เกาเล่อเล่าอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอากู่ฉาหรืออ๋องหลงซี เขาก็พูดเจตนาของตัวเองออกมาจนหมด หลังจากได้ยินสิ่งนี้ อ๋องเจิ้นตงก็ยิ้ม “ไทเฮา...ใจร้อนเกินไปแล้ว...ถึงกับปล่อยให้คนที่ละทิ้งต้าเย้วางแผนเรื่องพวกนี้ ช่างน่าขันยิ่งนัก” อ๋องเจิ้นตงพูดอย่างราบเรียบด้วยสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม “อ๋องเจิ้นตง หวังหยวนผู้นี้ยากจะหยั่งถึง แม้แต่กระหม่อมก็มองไม่เห็นความคิดของเขา กระหม่อมคิดว่า... ฝ่าบาทควรหาโอกาสฆ่าเขาให้สิ้นซากพ่ะย่ะค่ะ!” อ๋องเจิ้นตงย่อมเชื่อคำพูดของเกาเล่อ เขาพยักหน้า “ไม่ควรเก็บเขาไว้จริง ๆ” “ทว่า...การคิดจะฆ่าเขาก็ไม่ง่ายเลย แต่ข้าสงสัยยิ่งนักว่าเหตุใดองครักษ์เงาถึงไม่ฆ่าเขา? เจ้าแอบระดมคนจำนวนมากเข้าไปไม่ใช่หรือ?” ในเวลานี้ อ๋องเจิ้นตงเอ่ยปากพูด แม้ว่าองครักษ์เงาจะเป็นของอ๋องหลงซี ทว่าเกาเล่อก็ได้วางคนของเขาเองเข้าไปนานแล้ว และการถ่ายทอดคำสั่งลับครั้งนี้ก็เป็นความตั้งใจของเขาเช่นกัน แต่คิดไม่ถึงว่ามันจะล้มเหลว! “กระหม่อมก็ไม่รู้เช่นกันว่าเหตุใดจึงล้มเหลว ถึงแม้ว่าคนที่ไปจะมีไม่กี่คน แต่พวกเขาก็เคลื่อนไหวอย่างลับ ๆ ตลอดทาง และไม่เปิดเผยพิรุธ ยิ่งกว่านั้น ข้ายัง
“มีเงินแล้วทำอย่างไรได้เล่า? ยังห่างไกลจากทหารองครักษ์เมืองหวงยิ่งนัก บุกรุกทุกซอกทุกมุม!” “ดังนั้น... คราวนี้เมืองหวงก็จะตกอยู่ในเงื้อมมือของข้าไม่ช้าก็เร็ว!” อ๋องเจิ้นตงมั่นใจมาก เมื่อเปรียบเทียบกับพวกเขาแล้ว พลังอำนาจของเขาน่ากลัวที่สุด! ทหารองครักษ์เมืองหวงควบคุมทุกอย่างในเมืองหลวง ถนนและตรอกซอกเต็มไปด้วยคนของทหารองครักษ์เมืองหวง! เบื้องบนจากวังสู่ราษฎรทั่วไป ทุกคนล้วนอยู่ในการควบคุมของเขา! เมื่อมีการกบฏ เขาจะควบคุมราชสำนักได้อย่างตามใจปรารถนาอย่างแน่นอน! ... วันรุ่งขึ้น หวังหยวนตื่นแต่เช้าและรับประทานอาหารเช้า งานเลี้ยงเฉลิมฉลองเริ่มตอนเที่ยง หวังหยวนไม่มีอะไรทำ และไม่ได้พูดอะไรมาก ทว่าเขากลับเริ่มวางแผน ตอนนี้สิ่งที่อยู่ในมือของเขาไม่มากพอที่สามารถใช้งานได้ แต่มีบางสิ่งที่ให้เขาประหลาดใจได้! ไม่นานก็ถึงเวลาเที่ยง เกาเล่อรออยู่ข้างนอกนานแล้ว “ใต้เท้าเกา ข้าเพียงแค่เข้าวังเท่านั้น ท่านมีตำแหน่งทางการที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ กลับมาพบข้าด้วยตนเอง มันทำให้ข้ารู้สึกละอายใจจริง ๆ” หวังหยวนหัวเราะ ข้างหลังเขามีต้าหู่และถังหม่างตามมาด้วย ทั้งสองคนสามารถติดตามเข้าไปในวั
การแสดงออกของไทเฮาเซียวฉู่ฉู่เปลี่ยนไปเล็กน้อย และทุกคนก็ต่างสังเกตเห็นพวกเขาทั้งหมดรู้สึกว่าไทเฮาไม่พอพระทัยเล็กน้อย ทว่าในเวลานี้ อ๋องถูหนาน อากู่ฉาเอ่ยปากกล่าวว่า “ไทเฮา ต้าเย่ปกครองประเทศเป็นที่รู้จักมาโดยตลอดในด้านความกล้าหาญด้านการต่อสู้ เบื้องหน้ามีอู๋มู่ และเบื้องหลังมีอู๋หลิงอยู่ ข้าเชื่อว่าหวังหยวนจะมาพร้อมกับปรมาจารย์หลายคนในครั้งนี้ การแข่งขันเช่นนี้ คงไม่นับว่ายากเกินไปกระมัง?” อากู่ฉากล่าวในทางว่าหนามยอกเอาหนามบ่ง หลังจากพูดเช่นนี้ สีหน้าของไทเฮาก็ดูไม่ดีขึ้นเล็กน้อย แต่มันคือการแสดงทั้งหมด หวังหยวนย่อมยิ้มตอบ “ในเมื่ออ๋องถูหนานมีอารมณ์อันสุนทรีย์เช่นนี้ กระหม่อมย่อมน้อมรับพ่ะย่ะค่ะ ต้าหู่” หวังหยวนกล่าวอย่างราบเรียบ และต้าหู่ที่อยู่ข้างหลังก็ก้าวออกมาข้างหน้า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เราก็มาเพิ่มความรื่นรมย์ด้วยศิลปะการต่อสู้กันเถอะ อย่างไรก็ตาม งานเฉลิมฉลองในวันนี้จะไม่มีการนองเลือดเป็นอันขาด เข้าใจหรือไม่?” ไทเฮาพูดอย่างเย็นชา หลังจากพูดเช่นนี้ อดีตนายพลผู้นั้นก็พูดทันที “กระหม่อมน้อมรับคำบัญชา!” เมื่อพูดเช่นนั้น เขาก็ชักดาบยาวออกมาแล้วเดินตรงไปที่ตรงกลา
หลังจากพูดแบบนี้ อากู่ฉาก็กระแอมเบา ๆ และเพิกเฉยต่อมัน ไทเฮาเซียวฉู่ฉู่กลับหัวเราะขึ้นมา “ไม่เป็นไร มันเป็นเพียงเพื่อความรื่นรมย์เท่านั้น” และในเวลานี้ จู่ ๆ ก็มีคนพูดขึ้นอีกครั้ง “ไทเฮา การแข่งขันศิลปะการต่อสู้ก็จบลงแล้ว ไม่สู้มาเพิ่มตวามรื่นรมย์ด้วยบทกวี ท้ายที่สุดแล้ว การชักปืนและร่ายรำกระบี่ในงานเฉลิมฉลองยิ่งใหญ่ในวันนี้ ไม่ใช่เรื่องดีนัก” มีใต้เท้าคนหนึ่งเสนอแนะทันที เซียวฉู่ฉู่หัวเราะและพยักหน้า “ก็ดี ทว่าการเพิ่มความรื่นรมย์เช่นนี้กลับไม่น่าสนใจเท่าไหร่ ไม่สู้ดวลวรรณกรรมกันเสียดีกว่า ผู้ชนะจะได้รับรางวัลใหญ๋จากข้า ทุกท่านคิดเห็นอย่างไรเล่า?” ทันทีที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ เหล่าขุนนางที่อยู่ด้านล่างต่างก็ตื่นเต้นยิ่งนัก “ข้อเสนอแนะของไทเฮา ช่างดียิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ!” ไทเฮาก็หัวเราะเช่นกัน “เช่นนั้นก็เริ่มกันเลยเถอะ” เมื่อหวังหยวนได้ยินดังนั้น เขาก็กระพริบตา ดูเหมือนว่านี่เป็นโอกาสที่ตัวเองจะเอ่ยขอแต่งงาน! ไทเฮาผู้นี้เชื่อใจตัวเขามากจริง ๆ ในวันเฉลิมฉลองยิ่งใหญ่เช่นนี้ ให้เขาเอ่ยขอแต่งงาน นางต้องมีเหตุผลเป็นแน่ และรางวัลใหญ่นี้ก็คือเหตุผล อย่างไรก็ตาม นางจะมั่นใจ
หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ เขาก็ยิ้มเล็กน้อยและนั่งลงบนที่นั่งทันที! กวานจีในบทกวี ทุกคนสามารถเขียนบทกวีใด ๆ ได้ตามใจปรารถนา หากมีคนที่สามารถเขียนบทกวีที่ดีกว่าบทกวีนี้ได้เพียงเล็กน้อยหวังหยวนก็จะยอมรับความพ่ายแพ้อย่างจริงใจ! ในขณะนี้ ทุกคนต่างสั่นสะท้านในใจ! บทกวีนี้ ช่าง... ช่างวิเศษยิ่งนัก! นกจีจิวขันร้องเรียกหาคู่ อยู่บนเกาะแก่งกลางแม่น้ำ! สาวงามแสนดีเอย เจ้าเป็นที่หมายปองของชายหนุ่ม! โดยเฉพาะสี่ประโยคนี้ เรียกได้ว่าเป็นผลงานชิ้นเอกอย่างแท้จริง! “สาวงามแสนดีเอย เจ้าเป็นที่หมายปองของชายหนุ่ม...บทกวีที่ดี...หวังหยวน เจ้าช่างมีความสามารถทางวรรณกรรมที่ไม่มีใครเทียบได้จริง ๆ!” ในเวลานี้ ไทเฮาเซียวฉู่ฉู่ก็รู้สึกประหลาดใจมากเช่นกัน นางรู้สึกประทับใจบทกวีนี้ยิ่งนัก! “ไทเฮากล่าวชมเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” หวังหยวนรีบส่ายหัว เขาประสานมือแล้วกล่าวอย่างสุภาพ แต่หลังจากที่ไทเฮาได้ยินดังนั้น นางก็หัวเราะและมองขุนนางใต้เท้าทุกคน “ทุกท่าน ตอนนี้วังหยวนกล่าวบทกวีนี้จบแล้ว มีใครต้องการแข่งกับเขาหรือไม่?” หลังจากที่ไทเฮากล่าวคำเหล่านี้ ทุกคนที่อยู่ ณ ที่นั้นต่างก็ตกตะลึง! บทกวีนี
ไทเฮาเคยบอกแล้วว่าเขาต้องแสร้งทำตัวเป็นศัตรูตัวฉกาจของหวังหยวน ดังนั้นเขาจึงพูดทันที “ทูลไทเฮา ความเกลียดชังที่ฆ่าเสด็จพ่อของข้า ข้าจะยุติความบาดหมางในอดีตได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ!!” “หากเป็นเช่นนี้จริง ข้าจะไม่กลายเป็นคนทรยศที่ยิ่งใหญ่ที่สุดหรือพ่ะย่ะค่ะ?” เสียงของอากู่ฉาต่ำลง หลังจากนั้นทุกคนก็ประหลาดใจ! นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่อากู่ฉากล้าหักหน้าไทเฮา! เจ้าผู้น้อยคนนี้... เป็นไปได้ไหมที่เขาจะไม่มีวันเปลี่ยนใจ? พวกเขาทั้งหมดต่างตกตะลึง อ๋องเจิ้นตงและอ๋องเซ่อเป่ยกลับยิ้ม และแอบมองอากู่ฉาอย่างเงียบ ๆ โดยไม่พูดอะไรสักคำ ไทเฮาเซียวฉู่ฉู่กระแอมเบา ๆ อย่างเย็นชาและหยุดพูด คำพูดของอากู่ฉาไม่มีอะไรผิด มันยากจริง ๆ ที่จะละทิ้งความเกลียดชังที่ฆ่าพ่อของตัวเอง! ดังนั้นนางจึงไม่สามารถเอ่ยพูดได้อีก เพื่อหลีกเลี่ยงคำวิจารณ์จากทุกคน “ไทเฮา ในเมื่ออากู่ฉาไม่เห็นด้วย เช่นนั้น... กระหม่อมทำได้เพียงร้องขออย่างอื่นเท่านั้นแล้วพ่ะย่ะ่ค่ะ!” หวังหยวนรู้ว่าอากู่ฉาไม่มีทางเห็นด้วย และเมื่อครู่นี้ก็เป็นเพียงข้ออ้างที่จะแสดงให้พวกเขาเห็นเท่านั้น ไม่ว่าพวกเขาจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม หวังหยวนก็ไม่สน
เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย หวังหยวนพูดแบบนี้ออกมาได้เท่านั้นแต่เมื่อพูดออกมาแล้วนั้น หวงเจียวเจียวก็ยิ่งรู้สึกหดหู่มากขึ้นกว่าเดิม!แต่...นางไม่เคยเกลียดหวังหยวนเลย ครั้งสุดท้ายที่นางไปเดินเล่นริมทะเลสาบในคืนนั้น ถ้าหวังหยวนต้องการนางจริง ๆ นางไม่ลังเลและจะมอบให้กับเขา!เพราะในตอนนั้น ไทเฮามีรับสั่งใช้ทุกวิถีทางเพื่อเกลี้ยกล่อมหวังหยวนให้ได้!ดังนั้น...ต่อให้เป็นร่างกายของนางเอง นางก็ยินดีที่จะแลก!เมื่อไทเฮาและใต้เท้าทุกคนได้ยินดังนั้น พวกเขาต่างตกใจนิ่งอึ้งกันไปหมด!นี่...อย่างไรก็ตาม หลายคนต่างก้มหน้าเพราะรู้สึกอับอาย และยังนิ่งเงียบไม่พูดอะไรออกมาท้ายที่สุดแล้วนี่เป็นเรื่องในครอบครัวหลายคนเคยได้ยินเกี่ยวกับสิ่งที่หวงเจียวเจียวทำในต้าเย่!นักร้องจากหอไป่เฟิง นั่นไม่ใช่แค่ชื่อหรอกเหรอ?ยังบริสุทธิ์ผุดผ่องได้นี่สิแปลก!“เจ้า...เจ้า...ไอ้สารเลว!”ในตอนนั้นอ๋องหลงซีก็โกรธมาก ในเวลานั้นไทเฮาเซียวฉู่ฉู่ก็คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และกล่าวว่า“เอาเถอะ อ๋องหลงซี ข้ารู้ว่าเจ้ารักลูกสาวของเจ้า แต่ข้าคิดว่าคงไม่มีใครในโลกนี้ที่ยินดีที่จะแต่งงานกับเจียวเจียวจริง ๆ!”“ถึงอย่างนั้น ข
ทันทีที่พูดออกมา อ๋องหลงซีก็พยักหน้า“ใช่ มันเป็นความลับสุดยอด บางครั้งข้ายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครเป็นสมาชิกขององค์รักษ์เงา นี่เป็นกฎขององค์รักษ์เงาเช่นกัน จะไม่มีใครรู้รายชื่อองค์รักษ์เงาทุกคนทั้งหมด องค์รักษ์เงาจะได้ปลอดภัยตลอดไป!”“แต่ต้องมีคนทำอะไรบางอย่างอยู่เสมอ!”คำพูดของอ๋องหลงซีทำให้หวังหยวนประหลาดใจ จากนั้นเขาก็หยิบป้ายเจ็ดอันที่เป็นสัญลักษณ์ขององค์รักษ์เงาออกมา“คนเจ็ดคนนี้คือคนที่มาจัดการข้า ข้าอยากถาม...มีใครรู้เกี่ยวกับคนเจ็ดคนนี้ หรือสมาชิกคนอื่น ๆ ในกลุ่มองค์รักษ์เงาพวกเจ้าบ้างไหม?”หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ อ๋องหลงซีก็กล่าวอย่างมั่นใจว่า“ไม่! ทั้งเจ็ดคนนี้ ข้าไม่รู้ว่าพวกเขามาจากไหนด้วยซ้ำ”หวังหยวนกระพริบตาปริบ ๆ “ท่านไม่รู้... คงเป็นเรื่องปกติใช่ไหม? ท่านหมายความว่าข้อมูลองค์รักษ์เงารั่วไหลอย่างนั้นเหรอ? อาจมีคนอื่นมาจัดการยุ่มย่ามงั้นรึ?”“เจ้าคิดว่าข้า อ๋องหลงซีเป็นพวกกระจอกจริง ๆ งั้นหรือ? ชิ ข้าจงใจทั้งนั้น ข้ารู้ดีว่าเขาเป็นคนของใคร และทำอะไร!”จู่ ๆ อ๋องหลงซีก็เย้ยหยันออกมา หวังหยวนก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับท่าทางเช่นนั้น“ข้าไม่รู้ว่าคนทั้งเจ็ดนี้ปราก
“ปกติพวกเจ้าล้วนองอาจกันไม่ใช่หรือ?”“ก่อนหน้านี้ ตอนที่คิดจะโจมตีราชวงศ์ต้าเย่ พวกเจ้าต่างก็อยากจะแบ่งปันดินแดนกันไม่ใช่หรือ? แล้วตอนนี้ล่ะ? แค่ทหารที่พวกนั้นเชิญมาก็ทำให้พวกเจ้าหวาดกลัวได้ถึงเพียงนี้แล้วหรือ?”“พวกเจ้าอย่าลืมว่าภูมิประเทศของที่นี่อันตราย หากพวกเราไม่ยอมออกจากภูเขา แม้หวังหยวนจะเก่งกาจและมียอดฝีมือมากมายก็ทำอะไรเราไม่ได้! หรือว่าเขาจะสามารถคุกคามเราได้จริง ๆ?”ทุกคนมองหน้ากัน ไม่มีใครเอ่ยคำใดการหลบอยู่ในหุบเขา ไม่ใช่แผนการระยะยาว!“หากผู้ใดกล้าพูดจาบั่นทอนกำลังใจอีก อย่าหาว่าข้าใจร้ายแล้วกัน!”เจียงเซี่ยวตวาดอีกครั้ง ทุกคนจึงไม่กล้าพูดอะไรอีก เพียงแค่พยักหน้าเห็นด้วยคนเราเมื่ออยู่ใต้ชายคาบ้านคนอื่นย่อมต้องยอมก้มหัว!รุ่งเช้า หวังหยวนและกองทัพเริ่มมุ่งหน้าสู่ภูเขาแห่งนี้!ชนเผ่าต่าง ๆ ล้วนได้รับข่าว บัดนี้หวาดผวาไปหมด เพียงแค่เสียงลมพัดก็คิดว่าเป็นศัตรู!ทุกคนต่างเกรงกลัวอำนาจของหวังหยวน ใครจะกล้าต่อกรกับเขา?แม้จะหลบอยู่ในภูเขา แต่หากหวังหยวนตีฝ่าแนวป้องกันมาได้จะทำเช่นไร?ผลลัพธ์สุดท้ายย่อมเดาได้!เมื่อคิดได้เช่นนี้ เหล่าหัวหน้าเผ่าจึงมารวมตัวกัน“พวก
“ส่วนเรื่องของตานสยงเฟย ข้าจะจัดการภายหลัง”ตานสยงเฟยเป็นคนดื้อรั้นและแข็งแกร่งอย่างแท้จริง ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่อาจไต่เต้าสร้างพรรคทมิฬขึ้นมาได้!หวังหยวนเข้าใจเรื่องนี้ดี จึงไม่โทษต่งอวี่“ขอบพระคุณท่านผู้นำขอรับ!”ต่งอวี่รับคำ แล้วเดินออกไปพรุ่งนี้มีศึกใหญ่ ต้องพักผ่อนให้เต็มที่ จึงจะมั่นใจได้ว่าจะไม่พลาด!แม้ว่าจะเลยเที่ยงคืนไปแล้ว หวังหยวนและคนอื่น ๆ นั้นหลับสนิท แต่ในเวลานี้ ชนเผ่าต่าง ๆ ที่เป็นศัตรูกับหวังหยวนกลับยังไม่พักผ่อน เหล่าหัวหน้าเผ่ารวมตัวกันเพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับมาตรการตอบโต้!แต่ทุกคนล้วนมีสีหน้ากังวล!“พวกท่านคงได้ยินแล้วกระมัง?”“หวังหยวนนำทัพมาเอง บัดนี้ใกล้จะเปิดศึกกับพวกเราแล้ว จะทำเช่นไรดี?”“ทุกคนคงรู้จักชื่อเสียงของหวังหยวนดี เขาไม่ใช่คนอ่อนแอเลย!”“หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ แม้มีความกล้าหาญกว่านี้สิบเท่า ข้าก็ไม่กล้าไปยั่วยุราชวงศ์ต้าเย่!”ตอนนี้ทุกคนต่างเสียใจ อยากถอนตัวกลับกันทั้งนั้นช่างน่าเจ็บใจยิ่งนัก!เดิมทีคิดว่าราชวงศ์ต้าเย่ใกล้สิ้นอำนาจ แผ่นดินจะวุ่นวาย!แต่ไม่คาดคิดเลยว่าพวกเขายังมีแผนสำรอง ยอมทุ่มเทกำลังคนและทรัพย์สินเพื่อเชิญหวังหย
หวังหยวนโบกมือ แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “กองทัพไม่ได้อยู่ที่จำนวนมาก แต่อยู่ที่ความแข็งแกร่ง พวกนั้นเป็นแค่ชนเผ่าป่าเถื่อน จะทำอะไรข้าได้?”“เพียงทหารห้าหมื่นนายของข้าก็เพียงพอแล้ว!”“ท่านขุนพลแค่ประจำการอยู่ในเมือง รอฟังข่าวดีจากข้าก็พอ!”หวังหยวนกล่าวด้วยความมั่นใจแน่นอนว่าหวังหยวนไม่ใช่คนโง่ เขาย่อมรู้ดีว่าหากให้ซือฟางนำทหารออกรบพร้อมกัน เมื่อถึงเวลาแบ่งปันดินแดนจะทำเช่นไร?ช่างยุ่งยากยิ่งนัก!สู้ให้เขานำทัพไปปราบชนเผ่าต่าง ๆ เอง เมื่อสำเร็จ ดินแดนเหล่านั้นก็ตกเป็นของเขาย่อมดีกว่า!แม้มีผู้ใดคิดแย่งชิงก็คงไม่มีโอกาส!ยิ่งกว่านั้น คาดว่าซือฟางคงไม่กล้าเช่นนั้น!หากทั้งสองฝ่ายเปิดศึก ผลลัพธ์ย่อมเป็นหายนะ!ยิ่งไป๋เหยียนเฟยประชวรหนักย่อมกระทบขวัญกำลังใจ ราชวงศ์ต้าเย่จะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนไปสู้รบ?“ในเมื่อท่านหวังกล่าวเช่นนี้ ข้าก็จะรอฟังข่าวดี”“ขอให้ท่านหวังได้รับชัยชนะ!”ซือฟางประสานมือกล่าวทุกคนสนทนากันอีกสักพัก จากนั้นก็แยกย้ายกันไปซือฟางต้องดูแลการป้องกันเมืองจึงกลับไปก่อน ส่วนไป๋ลั่วหลีอยู่ที่ค่าย คอยช่วยเหลือหวังหยวนวางแผนรบ!ต้องมีคนรู้จักภูมิประเทศนำทาง หวังหยวนจึงจะ
นอกเมืองหลวงหวังหยวนเดินทางพร้อมกับไป๋ลั่วหลีกลับมายังค่ายของตนทันทีที่ทั้งสองก้าวเข้ามา ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่เร่งรีบดังมาจากด้านนอก ซือฟางในชุดเกราะเดินเข้ามาต้อนรับเนื่องจากไป๋ลั่วหลีได้แนะนำให้ทั้งสองรู้จักกันแล้ว หวังหยวนจึงยิ้มพลางกล่าวว่า “ข้ากำลังสงสัยว่าเป็นผู้ใด ที่แท้ก็เป็นท่านขุนพลนี่เอง! เชิญเข้ามาเถิด!”“ท่านหวังเกรงใจเกินไปแล้วขอรับ!”“ท่านมาไกล แถมยังช่วยข้าปราบกบฏทางเหนือ เชิญท่านเข้าไปก่อนเถิดขอรับ!”ซือฟางกล่าวตอบอย่างสุภาพไม่นาน ทุกคนต่างเข้าไปในกระโจมใหญ่ต้าหู่และต่งอวี่ยืนขนาบข้างหวังหยวน ดูองอาจน่าเกรงขาม!ซือฟางมองไปที่ทั้งสอง แล้วเอ่ยถามอย่างสงสัย “ไม่ทราบว่าสองท่านนี้คือใครหรือขอรับ?”ทั้งสองดูสง่างาม เต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งความกล้าหาญ คงไม่ใช่คนธรรมดาเป็นแน่!ซือฟางเป็นขุนพลมายาวนานย่อมมีสายตาที่เฉียบคม!หวังหยวนแนะนำด้วยรอยยิ้ม “ท่านที่อยู่ทางซ้ายมือข้าคือต่งอวี่ นักธนูมือหนึ่งในใต้หล้า ยิงธนูไม่เคยพลาดเป้า เป็นขุนพลเอกในกองทัพ!”“กองกำลังพลธนูที่ข้าฝึกฝนล้วนอยู่ภายใต้การบัญชาการของเขา!”ต่งอวี่พยักหน้าทักทาย“ส่วนท่านที่อยู่ทางขวาคือพี่น
“หรือว่าแผ่นดินนี้จะต้องตกไปอยู่ในมือของผู้อื่น?”สิ้นคำพูด ซือฟางก็ซัดกำปั้นลงบนกำแพงเมืองอย่างเดือดดาล!เหล่าขุนพลที่ยืนอยู่ด้านหลังต่างไม่กล้าเข้าไปใกล้ หรือแม้แต่จะเอ่ยปาก!“ท่านขุนพลไม่ต้องกังวล!”ทันใดนั้น ขุนนางชราผู้หนึ่งก็เดินออกมา บนใบหน้ามีเคราสีขาวโพลน เพียงดูก็รู้ว่าไม่ใช่บุคคลธรรมดาอย่างแน่นอน!คนผู้นี้คือที่ปรึกษาคนสำคัญของไป๋เหยียนเฟยนามว่า เจี๋ยงโฉ่วอี!ในราชสำนัก ผู้ที่อยู่เหนือเขามีเพียงจักรพรรดินีเท่านั้น!บัดนี้ไป๋เหยียนเฟยป่วยหนัก ขุนนางน้อยใหญ่ล้วนพึ่งพาเจี๋ยงโฉ่วอี ราชกิจสำคัญล้วนตกเป็นภาระให้เขาตัดสินใจทั้งสิ้น!เห็นได้ชัดว่าเขามีอำนาจสูงส่งล้นฟ้า!“ปรากฏว่าเป็นท่านเจี๋ยงนี่เอง!”“ท่านคงได้ยินสิ่งที่ข้าพูดไปเมื่อครู่แล้วกระมัง?”ซือฟางประสานมือคารวะเจี๋ยงโฉ่วอี แล้วเอ่ยถามเจี๋ยงโฉ่วอีพยักหน้า กล่าวอย่างใจเย็นว่า “ข้ารู้ว่าท่านขุนพลจงรักภักดี ย่อมคิดถึงฝ่าบาท แต่พระองค์ก็มีเรื่องที่ต้องกังวลเช่นกัน!”“ครั้งนี้พระองค์ไม่เพียงต้องการให้หวังหยวนช่วยปราบปรามอริทางเหนือเท่านั้น แต่ยัง...”กล่าวได้ครึ่งหนึ่ง เจี๋ยงโฉ่วอีก็หยุดพูด พร้อมกับเหลือบมองขุนพลน
“ท่านหวังมาแล้วหรือ?”เมื่อหวังหยวนและพรรคพวกเข้ามาก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย แต่แฝงด้วยความอ่อนแอดังมาจากด้านในไป๋ลั่วหลีรีบเข้าไปในกระโจม เปิดม่านทั้งสองข้าง หวังหยวนจึงเห็นไป๋เหยียนเฟยนอนอยู่บนเตียงอาการของไป๋เหยียนเฟยดูย่ำแย่กว่าที่เขาคิด ไม่เพียงแต่ใบหน้าซีดเผือดเท่านั้น แม้แต่ริมฝีปากไร้สีเลือดฝาด ดูอ่อนแรงมาก!หวังหยวนเอ่ยขึ้นว่า “ไม่ได้พบกันนาน เหตุใดฝ่าบาทจึงเป็นเช่นนี้?”“ไม่ได้เชิญหมอมารักษาหรือ?”“แค่ก แค่ก”ไป๋เหยียนเฟยไอสองสามครั้ง ไป๋ลั่วหลีช่วยพยุงนางขึ้น นางเงยหน้ามองหวังหยวน แล้วส่ายหน้ายิ้มอย่างจนใจก่อนกล่าวว่า “เมื่อฟ้าลิขิตแล้ว จะทำเช่นไรได้?”“ข้าตามหาหมอมารักษา หมอชื่อดังทั่วดินแดนทั้งเก้าต่างบอกว่าหมดหนทาง บางทีนี่อาจเป็นเจตจำนงของสวรรค์ก็ได้ไม่ใช่หรือ?”“เมื่อสวรรค์ต้องการให้ข้าตาย ข้าจะฝืนได้อย่างไร?”“แต่น่าเสียดาย กลุ่มกบฏทางเหนือกลับบุกอาณาจักรข้า! ประกอบกับอาณาจักรต้าเป่ยต่างจ้องมองพวกข้าอยู่ ข้าจึงให้ไป๋ลั่วหลีไปเชิญท่านมา หวังว่าท่านจะช่วยปราบกบฏพวกนั้นได้!”หวังหยวนรู้สึกสงสารในบรรดาสี่อาณาจักรใหญ่ เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับอาณาจักรต้าเย่ และ
“ครั้งนี้คงไม่นาน ข้าจะรีบพาทุกคนกลับมา!”“ยิ่งกว่านั้น ยังมีต้าหู่และขุนพลต่งอยู่กับข้าด้วย พวกเจ้าไม่ต้องกังวล”“แค่รออยู่ที่บ้านก็พอ!”หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้มเขารู้ว่าตนเองรู้สึกผิดต่อพวกนาง แต่บุรุษเกิดมาแล้วย่อมต้องสร้างฐานะไม่ใช่หรือ?สวรรค์ให้โอกาสเขาเกิดใหม่ จึงต้องใช้ความสามารถสร้างความสำเร็จที่ไม่มีใครเทียบได้!“น้องหรูเยียนยังไม่ค่อยสนิทกับพวกเจ้า ครั้งนี้ข้าจะพานางไปอาณาจักรต้าเย่ก่อน รอให้พวกเรากลับมาแล้วค่อยทำความรู้จักกัน”หลี่ซื่อหานและคนอื่น ๆ ต่างพยักหน้า ไม่เอ่ยคำใดอีกในเมื่อหวังหยวนตัดสินใจแล้ว พวกนางก็ได้แต่ทำตามภรรยาย่อมต้องเชื่อฟังสามี!“ท่านตงฟาง!”หลังจากพูดคุยกับภรรยาแล้ว หวังหยวนก็มองไปที่ตงฟางฮั่น“หลังจากที่ข้าไปแล้ว ต้องรบกวนท่านและท่านถงช่วยดูแลที่นี่ด้วย”“ข้าได้สั่งเอ้อหู่ ให้เขาเชื่อฟังคำสั่งของพวกท่าน ห้ามกระทำการโดยพลการ!”“เมืองหลิงคือรากฐานของข้า จึงมีความสำคัญยิ่ง ต้องไม่เกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นเด็ดขาด!”“คนของอาณาจักรต้าเป่ยจ้องมองพวกเราอยู่ หานเทาพร้อมจะสู้รบกับข้าทุกเมื่อ พวกท่านต้องระวังตัว!”หวังหยวนกำชับหลายครั้งตงฟางฮั่นแ
ทันใดนั้น เสียงไอก็ขัดจังหวะหวังหยวนเขาหันไปมองตามเสียงจึงเห็นตงฟางฮั่นทั้งสองแค่สบตากันก็เข้าใจความคิดของกันและกัน“คุณหนูไป๋”“ข้าขอคิดทบทวนก่อน จึงค่อยให้คำตอบ! วันนี้เป็นงานเลี้ยงต้อนรับ อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องหนักใจเช่นนี้เลย รอให้ดื่มกันให้หนำใจก่อน แล้วค่อยพูดคุยกันดีกว่า เจ้าว่าเช่นไร?”หวังหยวนให้เกียรติไป๋ลั่วหลีไป๋ลั่วหลีพยักหน้า “เช่นนั้นข้าจะรอฟังข่าวจากท่านหวังเจ้าค่ะ!”เมื่องานเลี้ยงเลิกราและจัดการเรื่องที่พักของไป๋ลั่วหลีแล้ว หวังหยวนก็รีบออกไปข้างนอกพร้อมกับตงฟางฮั่นริมถนน หวังหยวนและตงฟางฮั่นเดินเล่นไปพลางคุยกัน “ท่านตงฟาง ท่านคิดเห็นเช่นไร?”“ข้าคิดว่าควรส่งกองกำลังไปช่วย!”“ตอนนี้ไม่ใช่ยุคสงคราม โครงการชลประทานทำให้อาณาจักรอื่น ๆ เห็นถึงประโยชน์ เท่าที่ข้ารู้ แม้แต่อาณาจักรต้าเป่ยก็กำลังเร่งสร้างโครงการชลประทานเหมือนกัน!”“ในเมื่อพวกเราสร้างเสร็จก่อน ก็ควรใช้โอกาสนี้ขยายอาณาเขต!”หืม?หวังหยวนเลิกคิ้ว รู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย “ท่านตงฟาง ท่านลืมแล้วหรือ ครั้งก่อนที่พวกเราพบกันที่หอหลิวหลี ต่างให้สัญญากันว่าจะไม่ทำสงครามเพื่อให้โลกสงบสุข!”“หากข้ายกทัพตอน
ดูเหมือนว่าเมืองหลิงจะเป็นเมืองที่รุ่งเรืองและมั่งคั่งที่สุดในดินแดนทั้งเก้า!ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข เป็นที่หมายปองของทุกคน!เมื่อทุกคนกลับถึงบ้านของหวังหยวน พวกหลี่ซื่อหานได้สั่งให้คนเตรียมอาหารไว้แล้ว เมื่อทุกคนนั่งลงที่โต๊ะแล้ว หวังหยวนจึงแนะนำหลิ่วหรูเยียนให้เหล่าภรรยารู้จักพวกนางชินกับเรื่องแบบนี้แล้วบุรุษมีสามภรรยาสี่อนุเป็นเรื่องปกติ ไม่นานพวกนางก็สนิทสนมกันดั่งพี่สาวน้องสาวเนื่องจากไป๋ลั่วหลีอยู่ที่นี่ด้วย หวังหยวนจึงไม่อาจอยู่พูดคุยกับภรรยาได้ เพราะต้องไปดูแลไป๋ลั่วหลีก่อนเพื่อไม่ให้เสียมารยาทหวังหยวนกลับมานั่งที่โต๊ะ หลังจากดื่มกับไป๋ลั่วหลีสองสามจอกแล้วจึงกล่าวว่า “คุณหนูไป๋เดินทางมาไกล คงไม่ใช่แค่มาขอบคุณข้ากระมัง?”“ตอนนี้เราเป็นสหายกันแล้ว หากเจ้ามีเรื่องอยากปรึกษาก็บอกมาตามตรงเถิด ไม่ต้องอ้อมค้อม! ข้าไม่ใช่คนใจแคบ! หากมีสิ่งใดให้ข้าช่วย ข้าก็ยินดี”หวังหยวนเป็นคนใจกว้างไป๋ลั่วหลีได้ยินเช่นนั้นก็ส่ายหน้าและถอนหายใจเป็นเช่นที่ร่ำลือกันจริง ๆ!หวังหยวนมีสายตาเฉียบแหลม แม้จะอายุยังน้อยแต่ก็มองคนได้ทะลุปรุโปร่ง ไม่มีความคิดใดหลบเลี่ยงสายตาเขาไปได้!“ในเมื่อท