เจิ้งเซิ่งพยักหน้า พวกเขารอวันนี้มานานแล้ว ตราบใดที่มีความเคลื่อนไหว กองทัพชิงชวนก็จะอยู่ในมือพวกเขาทันที“จากนั้นไปที่ค่ายต้าเฟิงเพื่อหาผู้นำ แม้ว่าค่ายต้าเฟิงจะมีคนไม่มากนัก แต่เราก็มีโอกาสที่จะดำเนินการได้ เรา... ต้องพึ่งพาชื่อเสียงของพวกเขาด้วย”เมื่อได้ยินดังนั้น เจิ้งเซิ่งก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง “แต่ว่า... พวกเขาจะยอมเห็นด้วยหรือขอรับ?”เขายังคงรู้ด้วยว่าคนเหล่านั้นในค่ายต้าเฟิง ล้วนเป็นคนดุร้าย“หากให้รางวัลอย่างงาม ย่อมมีผู้กล้าออกมาทำงานให้ ไม่ต้องกังวล เจ้าคิดว่าพวกเขามีความสุขในต้าเย่หรือ?”เจิ้งไท่ชิงพูดเบา ๆ หลังจากพูดเช่นนี้แล้ว เจิ้งเซิ่งก็พยักหน้า“ขอรับท่านพ่อ ข้าเข้าใจแล้วว่าจะต้องทำอย่างไร”เจิ้งไท่ชิงพ่นลมหายใจ มองพระจันทร์เต็มดวง แล้วพูดว่า “พรุ่งนี้เมืองชิงชวนจะถูกควบคุม อย่าฆ่าจวิ้นโส่ว แค่กักขังไว้ก็พอ”“แม้ว่าเราจะมาจากภูมิหลังที่แตกต่างกัน แต่เพื่อนร่วมงานเหล่านี้ก็ทำงานร่วมกันมาหลายปี และมีความสัมพันธ์ที่ดี”“ยิ่งกว่านั้น จวิ้นโส่วเมืองชิงชวนยังเป็นคนที่ไม่มีความทะเยอทะยาน เขาไม่ได้เป็นภัยกับเรา”เจิ้งไท่ชิงเตรียมทุกอย่างไว้อย่างสมบูรณ์ ด้วยใบหน้าเรี
หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ เขาก็กลับไปที่เฉิงโจวในขณะนี้ต้าหู่กำลังตามมาข้างหลัง พอจะคาดเดาได้ว่าหวังหยวนกำลังจะทำอะไร และเขาก็ตื่นเต้นมาก!“พี่หยวน เราจะลงมือกันเมื่อไหร่?”หวังหยวนยิ้มและมองต้าหู่ “ไปที่จุดนั้นก่อน แล้วดูว่าเงินอยู่ที่ไหน ทางที่ดีควรเตรียมการบางอย่าง อย่างน้อยเราจะไม่ปล่อยให้เขาสงสัยเรา!”ต้าหู่ย่อมเข้าใจ จากนั้นก็เริ่มส่งทหารเกราะทมิฬแอบเข้าไปในธนาคารเทียนเซี่ยทหารเกราะทมิฬล้วนเป็นทหารผ่านศึก การปิดล้อมแล้วปล้นไม่ใช่ปัญหา!เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องกังวล!...ในขณะนี้ ที่ด้านนอกฐานที่มั่นค่ายต้าเฟิง เจิ้งเซิ่งสวมชุดเกราะสีเงิน มาถึงที่นี่พร้อมกับทหารนับพันคนหวงผีจื่อและคนอื่น ๆ ตกใจเมื่อรู้สถานการณ์นี้!“เราไม่เคยมีความขัดแย้ง หรือขุ่นเคืองกับกองทัพเมืองชิงชวน เหตุใดพวกเขาถึงยกทัพมาที่นี่ตอนนี้?”โม่ชวนเหอก็กังวลเช่นกัน แต่เถี่ยซานไม่สนใจเลย “เช่นนั้นก็ส่งพวกเขาไปลงนรกซะ ข้าไม่กลัว!”“กองทัพชิงชวนมีไพร่พลทั้งหมดสามหมื่นนาย แม้ว่าจะยกทัพมาหนึ่งพันนาย แต่หากเราเริ่มต่อสู้กับพวกเขา พวกเราจะถูกกำจัดแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น คนที่มาคือเจิ้งเซิ่ง ลูกชายของ
ในวันนี้ ไม่รู้ว่าเจิ้งเซิ่งมีข้อตกลงแบบไหนกับค่ายต้าเฟิง ไม่รู้ว่าเขาเจรจากันอย่างไรบ้าง!แต่หลังจากที่เจิ้งเซิ่งจากไป ไม่ว่าจะเป็นโม่ชวนเหอ หวงผีจื่อ หรือเถี่ยซาน ก็ต่างตื่นเต้นกันมาก!“ไม่คิดเลยว่าวันแห่งความสำเร็จ...จะใกล้มาถึงแล้ว!”พวกเขาตื่นเต้นมาก!“เราควรทำอย่างไร?”ในเวลานี้ เถี่ยซานรีบถาม ดูเหมือนว่าเขาจะทนไม่ไหวแล้ว!“ทำตามความปรารถนาของขุนพลเจิ้ง!”...ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับกองทัพเมืองชิงชวน แต่กองกำลังสามหมื่นนายในขณะนี้ อยู่ในมือของเจิ้งไท่ชิงแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย!แม้กระทั่ง...เขตเมืองชิงชวนก็อยู่ภายใต้การควบคุมของเขาแล้วเช่นกัน!จวนจวิ้นโส่วถูกปิดผนึกทันที จวิ้นโส่วหลี่ฉี่เหนียนกำลังนั่งอยู่ที่สวนหลังบ้าน โดยมีการคุ้มกันอย่างแน่นหนา เขามองเจิ้งไท่ชิงด้วยสีหน้าตกตะลึง และไม่อยากจะเชื่อเลย!“พี่เจิ้ง ท่าน…”หลี่ฉี่เหนียนเป็นคนละโมบเสพสมความสุข เขาจึงใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในเมืองชิงชวนเขาคิดว่าเจิ้งไท่ชิงก็เหมือนกับเขา แต่วันนี้ จู่ ๆ เขาก็ถูกควบคุมโดยกองกำลังทหาร สิ่งนี้ทำให้หลี่ฉินเหนียนสับสน และไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด!แต่ในใจกลับมีความกลัวมากขึ้
หลังจากที่หวังหยวนได้ยินดังนั้น เขาก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ!“ใช่แล้ว... ข้าก็สงสัยเหมือนกัน คนในค่ายต้าเฟิงแห่งนั้นไม่ใช่คนโง่ เหตุใดถึงทำเช่นนั้นได้?”ต้าหู่ดูสับสนเล็กน้อย นี่ไม่ต่างจากการรนหาที่ตายใช่หรือไม่!แม้ว่าค่ายต้าเฟิงจะปลอดภัยมาหลายปีแล้ว แต่ก็เป็นเพราะพวกเขาระมัดระวัง และไม่เคยต่อสู้กับเจ้าหน้าที่เลย พวกเขายังประจบประแจงผู้ตรวจราชการมณฑลท้องถิ่นด้วย ซึ่งเป็นเหตุผลว่าเหตุใดพวกเขาถึงตั้งหลักได้แต่พวกเขากำลังทำตัวยั่วยุมาก ถึงกับมาปล้นที่เฉิงโจว นั่นเป็นการท้าทายราชสำนักอย่างชัดเจนไม่ใช่หรือ?ไม่ต้องพูดถึงว่าเฉิงโจวมีกองทหารจำนวนมาก แม้ว่าพวกเขาจะปล้นเฉิงโจวได้สำเร็จ แต่เงินทองที่พวกเขาปล้นไปนั้นก็ต้องแลกด้วยชีวิตอยู่ดี ให้ตายเถอะ!ไม่รู้หรือว่าเมื่อราชสำนักรู้ว่ามีกองทัพขนาดใหญ่เข้ามาโจมตี ค่ายต้าเฟิงที่มีผู้คนเพียงพันคนจะถูกกวาดล้างในทันที!“ใช่ เรื่องนี้ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง คราวที่แล้วพวกเขาไม่กล้าฝ่าฝืนราชสำนัก เพราะเรื่องของอ๋องฝูซาน ข้าสังหารเฟิงเสี้ยวเทียนแล้ว พวกเขายังไม่พูดอะไร แต่ตอนนี้พวกเขาเปลี่ยนใจได้อย่างไร?”หวังหยวนไม่เข้าใจ แต่เขารู้ว่าหวงผีจื่อและค
ที่ธนาคารเทียนเซี่ยในขณะนี้ แม้ว่าจะเป็นกลางคืน แต่ก็ยังมีคนมาแลกเงินที่นี่มากมายในขณะนี้หลี่จ้าวหลินและวังฉงโหลว เดินมาที่โต๊ะทีละคน แล้วหยิบตั๋วทองออกมาเริ่มแลกเปลี่ยน“ลูกค้า กรุณารอสักครู่นะขอรับ”เสมียนเหล่านั้นคิดว่าจะปิดธนาคารตอนค่ำ แต่ใครจะรู้ว่าคนจะมามากมาย!“เร็วเข้า เร็วเข้า ข้ากำลังรีบนะ ชักช้ายืดยาด นี่คือวิธีที่คนของธนาคารเทียนเซี่ยทำกัน!”จู่ ๆ หลี่จ้าวหลินก็ยืนเท้าเอว แล้วเริ่มสร้างปัญหาอย่างไร้เหตุผลเสมียนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แต่ด้วยความที่ไม่กล้ารุกรานเขา จึงรีบแลกเปลี่ยนเงินให้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มหลังจากรับเงินมาแล้ว หลี่จ้าวหลินก็เหลือบมองมัน แล้วพูดว่า “เจ้ากำลังล้อข้าเล่นหรือเปล่า เงินนี่ไม่ครบ!”หลี่จ้าวหลินตะโกนทันที เสมียนตกใจ รีบนำเครื่องชั่งมาเริ่มชั่งน้ำหนักอีกครั้งผลลัพธ์ยังคงถูกต้อง“คุณชาย ท่านดูสิขอรับ เงินนี้ไม่ขาดไปแม้แต่อีแปะเดียว”เสมียนไม่พูดอะไรอีก ได้แต่ยิ้มเท่านั้นมีบุคคลสำคัญมากมายในเฉิงโจว พวกเขาจึงกังวลเกี่ยวกับการไปยั่วยุ ทำให้ต้องระมัดระวังแต่วันนี้หลี่จ้าวหลินมาที่นี่เพื่อสร้างปัญหา เขาย่อมไม่ยอมจบเท่านี้“เหลวไหล มันต้องม
“ข้าคิดว่าหวังหยวนเป็นคนดีเสียอีก ข้าไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะสั่งให้พวกเจ้ามาสร้างปัญหา เจ้าคิดว่าด้วยวิธีนี้ ธนาคารของข้าจะไม่ทำอะไรเลยงั้นหรือ?”ฟ่านซือเซวียนโบกมือทันที “คนเหล่านี้มาที่ธนาคารของเราเพื่อสร้างปัญหา ตอนนี้ขอสั่งให้พวกเจ้าออกไป หากไม่ออกไป ก็อย่าโทษพวกข้าว่าหยาบคายแล้วกัน!”หลังจากได้ยินดังนั้น วังฉงโหลวก็หัวเราะ“คุณชายฟ่าน เจ้าอยากจะลงมือหรือ? ข้าไม่ได้เก่งกาจ แต่ก็มีชื่อเสียงนิดหน่อย หากแตะต้องข้า ข้าเกรงว่ามันจะไม่เหมาะสม เจ้าเองก็ไม่ได้จริงจังกับราชสำนักเลย!”วังฉงโหลวไม่กลัวอีกต่อไป เขารู้ว่าคนที่ตามมาที่นี่ล้วนมีฝีมือ เป็นทหารผ่านศึกเกราะทมิฬ หากเกิดการต่อสู้ขึ้นจริง ๆ เจ้าหน้าที่ธนาคารเทียนเซี่ยก็สู้ไม่ได้หรอกเขามาที่นี่ในวันนี้ เพื่อทำให้สถานการณ์ในธนาคารยุ่งเหยิง!ยิ่งวุ่นวายก็ยิ่งดี!“ได้รับชื่อเสียงเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนั้นแล้วยังมาป่าวประกาศ ช่างไร้สาระ”“ข้ารู้จักเจ้า เจ้าเป็นหลานชายของวังไห่เทียน แต่แม้ว่าวังไห่เทียนจะมายืนอยู่ที่นี่ เขาก็ไม่กล้าสร้างปัญหาในธนาคารของพวกข้า”ฟ่านซือเซวียนยังคงไม่สนใจและเยาะเย้ยทุกคนในโลกรู้ดีว่าวังไห่เทียนถูกลดตำแหน่
หลังจากพูดจบ วังฉงโหลวและคนอื่น ๆ ก็รีบวิ่งออกไป ราวกับว่าพวกเขากำลังจะไปช่วยดับไฟฟ่านซือเซวียนก็โกรธมากเช่นกัน รีบส่งคนไปดับไฟทันทีแต่เหตุการณ์กลับกลายเป็นเรื่องวุ่นวายคนจากธนาคารเทียนเซี่ยทุกคน ต่างก็ตื่นตระหนกขณะตักน้ำ ส่วนวังฉงโหลวและคนอื่น ๆ ก็จงใจก่อปัญหา บางครั้งน้ำก็หกก่อนที่จะถึงอาคารที่ถูกไฟไหม้ด้วยซ้ำ!ฟ่านซือเซวียนที่เห็นเหตุการณ์นี้จากระยะไกลก็โกรธมาก!“วังฉงโหลว พวกเจ้าจะทำอะไร? ออกไปจากที่นี่ซะ! ไม่ต้องมาทำเป็นดับไฟเลย!”วังฉงโหลวและหลี่จ้าวหลินหัวเราะ “ไม่ต้องเกรงใจหรอก เฮ้ เฮ้ เฮ้... เหตุใดเจ้าถึงเดินประมาทถึงเพียงนี้ น้ำถังนี้หกอีกแล้ว เร็วเข้า... ไปตักน้ำมาใหม่ ไม่เช่นนั้นอาคารนี้จะไหม้วอดทั้งหลัง!”ฟ่านซือเซวียนโกรธมากเมื่อเห็นดังนั้น แต่ตอนนี้กำลังวุ่นวาย และทุกคนก็ออกไปดับไฟ ไม่มีทางที่เขาจะสามารถขับไล่วังฉงโหลวและคนอื่น ๆ ออกไปได้!ในขณะนี้ ต้าหู่และคนอื่น ๆ แอบเข้าไปในธนาคารเทียนเซี่ยเงียบ ๆ แล้ว และตรงไปที่ห้องนิรภัยที่เป็นที่เก็บเงิน หลังจากสังหารคนเฝ้าแล้ว พวกเขาก็เปิดประตูเดินเข้าไปหวังหยวนกล่าวว่า เอาไปให้เยอะที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ยิ่งเยอะก็
ต้าหู่ยกยิ้ม คราวนี้แผนสำเร็จ!หวังหยวนพยักหน้าอย่างไม่กังวลในขณะนี้ถังหม่างและคนอื่น ๆ กำลังขี่ม้าไปซ่อนตัวอยู่ตามท้องถนนทีละคน ในตรอกลึก เหลือม้าเพียงไม่กี่ตัว และรถม้าเปล่าสองสามคัน ส่วนผู้คนหายไปแล้ว!“นายน้อย รถม้า! มันคือรถม้าของโจร!”คนที่นำฟ่านซือเซวียนมาถึงในไม่ช้า!“ฮึ่ม พวกเขารู้ว่าไม่มีทางออกจากประตูเมืองได้ จึงละทิ้งทองคำเพื่อหนีเอาชีวิตรอด”เขาเยาะเย้ยครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนจะพาผู้คนรีบไปตรวจสอบ แต่หลังจากนั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที!“นายน้อย... รถม้าคันนี้... มีแค่กล่องเปล่า... ไม่มี... ไม่มีเงินแม้แต่ชิ้นเดียว!”หลังจากตรวจสอบแล้ว ก็พบว่าไม่มีอะไรอยู่บนรถม้าหลายสิบคัน ซึ่งทำให้ฟ่านซือเซวียนหน้าบึ้งตึงในทันใด“อะไรกัน! ไม่! เป็นไปได้อย่างไร!”ฟ่านซือเซวียนไม่เชื่อ เขาจึงเข้าไปในรถเพื่อตรวจสอบเอง แต่ก็ไม่เห็นอะไรเลย!“นายน้อย เรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร... พวกเขาไม่ได้ปล้นหรอกหรือ?”คนรับใช้รีบพูด ส่วนฟ่านซือเซวียนรีบพาผู้คนกลับไปที่ธนาคารเทียนเซี่ยทันที เมื่อเห็นทองคำนับล้านในโกดังหายไปครึ่งหนึ่ง เขาก็โกรธมากจนแทบจะกระอักเลือด!“บ้าเอ๊ย! บ้าเอ๊ย!”ฟ่
“หรือว่าแผ่นดินนี้จะต้องตกไปอยู่ในมือของผู้อื่น?”สิ้นคำพูด ซือฟางก็ซัดกำปั้นลงบนกำแพงเมืองอย่างเดือดดาล!เหล่าขุนพลที่ยืนอยู่ด้านหลังต่างไม่กล้าเข้าไปใกล้ หรือแม้แต่จะเอ่ยปาก!“ท่านขุนพลไม่ต้องกังวล!”ทันใดนั้น ขุนนางชราผู้หนึ่งก็เดินออกมา บนใบหน้ามีเคราสีขาวโพลน เพียงดูก็รู้ว่าไม่ใช่บุคคลธรรมดาอย่างแน่นอน!คนผู้นี้คือที่ปรึกษาคนสำคัญของไป๋เหยียนเฟยนามว่า เจี๋ยงโฉ่วอี!ในราชสำนัก ผู้ที่อยู่เหนือเขามีเพียงจักรพรรดินีเท่านั้น!บัดนี้ไป๋เหยียนเฟยป่วยหนัก ขุนนางน้อยใหญ่ล้วนพึ่งพาเจี๋ยงโฉ่วอี ราชกิจสำคัญล้วนตกเป็นภาระให้เขาตัดสินใจทั้งสิ้น!เห็นได้ชัดว่าเขามีอำนาจสูงส่งล้นฟ้า!“ปรากฏว่าเป็นท่านเจี๋ยงนี่เอง!”“ท่านคงได้ยินสิ่งที่ข้าพูดไปเมื่อครู่แล้วกระมัง?”ซือฟางประสานมือคารวะเจี๋ยงโฉ่วอี แล้วเอ่ยถามเจี๋ยงโฉ่วอีพยักหน้า กล่าวอย่างใจเย็นว่า “ข้ารู้ว่าท่านขุนพลจงรักภักดี ย่อมคิดถึงฝ่าบาท แต่พระองค์ก็มีเรื่องที่ต้องกังวลเช่นกัน!”“ครั้งนี้พระองค์ไม่เพียงต้องการให้หวังหยวนช่วยปราบปรามอริทางเหนือเท่านั้น แต่ยัง...”กล่าวได้ครึ่งหนึ่ง เจี๋ยงโฉ่วอีก็หยุดพูด พร้อมกับเหลือบมองขุนพลน
“ท่านหวังมาแล้วหรือ?”เมื่อหวังหยวนและพรรคพวกเข้ามาก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย แต่แฝงด้วยความอ่อนแอดังมาจากด้านในไป๋ลั่วหลีรีบเข้าไปในกระโจม เปิดม่านทั้งสองข้าง หวังหยวนจึงเห็นไป๋เหยียนเฟยนอนอยู่บนเตียงอาการของไป๋เหยียนเฟยดูย่ำแย่กว่าที่เขาคิด ไม่เพียงแต่ใบหน้าซีดเผือดเท่านั้น แม้แต่ริมฝีปากไร้สีเลือดฝาด ดูอ่อนแรงมาก!หวังหยวนเอ่ยขึ้นว่า “ไม่ได้พบกันนาน เหตุใดฝ่าบาทจึงเป็นเช่นนี้?”“ไม่ได้เชิญหมอมารักษาหรือ?”“แค่ก แค่ก”ไป๋เหยียนเฟยไอสองสามครั้ง ไป๋ลั่วหลีช่วยพยุงนางขึ้น นางเงยหน้ามองหวังหยวน แล้วส่ายหน้ายิ้มอย่างจนใจก่อนกล่าวว่า “เมื่อฟ้าลิขิตแล้ว จะทำเช่นไรได้?”“ข้าตามหาหมอมารักษา หมอชื่อดังทั่วดินแดนทั้งเก้าต่างบอกว่าหมดหนทาง บางทีนี่อาจเป็นเจตจำนงของสวรรค์ก็ได้ไม่ใช่หรือ?”“เมื่อสวรรค์ต้องการให้ข้าตาย ข้าจะฝืนได้อย่างไร?”“แต่น่าเสียดาย กลุ่มกบฏทางเหนือกลับบุกอาณาจักรข้า! ประกอบกับอาณาจักรต้าเป่ยต่างจ้องมองพวกข้าอยู่ ข้าจึงให้ไป๋ลั่วหลีไปเชิญท่านมา หวังว่าท่านจะช่วยปราบกบฏพวกนั้นได้!”หวังหยวนรู้สึกสงสารในบรรดาสี่อาณาจักรใหญ่ เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับอาณาจักรต้าเย่ และ
“ครั้งนี้คงไม่นาน ข้าจะรีบพาทุกคนกลับมา!”“ยิ่งกว่านั้น ยังมีต้าหู่และขุนพลต่งอยู่กับข้าด้วย พวกเจ้าไม่ต้องกังวล”“แค่รออยู่ที่บ้านก็พอ!”หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้มเขารู้ว่าตนเองรู้สึกผิดต่อพวกนาง แต่บุรุษเกิดมาแล้วย่อมต้องสร้างฐานะไม่ใช่หรือ?สวรรค์ให้โอกาสเขาเกิดใหม่ จึงต้องใช้ความสามารถสร้างความสำเร็จที่ไม่มีใครเทียบได้!“น้องหรูเยียนยังไม่ค่อยสนิทกับพวกเจ้า ครั้งนี้ข้าจะพานางไปอาณาจักรต้าเย่ก่อน รอให้พวกเรากลับมาแล้วค่อยทำความรู้จักกัน”หลี่ซื่อหานและคนอื่น ๆ ต่างพยักหน้า ไม่เอ่ยคำใดอีกในเมื่อหวังหยวนตัดสินใจแล้ว พวกนางก็ได้แต่ทำตามภรรยาย่อมต้องเชื่อฟังสามี!“ท่านตงฟาง!”หลังจากพูดคุยกับภรรยาแล้ว หวังหยวนก็มองไปที่ตงฟางฮั่น“หลังจากที่ข้าไปแล้ว ต้องรบกวนท่านและท่านถงช่วยดูแลที่นี่ด้วย”“ข้าได้สั่งเอ้อหู่ ให้เขาเชื่อฟังคำสั่งของพวกท่าน ห้ามกระทำการโดยพลการ!”“เมืองหลิงคือรากฐานของข้า จึงมีความสำคัญยิ่ง ต้องไม่เกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นเด็ดขาด!”“คนของอาณาจักรต้าเป่ยจ้องมองพวกเราอยู่ หานเทาพร้อมจะสู้รบกับข้าทุกเมื่อ พวกท่านต้องระวังตัว!”หวังหยวนกำชับหลายครั้งตงฟางฮั่นแ
ทันใดนั้น เสียงไอก็ขัดจังหวะหวังหยวนเขาหันไปมองตามเสียงจึงเห็นตงฟางฮั่นทั้งสองแค่สบตากันก็เข้าใจความคิดของกันและกัน“คุณหนูไป๋”“ข้าขอคิดทบทวนก่อน จึงค่อยให้คำตอบ! วันนี้เป็นงานเลี้ยงต้อนรับ อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องหนักใจเช่นนี้เลย รอให้ดื่มกันให้หนำใจก่อน แล้วค่อยพูดคุยกันดีกว่า เจ้าว่าเช่นไร?”หวังหยวนให้เกียรติไป๋ลั่วหลีไป๋ลั่วหลีพยักหน้า “เช่นนั้นข้าจะรอฟังข่าวจากท่านหวังเจ้าค่ะ!”เมื่องานเลี้ยงเลิกราและจัดการเรื่องที่พักของไป๋ลั่วหลีแล้ว หวังหยวนก็รีบออกไปข้างนอกพร้อมกับตงฟางฮั่นริมถนน หวังหยวนและตงฟางฮั่นเดินเล่นไปพลางคุยกัน “ท่านตงฟาง ท่านคิดเห็นเช่นไร?”“ข้าคิดว่าควรส่งกองกำลังไปช่วย!”“ตอนนี้ไม่ใช่ยุคสงคราม โครงการชลประทานทำให้อาณาจักรอื่น ๆ เห็นถึงประโยชน์ เท่าที่ข้ารู้ แม้แต่อาณาจักรต้าเป่ยก็กำลังเร่งสร้างโครงการชลประทานเหมือนกัน!”“ในเมื่อพวกเราสร้างเสร็จก่อน ก็ควรใช้โอกาสนี้ขยายอาณาเขต!”หืม?หวังหยวนเลิกคิ้ว รู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย “ท่านตงฟาง ท่านลืมแล้วหรือ ครั้งก่อนที่พวกเราพบกันที่หอหลิวหลี ต่างให้สัญญากันว่าจะไม่ทำสงครามเพื่อให้โลกสงบสุข!”“หากข้ายกทัพตอน
ดูเหมือนว่าเมืองหลิงจะเป็นเมืองที่รุ่งเรืองและมั่งคั่งที่สุดในดินแดนทั้งเก้า!ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข เป็นที่หมายปองของทุกคน!เมื่อทุกคนกลับถึงบ้านของหวังหยวน พวกหลี่ซื่อหานได้สั่งให้คนเตรียมอาหารไว้แล้ว เมื่อทุกคนนั่งลงที่โต๊ะแล้ว หวังหยวนจึงแนะนำหลิ่วหรูเยียนให้เหล่าภรรยารู้จักพวกนางชินกับเรื่องแบบนี้แล้วบุรุษมีสามภรรยาสี่อนุเป็นเรื่องปกติ ไม่นานพวกนางก็สนิทสนมกันดั่งพี่สาวน้องสาวเนื่องจากไป๋ลั่วหลีอยู่ที่นี่ด้วย หวังหยวนจึงไม่อาจอยู่พูดคุยกับภรรยาได้ เพราะต้องไปดูแลไป๋ลั่วหลีก่อนเพื่อไม่ให้เสียมารยาทหวังหยวนกลับมานั่งที่โต๊ะ หลังจากดื่มกับไป๋ลั่วหลีสองสามจอกแล้วจึงกล่าวว่า “คุณหนูไป๋เดินทางมาไกล คงไม่ใช่แค่มาขอบคุณข้ากระมัง?”“ตอนนี้เราเป็นสหายกันแล้ว หากเจ้ามีเรื่องอยากปรึกษาก็บอกมาตามตรงเถิด ไม่ต้องอ้อมค้อม! ข้าไม่ใช่คนใจแคบ! หากมีสิ่งใดให้ข้าช่วย ข้าก็ยินดี”หวังหยวนเป็นคนใจกว้างไป๋ลั่วหลีได้ยินเช่นนั้นก็ส่ายหน้าและถอนหายใจเป็นเช่นที่ร่ำลือกันจริง ๆ!หวังหยวนมีสายตาเฉียบแหลม แม้จะอายุยังน้อยแต่ก็มองคนได้ทะลุปรุโปร่ง ไม่มีความคิดใดหลบเลี่ยงสายตาเขาไปได้!“ในเมื่อท
“ทุกท่านดื่มกันเถิด!”“ไม่ต้องสนใจข้า!”“ครั้งนี้ไม่เพียงแต่ปราบพรรคทมิฬได้เท่านั้น แต่ยังทำให้เมืองอู่เจียงเจริญรุ่งเรือง เส้นทางคมนาคมทางน้ำก็เปิดใช้งานแล้วทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะความร่วมมือของพวกท่าน!”หวังหยวนยกจอกสุราขึ้นดื่มกับทุกคนวันนี้มีสุรา วันนี้ก็เมามาย ช่างรื่นรมย์ยิ่งนัก!เมื่อฟ้าสาง ทุกคนต่างแยกย้ายกันกลับ เช้าวันรุ่งขึ้น หวังหยวนออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านต้าหวังภายในค่ำวันนั้น หวังหยวนก็กลับมาถึงหมู่บ้านต้าหวัง“ท่านหวัง! ไม่ได้พบกันนานเลยนะเจ้าคะ!”“กำลังนึกถึงท่านพอดีเลยเจ้าค่ะ!”เมื่อหวังหยวนเข้าเมืองหลิงก็เห็นไป๋ลั่วหลีเดินเข้ามาหาได้พบเพื่อนเก่า หวังหยวนรู้สึกยินดี รีบลงจากม้าเดินไปหาไป๋ลั่วหลี แล้วถามว่า “คุณหนูไป๋มาที่นี่ได้อย่างไร?”“ข้าตั้งใจมาที่นี่เพื่อขอบคุณท่าน!”“หากไม่ใช่เพราะว่าท่านมอบปืนไรเฟิลซุ่มยิงให้ ข้าจะประสบความสำเร็จเช่นนี้ได้อย่างไร?”“ยิ่งกว่านั้น ครั้งก่อนที่เมืองอู่เจียง ท่านยังช่วยชีวิตข้าด้วย บัดนี้ข้าหายดีแล้ว จึงต้องมาขอบคุณท่านด้วยตัวเองเจ้าค่ะ!”พี่น้องต้าหู่และเอ้อหู่ได้รออยู่ก่อนแล้ว ทั้งสองยืนต้อนรับอยู่ข้าง ๆ ด
ทุกคนต่างพยักหน้าแต่ในใจก็รู้สึกอาลัยการได้อยู่เคียงข้างหวังหยวนนับเป็นโชคดี ใครบ้างอยากจากเขาไป?เพราะการได้อยู่ใกล้ชิดหวังหยวนย่อมมีโอกาสก้าวหน้า!แต่น่าเสียดาย ในเมื่อหวังหยวนตัดสินใจเช่นนี้แล้ว พวกเขาได้แต่ทำตาม“ข้าจะไปล่องเรือต่อ!”“พวกท่านกลับเข้าเมืองกันก่อนเถิด!”“งานเลี้ยงเตรียมพร้อมแล้ว เมื่อขึ้นฝั่งก็ไปที่วังของข้า แล้วข้าจะรีบตามไป ไม่ต้องรอพิธีรีตอง!”ทุกคนรับคำ แล้วลงเรือเล็กมุ่งหน้ากลับเมืองอู่เจียง!ทางด้านหวังหยวนก็พาหลิ่วหรูเยียนและต่งอวี่ล่องเรือชมแม่น้ำต่อ“ลั่วเฉินเป็นอย่างไรบ้าง?”“ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์แล้ว ได้ยินว่าเขายังคงปากแข็งได้อีกหรือ?”หวังหยวนมองไปที่ต่งอวี่แล้วถามขึ้นดูเหมือนว่าเขาคงไม่มีวาสนาได้ทรัพย์สมบัติของพรรคทมิฬ จึงเสียเวลามากมายไปโดยเปล่าประโยชน์!“ข้าละอายใจนักขอรับ!”“ข้าตัดนิ้วเขาไปหลายนิ้ว ใช้วิธีทรมานไปมากมาย แต่เขาก็ยังไม่ยอมปริปากพูด เหมือนกับปากทำด้วยเหล็กเลยขอรับ!”“ข้าคิดว่าแม้จะให้เวลาข้าอีกหนึ่งสัปดาห์ ข้าก็คงเปิดปากเขาไม่ได้...”“คนผู้นี้ช่างดื้อรั้นนัก!”ต่งอวี่ถอนหายใจ แต่ก็อดชื่นชมไม่ได้!แม้แต่เขาเองก็ยังไม่รู
“ไม่ใช่เช่นนั้น!”หลิ่วหรูเยียนส่ายหน้า ในเมื่อหวังหยวนซื่อสัตย์กับนาง นางก็ไม่ควรปฏิเสธความรู้สึกของตัวเองนางจึงเอ่ยขึ้นว่า “ข้ามีใจให้ท่านมานานแล้ว แม้แต่ข้าเองก็ยังไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อใดที่ข้าเริ่มหลงรักท่าน!”“ข้าแค่กลัวว่าคนรอบข้างท่านจะรับข้าไม่ได้!”“เพราะก่อนหน้านี้ข้าทำเรื่องไม่ดีกับท่านไว้มากมาย...”“ซ้ำยังเกือบฆ่าท่านด้วย!”หลิ่วหรูเยียนกล่าวจากใจจริง นี่คือสิ่งที่นางกังวลหวังหยวนหัวเราะ ก่อนส่ายหน้ากล่าวว่า “เจ้าพูดผิดแล้ว! คนรอบข้างข้าล้วนเชื่อฟังข้า จะน่ากลัวอย่างที่เจ้าคิดได้อย่างไร?”“ส่วนภรรยาของข้าไม่ใช่คนชอบสร้างปัญหา ไม่เช่นนั้นข้าจะวางใจปล่อยให้พวกนางอยู่ข้างหลังได้อย่างไร?”“บ้านของข้าจะสงบสุขได้อย่างไร?”หลิ่วหรูเยียนตกตะลึง แต่ก็เป็นเช่นนั้นจริง!หวังหยวนเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์มาก การมีสตรีอยู่รอบกายหลายคนก็ไม่ใช่เรื่องแปลก!ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าหวังหยวนจะไม่ได้เป็นฮ่องเต้ แต่เขาก็มีคุณสมบัติของผู้นำเทียบเท่าฮ่องเต้ทั้งสาม!การมีภรรยาหลายคนจะเป็นอะไรไป?“ในเมื่อท่านไม่รังเกียจ ข้าก็ยินดีอยู่เคียงข้างท่าน!”“เป็นผู้หญิงของท่าน!”หลิ่วหรูเยียนกล่า
“แต่น่าเสียดายที่วีรบุรุษเช่นเจ้ากลับติดตามเจ้านายที่ไม่คู่ควร จึงต้องมาพบจุดจบเช่นนี้!”“ข้าขอเตือนอีกครั้ง หากเจ้ายินดีมาอยู่กับข้าหรือบอกที่ซ่อนทรัพย์สมบัติ ข้าก็จะไม่ทำร้ายเจ้าอีก!”หลิ่วหรูเยียนไม่เอ่ยคำใดแค่นี้ก็สาสมแล้วลั่วเฉินน่าสงสารยิ่งกว่าโอวหยางอวี่ อย่างน้อยโอวหยางอวี่ยังได้ตายอย่างรวดเร็ว!แต่ลั่วเฉินเล่า?ตอนนี้ทั่วร่างเต็มไปด้วยเลือด สภาพของเขาย่ำแย่มาก มีลมหายใจอยู่ก็เหมือนรอวันตายการมีชีวิตอยู่ยังทรมานยิ่งกว่าการตาย!“เลิกคิดเถิด!”“ข้าจะไม่ยอมแพ้!”ลั่วเฉินใช้แรงเฮือกสุดท้ายตะโกนด้วยความโกรธ“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ตามใจเจ้า”“ข้าอยากรู้ว่ากระดูกเจ้าจะแข็งได้สักกี่น้ำ”พูดจบหวังหยวนก็ไม่เสียเวลากับลั่วเฉิน พาหลิ่วหรูเยียนเดินออกจากคุกระหว่างทาง ทั้งสองไม่ได้หันไปมองตานสยงเฟยต่อไปแค่เค้นถามลั่วเฉินก็พอแล้ว หากไม่ได้ผลค่อยไปหาตานสยงเฟย!เพราะตานสยงเฟยจัดการยากกว่าลั่วเฉินมาก!ตานสยงเฟยรู้ดีว่าที่ซ่อนทรัพย์สมบัติคือเครื่องช่วยชีวิตของเขา ตราบใดที่เขายังปากแข็ง หวังหยวนก็ไม่อาจทำอะไรเขาได้!นี่คือประโยชน์อย่างเดียวของเขา!เขาต้องเก็บไพ่ตายใบนี้ไว้ ไม