“นั่นก็เป็นเรื่องของพวกท่าน ข้าไม่คิดจะยุ่งเกี่ยว”“เอาเป็นว่าข้าได้แสดงความคิดออกไปหมดแล้ว ส่วนในอนาคตพวกท่านจะทำอย่างไรนั้น เป็นเรื่องของพวกท่านทั้งสิ้น ไม่เกี่ยวข้องกับข้า”หวังหยวนยักไหล่อย่างไม่สนใจผู้นำตระกูลเจิ้งแห่งไท่หยวนที่อยู่ตรงหน้าเมื่อสักครู่นี้แท้จริงแล้วเขาได้เปลี่ยนความตั้งใจแล้ว แต่เขากลับสังเกตเห็นผู้นำตระกูลหวังแห่งหลานยาซ่อนตัวอยู่ที่หัวมุมถนนผู้คนจากแปดตระกูลใหญ่ไม่มีใครเป็นคนดี เขาขี้เกียจจะคบค้าสมาคมด้วย เกรงว่าจะนำหายนะมาสู่ตัวกลับไปใช้ชีวิตสุขสบายในโลกมนุษย์ยังดีเสียกว่าอย่างไรเสีย เรื่องราวในซานไว่ซานนั้นก็มีผู้คนจากเทียนไว่เทียนคอยถ่วงสมดุลอยู่ คนพวกนี้ล้วนเห็นแก่ตัว จะไม่มีวันยอมให้ใครทำลายความสมดุลนี้ได้“สหายน้อย เมื่อครู่เจ้าไม่ได้พูดเช่นนี้...”“เราสามารถพูดคุยกันต่อได้...”ผู้นำตระกูลเจิ้งแห่งไท่หยวนรีบเอ่ยปากแต่หวังหยวนไม่ได้ให้โอกาสเขาพูดเลย เขาหันหลังจูงมือเสวี่ยเชียนหลงจากไปณ เทียนไว่เทียน ในห้องโถงใหญ่“ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ให้เกียรติท่านเลยสินะ?”เมื่อเสวี่ยโส่วจุนเห็นผู้นำตระกูลเจิ้งแห่งไท่หยวนที่หน้าตาหมองหม่นก็หัวเราะออกมา
“ท่านคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่นักหรืออย่างไร?”แม้ว่าทั้งสองจะกลายเป็นดั่งพี่น้องกันแล้ว แต่เจิ้งอู๋หมิ่นก็ยังคงมีท่าทีหยอกเย้าหวังหยวนทำหน้ามุ่ยใส่เขา จากนั้นดวงตาของเขาก็เป็นประกายเจิ้งอู๋หมิ่นมีฝีมือพอสมควร หากสามารถเข้าร่วมกับหมู่บ้านต้าหวังได้ ก็จะเป็นประโยชน์กับเขาในหลายด้าน!“ตัดสินใจแล้วจริงหรือว่าจะติดตามข้าไป?”“แล้วจะอธิบายกับบิดาของเจ้าอย่างไร?”หวังหยวนถามขึ้นอย่างช้า ๆเจิ้งอู๋หมิ่นหัวเราะออกมาและพูดว่า “เหตุผลที่ข้าติดตามท่านไปด้วยนั้น ก็ล้วนเป็นความตั้งใจของบิดาข้าทั้งสิ้น”“เขาเบื่อหน่ายกับชีวิตในเทียนไว่เทียนมานานแล้ว”“แต่เนื่องจากสถานะที่มีอยู่ รวมถึงภาระหน้าที่บนบ่า จึงไม่สามารถออกจากเทียนไว่เทียนได้โดยง่าย”“การกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ อาจส่งผลกระทบต่อส่วนรวมได้ แต่ข้ากับเขานั้นต่างกัน ข้าเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง ฟ้ากว้างแผ่นดินใหญ่ อยากไปที่ไหนก็ไปได้ ไม่มีใครสามารถควบคุมข้าได้!”“ดังนั้นเขาจึงให้ข้ารีบตามท่านมา จากนั้นก็ติดตามท่านไปด้วย!”“ถือโอกาสเป็นการไปฝึกฝนในโลกมนุษย์”ขณะที่พูด เจิ้งอู๋หมิ่นก็เดินมาอยู่ตรงหน้าหวังหยวนและเสวี่ยเชียนหลง“เมื่อเป็นเช่นนี
แม้ว่าหวังหยวนเพียงปรารถนาจะตั้งมั่นอยู่ในหมู่บ้านต้าหวัง และใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับคนรอบข้าง แต่ก็ไม่อาจทนดูความวุ่นวายในแผ่นดินได้บัดนี้เป็นช่วงเวลาแห่งความวุ่นวายในแผ่นดินที่เหล่าผู้มีอำนาจต่างผงาดขึ้น“พี่หยวน!”“เหตุใดฝ่ายเราจึงไม่ยกทัพในเวลานี้ล่ะขอรับ?”“ด้วยกำลังของเราในเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นต้าเย่หรือต้าเป่ย ต่างก็ไม่กล้าเป็นศัตรูกับเรา!”“หากเราเพียงแค่ฉวยโอกาสนี้ เราก็สามารถขึ้นครองแผ่นดินได้!”“ดินแดนทั้งเก้าก็จะตกอยู่ในมือของเราทั้งหมด!”“จากนั้นจะหนุนให้ท่านเป็นฮ่องเต้องค์ใหม่ เพียงท่านรวมแผ่นดินได้ ข้าก็เชื่อว่าท่านจะทรงเป็นฮ่องเต้ที่เปี่ยมด้วยคุณธรรมอย่างแน่นอน และเหล่าราษฎรในแผ่นดินก็จะได้พบกับความสงบสุขที่โหยหามานาน!”ต้าหู่รีบเสนอคนอื่น ๆ ก็ต่างพากันเห็นด้วยในใจล้วนตื่นเต้นเป็นอย่างมากแม้ว่าเวลานี้พวกเขาจะได้รับเกียรติยศอันไม่มีที่สิ้นสุดและยังมีชื่อเสียงในดินแดนทั้งเก้าไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารการกินแต่ก็ยังรู้สึกว่าไม่เพียงพอ!หากหวังหยวนสามารถขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้ได้ พวกเขาก็จะกลายเป็นเจ้าผู้ครองนคร มีความรุ่งเรืองและความมั่งคั่งที่ไม่มีวันสิ้นส
เขารู้เรื่องราวต่าง ๆ ในดินแดนทั้งเก้าเป็นอย่างดีแม้แต่ภูเขาใดบ้างที่มีโจร เขาก็รู้อย่างชัดเจน!“วางใจเถิด”“แม้แต่เทียนไว่เทียน ข้ายังเข้าออกได้ตามใจชอบ ในสายตาของข้านั้น เหล่าโจรกระจอกทั้งหลายย่อมไม่สามารถทำอะไรได้เลย”หวังหยวนพูดด้วยรอยยิ้ม ขณะเดินไปถึงประตูเพิ่งกลับมาถึงหมู่บ้านต้าหวัง ยังไม่ได้ทันได้ไปหาพวกหลี่ซื่อหานเพื่อบอกข่าวดีว่าเขากลับมาแล้ว ก็ถูกคนอื่นดึงตัวไปเสียก่อนอย่างไรก็ต้องไปดูสักหน่อยภายในบ้านหวังหยวนเพิ่งเดินมาถึงหน้าประตูก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังมาจากในลานบ้าน“พี่สาว! ได้ยินว่าหวังหยวนกลับมาแล้ว ตอนนี้กำลังปรึกษาหารือกับทุกคนอยู่ คาดว่าอีกไม่นานก็จะมาหาเรา”“เราจะกลับไปที่ห้องเพื่อเตรียมตัวให้ดีกันก่อนหรือไม่”“กล่าวกันว่าสตรีนั้นแต่งตัวเพื่อให้คนที่ตนรักพอใจ สามีของเราเองก็จะกลับมาแล้ว แต่งตัวกันไม่เรียบร้อยเช่นนี้คงจะไม่ดีนักกระมัง?”ผู้พูดนั้นคือหวงเจียวเจียวนางเป็นคนรักอิสระและเรียบง่ายมาโดยตลอด ปกติแล้วไม่ใส่ใจในรายละเอียดมากนักแต่กลับมีความคิดที่ลึกซึ้งเช่นนี้จากนั้นก็ได้ยินเสียงของหลี่ซื่อหานดังขึ้น“ในใจของสามีกำลังคิดถึงข้า เรื่องนี
หวงเจียวเจียวจงใจยืดเสียง นางใช้นิ้ววาดวงกลมที่หน้าอกของหวังหยวนอย่างไม่หยุดยั้ง ใบหน้าของนางปรากฏรอยยิ้มเจ้าเล่ห์“สามี!”“เช่นนั้นท่านควรจะคุยกับข้าให้ชัดเจนเถิด ว่าถ้าพวกเราทำผิด ท่านจะลงโทษพวกเราอย่างไร?”“หรือว่าจะลงโทษพวกเราบนเตียง?”ใบหน้าของหลี่ซื่อหานแดงก่ำขึ้นมาทันทีหูเมิ่งอิ๋งก็กระแอมอย่างเขินอายสองสามครั้งแม่สาวแสบคนนี้ช่างไม่รู้จักยั้งคิด พูดอะไรออกไปก็ไม่รู้!ถ้าหากมีคนเดินผ่านไปมาข้างนอก จะไม่น่าอับอายขายหน้าไปถึงบ้านเกิดหรือ?“แค่ก ๆ”“เจ้ามีเรื่องทะลึ่งอะไรอยู่ในหัวเล็ก ๆ นี้บ้าง?”“ถ้าไม่ติดว่าวันนี้ข้ามีเวลาน้อย ข้าจะสั่งสอนเจ้าเสียให้เข็ด!”“ให้เจ้ารู้จักว่าคำว่าสามีเป็นใหญ่ในบ้านหมายความว่าอย่างไร!”วินาทีต่อมาหวังหยวนก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้นมา แล้วคว้าไปที่ใต้วงแขนของหวงเจียวเจียวหวงเจียวเจียวหลบไม่ทัน นางหัวเราะเสียงใสกังวาน นางกลัวการถูกจั๊กจี้มากที่สุด ซึ่งหวังหยวนก็รู้จุดอ่อนของนางดี จึงจงใจแกล้งนางเช่นนี้“โอ๊ยโอ๊ย รู้แล้วเจ้าค่ะว่าผิด”หวงเจียวเจียวรีบพูดพลางดิ้นหลบไปอีกด้านหนึ่ง ไม่กล้าไปยั่วโมโหหวังหยวนต่ออีก“เช่นนี้ก็พอได้”“ถ้าเจ้ายังก
หวังหยวนขมวดคิ้วพลางเอ่ยถามเขาคิดไม่ออกจริง ๆ ว่าจะมีใครในใต้หล้าที่มีความแข็งแกร่งมากถึงเพียงนี้?“ยังไม่แน่ชัดขอรับ...”“ทุกอย่างต้องรอให้เราเข้าไปในเมืองหลวงก่อน แล้วค่อยสืบสวนต่อไป”“ตอนนี้สถานการณ์วุ่นวายมาก ไม่ทราบว่าจะต้องให้ทหารเกราะดำมาคุ้มกันพวกเราดีหรือไม่ขอรับ?”“เผื่อว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน”“หากเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในเมืองหลวง อย่างน้อยก็จะรับรองได้ว่าพวกเราสองคนจะหนีออกมาได้อย่างปลอดภัย...”เกาเล่อเตือนด้วยสีหน้าจริงจังแต่หวังหยวนกลับขมวดคิ้ว ก่อนจะโบกมือ “ ยังไม่จำเป็นต้องเรียกพวกเขามา หากทหารการที่มีทหารเกราะดำอยู่ข้างกาย ความปลอดภัยก็จะเพิ่มขึ้นมากทีเดียว เกราะดำทั้งหมดออกจากหมู่บ้านต้าหวัง ก็จะทำให้การป้องกันที่นั่นอ่อนแอลง...”“นั่นจะทำให้ศัตรูฉวยโอกาสเข้าโจมตีได้ง่าย”“ที่บ้านยังมีคนอีกมากที่ต้องปกป้อง อีกทั้งตอนนี้ก็เป็นช่วงเวลาที่วุ่นวาย เรื่องเหล่านี้ให้เราสองคนจัดการเองเถอะ”“อย่างไรเสีย ข้าก็เคยอยู่ในเมืองหลวงต้าเย่มาระยะหนึ่งแล้ว คงจะไม่มีปัญหาอะไรมากนักหรอก”แม้จะพูดเช่นนั้น แต่ในใจของหวังหยวนก็ยังไม่มั่นใจเพราะแม้ว่าคนของทั้งสองฝ่ายจะ
ไม่นานนัก ทั้งสองก็เข้ามาถึงในโรงน้ำชาลมโชย“นายท่าน เชิญด้านในขอรับ!”“พวกท่านจะพักหรือว่าจะรับประทานอาหารหรือขอรับ?”เด็กในร้านคนหนึ่งรีบเข้ามาถามด้วยความเคารพ“ไปบอกเจ้าของร้านให้ออกมาพบข้า”“นำสิ่งนี้ไปให้เขา ไม่ต้องพูดอะไรมาก เขาจะออกมาพบเอง”เกาเล่อหยิบหยกชิ้นหนึ่งออกมาจากกระเป๋า แล้วส่งให้เด็กในร้าน จากนั้นก็รินชาหนึ่งแก้วก่อนจะส่งให้หวังหยวนเด็กในร้านไม่กล้ารอช้า รีบเดินไปทางด้านหลังร้านทันทีแม้ว่าโรงน้ำชาลมโชยจะไม่ใหญ่โตนัก แต่เรื่องจิปาถะในแต่ละวันก็ให้พวกเขาเป็นผู้รับผิดชอบ ส่วนเจ้าของร้านนั้นเป็นคนลึกลับ แทบจะซ่อนตัวอยู่ในห้องด้านหลังทุกวันและยังไม่อนุญาตให้ใครเข้าไปในห้องของเขา ราวกับว่ามีอะไรเป็นความลับอยู่ในนั้น“พี่หวัง เจ้าของร้านที่นี่เป็นคนของเรา เชื่อใจได้แน่นอน”“เราแค่ให้เขาช่วยสืบข่าวให้สักหน่อย อาจจะได้ข่าวที่เราต้องการก็ได้ขอรับ”เกาเล่อรีบเอ่ยขึ้นมาตอนนี้สมาชิกสายลับในเมืองหลวงถูกฆ่าตายหมดแล้ว เรื่องนี้ต้องสืบสวนให้กระจ่าง!ไม่เช่นนั้นจะมีปัญหาตามมาไม่รู้จบ!ต้องเข้าใจว่าตอนนี้ แม้สถานการณ์ปัจจุบันจะแบ่งแยกอำนาจสามฝ่าย แต่ก็ไม่มีใครกล้าลงมือ
“โรงน้ำชาลมโชยแห่งนี้ช่างหรูหรายิ่งนัก”“ไม่เพียงแต่มีคนเล่าเรื่องเท่านั้น แต่ข้าเพิ่งสังเกตเห็นว่าชั้นสองยังมีคนเล่นกู่ฉินด้วย คงจะมีนักปราชญ์และกวีมากมายที่ชอบมาที่นี่ใช่หรือไม่?”“เจ้าเลือกที่นี่เป็นฐานที่มั่น คิดได้อย่างรอบคอบจริง ๆ”“นักปราชญ์และกวีเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นพวกคุยโว ถึงแม้ว่าในแต่ละวันจะเหมือนทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน แต่ถ้าหากมีคนมาหาเรื่องที่โรงน้ำชาลมโชย คนเหล่านี้ก็คงจะไม่นิ่งเฉย ข้าพูดถูกหรือไม่?”หวังหยวนมองสำรวจทุกสิ่งในโรงน้ำชาลมโชยไม่มีอะไรที่หลุดรอดสายตาของเขาไปได้เกาเล่อเพียงแค่ยิ้ม ไม่ได้เอ่ยคำใดหวังหยวนมอบหมายให้เขารับผิดดูแลเครือข่ายสายลับ เขาก็จะไม่ยอมให้สายลับเกิดความผิดพลาดใด ๆ ไม่เช่นนั้นก็จะไม่สมกับที่หวังหยวนไว้วางใจเขาหวังหยวนคือผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเขาไว้ เรื่องนี้เขาจะไม่มีวันลืมขณะที่กำลังคุยกัน พนักงานก็พาพวกเขามาที่ห้องห้องหนึ่งด้านหลัง เมื่อพนักงานเคาะประตู ประตูก็เปิดออกช้า ๆแม้ว่าตอนนี้จะเป็นช่วงที่มีแดดจ้า แต่ภายในห้องกลับมืดมิด และเนื่องจากคนที่อยู่ในห้องเปิดประตูไว้เพียงเล็กน้อย จึงมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในได้ช่างน่าลึกล
“ต่อให้คนธรรมดาทำงานหนักทั้งชีวิตก็ไม่มีโอกาสได้ใช้ของเหมือนที่อยู่ในห้องข้าได้!”แม่นางหรูเยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาและแฝงไปด้วยความรำคาญทว่าตั้งแต่เข้ามาในห้อง หวังหยวนก็จ้องมองแม่นางหรูเยียนตลอดเวลา พิจารณาแม้แต่ท่าทางการพูดของนางแม้ว่าแม่นางหรูเยียนจะแสร้งทำเป็นหยิ่งผยองและทำท่าทางเย็นชา แต่หวังหยวนรู้สึกได้ว่านางไม่ใช่คนเช่นนี้แน่นอน นางกำลังจงใจเล่นละครเพื่อปกปิดอะไรบางอย่าง!แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้หวังหยวนยังไม่สามารถค้นพบความลับของนางได้โชคดีที่เขายังมีเวลาอีกมากพอที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป ค่อย ๆ ขุดคุ้ยความลับเบื้องหลังของแม่นางหรูเยียน!เวลาผ่านไปทีละวินาทีแม่นางหรูเยียนก็แอบมองหวังหยวนเป็นระยะ นางคาดเดาความคิดของชายผู้นี้อยู่ในใจพลางครุ่นคิด“เขาคงไม่เฝ้าอยู่ที่นี่ตลอดหรอกใช่หรือไม่?”“เขาต้องการอะไรกันแน่?”“ข้ากับเขาไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน เหตุใดข้าถึงจำไม่ได้เลยว่าเคยพบเขามาก่อน?”ส่วนหวังหยวนก็นั่งจิบชาเงียบ ๆ ด้วยท่าทางสบายใจทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างเร่งรีบ ตามมาด้วยเสียงสนทนาของชายหญิงดังเข้ามาในห้อง“คุณชายเฉิน! ท่านเข้าไปไม่ได้นะเจ้าคะ!”
“ว่ามาสิว่าเจ้าเป็นใครกันแน่?” สตรีผู้นี้มีวิทยายุทธไม่ธรรมดา เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ นางจะซ่อนเร้นให้รอดพ้นสายตาของหวังหยวนไปได้อย่างไร?ที่นี่คือเมืองอู่เจียง ซึ่งเป็นเขตอิทธิพลของเขา ไม่อาจปล่อยให้คนเช่นนี้ปรากฏตัวได้! แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นสตรี หวังหยวนก็จำต้องระมัดระวัง เพราะเกรงว่าจะเกิดความผิดพลาด!แม่นางหรูเยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นยกมือขึ้นดึงปิ่นปักผมของตนเองออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วจ่อไปที่ลำคอของตนเอง ทำท่าทางเหมือนพร้อมจะสละชีพ!“ได้!”“ถือว่าข้าโชคร้ายเองที่ได้พบเจ้า!”“หากเจ้ายังคงบีบบังคับข้าต่อไป ข้าจะตายตรงหน้าเจ้าบัดเดี๋ยวนี้!”หลังจากพูดจบ แม่นางหรูเยียนก็พร้อมที่จะใช้ปิ่นปักผมแทงเข้าที่คอของตนเอง!โชคดีที่หวังหยวนตาไว คว้าปิ่นปักผมออกจากมือของนางได้ทัน แล้วเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “อย่ามาเล่นละครตบตากับข้า!”แม้จะพูดเช่นนั้น แต่ในใจก็ยังหวาดกลัวอยู่บ้าง!สตรีผู้นี้ช่างบ้าคลั่งนัก กล้าลงมือกับตนเองเช่นนี้!ช่างโหดเหี้ยมนัก แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่เว้น!“เจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?” ใบหน้าของแม่นางหรูเยียนบึ้งตึง วิทยายุทธของหวังหยวนนั้นสูงส่งแล
ก่อนที่แม่นางหรูเยียนจะทันได้ตั้งตัว มือของหวังหยวนก็สัมผัสผ้าคลุมหน้าของนางแล้ว!เห็นได้ชัดว่าต้องการจะดึงผ้าคลุมหน้าออก!แต่ที่หวังหยวนไม่คาดคิดก็คือแม่นางหรูเยียนมีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็วมาก เห็นได้ชัดว่านางมีวรยุทธ!นางรีบยกมือขึ้นมาสกัดกั้นมือของหวังหยวน แล้วถอยหลังอย่างรวดเร็วไปยังเตียงนอนนางคว้ามีดสั้นออกมา ก่อนจะวิ่งเข้าไปหาหวังหยวนด้วยท่าทางน่าเกรงขาม!“มีวรยุทธด้วยหรือ?”หวังหยวนหรี่ตาแล้วยกยิ้ม เรื่องราวยิ่งน่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆไม่น่าแปลกใจเลยที่แม่นางหรูเยียนช่างมีเสน่ห์ดึงดูดใจ นางมีความลึกลับซ่อนอยู่มากมาย!เพียงชั่วพริบตาเดียว หวังหยวนก็เข้าต่อสู้กับแม่นางหรูเยียน!แม้ว่าหวังหยวนจะระวัง แต่กระบวนท่าโจมตีอันทรงพลังของแม่นางหรูเยียนนั้นรุนแรงมาก เห็นได้ชัดว่านางต้องการสังหารหวังหยวนให้ได้!โชคดีที่หวังหยวนหลบหลีกได้ทัน สามารถเลี่ยงการโจมตีของนางได้ครั้งแล้วครั้งเล่า!“เจ้าเป็นสตรี เหตุใดถึงได้โหดร้ายเช่นนี้?”หวังหยวนส่ายหน้าขณะพูดแม่นางหรูเยียนขมวดคิ้ว “นั่นก็เพราะท่านชั่วร้ายเกินไปไม่ใช่หรือ?”“ท่านรู้เรื่องที่ควรจะรู้แล้ว แต่ท่านยังคงหยาบคาย เห็นได้ชัด
“ข้าได้กล่าวไปแล้วว่าข้าไม่ได้มีเจตนาร้าย เพียงแต่ต้องการสนทนากับเจ้าเท่านั้น” ริมฝีปากของหวังหยวนเผยรอยยิ้มอ่อนโยน ราวกับว่าได้กลับมาถึงบ้านของตนเองต่อจากนั้น หวังหยวนก็นั่งลงรินน้ำชาให้ตนเอง แล้วโบกมือให้อีกฝ่ายนั่งลง ก่อนพูดด้วยรอยยิ้ม “หากเจ้าคิดจะเรียกคนมาช่วย ข้ารับรองว่าได้ว่าก่อนที่พวกเขาจะมาถึง ข้าสามารถทำให้เจ้าเสียโฉมได้แน่นอน”“หากเจ้าไม่เชื่อก็ลองดูได้”หวังหยวนยังคงพูดด้วยรอยยิ้ม ไม่รู้ว่าฝาถ้วยชามาอยู่ในมือของเขาตั้งแต่เมื่อใด เป็นการเตือนแม่นางหรูเยียนอย่างชัดเจนแม่นางหรูเยียนสีหน้าซีดเผือด นี่เป็นครั้งแรกที่นางถูกข่มขู่ ในหอชิงสุ่ยนี้ ชายแทบทุกคนต่างปรารถนาจะได้ใกล้ชิดนาง แต่ก็ไม่มีใครได้โอกาสและไม่มีใครกล้าล่วงเกินนางแม้แต่ข่มขู่นางก็ไม่เคยมีมาก่อนหวังหยวนเป็นคนแรกที่ทำเช่นนี้หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แม่นางหรูเยียนจึงขมวดคิ้วพูดว่า “ท่านต้องการอะไร?”ขณะที่พูด แม่นางหรูเยียนก็รักษาระยะห่างจากหวังหยวน ไม่ได้เข้าใกล้เขาแม้แต่น้อยแต่สามารถเห็นได้ชัดจากแววตาของนางว่านางก็หวาดกลัวอยู่ไม่น้อยเพราะหวังหยวนเป็นคนแรกที่เข้ามาในห้องนี้!แต่ที่ไม่คาดคิดก
เกาเล่อไม่ได้สนใจ เพียงแค่ดื่มสุราต่อไปในสายตาของเขา สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงกลอุบายหลอกล่อลูกค้าเท่านั้นเพียงแค่เสนอราคาให้เหมาะสม เขาก็ไม่เชื่อหรอกว่าหญิงสาวที่นี่จะรักนวลสงวนตัว!มันเป็นเพียงเรื่องน่าขัน!ทันใดนั้นชายหลายคนจากโต๊ะข้าง ๆ ก็หัวเราะเยาะขึ้นมา“เจ้าคิดว่ามีเงินแล้วจะยิ่งใหญ่นักหรือ?”“ที่อื่นอาจจะได้ แต่ที่นี่ไม่ได้หรอกนะ!”“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีคนอยากดื่มสุราร่วมกับแม่นางหรูเยียนกี่คน?”“มากมายจนถ้าต่อแถวแล้ว แถวคงยาวออกไปนอกเมือง!”“ในบรรดาคนเหล่านั้นมีคุณชายจากตระกูลชั้นสูง แต่แม่นางหรูเยียนก็ไม่ได้สนใจพวกเขา”“ส่วนเจ้าก็คงไม่ต่างกัน!”ทุกคนต่างหัวเราะกันครื้นเครงหวังหยวนไม่ได้สนใจคำพูดของพวกเขา หลังจากเก็บทองบนโต๊ะกลับคืนมาแล้ว เขาก็โบกมือให้เสี่ยวเอ้อออกไปเสี่ยวเอ้อสบถ เดิมทีคิดว่าหวังหยวนจะให้เงินทอง แต่สุดท้ายกลับไม่ได้อะไรเลย…ช่างน่าโมโหนักหวังหยวนมองไปที่เกาเล่อ แล้วกระซิบว่า “เจ้าส่งคนไปสืบเรื่องราวของแม่นางหรูเยียนที ข้าค่อนข้างสนใจนาง”“ท่านผู้นำ ท่านไม่ได้ล้อเล่นใช่หรือไม่ขอรับ?”“ท่านเชื่อคำพูดไร้สาระของพวกเขาหรือ?”“ข้าสงสัยว่านางคนนั้น
หวังหยวนประหลาดใจ ที่นี่มีกฎเกณฑ์ด้วยงั้นหรือ? ขณะที่เกาเล่อกำลังจะแสดงความไม่พอใจ แต่หวังหยวนรีบส่งสัญญาณให้เขาด้วยสายตา เกาเล่อจึงไม่พูดอะไรเพิ่มเติม ยังคงยืนแข็งทื่อราวกับรูปปั้นอยู่ด้านหลังของหวังหยวน แต่ดวงตาของเกาเล่อแสดงถึงความไม่สบอารมณ์“เหตุใด?”“หรือว่าเจ้าจะคิดทำร้ายคน?”หญิงสาวที่เพิ่งสนทนากับหวังหยวนเบ้ปากใส่เกาเล่อ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “หากไม่ได้มาเพื่อความสนุกสนานก็จงรีบออกไปจากที่นี่เสีย!”“อย่ามาขวางทาง อย่าทำให้พวกข้าเสียเวลา!”“พวกข้ายังต้องทำมาหากิน!”หญิงคนนั้นก็ชนไหล่ของหวังหยวนแล้วเดินผ่านไปที่หน้าประตู หญิงสาวคนอื่น ๆ ที่ตามมาก็ทำเช่นเดียวกัน“พวกนางช่างไม่รู้ที่ต่ำที่สูง!”“หากพวกนางรู้ถึงตัวตนของท่าน คงต้องคุกเข่าขอความเมตตาจากท่าน”เกาเล่อบ่นพึมพำ“เช่นนั้นอย่าให้พวกนางรู้ถึงตัวตนของข้าดีกว่า”“ข้าไม่อยากมีเรื่องกับพวกนาง”หวังหยวนกล่าวติดตลกแล้วเดินเข้าไปด้านในพร้อมกับเกาเล่อ เลือกที่นั่งแล้วมองไปยังเวทีกลางพลางพิจารณาหอชิงสุ่ยอย่างละเอียดต้องยอมรับว่าที่นี่ตกแต่งได้อย่างหรูหราอลังการอาคารหลังนี้มีทั้งหมดสามชั้น ชั้นล่าง
แต่เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ว่าจะสำเร็จได้ในวันเดียวหากต้องการให้เมืองอู่เจียงกลายเป็นเมืองสำคัญทางคมนาคมคงต้องใช้เวลาอีกสองสามปีจึงจะสมบูรณ์หวังหยวนเองก็ไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่า เขาพยายามค้นหาคนที่เหมาะจะเป็นผู้ว่าราชการคนใหม่ในเมืองอู่เจียง แต่ก็ยังหาไม่พบณ หอชิงสุ่ยเมื่อค่ำคืนนี้มาเยือน หวังหยวนกำลังไปเดินเล่นชมเมืองและบังเอิญมาถึงหอชิงสุ่ยที่นั่นเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและผู้คนพลุกพล่าน“ที่นี่คือที่ใด?” หวังหยวนถามเกาเล่อผู้ติดตามอยู่ข้างกาย“ที่นี่คือสถานที่แห่งความสุขทางโลกขอรับ”“ท่านผู้นำสนใจจะเข้าไปดูหรือไม่ขอรับ?”เกาเล่อตอบด้วยรอยยิ้ม“ข้าไม่สนใจเรื่องเหล่านี้...”“อีกอย่างซื่อหานก็รอข้าอยู่ที่บ้าน หากข้ามมัวเมาสุราอยู่ที่นี่ แล้วพวกผู้หญิงในบ้านรู้เข้าคงต้องมีเรื่องวุ่นวายเป็นแน่”หวังหยวนส่ายหน้า หลี่ซื่อหานนั้นยังเข้าใจได้และจะไม่พูดอะไรมาก แต่สำหรับหวงเจียวเจียว...นั่นคือคนที่ยากจะรับมือเกาเล่อหัวเราะ แล้วกล่าวต่อ “ท่านผู้นำอาจเข้าใจผิด ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ธรรมดาอย่างที่ท่านคิดหรอกนะขอรับ”“ข้าเคยสืบเรื่องที่นี่มาแล้ว”“เท่าที่ข้าทราบ เจ้าของที่นี่มีเบื้
ในไม่ช้าหวังหยวนพร้อมคณะก็กลับมายังที่ว่าการเมืองอู่เจียงฉุนอวี๋อันเฝ้ารอมาพักใหญ่แล้ว“ท่านผู้นำ ข้าสั่งให้เหล่าแรงงานเตรียมพร้อมแล้ว พวกเขาพร้อมจะเริ่มงานได้ทุกเมื่อขอรับ!”“ข้าได้แจกจ่ายแบบแปลนให้แก่พวกเขาแล้ว แต่ว่าตอนนี้ยังมีปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง...”ฉุนอวี๋อันพูดเพียงเท่านี้ก็เงียบไป สีหน้าบ่งบอกถึงความลำบากใจ“ต้องการเงินเท่าใด?”หวังหยวนทราบความคิดของเขาในทันทีจึงเอ่ยถามออกไป“ท่านผู้นำฉลาดหลักแหลมยิ่งนักขอรับ!”“ใช่แล้วขอรับ เพียงแค่ต้องการเงินจำนวนหนึ่ง!”“ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เมืองอู่เจียงไม่ได้มีเงินทองมากมาย จึงไม่เพียงพอที่จะใช้ในการก่อสร้างครั้งนี้”“ข้าจึงจำต้องมาแจ้งเรื่องนี้กับท่านผู้นำขอรับ...”ฉุนอวี๋อันรีบกล่าว“เจ้าไม่ต้องอ้อมค้อมแล้ว ต้องการเงินเท่าใดก็บอกมาเถิด เรื่องนี้ข้าจะจัดการให้”หวังหยวนไม่ได้ขาดแคลนเงินทองนั่นคือเรื่องเดียวที่เขาได้เปรียบในบรรดาอาณาจักรทั้งสี่ฉุนอวี๋อันรีบนำบัญชีรายรับรายจ่ายที่รวบรวมไว้มาให้หวังหยวน “ข้าได้รวบรวมรายละเอียดทั้งหมดไว้แล้ว ท่านผู้นำโปรดพิจารณา หากไม่มีปัญหาอะไรก็โปรดอนุมัติตามจำนวนนี้ด้วยขอรับ”หวังหยวนรับม
ถ้อยคำของตงฟางฮั่นมีความหมายแฝงอยู่ แต่หวังหยวนก็เข้าใจในทันที“ข้าเข้าใจแล้ว ท่านหมายถึงพรรคทมิฬใช่หรือไม่?”ตงฟางฮั่นยิ้มอย่างพึงพอใจ แล้วพยักหน้า“ดูเหมือนว่าท่านจะไม่ได้ไร้เดียงสาเหมือนที่ข้าคิด สามารถสังเกตเห็นพรรคทมิฬได้เร็วถึงเพียงนี้!”เมื่อเอ่ยถึงชื่อนี้ สีหน้าของเกาเล่อก็เปลี่ยนไปเช่นกันหลังจากจับกุมสาวกของพรรคทมิฬได้หลายคน เกาเล่อและหวังหยวนก็รู้เรื่องของพรรคทมิฬมากขึ้น และในช่วงนี้เกาเล่อก็ได้ส่งคนจำนวนมากไปรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพรรคทมิฬแต่ก็ยังไม่มีประโยชน์มากนักแสดงให้เห็นว่าคนของพรรคทมิฬนั้นเหมือนพวกหนูที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด!การขุดคุ้ยเรื่องคนเหล่านี้ต้องใช้เวลา!“แล้วเหตุใดคนของพรรคทมิฬถึงได้ทำร้ายท่านเล่า?” “หรือว่าพวกท่านเคยมีเรื่องขัดแย้งกัน?”หวังหยวนเคาะโต๊ะเบา ๆ สายตาจ้องมองไปที่ตงฟางฮั่นอีกครั้งตงฟางฮั่นส่ายหน้าแล้วยิ้มเยาะ “ข้าจะไปเข้าร่วมกับคนพวกนั้นได้อย่างไร?” “ไม่รู้ว่าพวกเขาได้ยินชื่อของข้ามาจากไหน จึงได้มาติดต่อข้า หวังว่าข้าจะเข้าร่วมพรรคทมิฬ!” “แต่ข้าได้ปฏิเสธพวกเขามาหลายครั้งแล้ว” “แต่พวกเขาก็ยังคงตามติดไม่เลิก ก่อนหน้านี้พวกเขาย