หวังหยวนตกใจเมื่อได้ยินดังนั้น!คาดไม่ถึงว่าจะได้รับตำแหน่งทางการจริง ๆ!เพียงแต่ตำแหน่งนี้จะมีก็ได้ไม่มีก็ได้ เป็นข้าราชการตัวเล็กเท่าเมล็ดงา อย่างนายทะเบียนระดับเก้า ซึ่งมีสถานะไม่สูงเท่ากับข้าราชการอาวุโสในศาลาว่าการด้วยซ้ำหวังหยวนยกยิ้ม เขาคิดเรื่องนี้ แต่เขาไม่สนใจสำหรับตำแหน่งนายทะเบียน มันเป็นเพียงตำแหน่งไร้สาระ ไม่จำเป็นต้องเร่งด่วน แม้ว่าเขาจะอยากทำหน้าที่ให้ดี แต่เฉิงเหลียวก็คงไม่อาจทำให้เขาสบายใจได้หลี่ซื่อหานก็ประหลาดใจเช่นกัน นางไม่คาดคิดว่าฝ่าบาทจะมอบตำแหน่งทางการให้สามีของนางจริง ๆ!นี่...มันช่างน่าสับสนจริง ๆ!หวังหยวนยกยิ้ม ไม่พูดอะไร เพียงแค่ตรงไปที่จวนผู้ตรวจราชการมณฑลเมื่อเฉิงเหลียวเห็นหวังหยวน ก็พูดอย่างสงบ “หวังหยวน ฝ่าบาทได้กรุณาแต่งตั้งให้เจ้าเป็นนายทะเบียน ต่อไปเจ้าต้องรับใช้ราชสำนักให้ดี”ทัศนคติของเฉิงเหลียวที่มีต่อหวังหยวนนั้นไม่ค่อยดี เด็กคนนี้ยกหินขึ้นมา แต่กลับหล่นทับขาตัวเองเขาบอกว่าเขาไม่อยากยึดติดกับผู้มีอำนาจ แต่ตอนนี้เขาถูกแต่งตั้งให้เป็นข้าราชการชั้นล่างระดับเก้า โดยผู้มีอำนาจมากที่สุดในโลก นี่เป็นเพียงการดูถูกหวังหยวนยกยิ้ม แล้วป
ดังนั้นจึงต้องการใช้วิธีนี้เพื่อทำให้เขาขายหน้าแต่หวังหยวนไม่สนใจเรื่องนี้ เขาแค่สนใจสถานะระดับนี้!ไม่ว่าเขาจะต้องการมอบตำแหน่งอะไรให้ก็ตาม หวังหยวนจะไม่ดำรงตำแหน่งนั้น และจะทำข้อตกลงกับเฉิงเหลียวยิ่งไปกว่านั้น ข้าราชการชั้นล่างระดับเก้าเช่นนี้มีก็เหมือนไม่มี เพราะคนทำหน้าที่คือผู้ตรวจราชการมณฑล ต่อให้หวังหยวนจะนอนอาบแดดทุกวัน ฮ่องเต้ก็ไม่รู้ ตราบใดที่เฉิงเหลียวไม่ว่าอะไร คนอื่นก็ไม่สามารถควบคุมเขาได้ด้วยวิธีนี้ จึงเป็นความคิดที่ดีที่จะแสดงความปรารถนาดีต่อเฉิงเหลียวพูดตามตรง หวังหยวนและเฉิงเหลียวไม่มีความแค้นใด ๆ กันเลย และหวังหยวนก็ไม่ต้องการสร้างศัตรู แทนที่จะแอบต่อสู้กัน จะดีกว่าถ้าเปลี่ยนศัตรูให้เป็นมิตรเพราะโลกนี้เป็นของฮ่องเต้ พวกเขาอยู่สูงในท้องฟ้า สวรรค์สูงฮ่องเต้ห่างไกล เกี่ยวอะไรกับพวกเขา?ไม่ต้องพูดถึงว่าหวังหยวนเดินทางข้ามเวลามา เขาไม่ได้มาจากโลกนี้ เขาจึงไม่สนใจราชสำนักของโลกนี้ เขาไม่อาจคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้อย่างจงรักภักดีได้ถึงแม้จะไม่ใช่ แต่ด้วยอุปนิสัยของเขา เขาไม่เต็มใจที่จะเข้าร่วมราชสำนัก และถูกบังคับให้เดินบนแผ่นน้ำแข็งบาง ๆ ไปตลอดชีวิตอย่างนี้ราชส
หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ หลี่ซื่อหานก็ประหลาดใจทันที!นางไม่เคยคิดเลยว่าจะมีการพลิกผันมากมายถึงเพียงนี้!“สามี นี่มันยุ่งเกินไปแล้ว… ข้าคิดว่าเป็นเศรษฐีดีกว่า”หลี่ซื่อหานเติบโตขึ้นมาในครอบครัวที่ร่ำรวย นางย่อมรู้ว่าข้อพิพาทในราชสำนักนั้นโหดร้ายอย่างยิ่ง ไม่มีถูกหรือผิด แต่ชีวิตจะตกอยู่ในความเสี่ยง!เมื่อวานยังมีแนวโน้มที่จะได้นั่งตำแหน่งสูง แต่วันนี้กำแพงอาจพังลงเพราะถูกคนช่วยกันทำลายก็ได้เรื่องนี้มีตัวอย่างให้เห็นตั้งมากมาย!แทนที่จะทำเช่นนี้ จะดีกว่าถ้าเลือกใช้ชีวิตอย่างสงบและมีความสุขแม้ว่าอาจถูกคนเยาะเย้ยว่าไม่มีความทะเยอทะยาน แต่นางก็เป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็ก ๆ สิ่งที่นางหวังมากที่สุด ก็คือสามีของนางมีสุขภาพดีและมีความสุข ส่วนเรื่องอื่น ๆ นางไม่สนใจเลยหวังหยวนหัวเราะ และจับจมูกเล็ก ๆ น่ารักของนาง“ภรรยาของข้ามองได้ชัดเจนมาก บางครั้งอำนาจอาจทำให้คนประสบความสำเร็จ หรือทำร้ายคนคนหนึ่งได้ แทนที่จะเดินบนแผ่นน้ำแข็งบาง ๆ จะดีกว่าหากเป็นอิสระและไม่ถูกควบคุม!”“อืม!”หลี่ซื่อหานพยักหน้าอย่างแรงเหตุการณ์ประชุมบทกวีหนานซานของหวังหยวน เป็นที่รู้จักกันดีสำหรับทุกคน แต่หลังจากเหต
“พี่หวัง กรุณานั่งลงก่อน”ฟ่านซือเซวียนนอบน้อมดีมาก หลังจากพูดเช่นนี้ เขาก็รินชาให้หวังหยวนอีกถ้วย“วันนี้พี่หวังมาที่นี่เพื่อแลกตั๋วทองใช่หรือไม่?”จากนั้นฟ่านซือเซวียนก็พูดด้วยรอยยิ้ม หวังหยวนก็พยักหน้าทันทีโดยไม่ต้องคิดมาก“ใช่แล้ว มาที่นี่วันนี้เพื่อแลกทองคำ”พูดจบ หวังหยวนก็บอกให้ต้าหู่เอากองตั๋วทองออกมา แล้วมอบให้อีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มแต่เมื่อเห็นตั๋วทอง ฟ่านซือเซวียนก็ยกยิ้มแล้วพูดว่า “พี่หวัง ข้าขอบอกก่อนว่าตั๋วทองนี้ ไม่อาจแลกเป็นทองคำได้ในวันนี้”เมื่อได้ยินดังนั้น หวังหยวนก็ตกตะลึงหมายความว่าอย่างไร?แลกไม่ได้หรือ?เมื่อมาถึงที่นี่ครั้งแรก ก็เห็นคนนำทองมาแลกตั๋วทองกันมากมาย เหตุใดถึงแลกทองไม่ได้?“พี่ฟ่าน นี่หมายความว่าอย่างไร?” หวังหยวนถามทันทีฟ่านซือเซวียนยิ้มฝืดเฝื่อนแล้วพูดว่า “พี่หวัง ท่านต้องการแลกทองคำหนึ่งแสนแปดหมื่นตำลึง นี่ไม่ใช่จำนวนเล็กน้อย คือ... คือว่าธนาคารของเราไม่อาจจ่ายทองคำได้มากขนาดนี้ในคราวเดียว ดังนั้น... ท่านต้องรอก่อน...”เมื่อได้ยินเช่นนี้ หวังหยวนก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง รอหรือ...?ต้องรอนานเพียงใด!“พี่ฟ่าน โปรดบอกตามตรงหน่อยเถอะ ว่าข้
เมื่อฟ่านซือเซวียนได้ยินดังนั้น เขาก็หัวเราะทันที และอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ฮ่าฮ่า ว่ากันว่ารับมือได้ยาก แต่เขาก็ดูไม่เท่าไหร่นี่นา ท่านพ่อ แต่ท่านยังต้องระวังเจ้าเด็กคนนี้ไว้ด้วยนะขอรับ”คนที่มาไม่ใช่ใครอื่น นอกจากฟ่านต้าเสียน เจ้าของร้านของธนาคารเทียนเซี่ยแห่งเฉิงโจวแม้ว่าธนาคารเทียนเซี่ยจะได้รับการจัดการร่วมกัน โดยตระกูลใหญ่หลายตระกูล แต่ธนาคารแต่ละสาขาก็มีเจ้าของร้านเป็นของตัวเอง และความมั่งคั่งทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับธนาคารแห่งนี้ตั้งแต่ตระกูลขุนนางไปจนถึงกลุ่มผู้มั่งคั่ง อาจกล่าวได้ว่าความมั่งคั่งมากกว่าครึ่งหนึ่งของต้าเย่ อยู่ในกำมือของคนเหล่านี้“ประชาชนไม่กล้าสู้กับเจ้าหน้าที่ และคนจนก็ไม่กล้าสู้กับคนรวย เจ้าเด็กคนนี้ไม่เข้าใจ เป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่เขาสามารถอยู่รอดมาได้จนถึงบัดนี้ แต่... เขาได้ทำให้ตระกูลขุนนางเหล่านี้ขุ่นเคือง ชีวิตของเด็กคนนี้จะอยู่ได้ไม่นานหรอก”ฟ่านต้าเสียนเยาะเย้ย แล้วพูดอย่างใจเย็น “คราวนี้เขาถูกพวกเราหลอกลวงอย่างหนัก ตั๋วทองในมือของเขาไม่อาจแลกเปลี่ยนเป็นทองคำได้ เขาคงไม่อาจยอมได้ มาดูกันว่าเขาจะมีกลอุบายอะไร”แม้ว่าหวังหยวนจะมีความพิเศษ แต่เขาก็ไม่สำ
“เอาล่ะ ต้องการหินประเภทนี้ ยิ่งเยอะก็ยิ่งดี จากนั้นก็ไปส่งมันที่ป้อมหลิวเจีย แล้วเอาภาชนะกระเบื้องไปที่ป้อมหลิวเจียด้วยเช่นกัน”หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ ต้าหู่ก็ยังคงสับสนแต่เขาไม่ลังเล เริ่มปฏิบัติตามคำสั่งของหวังหยวนแต่สิ่งที่หวังหยวนอธิบาย...เขาก็ยังคิดไม่ออกอยู่พักหนึ่ง!...ในเวลาเดียวกัน นกพิราบส่งสาส์นก็บินจากเฉิงโจวไปยังเมืองหวง!ในวังหลวง ไทเฮาทรงสวมชุดสีแดงและมงกุฎทองคำ จับนกพิราบบินไว้ในมือ แล้วเผยรอยยิ้มอ่อน“พลังแห่งต้าเย่หมดลงแล้ว คนมีความสามารถเช่นนี้จึงต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ แต่... ชายผู้นี้ยังคงมีจิตใจเข้มแข็ง ถึงกระนั้น เขาก็ยังไม่ยอมละทิ้งต้าเย่ ดังที่คาดไว้ เขาเป็นเหมือนขุนพลมู่ ภักดีต่อแผ่นดิน และเป็นผู้ประเสริฐ!”“ในเมื่อเจ้าไม่หมดหวัง เช่นนั้นข้าจะช่วยเจ้า…”ฮองเฮาเมืองหวงหลับตาไตร่ตรอง จากนั้นลืมตาขึ้น ราวกับว่านางได้ตัดสินใจบางอย่างแล้ว“บอกเหล่าองครักษ์เงาทมิฬว่าถึงเวลาลงมือแล้ว!”ชายในชุดเกราะสีแดงด้านล่างรับคำสั่ง แล้วเดินออกไปทันทีเซียวฉู่ฉู่ค่อย ๆ ยืนขึ้น ใบหน้ามีรอยยิ้ม“หวังหยวน คนที่ข้าหมายตาไว้ไม่เคยรอดจากเงื้อมมือของข้า ดังที่อ
เจิ้งเซิ่งพยักหน้า พวกเขารอวันนี้มานานแล้ว ตราบใดที่มีความเคลื่อนไหว กองทัพชิงชวนก็จะอยู่ในมือพวกเขาทันที“จากนั้นไปที่ค่ายต้าเฟิงเพื่อหาผู้นำ แม้ว่าค่ายต้าเฟิงจะมีคนไม่มากนัก แต่เราก็มีโอกาสที่จะดำเนินการได้ เรา... ต้องพึ่งพาชื่อเสียงของพวกเขาด้วย”เมื่อได้ยินดังนั้น เจิ้งเซิ่งก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง “แต่ว่า... พวกเขาจะยอมเห็นด้วยหรือขอรับ?”เขายังคงรู้ด้วยว่าคนเหล่านั้นในค่ายต้าเฟิง ล้วนเป็นคนดุร้าย“หากให้รางวัลอย่างงาม ย่อมมีผู้กล้าออกมาทำงานให้ ไม่ต้องกังวล เจ้าคิดว่าพวกเขามีความสุขในต้าเย่หรือ?”เจิ้งไท่ชิงพูดเบา ๆ หลังจากพูดเช่นนี้แล้ว เจิ้งเซิ่งก็พยักหน้า“ขอรับท่านพ่อ ข้าเข้าใจแล้วว่าจะต้องทำอย่างไร”เจิ้งไท่ชิงพ่นลมหายใจ มองพระจันทร์เต็มดวง แล้วพูดว่า “พรุ่งนี้เมืองชิงชวนจะถูกควบคุม อย่าฆ่าจวิ้นโส่ว แค่กักขังไว้ก็พอ”“แม้ว่าเราจะมาจากภูมิหลังที่แตกต่างกัน แต่เพื่อนร่วมงานเหล่านี้ก็ทำงานร่วมกันมาหลายปี และมีความสัมพันธ์ที่ดี”“ยิ่งกว่านั้น จวิ้นโส่วเมืองชิงชวนยังเป็นคนที่ไม่มีความทะเยอทะยาน เขาไม่ได้เป็นภัยกับเรา”เจิ้งไท่ชิงเตรียมทุกอย่างไว้อย่างสมบูรณ์ ด้วยใบหน้าเรี
หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ เขาก็กลับไปที่เฉิงโจวในขณะนี้ต้าหู่กำลังตามมาข้างหลัง พอจะคาดเดาได้ว่าหวังหยวนกำลังจะทำอะไร และเขาก็ตื่นเต้นมาก!“พี่หยวน เราจะลงมือกันเมื่อไหร่?”หวังหยวนยิ้มและมองต้าหู่ “ไปที่จุดนั้นก่อน แล้วดูว่าเงินอยู่ที่ไหน ทางที่ดีควรเตรียมการบางอย่าง อย่างน้อยเราจะไม่ปล่อยให้เขาสงสัยเรา!”ต้าหู่ย่อมเข้าใจ จากนั้นก็เริ่มส่งทหารเกราะทมิฬแอบเข้าไปในธนาคารเทียนเซี่ยทหารเกราะทมิฬล้วนเป็นทหารผ่านศึก การปิดล้อมแล้วปล้นไม่ใช่ปัญหา!เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องกังวล!...ในขณะนี้ ที่ด้านนอกฐานที่มั่นค่ายต้าเฟิง เจิ้งเซิ่งสวมชุดเกราะสีเงิน มาถึงที่นี่พร้อมกับทหารนับพันคนหวงผีจื่อและคนอื่น ๆ ตกใจเมื่อรู้สถานการณ์นี้!“เราไม่เคยมีความขัดแย้ง หรือขุ่นเคืองกับกองทัพเมืองชิงชวน เหตุใดพวกเขาถึงยกทัพมาที่นี่ตอนนี้?”โม่ชวนเหอก็กังวลเช่นกัน แต่เถี่ยซานไม่สนใจเลย “เช่นนั้นก็ส่งพวกเขาไปลงนรกซะ ข้าไม่กลัว!”“กองทัพชิงชวนมีไพร่พลทั้งหมดสามหมื่นนาย แม้ว่าจะยกทัพมาหนึ่งพันนาย แต่หากเราเริ่มต่อสู้กับพวกเขา พวกเราจะถูกกำจัดแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น คนที่มาคือเจิ้งเซิ่ง ลูกชายของ
น่าเสียดาย หากต้องการเก็บเกสรดอกหน้าผาชันก็จำเป็นต้องมีทักษะอย่างแท้จริง!“ท่านรู้จักดอกหน้าผาชันด้วยหรือ?”หวังหยวนเอ่ยถามโดยไม่รู้ตัว“ย่อมต้องรู้จักสิ”“ท่านไม่อยากรู้หรือว่าข้ามาที่นี่เพื่ออะไร?”“ง่ายมาก! ข้าเองก็มาเพื่อดอกหน้าผาชันนี้เช่นกัน!”ชายคนนั้นกอดอกพูดคำพูดที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ“ท่านต้องการดอกหน้าผาชันไปทำอะไร?”หวังหยวนรีบถาม“แน่นอนว่าต้องนำไปแลกเงิน”“ดอกหน้าผาชันนับว่าเป็นสมุนไพรล้ำค่า ข้าต้องพึ่งพามันเพื่อหาทางอยู่รอด!”“ดอกหน้าผาชันหนึ่งดอกสามารถขายได้สิบตำลึงเงิน เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายทั้งเดือนของข้า!”หวังหยวนชะงักไปครู่หนึ่ง เพียงแค่สิบตำลึงเงินเองหรือ?“เหตุใดจึงมีราคาแต่ไม่มีคนขาย?”หากสามารถใช้เงินซื้อดอกหน้าผาชันในตอนนั้นได้ เขาจะลำบากเดินทางมาที่นี่เพื่ออะไร?บ่ายวันนี้ หวังหยวนได้แอบสอบถามมาแล้ว ปรากฏว่าในเผ่าไม่มีดอกหน้าผาชันแม้แต่ดอกเดียว!เขามีบารมีสูงส่งในเผ่า ผู้คนในเผ่าย่อมไม่หลอกลวงเขาหรือว่า...ชายตรงหน้าเขากำลังโกหก?“เหตุใดท่านมองข้าเช่นนี้?”“แน่นอนว่าดอกหน้าผาชันไม่ได้มีไว้ขายให้กับคนในเผ่า เพราะว่าพวกเขาไม่ต้องการสิ่งนี
ในขณะที่หวังหยวนกับเกาเล่อกำลังพูดคุยกัน พลันได้ยินเสียงที่ไม่คุ้นเคยดังขึ้น“เขาพูดถูก หากตกลงมาจากยอดเขานี้ ต่อให้เจ้ามีสามเศียรหกกรก็จะต้องแหลกเป็นชิ้นแน่นอน!”“ถึงตอนนั้น สภาพย่อมดูไม่จืด!”หวังหยวนกับเกาเล่ออดไม่ได้ที่จะรู้สึกตึงเครียด รีบหันไปมองตามต้นเสียงเมื่อสักครู่นี้พวกเขาทั้งสองคนกลับไม่ทันสังเกตว่าในความมืดมิดนั้นยังมีผู้อื่นซ่อนอยู่ด้วย!“พวกท่านไม่ต้องเครียด! ข้าไม่มีเจตนาร้ายต่อพวกท่าน!”ชายคนนั้นค่อย ๆ เดินออกมาจากความมืด เขาแต่งกายด้วยชุดผ้าป่าน อายุใกล้เคียงกับหวังหยวน ใบหน้าใต้แสงจันทร์ ของเขาเปื้อนรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลา“ไม่ทราบว่าท่านเป็นใคร?”“เหตุใดจึงมาที่นี่ในยามนี้?”ภูเขาทางเหนือตั้งอยู่ในที่ห่างไกล รอบด้านไม่มีบ้านเรือนผู้คน แม้แต่หมู่บ้านที่อยู่ใกล้ที่สุดก็ยังอยู่ห่างออกไปหลายร้อยลี้!ไม่เช่นนั้น หวังหยวนคงไม่ต้องเสียเวลาเดินทางมาหลายชั่วยาม!แต่ในสถานที่เช่นนี้กลับมีคนแปลกหน้าปรากฏตัว จะไม่ให้สงสัยได้อย่างไร?ชายคนนั้นยิ้มพลางโบกมือเอ่ยว่า “ข้าก็เพียงแค่เดินทางผ่านมาที่นี่ เห็นพวกท่านทั้งสองกำลังเตรียมปีนหน้าผา จึงคิดจะดูความสนุกสักหน่อย”“แต่ข
ในใจนางก็รู้เรื่องราวเหล่านี้ดี และที่พูดเช่นนี้กับไฉจวิ้นก็เพราะว่านางมองว่าไฉจวิ้นเป็นน้องชายแท้ ๆ ของนางเองไม่ใช่หรือ?หากปฏิบัติต่อคนนอกย่อมไม่ใช่ท่าทีเช่นนี้หยอกล้อกันอยู่ครู่หนึ่ง หลิ่วหรูเยียนอาจจะรู้สึกเหนื่อยจึงหลับไปอย่างรวดเร็วในคืนนั้น หลังจากที่หวังหยวนกินอาหารเสร็จก็ได้ออกไปอย่างเงียบเชียบหลายชั่วยามต่อมาก็เป็นเวลาเที่ยงคืน หวังหยวนมายืนอยู่ตรงหน้าผาของภูเขาทางเหนือเมื่อมองออกไป อาจเป็นเพราะความมืดมิด จึงมองไม่เห็นจุดสิ้นสุดของหน้าผา ให้ความรู้สึกกดดันอย่างอธิบายไม่ถูก!หวังหยวนกอดอกยืนอยู่ด้านข้าง มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นรอยยิ้มจางที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจและสง่างาม“พายุใหญ่คลื่นยักษ์แบบไหนที่ไม่เคยพบเจอ?”“สถานการณ์แบบไหนที่ไม่เคยประสบ?”“เพียงแค่หน้าผา คิดจะขวางทางข้าได้หรือ?”“ช่างน่าขันนัก!”ขณะที่พูด หวังหยวนก็ลุกขึ้นเตรียมที่จะปีนขึ้นหน้าผาด้วยมือเปล่า ทันใดนั้น เขาได้ยินเสียงเคลื่อนไหวมาจากด้านหลังเขาหันกลับไปโดยสัญชาตญาณ สายตาจับจ้องไปที่ผู้มาเยือน ผู้ที่มานั้นไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเกาเล่อ!ท่ามกลางความมืดมิด ชายคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหลังหวัง
“เช่นนั้นก็ได้ขอรับ...”เมื่อเห็นท่าทีที่แข็งกร้าวของหวังหยวน ไท่สื่อลี่ก็ไม่ได้กล่าวต่ออีก สุดท้ายก็จำต้องจากไปส่วนหวังหยวนนั่งลงศึกษาแผนที่อย่างละเอียดภายในห้องเมื่อไฉจวิ้นกลับมา หลิ่วหรูเยียนก็รีบลุกขึ้นเดินเข้าไปหาไฉจวิ้นอย่างรวดเร็ว พลิกดูห่อผ้าในมือเขาอย่างตื่นเต้น“ครั้งนี้เจ้าทำได้ดีมาก!”“ซื้อของดี ๆ มาฝากข้ามากมายเพียงนี้เลยหรือ?”“ต่อไปต้องมอบเรื่องเช่นนี้ให้เจ้าจัดการแล้ว!”หลิ่วหรูเยียนลูบศีรษะของไฉจวิ้น พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้มไฉจวิ้นรู้สึกอึดอัด นี่นางเห็นเขาเป็นเด็กน้อยชัด ๆ แต่เขาก็เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งแล้ว อายุอานามก็ไม่น้อย กลับถูกปฏิบัติเหมือนเด็กงั้นหรือ?ช่างน่าเจ็บใจนัก!แต่พี่สะใภ้ผู้นี้ก็เป็นคนที่เขาไม่อาจล่วงเกิน จึงทำได้เพียงอดทนหากเป็นผู้อื่นที่กล้าลูบศีรษะของเขา นี่ถือว่าเป็นการหาเรื่องตายชัดๆ!“จริงสิ พี่ใหญ่ของเจ้าอยู่ไหน?”“เมื่อครู่เขาออกไปกับไท่สื่อลี่ นี่ก็ผ่านมานานแล้ว ยังไม่กลับมาอีก หรือว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”หลิ่วหรูเยียนกินขนมพลางเอ่ยถามไฉจวิ้นชี้ไปที่นอกประตู แล้วตอบว่า “พี่ใหญ่อยู่ในลานบ้านขอรับ เมื่อครู่ตอนที่ข้าเข้ามา เขากำลั
ครึ่งชั่วยามต่อมา ไท่สื่อลี่นำแผนที่มาให้ด้วยตนเอง ทางด้านหวังหยวนเฝ้ารออยู่ที่ลานบ้านเมื่อรับแผนที่มาก็ตรวจดูอย่างละเอียด คิ้วของหวังหยวนขมวดแน่นช่างอันตรายยิ่งนัก!แม้ว่าภูเขาทางเหนือจะเป็นภูเขาโดดเดี่ยว แต่ด้านข้างเป็นหน้าผาทั้งสิ้น หากต้องการเก็บเกสรของดอกหน้าผาชันก็ต้องปีนขึ้นไปบนหน้าผา ไม่มีเส้นทางอื่นให้เลือกเดินนี่ช่างเป็นเรื่องที่ยุ่งยากยิ่งนัก!หากไม่มีวิชาตัวเบา การปีนขึ้นหน้าผาด้วยมือเปล่านั้นยากราวกับปีนขึ้นสวรรค์!หวังหยวนตกอยู่ในห้วงความคิด ครุ่นคิดหาวิธีเก็บเกสรดอกหน้าผาชันส่วนไท่สื่อลี่ไม่ได้เอ่ยคำใด ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมเวลาผ่านไปทีละน้อย ไม่นานไฉจวิ้นก็กลับมาพร้อมกับห่อผ้าห่อใหญ่ ในมือไม่เพียงแต่มีของกิน ยังมีของเล่นน่าสนใจอีกมากมายด้วยทั้งหมดนี้ก็เพื่อเอาใจหลิ่วหรูเยียนเป็นเพราะเขาเอง หลิ่วหรูเยียนจึงไม่อาจออกไปเที่ยวเล่นได้ สตรีนั้นอารมณ์แปรปรวน เขากลัวว่าหลิ่วหรูเยียนจะเก็บเรื่องนี้มาคิดเล็กคิดน้อย“กลับมาแล้ว”หวังหยวนเอ่ยอย่างเรียบเฉยไฉจวิ้นพยักหน้า เขามองหวังหยวนก่อนเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มว่า “พี่ใหญ่อารมณ์ไม่ดี หรือว่าเมื่อครู่นี้ทะเลาะกับพี่
“ช่างสมกับเป็นท่านหวัง ไม่มีสิ่งใดปิดบังท่านได้จริง ๆ”ไท่สื่อลี่ยิ้มพลางส่ายหน้า เมื่อเห็นว่าหลิ่วหรูเยียนไม่ได้แอบหนีออกมาจากห้อง เขาจึงกระซิบว่า “ก่อนหน้านี้ข้าได้พูดคุยกับท่านหมอเทวดาอันแล้ว เขาได้บอกอาการของฮูหยินกับข้าทั้งหมดแล้วขอรับ”“อีกทั้งยังบอกวิธีที่จะทำให้อาการของฮูหยินดีขึ้นด้วย”หวังหยวนชะงักไปครู่หนึ่ง ดวงตาพลันเป็นประกาย“ท่านหมายถึง...”หวังหยวนไม่ได้เอ่ยประโยคหลังออกมา แต่ชี้ไปที่ท้องของตนไท่สื่อลี่เข้าใจความหมายในทันที จากนั้นก็พยักหน้า“เป็นเช่นนั้นจริง ๆ!”“เช่นนั้นรีบบอกข้ามา วิธีแก้ต้องทำอย่างไร?”“อีกอย่างคือก่อนหน้านี้ข้าได้ถามท่านหมอเทวดาแล้วว่ามีวิธีใดที่จะทำให้อาการของภรรยาข้าดีขึ้นหรือไม่ ท่านหมอเทวดาไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจน ข้านึกว่าไม่อาจรักษาภรรยาของข้าให้หายได้...”“ดูท่าแล้ว ท่านหมอเทวดาจงใจปิดบังข้า!”หวังหยวนเข้าใจดีว่าอันจูหมิงคงมีเหตุผลที่ไม่อาจเอ่ยออกมาได้ ไม่เช่นนั้นคงไม่บอกเรื่องนี้กับไท่สื่อลี่ไท่สื่อลี่รีบโบกมือกล่าวว่า “ท่านหวังอย่าได้เข้าใจผิด ไม่ใช่ว่าท่านหมอเทวดาอันไม่อยากบอกท่าน แต่เป็นเพราะว่าตัวยาที่ใช้รักษาฮูหยินนั้นหายา
เมื่อกลับถึงห้อง ด้วยการดูแลของหวังหยวน หลิ่วหรูเยียนจึงจำต้องนอนลงบนเตียงเมื่อเห็นนางพลิกตัวไปมาไม่หยุด หวังหยวนก็เข้าใจได้ในทันที นี่เป็นเพราะนางไม่อยากนอนหลับ“เจ้านี่นะ เหตุใดจึงได้ดื้อรั้นเพียงนี้?”“ในตอนนั้นข้าก็ไม่รู้ว่าเห็นอะไรในตัวเจ้า!”“หากรู้ล่วงหน้าว่าการเดินทางครั้งนี้จะพบเจอกับเรื่องราวมากมายเพียงนี้ ก็ควรจะให้เจ้าอยู่ที่หมู่บ้านต้าหวังแต่แรก เจ้าจะได้ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานมากมาย”“สุดท้ายแล้วก็เป็นความผิดของข้า...”หวังหยวนจิบชาพลางพึมพำกับตนเอง เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้า ภาพในความคิดย้อนกลับไปถึงคำพูดของอันจูหมิงก่อนหน้านี้ยามนี้เขาก็ยังคงคิดหาวิธีที่จะบอกกล่าวเรื่องนี้กับหลิ่วหรูเยียนไม่ได้สำหรับหวังหยวนแล้ว การไม่อาจตั้งครรภ์ได้นั้นสำคัญตรงไหนกัน?ครอบครัวของเขามีเหล่าภรรยาที่เพียบพร้อม ย่อมไม่ใส่ใจเรื่องเหล่านี้แต่สำหรับหลิ่วหรูเยียนแล้ว สตรีที่ไม่มีบุตรก็ไม่นับว่าเป็นสตรีเมื่อคิดถึงเรื่องเหล่านี้ หวังหยวนจะไม่รู้สึกอึดอัดใจได้อย่างไร?ดูท่าแล้วคงต้องหาจังหวะที่เหมาะสม จากนั้นค่อยบอกความจริงกับหลิ่วหรูเยียน นางจะได้ไม่เจ็บปวดมากนัก“นี่ท่านกำลังคิดอ
“เอาล่ะ!”“ตอนนี้เจ้าเชื่อฟังพี่ใหญ่ของเจ้าใช่หรือไม่?”“พี่ใหญ่ของเจ้าไม่อยู่ไม่ใช่หรือ? เช่นนั้นคำพูดของพี่สะใภ้ก็ไม่มีค่าแล้วใช่หรือไม่?”“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ภายภาคหน้าเจ้าก็ไม่ต้องเรียกข้าว่าพี่สะใภ้ ข้าจะออกไปเดินเล่นเอง หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับข้า พี่ใหญ่ของเจ้าจะต้องมาเอาเรื่องกับเจ้า ถึงตอนนั้นก็คอยดูเถิดว่าจะเป็นอย่างไร!”หลิ่วหรูเยียนเฉลียวฉลาด ไฉจวิ้นผู้ไม่ประสีประสาจะต่อกรกับนางได้อย่างไร?เพียงชั่วครู่ ไฉจวิ้นถึงกับพูดไม่ออก เมื่อเห็นว่าหลิ่วหรูเยียนกำลังจะเดินจากไป เขาก็รีบวิ่งตาม พลางประจบประแจงว่า “พี่สะใภ้! ท่านอย่าได้ทำให้ช้าต้องลำบากใจเลยขอรับ ตกลงหรือไม่?”“ท่านเพิ่งจะหายป่วย สภาพร่างกายก็ยังฟื้นตัวไม่ดี อีกทั้งท่านหมอเทวดาก็บอกแล้วว่าอย่างน้อยต้องใช้เวลาอีกหลายวัน ท่านถึงจะหายดี ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการพักผ่อนนะขอรับ!”“แต่ในเมื่อท่านยืนกรานจะออกไป เช่นนั้นพวกเราเดินเล่นเพียงครู่เดียว จากนั้นก็รีบกลับมาก็ได้ ตกลงหรือไม่ขอรับ?”ในที่สุดไฉจวิ้นก็ยอมอ่อนข้อให้ทั้งสองฝ่ายล้วนเป็นผู้ที่เขาไม่อาจล่วงเกิน!ล่วงเกินหวังหยวนก็ไม่เป็นอะไร เพราะว่าพวกเขาล้วนเ
“นี่คือคำสั่ง!”เกาเล่อถอนหายใจอย่างจนใจ ไม่ได้อยู่ที่นี่ต่อ แต่หันหลังเดินไปยังทิศทางหนึ่งในไม่ช้า หวังหยวนก็กลับเข้าไปในห้องทันทีที่เข้าประตูไป เขาเห็นหลิ่วหรูเยียนลืมตาตื่นและกำลังจะลุกขึ้นหวังหยวนรีบวิ่งไปหาหลิ่วหรูเยียน แล้วกล่าวว่า “ฝีมือของท่านหมอเทวดาอันช่างล้ำเลิศยิ่งนัก เพียงเวลาสั้น ๆ เจ้าก็ฟื้นคืนสติแล้วหรือ?”“อีกทั้งดูเหมือนว่า เจ้าจะดูมีเรี่ยวแรงขึ้นมาก”หลิ่วหรูเยียนรู้สึกว่าสภาพร่างกายของตนดีขึ้น แม้ว่าบริเวณหน้าท้องจะยังเจ็บอยู่บ้าง อีกทั้งร่างกายก็ยังอ่อนแรง แต่ก็ดีกว่าก่อนหน้านี้มากยามนี้ก็ไม่ต้องแสร้งทำเป็นว่าอาการดีขึ้น ทุกอย่างล้วนเป็นไปตามธรรมชาติหวังหยวนประคองนางนั่งลงที่โต๊ะ จากนั้นนางก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “นั่นเป็นเพราะว่าร่างกายของข้าแข็งแรง ท่านไม่เห็นสตรีด้านนอกเหล่านั้นหรือไร แต่ละคนล้วนดูอ่อนแอ จะนำมาเปรียบเทียบกับข้าได้อย่างไร?”“ร่างกายของข้าแข็งแรงดั่งวัว ประกอบกับฝีมืออันล้ำเลิศของท่านหมอเทวดาอัน การรักษาให้หายดีก็เป็นเพียงเรื่องของเวลา”“น่าเสียดาย ร่างกายอันงดงามของข้ากลับมีรอยแผลเป็น นี่ช่างดูไม่น่ามองเอาเสียเลย”“ไม่ได้! เมื่อข้าหาย