“ฝ่ายตรงข้ามลงมืออย่างรวดเร็วและเฉียบขาด สมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้อทั้งหมดถูกฆ่าตายด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ซึ่งเห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายเตรียมการมาเป็นอย่างดี”“หลังจากนั้น ข้าก็สืบหาอยู่เบื้องหลัง แต่เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่ไม่จำเป็น ข้าจึงไม่กล้าประกาศให้รู้โดยทั่วกัน การเคลื่อนไหวของข้ายังไม่เพียงพอ จึงไม่พบเบาะแสใด...”“ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของข้าเองขอรับ!”เกาเล่อไม่ได้เอ่ยคำใด สายตาของเขากลับมองไปที่หวังหยวนในตอนนี้ อำนาจการตัดสินใจทั้งการให้ชีวิตและความตาย ล้วนตกอยู่ในมือของหวังหยวน จะปล่อยให้ชายตรงหน้ามีชีวิตอยู่หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับหวังหยวนหวังหยวนโบกมือช้า ๆ “ไม่เป็นอะไร เจ้าทำถูกแล้ว เมื่อเราเปิดเผยฐานที่มั่นแห่งหนึ่งแล้ว ก็ไม่สามารถเปิดเผยฐานที่มั่นที่เหลือให้คนอื่นล่วงรู้ได้”“โรงน้ำชาลมโชยก็ถือว่าเป็นหูเป็นตาของข้าในเมืองหลวง ตอนนี้เจ้ามีความกดดันมากขึ้นแล้ว ข่าวสารทั้งหมดก็ต้องพึ่งพาเจ้าในการรวบรวม”“แต่จำไว้ว่า ถ้าหากพบว่าตัวเองถูกคนอื่นล่วงรู้เบาะแส ให้รีบออกจากเมืองหลวงทันที ข่าวสารนั้นสำคัญ แต่ชีวิตคนสำคัญกว่า!”คำพูดของหวังหยวนทำให้ชายวัยกลางคนตรงหน้าถึงกับ
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ที่หน้าประตูวังหลวงหวังหยวนยืนสบาย ๆ อยู่หน้าทหารรักษาเมืองสองสามนาย แล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบว่า “รีบไปบอกฮองเฮาไป๋ว่าเพื่อนเก่าอย่างหวังหยวนมาขอพบ หวังว่านางจะให้เกียรติข้าด้วยการออกมาพบหน้าสักหน่อย”ทหารนายหนึ่งพยักหน้า แล้วเดินเข้าไปในวังหลวงถ้าหากเป็นคนอื่นกล้าเรียกชื่อของฮองเฮาในที่สาธารณะคงจะไม่รอดตัวไปง่าย ๆแต่ตอนนี้คนที่พูดคือหวังหยวน สถานะย่อมต่างออกไป พวกเขาเองก็รู้ว่าหวังหยวนเป็นใคร จึงยินดีเปิดทางให้ผ่านไปชั่วธูปหนึ่งดอกไหม้หมด ทหารนายนั้นก็พาหวังหยวนไปที่วังหลวงชั้นในเพียงไม่นาน หวังหยวนและไป๋เหยียนเฟยก็ได้พบกันเพียงแต่ว่าตอนนี้ไป๋เหยียนเฟยได้เปลี่ยนมาสวมชุดสีเหลือง ดูสง่างามเป็นอย่างมาก“ดูเหมือนว่าท่านเตรียมจะขึ้นครองราชย์แล้วใช่หรือไม่?”ทันทีที่ได้พบหน้า หวังหยวนก็ถามขึ้นมา“ขึ้นครองราชย์แล้วจะเป็นอย่างไร? ใครบอกว่าสตรีจะครองราชย์ไม่ได้?”ไป๋เหยียนเฟยถามกลับ น้ำเสียงของนางแฝงไปด้วยความน่าเกรงขามของผู้ที่มีอำนาจตอนนี้นางไม่เหมือนเดิมแล้วก่อนหน้านี้ในราชวงศ์ต้าเย่ยังมีจีหย่งคอยต่อต้านนาง แต่ตอนนี้ นางได้กำจัดคนที่ขวางทางนางทั้
“ถ้าหากท่านยังไม่บอกความจริงกับข้า ก็อย่าโทษข้าที่ทำอะไรที่เกินกว่าเหตุ...”ท่าทีของหวังหยวนก็แข็งกร้าวขึ้นมาไม่น้อยแม้ว่าไป๋เหยียนเฟยจะไม่เหมือนเดิม แต่เขาก็ยังเป็นหวังหยวนคนเดิมไป๋เหยียนเฟยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นโบกมือให้ข้าราชบริพารและนางกำนัลที่อยู่ข้าง ๆ ออกไป แล้วจึงเดินมาหาหวังหยวน และกล่าวว่า “บางเรื่องไม่ใช่เรื่องที่ท่านจะยุ่งได้...” “เหมือนกับคนที่อยู่เบื้องหลังราชวงศ์ต้าเป่ย”“ที่ไป๋ชิงชางสามารถควบคุมราชวงศ์ต้าเป่ยได้อย่างรวดเร็ว ทุกคนก็รู้ว่าเบื้องหลังของเขาคืออะไร”“และตอนนี้ข้าก็เป็นเช่นนั้น ข้าเองก็มีกองกำลังที่ท่านไม่สามารถเทียบได้อยู่เบื้องหลังเช่นกัน”“พวกเขาไม่ได้ต้องการลงมือกับคนของท่าน และข้ากับพวกเขาก็ไม่ได้เจตนาที่จะเป็นศัตรูกับท่าน ถ้าจะโทษ ก็ต้องโทษคนของท่านที่ไม่รู้จักกาลเทศะ พวกเขายื่นมือมาไกลเกินไป จึงทำให้เกิดเรื่องราวเช่นนี้...”“พูดแค่นี้ก็พอแล้ว ส่วนเรื่องอื่น ข้าจะไม่พูดอะไรอีก...”“รู้มากเกินไปก็ไม่ดีกับท่านหรอก ดังนั้นท่านรีบออกไปได้ซะเถอะ”สิ่งที่ควรพูดก็ได้พูดไปหมดแล้ว ไป๋เหยียนเฟยถือว่าได้ทำหน้าที่ของตัวเองแล้วหวังหยวนยืนนิ่งอึ้งอ
“ไม่อร่อยเลยสักนิด”เมื่อได้เคี้ยวข้าวสาลีผสมถั่ว หวังหยวนวางชามดินเผาลง รู้สึกเหมือนกินแกลบไม่มีผิด ตอนนี้ใครมาบอกว่าการข้ามกาลเวลามันดี เขาก็พร้อมที่จะบอกความในใจให้พวกเขา ข้ามกาลเวลามาถึงช่วงราชวงศ์ต้าเย่ คล้ายช่วงยุคสมัยโบราณของจีน เจ้าของร่างเดิมเป็นเป็นเจ้าของที่ดินเล็ก ๆ ตอนที่พ่อแม่ยังอยู่ ตอนเช้าได้กินข้าวต้มข้าวฟ่าง เที่ยงได้กินข้าวผสมข้าวฟ่าง ตอนเย็นได้กินเซาปิ่งพร้อมธัญพืชผสม ทุก ๆ สิบวันหลังจากกลับมาจากโรงเรียนในเมือง ถึงจะได้กลับมากินให้หายอยากได้สำหรับคนทั่วไป แต่ละวันกินข้าวต้มข้าวฟ่าง หรือข้าวสาลีผสมถั่ว ส่วนเนื้อนั้นในช่วงปกติอย่าไปคิดถึงมันเลย คงมีแค่ช่วงฉลองตรุษจีนเท่านั้นถึงจะได้กินเนื้อบ้าง ส่วนแป้งและข้าวสารนั้นเป็นที่นิยมของเจ้าของที่ดิน คหบดีและขุนนาง นึกถึงพวกไข่ เนื้อหมู ไก่ ปลา บนโลกที่ถูกทิ้ง หวังหยวนอดที่จะตีตัวเองไม่ได้ น้ำเสียงที่ฟังดูขลาดกลัวของคน ๆ หนึ่งดังขึ้น “ท่านพี่ ขอโทษนะ ในบ้านไม่มีข้าวฟ่างแล้ว ให้ท่านที่เป็นบัณฑิตเพิ่งหายป่วยกินข้าวสาลีผสมถั่วเช่นนี้?” แววตาของหวังหยวนมีประกายขึ้นมา สาวน้อยคนสวยที่ท่าทางขี้ขลาดยืนอยู่หน้าห้องโ
หวังหยวนเลิกคิ้ว "ถ้าข้าทำได้ล่ะ?" หลิวโย่วไฉเผยสีหน้าเจ้าเล่ห์ "ถ้าเจ้าทำได้ ข้าจะไม่คิดดอกเบี้ย! แต่ถ้าทำไม่ได้ เจ้าจะต้องขายตัวเองเป็นคนรับใช้นายของข้า ว่าอย่างไรบ้าง?" หลี่ซื่อหานหน้าถอดสี “ท่านพี่ อย่ารับปากนะ!” เจ้าของที่ใจดำคนนี้ต้องการให้เขาขายตัวเองเป็นทาส หวังหยวนโกรธมาก แต่เขาเดินไปเขียนสัญญาสองฉบับและหยิบแผ่นหมึกสีแดงออกมา "เขียนชื่อและประทับนิ้วซะ!" “ได้!” หลังจากเขียนชื่อด้วยลายมือน่าเกลียด และประทับลายนิ้วมือสีแดงแล้ว หลิวโย่วไฉก็เดินจากไปด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ คนเสเพลเช่นนี้ เขาไม่มีหาเงินสี่สิบกว้านได้ภายในสามวันอย่างแน่นอน แม้ว่าครอบครัวของสาวน้อยจะร่ำรวย แต่พวกเขาก็อยากให้นางทิ้งคนเสเพลพรรค์นี้อยู่เสมอ ดังนั้นการยืมเงินคงจะเป็นไปไม่ได้แน่ การเดิมพันครั้งนี้ จะได้ทาสมาฟรี ๆ และสามารถขายได้ต่อในราคาหลายสิบกว้านด้วย! เข้าใกล้เป้าหมายที่ตระกูลหลิวจะครอบครองที่ดินพันหมู่ไปอีกหนึ่งเก้า 'สามีภรรยา' ยืนอยู่ตรงข้ามกันในลานบ้าน “ซื่อหาน” หวังหยวนอยากจะปลอบนาง หลี่ซื่อหานเช็ดน้ำตา และรีบวิ่งเข้าไปในห้องนอน หวังหยวนเข้าใจว่านี่เป็นทำร้าย
งานที่เหลือใช้แรงออกน้อยกว่ามาก แค่ล้างรากหญ้าแล้วบดในครกหิน หลังจากทำงานยุ่งมานาน หวังหยวนรู้สึกเหนื่อยมากจนปวดหลังไปหมด เขาจึงเอารากหญ้าที่ตำใส่ถังน้ำ จึงค่อย ๆ เดินทอดน่องไปที่ริมแม่น้ำ หวังหยวนเห็นพวกปลาแหวกว่ายอยู่ใต้น้ำ เขาจึงโรยแป้งหมี่ถั่วเหลืองและน้ำลงไป ด้วยเหยื่อที่วางลงไป จำนวนปลาที่รุมเข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ หวังหยวนค่อย ๆ เทของเหลวที่ได้จากการตำรากหญ้าลงไปอย่างระมัดระวัง เมื่อน้ำที่ได้จากการตำรากหญ้านั้นกระจายตัว ปลาที่ค่อย ๆ ลอยหงายท้องขึ้นมาจากน้ำ หนึ่งตัว! สองตัว! ... หลังจากนั้นสักพัก หวังหยวนก็จับปลาตัวใหญ่ได้แปดตัว และตัวเล็กอีกสิบห้าตัว ปลาตัวใหญ่หนักประมาณสองกิโลครึ่ง ตัวเล็กหนักประมาณสองร้อยห้าสิบกรัม ปลาที่เล็กกว่านี้ก็ปล่อยมันไป เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน หวังหยวนก็กลับบ้านด้วยของที่เต็มตะกร้า ผ่านกระท่อมมุงหลังคาจากสี่หลัง คอกวัวและลานเล็ก ๆ ที่ล้อมรั้วทางด้านตะวันออกของหมู่บ้าน “ลุงหานซาน!” หวังหยวนตะโกนเรียกเขา เด็กน้อยน่ารักที่เหมือนตุ๊กตาตัวน้อยสวมเสื้อคลุมยัดนุ่นวิ่งออกมาจากเรือน ไปมองดูหวังหยวนในชุดคลุมตัวอย่างสงสัยและเขินอาย "หวั
ในโลกนี้มีการตกปลา ตกเบ็ด จับปลา แต่ยังไม่มีใครวางยาปลา หวังหยวนยิ้มและพูดว่า "ข้าค้นพบเคล็ดลับการตกปลาและก็จับปลากลับมาได้ตั้งเยอะ รีบกินเร็วเข้า ระวังถูกก้างทิ่มเอาล่ะ!" “เคล็ดลับการตกปลา!” หลี่ซื่อหานที่สงสัยอยู่แล้วนั้น ยิ่งเจอความเป็นห่วงเอาใจใส่ของหวังหยวน ทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงราวกับกวางที่ตกใจอีกครั้ง ทั้งสองคนก็กินปลาต่อไป ไม่รู้ว่าเจ้าของร่างเดิมไม่ค่อยได้กินปลาหรือเปล่า หรือเป็นเพราะปลาสดใหม่ หวังหยวนพบว่าปลาที่ทอดในน้ำมันหมูสักพัก และใส่เกลืออบรอสักสิบห้านาที และโรยด้วยผักป่า มันจะอร่อยมากซะกินจนหมดเกลี้ยง มาดูทางหลี่ซื่อหาน นางกินเหมือนแมวดมไม่มีผิด กินไปเพียงแค่ครึ่งชิ้นเท่านั้น “ท่านพี่ ข้าอิ่มแล้ว อีกครึ่งตัวนี้ข้ายังไม่ได้แตะมัน!” เห็นหวังหยวนมองมาที่นาง หลี่ซื่อหานก็วางตะเกียบลงแล้วผลักจานปลานั้นมา “ข้ากินอิ่มแล้ว แค่มองเจ้ากินปลาแบบนี้ก็น่ามองแล้ว รีบกินเถอะ!” หวังหยวนลุกขึ้นและออกจากห้องโถง เมื่อใดก็ตามที่มีเนื้ออยู่ในบ้าน หลี่ซื่อหานลังเลไม่กล้ากินมัน ปล่อยให้เจ้าของร่างเดิมกินก่อนเสมอ นี่จึงทำให้นางผอมลงจนผอมซูบ จนความงามแต่เดิมของนางก็หายไ
หวังซื่อไห่เอามือจับชายแขนเสื้อตัวเองยืนน้ำลายไหลอยู่หน้าประตูบ้านหวังหยวน หวังหยวนถามว่า "เจ้าทำอะไรน่ะ?" ต้าหู่และเอ้อหู่ก้าวออกมาล้อมขนาบหวังซื่อไห่ทั้งซ้ายและขวา มายืนน้ำลายไหลบ้านพี่หยวนแต่เช้า เจ้าอันธพาลนี่ต้องคิดเรื่องไม่ดีอยู่แน่ ๆ หวังซื่อไห่ตกใจจนสะดุ้ง แล้วจึงรีบถอยออกไปจากประตู “ข้า ข้าอยากกินปลา!" ช่างหน้าด้านได้อย่างตรงไปตรงมา หวังหยวนส่ายหน้า “เจ้ามาช้าไป ปลาถูกกินหมดแล้ว!” “เช้ากินหมดแล้ว ยังมีตอนเย็นอีก แค่อยากกินปลาเอง ให้ข้าไปขุดรากหญ้ากับเจ้าก็ได้นะ ไม่มีปัญหา” เมื่อวานที่เดินเตร็ดเตร่อยู่นั้น พบว่าที่บ้านหวังหยวนนั้นกินปลา และบ้านหวังหานซานก็ได้กินปลาเช่นกัน เดินมาแต่เช้าก็พบว่าบ้านหวังหยวนก็กินปลา และพ่อลูกหวังหานซานด้วย เมื่อนึกถึงที่หวังหยวนพูดถึงประโยชน์ เขาเข้าใจแล้วว่าเขาพลาดอะไรไป ปลาสองมื้อ! หวังหยวนกระพริบตา "งั้นไปเอาไข่สองฟองก่อน" ในชนบทแม้ว่าจะมีผู้เลี้ยงไก่อยู่ไม่กี่ราย แต่ไข่ทั้งหมดจะถูกเก็บไว้และขายเป็นเงิน กว่าจะได้ไข่สองฟองไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริง ๆ "...ตกลง!" หวังซื่อไห่กัดฟันและหันกลับมา หวังหานซานเตือนว่า "หวังหยว