่สุดก็ยังอยู่ห่างออกไปหลายร้อยลี้!ไม่เช่นนั้น หวังหยวนคงไม่ต้องเสียเวลาเดินทางมาหลายชั่วยาม!แต่ในสถานที่เช่นนี้กลับมีคนแปลกหน้าปรากฏตัว จะไม่ให้สงสัยได้อย่างไร?ชายคนนั้นยิ้มพลางโบกมือเอ่ยว่า “ข้าก็เพียงแค่เดินทางผ่านมาที่นี่ เห็นพวกท่านทั้งสองกำลังเตรียมปีนหน้าผา จึงคิดจะดูความสนุกสักหน่อย”“แต่ข
ในใจนางก็รู้เรื่องราวเหล่านี้ดี และที่พูดเช่นนี้กับไฉจวิ้นก็เพราะว่านางมองว่าไฉจวิ้นเป็นน้องชายแท้ ๆ ของนางเองไม่ใช่หรือ?หากปฏิบัติต่อคนนอกย่อมไม่ใช่ท่าทีเช่นนี้หยอกล้อกันอยู่ครู่หนึ่ง หลิ่วหรูเยียนอาจจะรู้สึกเหนื่อยจึงหลับไปอย่างรวดเร็วในคืนนั้น หลังจากที่หวังหยวนกินอาหารเสร็จก็ได้ออกไปอย่างเงียบเชียบหลายชั่วยามต่อมาก็เป็นเวลาเที่ยงคืน หวังหยวนมายืนอยู่ตรงหน้าผาของภูเขาทางเหนือเมื่อมองออกไป อาจเป็นเพราะความมืดมิด จึงมองไม่เห็นจุดสิ้นสุดของหน้าผา ให้ความรู้สึกกดดันอย่างอธิบายไม่ถูก!หวังหยวนกอดอกยืนอยู่ด้านข้าง มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นรอยยิ้มจางที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจและสง่างาม“พายุใหญ่คลื่นยักษ์แบบไหนที่ไม่เคยพบเจอ?”“สถานการณ์แบบไหนที่ไม่เคยประสบ?”“เพียงแค่หน้าผา คิดจะขวางทางข้าได้หรือ?”“ช่างน่าขันนัก!”ขณะที่พูด หวังหยวนก็ลุกขึ้นเตรียมที่จะปีนขึ้นหน้าผาด้วยมือเปล่า ทันใดนั้น เขาได้ยินเสียงเคลื่อนไหวมาจากด้านหลังเขาหันกลับไปโดยสัญชาตญาณ สายตาจับจ้องไปที่ผู้มาเยือน ผู้ที่มานั้นไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเกาเล่อ!ท่ามกลางความมืดมิด ชายคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหลังหวัง
“เช่นนั้นก็ได้ขอรับ...”เมื่อเห็นท่าทีที่แข็งกร้าวของหวังหยวน ไท่สื่อลี่ก็ไม่ได้กล่าวต่ออีก สุดท้ายก็จำต้องจากไปส่วนหวังหยวนนั่งลงศึกษาแผนที่อย่างละเอียดภายในห้องเมื่อไฉจวิ้นกลับมา หลิ่วหรูเยียนก็รีบลุกขึ้นเดินเข้าไปหาไฉจวิ้นอย่างรวดเร็ว พลิกดูห่อผ้าในมือเขาอย่างตื่นเต้น“ครั้งนี้เจ้าทำได้ดีมาก!”“ซื้อของดี ๆ มาฝากข้ามากมายเพียงนี้เลยหรือ?”“ต่อไปต้องมอบเรื่องเช่นนี้ให้เจ้าจัดการแล้ว!”หลิ่วหรูเยียนลูบศีรษะของไฉจวิ้น พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้มไฉจวิ้นรู้สึกอึดอัด นี่นางเห็นเขาเป็นเด็กน้อยชัด ๆ แต่เขาก็เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งแล้ว อายุอานามก็ไม่น้อย กลับถูกปฏิบัติเหมือนเด็กงั้นหรือ?ช่างน่าเจ็บใจนัก!แต่พี่สะใภ้ผู้นี้ก็เป็นคนที่เขาไม่อาจล่วงเกิน จึงทำได้เพียงอดทนหากเป็นผู้อื่นที่กล้าลูบศีรษะของเขา นี่ถือว่าเป็นการหาเรื่องตายชัดๆ!“จริงสิ พี่ใหญ่ของเจ้าอยู่ไหน?”“เมื่อครู่เขาออกไปกับไท่สื่อลี่ นี่ก็ผ่านมานานแล้ว ยังไม่กลับมาอีก หรือว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”หลิ่วหรูเยียนกินขนมพลางเอ่ยถามไฉจวิ้นชี้ไปที่นอกประตู แล้วตอบว่า “พี่ใหญ่อยู่ในลานบ้านขอรับ เมื่อครู่ตอนที่ข้าเข้ามา เขากำลั
ครึ่งชั่วยามต่อมา ไท่สื่อลี่นำแผนที่มาให้ด้วยตนเอง ทางด้านหวังหยวนเฝ้ารออยู่ที่ลานบ้านเมื่อรับแผนที่มาก็ตรวจดูอย่างละเอียด คิ้วของหวังหยวนขมวดแน่นช่างอันตรายยิ่งนัก!แม้ว่าภูเขาทางเหนือจะเป็นภูเขาโดดเดี่ยว แต่ด้านข้างเป็นหน้าผาทั้งสิ้น หากต้องการเก็บเกสรของดอกหน้าผาชันก็ต้องปีนขึ้นไปบนหน้าผา ไม่มีเส้นทางอื่นให้เลือกเดินนี่ช่างเป็นเรื่องที่ยุ่งยากยิ่งนัก!หากไม่มีวิชาตัวเบา การปีนขึ้นหน้าผาด้วยมือเปล่านั้นยากราวกับปีนขึ้นสวรรค์!หวังหยวนตกอยู่ในห้วงความคิด ครุ่นคิดหาวิธีเก็บเกสรดอกหน้าผาชันส่วนไท่สื่อลี่ไม่ได้เอ่ยคำใด ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมเวลาผ่านไปทีละน้อย ไม่นานไฉจวิ้นก็กลับมาพร้อมกับห่อผ้าห่อใหญ่ ในมือไม่เพียงแต่มีของกิน ยังมีของเล่นน่าสนใจอีกมากมายด้วยทั้งหมดนี้ก็เพื่อเอาใจหลิ่วหรูเยียนเป็นเพราะเขาเอง หลิ่วหรูเยียนจึงไม่อาจออกไปเที่ยวเล่นได้ สตรีนั้นอารมณ์แปรปรวน เขากลัวว่าหลิ่วหรูเยียนจะเก็บเรื่องนี้มาคิดเล็กคิดน้อย“กลับมาแล้ว”หวังหยวนเอ่ยอย่างเรียบเฉยไฉจวิ้นพยักหน้า เขามองหวังหยวนก่อนเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มว่า “พี่ใหญ่อารมณ์ไม่ดี หรือว่าเมื่อครู่นี้ทะเลาะกับพี่