พวกเขารู้นิสัยของหวังหยวนดี การติดตามหวังหยวนย่อมไม่ผิดพลาด!การเคลื่อนไหวของเมืองหลิงก็ทำให้หลายคนตกใจณ วังหลวงของอาณาจักรต้าเป่ย ไป๋ชิงชางได้รับข่าวเช่นกัน จึงงล่วงรู้แผนการเกณฑ์ทหารของหวังหยวน“ฝ่าบาท ปรากฏว่าหวังหยวนไม่ได้ซื่อสัตย์อย่างที่พระองค์ตรัส ตอนนี้เขาเริ่มเกณฑ์ทหารแล้ว เห็นได้ชัดว่าเตรียมจะแย่งชิงดินแดนทั้งเก้า...”“เช่นนี้แล้ว เราไม่เพียงแต่ต้องเผชิญหน้ากับราชวงศ์ต้าเป่ยและเมืองหวงเท่านั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเราต้องรับมือกับหวังหยวน!”“ในบรรดากองกำลังทั้งหลายเหล่านี้ หวังหยวนมีกองกำลังที่จัดการได้ยากที่สุด กระหม่อมได้ยินมาว่าตอนนี้เขาจะเกณฑ์ทหารเป็นจำนวนมาก แต่ชาวบ้านในท้องถิ่นกลับสนับสนุนเขาอย่างล้นหลาม”“นี่เป็นเรื่องแปลกประหลาดอย่างยิ่ง...”ไป๋ฝูซานกล่าวด้วยใบหน้าขมวดคิ้ว ในอดีตเมื่อถึงเวลาเกณฑ์ทหาร ชาวบ้านในแต่ละพื้นที่ก็จะหลบเลี่ยง เพราะไม่มีใครอยากไปเข้าร่วมสมรภูมิรบ!แต่สถานการณ์ของหวังหยวนเป็นอย่างไร?กลับตรงกันข้ามกับที่กล่าวมา!ผู้คนต่างก็แห่แหนกันไปสมัครทหารเพื่อเข้าร่วมกับหวังหยวน นี่เป็นเรื่องแปลกประหลาด!ไป๋ชิงชางครุ่นคิด สีหน้าของเขาอดเปลี
“ขอบพระทัยฝ่าบาท”“กระหม่อมจะทุ่มเทอย่างสุดความสามารถเพื่อฝ่าบาทอย่างสุดชีวิต ไม่ให้ฝ่าบาทผิดหวังในความไว้วางใจพ่ะย่ะค่ะ!”ไป๋ฝูซานเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เขาโค้งคำนับไป๋ชิงชาง แล้วรีบรุดออกไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ยังมีเรื่องมากมายที่ต้องจัดการหลังจากที่เขากลับมาที่อาณาจักรต้าเป่ย ไม่เพียงแต่จะมีภารกิจทางการทหารมากมายที่ต้องจัดการ แต่ยังต้องระวังอาณาจักรเพื่อนบ้านมารุกรานอีกด้วยในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้ ต้องระวังเป็นพิเศษ!อีกด้านหนึ่ง ที่หมู่บ้านต้าหวังหลังจากเกณฑ์ทหารมาครึ่งเดือน หวังหยวนก็มีทหารในมือสองแสนนายโดยมีต้าหู่และเอ้อหู่กำลังฝึกทหารเหล่านี้ และด้วยความช่วยเหลือของทหารเกราะดำ เพียงแค่ให้เวลาพวกเขาอีกสักระยะ ก็จะสามารถสร้างกองทัพพยัคฆ์ได้ในไม่ช้า“ทหารในมือเรามีเพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องเกณฑ์ทหารเพิ่มอีก”“จำไว้ว่าต้องให้เงินอุดหนุนพวกเขามากขึ้น เพื่อให้พวกเขารู้ว่าการเป็นทหารนั้นดีอย่างไร”“ยิ่งไปกว่านั้น ต้องให้พวกเขารู้ว่าการเป็นทหารมีความหมายอย่างไรด้วย”“ข้าไม่ได้ริเริ่มต้องการครองแผ่นดินเอง เหตุผลที่ข้าเตรียมจะนำทัพออกรบก็เพื่อปกป้องแผ่นดินและประชาชน”ขณะนี้ ห
“สามี ท่านออกศึกอย่างสบายใจเถิด เรื่องภายในบ้านไม่จำเป็นต้องกังวล ข้าจะดูแลทุกอย่างให้เรียบร้อย”“จะไม่ทำให้ท่านต้องกังวลใจอย่างแน่นอน”หลี่ซื่อหานเข้าใจความรู้สึกผู้อื่นเป็นอย่างดี เพียงแค่มองจากสีหน้าของหวังหยวน ก็มองออกแล้วว่าหวังหยวนคิดอะไรอยู่ทันใดนั้นเสียงหัวเราะสดใสก็ดังขึ้น หวงเจียวเจียวเดินมาจากด้านหลังของหวังหยวน เมื่อเห็นท่าทางหวานชื่นของทั้งสอง ก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้า “ปรากฏว่าพวกท่านแอบมาจู๋จี๋กันที่นี่เองงั้นหรือ?”“โอ้โฮ เจ้าช่างน่าสนใจจริง ๆ ไม่เจอกันหลายวัน ไม่คิดว่าเจ้าจะรู้จักใช้สำนวนเป็นแล้ว ใช่หรือไม่?”“เจ้ารู้หรือไม่ว่าจู๋จี๋หมายถึงอะไร?”หวังหยวนและหลี่ซื่อหานหันมาพูดติดตลกใบหน้าของหวงเจียวเจียวแดงก่ำขึ้นมาในทันทีจริง ๆ แล้วนางแค่เรียนรู้และนำมาใช้ นางเพิ่งได้ยินคนอื่นพูดคำนี้จึงได้จำไว้ในใจหลังจากนั้นก็เห็นหวังหยวนและหลี่ซื่อหานกำลังพลอดรักกันอยู่ที่นี่ จึงได้พูดคำนี้ออกมา แต่ไม่คิดว่าหวังหยวนจะไม่เพียงแต่ไม่ชื่นชมนางเท่านั้น แถมยังมาพูดจาถากถางนางอีก น่าโมโหจริง ๆ!“ข้าไม่สน ท่านทำให้ข้าโกรธแล้ว”“เช่นนั้นท่านต้องสัญญากับข้าอย่างหนึ่ง”หวงเจียว
“หากเซียวฉู่ฉู่ไม่ได้คิดจะเป็นศัตรูกับข้า ทุกสิ่งก็คงจะง่ายดาย”“ทว่าในเมืองหวงยังคงมีปัจจัยที่ไม่แน่นอนอีกมากมาย ซึ่งล้วนต้องนำมาพิจารณาให้ถี่ถ้วน”“ข้าจึงไม่ได้ปรารถนาจะพาเจียวเจียวไปด้วย เกรงว่าหากวันหน้าต้องเผชิญหน้ากันจริง ๆ นางจะลำบากใจ...”หวังหยวนครุ่นคิดอย่างรอบคอบในเมื่อพวกนางล้วนเป็นภรรยาของเขาแล้ว เขาย่อมต้องดูแลเอาใจใส่อย่างดีเพียงแค่ให้พวกนางมีชีวิตที่สุขสบายยังไม่เพียงพอ แต่ยังต้องทำให้พวกนางไม่มีความเสียใจด้วย!“สามี เจียวเจียวเป็นคนที่มีเหตุผล ตอนนี้ข้าทราบความคิดของท่านแล้ว วันหน้าข้าจะค่อย ๆ พูดคุยกับนาง”“จากนั้นจะช่วยสามีสืบหาความในใจของนาง สามีเพียงแค่คิดเรื่องฝึกฝนไพร่พลและวางแผนยึดครองแผ่นดินก็พอ ส่วนเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้ ขอให้เป็นหน้าที่ของข้าเองเถิด”หลี่ซื่อหานซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของหวังหยวนพลางเอ่ยอย่างแผ่วเบาความอบอุ่นแผ่ซ่านเข้ามาในดวงใจของหวังหยวนได้ภรรยาดีเช่นนี้ ยังจะปรารถนาสิ่งใดอีก...ทั้งสองซาบซ่านดื่มด่ำไปกับความรักอันหวานชื่นอยู่ชั่วครู่ เนื่องจากลมพัดแรงข้างนอก หวังหยวนจึงพาหลี่ซื่อหานกลับเข้าไปในห้องแต่เมื่อก้าวพ้นลานบ้าน ก็พบเสว
“ใช่แล้ว ข้าได้ยินมาว่าท่านเตรียมจะยกทัพแล้วหรือเจ้าคะ?”เสวี่ยเชียนหลงถามขึ้นทันใด“เจ้าคงไม่คิดจะติดตามไปด้วยกระมัง?”หวังหยวนถามออกไปโดยไม่รู้ตัวเขายังคิดไม่ออกเลยว่าจะตอบหวงเจียวเจียวอย่างไร ไม่คาดคิดว่าตอนนี้จะมีเสวี่ยเชียนหลงเพิ่มเข้ามาอีกคน เรื่องนี้ชักจะยุ่งยากแล้วหากปฏิเสธทั้งสองคนในเวลาเดียวกัน ทั้งสองคนคงไม่ยอมปล่อยตนเองไปง่าย ๆ โดยเฉพาะหวงเจียวเจียว คงจะคิดหาวิธีต่าง ๆ นานามาโน้มน้าวเขาเป็นแน่แต่หากไม่สามารถอธิบายอย่างยุติธรรมได้ ก็เกรงว่าเรื่องราวจะยิ่งยุ่งยากแต่เมื่อยกทัพออกไปแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต บวกกับสถานการณ์ในสนามรบที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว หากเผลอพลาดเพียงเล็กน้อย ก็จะทำให้คนที่อยู่ข้างกายได้รับบาดเจ็บนี่คือเหตุผลหลักที่หวังหยวนไม่สามารถพาพวกนางไปด้วยได้ท่ามกลางความวุ่นวาย หมู่บ้านต้าหวังยังคงเป็นดินแดนที่สงบสุข การอยู่ที่นี่จึงปลอดภัยที่สุด...“พี่หยวน!”ขณะที่หวังหยวนไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร ก็ได้ยินเสียงของต้าหู่ดังมาแต่ไกล ในพริบตาต้าหู่ก็มาถึงข้างกายเขาแล้วช่างเป็นผู้ช่วยให้รอดจริง ๆ!“เป็นอะไรไป?”หวังหยวนถามขึ
ในห้องโถงประชุมใหญ่หลังจากที่หวังหยวนแยกจากเสวี่ยเชียนหลง ก็ตรงดิ่งมาที่นี่ทันที ส่วนคนอื่น ๆ ที่ได้รับข่าวและรีบตามมาทีหลัง“เกาเล่อ สถานการณ์ข้างนอกเป็นอย่างไร?”“ช่วงนี้ข้าอยู่แต่ในหมู่บ้านต้าหวัง ไม่รู้เรื่องราวภายนอกมากนัก”“ข้าได้ยินมาว่าแม้แต่บริเวณใกล้เคียงเมืองหลิงก็ยังมีโจรและผู้พลัดถิ่นปรากฏตัวแล้ว นี่เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”สีหน้าของหวังหยวนแปรเปลี่ยนอย่างเห็นได้ชัดเดิมทีเขาปกป้องชาวบ้านในหมู่บ้านต้าหวังอย่างดี และหมู่บ้านต้าหวังก็ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เพื่อปกป้องผู้พลัดถิ่นเหล่านี้เท่านั้น...เนื่องจากสงคราม ทำให้ชาวบ้านจำนวนมากต้องพลัดถิ่นฐาน เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่โบราณยิ่งไปกว่านั้น ความคิดนี้ก็ไม่สามารถย้อนกลับได้“นั่นเป็นเพราะในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมามีแต่ไฟสงครามไม่หยุดหย่อนขอรับ”“ไม่เพียงแค่การต่อสู้ระหว่างอาณาจักรต้าเป่ยกับอาณาจักรต้าเย่เท่านั้น แม้แต่เมืองหวงก็เข้าร่วมด้วย”“สถานการณ์ตอนนี้ถือว่าเลวร้านอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน และดินแดนสามแคว้นของเรายังคงสงบสุข ดังนั้นผู้พลัดถิ่นจากทุกหนแห่งจึงมุ่งหน้ามาที่นี่”“ข้ารู้ว่าท่านต้องการให้พวกเขาม
“ทหารที่เราเพิ่งเกณฑ์มาเหล่านี้มีความเชื่อมั่นในตัวข้าเป็นอย่างมาก”“ดังนั้นเมื่อถึงสนามรบ ข้าจะไม่ให้พวกเขาไปถมหลุมใหญ่ แต่กลับกัน...”หวังหยวนหรี่ตามองเล็กน้อย กลยุทธ์พลันผุดขึ้นมาในใจคนอื่นต่างก็แสดงสีหน้าสงสัย ต่างรอฟังคำพูดของหวังหยวนไม่ว่าจะเมื่อใด หวังหยวนก็สามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้เสมอ คงไม่มีข้อยกเว้นในครั้งนี้!“ต่อจากนี้ไปข้าจะสร้างแบบแปลนขึ้นมา แล้วทุกคนก็สร้างชิ้นงานตามแบบแปลนที่ข้าทำขึ้นมา นี่จะกลายเป็นอาวุธลับขั้นสุดยอดของเราในสนามรบ!”“และจะสามารถลดการสูญเสียของกองทัพเราได้!”ทุกคนตื่นเต้นเป็นอย่างมากมีของดีเช่นนี้ด้วย!แต่หวังหยวนกลับจงใจเก็บงำความลับไว้ ไม่ได้บอกว่าสิ่งของในแบบแปลนมีประโยชน์อย่างไรในสังคมปัจจุบัน พวกเขาจะรู้ถึงอายุภาพของปืนใหญ่ได้อย่างไร!แต่เมื่อคิดค้นดินปืนขึ้นมาแล้ว การสร้างปืนใหญ่ก็ง่ายขึ้นมาก!และหากใช้ปืนใหญ่ในสนามรบ ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีแบบปักหลักหรือการบุกทะลวง ก็จะสามารถลดการสูญเสียได้อย่างมาก!นี่คือผลลัพธ์ที่หวังหยวนต้องการเห็น!แม้ในยามช่วงสงคราม การปกป้องชีวิตของฝ่ายตนเองก็เป็นเรื่องสำคัญ แต่ก็ยังมีชาวบ้านจำนวนมากต้องพลัดถ
ท่ามกลางบ้านเมืองระส่ำระสาย ข้าวและทองคำเป็นสิ่งสำคัญที่สุดแม้จะสูญเสียข้าวเป็นจำนวนมาก แต่สำหรับพวกเขานั้นก็เพียงแค่เศษเสี้ยวหนึ่งเท่านั้นแต่เอ้อหู่ไม่ยอมให้ผู้อื่นมาหลอกลวงตนได้!สีหน้าของต้าหู่ก็ดูไม่สู้ดีนัก เหตุการณ์เช่นนี้เพิ่งเคยเกิดขึ้นกับพวกเขาเป็นครั้งแรก...ชายคนนั้นรีบอธิบาย “ไม่ใช่เช่นนั้นจริง ๆ ขอรับ! มีโจรภูเขามาปล้นข้าวของเราจริง ๆ! ส่วนเหตุใดเรื่องราวจึงกลายเป็นเช่นนี้ ข้าก็ไม่สามารถอธิบายได้...”“แต่ข้าไม่ได้หลอกลวงพวกท่านขอรับ!”ชายคนนั้นร้อนใจจนแทบจะร้องไห้ออกมาแต่ตนเองก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร“ได้! เนื่องจากเจ้าปากแข็งเช่นนี้ พวกข้าก็จะพาเจ้าไปพบกับพี่หยวน เจ้าจะอธิบายกับพี่หยวนอย่างไรก็ตามใจเจ้า!”เอ้อหู่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา จากนั้นก็คว้าคอเสื้อชายคนนั้นแล้วเหวี่ยงไปอีกทางทหารสองนายที่อยู่ด้านหลังรีบกดไหล่ชายคนนั้นไว้ และทุกคนก็เดินทางกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวังด้วยท่าทางน่าเกรงขามเวลาผ่านไปครึ่งวัน ทุกคนก็ได้พบกับหวังหยวนหลังจากสอบถามเรื่องราวโดยละเอียดแล้ว หวังหยวนก็เดินไปหาชายคนนั้นชายคนนั้นรีบก้มลงกราบกับพื้น ขาอ่อนแรง เหงื่อเม็ดใหญ่ไหลรินลงมา
“ต่อให้คนธรรมดาทำงานหนักทั้งชีวิตก็ไม่มีโอกาสได้ใช้ของเหมือนที่อยู่ในห้องข้าได้!”แม่นางหรูเยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาและแฝงไปด้วยความรำคาญทว่าตั้งแต่เข้ามาในห้อง หวังหยวนก็จ้องมองแม่นางหรูเยียนตลอดเวลา พิจารณาแม้แต่ท่าทางการพูดของนางแม้ว่าแม่นางหรูเยียนจะแสร้งทำเป็นหยิ่งผยองและทำท่าทางเย็นชา แต่หวังหยวนรู้สึกได้ว่านางไม่ใช่คนเช่นนี้แน่นอน นางกำลังจงใจเล่นละครเพื่อปกปิดอะไรบางอย่าง!แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้หวังหยวนยังไม่สามารถค้นพบความลับของนางได้โชคดีที่เขายังมีเวลาอีกมากพอที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป ค่อย ๆ ขุดคุ้ยความลับเบื้องหลังของแม่นางหรูเยียน!เวลาผ่านไปทีละวินาทีแม่นางหรูเยียนก็แอบมองหวังหยวนเป็นระยะ นางคาดเดาความคิดของชายผู้นี้อยู่ในใจพลางครุ่นคิด“เขาคงไม่เฝ้าอยู่ที่นี่ตลอดหรอกใช่หรือไม่?”“เขาต้องการอะไรกันแน่?”“ข้ากับเขาไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน เหตุใดข้าถึงจำไม่ได้เลยว่าเคยพบเขามาก่อน?”ส่วนหวังหยวนก็นั่งจิบชาเงียบ ๆ ด้วยท่าทางสบายใจทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างเร่งรีบ ตามมาด้วยเสียงสนทนาของชายหญิงดังเข้ามาในห้อง“คุณชายเฉิน! ท่านเข้าไปไม่ได้นะเจ้าคะ!”
“ว่ามาสิว่าเจ้าเป็นใครกันแน่?” สตรีผู้นี้มีวิทยายุทธไม่ธรรมดา เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ นางจะซ่อนเร้นให้รอดพ้นสายตาของหวังหยวนไปได้อย่างไร?ที่นี่คือเมืองอู่เจียง ซึ่งเป็นเขตอิทธิพลของเขา ไม่อาจปล่อยให้คนเช่นนี้ปรากฏตัวได้! แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นสตรี หวังหยวนก็จำต้องระมัดระวัง เพราะเกรงว่าจะเกิดความผิดพลาด!แม่นางหรูเยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นยกมือขึ้นดึงปิ่นปักผมของตนเองออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วจ่อไปที่ลำคอของตนเอง ทำท่าทางเหมือนพร้อมจะสละชีพ!“ได้!”“ถือว่าข้าโชคร้ายเองที่ได้พบเจ้า!”“หากเจ้ายังคงบีบบังคับข้าต่อไป ข้าจะตายตรงหน้าเจ้าบัดเดี๋ยวนี้!”หลังจากพูดจบ แม่นางหรูเยียนก็พร้อมที่จะใช้ปิ่นปักผมแทงเข้าที่คอของตนเอง!โชคดีที่หวังหยวนตาไว คว้าปิ่นปักผมออกจากมือของนางได้ทัน แล้วเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “อย่ามาเล่นละครตบตากับข้า!”แม้จะพูดเช่นนั้น แต่ในใจก็ยังหวาดกลัวอยู่บ้าง!สตรีผู้นี้ช่างบ้าคลั่งนัก กล้าลงมือกับตนเองเช่นนี้!ช่างโหดเหี้ยมนัก แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่เว้น!“เจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?” ใบหน้าของแม่นางหรูเยียนบึ้งตึง วิทยายุทธของหวังหยวนนั้นสูงส่งแล
ก่อนที่แม่นางหรูเยียนจะทันได้ตั้งตัว มือของหวังหยวนก็สัมผัสผ้าคลุมหน้าของนางแล้ว!เห็นได้ชัดว่าต้องการจะดึงผ้าคลุมหน้าออก!แต่ที่หวังหยวนไม่คาดคิดก็คือแม่นางหรูเยียนมีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็วมาก เห็นได้ชัดว่านางมีวรยุทธ!นางรีบยกมือขึ้นมาสกัดกั้นมือของหวังหยวน แล้วถอยหลังอย่างรวดเร็วไปยังเตียงนอนนางคว้ามีดสั้นออกมา ก่อนจะวิ่งเข้าไปหาหวังหยวนด้วยท่าทางน่าเกรงขาม!“มีวรยุทธด้วยหรือ?”หวังหยวนหรี่ตาแล้วยกยิ้ม เรื่องราวยิ่งน่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆไม่น่าแปลกใจเลยที่แม่นางหรูเยียนช่างมีเสน่ห์ดึงดูดใจ นางมีความลึกลับซ่อนอยู่มากมาย!เพียงชั่วพริบตาเดียว หวังหยวนก็เข้าต่อสู้กับแม่นางหรูเยียน!แม้ว่าหวังหยวนจะระวัง แต่กระบวนท่าโจมตีอันทรงพลังของแม่นางหรูเยียนนั้นรุนแรงมาก เห็นได้ชัดว่านางต้องการสังหารหวังหยวนให้ได้!โชคดีที่หวังหยวนหลบหลีกได้ทัน สามารถเลี่ยงการโจมตีของนางได้ครั้งแล้วครั้งเล่า!“เจ้าเป็นสตรี เหตุใดถึงได้โหดร้ายเช่นนี้?”หวังหยวนส่ายหน้าขณะพูดแม่นางหรูเยียนขมวดคิ้ว “นั่นก็เพราะท่านชั่วร้ายเกินไปไม่ใช่หรือ?”“ท่านรู้เรื่องที่ควรจะรู้แล้ว แต่ท่านยังคงหยาบคาย เห็นได้ชัด
“ข้าได้กล่าวไปแล้วว่าข้าไม่ได้มีเจตนาร้าย เพียงแต่ต้องการสนทนากับเจ้าเท่านั้น” ริมฝีปากของหวังหยวนเผยรอยยิ้มอ่อนโยน ราวกับว่าได้กลับมาถึงบ้านของตนเองต่อจากนั้น หวังหยวนก็นั่งลงรินน้ำชาให้ตนเอง แล้วโบกมือให้อีกฝ่ายนั่งลง ก่อนพูดด้วยรอยยิ้ม “หากเจ้าคิดจะเรียกคนมาช่วย ข้ารับรองว่าได้ว่าก่อนที่พวกเขาจะมาถึง ข้าสามารถทำให้เจ้าเสียโฉมได้แน่นอน”“หากเจ้าไม่เชื่อก็ลองดูได้”หวังหยวนยังคงพูดด้วยรอยยิ้ม ไม่รู้ว่าฝาถ้วยชามาอยู่ในมือของเขาตั้งแต่เมื่อใด เป็นการเตือนแม่นางหรูเยียนอย่างชัดเจนแม่นางหรูเยียนสีหน้าซีดเผือด นี่เป็นครั้งแรกที่นางถูกข่มขู่ ในหอชิงสุ่ยนี้ ชายแทบทุกคนต่างปรารถนาจะได้ใกล้ชิดนาง แต่ก็ไม่มีใครได้โอกาสและไม่มีใครกล้าล่วงเกินนางแม้แต่ข่มขู่นางก็ไม่เคยมีมาก่อนหวังหยวนเป็นคนแรกที่ทำเช่นนี้หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แม่นางหรูเยียนจึงขมวดคิ้วพูดว่า “ท่านต้องการอะไร?”ขณะที่พูด แม่นางหรูเยียนก็รักษาระยะห่างจากหวังหยวน ไม่ได้เข้าใกล้เขาแม้แต่น้อยแต่สามารถเห็นได้ชัดจากแววตาของนางว่านางก็หวาดกลัวอยู่ไม่น้อยเพราะหวังหยวนเป็นคนแรกที่เข้ามาในห้องนี้!แต่ที่ไม่คาดคิดก
เกาเล่อไม่ได้สนใจ เพียงแค่ดื่มสุราต่อไปในสายตาของเขา สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงกลอุบายหลอกล่อลูกค้าเท่านั้นเพียงแค่เสนอราคาให้เหมาะสม เขาก็ไม่เชื่อหรอกว่าหญิงสาวที่นี่จะรักนวลสงวนตัว!มันเป็นเพียงเรื่องน่าขัน!ทันใดนั้นชายหลายคนจากโต๊ะข้าง ๆ ก็หัวเราะเยาะขึ้นมา“เจ้าคิดว่ามีเงินแล้วจะยิ่งใหญ่นักหรือ?”“ที่อื่นอาจจะได้ แต่ที่นี่ไม่ได้หรอกนะ!”“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีคนอยากดื่มสุราร่วมกับแม่นางหรูเยียนกี่คน?”“มากมายจนถ้าต่อแถวแล้ว แถวคงยาวออกไปนอกเมือง!”“ในบรรดาคนเหล่านั้นมีคุณชายจากตระกูลชั้นสูง แต่แม่นางหรูเยียนก็ไม่ได้สนใจพวกเขา”“ส่วนเจ้าก็คงไม่ต่างกัน!”ทุกคนต่างหัวเราะกันครื้นเครงหวังหยวนไม่ได้สนใจคำพูดของพวกเขา หลังจากเก็บทองบนโต๊ะกลับคืนมาแล้ว เขาก็โบกมือให้เสี่ยวเอ้อออกไปเสี่ยวเอ้อสบถ เดิมทีคิดว่าหวังหยวนจะให้เงินทอง แต่สุดท้ายกลับไม่ได้อะไรเลย…ช่างน่าโมโหนักหวังหยวนมองไปที่เกาเล่อ แล้วกระซิบว่า “เจ้าส่งคนไปสืบเรื่องราวของแม่นางหรูเยียนที ข้าค่อนข้างสนใจนาง”“ท่านผู้นำ ท่านไม่ได้ล้อเล่นใช่หรือไม่ขอรับ?”“ท่านเชื่อคำพูดไร้สาระของพวกเขาหรือ?”“ข้าสงสัยว่านางคนนั้น
หวังหยวนประหลาดใจ ที่นี่มีกฎเกณฑ์ด้วยงั้นหรือ? ขณะที่เกาเล่อกำลังจะแสดงความไม่พอใจ แต่หวังหยวนรีบส่งสัญญาณให้เขาด้วยสายตา เกาเล่อจึงไม่พูดอะไรเพิ่มเติม ยังคงยืนแข็งทื่อราวกับรูปปั้นอยู่ด้านหลังของหวังหยวน แต่ดวงตาของเกาเล่อแสดงถึงความไม่สบอารมณ์“เหตุใด?”“หรือว่าเจ้าจะคิดทำร้ายคน?”หญิงสาวที่เพิ่งสนทนากับหวังหยวนเบ้ปากใส่เกาเล่อ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “หากไม่ได้มาเพื่อความสนุกสนานก็จงรีบออกไปจากที่นี่เสีย!”“อย่ามาขวางทาง อย่าทำให้พวกข้าเสียเวลา!”“พวกข้ายังต้องทำมาหากิน!”หญิงคนนั้นก็ชนไหล่ของหวังหยวนแล้วเดินผ่านไปที่หน้าประตู หญิงสาวคนอื่น ๆ ที่ตามมาก็ทำเช่นเดียวกัน“พวกนางช่างไม่รู้ที่ต่ำที่สูง!”“หากพวกนางรู้ถึงตัวตนของท่าน คงต้องคุกเข่าขอความเมตตาจากท่าน”เกาเล่อบ่นพึมพำ“เช่นนั้นอย่าให้พวกนางรู้ถึงตัวตนของข้าดีกว่า”“ข้าไม่อยากมีเรื่องกับพวกนาง”หวังหยวนกล่าวติดตลกแล้วเดินเข้าไปด้านในพร้อมกับเกาเล่อ เลือกที่นั่งแล้วมองไปยังเวทีกลางพลางพิจารณาหอชิงสุ่ยอย่างละเอียดต้องยอมรับว่าที่นี่ตกแต่งได้อย่างหรูหราอลังการอาคารหลังนี้มีทั้งหมดสามชั้น ชั้นล่าง
แต่เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ว่าจะสำเร็จได้ในวันเดียวหากต้องการให้เมืองอู่เจียงกลายเป็นเมืองสำคัญทางคมนาคมคงต้องใช้เวลาอีกสองสามปีจึงจะสมบูรณ์หวังหยวนเองก็ไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่า เขาพยายามค้นหาคนที่เหมาะจะเป็นผู้ว่าราชการคนใหม่ในเมืองอู่เจียง แต่ก็ยังหาไม่พบณ หอชิงสุ่ยเมื่อค่ำคืนนี้มาเยือน หวังหยวนกำลังไปเดินเล่นชมเมืองและบังเอิญมาถึงหอชิงสุ่ยที่นั่นเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและผู้คนพลุกพล่าน“ที่นี่คือที่ใด?” หวังหยวนถามเกาเล่อผู้ติดตามอยู่ข้างกาย“ที่นี่คือสถานที่แห่งความสุขทางโลกขอรับ”“ท่านผู้นำสนใจจะเข้าไปดูหรือไม่ขอรับ?”เกาเล่อตอบด้วยรอยยิ้ม“ข้าไม่สนใจเรื่องเหล่านี้...”“อีกอย่างซื่อหานก็รอข้าอยู่ที่บ้าน หากข้ามมัวเมาสุราอยู่ที่นี่ แล้วพวกผู้หญิงในบ้านรู้เข้าคงต้องมีเรื่องวุ่นวายเป็นแน่”หวังหยวนส่ายหน้า หลี่ซื่อหานนั้นยังเข้าใจได้และจะไม่พูดอะไรมาก แต่สำหรับหวงเจียวเจียว...นั่นคือคนที่ยากจะรับมือเกาเล่อหัวเราะ แล้วกล่าวต่อ “ท่านผู้นำอาจเข้าใจผิด ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ธรรมดาอย่างที่ท่านคิดหรอกนะขอรับ”“ข้าเคยสืบเรื่องที่นี่มาแล้ว”“เท่าที่ข้าทราบ เจ้าของที่นี่มีเบื้
ในไม่ช้าหวังหยวนพร้อมคณะก็กลับมายังที่ว่าการเมืองอู่เจียงฉุนอวี๋อันเฝ้ารอมาพักใหญ่แล้ว“ท่านผู้นำ ข้าสั่งให้เหล่าแรงงานเตรียมพร้อมแล้ว พวกเขาพร้อมจะเริ่มงานได้ทุกเมื่อขอรับ!”“ข้าได้แจกจ่ายแบบแปลนให้แก่พวกเขาแล้ว แต่ว่าตอนนี้ยังมีปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง...”ฉุนอวี๋อันพูดเพียงเท่านี้ก็เงียบไป สีหน้าบ่งบอกถึงความลำบากใจ“ต้องการเงินเท่าใด?”หวังหยวนทราบความคิดของเขาในทันทีจึงเอ่ยถามออกไป“ท่านผู้นำฉลาดหลักแหลมยิ่งนักขอรับ!”“ใช่แล้วขอรับ เพียงแค่ต้องการเงินจำนวนหนึ่ง!”“ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เมืองอู่เจียงไม่ได้มีเงินทองมากมาย จึงไม่เพียงพอที่จะใช้ในการก่อสร้างครั้งนี้”“ข้าจึงจำต้องมาแจ้งเรื่องนี้กับท่านผู้นำขอรับ...”ฉุนอวี๋อันรีบกล่าว“เจ้าไม่ต้องอ้อมค้อมแล้ว ต้องการเงินเท่าใดก็บอกมาเถิด เรื่องนี้ข้าจะจัดการให้”หวังหยวนไม่ได้ขาดแคลนเงินทองนั่นคือเรื่องเดียวที่เขาได้เปรียบในบรรดาอาณาจักรทั้งสี่ฉุนอวี๋อันรีบนำบัญชีรายรับรายจ่ายที่รวบรวมไว้มาให้หวังหยวน “ข้าได้รวบรวมรายละเอียดทั้งหมดไว้แล้ว ท่านผู้นำโปรดพิจารณา หากไม่มีปัญหาอะไรก็โปรดอนุมัติตามจำนวนนี้ด้วยขอรับ”หวังหยวนรับม
ถ้อยคำของตงฟางฮั่นมีความหมายแฝงอยู่ แต่หวังหยวนก็เข้าใจในทันที“ข้าเข้าใจแล้ว ท่านหมายถึงพรรคทมิฬใช่หรือไม่?”ตงฟางฮั่นยิ้มอย่างพึงพอใจ แล้วพยักหน้า“ดูเหมือนว่าท่านจะไม่ได้ไร้เดียงสาเหมือนที่ข้าคิด สามารถสังเกตเห็นพรรคทมิฬได้เร็วถึงเพียงนี้!”เมื่อเอ่ยถึงชื่อนี้ สีหน้าของเกาเล่อก็เปลี่ยนไปเช่นกันหลังจากจับกุมสาวกของพรรคทมิฬได้หลายคน เกาเล่อและหวังหยวนก็รู้เรื่องของพรรคทมิฬมากขึ้น และในช่วงนี้เกาเล่อก็ได้ส่งคนจำนวนมากไปรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพรรคทมิฬแต่ก็ยังไม่มีประโยชน์มากนักแสดงให้เห็นว่าคนของพรรคทมิฬนั้นเหมือนพวกหนูที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด!การขุดคุ้ยเรื่องคนเหล่านี้ต้องใช้เวลา!“แล้วเหตุใดคนของพรรคทมิฬถึงได้ทำร้ายท่านเล่า?” “หรือว่าพวกท่านเคยมีเรื่องขัดแย้งกัน?”หวังหยวนเคาะโต๊ะเบา ๆ สายตาจ้องมองไปที่ตงฟางฮั่นอีกครั้งตงฟางฮั่นส่ายหน้าแล้วยิ้มเยาะ “ข้าจะไปเข้าร่วมกับคนพวกนั้นได้อย่างไร?” “ไม่รู้ว่าพวกเขาได้ยินชื่อของข้ามาจากไหน จึงได้มาติดต่อข้า หวังว่าข้าจะเข้าร่วมพรรคทมิฬ!” “แต่ข้าได้ปฏิเสธพวกเขามาหลายครั้งแล้ว” “แต่พวกเขาก็ยังคงตามติดไม่เลิก ก่อนหน้านี้พวกเขาย