“ไม่เลว ผู้ชายคนนี้ไม่เกรงกลัวเทวดาฟ้าดินเลยรึไง ถึงได้รนหาที่ตายแบบนี้!”“แต่ข้าก็ชื่นชมเขาเหมือนกัน เรื่องแบบนี้ว่ากันแล้ว ใครเป็นคนมอบความกล้าให้เขากัน”“หากไม่พูดถึงเรื่องอื่น แค่บทกวีนี้ จากมุมมองวรรณกรรม มันก็ไม่ด้อยไปกว่าแดงทั่วธาราเลย!”“ข้าก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่ราชสำนักไม่อยากให้ท่านหมิงถันกลับมารับใช้อีก อันที่จริงคำพูดของเขาไม่ได้มีความหมายอื่นใช่ไหม”ทุกคนพูดคุยกันมากมาย หลังจากหวังหยวนนั่งลง ไป๋เฟยเฟยก็ยกนิ้วให้“พี่หวัง นับถือ นับถือ!”ไป๋เฟยเฟยชื่นชมเขาจริง ๆ แม้แต่ตระกูลไป๋เองก็ยังไม่กล้าพูดเช่นนั้น“อย่า ข้ารับการคารวะจากเจ้าไม่ได้” หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม“แต่ในวันพรุ่งนี้ บทกวีของท่านจะทำให้ราชสำนักขุ่นเคืองน่ะสิ ท่านไม่กังวลหรือว่าฝ่าบาทจะฆ่าท่าน?”ไป๋เฟยเฟยอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา“ถ้าอยากฆ่าข้า คงฆ่าข้าไปนานแล้ว ไม่จำเป็นต้องรอจนถึงวันนี้หรอก” หวังหยวนกล่าวอย่างสงบ“แล้วเฉิงเหลียวล่ะ? ท่านไม่กลัวว่าเขาจัดการท่านเหรอ? เมื่อกี้ตอนเขากลับไป สีหน้าเขาดูน่าเกลียดมาก”เมื่อได้ยินเช่นนี้ หวังหยวนก็หัวเราะทันที“ถ้าเขาไม่ออกไป การประมูลของข้าก็พังน่ะสิ” หวัง
หวังหยวนไม่รู้จักคนผู้นี้ แต่เขาบอกได้เลยว่าเขาต้องโด่งดังมาก และเป็นคุณชายที่มีชื่อเสียงสำหรับทุกคน“คุณชายฟ่าน จากธนาคารเทียนเซี่ยรึ?”ไป๋เฟยเฟยตกใจจนหลุดพูดออกมา“โอ้? คนนี้เป็นใครกันหรือ?”หวังหยวนตกใจเล็กน้อย จึงถามออกไปตามตรง“เจ้าของสำนักการเงินแห่งเฉิงโจว ฟ่านต้าเสียน นั่นคือลูกชายของฟ่านต้าเสียน ฟ่านซือเซวียน!”ไป๋เฟยเฟยแนะนำให้เขารู้จัก หวังหยวนก็ให้ความสนใจทันที"ธนาคารเทียนเซี่ยในโลกนี้ล้วนร่ำรวย ดีจริง ๆ"หวังหยวนกล่าวพร้อมกับยกมือประสานทักทายและยิ้ม "คุณชายฟ่าน อยากได้ทั้งหมดเลยไหม?"ฟ่านซือเซวียนพยักหน้า "แน่อยู่แล้ว ก็แค่หนึ่งแสนแปดหมื่นตำลึงทองเองมิใช่หรือ? ข้าอยากได้ วันหลังข้าเอาไปขายทำกำไรได้อีก"หลังจากพูดเช่นนั้น ฟ่านซือเซวียนก็หยิบตั๋วทองคำกองหนึ่งออกมามอบให้หวังหยวนหรี่ตาลงและยิ้ม "ในเมื่อคุณชายฟ่านชอบมากขนาดนี้ ก็ยิ่งดีเลย"พูดเช่นนั้นแล้ว เขาก็มอบถ้วยคริสตัล และส่งกองตั๋วทองคำให้กับต้าหู่“พี่หวังไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ หากท่านมีเวลาไปที่สำนักการเงิน ข้าจะเชิญท่านมาดื่มชาท่องบทกวีด้วยกัน”หลังจากที่ฟ่านซือเซวียนพูดจบ เขาก็นำถ้วยคริสตัลเหล่านี้จากไปอย
เฉิงอู๋จี้ส่ายหน้า ไม่ว่าอย่างไร บทกวีนี้ก็จะเผยแพร่ในวันพรุ่งนี้ และราชสำนักก็จะรู้เรื่องนี้แน่นอน!“ท่านพ่อ เราไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องนี้ เมื่อฝ่าบาททรงทราบ ย่อมไม่ปล่อยเขาไป!”เฉิงเหลียวพยักหน้า “หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น…”ในวันรุ่งขึ้น บทกวีนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วเฉิงโจวแล้ว และหลายคนก็รู้เรื่องนี้!บัดนี้ในห้องตำราหลวงของพระราชวังต้าเย่ ฮ่องเต้ซิงหลงก็เห็นบทกวีนี้ด้วยนี่มัน...ใบหน้าของเขาบึ้งตึงยิ่งนัก“ฝ่าบาท หวังหยวนผู้นี้เต็มไปด้วยคำตำหนิ ไม่เคารพต่อราชสำนัก ไม่อาจเพิกเฉยต่อเขาได้ กระหม่อมขอแนะนำให้ตัดศีรษะเขาในที่สาธารณะทันทีพ่ะย่ะค่ะ!”สือเหยาเฉียน เจ้ากระทรวงกรมโยธาธิการพูดทันที ในขณะนี้เจ้ากรมทั้งหกอยู่ที่นี่ เช่นเดียวกับเสนาบดีฝ่ายซ้ายและเสนาบดีฝ่ายขวาใบหน้าของเสนาบดีฝ่ายซ้ายก็บึ้งตึงเช่นกัน!พวกเขาคิดว่าหวังหยวนเป็นคนที่เก่งกาจ แต่ไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะเขียนบทกวีเช่นนี้จริง ๆ!“ถูกต้องแล้ว ฝ่าบาท คนผู้นี้ดูหมิ่นราชสำนักมาก จนเราไม่อาจเพิกเฉยต่อเขาได้พ่ะย่ะค่ะ”เสนาบดีฝ่ายขวาพูดทันทีฮ่องเต้ซิงหลงเหลือบมองเสนาบดีฝ่ายซ้ายและคนอื่น ๆ เมื่อเห็นว่าพวกเขาเงียบ ก็พูดว่
หวังหยวนตกใจเมื่อได้ยินดังนั้น!คาดไม่ถึงว่าจะได้รับตำแหน่งทางการจริง ๆ!เพียงแต่ตำแหน่งนี้จะมีก็ได้ไม่มีก็ได้ เป็นข้าราชการตัวเล็กเท่าเมล็ดงา อย่างนายทะเบียนระดับเก้า ซึ่งมีสถานะไม่สูงเท่ากับข้าราชการอาวุโสในศาลาว่าการด้วยซ้ำหวังหยวนยกยิ้ม เขาคิดเรื่องนี้ แต่เขาไม่สนใจสำหรับตำแหน่งนายทะเบียน มันเป็นเพียงตำแหน่งไร้สาระ ไม่จำเป็นต้องเร่งด่วน แม้ว่าเขาจะอยากทำหน้าที่ให้ดี แต่เฉิงเหลียวก็คงไม่อาจทำให้เขาสบายใจได้หลี่ซื่อหานก็ประหลาดใจเช่นกัน นางไม่คาดคิดว่าฝ่าบาทจะมอบตำแหน่งทางการให้สามีของนางจริง ๆ!นี่...มันช่างน่าสับสนจริง ๆ!หวังหยวนยกยิ้ม ไม่พูดอะไร เพียงแค่ตรงไปที่จวนผู้ตรวจราชการมณฑลเมื่อเฉิงเหลียวเห็นหวังหยวน ก็พูดอย่างสงบ “หวังหยวน ฝ่าบาทได้กรุณาแต่งตั้งให้เจ้าเป็นนายทะเบียน ต่อไปเจ้าต้องรับใช้ราชสำนักให้ดี”ทัศนคติของเฉิงเหลียวที่มีต่อหวังหยวนนั้นไม่ค่อยดี เด็กคนนี้ยกหินขึ้นมา แต่กลับหล่นทับขาตัวเองเขาบอกว่าเขาไม่อยากยึดติดกับผู้มีอำนาจ แต่ตอนนี้เขาถูกแต่งตั้งให้เป็นข้าราชการชั้นล่างระดับเก้า โดยผู้มีอำนาจมากที่สุดในโลก นี่เป็นเพียงการดูถูกหวังหยวนยกยิ้ม แล้วป
ดังนั้นจึงต้องการใช้วิธีนี้เพื่อทำให้เขาขายหน้าแต่หวังหยวนไม่สนใจเรื่องนี้ เขาแค่สนใจสถานะระดับนี้!ไม่ว่าเขาจะต้องการมอบตำแหน่งอะไรให้ก็ตาม หวังหยวนจะไม่ดำรงตำแหน่งนั้น และจะทำข้อตกลงกับเฉิงเหลียวยิ่งไปกว่านั้น ข้าราชการชั้นล่างระดับเก้าเช่นนี้มีก็เหมือนไม่มี เพราะคนทำหน้าที่คือผู้ตรวจราชการมณฑล ต่อให้หวังหยวนจะนอนอาบแดดทุกวัน ฮ่องเต้ก็ไม่รู้ ตราบใดที่เฉิงเหลียวไม่ว่าอะไร คนอื่นก็ไม่สามารถควบคุมเขาได้ด้วยวิธีนี้ จึงเป็นความคิดที่ดีที่จะแสดงความปรารถนาดีต่อเฉิงเหลียวพูดตามตรง หวังหยวนและเฉิงเหลียวไม่มีความแค้นใด ๆ กันเลย และหวังหยวนก็ไม่ต้องการสร้างศัตรู แทนที่จะแอบต่อสู้กัน จะดีกว่าถ้าเปลี่ยนศัตรูให้เป็นมิตรเพราะโลกนี้เป็นของฮ่องเต้ พวกเขาอยู่สูงในท้องฟ้า สวรรค์สูงฮ่องเต้ห่างไกล เกี่ยวอะไรกับพวกเขา?ไม่ต้องพูดถึงว่าหวังหยวนเดินทางข้ามเวลามา เขาไม่ได้มาจากโลกนี้ เขาจึงไม่สนใจราชสำนักของโลกนี้ เขาไม่อาจคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้อย่างจงรักภักดีได้ถึงแม้จะไม่ใช่ แต่ด้วยอุปนิสัยของเขา เขาไม่เต็มใจที่จะเข้าร่วมราชสำนัก และถูกบังคับให้เดินบนแผ่นน้ำแข็งบาง ๆ ไปตลอดชีวิตอย่างนี้ราชส
หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ หลี่ซื่อหานก็ประหลาดใจทันที!นางไม่เคยคิดเลยว่าจะมีการพลิกผันมากมายถึงเพียงนี้!“สามี นี่มันยุ่งเกินไปแล้ว… ข้าคิดว่าเป็นเศรษฐีดีกว่า”หลี่ซื่อหานเติบโตขึ้นมาในครอบครัวที่ร่ำรวย นางย่อมรู้ว่าข้อพิพาทในราชสำนักนั้นโหดร้ายอย่างยิ่ง ไม่มีถูกหรือผิด แต่ชีวิตจะตกอยู่ในความเสี่ยง!เมื่อวานยังมีแนวโน้มที่จะได้นั่งตำแหน่งสูง แต่วันนี้กำแพงอาจพังลงเพราะถูกคนช่วยกันทำลายก็ได้เรื่องนี้มีตัวอย่างให้เห็นตั้งมากมาย!แทนที่จะทำเช่นนี้ จะดีกว่าถ้าเลือกใช้ชีวิตอย่างสงบและมีความสุขแม้ว่าอาจถูกคนเยาะเย้ยว่าไม่มีความทะเยอทะยาน แต่นางก็เป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็ก ๆ สิ่งที่นางหวังมากที่สุด ก็คือสามีของนางมีสุขภาพดีและมีความสุข ส่วนเรื่องอื่น ๆ นางไม่สนใจเลยหวังหยวนหัวเราะ และจับจมูกเล็ก ๆ น่ารักของนาง“ภรรยาของข้ามองได้ชัดเจนมาก บางครั้งอำนาจอาจทำให้คนประสบความสำเร็จ หรือทำร้ายคนคนหนึ่งได้ แทนที่จะเดินบนแผ่นน้ำแข็งบาง ๆ จะดีกว่าหากเป็นอิสระและไม่ถูกควบคุม!”“อืม!”หลี่ซื่อหานพยักหน้าอย่างแรงเหตุการณ์ประชุมบทกวีหนานซานของหวังหยวน เป็นที่รู้จักกันดีสำหรับทุกคน แต่หลังจากเหต
“พี่หวัง กรุณานั่งลงก่อน”ฟ่านซือเซวียนนอบน้อมดีมาก หลังจากพูดเช่นนี้ เขาก็รินชาให้หวังหยวนอีกถ้วย“วันนี้พี่หวังมาที่นี่เพื่อแลกตั๋วทองใช่หรือไม่?”จากนั้นฟ่านซือเซวียนก็พูดด้วยรอยยิ้ม หวังหยวนก็พยักหน้าทันทีโดยไม่ต้องคิดมาก“ใช่แล้ว มาที่นี่วันนี้เพื่อแลกทองคำ”พูดจบ หวังหยวนก็บอกให้ต้าหู่เอากองตั๋วทองออกมา แล้วมอบให้อีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มแต่เมื่อเห็นตั๋วทอง ฟ่านซือเซวียนก็ยกยิ้มแล้วพูดว่า “พี่หวัง ข้าขอบอกก่อนว่าตั๋วทองนี้ ไม่อาจแลกเป็นทองคำได้ในวันนี้”เมื่อได้ยินดังนั้น หวังหยวนก็ตกตะลึงหมายความว่าอย่างไร?แลกไม่ได้หรือ?เมื่อมาถึงที่นี่ครั้งแรก ก็เห็นคนนำทองมาแลกตั๋วทองกันมากมาย เหตุใดถึงแลกทองไม่ได้?“พี่ฟ่าน นี่หมายความว่าอย่างไร?” หวังหยวนถามทันทีฟ่านซือเซวียนยิ้มฝืดเฝื่อนแล้วพูดว่า “พี่หวัง ท่านต้องการแลกทองคำหนึ่งแสนแปดหมื่นตำลึง นี่ไม่ใช่จำนวนเล็กน้อย คือ... คือว่าธนาคารของเราไม่อาจจ่ายทองคำได้มากขนาดนี้ในคราวเดียว ดังนั้น... ท่านต้องรอก่อน...”เมื่อได้ยินเช่นนี้ หวังหยวนก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง รอหรือ...?ต้องรอนานเพียงใด!“พี่ฟ่าน โปรดบอกตามตรงหน่อยเถอะ ว่าข้
เมื่อฟ่านซือเซวียนได้ยินดังนั้น เขาก็หัวเราะทันที และอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ฮ่าฮ่า ว่ากันว่ารับมือได้ยาก แต่เขาก็ดูไม่เท่าไหร่นี่นา ท่านพ่อ แต่ท่านยังต้องระวังเจ้าเด็กคนนี้ไว้ด้วยนะขอรับ”คนที่มาไม่ใช่ใครอื่น นอกจากฟ่านต้าเสียน เจ้าของร้านของธนาคารเทียนเซี่ยแห่งเฉิงโจวแม้ว่าธนาคารเทียนเซี่ยจะได้รับการจัดการร่วมกัน โดยตระกูลใหญ่หลายตระกูล แต่ธนาคารแต่ละสาขาก็มีเจ้าของร้านเป็นของตัวเอง และความมั่งคั่งทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับธนาคารแห่งนี้ตั้งแต่ตระกูลขุนนางไปจนถึงกลุ่มผู้มั่งคั่ง อาจกล่าวได้ว่าความมั่งคั่งมากกว่าครึ่งหนึ่งของต้าเย่ อยู่ในกำมือของคนเหล่านี้“ประชาชนไม่กล้าสู้กับเจ้าหน้าที่ และคนจนก็ไม่กล้าสู้กับคนรวย เจ้าเด็กคนนี้ไม่เข้าใจ เป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่เขาสามารถอยู่รอดมาได้จนถึงบัดนี้ แต่... เขาได้ทำให้ตระกูลขุนนางเหล่านี้ขุ่นเคือง ชีวิตของเด็กคนนี้จะอยู่ได้ไม่นานหรอก”ฟ่านต้าเสียนเยาะเย้ย แล้วพูดอย่างใจเย็น “คราวนี้เขาถูกพวกเราหลอกลวงอย่างหนัก ตั๋วทองในมือของเขาไม่อาจแลกเปลี่ยนเป็นทองคำได้ เขาคงไม่อาจยอมได้ มาดูกันว่าเขาจะมีกลอุบายอะไร”แม้ว่าหวังหยวนจะมีความพิเศษ แต่เขาก็ไม่สำ