หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ เขาก็ยิ้มเล็กน้อยและนั่งลงบนที่นั่งทันที! กวานจีในบทกวี ทุกคนสามารถเขียนบทกวีใด ๆ ได้ตามใจปรารถนา หากมีคนที่สามารถเขียนบทกวีที่ดีกว่าบทกวีนี้ได้เพียงเล็กน้อยหวังหยวนก็จะยอมรับความพ่ายแพ้อย่างจริงใจ! ในขณะนี้ ทุกคนต่างสั่นสะท้านในใจ! บทกวีนี้ ช่าง... ช่างวิเศษยิ่งนัก! นกจีจิวขันร้องเรียกหาคู่ อยู่บนเกาะแก่งกลางแม่น้ำ! สาวงามแสนดีเอย เจ้าเป็นที่หมายปองของชายหนุ่ม! โดยเฉพาะสี่ประโยคนี้ เรียกได้ว่าเป็นผลงานชิ้นเอกอย่างแท้จริง! “สาวงามแสนดีเอย เจ้าเป็นที่หมายปองของชายหนุ่ม...บทกวีที่ดี...หวังหยวน เจ้าช่างมีความสามารถทางวรรณกรรมที่ไม่มีใครเทียบได้จริง ๆ!” ในเวลานี้ ไทเฮาเซียวฉู่ฉู่ก็รู้สึกประหลาดใจมากเช่นกัน นางรู้สึกประทับใจบทกวีนี้ยิ่งนัก! “ไทเฮากล่าวชมเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” หวังหยวนรีบส่ายหัว เขาประสานมือแล้วกล่าวอย่างสุภาพ แต่หลังจากที่ไทเฮาได้ยินดังนั้น นางก็หัวเราะและมองขุนนางใต้เท้าทุกคน “ทุกท่าน ตอนนี้วังหยวนกล่าวบทกวีนี้จบแล้ว มีใครต้องการแข่งกับเขาหรือไม่?” หลังจากที่ไทเฮากล่าวคำเหล่านี้ ทุกคนที่อยู่ ณ ที่นั้นต่างก็ตกตะลึง! บทกวีนี
ไทเฮาเคยบอกแล้วว่าเขาต้องแสร้งทำตัวเป็นศัตรูตัวฉกาจของหวังหยวน ดังนั้นเขาจึงพูดทันที “ทูลไทเฮา ความเกลียดชังที่ฆ่าเสด็จพ่อของข้า ข้าจะยุติความบาดหมางในอดีตได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ!!” “หากเป็นเช่นนี้จริง ข้าจะไม่กลายเป็นคนทรยศที่ยิ่งใหญ่ที่สุดหรือพ่ะย่ะค่ะ?” เสียงของอากู่ฉาต่ำลง หลังจากนั้นทุกคนก็ประหลาดใจ! นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่อากู่ฉากล้าหักหน้าไทเฮา! เจ้าผู้น้อยคนนี้... เป็นไปได้ไหมที่เขาจะไม่มีวันเปลี่ยนใจ? พวกเขาทั้งหมดต่างตกตะลึง อ๋องเจิ้นตงและอ๋องเซ่อเป่ยกลับยิ้ม และแอบมองอากู่ฉาอย่างเงียบ ๆ โดยไม่พูดอะไรสักคำ ไทเฮาเซียวฉู่ฉู่กระแอมเบา ๆ อย่างเย็นชาและหยุดพูด คำพูดของอากู่ฉาไม่มีอะไรผิด มันยากจริง ๆ ที่จะละทิ้งความเกลียดชังที่ฆ่าพ่อของตัวเอง! ดังนั้นนางจึงไม่สามารถเอ่ยพูดได้อีก เพื่อหลีกเลี่ยงคำวิจารณ์จากทุกคน “ไทเฮา ในเมื่ออากู่ฉาไม่เห็นด้วย เช่นนั้น... กระหม่อมทำได้เพียงร้องขออย่างอื่นเท่านั้นแล้วพ่ะย่ะ่ค่ะ!” หวังหยวนรู้ว่าอากู่ฉาไม่มีทางเห็นด้วย และเมื่อครู่นี้ก็เป็นเพียงข้ออ้างที่จะแสดงให้พวกเขาเห็นเท่านั้น ไม่ว่าพวกเขาจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม หวังหยวนก็ไม่สน
เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย หวังหยวนพูดแบบนี้ออกมาได้เท่านั้นแต่เมื่อพูดออกมาแล้วนั้น หวงเจียวเจียวก็ยิ่งรู้สึกหดหู่มากขึ้นกว่าเดิม!แต่...นางไม่เคยเกลียดหวังหยวนเลย ครั้งสุดท้ายที่นางไปเดินเล่นริมทะเลสาบในคืนนั้น ถ้าหวังหยวนต้องการนางจริง ๆ นางไม่ลังเลและจะมอบให้กับเขา!เพราะในตอนนั้น ไทเฮามีรับสั่งใช้ทุกวิถีทางเพื่อเกลี้ยกล่อมหวังหยวนให้ได้!ดังนั้น...ต่อให้เป็นร่างกายของนางเอง นางก็ยินดีที่จะแลก!เมื่อไทเฮาและใต้เท้าทุกคนได้ยินดังนั้น พวกเขาต่างตกใจนิ่งอึ้งกันไปหมด!นี่...อย่างไรก็ตาม หลายคนต่างก้มหน้าเพราะรู้สึกอับอาย และยังนิ่งเงียบไม่พูดอะไรออกมาท้ายที่สุดแล้วนี่เป็นเรื่องในครอบครัวหลายคนเคยได้ยินเกี่ยวกับสิ่งที่หวงเจียวเจียวทำในต้าเย่!นักร้องจากหอไป่เฟิง นั่นไม่ใช่แค่ชื่อหรอกเหรอ?ยังบริสุทธิ์ผุดผ่องได้นี่สิแปลก!“เจ้า...เจ้า...ไอ้สารเลว!”ในตอนนั้นอ๋องหลงซีก็โกรธมาก ในเวลานั้นไทเฮาเซียวฉู่ฉู่ก็คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และกล่าวว่า“เอาเถอะ อ๋องหลงซี ข้ารู้ว่าเจ้ารักลูกสาวของเจ้า แต่ข้าคิดว่าคงไม่มีใครในโลกนี้ที่ยินดีที่จะแต่งงานกับเจียวเจียวจริง ๆ!”“ถึงอย่างนั้น ข
ทันทีที่พูดออกมา อ๋องหลงซีก็พยักหน้า“ใช่ มันเป็นความลับสุดยอด บางครั้งข้ายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครเป็นสมาชิกขององค์รักษ์เงา นี่เป็นกฎขององค์รักษ์เงาเช่นกัน จะไม่มีใครรู้รายชื่อองค์รักษ์เงาทุกคนทั้งหมด องค์รักษ์เงาจะได้ปลอดภัยตลอดไป!”“แต่ต้องมีคนทำอะไรบางอย่างอยู่เสมอ!”คำพูดของอ๋องหลงซีทำให้หวังหยวนประหลาดใจ จากนั้นเขาก็หยิบป้ายเจ็ดอันที่เป็นสัญลักษณ์ขององค์รักษ์เงาออกมา“คนเจ็ดคนนี้คือคนที่มาจัดการข้า ข้าอยากถาม...มีใครรู้เกี่ยวกับคนเจ็ดคนนี้ หรือสมาชิกคนอื่น ๆ ในกลุ่มองค์รักษ์เงาพวกเจ้าบ้างไหม?”หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ อ๋องหลงซีก็กล่าวอย่างมั่นใจว่า“ไม่! ทั้งเจ็ดคนนี้ ข้าไม่รู้ว่าพวกเขามาจากไหนด้วยซ้ำ”หวังหยวนกระพริบตาปริบ ๆ “ท่านไม่รู้... คงเป็นเรื่องปกติใช่ไหม? ท่านหมายความว่าข้อมูลองค์รักษ์เงารั่วไหลอย่างนั้นเหรอ? อาจมีคนอื่นมาจัดการยุ่มย่ามงั้นรึ?”“เจ้าคิดว่าข้า อ๋องหลงซีเป็นพวกกระจอกจริง ๆ งั้นหรือ? ชิ ข้าจงใจทั้งนั้น ข้ารู้ดีว่าเขาเป็นคนของใคร และทำอะไร!”จู่ ๆ อ๋องหลงซีก็เย้ยหยันออกมา หวังหยวนก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับท่าทางเช่นนั้น“ข้าไม่รู้ว่าคนทั้งเจ็ดนี้ปราก
ในคืนนั้นไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างแต่วันรุ่งขึ้น จดหมายฉบับหนึ่งวางไว้บนโต๊ะของอ๋องเจิ้นตง!อ๋องเจิ้นตงที่เพิ่งกลับถึงห้องหนังสือ ทันทีที่เข้ามาเขาก็เห็นซองจดหมายวางอยู่บนโต๊ะ!สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาเดินออกจากห้อง ถามทหารองค์รักษ์ที่เฝ้ารักษาการณ์อยู่ และถามออกไปว่า "เจ้าเห็นใครเข้ามาในห้องหนังสือข้าบ้างไหม"“ทูลท่านอ๋อง ไม่เห็นเลยพ่ะย่ะค่ะ!”ทหารองค์รักษ์ที่เฝ้ารักษาการณ์พูดออกมา หลังจากที่พูดสีหน้าของอ๋องเจิ้นตงก็เปลี่ยนไป เขารีบเดินเข้าไปในห้องอ่านหนังสือและหยิบซองจดหมายขึ้นมา!เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วเปิดมันออก!เมื่อกวาดตาอ่านดู เขาก็หน้าถอดสีทันที!‘เกาเล่อกำลังวางแผนทรยศอย่างลับ ๆ กับไทเฮา ท่านอ๋องโปรดระวังด้วย!’จดหมายฉบับนี้มีแค่ข้อความนี้ประโยคเดียวเท่านั้น!แต่ประโยคนี้ทำให้อ๋องเจิ้นตงหน้าถอดสีทันที!เขาขมวดคิ้วแล้วหัวเราะเบา ๆ “แผนโง่ ๆ!”หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็เผาจดหมายทิ้งทันที“ทหาร เรียกชาเอ๋อร์มา!”อ๋องเจิ้นตงตะโกนออกไป ทหารองค์รักษ์ก็รับคำสั่งทันที ชายหนุ่มรูปงามเดินเข้ามาและพูดทำความเคารพทันที“ท่านพ่อ เรียกหาลูกหรือพ่ะย่ะค่ะ”คนที
เมื่อได้ยินเช่นนี้ อาปู้ชาก็พยักหน้า "สิ่งที่เสด็จพ่อกล่าว ถึงแม้เราจะพึ่งพาเกาเล่ออย่างมาก แต่เราต้องระวังจริง ๆ หรือ!"อย่างไรก็ตาม ในขณะนั้น ทหารรักษาการณ์ที่อยู่นอกประตูมารายงานว่า "ท่านอ๋อง ใต้เท้าเกามาขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ"อ๋องเจิ้นตงและลูกชายมองหน้ากันและพยักหน้า "ให้เขาเข้ามา"เกาเล่อไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อเดินเข้าไปในห้องหนังสือ และได้พบอ๋องเจิ้นตงและอาปู้ชา เขาพูดถวายบังคมว่า “ท่านอ๋อง องค์ชาย”อ๋องเจิ้นตงยิ้มแล้วพูดว่า "เกาเล่อ มานี่แต่เช้า มีเรื่องอะไรรึ?"เกาเล่อรีบพูดว่า “ท่านอ๋อง วันนี้ในวังไทเฮามีรับสั่งลงมา ว่าวันไหว้บรรพบุรุษที่ใกล้จะถึงนี้ จะให้ทหารองค์รักษ์หวงจัดการดูแลเรื่องนี้พ่ะย่ะค่ะ”อ๋องเจิ้นตงพยักหน้ารับ “ใช่ เรื่องแบบนี้ ทหารองค์รักษ์หวงเป็นคนจัดการดูแลมาโดยตลอด”เกาเล่อยิ้มแล้วพูดว่า "ถ้าอย่างนั้น กระหม่อมจะกลับรายงานที่วังหลวงก่อน"หลังจากพูดจบ เกาเล่อก็ไม่คิดสนใจอะไร ท้ายที่สุด เรื่องแบบนี้หารองค์รักษ์หวงเป็นผู้จัดการทุกปี และเขาก็เป็นคนที่คอยจับตาดู แต่ในขณะนั้น อาปู้ชาก็พูดขึ้นมาว่า “เสด็จพ่อ เช่นนั้นแล้ว... หากข้าไปกับใต้เท้าเกาด้วยกันเ
อาปู้ชาที่เหลือบตามองและเห็นทั้งหมดนี้ ก็มองกลับไปทางเกาเล่อสายตาจากด้านหลังที่เต็มไปด้วยแรงข่มขู่ พร้อมกับความหวาดระแวงนี้!ทั้งสองรู้ถึงปัญหาทันที!อย่างไรก็ตาม ความโกรธปรากฏขึ้นมาในใจของอาปู้ชาครู่เดียวนั้น ทำให้เกาเล่อกังวลใจ!เหตุผลก็ไม่ใช่เหตุผลใดอื่น นอกจากการกระทำเพียงเล็กน้อยของไทเฮา!การให้ของขวัญนี้!หากว่ากันแล้วมันมีปัญหามากเกินไป!อย่างแรก ง่ายที่สุดคือไทเฮาได้เตรียมของให้กับเกาเล่ออย่างใส่ใจ!แถมยังใส่กล่องของขวัญไว้ล่วงหน้าอีกด้วย!แม้ว่านี่จะไม่ได้อธิบายปัญหาทุกอย่าง แต่ก็มีประเด็นที่สอง!ประเด็นที่สองคือไทเฮาได้เตรียมกล่องของขวัญในฐานะโอรสของอ๋องเจิ้นตง สถานะของอาปู้ชาย่อมสูงกว่าเกาเล่อ!แต่ไทเฮาทรงมอบกล่องของขวัญที่เตรียมไว้ให้เกาเล่อก่อน แล้วค่อยมอบให้กับเขา!นี่ก็อธิบายปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจนแล้ว!สีหน้าเกาเล่อดูแย่มาก ถ้าอาปู้ชาเห็น เขาเองก็เห็น!นี่จะทำอะไรกันแน่?กำลังใช้อุบายแยกตัวออกจากอ๋องเจิ้นตงงั้นหรือ?คงจะดีถ้ามันเป็นการเคลื่อนไหวที่ใหญ่กว่า แต่นี่เป็นการเคลื่อนไหวแบบเล็กน้อย!การกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ มักเป็นการกระทำที่เผยให้เห็นใจผู
“เสด็จพ่อข้าให้ตำแหน่งเจ้า เขาไม่ได้บอกหรือว่าเป็นของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ?”หลังจากที่อาปู้ชาพูดเช่นนี้ เขาก็หยุดพูดและมุ่งหน้ากลับไปยังจวนอ๋องเจิ้นตงเมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของเกาเล่อก็ดูย่ำแย่ทันที!เขารู้ว่านี่เป็นอุบายเพื่อฆ่าเขา!เป็นการปลุกเร้าความสงสัยระหว่างเขากับอ๋องเจิ้นตง!หากความสงสัยนี้บาดลึกยิ่งขึ้น เขาต้องตายอย่างแน่นอน!เกาเล่อหายใจเข้าลึก หรี่ตาลง คิดใคร่ครวญสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นทันใดนั้นเขาก็นึกถึงใครบางคน!หวังหยวน!ข้าเกรงว่าคงมีเพียงหวังหยวนเท่านั้นที่สามารถคิดแผนแบบนี้ได้"แม้ว่าวิธีที่ดีที่สุดในจัดการกระหม่อมคือการหว่านความสงสัยให้เกิดความแตกแยก แต่... มันเป็นแค่ความสงสัย อ๋องเจิ้นตงจะไม่ทำอะไรกระหม่อม ท้ายที่สุดกระหม่อมจงภักดีต่อพระองค์มาหลายปีแล้ว ความจงรักภักดีของกระหม่อมก็เป็นที่ชัดเจน!”เกาเล่อหายใจเข้าลึก ๆ คิด ๆ แล้วก็รู้สึกสงบใจลงได้บ้างตอนนี้อาปู้ชาได้กลับมาถึงจวนอ๋องเจิ้นตงแล้ว และไปหาเสด็จพ่อของเขาที่ห้องหนังสือ!และเล่าเรื่องทั้งหมดให้อ๋องเจิ้นตงฟัง!หลังจากที่ได้ฟัง สีหน้าของอ๋องเจิ้นตงก็เคร่งเครียดทันทีเขาไม่พูดแต่เอาพรมนิ้วบนโต๊ะและ
“ไล่ตามไป!”“ห้ามปล่อยให้พวกมันหนีไปได้!”“หากฆ่าพวกหวังหยวนไม่ได้ กลับไปพวกเราคงหัวหลุดจากบ่าเป็นแน่!”หัวหน้าคนนั้นตะโกนลั่น ลูกน้องรีบวิ่งตามไปติด ๆ!เดิมทีคิดว่าหวังหยวนหยุดอยู่ที่นี่คงจะสู้ตาย แต่ไม่คาดคิดว่าหวังหยวนกลับพาลูกน้องวิ่งหนีอย่างกับหมาตกน้ำงั้นหรือ?หากเรื่องนี้แพร่ออกไปคงจะอับอายขายหน้า!“หากท่านไม่ได้เตรียมการไว้ เหตุใดจึงบอกให้พวกเราหยุด?”“ยิ่งกว่านั้น! ท่านยังไปยั่วโมโหพวกมันอีก! นี่เป็นการหาเรื่องใส่ตัวไม่ใช่หรือ?”หลิ่วหรูเยียนบ่นอุบอิบส่วนไป๋ลั่วหลีเพียงแค่ติดตามหวังหยวน ไม่ได้เอ่ยคำใด“หากรวมพวกเราด้วยมีทั้งหมดยี่สิบสี่คน! ในจำนวนนี้มีคนซ่อนตัวอยู่ยี่สิบคน ข้าคิดว่าฝ่ายตรงข้ามคงส่งคนมาเท่า ๆ กับพวกเรา!”“เช่นนั้นพวกเราก็จะจัดการพวกมันได้ง่ายดาย!”“แต่ข้าไม่คาดคิดว่าซือฟางจะลงทุนส่งคนมาลอบสังหารพวกเรามากมายถึงเพียงนี้!”“หากพวกเราสู้กับพวกมันตรงนี้ คนที่รอดออกจากป่าคงมีไม่ถึงสิบคน!”หวังหยวนกล่าวถึงความกังวลในใจหลิ่วหรูเยียนขมวดคิ้ว ช่างน่าเจ็บใจนัก!ซือฟางช่างหน้าไหว้หลังหลอก เมื่ออยู่ในเมืองหลวงทำเป็นปล่อยพวกเขาไป แต่กลับส่งคนมาดักฆ่าในตอนนี
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าพวกเรากำลังเดินวนอยู่”“แต่หากไม่ทำเช่นนี้จะทำให้คนพวกนั้นสับสนได้อย่างไร?”จู่ ๆ หวังหยวนก็มองไปทางด้านหลังราวกับกำลังมองหาอะไรบางอย่างทุกคนต่างมองตาม ซือฟางก็เช่นกัน เขารีบลุกขึ้นยืนมองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวังหวังหยวนผ่านสมรภูมิมามากมาย ย่อมมีความเฉียบคมเหนือคนทั่วไป!“พี่ใหญ่!”“ในป่ามืดเช่นนี้ ต่อให้มีคนซ่อนอยู่ พวกเราก็คงหาตัวเจอได้ยากไม่ใช่หรือขอรับ?”“ท่านแน่ใจหรือขอรับว่ามีคนตามมา?”ซือฟางถามด้วยความสงสัยหวังหยวนไม่ได้ตอบ แต่กล่าวว่า “พวกมันตามเรามานานแล้ว ที่นี่น่าจะลึกเข้ามาในป่าแล้วกระมัง?”“ข้าว่าพวกเจ้าลงมือตรงนี้เลยก็ได้!”“หากไปต่อ เมื่อพวกเราออกจากป่า พวกเจ้าก็จะหมดโอกาสสังหารพวกเรา!”หวังหยวนยืนกอดอกด้วยท่าทางองอาจสิ้นคำของเขา พลันมีเสียงดังมาจากในป่า ตามมาด้วยเสียงฝีเท้า เงาร่างมากมายปรากฏตัวขึ้นล้อมพวกหวังหยวนไว้!มองดูแล้วมีมากกว่าร้อยคน!ทุกคนสวมหน้ากากใส่ชุดดำ ถือดาบยาวสีเงินวาววับอยู่ในมือ!เห็นได้ชัดว่าเป็นยอดฝีมือที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดี!“ยอดเยี่ยม!”ในกลุ่มคน มีบุรุษคนหนึ่งเดินออกมามองไปที่หวังหยวน เขากอดดาบไว้พลางกล่าวว
“ท่านคิดจะจับหวังหยวนไว้ที่นี่จริงหรือ?”“หากฆ่ามัน คนของมันจะยอมไว้ชีวิตพวกเราหรือ?”“ยิ่งไปกว่านั้น หวังหยวนเป็นที่รักของประชาชน หากเกิดเรื่องขึ้นที่นี่ แล้วข่าวแพร่ออกไป พวกเราก็คงไม่รอด...”ได้ใจประชาชนย่อมได้ครองแผ่นดินเจี๋ยงโฉ่วอีเข้าใจเรื่องนี้ดี น้ำสามารถพยุงเรือก็สามารถคว่ำเรือได้ หากทำให้ประชาชนลุกฮือย่อมจะสายเกินแก้!“แต่หวังหยวนพาไป๋ลั่วหลีไปด้วย นางเป็นตัวแปรสำคัญ!”ซือฟางถอนหายใจยาวเจี๋ยงโฉ่วอีหรี่ตากล่าวด้วยเสียงเย็นชาว่า “แล้วจะทำเช่นไร? ในเมืองหลวง พวกเราทำอะไรหวังหยวนไม่ได้ เพราะต้องหยุดทุกคนไม่ให้พูดถึงเรื่องนี้ในภายหลัง!”“แต่หวังหยวนออกจากเมืองหลวงไปแล้ว กำลังเดินทางไปชนเผ่าทางเหนือ คนแถวนั้นล้วนเป็นคนป่าเถื่อน! หากหวังหยวนตายระหว่างทางคงไม่แปลกใช่หรือไม่?”ทันใดนั้น ซือฟางก็เข้าใจความหมายของเจี๋ยงโฉ่วอีเขายกนิ้วให้เจี๋ยงโฉ่วอี แล้วกล่าวว่า “ว่ากันว่าคนโหดเหี้ยมจึงจะได้เป็นใหญ่ ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้นจริง! โดยเฉพาะพวกบัณฑิตอย่างท่าน ช่างมีเล่ห์เหลี่ยมมากมายเหลือเกิน”“การมีท่านเป็นสหาย ข้ารู้สึกยินดีนัก!”“ข้าจะไปจัดการ ครั้งนี้ข้าจะให้หวังหยวนและพรรค
หลังจากหวังหยวนสั่งการ คนของเขาต่างแยกย้ายกันไป กลุ่มหนึ่งติดตามหวังหยวนไปยังชนเผ่าทางเหนือ ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งมุ่งหน้าเข้าไปยังจุดต่าง ๆ ในเมืองหลวงไป๋หมิงเพิ่งขึ้นครองราชย์ ซือฟางและเจี๋ยงโฉ่วอีก็คอยช่วยเหลือย่อมต้องเข้าควบคุมราชการแผ่นดิน เมืองหลวงจึงถูกควบคุมอย่างเข้มงวดหากเป็นคนอื่น หวังหยวนคงจะกังวลใจ แต่คนที่อยู่ที่นี่คือเกาเล่อ หวังหยวนจึงวางใจได้ด้วยนิสัยและความสามารถของเกาเล่อย่อมไม่ทำให้เขาผิดหวังและจะไม่เกิดปัญหาขึ้น!“เจ้าจะไปชนเผ่ากับพวกข้าหรือจะอยู่ในเมืองเพื่อดูแลเกาเล่อ?”“ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้า” หวังหยวนมองไปที่ไป๋ลั่วหลีไป๋ลั่วหลีเป็นคนสนิทของไป๋อวิ๋นเฟย นับตั้งแต่ไป๋เหยียนเฟยป่วย นางก็คอยดูแลไป๋อวิ๋นเฟยมาตลอด บัดนี้ถึงคราวคับขัน ไป๋อวิ๋นเฟยก็ถูกกักบริเวณ หวังหยวนไม่อยากบังคับไป๋ลั่วหลี จึงให้นางตัดสินใจเอง“ข้าอยู่ในเมืองก็คงช่วยอะไรไม่ได้...”ไป๋ลั่วหลีถอนหายใจ มองไปทางที่เกาเล่อจากไปก่อนกล่าวว่า “แม้ซือฟางและเจี๋ยงโฉ่วอีจะรู้ว่าท่านหวังมีองค์กรเครือข่ายผีเสื้อคอยทำงานลับให้ และท่านเกาคือหัวหน้า แต่พวกมันไม่เคยเห็นหน้าท่านเกา”“หากข้าอยู่ที่นี่ เก
ทุกคนมองหน้ากัน แล้วต่างพากันยกนิ้วให้หวังหยวนในตอนนี้หลิ่วหรูเยียนเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่าเหตุใดหวังหยวนจึงมีสตรีมากมายอยู่เคียงข้าง เพราะเขามีเสน่ห์ที่ทำให้คนอยู่ด้วยรู้สึกปลอดภัยอย่างแท้จริง!ความรู้สึกนี้ช่างดีเหลือเกิน!“เหตุใดท่านไม่พาองค์ชายมาด้วยเล่าเจ้าคะ?” ไป๋ลั่วหลีถามหวังหยวนโบกมือ กล่าวว่า “ข้าก็อยากพาองค์ชายมาด้วย แต่เจ้าก็เห็นแล้วว่าซือฟางและเจี๋ยงโฉ่วอีคิดการใหญ่”“การโจมตีค่ายเสบียงอาจทำให้พวกเขาหวั่นเกรงได้ แต่เมื่อเทียบกับไป๋อวิ๋นเฟยแล้ว แน่นอนว่าไป๋อวิ๋นเฟยสำคัญกว่า!”“หากพวกเขาควบคุมตัวไป๋อวิ๋นเฟยไว้ได้ ก็จะกำจัดปัญหาทั้งหมด! สามารถใช้พระนามขององค์ชายควบคุมขุนนางและกองทัพได้!”“แต่หากปล่อยไป๋อวิ๋นเฟยไป ต่อให้พวกเขาแย่งชิงราชบัลลังก์จากไป๋หมิงได้หรือทำให้ไป๋หมิงเป็นหุ่นเชิด ผลลัพธ์ก็เดาได้ไม่ยาก ไป๋อวิ๋นเฟยจะรวบรวมกำลังต่อสู้กับพวกเขา!”“พวกเขาเป็นคนฉลาด จะไม่เข้าใจเรื่องนี้ดีได้อย่างไร?”“ก่อนที่อำนาจของพวกเขาจะมั่นคง พวกเขาจะไม่ทำร้ายไป๋อวิ๋นเฟย เจ้าสบายใจได้!”“แต่หากพวกเราดึงดันพาไป๋อวิ๋นเฟยไป นั่นแหละจะเป็นการทำร้ายเขา!”ไป๋ลั่วหลีเข้าใจแล้ว ทั้งห
“เช่นนั้นก็อย่าหาว่าพวกข้าไร้มารยาท...”ซือฟางหัวเราะเยาะ โบกมือให้เหล่าทหาร แล้วกล่าวว่า “ขวางนางไว้ แต่อย่าทำร้ายท่านหวังและคนของเขา!”ช่างมีน้ำใจนัก!น่าเสียดาย หวังหยวนยังคงจับมือไป๋ลั่วหลีไว้แน่น ไม่ยอมปล่อย!ไป๋ลั่วหลีเป็นคนของไป๋อวิ๋นเฟย บัดนี้ยังติดตามไป๋อวิ๋นเฟยบุกเข้าวังหลวง ถือเป็นการล้ำเส้นซือฟางและพรรคพวกหากปล่อยนางไว้ในวังหลวง นั่นก็เท่ากับผลักนางเข้ากองไฟ!แม้ทั้งสองจะไม่กล้าทำร้ายไป๋อวิ๋นเฟย แต่พวกเขาสามารถฆ่าไป๋ลั่วหลีได้!ต่อให้ทุกคนรู้ว่าพวกเขาคิดร้าย แต่เพียงแค่หาข้ออ้างมาสักข้อก็สามารถฆ่านางได้ในทันที!หวังหยวนจะปล่อยไป๋ลั่วหลีไว้ไม่ได้เด็ดขาด!ขณะที่เหล่าทหารกำลังจะลงมือ จู่ ๆ ก็มีดอกไม้ไฟบานสะพรั่งกลางอากาศ!เหตุการณ์ไม่คาดฝันนี้ทำให้ทุกคนตกตะลึง ซือฟางหรี่ตาลง “ทิศทางนั้นคือ...”“ค่ายทหาร!”หวังหยวนเดินไปข้าง ๆ ซือฟาง และกระซิบว่า “ท่านคงรู้ว่าที่นั่นคือที่ใดกระมัง?”“นั่นคือสัญญาณจากคนของข้า พวกเขาบุกเข้าไปในค่ายเสบียงของท่านแล้ว! หากข้าไม่ออกจากวังหลวงภายในหนึ่งก้านธูป พวกเขาจะเผาเสบียงทั้งหมด!”“แม้ว่าท่านจะมีทหารหลายแสนนาย แต่ในราชวงศ์ต้าเย่ก็
“เจ้าจะทำอะไร?”เมื่อเห็นไป๋ลั่วหลีจะพุ่งตัวออกไป หวังหยวนจึงรีบคว้าข้อมือเขาไว้ แล้วเอ่ยปรามเสียงเบา“พวกท่านไม่สนใจก็ได้ แต่ข้าไม่อาจยอมให้องค์ชายถูกกักบริเวณเช่นนี้!”“แม้จะต้องตายในที่แห่งนี้ ข้าก็จะปกป้ององค์ชายให้ได้!”“และจะต้องกำจัดกบฏสองคนนี้ให้สิ้นซาก!”หวังหยวนกล่าวตักเตือน “เจ้าคิดว่าการทำเช่นนี้คือการเป็นขุนนางผู้จงรักภักดีหรือ?”“ตั้งสติหน่อย! ยังมองสถานการณ์ไม่ออกอีกหรือ? ซือฟางและเจี๋ยงโฉ่วอีไม่ได้ต้องการเพียงแค่ให้ไป๋หมิงขึ้นครองราชย์เป็นหุ่นเชิดของพวกมัน”“พวกมันยังยุยงขุนนางให้กบฏด้วย บัดนี้พวกเราหมดหนทางแก้ไข! ต้องหาแผนการอื่นเพื่อความปลอดภัยของไป๋อวิ๋นเฟย!”“หากเจ้ากระทำการอย่างหุนหันพลันแล่นก็มีแต่จะเสียสละชีวิตโดยเปล่าประโยชน์!”“หากวันใดช่วยไป๋อวิ๋นเฟยออกมาได้ เขาจะเข้าใจเอง!”เมื่อหวังหยวนพูดเช่นนี้ ไป๋ลั่วหลีจึงระงับโทสะ แต่ยังคงจ้องมองซือฟางด้วยความเคียดแค้น“อะแฮ่ม”หวังหยวนกระแอมดึงดูดความสนใจของซือฟางและเจี๋ยงโฉ่วอี“ท่านทั้งสอง”“ในเมื่อเรื่องราวจบสิ้นแล้ว ข้าคงต้องขอตัว”“ยังมีธุระมากมายรออยู่ โอกาสหน้าค่อยพบกันใหม่!”หวังหยวนกล่าวอย่างใจ
ไป๋อวิ๋นเฟยตวาดลั่น ก่อนกระโจนเข้าใส่ซือฟางเป็นคนแรก เห็นได้ชัดว่าต้องการแย่งชิงพระราชโองการมาให้ได้!เพียงแค่ประกาศเนื้อความในโองการ ความจริงก็จะปรากฏ!“องค์ชาย!”“อย่าบีบบังคับกระหม่อม!”ไป๋อวิ๋นเฟยเป็นเพียงบัณฑิตผู้บอบบาง ไม่เคยผ่านสนามรบ จะสู้ซือฟางได้อย่างไร?ซือฟางไหวตัวทัน รีบเก็บพระราชโองการเข้าอกเสื้อ แล้วหลบไปด้านข้าง พยายามรักษาระยะห่างจากไป๋อวิ๋นเฟย!เหล่าทหารที่อยู่ข้างกายซือฟางก็เข้ามาล้อมไป๋อวิ๋นเฟยไว้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ได้เกรงกลัวองค์ชายแม้แต่น้อย!“ช่างน่าสนใจยิ่งนัก...”หวังหยวนที่ติดตามไป๋อวิ๋นเฟยมาหรี่ตาลงเล็กน้อยเขาผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก พบเจอกบฏมากมาย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นคนหยิ่งผยองอย่างซือฟาง!กล้าประกาศศึกกับองค์ชายอย่างโจ่งแจ้ง!ยิ่งไปกว่านั้น ยังทำเช่นนี้ต่อหน้าพระศพของจักรพรรดินีด้วย!“เสด็จแม่ทรงโปรดปรานเจ้า! แต่เจ้ากลับคิดคดทรยศ ช่างทำให้เสด็จแม่ผิดหวังยิ่งนัก!”ไป๋อวิ๋นเฟยโกรธจนแทบกระอักเลือดองค์ชายผู้สูงศักดิ์กลับถูกบีบบังคับให้จนตรอก!เหล่าขุนนางที่อยู่ในห้องบรรทมต่างพากันเดินออกมายืนซุบซิบกันเป็นกลุ่มแต่ไม่มีผู้ใดกล้าออกหน้าช่
ช่างน่าเจ็บใจนัก คิดคำนวณมาอย่างดีกลับยังมีช่องโหว่!เจี๋ยงโฉ่วอีหรี่ตามอง เช่นเดียวกับที่หวังหยวนคาดการณ์ไว้ โองการระบุชัดเจนว่าไป๋อวิ๋นเฟยคือผู้สืบทอดราชบัลลังก์ เหตุที่ทั้งสองคนก่อเรื่องวุ่นวายเช่นนี้ก็เพื่อไม่ให้โองการนี้ตกถึงมือขุนนางทั้งหลาย!ด้วยวิธีนี้เท่านั้น ไป๋หมิงจึงจะขึ้นครองราชย์ได้อย่างถูกต้อง!น่าเสียดาย...พลาดท่าเสียแล้ว!แต่โชคยังดี ที่นี่ถูกพวกเขาควบคุมไว้หมดแล้ว ต่อให้หวังหยวนและพรรคพวกจะมีฝีมือเก่งกล้าเพียงใดก็คงไม่อาจต้านทานได้!“ใครก็ได้!”“จับกบฏพวกนี้ให้หมด!”เมื่อซือฟางออกคำสั่ง เหล่าทหารก็กรูกันเข้ามาล้อมพวกหวังหยวนไว้!“พวกเจ้าจงเบิกตาดูให้ดี!”“ข้าคือไป๋อวิ๋นเฟย องค์ชายใหญ่!”“พวกเจ้าจะฟังคำสั่งซือฟางหรือว่าคิดจะทำร้ายข้ากันแน่?”ไป๋อวิ๋นเฟยพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาเหล่าทหารมองหน้ากัน แม้จะลังเลใจ แต่ไม่ได้ถอยหนี!ยศถาบรรดาศักดิ์อยู่ในมือของซือฟาง!พวกเขาคือทหารของราชวงศ์ต้าเย่ แต่ต้องเชื่อฟังผู้ที่มียศถาบรรดาศักดิ์ทางการทหารเท่านั้น!“จักรพรรดินีมีรับสั่ง!”ทันใดนั้น ซือฟางเดินออกมาข้างหน้า แล้วชูพระราชโองการขึ้น พร้อมกับชี้ไปยังไป๋อวิ๋นเฟยแ