พวกเขารู้นิสัยของหวังหยวนดี การติดตามหวังหยวนย่อมไม่ผิดพลาด!การเคลื่อนไหวของเมืองหลิงก็ทำให้หลายคนตกใจณ วังหลวงของอาณาจักรต้าเป่ย ไป๋ชิงชางได้รับข่าวเช่นกัน จึงงล่วงรู้แผนการเกณฑ์ทหารของหวังหยวน“ฝ่าบาท ปรากฏว่าหวังหยวนไม่ได้ซื่อสัตย์อย่างที่พระองค์ตรัส ตอนนี้เขาเริ่มเกณฑ์ทหารแล้ว เห็นได้ชัดว่าเตรียมจะแย่งชิงดินแดนทั้งเก้า...”“เช่นนี้แล้ว เราไม่เพียงแต่ต้องเผชิญหน้ากับราชวงศ์ต้าเป่ยและเมืองหวงเท่านั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเราต้องรับมือกับหวังหยวน!”“ในบรรดากองกำลังทั้งหลายเหล่านี้ หวังหยวนมีกองกำลังที่จัดการได้ยากที่สุด กระหม่อมได้ยินมาว่าตอนนี้เขาจะเกณฑ์ทหารเป็นจำนวนมาก แต่ชาวบ้านในท้องถิ่นกลับสนับสนุนเขาอย่างล้นหลาม”“นี่เป็นเรื่องแปลกประหลาดอย่างยิ่ง...”ไป๋ฝูซานกล่าวด้วยใบหน้าขมวดคิ้ว ในอดีตเมื่อถึงเวลาเกณฑ์ทหาร ชาวบ้านในแต่ละพื้นที่ก็จะหลบเลี่ยง เพราะไม่มีใครอยากไปเข้าร่วมสมรภูมิรบ!แต่สถานการณ์ของหวังหยวนเป็นอย่างไร?กลับตรงกันข้ามกับที่กล่าวมา!ผู้คนต่างก็แห่แหนกันไปสมัครทหารเพื่อเข้าร่วมกับหวังหยวน นี่เป็นเรื่องแปลกประหลาด!ไป๋ชิงชางครุ่นคิด สีหน้าของเขาอดเปลี
“ขอบพระทัยฝ่าบาท”“กระหม่อมจะทุ่มเทอย่างสุดความสามารถเพื่อฝ่าบาทอย่างสุดชีวิต ไม่ให้ฝ่าบาทผิดหวังในความไว้วางใจพ่ะย่ะค่ะ!”ไป๋ฝูซานเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เขาโค้งคำนับไป๋ชิงชาง แล้วรีบรุดออกไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ยังมีเรื่องมากมายที่ต้องจัดการหลังจากที่เขากลับมาที่อาณาจักรต้าเป่ย ไม่เพียงแต่จะมีภารกิจทางการทหารมากมายที่ต้องจัดการ แต่ยังต้องระวังอาณาจักรเพื่อนบ้านมารุกรานอีกด้วยในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้ ต้องระวังเป็นพิเศษ!อีกด้านหนึ่ง ที่หมู่บ้านต้าหวังหลังจากเกณฑ์ทหารมาครึ่งเดือน หวังหยวนก็มีทหารในมือสองแสนนายโดยมีต้าหู่และเอ้อหู่กำลังฝึกทหารเหล่านี้ และด้วยความช่วยเหลือของทหารเกราะดำ เพียงแค่ให้เวลาพวกเขาอีกสักระยะ ก็จะสามารถสร้างกองทัพพยัคฆ์ได้ในไม่ช้า“ทหารในมือเรามีเพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องเกณฑ์ทหารเพิ่มอีก”“จำไว้ว่าต้องให้เงินอุดหนุนพวกเขามากขึ้น เพื่อให้พวกเขารู้ว่าการเป็นทหารนั้นดีอย่างไร”“ยิ่งไปกว่านั้น ต้องให้พวกเขารู้ว่าการเป็นทหารมีความหมายอย่างไรด้วย”“ข้าไม่ได้ริเริ่มต้องการครองแผ่นดินเอง เหตุผลที่ข้าเตรียมจะนำทัพออกรบก็เพื่อปกป้องแผ่นดินและประชาชน”ขณะนี้ ห
“สามี ท่านออกศึกอย่างสบายใจเถิด เรื่องภายในบ้านไม่จำเป็นต้องกังวล ข้าจะดูแลทุกอย่างให้เรียบร้อย”“จะไม่ทำให้ท่านต้องกังวลใจอย่างแน่นอน”หลี่ซื่อหานเข้าใจความรู้สึกผู้อื่นเป็นอย่างดี เพียงแค่มองจากสีหน้าของหวังหยวน ก็มองออกแล้วว่าหวังหยวนคิดอะไรอยู่ทันใดนั้นเสียงหัวเราะสดใสก็ดังขึ้น หวงเจียวเจียวเดินมาจากด้านหลังของหวังหยวน เมื่อเห็นท่าทางหวานชื่นของทั้งสอง ก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้า “ปรากฏว่าพวกท่านแอบมาจู๋จี๋กันที่นี่เองงั้นหรือ?”“โอ้โฮ เจ้าช่างน่าสนใจจริง ๆ ไม่เจอกันหลายวัน ไม่คิดว่าเจ้าจะรู้จักใช้สำนวนเป็นแล้ว ใช่หรือไม่?”“เจ้ารู้หรือไม่ว่าจู๋จี๋หมายถึงอะไร?”หวังหยวนและหลี่ซื่อหานหันมาพูดติดตลกใบหน้าของหวงเจียวเจียวแดงก่ำขึ้นมาในทันทีจริง ๆ แล้วนางแค่เรียนรู้และนำมาใช้ นางเพิ่งได้ยินคนอื่นพูดคำนี้จึงได้จำไว้ในใจหลังจากนั้นก็เห็นหวังหยวนและหลี่ซื่อหานกำลังพลอดรักกันอยู่ที่นี่ จึงได้พูดคำนี้ออกมา แต่ไม่คิดว่าหวังหยวนจะไม่เพียงแต่ไม่ชื่นชมนางเท่านั้น แถมยังมาพูดจาถากถางนางอีก น่าโมโหจริง ๆ!“ข้าไม่สน ท่านทำให้ข้าโกรธแล้ว”“เช่นนั้นท่านต้องสัญญากับข้าอย่างหนึ่ง”หวงเจียว
“ไม่อร่อยเลยสักนิด”เมื่อได้เคี้ยวข้าวสาลีผสมถั่ว หวังหยวนวางชามดินเผาลง รู้สึกเหมือนกินแกลบไม่มีผิด ตอนนี้ใครมาบอกว่าการข้ามกาลเวลามันดี เขาก็พร้อมที่จะบอกความในใจให้พวกเขา ข้ามกาลเวลามาถึงช่วงราชวงศ์ต้าเย่ คล้ายช่วงยุคสมัยโบราณของจีน เจ้าของร่างเดิมเป็นเป็นเจ้าของที่ดินเล็ก ๆ ตอนที่พ่อแม่ยังอยู่ ตอนเช้าได้กินข้าวต้มข้าวฟ่าง เที่ยงได้กินข้าวผสมข้าวฟ่าง ตอนเย็นได้กินเซาปิ่งพร้อมธัญพืชผสม ทุก ๆ สิบวันหลังจากกลับมาจากโรงเรียนในเมือง ถึงจะได้กลับมากินให้หายอยากได้สำหรับคนทั่วไป แต่ละวันกินข้าวต้มข้าวฟ่าง หรือข้าวสาลีผสมถั่ว ส่วนเนื้อนั้นในช่วงปกติอย่าไปคิดถึงมันเลย คงมีแค่ช่วงฉลองตรุษจีนเท่านั้นถึงจะได้กินเนื้อบ้าง ส่วนแป้งและข้าวสารนั้นเป็นที่นิยมของเจ้าของที่ดิน คหบดีและขุนนาง นึกถึงพวกไข่ เนื้อหมู ไก่ ปลา บนโลกที่ถูกทิ้ง หวังหยวนอดที่จะตีตัวเองไม่ได้ น้ำเสียงที่ฟังดูขลาดกลัวของคน ๆ หนึ่งดังขึ้น “ท่านพี่ ขอโทษนะ ในบ้านไม่มีข้าวฟ่างแล้ว ให้ท่านที่เป็นบัณฑิตเพิ่งหายป่วยกินข้าวสาลีผสมถั่วเช่นนี้?” แววตาของหวังหยวนมีประกายขึ้นมา สาวน้อยคนสวยที่ท่าทางขี้ขลาดยืนอยู่หน้าห้องโ
หวังหยวนเลิกคิ้ว "ถ้าข้าทำได้ล่ะ?" หลิวโย่วไฉเผยสีหน้าเจ้าเล่ห์ "ถ้าเจ้าทำได้ ข้าจะไม่คิดดอกเบี้ย! แต่ถ้าทำไม่ได้ เจ้าจะต้องขายตัวเองเป็นคนรับใช้นายของข้า ว่าอย่างไรบ้าง?" หลี่ซื่อหานหน้าถอดสี “ท่านพี่ อย่ารับปากนะ!” เจ้าของที่ใจดำคนนี้ต้องการให้เขาขายตัวเองเป็นทาส หวังหยวนโกรธมาก แต่เขาเดินไปเขียนสัญญาสองฉบับและหยิบแผ่นหมึกสีแดงออกมา "เขียนชื่อและประทับนิ้วซะ!" “ได้!” หลังจากเขียนชื่อด้วยลายมือน่าเกลียด และประทับลายนิ้วมือสีแดงแล้ว หลิวโย่วไฉก็เดินจากไปด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ คนเสเพลเช่นนี้ เขาไม่มีหาเงินสี่สิบกว้านได้ภายในสามวันอย่างแน่นอน แม้ว่าครอบครัวของสาวน้อยจะร่ำรวย แต่พวกเขาก็อยากให้นางทิ้งคนเสเพลพรรค์นี้อยู่เสมอ ดังนั้นการยืมเงินคงจะเป็นไปไม่ได้แน่ การเดิมพันครั้งนี้ จะได้ทาสมาฟรี ๆ และสามารถขายได้ต่อในราคาหลายสิบกว้านด้วย! เข้าใกล้เป้าหมายที่ตระกูลหลิวจะครอบครองที่ดินพันหมู่ไปอีกหนึ่งเก้า 'สามีภรรยา' ยืนอยู่ตรงข้ามกันในลานบ้าน “ซื่อหาน” หวังหยวนอยากจะปลอบนาง หลี่ซื่อหานเช็ดน้ำตา และรีบวิ่งเข้าไปในห้องนอน หวังหยวนเข้าใจว่านี่เป็นทำร้าย
งานที่เหลือใช้แรงออกน้อยกว่ามาก แค่ล้างรากหญ้าแล้วบดในครกหิน หลังจากทำงานยุ่งมานาน หวังหยวนรู้สึกเหนื่อยมากจนปวดหลังไปหมด เขาจึงเอารากหญ้าที่ตำใส่ถังน้ำ จึงค่อย ๆ เดินทอดน่องไปที่ริมแม่น้ำ หวังหยวนเห็นพวกปลาแหวกว่ายอยู่ใต้น้ำ เขาจึงโรยแป้งหมี่ถั่วเหลืองและน้ำลงไป ด้วยเหยื่อที่วางลงไป จำนวนปลาที่รุมเข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ หวังหยวนค่อย ๆ เทของเหลวที่ได้จากการตำรากหญ้าลงไปอย่างระมัดระวัง เมื่อน้ำที่ได้จากการตำรากหญ้านั้นกระจายตัว ปลาที่ค่อย ๆ ลอยหงายท้องขึ้นมาจากน้ำ หนึ่งตัว! สองตัว! ... หลังจากนั้นสักพัก หวังหยวนก็จับปลาตัวใหญ่ได้แปดตัว และตัวเล็กอีกสิบห้าตัว ปลาตัวใหญ่หนักประมาณสองกิโลครึ่ง ตัวเล็กหนักประมาณสองร้อยห้าสิบกรัม ปลาที่เล็กกว่านี้ก็ปล่อยมันไป เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน หวังหยวนก็กลับบ้านด้วยของที่เต็มตะกร้า ผ่านกระท่อมมุงหลังคาจากสี่หลัง คอกวัวและลานเล็ก ๆ ที่ล้อมรั้วทางด้านตะวันออกของหมู่บ้าน “ลุงหานซาน!” หวังหยวนตะโกนเรียกเขา เด็กน้อยน่ารักที่เหมือนตุ๊กตาตัวน้อยสวมเสื้อคลุมยัดนุ่นวิ่งออกมาจากเรือน ไปมองดูหวังหยวนในชุดคลุมตัวอย่างสงสัยและเขินอาย "หวั
ในโลกนี้มีการตกปลา ตกเบ็ด จับปลา แต่ยังไม่มีใครวางยาปลา หวังหยวนยิ้มและพูดว่า "ข้าค้นพบเคล็ดลับการตกปลาและก็จับปลากลับมาได้ตั้งเยอะ รีบกินเร็วเข้า ระวังถูกก้างทิ่มเอาล่ะ!" “เคล็ดลับการตกปลา!” หลี่ซื่อหานที่สงสัยอยู่แล้วนั้น ยิ่งเจอความเป็นห่วงเอาใจใส่ของหวังหยวน ทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงราวกับกวางที่ตกใจอีกครั้ง ทั้งสองคนก็กินปลาต่อไป ไม่รู้ว่าเจ้าของร่างเดิมไม่ค่อยได้กินปลาหรือเปล่า หรือเป็นเพราะปลาสดใหม่ หวังหยวนพบว่าปลาที่ทอดในน้ำมันหมูสักพัก และใส่เกลืออบรอสักสิบห้านาที และโรยด้วยผักป่า มันจะอร่อยมากซะกินจนหมดเกลี้ยง มาดูทางหลี่ซื่อหาน นางกินเหมือนแมวดมไม่มีผิด กินไปเพียงแค่ครึ่งชิ้นเท่านั้น “ท่านพี่ ข้าอิ่มแล้ว อีกครึ่งตัวนี้ข้ายังไม่ได้แตะมัน!” เห็นหวังหยวนมองมาที่นาง หลี่ซื่อหานก็วางตะเกียบลงแล้วผลักจานปลานั้นมา “ข้ากินอิ่มแล้ว แค่มองเจ้ากินปลาแบบนี้ก็น่ามองแล้ว รีบกินเถอะ!” หวังหยวนลุกขึ้นและออกจากห้องโถง เมื่อใดก็ตามที่มีเนื้ออยู่ในบ้าน หลี่ซื่อหานลังเลไม่กล้ากินมัน ปล่อยให้เจ้าของร่างเดิมกินก่อนเสมอ นี่จึงทำให้นางผอมลงจนผอมซูบ จนความงามแต่เดิมของนางก็หายไ
หวังซื่อไห่เอามือจับชายแขนเสื้อตัวเองยืนน้ำลายไหลอยู่หน้าประตูบ้านหวังหยวน หวังหยวนถามว่า "เจ้าทำอะไรน่ะ?" ต้าหู่และเอ้อหู่ก้าวออกมาล้อมขนาบหวังซื่อไห่ทั้งซ้ายและขวา มายืนน้ำลายไหลบ้านพี่หยวนแต่เช้า เจ้าอันธพาลนี่ต้องคิดเรื่องไม่ดีอยู่แน่ ๆ หวังซื่อไห่ตกใจจนสะดุ้ง แล้วจึงรีบถอยออกไปจากประตู “ข้า ข้าอยากกินปลา!" ช่างหน้าด้านได้อย่างตรงไปตรงมา หวังหยวนส่ายหน้า “เจ้ามาช้าไป ปลาถูกกินหมดแล้ว!” “เช้ากินหมดแล้ว ยังมีตอนเย็นอีก แค่อยากกินปลาเอง ให้ข้าไปขุดรากหญ้ากับเจ้าก็ได้นะ ไม่มีปัญหา” เมื่อวานที่เดินเตร็ดเตร่อยู่นั้น พบว่าที่บ้านหวังหยวนนั้นกินปลา และบ้านหวังหานซานก็ได้กินปลาเช่นกัน เดินมาแต่เช้าก็พบว่าบ้านหวังหยวนก็กินปลา และพ่อลูกหวังหานซานด้วย เมื่อนึกถึงที่หวังหยวนพูดถึงประโยชน์ เขาเข้าใจแล้วว่าเขาพลาดอะไรไป ปลาสองมื้อ! หวังหยวนกระพริบตา "งั้นไปเอาไข่สองฟองก่อน" ในชนบทแม้ว่าจะมีผู้เลี้ยงไก่อยู่ไม่กี่ราย แต่ไข่ทั้งหมดจะถูกเก็บไว้และขายเป็นเงิน กว่าจะได้ไข่สองฟองไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริง ๆ "...ตกลง!" หวังซื่อไห่กัดฟันและหันกลับมา หวังหานซานเตือนว่า "หวังหยว