อ๋องหลงซีไม่เข้าใจว่าทำไมหวังหยวนถึงพูดแบบนั้น!แต่หวังหยวนหัวเราะและพูดออกมาอย่างช้า ๆ“ในเวลานี้เขาย่อมไม่พูดอะไรอยู่แล้ว แต่... ข้าจะให้เขาพูดความจริงเอง คนผู้นี้ ข้าต้องไปพบอย่างลับ ๆ สักหน่อย!”ทันทีที่พูดออกมา อ๋องหลงซีก็หายใจเข้าลึก แม้เขาจะไม่รู้ว่าหวังหยวนจะทำอะไร แต่เขาก็ตกลงด้วยอยู่ดี“เอาล่ะ ข้าจะไปจัดการเอง!”อ๋องหลงซีพยักหน้าหลังจากนั้นหวังหยวนก็กลับไป หลังจากคืนนี้ไปจะมีเรื่องบางอย่างจะเกิดขึ้นกับเกาเล่อ นี่เป็นแผนการของหวังหยวน!เขาคือคนที่จัดการเรื่องนี้หวงเจียวเจียวพาหวังหยวนออกไปส่งที่ประตูใหญ่“คุณชาย เมื่อไหร่เราจะแต่งงานกันรึ?”ทันใดนั้นหวงเจียวเจียวก็ยิ้มขึ้นมา เมื่อนางพูดแบบนี้ หวังหยวนก็รู้สึกเลิ่กลั่กเล็กน้อย “นั่น...เป็นความคิดของไทเฮา...”แม้ว่าเขาจะพูดเรื่องเหลวไหลออกมาที่พระตำหนัก แต่หากว่ากันตามจริงแล้ว เขาไม่ได้คิดอะไรกับหวงเจียวเจียวตอนที่หวงเจียวเจียวพูดแบบนี้ ก็รู้สึกกังวลทันที“หึ หึ ท่านพูดต่อหน้าพระตำหนักว่าเราเป็นสามีภรรยากันแล้ว คุณชาย ท่านต้องรับผิดชอบนะ”จู่ ๆ หวงเจียวเจียวก็มาแหย่เล่นแบบนี้ พูดมาถึงตรงนี้ หวังหยวนก็กระแอมไอแ
หลิวตงหานรู้สึกกระวนกระวายใจนัก มาที่นี่อย่างเงียบ ๆ แบบนี้ เขาย่อมไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอนหวังหยวนถือปืนไฟไว้ในมือแล้วยิ้ม“อย่าเพิ่งกระวนกระวายไป ใต้เท้าหลิว ข้ามาที่นี่เพื่อช่วยชีวิตเจ้า”หวังหยวนพูดไป ในขณะนั่งอยู่บนที่นั่งของเขา และมองเขาด้วยรอยยิ้ม“ช่วยข้า? ทำไมเจ้าถึงต้องช่วยข้าด้วย? ข้ายังมีชีวิตอยู่ บอกมา! เจ้าเป็นใคร!”หลิวตงหานหรี่ตาลงและพูดอย่างเย็นชา“หวังหยวน เจ้าคงเคยได้ยินชื่อของข้าใช่ไหม?”ทันทีที่พูดออกมา หลิวตงหานก็ตกใจ!“หวังหยวน!!”เขาตกใจ แต่ก็พูดขึ้นทันทีว่า "พอดีเลย อ๋องหลงซีอยากจะกำจัดเจ้า เจ้าบุกเข้าบ้านข้าตอนดึกมาทำร้ายข้า ข้าฆ่าเจ้าก็ถือว่าถูกต้อง!"เขาที่พูดอย่างนั้น และกำลังจะลงมือ!แต่หวังหยวนหยิบปืนไฟออกมาแล้วชี้ไปที่เขา“ถ้าก้าวมาแม้แต่ก้าวเดียว ข้าจะยิงเจ้าให้ตาย!”“แล้วก็นะ ใต้เท้าหลิวที่เจ้าพูดมันช่างสวยงามเสียเหลือเกิน เจ้าคือคนของใคร เจ้าไม่รู้ตัวเหรอ?”หวังหยวนพูดอย่างเฉยชา และทันทีที่เขาพูดคำเหล่านี้ออกมา หัวใจของหลิวตงหานก็เต้นระรัวทันทีแต่เขาจะยอมรับได้อย่างไร!ถ้ายอมรับ ไม่เป็นอันจบเห่หรอกเหรอ?“เจ้าพูดอะไร ข้าไม่เข้าใจ!”
หลิวตงหานไม่ใช่คนโง่!แน่นอนว่าเขาเข้าใจสิ่งที่หวังหยวนพูดหวังหยวนที่อยู่ตรงนั้นก็หัวเราะออกมา จากนั้นมองไปที่โต๊ะแล้วไปเทชามาดื่มสักแก้ว"อืม... ชาของใต้เท้าหลิวไม่เลวเลยจริง ๆ"หลังจากพูดจบ หวังหยวนก็เอนหลังบนเก้าอี้ แล้วมองหลิวตงหานด้วยรอยยิ้ม“ท่านใต้เท้าหลิว ท่านน่าจะเข้าใจสิ่งที่ข้าพูด ตอนนี้ท่านต้องร่วมมือกับข้าเท่านั้น”หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ หลิวตงหานก็หายใจเข้าลึก และมองหวังหยวนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด“ข้าไม่เชื่อ! ท่านอ๋องเจิ้นตงเชื่อในตัวใต้เท้าเกามาก แล้วใต้เท้าเกาเชื่อในตัวข้า ข้าไม่เชื่อว่าแผนการของเจ้าจะสำเร็จ!”หลิวตงหานกัดฟัน เขารู้ว่าถ้าเขาทรยศ เขาต้องเจอเรื่องลำบากมากแน่!ดังนั้นถ้ามีโอกาส เขาย่อมไม่ทรยศอย่างแน่นอน!“ดูเหมือนเจ้ายังไม่เข้าใจที่ข้าพูด”หวังหยวนยิ้มเมื่อรู้ว่าหลิวตงหานจวนจะแหลกสลายแล้วดังนั้นเขาไม่อยากพูดเรื่องไร้สาระกับเขาอีก“ใต้เท้าหลิว งั้นข้าบอกเจ้าให้นะ หลังจากการลอบสังหารคืนนี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เกาเล่อจะถูกสงสัยอยู่ดี ส่วนความสามารถของอ๋องเจิ้นตง ข้าจะไม่พูดให้มากความ”“ถึงตอนนั้น เจ้าคงเป็นได้แค่เหยื่อที่มารับกรรมในเรื่องนี้
แข็งแกร่งได้น่าหวาดหวั่นยิ่งนัก!สีหน้าของอ๋องเจิ้นตงแย่มาก แต่เขาเองก็ถือเป็นผู้ฝึกยุทธ์ และชักดาบออกมาทันที!เขารู้ดีว่าฝีมือเทียบไม่ได้ แต่ถ้าเขายื้อเวลาได้ ก็จะมีคนมาช่วยเขา!เขาต่อสู้ไปและถอยไปด้วย!แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังถูกดาบฟาดที่แขนจนเลือดไหลออกมา!อ๋องเจิ้นตงโกรธมาก แต่คนทั้งเจ็ดนั้นกลับเย็นชาเป็นอย่างยิ่ง!คำสั่งที่พวกเขาได้รับมาก็คือใช้กำลังทั้งหมดสังหารอ๋องเจิ้นตงให้ได้ หากพวกเขาฆ่าเขาได้จริง ๆ นั่นคงจะดีที่สุด!แม้ว่าจะทำไม่ได้ แต่มันก็ไม่สำคัญสำหรับพวกเขา!แต่เมื่อได้เห็นอย่างนี้ อ๋องเจิ้นตงจะต้องตายด้วยน้ำมือของพวกเขาแน่นอน!ทั้งเจ็ดคนตื่นเต้นมาก แต่ในขณะนั้น มีลูกธนูสองสามดอกยิงเข้ามาจากด้านนอก ฆ่าพวกเขาไปได้สามคนในคราเดียว!อีกสี่คนที่เหลือไม่รีรอ พยายามอย่างเต็มที่เพื่อสังหารอ๋องเจิ้นตงให้ได้!แต่ในขณะนั้น มีร่าง ๆ หนึ่งพุ่งเข้ามาในห้องด้วยชุดสีขาว ในบรรยากาศที่ไม่ธรรมดาเลย ดาบอยู่ในมือเปล่งประกาบเย็นวาบ ด้วยสีหน้าที่โหดเหี้ยมเปี่ยมไปด้วยจิตสังหารอย่างรุนแรง!หลังจากเห็นคนผู้นี้แล้ว อ๋องเจิ้นตงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก"เหลือไว้เค้นคำสารภาพคนนึง!"หลัง
อาปู้ชาตกใจมาก เมื่อได้ยินเสด็จพ่อตรัสแบบนี้ แต่ละคนต่างตกตะลึงไปทั้งหมด!เขาไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะกล้าทำเช่นนี้!“เรียกเกาเล่อมา!”อ๋องเจิ้นตงโกรธมาก และสั่งการทันทีหลังจากนั้นเขาก็พันผ้าพันแผลและรอคอยอย่างเงียบ ๆ!อาเจี้ยนนักดาบในชุดขาวยืนอยู่ข้างหลัง ถือดาบอย่างเงียบ ๆ และหลับตาพักผ่อนเอาแรงสักครู่!ในขณะนั้น เกาเล่อก็ดูสับสนเช่นกัน เขาไม่รู้ว่าทำไมท่านเจิ้นตงหวงจึงเรียกหาเขาในเวลาดึกดื่นเช่นนี้แต่พอได่ลองสอบามดูแล้วก็ตกใจ!มีคนลอบสังหารอ๋องเจิ้นตง!ช่างบังอาจจริง ๆ!เขารีบพาคนไปที่จวนของอ๋องเจิ้นตง ทันทีที่เขาเข้าไปก็รีบถามด้วยความร้อนใจว่า“ท่านอ๋องไม่เป็นอะไรใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ?”อ๋องเจิ้นตงเหลือบมองเกาเล่อ ยังไม่แสดงอาการโกรธออกทันทีและพูดว่า "ไม่เป็นไร แค่ถาก ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะอาเจี้ยน ข้าคงตายไปแล้ว"อาเจี้ยน องค์รักษ์ส่วนตัวของเขา!ในราชสำนักหวงตอนนี้ เขามีฝีมือมากพอติดหนึ่งในสามอันดับแรก!นี่เป็นหนึ่งในกองหนุนที่ใหญ่ที่สุดสำหรับอ๋องเจิ้นตง!ตอนนั้นเองที่เกาเล่อเห็นนักดาบในชุดขาวยืนอยู่ข้างหลังอ๋องเจิ้นตง เขาก็ตกใจมาก เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าแม้แต่คนคนนี้จะทำให้ตื่นตระ
“เกาเล่อ เจ้ามีอะไรจะพูดไหม”หลังจากที่อ๋องเจิ้นตงพูดจบ อาเจี้ยนก็ลืมตาขึ้นมองเกาเล่อด้วยสายตาเย็นชาเกาเล่อที่เพิ่งได้สติก็อุทานด้วยความตกใจว่า “ท่านอ๋อง ท่าน... ท่านสงสัยในตัวกระหม่อมหรือ?”อ๋องเจิ้นตงจิ้ปากอย่างเย็นชา “แล้วไม่ควรรึไง? เจ้าเป็นหัวหน้าลอบสังหารหวังหยวน เจ้าบอกข้าเกี่ยวกับทั้งเจ็ดคนนั้น และยังบอกข้าว่าล้มเหลวอีกด้วย!”“ตอนนี้ทั้งเจ็ดนี้มาปรากฏตัวในจวนของข้า และจะฆ่าข้า ข้าไม่ควรสงสัยเจ้างั้นหรือ?”อ๋องเจิ้นตงตบโต๊ะอย่างแรงจนเกาเล่อทรุดตัวลงคุกเข่ากับพื้น“ท่านอ๋อง นี่มันไม่ถูกต้อง กระหม่อม...กระหม่อมไม่มีเหตุผลที่จะฆ่าพระองค์! ถ้ากระหม่อมอยากจะฆ่าพระองค์ ทำไมกระหม่อมต้องบอกเรื่องเจ็ดคนนี้พระองค์ฟังกันล่ะพ่ะย่ะค่ะ? ต้องเป็น... ต้องเป็นหลิวตงหานพ่ะย่ะค่ะ!”แม้ว่าเกาเล่อจะไม่เข้าใจว่าทำไมหลิวตงหานถึงทำเช่นนี้ แต่เขาพูดได้แค่นี้เท่านี้!“หลิวตงหาน? ดี! ข้าจะส่งคนไปจับกุมเขาเดี๋ยวนี้เลย พวกเจ้าต้องเจอข้า!”อ๋องเจิ้นตงโบกมือ ผู้คนมากมายออกจากจวนของอ๋องเจิ้นตงทันที และมุ่งหน้าไปยังจวนของหลิวตงหานในขณะนี้ หวังหยวนยิ้มและพูดอย่างเรียบเฉยว่า "ใต้เท้าหลิว ใกล้ได้เวลาแ
เกาเล่อคิดไม่ถึงว่าหลิวตงหานจะใส่ร้ายเขาจริง ๆ!“ไอ้เวร! หลิวตงหาน เจ้ากล้าดียังไงมาใส่ร้ายข้า!”เกาเล่อโกรธมาก การลอบสังหารอ๋องเจิ้นตงไม่ใช่เรื่องเพียงเล็กน้อย!“ใต้เท้าเกา ข้าเคยใส่ร้ายท่านที่ไหน ทั้งเจ็ดคนนี้เป็นคนของท่าน ข้าแค่ช่วยท่านแอบเอาพวกเขาไปไว้ในกลุ่มองค์รักษ์เงา ข้าไม่เคยเห็นคนเจ็ดคนนี้มาก่อนเลยด้วยซ้ำ”“ยิ่งกว่านั้น ทำไมกระหม่อมต้องฆ่าพระองค์ล่ะพ่ะย่ะค่ะ!”พอพูดแบบนี้ก็มีเหตุผลเข้าท่า!เกาเล่อยังพูดอีกว่า: "เจ้าไม่มีเหตุผลเหรอ แล้วข้ามีเหตุผลงั้นหรือ? เห็นชัดๆว่าทั้งเจ็ดคนนั้นเป็นคนของเจ้า แต่ตอนนี้พวกเขาปรากฏตัวที่จวนอ๋องและท่านมาบอกว่าข้าทำ!"“หลิวตงหาน เจ้าเป็นคนของใครกันแน่?”เกาเล่อโกรธมาก!หลิวตงหานย่อมรู้ดีว่าเขาเป็นคนใส่ร้าย และจะระลึกอยู่เสมอว่าเขาเป็นคนใส่ร้าย!แต่เขาต้องรอดไปให้ได้!ไม่ว่ายังไงก็ตาม วันนี้ต้องให้เกาเล่อตายที่นี่เท่านั้น!“ท่านอ๋อง กระหม่อมเอาชีวิตเป็นประกันเลยว่าทั้งเจ็ดนี้หลิวตงหานเป็นคนสั่งการ ที่เขาทำต้องมีผู้บงการอยู่เบื้องหลัง!”“หลิวตงหาน บอกข้ามาใครบงการเจ้า?”เมื่อได้ยินเช่นนั้น อ๋องเจิ้นตงก็หรี่ตาลงและมองไปที่หลิวตงหานเ
“ท่านอ๋อง ท่านได้รับจดหมาย เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาแล้วใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”หลิวตงหานพูดตามตรง หลังจากพูดแล้ว อ๋องเจิ้นตงก็ตกตะลึง!“จดหมายหรือ? จดหมายนั่นมาจากเจ้าหรือ?”หลังจากพูดจบ หลิวตงหานก็พยักหน้าทันที!“ใช่แล้ว ท่านอ๋อง แม้ว่าข้าจะสงสัยเกาเล่อ แต่ข้าไม่กล้าพูดมากกว่านี้ เพราะชีวิตของเขาขึ้นอยู่กับท่าน ดังนั้น... ข้าทำได้เพียงยืมมือของคนอื่น เพื่อส่งจดหมายนี้เผื่อไว้ให้ท่าน!”หลังจากที่หลิวตงหานพูดจบ อ๋องเจิ้นตงก็ลุกขึ้นยืนทันที แล้วมองเกาเล่อด้วยสายตาเย็นชา!“เกาเล่อ! เจ้ากล้าดีอย่างไรมาฆ่าข้า!”มีเพียงเขาและลูกชายเท่านั้นที่รู้เรื่องจดหมายฉบับนั้น แม้แต่อาเจี้ยนก็ไม่รู้ แต่หลิวตงหานรู้เรื่องนี้ ซึ่งสามารถอธิบายได้อย่างเดียวเท่านั้น!เขาเป็นคนส่งมา!“จดหมายหรือ? จดหมายอะไร?”เกาเล่อสับสน มีจดหมายอะไรตั้งแต่เมื่อไหร่?“ตั้งแต่หวังหยวนเข้ามาในเมือง ข้าก็ให้ความสนใจท่านมาก ใต้เท้าเกา ข้ารู้สึกว่าท่านใกล้ชิดกับไทเฮามากเกินไป และใกล้ชิดกับหวังหยวนมากเกินไปด้วย แล้วทั้งเจ็ดคนนั้นก็ยังไม่ตาย ทุกคนมีทักษะการต่อสู้แข็งแกร่ง ดังนั้นข้าจึงแอบส่งจดหมายถึงท่านอ๋อง”“ในจดหมาย ข้า
หวังหยวนใช้นิ้วเคาะเบา ๆ ที่หน้าผากของตน จากนั้นก็เอ่ยถามขึ้นส่วนเกาเล่อยกยิ้ม แล้วเอ่ยอย่างเฉยเมยว่า “นี่ก็เป็นเรื่องง่าย หากต้องการจะได้รับฉายาไร้เทียมทานย่อมต้องไปให้ถึงจุดสูงสุดของด้านนั้นๆ ต่อให้มีผู้เชี่ยวชาญมาสองคน พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องรับไว้ทั้งหมด สู้ให้พวกเขาทั้งสองประลองฝีมือกัน ผู้ใดแข็งแกร่งกว่า ผู้อ่อนแอกว่า ย่อมรู้ได้ในพริบตา!”“ท่านผู้นำคิดเห็นเช่นไรขอรับ?”หวังหยวนตบมือ เขาจะปฏิเสธได้อย่างไร?เขาก็คิดเช่นนี้เหมือนกันไม่ใช่หรือ?หากสามารถรวบรวมผู้ที่ไร้เทียมทานเหล่านี้มาอยู่เคียงข้างได้ เขาสามารถจินตนาการถึงภาพนั้นได้แล้ว!ต่อให้ภายภาคหน้าเขาจะไม่ได้เป็นเจ้าผู้ครองเมืองหลิงอีกต่อไป เพียงแค่หอไร้เทียมทานก็สามารถทำให้ผู้คนทั่วหล้ายังคงเคารพเขา และปกป้องแผ่นดินให้สงบสุขได้ด้วย!“ดื่มสุรา! ดื่มสุรา!”หวังหยวนอารมณ์ดียิ่งนัก เขายกจอกสุราขึ้น พลางโบกมือให้กับทุกคน ทุกคนจึงดื่มสุราตามเฉินอวิ่นไม่ได้ทำตัวเป็นคนนอก ในไม่ช้าก็สามารถเข้ากับทุกคนได้ดี ผู้ที่มีความสัมพันธ์อันดีที่สุดกับเขาคือไฉจวิ้นแม้ว่าไฉจวิ้นจะอายุน้อยกว่าเขามาก แต่ไฉจวิ้นมีนิสัยห้าวหาญ อีกทั้งยังไม่
“ถ้าอย่างนั้นก็ได้”“อย่างไรเสีย ข้าก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว ดื่มสุรากับท่านสักสองจอกที่นี่ก็ถือว่าได้สหายเพิ่มอีกคน”“แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าท่านเป็นใคร แต่ดูจากความร่ำรวยของท่านแล้ว ภายภาคหน้าหากต้องการเงินทอง ท่านคงเป็นผู้ช่วยที่ดี”ชายคนนั้นไม่เกรงใจ เขากล่าวอย่างไม่ใส่ใจหวังหยวนรู้สึกประหม่าเล็กน้อยเนื่องจากไท่สื่อลี่ได้เตรียมงานเลี้ยงไว้แล้ว ทุกคนจึงมุ่งหน้าไปยังบ้านของไท่สื่อลี่อย่างไรเสีย หวังหยวนก็ไม่อยากดื่มสุรากับคนทั้งเผ่า ประสบการณ์ครั้งก่อนยังคงแจ่มชัด เขาไม่อยากจะประสบพบเจออีก...อีกอย่าง ครั้งนี้ที่ต้องการจะดื่มสุราก็เพราะชายตรงหน้าคนนี้คนผู้นี้ช่างลึกลับยิ่งนัก แต่มีความสามารถที่แท้จริง หวังหยวนเป็นคนชอบคนเก่ง หากสามารถทำให้คนผู้นี้มาทำงานให้ตนได้ ภายภาคหน้าย่อมเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการพัฒนาของเขา!“ไม่ทราบว่าท่านมีนามว่าอะไรหรือ?”ขณะที่ทุกคนกำลังเดินไปยังบ้านของไท่สื่อลี่ สายตาของหวังหยวนก็จับจ้องไปที่ชายคนนั้น“ท่านไม่ต้องสุภาพมากนักหรอก เรียกข้าว่าเฉินอวิ่นก็พอ”เฉินอวิ่นเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ เห็นได้ชัดตั้งแต่แรกว่าเขาเป็นคนคนพเนจร ไม่ยึดติดกับกฎเกณฑ์เฉินอ
หวังหยวนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยว่า “ย่อมไม่เป็นเช่นนั้นแน่ เขามีวรยุทธ์ล้ำเลิศ แต่กลับแต่งกายเรียบง่าย นั่นก็พิสูจน์ได้ว่าเขาใช้เงินเท่าที่จำเป็น คาดว่าเงินทองส่วนเกินคงจะมอบให้ผู้อื่นไปหมดแล้ว”“นี่อาจจะเป็นความหมายของคำว่าคุณธรรมก็เป็นได้”“แต่สิ่งเหล่านี้ก็ไม่สำคัญ หากต้องการจะพิชิตใจคนผู้นี้ ดูท่าแล้วคงต้องใช้ความคิดมากกว่านี้”เกาเล่อพยักหน้าเห็นด้วย เป็นเช่นนั้นจริงๆครึ่งชั่วยามผ่านไป ชายคนนั้นกระโดดลงมาจากที่สูงเพียงไม่กี่ครั้งก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าพวกหวังหยวน ในมือของเขาถือเกสรดอกไม้ที่ส่องประกาย“นี่คือเกสรของดอกหน้าผาชันหรือ?”ดวงตาของหวังหยวนก็เป็นประกาย เขากำลังจะยื่นมือไปรับ แต่ชายคนนั้นหดมือกลับ“สหาย ท่านสัญญากับข้าว่าจะให้หนึ่งร้อยห้าสิบตำลึงทอง จ่ายเงินแล้วค่อยรับของ เช่นนี้ถึงจะถูกต้อง”“หากข้าไม่เห็นเงิน ข้าก็ไม่อาจมอบสิ่งนี้ให้ท่านได้”ชายคนนั้นมีท่าทีที่หนักแน่นหวังหยวนจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “หนึ่งร้อยห้าสิบตำลึงทองนั้นมากมายยิ่งนัก แต่สำหรับข้าแล้วนั้นไม่นับว่ามากมาย เพียงแต่ว่าข้าไม่ได้พกทองติดตัวมามากมายเพียงนั้น หรือว่าท่านจะติดตามข้าไปยังเผ่
ดังเช่นที่ชายคนนั้นได้กล่าวไว้ บนหน้าผาสูงตระหง่านแห่งนั้นช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก!แม้ว่าเกาเล่อจะมีวรยุทธ์ล้ำเลิศและฝึกฝนอยู่เป็นประจำ แต่ก็ไม่อาจปีนป่ายหน้าผาได้!เมื่อครู่นี้เขาตั้งใจจะเสี่ยงอันตราย หากสามารถนำดอกหน้าผาชันกลับมาได้ย่อมเป็นเรื่องดีแต่หากไม่สำเร็จ คงต้องสูญเสียชีวิตไป...ในขณะที่เขากำลังจะเคลื่อนไหวผ่านจุดที่ยากลำบากที่สุด ก็เห็นชายคนนั้นมาถึงข้างกาย ใช้เถาวัลย์พันรอบเอวของเขา แล้วพาเขากลับลงสู่พื้นดินทุกอย่างราวกับความฝัน ทำให้เกาเล่อไม่อยากเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น!หลังจากที่ชายคนนั้นช่วยเหลือเกาเล่อแล้ว ก็ไม่ได้เสียเวลาพูดคุยกับพวกหวังหยวนอีก แต่กลับมุ่งหน้าไปยังหน้าผาอีกครั้ง!การเคลื่อนไหวนั้นช่างชำนาญยิ่ง ราวกับเป็นยอดฝีมือในหมู่ยอดฝีมือ!ทั้งสองคนที่ยืนอยู่บนหน้าผารู้สึกราวกับกำลังชมการร่ายรำ เพียงแต่ว่าท่วงท่าอันงดงามนี้ หากเกิดความผิดพลาดเพียงครึ่งก้าวย่อมต้องแลกมาด้วยชีวิต!ผลลัพธ์ที่ตามมานั้นร้ายแรงยิ่งนัก!หวังหยวนและเกาเล่อสบตากัน เกาเล่อเอ่ยขึ้นว่า “ชาติที่แล้วเจ้านี่คงเกิดเป็นลิง ทักษะของเขาจะดีเยี่ยมปานนี้ได้อย่างไร? หรือว่าจะเป็นผู้มีวิชาที่เ
น่าเสียดาย หากต้องการเก็บเกสรดอกหน้าผาชันก็จำเป็นต้องมีทักษะอย่างแท้จริง!“ท่านรู้จักดอกหน้าผาชันด้วยหรือ?”หวังหยวนเอ่ยถามโดยไม่รู้ตัว“ย่อมต้องรู้จักสิ”“ท่านไม่อยากรู้หรือว่าข้ามาที่นี่เพื่ออะไร?”“ง่ายมาก! ข้าเองก็มาเพื่อดอกหน้าผาชันนี้เช่นกัน!”ชายคนนั้นกอดอกพูดคำพูดที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ“ท่านต้องการดอกหน้าผาชันไปทำอะไร?”หวังหยวนรีบถาม“แน่นอนว่าต้องนำไปแลกเงิน”“ดอกหน้าผาชันนับว่าเป็นสมุนไพรล้ำค่า ข้าต้องพึ่งพามันเพื่อหาทางอยู่รอด!”“ดอกหน้าผาชันหนึ่งดอกสามารถขายได้สิบตำลึงเงิน เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายทั้งเดือนของข้า!”หวังหยวนชะงักไปครู่หนึ่ง เพียงแค่สิบตำลึงเงินเองหรือ?“เหตุใดจึงมีราคาแต่ไม่มีคนขาย?”หากสามารถใช้เงินซื้อดอกหน้าผาชันในตอนนั้นได้ เขาจะลำบากเดินทางมาที่นี่เพื่ออะไร?บ่ายวันนี้ หวังหยวนได้แอบสอบถามมาแล้ว ปรากฏว่าในเผ่าไม่มีดอกหน้าผาชันแม้แต่ดอกเดียว!เขามีบารมีสูงส่งในเผ่า ผู้คนในเผ่าย่อมไม่หลอกลวงเขาหรือว่า...ชายตรงหน้าเขากำลังโกหก?“เหตุใดท่านมองข้าเช่นนี้?”“แน่นอนว่าดอกหน้าผาชันไม่ได้มีไว้ขายให้กับคนในเผ่า เพราะว่าพวกเขาไม่ต้องการสิ่งนี
ในขณะที่หวังหยวนกับเกาเล่อกำลังพูดคุยกัน พลันได้ยินเสียงที่ไม่คุ้นเคยดังขึ้น“เขาพูดถูก หากตกลงมาจากยอดเขานี้ ต่อให้เจ้ามีสามเศียรหกกรก็จะต้องแหลกเป็นชิ้นแน่นอน!”“ถึงตอนนั้น สภาพย่อมดูไม่จืด!”หวังหยวนกับเกาเล่ออดไม่ได้ที่จะรู้สึกตึงเครียด รีบหันไปมองตามต้นเสียงเมื่อสักครู่นี้พวกเขาทั้งสองคนกลับไม่ทันสังเกตว่าในความมืดมิดนั้นยังมีผู้อื่นซ่อนอยู่ด้วย!“พวกท่านไม่ต้องเครียด! ข้าไม่มีเจตนาร้ายต่อพวกท่าน!”ชายคนนั้นค่อย ๆ เดินออกมาจากความมืด เขาแต่งกายด้วยชุดผ้าป่าน อายุใกล้เคียงกับหวังหยวน ใบหน้าใต้แสงจันทร์ ของเขาเปื้อนรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลา“ไม่ทราบว่าท่านเป็นใคร?”“เหตุใดจึงมาที่นี่ในยามนี้?”ภูเขาทางเหนือตั้งอยู่ในที่ห่างไกล รอบด้านไม่มีบ้านเรือนผู้คน แม้แต่หมู่บ้านที่อยู่ใกล้ที่สุดก็ยังอยู่ห่างออกไปหลายร้อยลี้!ไม่เช่นนั้น หวังหยวนคงไม่ต้องเสียเวลาเดินทางมาหลายชั่วยาม!แต่ในสถานที่เช่นนี้กลับมีคนแปลกหน้าปรากฏตัว จะไม่ให้สงสัยได้อย่างไร?ชายคนนั้นยิ้มพลางโบกมือเอ่ยว่า “ข้าก็เพียงแค่เดินทางผ่านมาที่นี่ เห็นพวกท่านทั้งสองกำลังเตรียมปีนหน้าผา จึงคิดจะดูความสนุกสักหน่อย”“แต่ข
ในใจนางก็รู้เรื่องราวเหล่านี้ดี และที่พูดเช่นนี้กับไฉจวิ้นก็เพราะว่านางมองว่าไฉจวิ้นเป็นน้องชายแท้ ๆ ของนางเองไม่ใช่หรือ?หากปฏิบัติต่อคนนอกย่อมไม่ใช่ท่าทีเช่นนี้หยอกล้อกันอยู่ครู่หนึ่ง หลิ่วหรูเยียนอาจจะรู้สึกเหนื่อยจึงหลับไปอย่างรวดเร็วในคืนนั้น หลังจากที่หวังหยวนกินอาหารเสร็จก็ได้ออกไปอย่างเงียบเชียบหลายชั่วยามต่อมาก็เป็นเวลาเที่ยงคืน หวังหยวนมายืนอยู่ตรงหน้าผาของภูเขาทางเหนือเมื่อมองออกไป อาจเป็นเพราะความมืดมิด จึงมองไม่เห็นจุดสิ้นสุดของหน้าผา ให้ความรู้สึกกดดันอย่างอธิบายไม่ถูก!หวังหยวนกอดอกยืนอยู่ด้านข้าง มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นรอยยิ้มจางที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจและสง่างาม“พายุใหญ่คลื่นยักษ์แบบไหนที่ไม่เคยพบเจอ?”“สถานการณ์แบบไหนที่ไม่เคยประสบ?”“เพียงแค่หน้าผา คิดจะขวางทางข้าได้หรือ?”“ช่างน่าขันนัก!”ขณะที่พูด หวังหยวนก็ลุกขึ้นเตรียมที่จะปีนขึ้นหน้าผาด้วยมือเปล่า ทันใดนั้น เขาได้ยินเสียงเคลื่อนไหวมาจากด้านหลังเขาหันกลับไปโดยสัญชาตญาณ สายตาจับจ้องไปที่ผู้มาเยือน ผู้ที่มานั้นไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเกาเล่อ!ท่ามกลางความมืดมิด ชายคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหลังหวัง
“เช่นนั้นก็ได้ขอรับ...”เมื่อเห็นท่าทีที่แข็งกร้าวของหวังหยวน ไท่สื่อลี่ก็ไม่ได้กล่าวต่ออีก สุดท้ายก็จำต้องจากไปส่วนหวังหยวนนั่งลงศึกษาแผนที่อย่างละเอียดภายในห้องเมื่อไฉจวิ้นกลับมา หลิ่วหรูเยียนก็รีบลุกขึ้นเดินเข้าไปหาไฉจวิ้นอย่างรวดเร็ว พลิกดูห่อผ้าในมือเขาอย่างตื่นเต้น“ครั้งนี้เจ้าทำได้ดีมาก!”“ซื้อของดี ๆ มาฝากข้ามากมายเพียงนี้เลยหรือ?”“ต่อไปต้องมอบเรื่องเช่นนี้ให้เจ้าจัดการแล้ว!”หลิ่วหรูเยียนลูบศีรษะของไฉจวิ้น พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้มไฉจวิ้นรู้สึกอึดอัด นี่นางเห็นเขาเป็นเด็กน้อยชัด ๆ แต่เขาก็เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งแล้ว อายุอานามก็ไม่น้อย กลับถูกปฏิบัติเหมือนเด็กงั้นหรือ?ช่างน่าเจ็บใจนัก!แต่พี่สะใภ้ผู้นี้ก็เป็นคนที่เขาไม่อาจล่วงเกิน จึงทำได้เพียงอดทนหากเป็นผู้อื่นที่กล้าลูบศีรษะของเขา นี่ถือว่าเป็นการหาเรื่องตายชัดๆ!“จริงสิ พี่ใหญ่ของเจ้าอยู่ไหน?”“เมื่อครู่เขาออกไปกับไท่สื่อลี่ นี่ก็ผ่านมานานแล้ว ยังไม่กลับมาอีก หรือว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”หลิ่วหรูเยียนกินขนมพลางเอ่ยถามไฉจวิ้นชี้ไปที่นอกประตู แล้วตอบว่า “พี่ใหญ่อยู่ในลานบ้านขอรับ เมื่อครู่ตอนที่ข้าเข้ามา เขากำลั
ครึ่งชั่วยามต่อมา ไท่สื่อลี่นำแผนที่มาให้ด้วยตนเอง ทางด้านหวังหยวนเฝ้ารออยู่ที่ลานบ้านเมื่อรับแผนที่มาก็ตรวจดูอย่างละเอียด คิ้วของหวังหยวนขมวดแน่นช่างอันตรายยิ่งนัก!แม้ว่าภูเขาทางเหนือจะเป็นภูเขาโดดเดี่ยว แต่ด้านข้างเป็นหน้าผาทั้งสิ้น หากต้องการเก็บเกสรของดอกหน้าผาชันก็ต้องปีนขึ้นไปบนหน้าผา ไม่มีเส้นทางอื่นให้เลือกเดินนี่ช่างเป็นเรื่องที่ยุ่งยากยิ่งนัก!หากไม่มีวิชาตัวเบา การปีนขึ้นหน้าผาด้วยมือเปล่านั้นยากราวกับปีนขึ้นสวรรค์!หวังหยวนตกอยู่ในห้วงความคิด ครุ่นคิดหาวิธีเก็บเกสรดอกหน้าผาชันส่วนไท่สื่อลี่ไม่ได้เอ่ยคำใด ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมเวลาผ่านไปทีละน้อย ไม่นานไฉจวิ้นก็กลับมาพร้อมกับห่อผ้าห่อใหญ่ ในมือไม่เพียงแต่มีของกิน ยังมีของเล่นน่าสนใจอีกมากมายด้วยทั้งหมดนี้ก็เพื่อเอาใจหลิ่วหรูเยียนเป็นเพราะเขาเอง หลิ่วหรูเยียนจึงไม่อาจออกไปเที่ยวเล่นได้ สตรีนั้นอารมณ์แปรปรวน เขากลัวว่าหลิ่วหรูเยียนจะเก็บเรื่องนี้มาคิดเล็กคิดน้อย“กลับมาแล้ว”หวังหยวนเอ่ยอย่างเรียบเฉยไฉจวิ้นพยักหน้า เขามองหวังหยวนก่อนเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มว่า “พี่ใหญ่อารมณ์ไม่ดี หรือว่าเมื่อครู่นี้ทะเลาะกับพี่