“เจ้าเล่ามาให้ละเอียดหน่อยเถิด เรื่องนี้คงจะมีที่มาที่ไป ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้น โดยไม่มีข่าวลือมาก่อน แล้วก็เกิดเรื่องมากมายถึงเพียงนี้ใช่หรือไม่?”หวังหยวนรีบสอบถามสิ่งที่ผิดปกติย่อมมีเหตุผลเรื่องนี้ต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลังที่คนอื่นไม่รู้ จึงได้ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ แล้วก็เกิดเรื่องมากมายถึงเพียงนี้ชายวัยกลางคนเพิ่งสังเกตเห็นหวังหยวนที่นั่งอยู่ข้าง ๆเมื่อสักครู่นี้เขาสนใจแต่เกาเล่อ จนไม่ได้สังเกตว่ามีคนเดินตามเกาเล่อเข้ามาด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขาตื่นตระหนกมากแค่ไหนเขาเผลอหันไปมองเกาเล่อ ราวกับจะถามว่าหวังหยวนเป็นใคร“ท่านผู้นี้คือผู้ที่อยู่เบื้องหลังองค์กรเครือข่ายผีเสื้อ หวังหยวน คงจะเคยได้ยินชื่อกระมัง?”ชื่อเสียงติดฟ้า ดั่งเงาไม้ยืนยงเกาเล่อพูดเพียงประโยคเดียว ชายวัยกลางคนก็รู้ตัวตนของหวังหยวนแล้ว เขารีบก้มลงคุกเข่าต่อหน้าหวังหยวน แล้วพูดอย่างรีบร้อน “ปรากฏว่าเป็นท่านหวังมาด้วยตนเอง”“ขออภัยที่เสียมารยาทขอรับ!”หวังหยวนโบกมือคล้ายจะไม่ถือสา เขาหยิบถ้วยชาขึ้นมา แล้วเริ่มเข้าสู่ประเด็น “พูดมาตามตรงเถิด เมื่อไม่นานมานี้ในเมืองหลวงเกิดเรื่องแปลกประหลาดขึ้นหรือ
“ฝ่ายตรงข้ามลงมืออย่างรวดเร็วและเฉียบขาด สมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้อทั้งหมดถูกฆ่าตายด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ซึ่งเห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายเตรียมการมาเป็นอย่างดี”“หลังจากนั้น ข้าก็สืบหาอยู่เบื้องหลัง แต่เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่ไม่จำเป็น ข้าจึงไม่กล้าประกาศให้รู้โดยทั่วกัน การเคลื่อนไหวของข้ายังไม่เพียงพอ จึงไม่พบเบาะแสใด...”“ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของข้าเองขอรับ!”เกาเล่อไม่ได้เอ่ยคำใด สายตาของเขากลับมองไปที่หวังหยวนในตอนนี้ อำนาจการตัดสินใจทั้งการให้ชีวิตและความตาย ล้วนตกอยู่ในมือของหวังหยวน จะปล่อยให้ชายตรงหน้ามีชีวิตอยู่หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับหวังหยวนหวังหยวนโบกมือช้า ๆ “ไม่เป็นอะไร เจ้าทำถูกแล้ว เมื่อเราเปิดเผยฐานที่มั่นแห่งหนึ่งแล้ว ก็ไม่สามารถเปิดเผยฐานที่มั่นที่เหลือให้คนอื่นล่วงรู้ได้”“โรงน้ำชาลมโชยก็ถือว่าเป็นหูเป็นตาของข้าในเมืองหลวง ตอนนี้เจ้ามีความกดดันมากขึ้นแล้ว ข่าวสารทั้งหมดก็ต้องพึ่งพาเจ้าในการรวบรวม”“แต่จำไว้ว่า ถ้าหากพบว่าตัวเองถูกคนอื่นล่วงรู้เบาะแส ให้รีบออกจากเมืองหลวงทันที ข่าวสารนั้นสำคัญ แต่ชีวิตคนสำคัญกว่า!”คำพูดของหวังหยวนทำให้ชายวัยกลางคนตรงหน้าถึงกับ
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ที่หน้าประตูวังหลวงหวังหยวนยืนสบาย ๆ อยู่หน้าทหารรักษาเมืองสองสามนาย แล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบว่า “รีบไปบอกฮองเฮาไป๋ว่าเพื่อนเก่าอย่างหวังหยวนมาขอพบ หวังว่านางจะให้เกียรติข้าด้วยการออกมาพบหน้าสักหน่อย”ทหารนายหนึ่งพยักหน้า แล้วเดินเข้าไปในวังหลวงถ้าหากเป็นคนอื่นกล้าเรียกชื่อของฮองเฮาในที่สาธารณะคงจะไม่รอดตัวไปง่าย ๆแต่ตอนนี้คนที่พูดคือหวังหยวน สถานะย่อมต่างออกไป พวกเขาเองก็รู้ว่าหวังหยวนเป็นใคร จึงยินดีเปิดทางให้ผ่านไปชั่วธูปหนึ่งดอกไหม้หมด ทหารนายนั้นก็พาหวังหยวนไปที่วังหลวงชั้นในเพียงไม่นาน หวังหยวนและไป๋เหยียนเฟยก็ได้พบกันเพียงแต่ว่าตอนนี้ไป๋เหยียนเฟยได้เปลี่ยนมาสวมชุดสีเหลือง ดูสง่างามเป็นอย่างมาก“ดูเหมือนว่าท่านเตรียมจะขึ้นครองราชย์แล้วใช่หรือไม่?”ทันทีที่ได้พบหน้า หวังหยวนก็ถามขึ้นมา“ขึ้นครองราชย์แล้วจะเป็นอย่างไร? ใครบอกว่าสตรีจะครองราชย์ไม่ได้?”ไป๋เหยียนเฟยถามกลับ น้ำเสียงของนางแฝงไปด้วยความน่าเกรงขามของผู้ที่มีอำนาจตอนนี้นางไม่เหมือนเดิมแล้วก่อนหน้านี้ในราชวงศ์ต้าเย่ยังมีจีหย่งคอยต่อต้านนาง แต่ตอนนี้ นางได้กำจัดคนที่ขวางทางนางทั้
“ถ้าหากท่านยังไม่บอกความจริงกับข้า ก็อย่าโทษข้าที่ทำอะไรที่เกินกว่าเหตุ...”ท่าทีของหวังหยวนก็แข็งกร้าวขึ้นมาไม่น้อยแม้ว่าไป๋เหยียนเฟยจะไม่เหมือนเดิม แต่เขาก็ยังเป็นหวังหยวนคนเดิมไป๋เหยียนเฟยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นโบกมือให้ข้าราชบริพารและนางกำนัลที่อยู่ข้าง ๆ ออกไป แล้วจึงเดินมาหาหวังหยวน และกล่าวว่า “บางเรื่องไม่ใช่เรื่องที่ท่านจะยุ่งได้...” “เหมือนกับคนที่อยู่เบื้องหลังราชวงศ์ต้าเป่ย”“ที่ไป๋ชิงชางสามารถควบคุมราชวงศ์ต้าเป่ยได้อย่างรวดเร็ว ทุกคนก็รู้ว่าเบื้องหลังของเขาคืออะไร”“และตอนนี้ข้าก็เป็นเช่นนั้น ข้าเองก็มีกองกำลังที่ท่านไม่สามารถเทียบได้อยู่เบื้องหลังเช่นกัน”“พวกเขาไม่ได้ต้องการลงมือกับคนของท่าน และข้ากับพวกเขาก็ไม่ได้เจตนาที่จะเป็นศัตรูกับท่าน ถ้าจะโทษ ก็ต้องโทษคนของท่านที่ไม่รู้จักกาลเทศะ พวกเขายื่นมือมาไกลเกินไป จึงทำให้เกิดเรื่องราวเช่นนี้...”“พูดแค่นี้ก็พอแล้ว ส่วนเรื่องอื่น ข้าจะไม่พูดอะไรอีก...”“รู้มากเกินไปก็ไม่ดีกับท่านหรอก ดังนั้นท่านรีบออกไปได้ซะเถอะ”สิ่งที่ควรพูดก็ได้พูดไปหมดแล้ว ไป๋เหยียนเฟยถือว่าได้ทำหน้าที่ของตัวเองแล้วหวังหยวนยืนนิ่งอึ้งอ
ตกกลางคืน หวังหยวนและคนอื่น ๆ ก็ได้กลับมายังหมู่บ้านต้าหวังอีกครั้งในเวลานี้บรรดาผู้ใต้บังคับบัญชาของหวังหยวนได้มารวมตัวกันในห้องประชุม สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่หวังหยวน รอให้เขาสั่งการในเวลานี้สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงไปอีก ไม่ใช่แค่ความขัดแย้งระหว่างสองอาณาจักรแม้แต่คนของเมืองหวงก็เริ่มเข้ามาแทรกแซง เห็นได้ชัดว่าเรื่องราวเลวร้ายลงไปเพียงใด“เชื่อว่าทุกคนคงจะรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้แล้ว...”“ตามสถานการณ์ตอนนี้ อีกไม่นานก็คงจะกลายเป็นการต่อสู้ระหว่างมหาอำนาจ”“ทั่วทั้งแผ่นดินอาจจะเปลี่ยนแปลงไป สถานการณ์ที่มั่นคงของดินแดนทั้งเก้าก็จะถูกทำลาย เมื่อบ้านแตกสาแหรกขาด คนในบ้านก็ย่อมเดือดร้อนไปด้วย” “ถึงแม้ว่าเมืองหลิงจะเป็นดินแดนที่สงบสุขมาโดยตลอด แต่ครั้งนี้สถานการณ์แตกต่างออกไป”“ข้าได้พูดคุยกับไป๋เหยียนเฟยแล้ว จึงได้เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด เบื้องหลังไป๋เหยียนเฟยและต้าเย่ดูเหมือนจะมีผู้สนับสนุนยิ่งใหญ่คอยผลักดัน และเติมเชื้อเพลิงในกองไฟ”“แต่ว่าอีกฝ่ายเป็นใครหรือมาจากไหน เรายังไม่มีทางรู้ได้” “แม้แต่สมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้อก็ถูกกำจัดไปหมดสิ้น คงจะมีความสัมพันธ์
พวกเขารู้นิสัยของหวังหยวนดี การติดตามหวังหยวนย่อมไม่ผิดพลาด!การเคลื่อนไหวของเมืองหลิงก็ทำให้หลายคนตกใจณ วังหลวงของอาณาจักรต้าเป่ย ไป๋ชิงชางได้รับข่าวเช่นกัน จึงงล่วงรู้แผนการเกณฑ์ทหารของหวังหยวน“ฝ่าบาท ปรากฏว่าหวังหยวนไม่ได้ซื่อสัตย์อย่างที่พระองค์ตรัส ตอนนี้เขาเริ่มเกณฑ์ทหารแล้ว เห็นได้ชัดว่าเตรียมจะแย่งชิงดินแดนทั้งเก้า...”“เช่นนี้แล้ว เราไม่เพียงแต่ต้องเผชิญหน้ากับราชวงศ์ต้าเป่ยและเมืองหวงเท่านั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเราต้องรับมือกับหวังหยวน!”“ในบรรดากองกำลังทั้งหลายเหล่านี้ หวังหยวนมีกองกำลังที่จัดการได้ยากที่สุด กระหม่อมได้ยินมาว่าตอนนี้เขาจะเกณฑ์ทหารเป็นจำนวนมาก แต่ชาวบ้านในท้องถิ่นกลับสนับสนุนเขาอย่างล้นหลาม”“นี่เป็นเรื่องแปลกประหลาดอย่างยิ่ง...”ไป๋ฝูซานกล่าวด้วยใบหน้าขมวดคิ้ว ในอดีตเมื่อถึงเวลาเกณฑ์ทหาร ชาวบ้านในแต่ละพื้นที่ก็จะหลบเลี่ยง เพราะไม่มีใครอยากไปเข้าร่วมสมรภูมิรบ!แต่สถานการณ์ของหวังหยวนเป็นอย่างไร?กลับตรงกันข้ามกับที่กล่าวมา!ผู้คนต่างก็แห่แหนกันไปสมัครทหารเพื่อเข้าร่วมกับหวังหยวน นี่เป็นเรื่องแปลกประหลาด!ไป๋ชิงชางครุ่นคิด สีหน้าของเขาอดเปลี
“ขอบพระทัยฝ่าบาท”“กระหม่อมจะทุ่มเทอย่างสุดความสามารถเพื่อฝ่าบาทอย่างสุดชีวิต ไม่ให้ฝ่าบาทผิดหวังในความไว้วางใจพ่ะย่ะค่ะ!”ไป๋ฝูซานเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เขาโค้งคำนับไป๋ชิงชาง แล้วรีบรุดออกไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ยังมีเรื่องมากมายที่ต้องจัดการหลังจากที่เขากลับมาที่อาณาจักรต้าเป่ย ไม่เพียงแต่จะมีภารกิจทางการทหารมากมายที่ต้องจัดการ แต่ยังต้องระวังอาณาจักรเพื่อนบ้านมารุกรานอีกด้วยในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้ ต้องระวังเป็นพิเศษ!อีกด้านหนึ่ง ที่หมู่บ้านต้าหวังหลังจากเกณฑ์ทหารมาครึ่งเดือน หวังหยวนก็มีทหารในมือสองแสนนายโดยมีต้าหู่และเอ้อหู่กำลังฝึกทหารเหล่านี้ และด้วยความช่วยเหลือของทหารเกราะดำ เพียงแค่ให้เวลาพวกเขาอีกสักระยะ ก็จะสามารถสร้างกองทัพพยัคฆ์ได้ในไม่ช้า“ทหารในมือเรามีเพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องเกณฑ์ทหารเพิ่มอีก”“จำไว้ว่าต้องให้เงินอุดหนุนพวกเขามากขึ้น เพื่อให้พวกเขารู้ว่าการเป็นทหารนั้นดีอย่างไร”“ยิ่งไปกว่านั้น ต้องให้พวกเขารู้ว่าการเป็นทหารมีความหมายอย่างไรด้วย”“ข้าไม่ได้ริเริ่มต้องการครองแผ่นดินเอง เหตุผลที่ข้าเตรียมจะนำทัพออกรบก็เพื่อปกป้องแผ่นดินและประชาชน”ขณะนี้ ห
“สามี ท่านออกศึกอย่างสบายใจเถิด เรื่องภายในบ้านไม่จำเป็นต้องกังวล ข้าจะดูแลทุกอย่างให้เรียบร้อย”“จะไม่ทำให้ท่านต้องกังวลใจอย่างแน่นอน”หลี่ซื่อหานเข้าใจความรู้สึกผู้อื่นเป็นอย่างดี เพียงแค่มองจากสีหน้าของหวังหยวน ก็มองออกแล้วว่าหวังหยวนคิดอะไรอยู่ทันใดนั้นเสียงหัวเราะสดใสก็ดังขึ้น หวงเจียวเจียวเดินมาจากด้านหลังของหวังหยวน เมื่อเห็นท่าทางหวานชื่นของทั้งสอง ก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้า “ปรากฏว่าพวกท่านแอบมาจู๋จี๋กันที่นี่เองงั้นหรือ?”“โอ้โฮ เจ้าช่างน่าสนใจจริง ๆ ไม่เจอกันหลายวัน ไม่คิดว่าเจ้าจะรู้จักใช้สำนวนเป็นแล้ว ใช่หรือไม่?”“เจ้ารู้หรือไม่ว่าจู๋จี๋หมายถึงอะไร?”หวังหยวนและหลี่ซื่อหานหันมาพูดติดตลกใบหน้าของหวงเจียวเจียวแดงก่ำขึ้นมาในทันทีจริง ๆ แล้วนางแค่เรียนรู้และนำมาใช้ นางเพิ่งได้ยินคนอื่นพูดคำนี้จึงได้จำไว้ในใจหลังจากนั้นก็เห็นหวังหยวนและหลี่ซื่อหานกำลังพลอดรักกันอยู่ที่นี่ จึงได้พูดคำนี้ออกมา แต่ไม่คิดว่าหวังหยวนจะไม่เพียงแต่ไม่ชื่นชมนางเท่านั้น แถมยังมาพูดจาถากถางนางอีก น่าโมโหจริง ๆ!“ข้าไม่สน ท่านทำให้ข้าโกรธแล้ว”“เช่นนั้นท่านต้องสัญญากับข้าอย่างหนึ่ง”หวงเจียว
“แต่น่าเสียดายที่วีรบุรุษเช่นเจ้ากลับติดตามเจ้านายที่ไม่คู่ควร จึงต้องมาพบจุดจบเช่นนี้!”“ข้าขอเตือนอีกครั้ง หากเจ้ายินดีมาอยู่กับข้าหรือบอกที่ซ่อนทรัพย์สมบัติ ข้าก็จะไม่ทำร้ายเจ้าอีก!”หลิ่วหรูเยียนไม่เอ่ยคำใดแค่นี้ก็สาสมแล้วลั่วเฉินน่าสงสารยิ่งกว่าโอวหยางอวี่ อย่างน้อยโอวหยางอวี่ยังได้ตายอย่างรวดเร็ว!แต่ลั่วเฉินเล่า?ตอนนี้ทั่วร่างเต็มไปด้วยเลือด สภาพของเขาย่ำแย่มาก มีลมหายใจอยู่ก็เหมือนรอวันตายการมีชีวิตอยู่ยังทรมานยิ่งกว่าการตาย!“เลิกคิดเถิด!”“ข้าจะไม่ยอมแพ้!”ลั่วเฉินใช้แรงเฮือกสุดท้ายตะโกนด้วยความโกรธ“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ตามใจเจ้า”“ข้าอยากรู้ว่ากระดูกเจ้าจะแข็งได้สักกี่น้ำ”พูดจบหวังหยวนก็ไม่เสียเวลากับลั่วเฉิน พาหลิ่วหรูเยียนเดินออกจากคุกระหว่างทาง ทั้งสองไม่ได้หันไปมองตานสยงเฟยต่อไปแค่เค้นถามลั่วเฉินก็พอแล้ว หากไม่ได้ผลค่อยไปหาตานสยงเฟย!เพราะตานสยงเฟยจัดการยากกว่าลั่วเฉินมาก!ตานสยงเฟยรู้ดีว่าที่ซ่อนทรัพย์สมบัติคือเครื่องช่วยชีวิตของเขา ตราบใดที่เขายังปากแข็ง หวังหยวนก็ไม่อาจทำอะไรเขาได้!นี่คือประโยชน์อย่างเดียวของเขา!เขาต้องเก็บไพ่ตายใบนี้ไว้ ไม
“อะแฮ่ม”หวังหยวนกระแอม แล้วรีบแต่งตัว ไม่ได้ตอบคำถามของหลิ่วหรูเยียนจะให้เขาตอบเช่นไร?หรือว่าเขาเป็นคนไร้หัวใจ?แต่เมื่อนึกถึงภรรยาหลายคนที่บ้านก็รู้สึกหนักใจ เพิ่งจะแต่งงานกับเสวี่ยเชียนหลงยังไม่ถึงปี ก็มีหญิงงามมาเพิ่มอีกคน แล้วจะอธิบายกับภรรยาอย่างไร!แต่จะเดินจากไปง่าย ๆ เลยก็คงไม่ดีหรือไม่?หวังหยวนรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก คงต้องตัดสินใจในภายหลัง“จริงสิ”“ข้าต้องไปที่คุก เจ้าจะไปด้วยกันหรือไม่?”หวังหยวนมองหลิ่วหรูเยียน แล้วเอ่ยถาม“แน่นอน!”หลิ่วหรูเยียนพยักหน้าอย่างหนักแน่น “ข้าอยากเห็นลั่วเฉินถูกทรมานเพื่อระบายความแค้น!”ไม่นานทั้งสองก็มาถึงคุกต่งอวี่รีบเข้ามาต้อนรับ เมื่อเห็นหวังหยวนก็โค้งคำนับ แล้วกล่าวว่า“ท่านผู้นำ!”“เมื่อคืนข้าอยู่ที่นี่ตลอด ใช้บทลงโทษต่าง ๆ นานากับลั่วเฉินจนเขาบาดเจ็บสาหัส แต่เขากลับปากแข็งไม่ยอมปริปากเลยขอรับ!”“หากไม่ใช่เพราะเขาใกล้จะตายเต็มทน เราคงไม่ปล่อยให้เขาพักหรอกขอรับ”ต่งอวี่กล่าวด้วยความโกรธช่างน่าโมโหนัก!เขาใช้ความอำมหิตไปเกือบหมดแล้ว แต่ลั่วเฉินก็ยังปากแข็ง!ปากอย่างกับแม่กุญแจ!ยากที่จะแงะออกจริงๆ!เขารู้สึกหนัก
ต่งอวี่รับคำแล้วพาลั่วเฉินไปที่คุกก็แค่พวกกระดูกแข็งเท่านั้น!หากใช้การทรมานเข้าช่วยก็ไม่เชื่อหรอกว่าจะมีใครทนได้ กระดูกจะแข็งเพียงใดกัน?หากทนได้ แสดงว่าแค่ทรมานไม่มากพอ!“ข้าคิดว่าเขาคงไม่ยอมเปิดปาก”“แม้ว่าท่านจะฆ่าเขา เขาก็คงไม่บอกที่ซ่อนทรัพย์สมบัติ”หลิ่วหรูเยียนเดินไปข้างหวังหยวน มองคนพาตัวลั่วเฉินออกไป แล้วกล่าวต่อว่า “เขาไม่ใช่คนอย่างโอวหยางอวี่ นับว่าเป็นขุนพลที่กล้าหาญและซื่อสัตย์“หวังหยวนพยักหน้า เขาจะไม่รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?แต่จำต้องลองดูสักครั้ง“เจ้าจัดการโอวหยางอวี่ไปแล้วหรือ?”หวังหยวนเปลี่ยนเรื่องด้วยการถามด้วยรอยยิ้ม“ใช่แล้ว”“เขายังหวังจะให้นึกถึงความสัมพันธ์ในอดีต ใช้คำพูดโน้มน้าวข้า แต่น่าเสียดายตอนนี้ใจข้าแข็งดั่งหิน ต้องการแค่ล้างแค้นให้บิดามารดา ทวงความยุติธรรมให้พวกท่านเท่านั้น!”“ในสายตาข้า ชีวิตคนของพรรคทมิฬไร้ค่า!”“ไม่ต้องพูดถึงโอวหยางอวี่ แม้แต่ตานสยงเฟย ข้าก็จะฆ่าเขา!”หลิ่วหรูเยียนกล่าวอย่างหนักแน่นความแค้นในการฆ่าบิดาไม่อาจลืมเลือน จะปล่อยไปง่าย ๆ ได้อย่างไร?หวังหยวนยกยิ้มอย่างพึงพอใจ แล้วพยักหน้ากล่าวว่า “เช่นนั้นก็ดี”“แต่หล
“เพียะ เพียะ เพียะ!”หลิ่วหรูเยียนไม่พูด เพียงแค่ยกมือขึ้นตบหน้าโอวหยางอวี่หลายครั้งจนหน้าบวมปูด!ทหารหลายคนที่อยู่ข้าง ๆ ต่างมองโอวหยางอวี่ด้วยสายตาเย็นชาทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะตัวเขาเอง!แต่ต้องยอมรับว่าหลิ่วหรูเยียนเป็นสตรีที่แข็งแกร่ง ไม่ควรไปยั่วยุนาง!“เพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์ในอดีต ข้าจึงจะให้เจ้าตายอย่างสงบ!”“ไม่เช่นนั้นข้าจะทรมานเจ้าให้การมีชีวิตยังดีกว่าตาย!”หลิ่วหรูเยียนกล่าวด้วยความโกรธแค้นคนของพรรคทมิฬล้วนไม่ใช่คนดีสักคน ฆ่าทิ้งก็สิ้นเรื่อง!ตอนนี้นางแค่อยากฆ่าคนระดับสูงของพรรคทมิฬให้หมด!“น้องหรูเยียน...”โอวหยางอวี่ตะโกนอีกครั้ง แต่หลิ่วหรูเยียนลงดาบตัดหัวเขาขาดในดาบเดียว!คนชั่วช้าคนหนึ่งจบชีวิตลง!“หัวหน้าองครักษ์คนหนึ่งจากในสี่คน! ก็แค่นี้!”หลิ่วหรูเยียนพ่นลมหายใจ ไม่เอ่ยคำใด นางโยนดาบทิ้ง แล้วเดินไปหาหวังหยวนตอนนี้หวังหยวนกำลังเผชิญหน้ากับลั่วเฉิน“หรูเยียนกลับมาแล้ว โอวหยางอวี่คงตายแล้ว”“คนเช่นนั้น ตายไปก็ไม่น่าเสียดาย”หวังหยวนส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มลั่วเฉินหัวเราะลั่น แล้วกล่าวว่า “ใช่แล้ว! คนทรยศ ขี้ขลาดเช่นนั้น ไม่ฆ่าเขา แล้วจะฆ่าใคร?”“เ
“เท่าที่ข้ารู้ พรรคทมิฬมีทรัพย์สมบัติมากมาย!”“วันนี้ข้าเรียกพวกเจ้ามาก็เพื่อถามว่าทรัพย์สมบัติเหล่านั้นอยู่ที่ใด?”“ก่อนที่ข้าจะบุกหน้าผา ได้ยินว่าของพวกนั้นถูกขนย้ายไปแล้วจริงหรือไม่?”หวังหยวนมองไปที่โอวหยางอวี่ แล้วถามตรงประเด็นโอวหยางอวี่พูดไม่ออก ได้แต่อ้ำอึ้งอยู่พักหนึ่ง แต่ก็ไม่เอ่ยคำใด“ฮ่าฮ่าฮ่า!”ลั่วเฉินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หัวเราะลั่น“โอวหยางอวี่!”“เจ้าคิดว่าท่านประมุขไม่รู้ความทะเยอทะยานของเจ้าหรือ?”“เรื่องสำคัญเช่นนี้ จะบอกคนชั่วเช่นเจ้าได้อย่างไร?”“ตอนนี้แม้ว่าเจ้าจะประจบสอพลอก็คงไม่มีโอกาสแล้วกระมัง?”นี่...โอวหยางอวี่รู้สึกจนใจ หน้าแดงก่ำ เขาไม่รู้ที่ซ่อนทรัพย์สมบัติจริง ๆ!ไม่เช่นนั้นเขาคงบอกหวังหยวนไปแล้วเพื่อเอาชีวิตรอด!หวังหยวนจะมองความคิดของโอวหยางอวี่ไม่ออกได้อย่างไร?เขาหรี่ตาลง ก่อนจะเตะโอวหยางอวี่ แล้วหันไปพยักหน้าให้หลิ่วหรูเยียน เขาชี้ไปที่โอวหยางอวี่ แล้วกล่าวว่า “คนผู้นี้ไร้ประโยชน์ เจ้าจัดการเขาเถิด!”“จะปล่อยเขาไปหรือจะฆ่าเขาก็สุดแล้วแต่เจ้า ไม่ต้องถามข้า!”หลิ่วหรูเยียนดีใจ รู้สึกซาบซึ้งใจมากส่วนโอวหยางอวี่กลับมีสีหน้าหวาดกลัว รีบ
“ได้เลย!”หวังหยวนยิ้มอย่างพึงพอใจ จากนั้นจึงพาหลิ่วหรูเยียนไปยังสวนหลังบ้านเนื่องจากงานเลี้ยงยังไม่เลิก ทุกคนยังคงดื่มกินอย่างสนุกสนาน หวังหยวนจึงใช้สวนหลังบ้านเป็นสถานที่สอบสวนไม่นานต่งอวี่ก็พาโอวหยางอวี่และลั่วเฉินมา ข้างหลังพวกเขามีทหารหลายคน“ท่านหวัง!”“ท่านโปรดอย่าทำร้ายข้าเลย!”“ก่อนหน้านี้ข้าตาบอด จึงได้ไปอยู่กับตานสยงเฟย แต่ตอนนี้ข้าสำนึกผิดแล้ว หากท่านให้โอกาสข้า ต่อไปข้ายินดีรับใช้ท่านให้ดีที่สุดขอรับ!”“หากท่านไม่ต้องการใช้ข้าก็ปล่อยข้าไปเถิด ข้าจะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าท่าน และจะไม่สร้างความเดือดร้อนใด ๆ ให้ท่านแน่นอนขอรับ!”โอวหยางอวี่รีบคุกเข่าลงอ้อนวอนขอความเมตตา!ครั้งก่อน แม้แต่ตอนอยู่บนหน้าผา เขาก็หมดอำนาจแล้ว ได้แต่ถูกขังอยู่ในห้องทุกวันแม้ว่าเรื่องทั้งหมดจะเป็นเพราะหวังหยวน แต่เขาก็รู้ดีว่าตอนนี้เขาเป็นนักโทษ หากไม่สามารถพูดโน้มน้าวหวังหยวนได้ ต่อไปเขาก็คงมีแต่ต้องตายเท่านั้น!วันชื่นคืนสุขผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว!หลิ่วหรูเยียนพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา แล้วเบือนหน้าหนีด้วยความรังเกียจ ช่างเป็นคนขี้ขลาดนัก!เพิ่งจะพบหน้ากันก็คุกเข่าขอความเมตตาแล้วหรือ?ครั้งก
หวังหยวนเดินไปหาหลิ่วหรูเยียน แล้วถามด้วยรอยยิ้ม“ข้าจำได้”“เพียงแต่...”หลิ่วหรูเยียนมีท่าทีลังเล ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “เพียงแต่สถานการณ์ตอนนี้ต่างจากตอนนั้น ข้าไม่ใช่คนไร้เหตุผลและรู้จักกาลเทศะ!”“ในเมื่อตานสยงเฟยมีประโยชน์ต่อท่าน ข้าจะฆ่าเขาเพื่อความสาแก่ใจเพียงครู่เดียวได้อย่างไร?”สุดท้ายหลิ่วหรูเยียนก็รีบวิ่งออกไป ไม่อยากเห็นหน้าตานสยงเฟยอีก!ไม่เช่นนั้นนางเกรงว่าตนเองจะอดใจไม่ไหว ลงมือฆ่าเขาจนทำลายแผนการของหวังหยวน!“เจ้าช่างโชคดี”“ดูเหมือนว่าเจ้าจะยังรักษาหัวไว้บนบ่าได้”หวังหยวนมองตานสยงเฟยด้วยสายตาเย็นชา ไม่ได้เอ่ยคำใด แล้วเดินออกไปข้างหลังมีเพียงเสียงหัวเราะอันน่ารังเกียจของตานสยงเฟยในเมื่อเขามีไพ่ตายอยู่ในมือก็ไม่ต้องกลัวตาย!สักวันหนึ่ง เขาจะต้องเป็นอิสระ!...“ช้าก่อน!”หลังจากออกจากคุกแล้ว หวังหยวนก็รีบวิ่งตามหลิ่วหรูเยียนไปหลิ่วหรูเยียนหันกลับมามองหวังหยวน แล้วถามด้วยความสงสัยว่า “มีเรื่องอะไรอีกหรือ?”“ข้าแค่อยากถามเจ้าว่า ในบรรดาคนของพรรคทมิฬที่พวกเราจับมาได้มีคนระดับสูงคนอื่น ๆ อีกหรือไม่?”พรรคทมิฬมีรากฐานที่แข็งแกร่ง มีสาวกมากมาย แสดงว่าคงคนม
ทันใดนั้น ตานสยงเฟยก็หัวเราะลั่น ปรากฏว่าเป็นเช่นนี้เอง!“ดูเหมือนว่าข้ายังมีประโยชน์อยู่บ้าง สิ่งที่เจ้าต้องการคือทรัพย์สมบัติของข้างั้นหรือ?”“แต่ก็ดี พวกเรามาทำข้อตกลงกัน!”“หากเจ้าปล่อยข้าไป ทรัพย์สมบัติและทรัพยากรทั้งหมดของข้าจะเป็นของเจ้า แต่หากเจ้าไม่ยอมรับข้อเสนอ เจ้าก็อย่าหวังว่าจะได้สิ่งเหล่านั้น!”ตานสยงเฟยกล่าว พร้อมกับจ้องหน้าหวังหยวน“จริงสิ”“หลิ่วหรูเยียนกลายเป็นคนของเจ้าแล้ว หากเจ้าไม่เชื่อคำพูดข้าก็ลองถามนางดู ว่าทรัพย์สมบัติของข้ามากมายมหาศาลจริงหรือไม่!”“ถามดูก็รู้ผล!”ตานสยงเฟยกล่าวอย่างมั่นใจเหตุผลที่เขาสามารถสร้างพรรคทมิฬและรวบรวมสาวกมากมายจนมีอิทธิพลในดินแดนทั้งเก้าได้ ก็เพราะเขามีทรัพย์สมบัติมหาศาล!แม้ว่าจะเทียบกับหวังหยวนไม่ได้ แต่เขาก็ไม่ใช่ธรรมดาอย่างแน่นอน!อย่างน้อยในดินแดนทั้งเก้าก็ยังมีที่ให้เขายืนหยัดในฐานะผู้นำ!หลิ่วหรูเยียนที่ยืนอยู่ข้างหลังหวังหยวนกำหมัดแน่น ไม่เอ่ยคำใด แต่ทุกคนต่างก็สัมผัสได้ถึงความโกรธของนาง!ความแค้นเพราะบิดาถูกสังหารนั้นไม่อาจลืมเลือน!ศัตรูอยู่ตรงหน้า แต่นางกลับทำอะไรไม่ได้ ช่างไร้ความสามารถ!“เขาพูดจริงหรือ?”
หลายปีมานี้นางเชื่อคำพูดของตานสยงเฟยมาโดยตลอด คิดว่าตัวเองเป็นเด็กกำพร้า แม้กระทั่งเกลียดชังบิดามารดาของตนเองด้วยซ้ำ!เหตุใดพวกเขาจึงทอดทิ้งนาง?ทำให้นางต้องระหกระเหินมานานหลายปี!แต่ทั้งหมดนี้กลับเป็นคำโกหกของตานสยงเฟย บิดามารดาของนางไม่ได้ทอดทิ้งนาง แต่ถูกตานสยงเฟยฆ่าตายต่างหาก!บัดนี้เมื่อความจริงปรากฏ นางจึงอยากไปเคารพหลุมศพของพวกเขา!เป็นการแสดงความกตัญญูและทำให้หมดห่วง“เป็นเช่นนี้เอง”หวังหยวนพยักหน้า“ได้!”“ในเมื่อเจ้าต้องการเช่นนั้น ข้าจะพาเจ้าไปที่คุกเอง”“เพื่อป้องกันไม่ให้ตานสยงเฟยใช้อุบายอันใด”หลิ่วหรูเยียนมีท่าทีแปลกไป อาจจะถูกตานสยงเฟยชักจูงได้หลิ่วหรูเยียนไม่ได้ปฏิเสธ นางพยักหน้า หวังหยวนจึงพานางไปที่คุกที่จวน ทุกคนยังคงดื่มกินกันอย่างสนุกสนาน!ภายในคุกเนื่องจากตานสยงเฟยและพรรคพวกล้วนเป็นคนชั่ว หวังหยวนจึงสั่งให้ขังพวกเขาไว้ที่ชั้นใต้ดินของคุกที่นี่มักจะใช้ขังนักโทษอุกฉกรรจ์ยิ่งไปกว่านั้น การจะหนีออกไปจากที่นี่ก็ช่างยากเย็นพอ ๆ กับการปีนสู่สวรรค์!“หวังหยวน!”“ข้าสำนึกผิดแล้ว ขอท่านปล่อยข้าไปเถิด!”“ต่อไปนี้ข้ายินดีอยู่เคียงข้างรับใช้ท่าน!”“