ทันทีที่พูดออกมา อ๋องหลงซีก็พยักหน้า“ใช่ มันเป็นความลับสุดยอด บางครั้งข้ายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครเป็นสมาชิกขององค์รักษ์เงา นี่เป็นกฎขององค์รักษ์เงาเช่นกัน จะไม่มีใครรู้รายชื่อองค์รักษ์เงาทุกคนทั้งหมด องค์รักษ์เงาจะได้ปลอดภัยตลอดไป!”“แต่ต้องมีคนทำอะไรบางอย่างอยู่เสมอ!”คำพูดของอ๋องหลงซีทำให้หวังหยวนประหลาดใจ จากนั้นเขาก็หยิบป้ายเจ็ดอันที่เป็นสัญลักษณ์ขององค์รักษ์เงาออกมา“คนเจ็ดคนนี้คือคนที่มาจัดการข้า ข้าอยากถาม...มีใครรู้เกี่ยวกับคนเจ็ดคนนี้ หรือสมาชิกคนอื่น ๆ ในกลุ่มองค์รักษ์เงาพวกเจ้าบ้างไหม?”หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ อ๋องหลงซีก็กล่าวอย่างมั่นใจว่า“ไม่! ทั้งเจ็ดคนนี้ ข้าไม่รู้ว่าพวกเขามาจากไหนด้วยซ้ำ”หวังหยวนกระพริบตาปริบ ๆ “ท่านไม่รู้... คงเป็นเรื่องปกติใช่ไหม? ท่านหมายความว่าข้อมูลองค์รักษ์เงารั่วไหลอย่างนั้นเหรอ? อาจมีคนอื่นมาจัดการยุ่มย่ามงั้นรึ?”“เจ้าคิดว่าข้า อ๋องหลงซีเป็นพวกกระจอกจริง ๆ งั้นหรือ? ชิ ข้าจงใจทั้งนั้น ข้ารู้ดีว่าเขาเป็นคนของใคร และทำอะไร!”จู่ ๆ อ๋องหลงซีก็เย้ยหยันออกมา หวังหยวนก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับท่าทางเช่นนั้น“ข้าไม่รู้ว่าคนทั้งเจ็ดนี้ปราก
ในคืนนั้นไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างแต่วันรุ่งขึ้น จดหมายฉบับหนึ่งวางไว้บนโต๊ะของอ๋องเจิ้นตง!อ๋องเจิ้นตงที่เพิ่งกลับถึงห้องหนังสือ ทันทีที่เข้ามาเขาก็เห็นซองจดหมายวางอยู่บนโต๊ะ!สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาเดินออกจากห้อง ถามทหารองค์รักษ์ที่เฝ้ารักษาการณ์อยู่ และถามออกไปว่า "เจ้าเห็นใครเข้ามาในห้องหนังสือข้าบ้างไหม"“ทูลท่านอ๋อง ไม่เห็นเลยพ่ะย่ะค่ะ!”ทหารองค์รักษ์ที่เฝ้ารักษาการณ์พูดออกมา หลังจากที่พูดสีหน้าของอ๋องเจิ้นตงก็เปลี่ยนไป เขารีบเดินเข้าไปในห้องอ่านหนังสือและหยิบซองจดหมายขึ้นมา!เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วเปิดมันออก!เมื่อกวาดตาอ่านดู เขาก็หน้าถอดสีทันที!‘เกาเล่อกำลังวางแผนทรยศอย่างลับ ๆ กับไทเฮา ท่านอ๋องโปรดระวังด้วย!’จดหมายฉบับนี้มีแค่ข้อความนี้ประโยคเดียวเท่านั้น!แต่ประโยคนี้ทำให้อ๋องเจิ้นตงหน้าถอดสีทันที!เขาขมวดคิ้วแล้วหัวเราะเบา ๆ “แผนโง่ ๆ!”หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็เผาจดหมายทิ้งทันที“ทหาร เรียกชาเอ๋อร์มา!”อ๋องเจิ้นตงตะโกนออกไป ทหารองค์รักษ์ก็รับคำสั่งทันที ชายหนุ่มรูปงามเดินเข้ามาและพูดทำความเคารพทันที“ท่านพ่อ เรียกหาลูกหรือพ่ะย่ะค่ะ”คนที
เมื่อได้ยินเช่นนี้ อาปู้ชาก็พยักหน้า "สิ่งที่เสด็จพ่อกล่าว ถึงแม้เราจะพึ่งพาเกาเล่ออย่างมาก แต่เราต้องระวังจริง ๆ หรือ!"อย่างไรก็ตาม ในขณะนั้น ทหารรักษาการณ์ที่อยู่นอกประตูมารายงานว่า "ท่านอ๋อง ใต้เท้าเกามาขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ"อ๋องเจิ้นตงและลูกชายมองหน้ากันและพยักหน้า "ให้เขาเข้ามา"เกาเล่อไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อเดินเข้าไปในห้องหนังสือ และได้พบอ๋องเจิ้นตงและอาปู้ชา เขาพูดถวายบังคมว่า “ท่านอ๋อง องค์ชาย”อ๋องเจิ้นตงยิ้มแล้วพูดว่า "เกาเล่อ มานี่แต่เช้า มีเรื่องอะไรรึ?"เกาเล่อรีบพูดว่า “ท่านอ๋อง วันนี้ในวังไทเฮามีรับสั่งลงมา ว่าวันไหว้บรรพบุรุษที่ใกล้จะถึงนี้ จะให้ทหารองค์รักษ์หวงจัดการดูแลเรื่องนี้พ่ะย่ะค่ะ”อ๋องเจิ้นตงพยักหน้ารับ “ใช่ เรื่องแบบนี้ ทหารองค์รักษ์หวงเป็นคนจัดการดูแลมาโดยตลอด”เกาเล่อยิ้มแล้วพูดว่า "ถ้าอย่างนั้น กระหม่อมจะกลับรายงานที่วังหลวงก่อน"หลังจากพูดจบ เกาเล่อก็ไม่คิดสนใจอะไร ท้ายที่สุด เรื่องแบบนี้หารองค์รักษ์หวงเป็นผู้จัดการทุกปี และเขาก็เป็นคนที่คอยจับตาดู แต่ในขณะนั้น อาปู้ชาก็พูดขึ้นมาว่า “เสด็จพ่อ เช่นนั้นแล้ว... หากข้าไปกับใต้เท้าเกาด้วยกันเ
อาปู้ชาที่เหลือบตามองและเห็นทั้งหมดนี้ ก็มองกลับไปทางเกาเล่อสายตาจากด้านหลังที่เต็มไปด้วยแรงข่มขู่ พร้อมกับความหวาดระแวงนี้!ทั้งสองรู้ถึงปัญหาทันที!อย่างไรก็ตาม ความโกรธปรากฏขึ้นมาในใจของอาปู้ชาครู่เดียวนั้น ทำให้เกาเล่อกังวลใจ!เหตุผลก็ไม่ใช่เหตุผลใดอื่น นอกจากการกระทำเพียงเล็กน้อยของไทเฮา!การให้ของขวัญนี้!หากว่ากันแล้วมันมีปัญหามากเกินไป!อย่างแรก ง่ายที่สุดคือไทเฮาได้เตรียมของให้กับเกาเล่ออย่างใส่ใจ!แถมยังใส่กล่องของขวัญไว้ล่วงหน้าอีกด้วย!แม้ว่านี่จะไม่ได้อธิบายปัญหาทุกอย่าง แต่ก็มีประเด็นที่สอง!ประเด็นที่สองคือไทเฮาได้เตรียมกล่องของขวัญในฐานะโอรสของอ๋องเจิ้นตง สถานะของอาปู้ชาย่อมสูงกว่าเกาเล่อ!แต่ไทเฮาทรงมอบกล่องของขวัญที่เตรียมไว้ให้เกาเล่อก่อน แล้วค่อยมอบให้กับเขา!นี่ก็อธิบายปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจนแล้ว!สีหน้าเกาเล่อดูแย่มาก ถ้าอาปู้ชาเห็น เขาเองก็เห็น!นี่จะทำอะไรกันแน่?กำลังใช้อุบายแยกตัวออกจากอ๋องเจิ้นตงงั้นหรือ?คงจะดีถ้ามันเป็นการเคลื่อนไหวที่ใหญ่กว่า แต่นี่เป็นการเคลื่อนไหวแบบเล็กน้อย!การกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ มักเป็นการกระทำที่เผยให้เห็นใจผู
“เสด็จพ่อข้าให้ตำแหน่งเจ้า เขาไม่ได้บอกหรือว่าเป็นของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ?”หลังจากที่อาปู้ชาพูดเช่นนี้ เขาก็หยุดพูดและมุ่งหน้ากลับไปยังจวนอ๋องเจิ้นตงเมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของเกาเล่อก็ดูย่ำแย่ทันที!เขารู้ว่านี่เป็นอุบายเพื่อฆ่าเขา!เป็นการปลุกเร้าความสงสัยระหว่างเขากับอ๋องเจิ้นตง!หากความสงสัยนี้บาดลึกยิ่งขึ้น เขาต้องตายอย่างแน่นอน!เกาเล่อหายใจเข้าลึก หรี่ตาลง คิดใคร่ครวญสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นทันใดนั้นเขาก็นึกถึงใครบางคน!หวังหยวน!ข้าเกรงว่าคงมีเพียงหวังหยวนเท่านั้นที่สามารถคิดแผนแบบนี้ได้"แม้ว่าวิธีที่ดีที่สุดในจัดการกระหม่อมคือการหว่านความสงสัยให้เกิดความแตกแยก แต่... มันเป็นแค่ความสงสัย อ๋องเจิ้นตงจะไม่ทำอะไรกระหม่อม ท้ายที่สุดกระหม่อมจงภักดีต่อพระองค์มาหลายปีแล้ว ความจงรักภักดีของกระหม่อมก็เป็นที่ชัดเจน!”เกาเล่อหายใจเข้าลึก ๆ คิด ๆ แล้วก็รู้สึกสงบใจลงได้บ้างตอนนี้อาปู้ชาได้กลับมาถึงจวนอ๋องเจิ้นตงแล้ว และไปหาเสด็จพ่อของเขาที่ห้องหนังสือ!และเล่าเรื่องทั้งหมดให้อ๋องเจิ้นตงฟัง!หลังจากที่ได้ฟัง สีหน้าของอ๋องเจิ้นตงก็เคร่งเครียดทันทีเขาไม่พูดแต่เอาพรมนิ้วบนโต๊ะและ
ถูกต้อง!พ่ายแพ้!ตอนนี้หวังหยวนได้ลงมือแล้ว เขาจะไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ แน่นอน!เจ้าต้องการสร้างความขัดแย้ง ข้าก็จะทำให้อ๋องเจิ้นตงเชื่อในตัวข้า!นี่คือแผนของเกาเล่อ!นี่เป็นการตอบโต้ของเขาด้วย!ในขณะนี้ เขามาถึงจวนที่ประทับของอ๋องเจิ้นตงแล้ว และสมุดบัญชีรายชื่อก็วางไว้ตรงหน้าอ๋องเจิ้นตง!อ๋องเจิ้นตงนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง เหลือบมองเกาเล่อด้วยความประหลาดใจ แล้วถามว่า "เกาเล่อ นี่หมายความว่าอย่างไร?"เกาเล่อพูดทันทีว่า "ท่านอ๋อง กระหม่อม เกาเล่อไม่เคยมีความสัมพันธ์ใด ๆ กับไทเฮา เรื่องนี้เป็นแผนของหวังหยวน รายชื่อนี้จึงเป็นรายชื่อทหารทั้งหมดขององครักษ์หลวง และแม้แต่สายลับของกระหม่อม เกาเล่อ ที่ซ่อนตัวอยู่ในจวนอื่น ๆ ด้วย!”สมุดบัญชีรายชื่อนี้ไม่ธรรมดา นี่คือการมอบทุกสิ่งทุกอย่างของเกาเล่ออย่างแท้จริง!ด้วยสมุดบัญชีรายชื่อนี้ มันเหมือนกับการควบคุมทหารหวงไว้ได้ทั้งหมด!ถึงจะเป็นอ๋องเจิ้นตง แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะรู้จักเขาทหารหวงทุกคน!แต่เกาเล่อนั้นต่างออกไป เขาเป็นหัวหน้าองค์รักษ์และย่อมต้องรู้จักทุกคน!เป็นการยากที่จะตรวจสอบว่าคนเหล่านี้เป็นสายลับของเขาหรือไม่ แต่สมุดบัญชีรายชื่อนี้แตก
ในขณะนี้ มีเพียงอ๋องหลงซี, หวงเจียวเจียว และหวังหยวนภายในห้องหนังสือ รวมเป็นสามคน!ตอนนี้ข่าวได้แพร่ออกไปทันทีอ๋องเจิ้นตงก็ได้รับข่าวทันทีเช่นกันในห้องหนังสือ อ๋องหลงซี, หวังหยวน และหวงเจียวเจียว พวกเขาทั้งสามคุยกันอย่างลับ ๆ!ส่วนคุยเรื่องอะไรนั้น ไม่มีใครรู้อ๋องเจิ้นตงไม่แปลกใจเลยที่ได้ยินเช่นนี้ เขาแค่ยิ้มและไม่พูดอะไร“มาอย่างเอิกเกริกขนาดนี้ให้ทุกคนเห็น ไม่บุ่มบ่ามไปหน่อยรึ?”ในห้องหนังสือ อ๋องหลงซีมองไปที่หวังหยวนและถามอย่างเรียบเฉย“ไม่เป็นไร ข้าจะมาหรือไม่นั้น คนอื่นก็ไม่คิดอยู่ว่าข้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับจวนอ๋องหลงซี ความสัมพันธ์ตอนนี้ได้รับการเปิดเผยแล้ว ก็สู้เปิดเผยอย่างโจ้งแจ้งไปเลยดีกว่า”หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้มบาง ๆ“แต่ไม่ใช่ทุกคนที่รู้ว่าข้าจงรักภักดีต่อไทเฮา และไม่มีใครรู้ว่าข้าร่วมมือกับเจ้า”อ๋องหลงซีขมวดคิ้วและพูดอีกครั้งเดิมทีมันเป็นความสัมพันธ์อย่างลับ ๆ แต่หลังจากที่หวังหยวนทำเช่นนี้ ทุกคนก็จะรู้เรื่องนี้ ดังนั้นจะต้องมีการคาดเดาไปต่าง ๆ นานาอย่างแน่นอน!“ท่านบอกว่าพวกเขาจะคาดเดาไปต่าง ๆ นานาสินะ ข้าก็แค่ปล่อยให้พวกเขาคาดเดากันไป!”หวังหยวนหัวเ
อ๋องหลงซีไม่เข้าใจว่าทำไมหวังหยวนถึงพูดแบบนั้น!แต่หวังหยวนหัวเราะและพูดออกมาอย่างช้า ๆ“ในเวลานี้เขาย่อมไม่พูดอะไรอยู่แล้ว แต่... ข้าจะให้เขาพูดความจริงเอง คนผู้นี้ ข้าต้องไปพบอย่างลับ ๆ สักหน่อย!”ทันทีที่พูดออกมา อ๋องหลงซีก็หายใจเข้าลึก แม้เขาจะไม่รู้ว่าหวังหยวนจะทำอะไร แต่เขาก็ตกลงด้วยอยู่ดี“เอาล่ะ ข้าจะไปจัดการเอง!”อ๋องหลงซีพยักหน้าหลังจากนั้นหวังหยวนก็กลับไป หลังจากคืนนี้ไปจะมีเรื่องบางอย่างจะเกิดขึ้นกับเกาเล่อ นี่เป็นแผนการของหวังหยวน!เขาคือคนที่จัดการเรื่องนี้หวงเจียวเจียวพาหวังหยวนออกไปส่งที่ประตูใหญ่“คุณชาย เมื่อไหร่เราจะแต่งงานกันรึ?”ทันใดนั้นหวงเจียวเจียวก็ยิ้มขึ้นมา เมื่อนางพูดแบบนี้ หวังหยวนก็รู้สึกเลิ่กลั่กเล็กน้อย “นั่น...เป็นความคิดของไทเฮา...”แม้ว่าเขาจะพูดเรื่องเหลวไหลออกมาที่พระตำหนัก แต่หากว่ากันตามจริงแล้ว เขาไม่ได้คิดอะไรกับหวงเจียวเจียวตอนที่หวงเจียวเจียวพูดแบบนี้ ก็รู้สึกกังวลทันที“หึ หึ ท่านพูดต่อหน้าพระตำหนักว่าเราเป็นสามีภรรยากันแล้ว คุณชาย ท่านต้องรับผิดชอบนะ”จู่ ๆ หวงเจียวเจียวก็มาแหย่เล่นแบบนี้ พูดมาถึงตรงนี้ หวังหยวนก็กระแอมไอแ
“ปกติพวกเจ้าล้วนองอาจกันไม่ใช่หรือ?”“ก่อนหน้านี้ ตอนที่คิดจะโจมตีราชวงศ์ต้าเย่ พวกเจ้าต่างก็อยากจะแบ่งปันดินแดนกันไม่ใช่หรือ? แล้วตอนนี้ล่ะ? แค่ทหารที่พวกนั้นเชิญมาก็ทำให้พวกเจ้าหวาดกลัวได้ถึงเพียงนี้แล้วหรือ?”“พวกเจ้าอย่าลืมว่าภูมิประเทศของที่นี่อันตราย หากพวกเราไม่ยอมออกจากภูเขา แม้หวังหยวนจะเก่งกาจและมียอดฝีมือมากมายก็ทำอะไรเราไม่ได้! หรือว่าเขาจะสามารถคุกคามเราได้จริง ๆ?”ทุกคนมองหน้ากัน ไม่มีใครเอ่ยคำใดการหลบอยู่ในหุบเขา ไม่ใช่แผนการระยะยาว!“หากผู้ใดกล้าพูดจาบั่นทอนกำลังใจอีก อย่าหาว่าข้าใจร้ายแล้วกัน!”เจียงเซี่ยวตวาดอีกครั้ง ทุกคนจึงไม่กล้าพูดอะไรอีก เพียงแค่พยักหน้าเห็นด้วยคนเราเมื่ออยู่ใต้ชายคาบ้านคนอื่นย่อมต้องยอมก้มหัว!รุ่งเช้า หวังหยวนและกองทัพเริ่มมุ่งหน้าสู่ภูเขาแห่งนี้!ชนเผ่าต่าง ๆ ล้วนได้รับข่าว บัดนี้หวาดผวาไปหมด เพียงแค่เสียงลมพัดก็คิดว่าเป็นศัตรู!ทุกคนต่างเกรงกลัวอำนาจของหวังหยวน ใครจะกล้าต่อกรกับเขา?แม้จะหลบอยู่ในภูเขา แต่หากหวังหยวนตีฝ่าแนวป้องกันมาได้จะทำเช่นไร?ผลลัพธ์สุดท้ายย่อมเดาได้!เมื่อคิดได้เช่นนี้ เหล่าหัวหน้าเผ่าจึงมารวมตัวกัน“พวก
“ส่วนเรื่องของตานสยงเฟย ข้าจะจัดการภายหลัง”ตานสยงเฟยเป็นคนดื้อรั้นและแข็งแกร่งอย่างแท้จริง ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่อาจไต่เต้าสร้างพรรคทมิฬขึ้นมาได้!หวังหยวนเข้าใจเรื่องนี้ดี จึงไม่โทษต่งอวี่“ขอบพระคุณท่านผู้นำขอรับ!”ต่งอวี่รับคำ แล้วเดินออกไปพรุ่งนี้มีศึกใหญ่ ต้องพักผ่อนให้เต็มที่ จึงจะมั่นใจได้ว่าจะไม่พลาด!แม้ว่าจะเลยเที่ยงคืนไปแล้ว หวังหยวนและคนอื่น ๆ นั้นหลับสนิท แต่ในเวลานี้ ชนเผ่าต่าง ๆ ที่เป็นศัตรูกับหวังหยวนกลับยังไม่พักผ่อน เหล่าหัวหน้าเผ่ารวมตัวกันเพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับมาตรการตอบโต้!แต่ทุกคนล้วนมีสีหน้ากังวล!“พวกท่านคงได้ยินแล้วกระมัง?”“หวังหยวนนำทัพมาเอง บัดนี้ใกล้จะเปิดศึกกับพวกเราแล้ว จะทำเช่นไรดี?”“ทุกคนคงรู้จักชื่อเสียงของหวังหยวนดี เขาไม่ใช่คนอ่อนแอเลย!”“หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ แม้มีความกล้าหาญกว่านี้สิบเท่า ข้าก็ไม่กล้าไปยั่วยุราชวงศ์ต้าเย่!”ตอนนี้ทุกคนต่างเสียใจ อยากถอนตัวกลับกันทั้งนั้นช่างน่าเจ็บใจยิ่งนัก!เดิมทีคิดว่าราชวงศ์ต้าเย่ใกล้สิ้นอำนาจ แผ่นดินจะวุ่นวาย!แต่ไม่คาดคิดเลยว่าพวกเขายังมีแผนสำรอง ยอมทุ่มเทกำลังคนและทรัพย์สินเพื่อเชิญหวังหย
หวังหยวนโบกมือ แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “กองทัพไม่ได้อยู่ที่จำนวนมาก แต่อยู่ที่ความแข็งแกร่ง พวกนั้นเป็นแค่ชนเผ่าป่าเถื่อน จะทำอะไรข้าได้?”“เพียงทหารห้าหมื่นนายของข้าก็เพียงพอแล้ว!”“ท่านขุนพลแค่ประจำการอยู่ในเมือง รอฟังข่าวดีจากข้าก็พอ!”หวังหยวนกล่าวด้วยความมั่นใจแน่นอนว่าหวังหยวนไม่ใช่คนโง่ เขาย่อมรู้ดีว่าหากให้ซือฟางนำทหารออกรบพร้อมกัน เมื่อถึงเวลาแบ่งปันดินแดนจะทำเช่นไร?ช่างยุ่งยากยิ่งนัก!สู้ให้เขานำทัพไปปราบชนเผ่าต่าง ๆ เอง เมื่อสำเร็จ ดินแดนเหล่านั้นก็ตกเป็นของเขาย่อมดีกว่า!แม้มีผู้ใดคิดแย่งชิงก็คงไม่มีโอกาส!ยิ่งกว่านั้น คาดว่าซือฟางคงไม่กล้าเช่นนั้น!หากทั้งสองฝ่ายเปิดศึก ผลลัพธ์ย่อมเป็นหายนะ!ยิ่งไป๋เหยียนเฟยประชวรหนักย่อมกระทบขวัญกำลังใจ ราชวงศ์ต้าเย่จะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนไปสู้รบ?“ในเมื่อท่านหวังกล่าวเช่นนี้ ข้าก็จะรอฟังข่าวดี”“ขอให้ท่านหวังได้รับชัยชนะ!”ซือฟางประสานมือกล่าวทุกคนสนทนากันอีกสักพัก จากนั้นก็แยกย้ายกันไปซือฟางต้องดูแลการป้องกันเมืองจึงกลับไปก่อน ส่วนไป๋ลั่วหลีอยู่ที่ค่าย คอยช่วยเหลือหวังหยวนวางแผนรบ!ต้องมีคนรู้จักภูมิประเทศนำทาง หวังหยวนจึงจะ
นอกเมืองหลวงหวังหยวนเดินทางพร้อมกับไป๋ลั่วหลีกลับมายังค่ายของตนทันทีที่ทั้งสองก้าวเข้ามา ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่เร่งรีบดังมาจากด้านนอก ซือฟางในชุดเกราะเดินเข้ามาต้อนรับเนื่องจากไป๋ลั่วหลีได้แนะนำให้ทั้งสองรู้จักกันแล้ว หวังหยวนจึงยิ้มพลางกล่าวว่า “ข้ากำลังสงสัยว่าเป็นผู้ใด ที่แท้ก็เป็นท่านขุนพลนี่เอง! เชิญเข้ามาเถิด!”“ท่านหวังเกรงใจเกินไปแล้วขอรับ!”“ท่านมาไกล แถมยังช่วยข้าปราบกบฏทางเหนือ เชิญท่านเข้าไปก่อนเถิดขอรับ!”ซือฟางกล่าวตอบอย่างสุภาพไม่นาน ทุกคนต่างเข้าไปในกระโจมใหญ่ต้าหู่และต่งอวี่ยืนขนาบข้างหวังหยวน ดูองอาจน่าเกรงขาม!ซือฟางมองไปที่ทั้งสอง แล้วเอ่ยถามอย่างสงสัย “ไม่ทราบว่าสองท่านนี้คือใครหรือขอรับ?”ทั้งสองดูสง่างาม เต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งความกล้าหาญ คงไม่ใช่คนธรรมดาเป็นแน่!ซือฟางเป็นขุนพลมายาวนานย่อมมีสายตาที่เฉียบคม!หวังหยวนแนะนำด้วยรอยยิ้ม “ท่านที่อยู่ทางซ้ายมือข้าคือต่งอวี่ นักธนูมือหนึ่งในใต้หล้า ยิงธนูไม่เคยพลาดเป้า เป็นขุนพลเอกในกองทัพ!”“กองกำลังพลธนูที่ข้าฝึกฝนล้วนอยู่ภายใต้การบัญชาการของเขา!”ต่งอวี่พยักหน้าทักทาย“ส่วนท่านที่อยู่ทางขวาคือพี่น
“หรือว่าแผ่นดินนี้จะต้องตกไปอยู่ในมือของผู้อื่น?”สิ้นคำพูด ซือฟางก็ซัดกำปั้นลงบนกำแพงเมืองอย่างเดือดดาล!เหล่าขุนพลที่ยืนอยู่ด้านหลังต่างไม่กล้าเข้าไปใกล้ หรือแม้แต่จะเอ่ยปาก!“ท่านขุนพลไม่ต้องกังวล!”ทันใดนั้น ขุนนางชราผู้หนึ่งก็เดินออกมา บนใบหน้ามีเคราสีขาวโพลน เพียงดูก็รู้ว่าไม่ใช่บุคคลธรรมดาอย่างแน่นอน!คนผู้นี้คือที่ปรึกษาคนสำคัญของไป๋เหยียนเฟยนามว่า เจี๋ยงโฉ่วอี!ในราชสำนัก ผู้ที่อยู่เหนือเขามีเพียงจักรพรรดินีเท่านั้น!บัดนี้ไป๋เหยียนเฟยป่วยหนัก ขุนนางน้อยใหญ่ล้วนพึ่งพาเจี๋ยงโฉ่วอี ราชกิจสำคัญล้วนตกเป็นภาระให้เขาตัดสินใจทั้งสิ้น!เห็นได้ชัดว่าเขามีอำนาจสูงส่งล้นฟ้า!“ปรากฏว่าเป็นท่านเจี๋ยงนี่เอง!”“ท่านคงได้ยินสิ่งที่ข้าพูดไปเมื่อครู่แล้วกระมัง?”ซือฟางประสานมือคารวะเจี๋ยงโฉ่วอี แล้วเอ่ยถามเจี๋ยงโฉ่วอีพยักหน้า กล่าวอย่างใจเย็นว่า “ข้ารู้ว่าท่านขุนพลจงรักภักดี ย่อมคิดถึงฝ่าบาท แต่พระองค์ก็มีเรื่องที่ต้องกังวลเช่นกัน!”“ครั้งนี้พระองค์ไม่เพียงต้องการให้หวังหยวนช่วยปราบปรามอริทางเหนือเท่านั้น แต่ยัง...”กล่าวได้ครึ่งหนึ่ง เจี๋ยงโฉ่วอีก็หยุดพูด พร้อมกับเหลือบมองขุนพลน
“ท่านหวังมาแล้วหรือ?”เมื่อหวังหยวนและพรรคพวกเข้ามาก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย แต่แฝงด้วยความอ่อนแอดังมาจากด้านในไป๋ลั่วหลีรีบเข้าไปในกระโจม เปิดม่านทั้งสองข้าง หวังหยวนจึงเห็นไป๋เหยียนเฟยนอนอยู่บนเตียงอาการของไป๋เหยียนเฟยดูย่ำแย่กว่าที่เขาคิด ไม่เพียงแต่ใบหน้าซีดเผือดเท่านั้น แม้แต่ริมฝีปากไร้สีเลือดฝาด ดูอ่อนแรงมาก!หวังหยวนเอ่ยขึ้นว่า “ไม่ได้พบกันนาน เหตุใดฝ่าบาทจึงเป็นเช่นนี้?”“ไม่ได้เชิญหมอมารักษาหรือ?”“แค่ก แค่ก”ไป๋เหยียนเฟยไอสองสามครั้ง ไป๋ลั่วหลีช่วยพยุงนางขึ้น นางเงยหน้ามองหวังหยวน แล้วส่ายหน้ายิ้มอย่างจนใจก่อนกล่าวว่า “เมื่อฟ้าลิขิตแล้ว จะทำเช่นไรได้?”“ข้าตามหาหมอมารักษา หมอชื่อดังทั่วดินแดนทั้งเก้าต่างบอกว่าหมดหนทาง บางทีนี่อาจเป็นเจตจำนงของสวรรค์ก็ได้ไม่ใช่หรือ?”“เมื่อสวรรค์ต้องการให้ข้าตาย ข้าจะฝืนได้อย่างไร?”“แต่น่าเสียดาย กลุ่มกบฏทางเหนือกลับบุกอาณาจักรข้า! ประกอบกับอาณาจักรต้าเป่ยต่างจ้องมองพวกข้าอยู่ ข้าจึงให้ไป๋ลั่วหลีไปเชิญท่านมา หวังว่าท่านจะช่วยปราบกบฏพวกนั้นได้!”หวังหยวนรู้สึกสงสารในบรรดาสี่อาณาจักรใหญ่ เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับอาณาจักรต้าเย่ และ
“ครั้งนี้คงไม่นาน ข้าจะรีบพาทุกคนกลับมา!”“ยิ่งกว่านั้น ยังมีต้าหู่และขุนพลต่งอยู่กับข้าด้วย พวกเจ้าไม่ต้องกังวล”“แค่รออยู่ที่บ้านก็พอ!”หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้มเขารู้ว่าตนเองรู้สึกผิดต่อพวกนาง แต่บุรุษเกิดมาแล้วย่อมต้องสร้างฐานะไม่ใช่หรือ?สวรรค์ให้โอกาสเขาเกิดใหม่ จึงต้องใช้ความสามารถสร้างความสำเร็จที่ไม่มีใครเทียบได้!“น้องหรูเยียนยังไม่ค่อยสนิทกับพวกเจ้า ครั้งนี้ข้าจะพานางไปอาณาจักรต้าเย่ก่อน รอให้พวกเรากลับมาแล้วค่อยทำความรู้จักกัน”หลี่ซื่อหานและคนอื่น ๆ ต่างพยักหน้า ไม่เอ่ยคำใดอีกในเมื่อหวังหยวนตัดสินใจแล้ว พวกนางก็ได้แต่ทำตามภรรยาย่อมต้องเชื่อฟังสามี!“ท่านตงฟาง!”หลังจากพูดคุยกับภรรยาแล้ว หวังหยวนก็มองไปที่ตงฟางฮั่น“หลังจากที่ข้าไปแล้ว ต้องรบกวนท่านและท่านถงช่วยดูแลที่นี่ด้วย”“ข้าได้สั่งเอ้อหู่ ให้เขาเชื่อฟังคำสั่งของพวกท่าน ห้ามกระทำการโดยพลการ!”“เมืองหลิงคือรากฐานของข้า จึงมีความสำคัญยิ่ง ต้องไม่เกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นเด็ดขาด!”“คนของอาณาจักรต้าเป่ยจ้องมองพวกเราอยู่ หานเทาพร้อมจะสู้รบกับข้าทุกเมื่อ พวกท่านต้องระวังตัว!”หวังหยวนกำชับหลายครั้งตงฟางฮั่นแ
ทันใดนั้น เสียงไอก็ขัดจังหวะหวังหยวนเขาหันไปมองตามเสียงจึงเห็นตงฟางฮั่นทั้งสองแค่สบตากันก็เข้าใจความคิดของกันและกัน“คุณหนูไป๋”“ข้าขอคิดทบทวนก่อน จึงค่อยให้คำตอบ! วันนี้เป็นงานเลี้ยงต้อนรับ อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องหนักใจเช่นนี้เลย รอให้ดื่มกันให้หนำใจก่อน แล้วค่อยพูดคุยกันดีกว่า เจ้าว่าเช่นไร?”หวังหยวนให้เกียรติไป๋ลั่วหลีไป๋ลั่วหลีพยักหน้า “เช่นนั้นข้าจะรอฟังข่าวจากท่านหวังเจ้าค่ะ!”เมื่องานเลี้ยงเลิกราและจัดการเรื่องที่พักของไป๋ลั่วหลีแล้ว หวังหยวนก็รีบออกไปข้างนอกพร้อมกับตงฟางฮั่นริมถนน หวังหยวนและตงฟางฮั่นเดินเล่นไปพลางคุยกัน “ท่านตงฟาง ท่านคิดเห็นเช่นไร?”“ข้าคิดว่าควรส่งกองกำลังไปช่วย!”“ตอนนี้ไม่ใช่ยุคสงคราม โครงการชลประทานทำให้อาณาจักรอื่น ๆ เห็นถึงประโยชน์ เท่าที่ข้ารู้ แม้แต่อาณาจักรต้าเป่ยก็กำลังเร่งสร้างโครงการชลประทานเหมือนกัน!”“ในเมื่อพวกเราสร้างเสร็จก่อน ก็ควรใช้โอกาสนี้ขยายอาณาเขต!”หืม?หวังหยวนเลิกคิ้ว รู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย “ท่านตงฟาง ท่านลืมแล้วหรือ ครั้งก่อนที่พวกเราพบกันที่หอหลิวหลี ต่างให้สัญญากันว่าจะไม่ทำสงครามเพื่อให้โลกสงบสุข!”“หากข้ายกทัพตอน
ดูเหมือนว่าเมืองหลิงจะเป็นเมืองที่รุ่งเรืองและมั่งคั่งที่สุดในดินแดนทั้งเก้า!ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข เป็นที่หมายปองของทุกคน!เมื่อทุกคนกลับถึงบ้านของหวังหยวน พวกหลี่ซื่อหานได้สั่งให้คนเตรียมอาหารไว้แล้ว เมื่อทุกคนนั่งลงที่โต๊ะแล้ว หวังหยวนจึงแนะนำหลิ่วหรูเยียนให้เหล่าภรรยารู้จักพวกนางชินกับเรื่องแบบนี้แล้วบุรุษมีสามภรรยาสี่อนุเป็นเรื่องปกติ ไม่นานพวกนางก็สนิทสนมกันดั่งพี่สาวน้องสาวเนื่องจากไป๋ลั่วหลีอยู่ที่นี่ด้วย หวังหยวนจึงไม่อาจอยู่พูดคุยกับภรรยาได้ เพราะต้องไปดูแลไป๋ลั่วหลีก่อนเพื่อไม่ให้เสียมารยาทหวังหยวนกลับมานั่งที่โต๊ะ หลังจากดื่มกับไป๋ลั่วหลีสองสามจอกแล้วจึงกล่าวว่า “คุณหนูไป๋เดินทางมาไกล คงไม่ใช่แค่มาขอบคุณข้ากระมัง?”“ตอนนี้เราเป็นสหายกันแล้ว หากเจ้ามีเรื่องอยากปรึกษาก็บอกมาตามตรงเถิด ไม่ต้องอ้อมค้อม! ข้าไม่ใช่คนใจแคบ! หากมีสิ่งใดให้ข้าช่วย ข้าก็ยินดี”หวังหยวนเป็นคนใจกว้างไป๋ลั่วหลีได้ยินเช่นนั้นก็ส่ายหน้าและถอนหายใจเป็นเช่นที่ร่ำลือกันจริง ๆ!หวังหยวนมีสายตาเฉียบแหลม แม้จะอายุยังน้อยแต่ก็มองคนได้ทะลุปรุโปร่ง ไม่มีความคิดใดหลบเลี่ยงสายตาเขาไปได้!“ในเมื่อท