แม้ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาจะไม่ใช่เพื่อนกัน แต่หลังจากที่เกิดเรื่องราวหลายอย่างขึ้น ทั้งสองก็ได้กลายเป็นดั่งพี่น้องกันแล้วนับว่าเป็นคนที่ไม่รู้จักกันมาก่อน แล้วก็มาสนิทกันภายหลังดูจากสถานการณ์นี้แล้ว ทั้งสองคนกำลังจะเตรียมลงมือต่อสู้กันอีกครั้งอย่างชัดเจนเช่นนั้นนางจะช่วยใครดี?เป็นคำถามที่ทำให้รู้สึกยากลำบากใจจริง ๆ!“แค่ก แค่ก”ขณะที่ทุกคนกำลังอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เสียงไอแผ่วเบาก็ดังขึ้น จากนั้นผู้นำตระกูลเจิ้งแห่งไท่หยวนก็เดินเข้ามา แล้วมายืนตรงหน้าของทั้งสามคนอย่างรวดเร็ว“ท่านพ่อ! ท่านไม่ได้สั่งให้ข้ามาเชิญเขากลับไปหรอกหรือขอรับ?”“เหตุใดท่านจึงมาด้วยตนเอง?”“หรือว่าท่านกังวลว่าข้าจะทำภารกิจไม่สำเร็จ?”เจิ้งอู๋หมิ่นยืนกอดอกพูดว่า “ข้าเพิ่งจะอธิบายเจตนาของข้าให้เขาฟังไปเมื่อครู่ หากวันนี้เขาไม่ติดตามเราไปด้วย ข้าก็จะไม่ยอมปล่อยให้ไปหรอกขอรับ!”“อย่างมากก็แค่เราทั้งสองจะยื้อเวลาอยู่ที่นี่ไปเรื่อย ๆ!”“แม้ว่าเขาจะมีปืนคาบศิลาอยู่ในมือ แต่ข้าก็ไม่เชื่อหรอกขอรับว่าเขาจะลงมือกับข้า!”ไม่รู้ว่าเขาเอาความมั่นใจมาจากไหนหวังหยวนกลอกตาใส่เขาแต่ก็ไม่ได้โต้เถียงกับเจ
“นั่นก็เป็นเรื่องของพวกท่าน ข้าไม่คิดจะยุ่งเกี่ยว”“เอาเป็นว่าข้าได้แสดงความคิดออกไปหมดแล้ว ส่วนในอนาคตพวกท่านจะทำอย่างไรนั้น เป็นเรื่องของพวกท่านทั้งสิ้น ไม่เกี่ยวข้องกับข้า”หวังหยวนยักไหล่อย่างไม่สนใจผู้นำตระกูลเจิ้งแห่งไท่หยวนที่อยู่ตรงหน้าเมื่อสักครู่นี้แท้จริงแล้วเขาได้เปลี่ยนความตั้งใจแล้ว แต่เขากลับสังเกตเห็นผู้นำตระกูลหวังแห่งหลานยาซ่อนตัวอยู่ที่หัวมุมถนนผู้คนจากแปดตระกูลใหญ่ไม่มีใครเป็นคนดี เขาขี้เกียจจะคบค้าสมาคมด้วย เกรงว่าจะนำหายนะมาสู่ตัวกลับไปใช้ชีวิตสุขสบายในโลกมนุษย์ยังดีเสียกว่าอย่างไรเสีย เรื่องราวในซานไว่ซานนั้นก็มีผู้คนจากเทียนไว่เทียนคอยถ่วงสมดุลอยู่ คนพวกนี้ล้วนเห็นแก่ตัว จะไม่มีวันยอมให้ใครทำลายความสมดุลนี้ได้“สหายน้อย เมื่อครู่เจ้าไม่ได้พูดเช่นนี้...”“เราสามารถพูดคุยกันต่อได้...”ผู้นำตระกูลเจิ้งแห่งไท่หยวนรีบเอ่ยปากแต่หวังหยวนไม่ได้ให้โอกาสเขาพูดเลย เขาหันหลังจูงมือเสวี่ยเชียนหลงจากไปณ เทียนไว่เทียน ในห้องโถงใหญ่“ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ให้เกียรติท่านเลยสินะ?”เมื่อเสวี่ยโส่วจุนเห็นผู้นำตระกูลเจิ้งแห่งไท่หยวนที่หน้าตาหมองหม่นก็หัวเราะออกมา
“ท่านคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่นักหรืออย่างไร?”แม้ว่าทั้งสองจะกลายเป็นดั่งพี่น้องกันแล้ว แต่เจิ้งอู๋หมิ่นก็ยังคงมีท่าทีหยอกเย้าหวังหยวนทำหน้ามุ่ยใส่เขา จากนั้นดวงตาของเขาก็เป็นประกายเจิ้งอู๋หมิ่นมีฝีมือพอสมควร หากสามารถเข้าร่วมกับหมู่บ้านต้าหวังได้ ก็จะเป็นประโยชน์กับเขาในหลายด้าน!“ตัดสินใจแล้วจริงหรือว่าจะติดตามข้าไป?”“แล้วจะอธิบายกับบิดาของเจ้าอย่างไร?”หวังหยวนถามขึ้นอย่างช้า ๆเจิ้งอู๋หมิ่นหัวเราะออกมาและพูดว่า “เหตุผลที่ข้าติดตามท่านไปด้วยนั้น ก็ล้วนเป็นความตั้งใจของบิดาข้าทั้งสิ้น”“เขาเบื่อหน่ายกับชีวิตในเทียนไว่เทียนมานานแล้ว”“แต่เนื่องจากสถานะที่มีอยู่ รวมถึงภาระหน้าที่บนบ่า จึงไม่สามารถออกจากเทียนไว่เทียนได้โดยง่าย”“การกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ อาจส่งผลกระทบต่อส่วนรวมได้ แต่ข้ากับเขานั้นต่างกัน ข้าเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง ฟ้ากว้างแผ่นดินใหญ่ อยากไปที่ไหนก็ไปได้ ไม่มีใครสามารถควบคุมข้าได้!”“ดังนั้นเขาจึงให้ข้ารีบตามท่านมา จากนั้นก็ติดตามท่านไปด้วย!”“ถือโอกาสเป็นการไปฝึกฝนในโลกมนุษย์”ขณะที่พูด เจิ้งอู๋หมิ่นก็เดินมาอยู่ตรงหน้าหวังหยวนและเสวี่ยเชียนหลง“เมื่อเป็นเช่นนี
แม้ว่าหวังหยวนเพียงปรารถนาจะตั้งมั่นอยู่ในหมู่บ้านต้าหวัง และใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับคนรอบข้าง แต่ก็ไม่อาจทนดูความวุ่นวายในแผ่นดินได้บัดนี้เป็นช่วงเวลาแห่งความวุ่นวายในแผ่นดินที่เหล่าผู้มีอำนาจต่างผงาดขึ้น“พี่หยวน!”“เหตุใดฝ่ายเราจึงไม่ยกทัพในเวลานี้ล่ะขอรับ?”“ด้วยกำลังของเราในเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นต้าเย่หรือต้าเป่ย ต่างก็ไม่กล้าเป็นศัตรูกับเรา!”“หากเราเพียงแค่ฉวยโอกาสนี้ เราก็สามารถขึ้นครองแผ่นดินได้!”“ดินแดนทั้งเก้าก็จะตกอยู่ในมือของเราทั้งหมด!”“จากนั้นจะหนุนให้ท่านเป็นฮ่องเต้องค์ใหม่ เพียงท่านรวมแผ่นดินได้ ข้าก็เชื่อว่าท่านจะทรงเป็นฮ่องเต้ที่เปี่ยมด้วยคุณธรรมอย่างแน่นอน และเหล่าราษฎรในแผ่นดินก็จะได้พบกับความสงบสุขที่โหยหามานาน!”ต้าหู่รีบเสนอคนอื่น ๆ ก็ต่างพากันเห็นด้วยในใจล้วนตื่นเต้นเป็นอย่างมากแม้ว่าเวลานี้พวกเขาจะได้รับเกียรติยศอันไม่มีที่สิ้นสุดและยังมีชื่อเสียงในดินแดนทั้งเก้าไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารการกินแต่ก็ยังรู้สึกว่าไม่เพียงพอ!หากหวังหยวนสามารถขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้ได้ พวกเขาก็จะกลายเป็นเจ้าผู้ครองนคร มีความรุ่งเรืองและความมั่งคั่งที่ไม่มีวันสิ้นส
เขารู้เรื่องราวต่าง ๆ ในดินแดนทั้งเก้าเป็นอย่างดีแม้แต่ภูเขาใดบ้างที่มีโจร เขาก็รู้อย่างชัดเจน!“วางใจเถิด”“แม้แต่เทียนไว่เทียน ข้ายังเข้าออกได้ตามใจชอบ ในสายตาของข้านั้น เหล่าโจรกระจอกทั้งหลายย่อมไม่สามารถทำอะไรได้เลย”หวังหยวนพูดด้วยรอยยิ้ม ขณะเดินไปถึงประตูเพิ่งกลับมาถึงหมู่บ้านต้าหวัง ยังไม่ได้ทันได้ไปหาพวกหลี่ซื่อหานเพื่อบอกข่าวดีว่าเขากลับมาแล้ว ก็ถูกคนอื่นดึงตัวไปเสียก่อนอย่างไรก็ต้องไปดูสักหน่อยภายในบ้านหวังหยวนเพิ่งเดินมาถึงหน้าประตูก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังมาจากในลานบ้าน“พี่สาว! ได้ยินว่าหวังหยวนกลับมาแล้ว ตอนนี้กำลังปรึกษาหารือกับทุกคนอยู่ คาดว่าอีกไม่นานก็จะมาหาเรา”“เราจะกลับไปที่ห้องเพื่อเตรียมตัวให้ดีกันก่อนหรือไม่”“กล่าวกันว่าสตรีนั้นแต่งตัวเพื่อให้คนที่ตนรักพอใจ สามีของเราเองก็จะกลับมาแล้ว แต่งตัวกันไม่เรียบร้อยเช่นนี้คงจะไม่ดีนักกระมัง?”ผู้พูดนั้นคือหวงเจียวเจียวนางเป็นคนรักอิสระและเรียบง่ายมาโดยตลอด ปกติแล้วไม่ใส่ใจในรายละเอียดมากนักแต่กลับมีความคิดที่ลึกซึ้งเช่นนี้จากนั้นก็ได้ยินเสียงของหลี่ซื่อหานดังขึ้น“ในใจของสามีกำลังคิดถึงข้า เรื่องนี
หวงเจียวเจียวจงใจยืดเสียง นางใช้นิ้ววาดวงกลมที่หน้าอกของหวังหยวนอย่างไม่หยุดยั้ง ใบหน้าของนางปรากฏรอยยิ้มเจ้าเล่ห์“สามี!”“เช่นนั้นท่านควรจะคุยกับข้าให้ชัดเจนเถิด ว่าถ้าพวกเราทำผิด ท่านจะลงโทษพวกเราอย่างไร?”“หรือว่าจะลงโทษพวกเราบนเตียง?”ใบหน้าของหลี่ซื่อหานแดงก่ำขึ้นมาทันทีหูเมิ่งอิ๋งก็กระแอมอย่างเขินอายสองสามครั้งแม่สาวแสบคนนี้ช่างไม่รู้จักยั้งคิด พูดอะไรออกไปก็ไม่รู้!ถ้าหากมีคนเดินผ่านไปมาข้างนอก จะไม่น่าอับอายขายหน้าไปถึงบ้านเกิดหรือ?“แค่ก ๆ”“เจ้ามีเรื่องทะลึ่งอะไรอยู่ในหัวเล็ก ๆ นี้บ้าง?”“ถ้าไม่ติดว่าวันนี้ข้ามีเวลาน้อย ข้าจะสั่งสอนเจ้าเสียให้เข็ด!”“ให้เจ้ารู้จักว่าคำว่าสามีเป็นใหญ่ในบ้านหมายความว่าอย่างไร!”วินาทีต่อมาหวังหยวนก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้นมา แล้วคว้าไปที่ใต้วงแขนของหวงเจียวเจียวหวงเจียวเจียวหลบไม่ทัน นางหัวเราะเสียงใสกังวาน นางกลัวการถูกจั๊กจี้มากที่สุด ซึ่งหวังหยวนก็รู้จุดอ่อนของนางดี จึงจงใจแกล้งนางเช่นนี้“โอ๊ยโอ๊ย รู้แล้วเจ้าค่ะว่าผิด”หวงเจียวเจียวรีบพูดพลางดิ้นหลบไปอีกด้านหนึ่ง ไม่กล้าไปยั่วโมโหหวังหยวนต่ออีก“เช่นนี้ก็พอได้”“ถ้าเจ้ายังก
หวังหยวนขมวดคิ้วพลางเอ่ยถามเขาคิดไม่ออกจริง ๆ ว่าจะมีใครในใต้หล้าที่มีความแข็งแกร่งมากถึงเพียงนี้?“ยังไม่แน่ชัดขอรับ...”“ทุกอย่างต้องรอให้เราเข้าไปในเมืองหลวงก่อน แล้วค่อยสืบสวนต่อไป”“ตอนนี้สถานการณ์วุ่นวายมาก ไม่ทราบว่าจะต้องให้ทหารเกราะดำมาคุ้มกันพวกเราดีหรือไม่ขอรับ?”“เผื่อว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน”“หากเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในเมืองหลวง อย่างน้อยก็จะรับรองได้ว่าพวกเราสองคนจะหนีออกมาได้อย่างปลอดภัย...”เกาเล่อเตือนด้วยสีหน้าจริงจังแต่หวังหยวนกลับขมวดคิ้ว ก่อนจะโบกมือ “ ยังไม่จำเป็นต้องเรียกพวกเขามา หากทหารการที่มีทหารเกราะดำอยู่ข้างกาย ความปลอดภัยก็จะเพิ่มขึ้นมากทีเดียว เกราะดำทั้งหมดออกจากหมู่บ้านต้าหวัง ก็จะทำให้การป้องกันที่นั่นอ่อนแอลง...”“นั่นจะทำให้ศัตรูฉวยโอกาสเข้าโจมตีได้ง่าย”“ที่บ้านยังมีคนอีกมากที่ต้องปกป้อง อีกทั้งตอนนี้ก็เป็นช่วงเวลาที่วุ่นวาย เรื่องเหล่านี้ให้เราสองคนจัดการเองเถอะ”“อย่างไรเสีย ข้าก็เคยอยู่ในเมืองหลวงต้าเย่มาระยะหนึ่งแล้ว คงจะไม่มีปัญหาอะไรมากนักหรอก”แม้จะพูดเช่นนั้น แต่ในใจของหวังหยวนก็ยังไม่มั่นใจเพราะแม้ว่าคนของทั้งสองฝ่ายจะ
ไม่นานนัก ทั้งสองก็เข้ามาถึงในโรงน้ำชาลมโชย“นายท่าน เชิญด้านในขอรับ!”“พวกท่านจะพักหรือว่าจะรับประทานอาหารหรือขอรับ?”เด็กในร้านคนหนึ่งรีบเข้ามาถามด้วยความเคารพ“ไปบอกเจ้าของร้านให้ออกมาพบข้า”“นำสิ่งนี้ไปให้เขา ไม่ต้องพูดอะไรมาก เขาจะออกมาพบเอง”เกาเล่อหยิบหยกชิ้นหนึ่งออกมาจากกระเป๋า แล้วส่งให้เด็กในร้าน จากนั้นก็รินชาหนึ่งแก้วก่อนจะส่งให้หวังหยวนเด็กในร้านไม่กล้ารอช้า รีบเดินไปทางด้านหลังร้านทันทีแม้ว่าโรงน้ำชาลมโชยจะไม่ใหญ่โตนัก แต่เรื่องจิปาถะในแต่ละวันก็ให้พวกเขาเป็นผู้รับผิดชอบ ส่วนเจ้าของร้านนั้นเป็นคนลึกลับ แทบจะซ่อนตัวอยู่ในห้องด้านหลังทุกวันและยังไม่อนุญาตให้ใครเข้าไปในห้องของเขา ราวกับว่ามีอะไรเป็นความลับอยู่ในนั้น“พี่หวัง เจ้าของร้านที่นี่เป็นคนของเรา เชื่อใจได้แน่นอน”“เราแค่ให้เขาช่วยสืบข่าวให้สักหน่อย อาจจะได้ข่าวที่เราต้องการก็ได้ขอรับ”เกาเล่อรีบเอ่ยขึ้นมาตอนนี้สมาชิกสายลับในเมืองหลวงถูกฆ่าตายหมดแล้ว เรื่องนี้ต้องสืบสวนให้กระจ่าง!ไม่เช่นนั้นจะมีปัญหาตามมาไม่รู้จบ!ต้องเข้าใจว่าตอนนี้ แม้สถานการณ์ปัจจุบันจะแบ่งแยกอำนาจสามฝ่าย แต่ก็ไม่มีใครกล้าลงมือ