“เอ่อ... จะว่าอย่างไรดี ก็คิดอยู่บ้าง”“เพราะว่า... เชียนหลงแสนดีเช่นนี้ ข้าก็อยากจะเป็นพี่น้องกับนาง ผิดตรงไหนเจ้าคะ?”หวงเจียวเจียวพูดอย่างจริงจังนี่คือสิ่งที่อยู่ในใจของนาง!ไม่เช่นนั้นหากในอนาคตมีโอกาสอีก แล้วได้พบคนที่พวกนางชอบและชอบหวังหยวนด้วย พวกนางก็จะช่วยหาให้เขาล่วงหน้า!เพียงแต่ว่าเรื่องนี้ทำให้หวังหยวนรู้สึกเขินอาย“ไม่จำเป็นเลย มีภรรยาคนใดบ้างหาผู้หญิงให้สามีของตนเอง...”หวังหยวนรู้สึกสิ้นหวัง เขายอมแพ้พวกนางจริง ๆ“จริงหรือ?”หวงเจียวเจียวกะพริบตาแล้วหัวเราะ“จริงสิ เรื่องเช่นนี้ต้องเกิดจากความรักซึ่งกันและกัน ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าหาให้ข้าแล้วก็จะได้เลย”“ข้าไม่ใช่คนที่เห็นหญิงสาวสวยแล้วก้าวเดินไม่ได้ ข้ามองว่าการรักษาความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาต้องใส่ใจเรื่องความรู้สึก ไม่ใช่เรื่องรูปลักษณ์ภายนอก เข้าใจหรือไม่?”หวังหยวนพูดความจริงไม่ว่าจะเป็นหลี่ซื่อหาน หูเมิ่งอิ๋ง หรือแม้แต่หวงเจียวเจียว พวกนางล้วนฟันฝ่าอุปสรรคมาด้วยกันกับเขา!ไม่ใช่ว่าจะเห็นหน้ากันครั้งเดียว แล้วเห็นความงามของอีกฝ่ายจึงตกหลุมรักกัน จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร?“เอาเถิด... แต่ว่า ข้าเชื่อว่า
หลังจากหยอกล้อกันอยู่นาน พวกเขาก็สงบลงในที่สุดหลี่ซื่อหานและหูเมิ่งอิ๋งเข้ามาล้อมรอบหวังหยวน เพื่อสอบถามเรื่องราวของเมืองหวงแน่นอนว่าพวกนางรู้เรื่องราวบางอย่างอยู่แล้ว แต่เมื่อได้ฟังจากปากของหวังหยวนโดยตรง ก็ยิ่งเห็นภาพชัดมากยิ่งขึ้นหวังหยวนเล่าเรื่องราวของเมืองหวงในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาให้พวกนางฟังทั้งหมดส่วนเรื่องราวของเชียนหลง หวังหยวนไม่ได้เล่า แต่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหวงเจียวเจียวหวงเจียวเจียวมองไปที่หลี่ซื่อหานและหูเมิ่งอิ๋ง แล้วอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “พี่ซื่อหาน พี่เมิ่งอิ๋ง เชียนหลงไม่ได้กลับมาด้วย พวกท่านไม่ถามถึงกันบ้างเลยหรือ?”เมื่อได้ยินเช่นนั้น พวกนางจึงนึกขึ้นได้!“จริงด้วย เชียนหลงอยู่ไหน? นางไม่ได้กลับมาด้วยหรือ?”หลี่ซื่อหานถามขึ้นโดยไม่รู้ตัวเมื่อได้ยินคำถามนั้น หวงเจียวเจียวก็ยิ้มอย่างมีเลศนัยแล้วพูดว่า “ฮึ่ม ข้าจะบอกพวกท่านว่าต่อให้ตอนนี้เชียนหลงจะอยู่ตรงหน้าพวกท่าน พวกท่านก็จำนางไม่ได้แล้วล่ะ!”เมื่อได้ยินคำพูดนั้น หลี่ซื่อหานและหูเมิ่งอิ๋งก็สบตากันด้วยความงุนงง!“นี่หมายความว่าอย่างไร?”หลี่ซื่อหานไม่เข้าใจและหูเมิ่งอิ๋งก็เช่นกัน“เชียนหลงนางไม่ใช
แต่สิ่งเดียวที่กังวลก็คือเรื่องอาการป่วยของนางหลังจากนั้นทั้งครอบครัวก็รับประทานอาหารมื้อค่ำกันอย่างเอร็ดอร่อยสำหรับเรื่องราวในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาก็พอจะเข้าใจกันคร่าว ๆ แล้วตระกูลไป๋นั้นเตรียมตัวอย่างเต็มที่ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับศึกครั้งใหม่ รวมถึงต้าเย่ด้วยด้วยการสนับสนุนของตระกูลเซิ่ง ต้าเย่จึงแข็งแกร่งขึ้นทุกวันแต่สองมหาอำนาจนี้ไม่มีความคิดที่จะต่อกรกับหมู่บ้านต้าหวังของหวังหยวน!ในเวลานี้เมืองหลิงแข็งแกร่งราวกับป้อมปราการ พวกเขาไม่สามารถแทรกแซงได้ด้วยอำนาจของตนเอง!หวังหยวนไม่สนใจเรื่องนี้ในตอนนี้หลังจากที่ได้รู้เรื่องราวลึกลับมากมาย พูดตามจริงแล้วพวกราชวงศ์ในโลกมนุษย์ธรรมดาไม่มีผลกระทบต่อหวังหยวนมากนักแล้ว!ยิ่งไปกว่านั้น คือเขามีพลังที่จะครองทั้งแผ่นดินมานานแล้ว!ขึ้นอยู่กับว่าเขาจะต้องการหรือไม่เท่านั้น!เดิมทีเขาไม่ต้องการให้ตัวเองเหนื่อยเกินไป จึงไม่สนใจเรื่องเหล่านี้เลย และใช้ชีวิตแบบมั่งคั่งแต่ในตอนนี้ เมื่อได้สัมผัสกับเรื่องราวมากมายขึ้น ความคิดในใจของหวังหยวนก็เริ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ“ในตอนนี้ข้าสามารถฝึกฝนตามตำราฝึกยุทธ์ได้แล้ว โลกของปรมาจารย์เคยอยู่ห่า
ขณะเดียวกันนั้นที่ด้านนอกหมู่บ้านต้าหวัง ชายสามคนกำลังเดินเข้ามาอย่างเงียบเชียบ แววตาเต็มไปด้วยความดูถูก“ลอบสังหารคนธรรมดาคนเดียวยังต้องให้พวกเราสามคนมาอีกหรือ ช่างน่าขันเสียจริง”หนึ่งในชายหนุ่มกลุ่มนั้นพ่นลมหายใจออกมาด้วยสีหน้าดูถูกเมื่อได้ยินดังนั้น ชายหนุ่มอีกสองคนก็หัวเราะ“ก็แค่ฆ่าคนคนเดียวเอง ไม่เห็นเป็นอะไรเลย นานแล้วที่พวกเราไม่ได้มาเดินเล่นในโลกมนุษย์ ถือโอกาสนี้มาสูดอากาศเสียหน่อยก็ดี”“นั่นสิ ฆ่าคนที่ชื่อหวังหยวนนี่มันง่ายจะตาย ไม่ต้องคิดมากหรอก”ทั้งสามพูดคุยกันไปพลางเดินเข้ามาใกล้หมู่บ้านต้าหวัง แต่เมื่อมาถึงระยะหนึ่ง ทั้งสามก็ต้องหยุดชะงัก“โอ้? ไม่เลวเลย มีคนเฝ้ายามอยู่มากมายถึงเพียงนี้ คนหมู่บ้านต้าหวังนี้ดูจะมีฝีมืออยู่บ้างนะ”ชายร่างใหญ่ที่เป็นหัวหน้าพูดแต่ก็ยังคงมีสีหน้าดูถูก“ค่อนข้างน่าประทับใจ พวกนี้ล้วนแต่เป็นปรมาจารย์ทั้งนั้น ถ้าวันนี้ไม่ใช่พวกเราสามคนมา คนธรรมดาทั่วไปคงจะถูกจับได้ตั้งแต่ปรากฏตัวออกมาแล้ว”“ใช่แล้ว หวังหยวนผู้นี้ค่อนข้างไม่ธรรมดาเลย ถึงได้มีคนเฝ้าหมู่บ้านมากมายถึงเพียงนี้”ทั้งสามหัวเราะ ก่อนจะเคลื่อนไหวว่องไวรอดพ้นสายตาคน หลบหลี
ร่างของคนสามคนนี้รวดเร็วมาก ทำให้เหล่าปรมาจารย์ต้องตกใจ“อยู่ตรงนี้!”พวกเขาไม่รีรอรีบตะโกนออกมา จากนั้นก็มีคนมากกว่าสิบคนพุ่งเข้าใส่แต่เพียงแค่ปะทะกันครั้งเดียว สามคนในสิบกว่าคนนี้ก็ตายในทันที!ส่วนอีกเจ็ดคนที่เหลือก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสในทันที!“ปรมาจารย์ชั้นสูง!”“ท่าไม่ดีแน่!”“ใช้ปืนคาบศิลา!!”ในเวลานี้ทุกคนรู้ถึงความสามารถของศัตรูแล้ว จึงไม่ลังเลที่จะชักปืนคาบศิลาออกมาแล้วกระโจนเข้าใส่ต้าหู่และเอ้อหู่ก็เห็นคนสามคนนี้แล้วเช่นกัน จึงตะโกนขึ้นทันที“จับเป็น อย่าฆ่า!”คนทั้งสามยังคงนึกเย้ยหยัน จับเป็นหรือ? ช่างน่าขันเสียจริง!แต่ในวินาทีต่อมาทั้งสามก็ต้องตกตะลึง!เพราะขาของพวกเขาถูกยิงจนได้รับบาดเจ็บและล้มลงไปกับพื้นในทันที“นี่มันอาวุธอะไรกัน! เหตุใดจึงเร็วถึงเพียงนี้!”พวกเขาอุทานออกมา ในขณะที่ต้าหู่และเอ้อหู่ก็เข้ามาดูคนทั้งสาม ก่อนจะชักปืนออกมายิงแขนของพวกเขาอีกหลายนัด!ในชั่วพริบตา ทั้งสามคนนั้นก็สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปทันที!ขาของแต่ละคนถูกยิงอย่างน้อยสองหรือสามนัด แขนก็เช่นเดียวกัน!แม้จะเป็นปรมาจารย์ แต่หากเคลื่อนไหวไม่ได้ก็ไม่อาจใช้กลยุทธ์ใดได้!“บั
เมื่อต้าหู่และเอ้อหู่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าทันทีแต่ทันใดนั้นเอง หวังหยวนก็พูดขึ้นอีกครั้งว่า “อีกอย่างคือให้บอกคนอื่น ๆ ในหมู่บ้านว่ามีโจรบุกเข้ามา อย่าให้เรื่องนี้แพร่กระจายออกไป จนสร้างความกังวลให้พวกเขา”เรื่องนี้น่าสะพรึงกลัวเกินกว่าที่คนธรรมดาจะรับรู้ได้ จึงไม่จำเป็นต้องบอกพวกเขา“รับทราบขอรับ ข้าจะอธิบายให้พวกเขาเข้าใจอย่างชัดเจน วางใจได้เลยขอรับพี่หยวน!”ต้าหู่สั่งการให้คนไปดำเนินการตามนั้นทันที“อีกอย่าง... ทหารเกราะดำที่เสียชีวิต จงจัดพิธีศพให้พวกเขาอย่างสมเกียรติ หากเกิดวิกฤตขึ้นอีกเมื่อใด จงยิงปืนโดยไม่ลังเล ไม่ต้องพยายามใช้กำลังต่อสู้”เมื่อนึกถึงทหารเกราะดำอาวุโสที่เสียชีวิต หวังหยวนก็รู้สึกเจ็บปวดใจอย่างยิ่งหลังจากติดตามเขามาช้านาน ทหารเกราะดำอาวุโสก็ต้องมาเสียชีวิตไปสิบกว่าคน เขาจึงรู้สึกผิดต่อพวกเขาต้าหู่และเอ้อหู่ก็พยักหน้าเช่นกัน แววตาของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความโศกเศร้าหวังหยวนเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ต้าหู่และเอ้อหู่พร้อมด้วยสตรีทั้งสามก็พากันไปที่ห้องขังลับ แล้วหวังหยวนก็ได้เห็นคนทั้งสามแววตาของหวังหยวนเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว!กล้าดีอย่างไรถึงไ
คนทั้งสามคนพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา ยังคงไม่สนใจคำพูดของหวังหยวนแต่เมื่อหวังหยวนได้ยินคำพูดของพวกเขาก็หัวเราะออกมาทันที“ฮ่าฮ่า ช่างน่าสนใจ พวกเจ้ายังกล้าข่มขู่ข้าอีก”เมื่อหวังหยวนพูดจบก็มานั่งเก้าอี้จ้องมองคนทั้งสามด้วยสายตาเย็นชา“ต้าหู่ คนทั้งสามนี้เป็นคนแข็งกระด้างนัก จงต้อนรับพวกเขาให้ดี”หลังจากหวังหยวนพูดจบ ต้าหู่ก็พยักหน้าทันที“วางใจเถิด พี่หยวน ข้าจะลงมืออย่างมีขอบเขต จะไม่ให้ถึงตายแน่นอน!”“ข้าฆ่าหมูมาตั้งแต่เด็ก ย่อมรู้ขอบเขตมากที่สุดแล้ว!”“การฆ่าหมูและการฆ่าคนนั้นก็ไม่ต่างกัน ต้องลงมีดตรงไหน เลือดจึงจะไหลช้า ๆ แม้จะไม่ถึงแก่ชีวิต แต่ก็ทรมานมาก”“และทั้งสามคนนี้ก็ล้วนเป็นปรมาจารย์ ร่างกายแข็งแกร่งกว่าคนธรรมดาอยู่แล้ว ข้าจะไม่ฆ่าพวกเขาหรอก”เมื่อต้าหู่พูดจบก็หยิบกล่องใบหนึ่งออกมาจากตู้ในห้องลับนี้ เมื่อเปิดออกก็พบเครื่องมือต่าง ๆ มากมายภายในมีทั้งเครื่องมือทำการเกษตร เครื่องมือใช้ในบ้าน และเข็มเหล็กขนาดต่าง ๆ สรุปแล้วก็คือมีเครื่องมือหลากหลายประเภท รวมแล้วไม่ต่ำกว่าสามสิบหรือสี่สิบชนิด“พี่หยวน ท่านดูเครื่องมือเหล่านี้สิ ข้าใช้สำหรับการลงโทษและบังคับให้สารภาพ มี
หากถูกทรมานอีกครั้งหนึ่ง พวกเขาก็ยังพอจะทนได้อยู่แต่ไม่รู้ว่าจนทนได้ไหวอีกสักกี่ครั้งยิ่งไปกว่านั้น คือยังมีเครื่องมืออีกมากมายที่ยังไม่ได้ใช้!แต่ละอย่างล้วนน่ากลัวทั้งสิ้น!พูดตามจริงแล้ว เป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะไม่กลัว!แต่กลัวแล้วจะทำอย่างไรได้?ก็ไม่มีทางหลบหนีไปไหนได้อยู่แล้ว ดังนั้นคนที่สองจึงคิดว่าเอาเถิด อย่าคิดอะไรเลย บอกความจริงไปตรง ๆ เลยดีกว่าเมื่อได้ยินดังนั้น หวังหยวนจึงยกยิ้ม“ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็เล่ามาได้เลย”บุคคลผู้นั้นรีบกล่าวขึ้นว่า “พวกเรา... พวกเราเพียงแค่ทำตามคำสั่งที่ได้รับมา คือให้มาสังหารคนที่ชื่อหวังหยวนที่หมู่บ้านต้าหวัง พวกเราเป็นคนของเทียนไว่เทียนก็จริง แต่...”“เหตุใดจึงต้องสังหารท่าน เราไม่ทราบ อาจจะมีเหตุผลอื่นใดก็เป็นได้ แต่ไม่ใช่สิ่งที่พวกข้าล่วงรู้!”“พวกข้าเป็นเพียงศิษย์นอกสำนัก ไม่มีฝีมือมากนัก เก่งกาจกว่าคนธรรมดาไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่มีพรสวรรค์ใด ๆ เลย ดังนั้น...”“คุณชายหวัง ไม่ใช่ว่าข้าไม่ต้องการบอกท่าน แต่พวกเราไม่ทราบจริง ๆ ว่าเหตุใดจึงต้องทำเช่นนี้!”ท่าทางของคนผู้นี้ไม่ได้ดูเหมือนว่าจะพูดโกหกแต่คำถามก็เกิดขึ้นแล้ว!
นอกจากฝีมือของหวังหยวนจะจัดว่ายอดเยี่ยมแล้วยิ่งไปกว่านั้น เมื่อสักครู่นี้นางยังบังเอิญเห็นปืนคาบศิลาที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อของหวังหยวน นางจึงรู้ตัวตนของหวังหยวนแล้วทันใดนั้นแม่นางหรูเยียนก็ยกยิ้มจาง ก่อนจะกล่าวเสียงเรียบว่า “หากข้าเดาไม่ผิด ท่านคงเป็นหวังหยวนผู้มีชื่อเสียงโด่งดังใช่หรือไม่?”“เจ้ารู้จักข้าได้อย่างไร?” หวังหยวนตกตะลึง“คนมีชื่อเสียงเช่นนี้ ข้าจะไม่รู้จักได้อย่างไร?” แม่นางหรูเยียนกอดอกและกล่าวช้า ๆ ว่า “จากอาวุธลับในแขนเสื้อของท่าน ก็สามารถบอกตัวตนของท่านได้แล้ว”“ดังนั้น…” หวังหยวนจงใจลากเสียงยาว “เจ้าเป็นคนของอาณาจักรต้าเป่ยใช่หรือไม่? หรือว่าอาณาจักรต้าเย่ ไม่ก็คนเมืองหวงใช่หรือเปล่า?”ในปัจจุบัน แผ่นดินของดินแดนทั้งเก้าถูกแบ่งออกเป็นสี่ส่วน เขาครอบครองส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลืออีกสามส่วนถูกครอบครองโดยอีกสามคนแม้ว่าจะยังไม่รบกันในตอนนี้ แต่ก็ต้องมีสงครามเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้! เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นแต่คนที่สามารถจดจำอาวุธลับในมือเขาได้ก็มีไม่มาก นั่นก็พิสูจน์ได้ว่าแม่นางหรูเยียนต้องมีความเกี่ยวข้องกับหนึ่งในกองกำลังเหล่านี้ จึงสามารถจำต
หวังหยวนที่กำลังจะก้าวออกไปชะงักฝีเท้าทันที แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เฉินเทียนอับอาย ในสายตาของหวังหยวนนั้น ชายคนนี้ก็เป็นเพียงชายเจ้าสำราญคนหนึ่งที่ประพฤติตนไร้สาระ จึงไม่สมควรได้รับการใส่ใจทว่าเหตุผลที่เขาก้าวออกไปนั้น ไม่ใช่เพราะหันหลังให้ความทุกข์ยาก แต่เป็นเพราะเชื่อมั่นว่าแม่นางหรูเยียนจะสามารถจัดการเรื่องราวเหล่านี้ได้ด้วยฝีมือของแม่นางหรูเยียน เพียงแค่นายน้อยขี้เมาคนหนึ่งจะมีความหมายอะไร? แต่เฉินเทียนกลับกล้าเอ่ยวาจาท้าทายเขาต่อหน้า ซ้ำยังใช้คำหยาบคายอย่างยิ่ง หวังหยวนจึงไม่อาจปล่อยวางได้! ไม่เช่นนั้นจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?ทันใดนั้น หวังหยวนก็หันมาถีบเข้าที่อกของเฉินเทียนอย่างแรง! ในวินาทีต่อมา ร่างของเฉินเทียนก็กระเด็นไปหลายวาเหมือนลูกบอล ก่อนจะหยุดลง... เลือดไหลทะลักออกมาจากจมูก!ดูสภาพแล้วน่าเวทนาเหลือเกิน! แม่นางหรูเยียนที่อยู่ข้าง ๆ ยกมือปิดปากหัวเราะเบา ๆหวังหยวนปัดฝุ่นบนมือ และพูดอย่างใจเย็นว่า “งาช้างไม่งอกออกจากปากสุนัข!” “มอบโอกาสให้เจ้าแล้ว แต่เจ้ากลับไม่เห็นคุณค่า ยังกล้าพูดจาเยาะเย้ยต่อหน้าข้าอีก สมควรตายนัก!”ด้วยเหตุใดไม่ทราบ แม่
“ได้! ข้ายินยอม!”แม่นางหรูเยียนจำต้องยอมจำนนดังที่หวังหยวนคาดการณ์ไว้ นางยังคงมีจุดประสงค์ของตนเอง จึงไม่สามารถยอมแพ้ในสถานการณ์นี้ได้ ส่วนเรื่องความแค้นกับหวังหยวน ภายหลังค่อยแก้แค้นภายหลังยังไม่สาย…“ถูกต้อง”เมื่อแม่นางหรูเยียนตอบตกลง หวังหยวนจึงลุกขึ้นยิ้ม แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ทุกคนเข้าใจผิดแล้วจริง ๆ”“ข้ากับแม่นางหรูเยียนเป็นเพื่อนที่ไม่ได้พบกันมานานหลายปี ครั้งนี้ข้ามาเพื่อปรึกษาหารือเรื่องบางอย่างกับนาง”“หากเราจะทำอะไรกันจริง เราจะนั่งห่างกันถึงเพียงนี้หรือ?”หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้มผู้คนต่างมองหน้ากัน ไม่มีใครเอ่ยคำใดออกมา คำพูดนี้ยังไม่ค่อยมีความน่าเชื่อถือนักหวังหยวนเหลือบมอง และกล่าวอีกครั้ง “ทุกคน! คงไม่รู้ว่าข้าแต่งงานแล้วใช่หรือไม่?”“ภรรยาของข้ารอข้าอยู่ที่บ้าน และนางก็รู้จักแม่นางหรูเยียน นางจึงให้ข้ามาพบกับนาง”“ทุกท่านดูข้าสิ ข้าดูเหมือนคนเจ้าชู้หรือ?”ผู้คนต่างวิพากษ์วิจารณ์กันอีกครั้งด้วยความช่วยเหลือของคนจากหอชิงสุ่ย ฝูงชนจึงค่อย ๆ แยกย้ายสลายตัวกันไป ไม่มีใครอยู่ต่อมีเพียงคนเดียวที่ยังไม่จากไปไหน นั่นคือเฉินเทียนขี้เมาสีหน้า
แม่นางหรูเยียนเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของที่นี่ เหล่าบุรุษมากมายต่างมาเยือนที่นี่เพราะนาง แต่บัดนี้เหตุการณ์ไม่คาดฝันได้เกิดขึ้นแล้ว ผู้คนมากมายต่างมารวมตัวกันนอกประตู ต่างพากันกระซิบกระซาบวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างไม่ขาดสาย“นึกไม่ถึงเลยว่าแม่นางหรูเยียนแสร้งทำเป็นสูงส่งเป็นเปลือกนอก แต่เบื้องหลังกลับเป็นเช่นนี้!”“ข้าก็พอจะเข้าใจ คนเราล้วนมีด้านมืด นางจะมาทำเป็นสูงส่งได้อย่างไร?”“นางแสร้งทำเป็นหญิงบริสุทธิ์ผุดผ่อง!”ทันใดนั้นความคิดของทุกคนที่มีต่อแม่นางหรูเยียนก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากหลายคนบ่นว่าเงินที่เสียไปก่อนหน้านี้ไม่คุ้มค่าเลยจริง ๆ! หากรู้ว่านางเป็นเช่นนี้แล้ว พวกเขาจะมาที่นี่เพื่ออะไร? เสียเงินทองมากมายไปกับการฟังเพลง มันช่างเป็นเรื่องไร้สาระ!สีหน้าของแม่นางหรูเยียนเปลี่ยนไป นางรีบหยิบผ้าไหมขึ้นมาปิดบังใบหน้า แล้วชี้ไปที่หวังหยวนพลางกล่าวว่า “เรื่องราวไม่ได้เป็นอย่างที่พวกท่านคิด!”“บุรุษผู้นี้เป็นเพียงคนเจ้าชู้! ข้าก็ไม่รู้ว่าเขาบุกเข้ามาในห้องได้อย่างไร!”“ทุกท่านเข้าใจผิดแล้ว!”ทุกคนต่างหัวเราะเยาะในกลุ่มคนมีเสียงหนึ่งกล่าวขึ้น “แม่นางหรูเยียน เจ้าคิดว่าพวกข้
“ต่อให้คนธรรมดาทำงานหนักทั้งชีวิตก็ไม่มีโอกาสได้ใช้ของเหมือนที่อยู่ในห้องข้าได้!”แม่นางหรูเยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาและแฝงไปด้วยความรำคาญทว่าตั้งแต่เข้ามาในห้อง หวังหยวนก็จ้องมองแม่นางหรูเยียนตลอดเวลา พิจารณาแม้แต่ท่าทางการพูดของนางแม้ว่าแม่นางหรูเยียนจะแสร้งทำเป็นหยิ่งผยองและทำท่าทางเย็นชา แต่หวังหยวนรู้สึกได้ว่านางไม่ใช่คนเช่นนี้แน่นอน นางกำลังจงใจเล่นละครเพื่อปกปิดอะไรบางอย่าง!แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้หวังหยวนยังไม่สามารถค้นพบความลับของนางได้โชคดีที่เขายังมีเวลาอีกมากพอที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป ค่อย ๆ ขุดคุ้ยความลับเบื้องหลังของแม่นางหรูเยียน!เวลาผ่านไปทีละวินาทีแม่นางหรูเยียนก็แอบมองหวังหยวนเป็นระยะ นางคาดเดาความคิดของชายผู้นี้อยู่ในใจพลางครุ่นคิด“เขาคงไม่เฝ้าอยู่ที่นี่ตลอดหรอกใช่หรือไม่?”“เขาต้องการอะไรกันแน่?”“ข้ากับเขาไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน เหตุใดข้าถึงจำไม่ได้เลยว่าเคยพบเขามาก่อน?”ส่วนหวังหยวนก็นั่งจิบชาเงียบ ๆ ด้วยท่าทางสบายใจทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างเร่งรีบ ตามมาด้วยเสียงสนทนาของชายหญิงดังเข้ามาในห้อง“คุณชายเฉิน! ท่านเข้าไปไม่ได้นะเจ้าคะ!”
“ว่ามาสิว่าเจ้าเป็นใครกันแน่?” สตรีผู้นี้มีวิทยายุทธไม่ธรรมดา เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ นางจะซ่อนเร้นให้รอดพ้นสายตาของหวังหยวนไปได้อย่างไร?ที่นี่คือเมืองอู่เจียง ซึ่งเป็นเขตอิทธิพลของเขา ไม่อาจปล่อยให้คนเช่นนี้ปรากฏตัวได้! แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นสตรี หวังหยวนก็จำต้องระมัดระวัง เพราะเกรงว่าจะเกิดความผิดพลาด!แม่นางหรูเยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นยกมือขึ้นดึงปิ่นปักผมของตนเองออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วจ่อไปที่ลำคอของตนเอง ทำท่าทางเหมือนพร้อมจะสละชีพ!“ได้!”“ถือว่าข้าโชคร้ายเองที่ได้พบเจ้า!”“หากเจ้ายังคงบีบบังคับข้าต่อไป ข้าจะตายตรงหน้าเจ้าบัดเดี๋ยวนี้!”หลังจากพูดจบ แม่นางหรูเยียนก็พร้อมที่จะใช้ปิ่นปักผมแทงเข้าที่คอของตนเอง!โชคดีที่หวังหยวนตาไว คว้าปิ่นปักผมออกจากมือของนางได้ทัน แล้วเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “อย่ามาเล่นละครตบตากับข้า!”แม้จะพูดเช่นนั้น แต่ในใจก็ยังหวาดกลัวอยู่บ้าง!สตรีผู้นี้ช่างบ้าคลั่งนัก กล้าลงมือกับตนเองเช่นนี้!ช่างโหดเหี้ยมนัก แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่เว้น!“เจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?” ใบหน้าของแม่นางหรูเยียนบึ้งตึง วิทยายุทธของหวังหยวนนั้นสูงส่งแล
ก่อนที่แม่นางหรูเยียนจะทันได้ตั้งตัว มือของหวังหยวนก็สัมผัสผ้าคลุมหน้าของนางแล้ว!เห็นได้ชัดว่าต้องการจะดึงผ้าคลุมหน้าออก!แต่ที่หวังหยวนไม่คาดคิดก็คือแม่นางหรูเยียนมีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็วมาก เห็นได้ชัดว่านางมีวรยุทธ!นางรีบยกมือขึ้นมาสกัดกั้นมือของหวังหยวน แล้วถอยหลังอย่างรวดเร็วไปยังเตียงนอนนางคว้ามีดสั้นออกมา ก่อนจะวิ่งเข้าไปหาหวังหยวนด้วยท่าทางน่าเกรงขาม!“มีวรยุทธด้วยหรือ?”หวังหยวนหรี่ตาแล้วยกยิ้ม เรื่องราวยิ่งน่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆไม่น่าแปลกใจเลยที่แม่นางหรูเยียนช่างมีเสน่ห์ดึงดูดใจ นางมีความลึกลับซ่อนอยู่มากมาย!เพียงชั่วพริบตาเดียว หวังหยวนก็เข้าต่อสู้กับแม่นางหรูเยียน!แม้ว่าหวังหยวนจะระวัง แต่กระบวนท่าโจมตีอันทรงพลังของแม่นางหรูเยียนนั้นรุนแรงมาก เห็นได้ชัดว่านางต้องการสังหารหวังหยวนให้ได้!โชคดีที่หวังหยวนหลบหลีกได้ทัน สามารถเลี่ยงการโจมตีของนางได้ครั้งแล้วครั้งเล่า!“เจ้าเป็นสตรี เหตุใดถึงได้โหดร้ายเช่นนี้?”หวังหยวนส่ายหน้าขณะพูดแม่นางหรูเยียนขมวดคิ้ว “นั่นก็เพราะท่านชั่วร้ายเกินไปไม่ใช่หรือ?”“ท่านรู้เรื่องที่ควรจะรู้แล้ว แต่ท่านยังคงหยาบคาย เห็นได้ชัด
“ข้าได้กล่าวไปแล้วว่าข้าไม่ได้มีเจตนาร้าย เพียงแต่ต้องการสนทนากับเจ้าเท่านั้น” ริมฝีปากของหวังหยวนเผยรอยยิ้มอ่อนโยน ราวกับว่าได้กลับมาถึงบ้านของตนเองต่อจากนั้น หวังหยวนก็นั่งลงรินน้ำชาให้ตนเอง แล้วโบกมือให้อีกฝ่ายนั่งลง ก่อนพูดด้วยรอยยิ้ม “หากเจ้าคิดจะเรียกคนมาช่วย ข้ารับรองว่าได้ว่าก่อนที่พวกเขาจะมาถึง ข้าสามารถทำให้เจ้าเสียโฉมได้แน่นอน”“หากเจ้าไม่เชื่อก็ลองดูได้”หวังหยวนยังคงพูดด้วยรอยยิ้ม ไม่รู้ว่าฝาถ้วยชามาอยู่ในมือของเขาตั้งแต่เมื่อใด เป็นการเตือนแม่นางหรูเยียนอย่างชัดเจนแม่นางหรูเยียนสีหน้าซีดเผือด นี่เป็นครั้งแรกที่นางถูกข่มขู่ ในหอชิงสุ่ยนี้ ชายแทบทุกคนต่างปรารถนาจะได้ใกล้ชิดนาง แต่ก็ไม่มีใครได้โอกาสและไม่มีใครกล้าล่วงเกินนางแม้แต่ข่มขู่นางก็ไม่เคยมีมาก่อนหวังหยวนเป็นคนแรกที่ทำเช่นนี้หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แม่นางหรูเยียนจึงขมวดคิ้วพูดว่า “ท่านต้องการอะไร?”ขณะที่พูด แม่นางหรูเยียนก็รักษาระยะห่างจากหวังหยวน ไม่ได้เข้าใกล้เขาแม้แต่น้อยแต่สามารถเห็นได้ชัดจากแววตาของนางว่านางก็หวาดกลัวอยู่ไม่น้อยเพราะหวังหยวนเป็นคนแรกที่เข้ามาในห้องนี้!แต่ที่ไม่คาดคิดก
เกาเล่อไม่ได้สนใจ เพียงแค่ดื่มสุราต่อไปในสายตาของเขา สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงกลอุบายหลอกล่อลูกค้าเท่านั้นเพียงแค่เสนอราคาให้เหมาะสม เขาก็ไม่เชื่อหรอกว่าหญิงสาวที่นี่จะรักนวลสงวนตัว!มันเป็นเพียงเรื่องน่าขัน!ทันใดนั้นชายหลายคนจากโต๊ะข้าง ๆ ก็หัวเราะเยาะขึ้นมา“เจ้าคิดว่ามีเงินแล้วจะยิ่งใหญ่นักหรือ?”“ที่อื่นอาจจะได้ แต่ที่นี่ไม่ได้หรอกนะ!”“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีคนอยากดื่มสุราร่วมกับแม่นางหรูเยียนกี่คน?”“มากมายจนถ้าต่อแถวแล้ว แถวคงยาวออกไปนอกเมือง!”“ในบรรดาคนเหล่านั้นมีคุณชายจากตระกูลชั้นสูง แต่แม่นางหรูเยียนก็ไม่ได้สนใจพวกเขา”“ส่วนเจ้าก็คงไม่ต่างกัน!”ทุกคนต่างหัวเราะกันครื้นเครงหวังหยวนไม่ได้สนใจคำพูดของพวกเขา หลังจากเก็บทองบนโต๊ะกลับคืนมาแล้ว เขาก็โบกมือให้เสี่ยวเอ้อออกไปเสี่ยวเอ้อสบถ เดิมทีคิดว่าหวังหยวนจะให้เงินทอง แต่สุดท้ายกลับไม่ได้อะไรเลย…ช่างน่าโมโหนักหวังหยวนมองไปที่เกาเล่อ แล้วกระซิบว่า “เจ้าส่งคนไปสืบเรื่องราวของแม่นางหรูเยียนที ข้าค่อนข้างสนใจนาง”“ท่านผู้นำ ท่านไม่ได้ล้อเล่นใช่หรือไม่ขอรับ?”“ท่านเชื่อคำพูดไร้สาระของพวกเขาหรือ?”“ข้าสงสัยว่านางคนนั้น