“ท่านคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่นักหรืออย่างไร?”แม้ว่าทั้งสองจะกลายเป็นดั่งพี่น้องกันแล้ว แต่เจิ้งอู๋หมิ่นก็ยังคงมีท่าทีหยอกเย้าหวังหยวนทำหน้ามุ่ยใส่เขา จากนั้นดวงตาของเขาก็เป็นประกายเจิ้งอู๋หมิ่นมีฝีมือพอสมควร หากสามารถเข้าร่วมกับหมู่บ้านต้าหวังได้ ก็จะเป็นประโยชน์กับเขาในหลายด้าน!“ตัดสินใจแล้วจริงหรือว่าจะติดตามข้าไป?”“แล้วจะอธิบายกับบิดาของเจ้าอย่างไร?”หวังหยวนถามขึ้นอย่างช้า ๆเจิ้งอู๋หมิ่นหัวเราะออกมาและพูดว่า “เหตุผลที่ข้าติดตามท่านไปด้วยนั้น ก็ล้วนเป็นความตั้งใจของบิดาข้าทั้งสิ้น”“เขาเบื่อหน่ายกับชีวิตในเทียนไว่เทียนมานานแล้ว”“แต่เนื่องจากสถานะที่มีอยู่ รวมถึงภาระหน้าที่บนบ่า จึงไม่สามารถออกจากเทียนไว่เทียนได้โดยง่าย”“การกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ อาจส่งผลกระทบต่อส่วนรวมได้ แต่ข้ากับเขานั้นต่างกัน ข้าเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง ฟ้ากว้างแผ่นดินใหญ่ อยากไปที่ไหนก็ไปได้ ไม่มีใครสามารถควบคุมข้าได้!”“ดังนั้นเขาจึงให้ข้ารีบตามท่านมา จากนั้นก็ติดตามท่านไปด้วย!”“ถือโอกาสเป็นการไปฝึกฝนในโลกมนุษย์”ขณะที่พูด เจิ้งอู๋หมิ่นก็เดินมาอยู่ตรงหน้าหวังหยวนและเสวี่ยเชียนหลง“เมื่อเป็นเช่นนี
แม้ว่าหวังหยวนเพียงปรารถนาจะตั้งมั่นอยู่ในหมู่บ้านต้าหวัง และใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับคนรอบข้าง แต่ก็ไม่อาจทนดูความวุ่นวายในแผ่นดินได้บัดนี้เป็นช่วงเวลาแห่งความวุ่นวายในแผ่นดินที่เหล่าผู้มีอำนาจต่างผงาดขึ้น“พี่หยวน!”“เหตุใดฝ่ายเราจึงไม่ยกทัพในเวลานี้ล่ะขอรับ?”“ด้วยกำลังของเราในเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นต้าเย่หรือต้าเป่ย ต่างก็ไม่กล้าเป็นศัตรูกับเรา!”“หากเราเพียงแค่ฉวยโอกาสนี้ เราก็สามารถขึ้นครองแผ่นดินได้!”“ดินแดนทั้งเก้าก็จะตกอยู่ในมือของเราทั้งหมด!”“จากนั้นจะหนุนให้ท่านเป็นฮ่องเต้องค์ใหม่ เพียงท่านรวมแผ่นดินได้ ข้าก็เชื่อว่าท่านจะทรงเป็นฮ่องเต้ที่เปี่ยมด้วยคุณธรรมอย่างแน่นอน และเหล่าราษฎรในแผ่นดินก็จะได้พบกับความสงบสุขที่โหยหามานาน!”ต้าหู่รีบเสนอคนอื่น ๆ ก็ต่างพากันเห็นด้วยในใจล้วนตื่นเต้นเป็นอย่างมากแม้ว่าเวลานี้พวกเขาจะได้รับเกียรติยศอันไม่มีที่สิ้นสุดและยังมีชื่อเสียงในดินแดนทั้งเก้าไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารการกินแต่ก็ยังรู้สึกว่าไม่เพียงพอ!หากหวังหยวนสามารถขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้ได้ พวกเขาก็จะกลายเป็นเจ้าผู้ครองนคร มีความรุ่งเรืองและความมั่งคั่งที่ไม่มีวันสิ้นส
เขารู้เรื่องราวต่าง ๆ ในดินแดนทั้งเก้าเป็นอย่างดีแม้แต่ภูเขาใดบ้างที่มีโจร เขาก็รู้อย่างชัดเจน!“วางใจเถิด”“แม้แต่เทียนไว่เทียน ข้ายังเข้าออกได้ตามใจชอบ ในสายตาของข้านั้น เหล่าโจรกระจอกทั้งหลายย่อมไม่สามารถทำอะไรได้เลย”หวังหยวนพูดด้วยรอยยิ้ม ขณะเดินไปถึงประตูเพิ่งกลับมาถึงหมู่บ้านต้าหวัง ยังไม่ได้ทันได้ไปหาพวกหลี่ซื่อหานเพื่อบอกข่าวดีว่าเขากลับมาแล้ว ก็ถูกคนอื่นดึงตัวไปเสียก่อนอย่างไรก็ต้องไปดูสักหน่อยภายในบ้านหวังหยวนเพิ่งเดินมาถึงหน้าประตูก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังมาจากในลานบ้าน“พี่สาว! ได้ยินว่าหวังหยวนกลับมาแล้ว ตอนนี้กำลังปรึกษาหารือกับทุกคนอยู่ คาดว่าอีกไม่นานก็จะมาหาเรา”“เราจะกลับไปที่ห้องเพื่อเตรียมตัวให้ดีกันก่อนหรือไม่”“กล่าวกันว่าสตรีนั้นแต่งตัวเพื่อให้คนที่ตนรักพอใจ สามีของเราเองก็จะกลับมาแล้ว แต่งตัวกันไม่เรียบร้อยเช่นนี้คงจะไม่ดีนักกระมัง?”ผู้พูดนั้นคือหวงเจียวเจียวนางเป็นคนรักอิสระและเรียบง่ายมาโดยตลอด ปกติแล้วไม่ใส่ใจในรายละเอียดมากนักแต่กลับมีความคิดที่ลึกซึ้งเช่นนี้จากนั้นก็ได้ยินเสียงของหลี่ซื่อหานดังขึ้น“ในใจของสามีกำลังคิดถึงข้า เรื่องนี
หวงเจียวเจียวจงใจยืดเสียง นางใช้นิ้ววาดวงกลมที่หน้าอกของหวังหยวนอย่างไม่หยุดยั้ง ใบหน้าของนางปรากฏรอยยิ้มเจ้าเล่ห์“สามี!”“เช่นนั้นท่านควรจะคุยกับข้าให้ชัดเจนเถิด ว่าถ้าพวกเราทำผิด ท่านจะลงโทษพวกเราอย่างไร?”“หรือว่าจะลงโทษพวกเราบนเตียง?”ใบหน้าของหลี่ซื่อหานแดงก่ำขึ้นมาทันทีหูเมิ่งอิ๋งก็กระแอมอย่างเขินอายสองสามครั้งแม่สาวแสบคนนี้ช่างไม่รู้จักยั้งคิด พูดอะไรออกไปก็ไม่รู้!ถ้าหากมีคนเดินผ่านไปมาข้างนอก จะไม่น่าอับอายขายหน้าไปถึงบ้านเกิดหรือ?“แค่ก ๆ”“เจ้ามีเรื่องทะลึ่งอะไรอยู่ในหัวเล็ก ๆ นี้บ้าง?”“ถ้าไม่ติดว่าวันนี้ข้ามีเวลาน้อย ข้าจะสั่งสอนเจ้าเสียให้เข็ด!”“ให้เจ้ารู้จักว่าคำว่าสามีเป็นใหญ่ในบ้านหมายความว่าอย่างไร!”วินาทีต่อมาหวังหยวนก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้นมา แล้วคว้าไปที่ใต้วงแขนของหวงเจียวเจียวหวงเจียวเจียวหลบไม่ทัน นางหัวเราะเสียงใสกังวาน นางกลัวการถูกจั๊กจี้มากที่สุด ซึ่งหวังหยวนก็รู้จุดอ่อนของนางดี จึงจงใจแกล้งนางเช่นนี้“โอ๊ยโอ๊ย รู้แล้วเจ้าค่ะว่าผิด”หวงเจียวเจียวรีบพูดพลางดิ้นหลบไปอีกด้านหนึ่ง ไม่กล้าไปยั่วโมโหหวังหยวนต่ออีก“เช่นนี้ก็พอได้”“ถ้าเจ้ายังก
หวังหยวนขมวดคิ้วพลางเอ่ยถามเขาคิดไม่ออกจริง ๆ ว่าจะมีใครในใต้หล้าที่มีความแข็งแกร่งมากถึงเพียงนี้?“ยังไม่แน่ชัดขอรับ...”“ทุกอย่างต้องรอให้เราเข้าไปในเมืองหลวงก่อน แล้วค่อยสืบสวนต่อไป”“ตอนนี้สถานการณ์วุ่นวายมาก ไม่ทราบว่าจะต้องให้ทหารเกราะดำมาคุ้มกันพวกเราดีหรือไม่ขอรับ?”“เผื่อว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน”“หากเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในเมืองหลวง อย่างน้อยก็จะรับรองได้ว่าพวกเราสองคนจะหนีออกมาได้อย่างปลอดภัย...”เกาเล่อเตือนด้วยสีหน้าจริงจังแต่หวังหยวนกลับขมวดคิ้ว ก่อนจะโบกมือ “ ยังไม่จำเป็นต้องเรียกพวกเขามา หากทหารการที่มีทหารเกราะดำอยู่ข้างกาย ความปลอดภัยก็จะเพิ่มขึ้นมากทีเดียว เกราะดำทั้งหมดออกจากหมู่บ้านต้าหวัง ก็จะทำให้การป้องกันที่นั่นอ่อนแอลง...”“นั่นจะทำให้ศัตรูฉวยโอกาสเข้าโจมตีได้ง่าย”“ที่บ้านยังมีคนอีกมากที่ต้องปกป้อง อีกทั้งตอนนี้ก็เป็นช่วงเวลาที่วุ่นวาย เรื่องเหล่านี้ให้เราสองคนจัดการเองเถอะ”“อย่างไรเสีย ข้าก็เคยอยู่ในเมืองหลวงต้าเย่มาระยะหนึ่งแล้ว คงจะไม่มีปัญหาอะไรมากนักหรอก”แม้จะพูดเช่นนั้น แต่ในใจของหวังหยวนก็ยังไม่มั่นใจเพราะแม้ว่าคนของทั้งสองฝ่ายจะ
ไม่นานนัก ทั้งสองก็เข้ามาถึงในโรงน้ำชาลมโชย“นายท่าน เชิญด้านในขอรับ!”“พวกท่านจะพักหรือว่าจะรับประทานอาหารหรือขอรับ?”เด็กในร้านคนหนึ่งรีบเข้ามาถามด้วยความเคารพ“ไปบอกเจ้าของร้านให้ออกมาพบข้า”“นำสิ่งนี้ไปให้เขา ไม่ต้องพูดอะไรมาก เขาจะออกมาพบเอง”เกาเล่อหยิบหยกชิ้นหนึ่งออกมาจากกระเป๋า แล้วส่งให้เด็กในร้าน จากนั้นก็รินชาหนึ่งแก้วก่อนจะส่งให้หวังหยวนเด็กในร้านไม่กล้ารอช้า รีบเดินไปทางด้านหลังร้านทันทีแม้ว่าโรงน้ำชาลมโชยจะไม่ใหญ่โตนัก แต่เรื่องจิปาถะในแต่ละวันก็ให้พวกเขาเป็นผู้รับผิดชอบ ส่วนเจ้าของร้านนั้นเป็นคนลึกลับ แทบจะซ่อนตัวอยู่ในห้องด้านหลังทุกวันและยังไม่อนุญาตให้ใครเข้าไปในห้องของเขา ราวกับว่ามีอะไรเป็นความลับอยู่ในนั้น“พี่หวัง เจ้าของร้านที่นี่เป็นคนของเรา เชื่อใจได้แน่นอน”“เราแค่ให้เขาช่วยสืบข่าวให้สักหน่อย อาจจะได้ข่าวที่เราต้องการก็ได้ขอรับ”เกาเล่อรีบเอ่ยขึ้นมาตอนนี้สมาชิกสายลับในเมืองหลวงถูกฆ่าตายหมดแล้ว เรื่องนี้ต้องสืบสวนให้กระจ่าง!ไม่เช่นนั้นจะมีปัญหาตามมาไม่รู้จบ!ต้องเข้าใจว่าตอนนี้ แม้สถานการณ์ปัจจุบันจะแบ่งแยกอำนาจสามฝ่าย แต่ก็ไม่มีใครกล้าลงมือ
“โรงน้ำชาลมโชยแห่งนี้ช่างหรูหรายิ่งนัก”“ไม่เพียงแต่มีคนเล่าเรื่องเท่านั้น แต่ข้าเพิ่งสังเกตเห็นว่าชั้นสองยังมีคนเล่นกู่ฉินด้วย คงจะมีนักปราชญ์และกวีมากมายที่ชอบมาที่นี่ใช่หรือไม่?”“เจ้าเลือกที่นี่เป็นฐานที่มั่น คิดได้อย่างรอบคอบจริง ๆ”“นักปราชญ์และกวีเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นพวกคุยโว ถึงแม้ว่าในแต่ละวันจะเหมือนทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน แต่ถ้าหากมีคนมาหาเรื่องที่โรงน้ำชาลมโชย คนเหล่านี้ก็คงจะไม่นิ่งเฉย ข้าพูดถูกหรือไม่?”หวังหยวนมองสำรวจทุกสิ่งในโรงน้ำชาลมโชยไม่มีอะไรที่หลุดรอดสายตาของเขาไปได้เกาเล่อเพียงแค่ยิ้ม ไม่ได้เอ่ยคำใดหวังหยวนมอบหมายให้เขารับผิดดูแลเครือข่ายสายลับ เขาก็จะไม่ยอมให้สายลับเกิดความผิดพลาดใด ๆ ไม่เช่นนั้นก็จะไม่สมกับที่หวังหยวนไว้วางใจเขาหวังหยวนคือผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเขาไว้ เรื่องนี้เขาจะไม่มีวันลืมขณะที่กำลังคุยกัน พนักงานก็พาพวกเขามาที่ห้องห้องหนึ่งด้านหลัง เมื่อพนักงานเคาะประตู ประตูก็เปิดออกช้า ๆแม้ว่าตอนนี้จะเป็นช่วงที่มีแดดจ้า แต่ภายในห้องกลับมืดมิด และเนื่องจากคนที่อยู่ในห้องเปิดประตูไว้เพียงเล็กน้อย จึงมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในได้ช่างน่าลึกล
“เจ้าเล่ามาให้ละเอียดหน่อยเถิด เรื่องนี้คงจะมีที่มาที่ไป ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้น โดยไม่มีข่าวลือมาก่อน แล้วก็เกิดเรื่องมากมายถึงเพียงนี้ใช่หรือไม่?”หวังหยวนรีบสอบถามสิ่งที่ผิดปกติย่อมมีเหตุผลเรื่องนี้ต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลังที่คนอื่นไม่รู้ จึงได้ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ แล้วก็เกิดเรื่องมากมายถึงเพียงนี้ชายวัยกลางคนเพิ่งสังเกตเห็นหวังหยวนที่นั่งอยู่ข้าง ๆเมื่อสักครู่นี้เขาสนใจแต่เกาเล่อ จนไม่ได้สังเกตว่ามีคนเดินตามเกาเล่อเข้ามาด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขาตื่นตระหนกมากแค่ไหนเขาเผลอหันไปมองเกาเล่อ ราวกับจะถามว่าหวังหยวนเป็นใคร“ท่านผู้นี้คือผู้ที่อยู่เบื้องหลังองค์กรเครือข่ายผีเสื้อ หวังหยวน คงจะเคยได้ยินชื่อกระมัง?”ชื่อเสียงติดฟ้า ดั่งเงาไม้ยืนยงเกาเล่อพูดเพียงประโยคเดียว ชายวัยกลางคนก็รู้ตัวตนของหวังหยวนแล้ว เขารีบก้มลงคุกเข่าต่อหน้าหวังหยวน แล้วพูดอย่างรีบร้อน “ปรากฏว่าเป็นท่านหวังมาด้วยตนเอง”“ขออภัยที่เสียมารยาทขอรับ!”หวังหยวนโบกมือคล้ายจะไม่ถือสา เขาหยิบถ้วยชาขึ้นมา แล้วเริ่มเข้าสู่ประเด็น “พูดมาตามตรงเถิด เมื่อไม่นานมานี้ในเมืองหลวงเกิดเรื่องแปลกประหลาดขึ้นหรือ
“แต่น่าเสียดายที่วีรบุรุษเช่นเจ้ากลับติดตามเจ้านายที่ไม่คู่ควร จึงต้องมาพบจุดจบเช่นนี้!”“ข้าขอเตือนอีกครั้ง หากเจ้ายินดีมาอยู่กับข้าหรือบอกที่ซ่อนทรัพย์สมบัติ ข้าก็จะไม่ทำร้ายเจ้าอีก!”หลิ่วหรูเยียนไม่เอ่ยคำใดแค่นี้ก็สาสมแล้วลั่วเฉินน่าสงสารยิ่งกว่าโอวหยางอวี่ อย่างน้อยโอวหยางอวี่ยังได้ตายอย่างรวดเร็ว!แต่ลั่วเฉินเล่า?ตอนนี้ทั่วร่างเต็มไปด้วยเลือด สภาพของเขาย่ำแย่มาก มีลมหายใจอยู่ก็เหมือนรอวันตายการมีชีวิตอยู่ยังทรมานยิ่งกว่าการตาย!“เลิกคิดเถิด!”“ข้าจะไม่ยอมแพ้!”ลั่วเฉินใช้แรงเฮือกสุดท้ายตะโกนด้วยความโกรธ“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ตามใจเจ้า”“ข้าอยากรู้ว่ากระดูกเจ้าจะแข็งได้สักกี่น้ำ”พูดจบหวังหยวนก็ไม่เสียเวลากับลั่วเฉิน พาหลิ่วหรูเยียนเดินออกจากคุกระหว่างทาง ทั้งสองไม่ได้หันไปมองตานสยงเฟยต่อไปแค่เค้นถามลั่วเฉินก็พอแล้ว หากไม่ได้ผลค่อยไปหาตานสยงเฟย!เพราะตานสยงเฟยจัดการยากกว่าลั่วเฉินมาก!ตานสยงเฟยรู้ดีว่าที่ซ่อนทรัพย์สมบัติคือเครื่องช่วยชีวิตของเขา ตราบใดที่เขายังปากแข็ง หวังหยวนก็ไม่อาจทำอะไรเขาได้!นี่คือประโยชน์อย่างเดียวของเขา!เขาต้องเก็บไพ่ตายใบนี้ไว้ ไม
“อะแฮ่ม”หวังหยวนกระแอม แล้วรีบแต่งตัว ไม่ได้ตอบคำถามของหลิ่วหรูเยียนจะให้เขาตอบเช่นไร?หรือว่าเขาเป็นคนไร้หัวใจ?แต่เมื่อนึกถึงภรรยาหลายคนที่บ้านก็รู้สึกหนักใจ เพิ่งจะแต่งงานกับเสวี่ยเชียนหลงยังไม่ถึงปี ก็มีหญิงงามมาเพิ่มอีกคน แล้วจะอธิบายกับภรรยาอย่างไร!แต่จะเดินจากไปง่าย ๆ เลยก็คงไม่ดีหรือไม่?หวังหยวนรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก คงต้องตัดสินใจในภายหลัง“จริงสิ”“ข้าต้องไปที่คุก เจ้าจะไปด้วยกันหรือไม่?”หวังหยวนมองหลิ่วหรูเยียน แล้วเอ่ยถาม“แน่นอน!”หลิ่วหรูเยียนพยักหน้าอย่างหนักแน่น “ข้าอยากเห็นลั่วเฉินถูกทรมานเพื่อระบายความแค้น!”ไม่นานทั้งสองก็มาถึงคุกต่งอวี่รีบเข้ามาต้อนรับ เมื่อเห็นหวังหยวนก็โค้งคำนับ แล้วกล่าวว่า“ท่านผู้นำ!”“เมื่อคืนข้าอยู่ที่นี่ตลอด ใช้บทลงโทษต่าง ๆ นานากับลั่วเฉินจนเขาบาดเจ็บสาหัส แต่เขากลับปากแข็งไม่ยอมปริปากเลยขอรับ!”“หากไม่ใช่เพราะเขาใกล้จะตายเต็มทน เราคงไม่ปล่อยให้เขาพักหรอกขอรับ”ต่งอวี่กล่าวด้วยความโกรธช่างน่าโมโหนัก!เขาใช้ความอำมหิตไปเกือบหมดแล้ว แต่ลั่วเฉินก็ยังปากแข็ง!ปากอย่างกับแม่กุญแจ!ยากที่จะแงะออกจริงๆ!เขารู้สึกหนัก
ต่งอวี่รับคำแล้วพาลั่วเฉินไปที่คุกก็แค่พวกกระดูกแข็งเท่านั้น!หากใช้การทรมานเข้าช่วยก็ไม่เชื่อหรอกว่าจะมีใครทนได้ กระดูกจะแข็งเพียงใดกัน?หากทนได้ แสดงว่าแค่ทรมานไม่มากพอ!“ข้าคิดว่าเขาคงไม่ยอมเปิดปาก”“แม้ว่าท่านจะฆ่าเขา เขาก็คงไม่บอกที่ซ่อนทรัพย์สมบัติ”หลิ่วหรูเยียนเดินไปข้างหวังหยวน มองคนพาตัวลั่วเฉินออกไป แล้วกล่าวต่อว่า “เขาไม่ใช่คนอย่างโอวหยางอวี่ นับว่าเป็นขุนพลที่กล้าหาญและซื่อสัตย์“หวังหยวนพยักหน้า เขาจะไม่รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?แต่จำต้องลองดูสักครั้ง“เจ้าจัดการโอวหยางอวี่ไปแล้วหรือ?”หวังหยวนเปลี่ยนเรื่องด้วยการถามด้วยรอยยิ้ม“ใช่แล้ว”“เขายังหวังจะให้นึกถึงความสัมพันธ์ในอดีต ใช้คำพูดโน้มน้าวข้า แต่น่าเสียดายตอนนี้ใจข้าแข็งดั่งหิน ต้องการแค่ล้างแค้นให้บิดามารดา ทวงความยุติธรรมให้พวกท่านเท่านั้น!”“ในสายตาข้า ชีวิตคนของพรรคทมิฬไร้ค่า!”“ไม่ต้องพูดถึงโอวหยางอวี่ แม้แต่ตานสยงเฟย ข้าก็จะฆ่าเขา!”หลิ่วหรูเยียนกล่าวอย่างหนักแน่นความแค้นในการฆ่าบิดาไม่อาจลืมเลือน จะปล่อยไปง่าย ๆ ได้อย่างไร?หวังหยวนยกยิ้มอย่างพึงพอใจ แล้วพยักหน้ากล่าวว่า “เช่นนั้นก็ดี”“แต่หล
“เพียะ เพียะ เพียะ!”หลิ่วหรูเยียนไม่พูด เพียงแค่ยกมือขึ้นตบหน้าโอวหยางอวี่หลายครั้งจนหน้าบวมปูด!ทหารหลายคนที่อยู่ข้าง ๆ ต่างมองโอวหยางอวี่ด้วยสายตาเย็นชาทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะตัวเขาเอง!แต่ต้องยอมรับว่าหลิ่วหรูเยียนเป็นสตรีที่แข็งแกร่ง ไม่ควรไปยั่วยุนาง!“เพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์ในอดีต ข้าจึงจะให้เจ้าตายอย่างสงบ!”“ไม่เช่นนั้นข้าจะทรมานเจ้าให้การมีชีวิตยังดีกว่าตาย!”หลิ่วหรูเยียนกล่าวด้วยความโกรธแค้นคนของพรรคทมิฬล้วนไม่ใช่คนดีสักคน ฆ่าทิ้งก็สิ้นเรื่อง!ตอนนี้นางแค่อยากฆ่าคนระดับสูงของพรรคทมิฬให้หมด!“น้องหรูเยียน...”โอวหยางอวี่ตะโกนอีกครั้ง แต่หลิ่วหรูเยียนลงดาบตัดหัวเขาขาดในดาบเดียว!คนชั่วช้าคนหนึ่งจบชีวิตลง!“หัวหน้าองครักษ์คนหนึ่งจากในสี่คน! ก็แค่นี้!”หลิ่วหรูเยียนพ่นลมหายใจ ไม่เอ่ยคำใด นางโยนดาบทิ้ง แล้วเดินไปหาหวังหยวนตอนนี้หวังหยวนกำลังเผชิญหน้ากับลั่วเฉิน“หรูเยียนกลับมาแล้ว โอวหยางอวี่คงตายแล้ว”“คนเช่นนั้น ตายไปก็ไม่น่าเสียดาย”หวังหยวนส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มลั่วเฉินหัวเราะลั่น แล้วกล่าวว่า “ใช่แล้ว! คนทรยศ ขี้ขลาดเช่นนั้น ไม่ฆ่าเขา แล้วจะฆ่าใคร?”“เ
“เท่าที่ข้ารู้ พรรคทมิฬมีทรัพย์สมบัติมากมาย!”“วันนี้ข้าเรียกพวกเจ้ามาก็เพื่อถามว่าทรัพย์สมบัติเหล่านั้นอยู่ที่ใด?”“ก่อนที่ข้าจะบุกหน้าผา ได้ยินว่าของพวกนั้นถูกขนย้ายไปแล้วจริงหรือไม่?”หวังหยวนมองไปที่โอวหยางอวี่ แล้วถามตรงประเด็นโอวหยางอวี่พูดไม่ออก ได้แต่อ้ำอึ้งอยู่พักหนึ่ง แต่ก็ไม่เอ่ยคำใด“ฮ่าฮ่าฮ่า!”ลั่วเฉินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หัวเราะลั่น“โอวหยางอวี่!”“เจ้าคิดว่าท่านประมุขไม่รู้ความทะเยอทะยานของเจ้าหรือ?”“เรื่องสำคัญเช่นนี้ จะบอกคนชั่วเช่นเจ้าได้อย่างไร?”“ตอนนี้แม้ว่าเจ้าจะประจบสอพลอก็คงไม่มีโอกาสแล้วกระมัง?”นี่...โอวหยางอวี่รู้สึกจนใจ หน้าแดงก่ำ เขาไม่รู้ที่ซ่อนทรัพย์สมบัติจริง ๆ!ไม่เช่นนั้นเขาคงบอกหวังหยวนไปแล้วเพื่อเอาชีวิตรอด!หวังหยวนจะมองความคิดของโอวหยางอวี่ไม่ออกได้อย่างไร?เขาหรี่ตาลง ก่อนจะเตะโอวหยางอวี่ แล้วหันไปพยักหน้าให้หลิ่วหรูเยียน เขาชี้ไปที่โอวหยางอวี่ แล้วกล่าวว่า “คนผู้นี้ไร้ประโยชน์ เจ้าจัดการเขาเถิด!”“จะปล่อยเขาไปหรือจะฆ่าเขาก็สุดแล้วแต่เจ้า ไม่ต้องถามข้า!”หลิ่วหรูเยียนดีใจ รู้สึกซาบซึ้งใจมากส่วนโอวหยางอวี่กลับมีสีหน้าหวาดกลัว รีบ
“ได้เลย!”หวังหยวนยิ้มอย่างพึงพอใจ จากนั้นจึงพาหลิ่วหรูเยียนไปยังสวนหลังบ้านเนื่องจากงานเลี้ยงยังไม่เลิก ทุกคนยังคงดื่มกินอย่างสนุกสนาน หวังหยวนจึงใช้สวนหลังบ้านเป็นสถานที่สอบสวนไม่นานต่งอวี่ก็พาโอวหยางอวี่และลั่วเฉินมา ข้างหลังพวกเขามีทหารหลายคน“ท่านหวัง!”“ท่านโปรดอย่าทำร้ายข้าเลย!”“ก่อนหน้านี้ข้าตาบอด จึงได้ไปอยู่กับตานสยงเฟย แต่ตอนนี้ข้าสำนึกผิดแล้ว หากท่านให้โอกาสข้า ต่อไปข้ายินดีรับใช้ท่านให้ดีที่สุดขอรับ!”“หากท่านไม่ต้องการใช้ข้าก็ปล่อยข้าไปเถิด ข้าจะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าท่าน และจะไม่สร้างความเดือดร้อนใด ๆ ให้ท่านแน่นอนขอรับ!”โอวหยางอวี่รีบคุกเข่าลงอ้อนวอนขอความเมตตา!ครั้งก่อน แม้แต่ตอนอยู่บนหน้าผา เขาก็หมดอำนาจแล้ว ได้แต่ถูกขังอยู่ในห้องทุกวันแม้ว่าเรื่องทั้งหมดจะเป็นเพราะหวังหยวน แต่เขาก็รู้ดีว่าตอนนี้เขาเป็นนักโทษ หากไม่สามารถพูดโน้มน้าวหวังหยวนได้ ต่อไปเขาก็คงมีแต่ต้องตายเท่านั้น!วันชื่นคืนสุขผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว!หลิ่วหรูเยียนพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา แล้วเบือนหน้าหนีด้วยความรังเกียจ ช่างเป็นคนขี้ขลาดนัก!เพิ่งจะพบหน้ากันก็คุกเข่าขอความเมตตาแล้วหรือ?ครั้งก
หวังหยวนเดินไปหาหลิ่วหรูเยียน แล้วถามด้วยรอยยิ้ม“ข้าจำได้”“เพียงแต่...”หลิ่วหรูเยียนมีท่าทีลังเล ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “เพียงแต่สถานการณ์ตอนนี้ต่างจากตอนนั้น ข้าไม่ใช่คนไร้เหตุผลและรู้จักกาลเทศะ!”“ในเมื่อตานสยงเฟยมีประโยชน์ต่อท่าน ข้าจะฆ่าเขาเพื่อความสาแก่ใจเพียงครู่เดียวได้อย่างไร?”สุดท้ายหลิ่วหรูเยียนก็รีบวิ่งออกไป ไม่อยากเห็นหน้าตานสยงเฟยอีก!ไม่เช่นนั้นนางเกรงว่าตนเองจะอดใจไม่ไหว ลงมือฆ่าเขาจนทำลายแผนการของหวังหยวน!“เจ้าช่างโชคดี”“ดูเหมือนว่าเจ้าจะยังรักษาหัวไว้บนบ่าได้”หวังหยวนมองตานสยงเฟยด้วยสายตาเย็นชา ไม่ได้เอ่ยคำใด แล้วเดินออกไปข้างหลังมีเพียงเสียงหัวเราะอันน่ารังเกียจของตานสยงเฟยในเมื่อเขามีไพ่ตายอยู่ในมือก็ไม่ต้องกลัวตาย!สักวันหนึ่ง เขาจะต้องเป็นอิสระ!...“ช้าก่อน!”หลังจากออกจากคุกแล้ว หวังหยวนก็รีบวิ่งตามหลิ่วหรูเยียนไปหลิ่วหรูเยียนหันกลับมามองหวังหยวน แล้วถามด้วยความสงสัยว่า “มีเรื่องอะไรอีกหรือ?”“ข้าแค่อยากถามเจ้าว่า ในบรรดาคนของพรรคทมิฬที่พวกเราจับมาได้มีคนระดับสูงคนอื่น ๆ อีกหรือไม่?”พรรคทมิฬมีรากฐานที่แข็งแกร่ง มีสาวกมากมาย แสดงว่าคงคนม
ทันใดนั้น ตานสยงเฟยก็หัวเราะลั่น ปรากฏว่าเป็นเช่นนี้เอง!“ดูเหมือนว่าข้ายังมีประโยชน์อยู่บ้าง สิ่งที่เจ้าต้องการคือทรัพย์สมบัติของข้างั้นหรือ?”“แต่ก็ดี พวกเรามาทำข้อตกลงกัน!”“หากเจ้าปล่อยข้าไป ทรัพย์สมบัติและทรัพยากรทั้งหมดของข้าจะเป็นของเจ้า แต่หากเจ้าไม่ยอมรับข้อเสนอ เจ้าก็อย่าหวังว่าจะได้สิ่งเหล่านั้น!”ตานสยงเฟยกล่าว พร้อมกับจ้องหน้าหวังหยวน“จริงสิ”“หลิ่วหรูเยียนกลายเป็นคนของเจ้าแล้ว หากเจ้าไม่เชื่อคำพูดข้าก็ลองถามนางดู ว่าทรัพย์สมบัติของข้ามากมายมหาศาลจริงหรือไม่!”“ถามดูก็รู้ผล!”ตานสยงเฟยกล่าวอย่างมั่นใจเหตุผลที่เขาสามารถสร้างพรรคทมิฬและรวบรวมสาวกมากมายจนมีอิทธิพลในดินแดนทั้งเก้าได้ ก็เพราะเขามีทรัพย์สมบัติมหาศาล!แม้ว่าจะเทียบกับหวังหยวนไม่ได้ แต่เขาก็ไม่ใช่ธรรมดาอย่างแน่นอน!อย่างน้อยในดินแดนทั้งเก้าก็ยังมีที่ให้เขายืนหยัดในฐานะผู้นำ!หลิ่วหรูเยียนที่ยืนอยู่ข้างหลังหวังหยวนกำหมัดแน่น ไม่เอ่ยคำใด แต่ทุกคนต่างก็สัมผัสได้ถึงความโกรธของนาง!ความแค้นเพราะบิดาถูกสังหารนั้นไม่อาจลืมเลือน!ศัตรูอยู่ตรงหน้า แต่นางกลับทำอะไรไม่ได้ ช่างไร้ความสามารถ!“เขาพูดจริงหรือ?”
หลายปีมานี้นางเชื่อคำพูดของตานสยงเฟยมาโดยตลอด คิดว่าตัวเองเป็นเด็กกำพร้า แม้กระทั่งเกลียดชังบิดามารดาของตนเองด้วยซ้ำ!เหตุใดพวกเขาจึงทอดทิ้งนาง?ทำให้นางต้องระหกระเหินมานานหลายปี!แต่ทั้งหมดนี้กลับเป็นคำโกหกของตานสยงเฟย บิดามารดาของนางไม่ได้ทอดทิ้งนาง แต่ถูกตานสยงเฟยฆ่าตายต่างหาก!บัดนี้เมื่อความจริงปรากฏ นางจึงอยากไปเคารพหลุมศพของพวกเขา!เป็นการแสดงความกตัญญูและทำให้หมดห่วง“เป็นเช่นนี้เอง”หวังหยวนพยักหน้า“ได้!”“ในเมื่อเจ้าต้องการเช่นนั้น ข้าจะพาเจ้าไปที่คุกเอง”“เพื่อป้องกันไม่ให้ตานสยงเฟยใช้อุบายอันใด”หลิ่วหรูเยียนมีท่าทีแปลกไป อาจจะถูกตานสยงเฟยชักจูงได้หลิ่วหรูเยียนไม่ได้ปฏิเสธ นางพยักหน้า หวังหยวนจึงพานางไปที่คุกที่จวน ทุกคนยังคงดื่มกินกันอย่างสนุกสนาน!ภายในคุกเนื่องจากตานสยงเฟยและพรรคพวกล้วนเป็นคนชั่ว หวังหยวนจึงสั่งให้ขังพวกเขาไว้ที่ชั้นใต้ดินของคุกที่นี่มักจะใช้ขังนักโทษอุกฉกรรจ์ยิ่งไปกว่านั้น การจะหนีออกไปจากที่นี่ก็ช่างยากเย็นพอ ๆ กับการปีนสู่สวรรค์!“หวังหยวน!”“ข้าสำนึกผิดแล้ว ขอท่านปล่อยข้าไปเถิด!”“ต่อไปนี้ข้ายินดีอยู่เคียงข้างรับใช้ท่าน!”“