“ภัท ภากร พงศ์ธนกิจ ตำแหน่งเจ้าหน้าที่เร่งรัดหนี้สิน น้องใหม่ไฟแรงปิดเคสได้ทุกเคส ผลงานติดตามทวงหนี้สามเดือนที่ผ่านมาอยู่ในเกณฑ์ดี แถมยังเป็นที่รักของเพื่อนร่วมงาน ฟังดูน่าสนใจดีหนิ”
View Moreบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งที่ให้บริการด้านสินเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นรับจำนองที่ดิน บ้าน รถ เล่มทะเบียน หรือการปล่อยเงินกู้ คือที่ทำงานของผมเองครับ ผมทำงานที่นี่มาหลายเดือนแล้ว ตำแหน่งของผมคือฝ่ายติดตามสินเชื่อ หรือเรียกง่าย ๆ ก็ตามหนี้นั่นแหละครับ
เป็นตำแหน่งที่ไม่ค่อยมีใครสมัคร เพราะต้องออกไปหาลูกค้า ไปสอบถามเรื่องการผ่อนชำระ ไปแต่ละทีไม่เจอหมาไล่ก็โดนด่าบ้าง แต่ผมชอบนะ เพราะไม่อยากอยู่บริษัท ผมไม่ชอบการจับกลุ่มคุยกันหรือนั่งนินทาเจ้านาย ที่แม้ไม่อยากฟังก็ต้องมีเรื่องให้ได้ยินเข้าหูเสมอ
โชคดีหน่อยที่ตำแหน่งของผมกับเจ้านายไม่ต้องเจอกันบ่อย หรือจะเรียกว่าแทบไม่เจอกันเลยก็ได้ ตั้งแต่ผมทำงานที่นี่มาเราเคยเจอกันแค่ครั้งเดียว และหน้าหมอนั่นก็ดูไม่รับแขกเอาซะเลย เป็นไปได้ก็ขออยู่ห่าง ๆ ดีกว่า แค่ได้ยินพี่ ๆ ในที่ทำงานตั้งฉายาให้เขาว่า บอสวินน้ำแข็ง ผมก็ไม่อยากเอาตัวไปเฉียดแล้วครับ
"เลขาลาออกไปแล้ว เค้าลือกันทั้งบริษัท"
เสียงเจื้อยแจ้วของพี่ดา พี่ที่นั่งโต๊ะทำงานใกล้ผมเอ่ยคุยกับป้าแม่บ้านจนมาเข้าหูผมระหว่างที่กำลังจะเดินไปมุมกาแฟ ทำให้ผมแปลกใจเล็กน้อย เพราะเท่าที่รู้มา เลขาคนปัจจุบันของบอสวินดูจะทำงานเข้าขากันที่สุดแล้ว แต่ทำไมจู่ ๆ ถึงลาออกไปได้นะ และเพราะความอยากรู้ ผมจึงขยับเข้าไปใกล้วงสนทนา ทำทีจัดเอกสารบนโต๊ะตัวเองเพื่อจะได้รู้เรื่องราวมากขึ้น
"โอ๊ย ใครจะไปทำงานด้วยได้ เวลายอดตกทีไรก็เอาแต่หงุดหงิดใส่ลูกน้อง ยิ่งปีนี้เศรษฐกิจไม่ดี ฉันว่าไม่ใช่แค่เลขาหรอกป้า พวกเราด้วยเถอะ เตรียมตัวกันให้ดี มีหวังโดนไล่ตะเพิดกันหมดแน่"
"นั่นสิคะน้องดา ป้านี่กลัวใจบอสเหลือเกิน วันไหนนึกจะดีก็ซื้อขนมซื้อน้ำมาฝากเยอะแยะ วันไหนอารมณ์ไม่ดี เอกสารในห้องนะ ถูกรื้อกระจัดกระจาย ป้านี่เบื่อจะเก็บแล้วค่ะ”
ผมเดินออกมาจากโต๊ะทำงานแล้วตรงไปยังมุมกาแฟของบริษัทตามเดิม ไม่อยากรู้เรื่องราวของบอสไปมากกว่านั้นอีกแล้ว รู้แค่ว่าถ้าเลขาคนเก่าลาออก อีกเดี๋ยวก็ต้องมีการแต่งตั้งเลขาคนใหม่ ไม่รู้ใครจะเป็นคนดวงซวยคนนั้น ส่วนผมน่ะ ขออยู่แผนกเร่งรัดหนี้สินแบบนี้แหละ สบายใจที่สุดแล้ว
“ภัท ภัท น้องภัท !!”
“อ้อ ครับ ๆ พี่ดา”
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ผมยืนเหม่อ รู้ตัวอีกทีพี่ดาก็มายืนข้าง ๆ ตรงมุมกาแฟแล้ว แถมยังเรียกผมซะเสียงดังจนคนที่อยู่รอบ ๆ หันมามอง
“คิดอะไรอยู่เนี่ย ใจลอยไปไหน”
“ปะ เปล่าครับ ภัทก็คิดอะไรไปเรื่อย พี่ดาจะชงกาแฟเหรอครับ เดี๋ยวภัทชงให้”
พูดจบผมก็เปิดขวดโหลสีใสที่ด้านในมีผงกาแฟยี่ห้อดังเตรียมไว้ ผมจำได้ว่าพี่ดาทานกาแฟไม่ใส่น้ำตาล การชงกาแฟจึงไม่ใช่เรื่องยากอะไร แค่ตักกาแฟสองช้อน กดน้ำร้อนจากกาน้ำร้อนที่วางอยู่ข้าง ๆ แค่นี้ก็เรียบร้อยแล้ว ซึ่งระหว่างที่ผมกำลังเตรียมกาแฟให้พี่ดา อีกฝ่ายก็พูดเรื่องพนักงานในบริษัทไปเรื่อย ๆ จนมาหยุดที่บอสวิน
“ภัทรู้รึยังเรื่องเลขาบอสวินที่ลาออกไปน่ะ”
“อ้อ ครับ ภัทได้ยินมาบ้างแล้ว”
“พี่ได้ข่าวมาว่าครั้งนี้บอสจะเลือกเองเลยล่ะ ว่าจะให้ใครย้ายไปทำตำแหน่งเลขาแทน พี่นะภาวนาเก้าสิบเก้าจบอย่าให้เป็นพี่เลย คนแบบบอสน่ะเดาอารมณ์ยากจะตายไป พี่ไม่อยากอยู่ใกล้”
พี่ดาพูดจบก็รับแก้วกาแฟจากมือผมไปพร้อมกล่าวขอบคุณเล็กน้อย หลังจากนั้นเราสองคนก็เอาตัวเองออกมาจากตรงนั้นเพราะมีพนักงานคนอื่นรอที่จะชงกาแฟต่อ ระหว่างเดินกลับมายังโต๊ะทำงาน พี่ดายังคงพูดเรื่องบอสไปเรื่อย ๆ เพียงแต่ลดระดับเสียงเบาลงกว่าเดิมนิดหน่อย
“เขาดุมากเลยเหรอครับ”
ผมตัดสินใจเอ่ยถามเรื่องที่สงสัยมานาน เพราะได้ยินเรื่องความเย็นชาของบอสมาหนาหู ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน จนถึงขั้นที่พี่ ๆ ในที่ทำงานตั้งฉายาให้เขาว่า บอสวินน้ำแข็ง
“ยิ่งกว่าดุอีก งานต้องเนี้ยบ ทุกอย่างต้องเป๊ะ ยอดต้องได้ ผลประกอบการต้องดี ถ้ามีคะแนนเต็มร้อยสำหรับบอสต้องได้ร้อยยี่สิบ เมื่อก่อนน่ะบอสไม่ได้ประจำการที่นี่หรอก เขาอยู่บริษัทใหญ่อีกที่นึง แต่ได้ข่าวว่ามีปัญหากับคุณธงชัย พ่อเขานั่นแหละ เลยถูกส่งมาประจำการที่นี่ แล้วก็ต้องทำให้ผลประกอบการของสาขานี้เติบโตให้ได้มากที่สุดด้วย”
พี่ดานั่งลงที่โต๊ะทำงาน ส่วนผมก็เลื่อนเก้าอี้โต๊ะทำงานตัวเองออก ก่อนจะเอื้อมมือไปกดเปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์ รอให้มันเริ่มทำงาน และผมเองก็จะได้ทำงานตัวเองสักที
“ภัทว่าที่บอสเขาดูดุ ๆ คงเครียดเรื่องผลประกอบการด้วยมั้งครับ”
ผมหันไปคุยกับพี่ดาพร้อมกับนั่งหมุนเก้าอี้ทำงานไปด้วย ระหว่างรอคอมพิวเตอร์เปิดเครื่อง
“เรื่องนั้นพี่เข้าใจบอสนะคะน้องภัท แต่คนเรามันจะต้องปั้นหน้านิ่งตลอดเวลาเลยรึไง น้องภัทเคยเห็นเค้ายิ้มบ้างมั้ยล่ะ”
ผมนึกย้อนคำถามของพี่ดา แน่นอนว่าภาพนั้นไม่เคยเกิดขึ้นในหัวของผม
“จะว่าไปก็ไม่เลยครับ ภัทไม่เคยเห็นบอสยิ้มเลย”
“อืม นั่นแหละ พวกพี่ ๆ เลยเรียกเขาว่าบอสน้ำแข็ง แต่น้องภัทไม่ต้องกังวลหรอก พนักงานที่เพิ่งมาทำงานน่ะ ส่วนมากไม่เข้าตาบอสหรอก ไม่ต้องกังวลไปเรื่องตำแหน่งเลขา”
“ครับ ภัทเองก็ยังอยากทำตำแหน่งติดตามทวงหนี้เหมือนเดิม”
บทสนทนาของผมและพี่ดาจบลงแค่นั้น หลังจากนั้นเราสองคนก็กลับไปทำหน้าที่ของตัวเอง
ผมเปิดไฟล์ข้อมูลในคอมพิวเตอร์ที่บันทึกข้อมูลลูกค้าที่ค้างค่างวดและเลื่อนการผ่อนชำระเอาไว้หลายราย รายชื่อที่มีแถบสีแดงกำกับไว้แผ่หลาเต็มหน้าจอ ผมกวาดสายตาไปยังรายชื่อลำดับที่หนึ่งและเริ่มทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเช่นทุกวัน
"สวัสดีครับ คุณชนัญญา ผมโทรมาจากบริษัท.."
"ไม่ใช่ค่ะไม่ใช่ ชนัญญาไม่มีค่ะ บ้านนี้ไม่มีคนชื่อนี้!"
~ ตู๊ด ๆ ๆ~
ไม่ทันที่จะพูดจบประโยคปลายสายก็กดวางสายไปทันที และนี่ไม่ใช่เคสแรกที่เจอเหตุการณ์แบบนี้ มันกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้วมากกว่า แต่เพราะมันเป็นหน้าที่ ผมก็ต้องทำงานแบบเดิม ๆ ซ้ำ ๆ ทุกวันอย่างเลี่ยงไม่ได้
ช่วงนี้เศรษฐกิจซบเซา เหตุการณ์บ้านเมืองก็วุ่นวาย ทั้งภัยพิบัติ และข่าวอาชญากรรมที่มีให้เห็นแทบทุกวัน บริษัทของเราจึงพอจะเป็นที่พึ่งพายามยากให้คนกลุ่มน้อยได้บ้าง แต่ถึงแม้จะมีลูกค้ามากู้เงินและจำนำเล่มทะเบียนเพิ่มมากขึ้น ถึงอย่างนั้นลูกค้าที่ค้างค่างวด และจ่ายล่าช้าก็มีมากขึ้นตามไปด้วย แน่นอนว่ามันทำให้งานของผมเพิ่มขึ้นตาม บางทีก็แอบคิดว่า ถ้าเงินเดือนเพิ่มตามงานที่มากขึ้นก็คงดีไม่น้อย แต่ก็ได้แค่คิด
หลังจากการโทรติดตามเร่งรัดลูกค้าที่จ่ายค่างวดล่าช้าเรียบร้อยแล้ว ราว ๆ สิบโมงก็เป็นเวลาที่ผมจะต้องออกไปนอกบริษัทเพื่อลงพื้นที่ยังบ้านลูกค้าที่ค้างชำระเกินสามงวดขึ้นไป แน่นอนว่าการได้ออกไปข้างนอกคือช่วงเวลาที่ผมชอบมากที่สุด
“วันนี้กี่เคสล่ะภัท”
พี่ดาหันมาถามผม
“วันนี้สี่เคสครับพี่ดา คิดว่าไม่เกินสี่โมงผมน่าจะกลับมาถึงบริษัท”
“เหนื่อยหน่อยนะช่วงนี้ ลูกค้าหนี้เสียเยอะมาก อย่างว่าแหละ เศรษฐกิจไม่ดีเนอะ”
“สบายมากครับพี่ดา ผมไม่เหนื่อยเท่าไหร่หรอก”
“จ้า พ่อคนเก่ง งั้นไปข้างนอกก็ขับรถดี ๆ ล่ะ เอ้อ พี่ลืมบอกไปว่าบอสเค้าให้ใช้รถยนต์ของบริษัทได้แล้วนะ ภัทเอารถไปสิแล้วเดี๋ยวมาทำเบิกค่าน้ำมัน ขับมอไซต์ออกไปทุกวันเดี๋ยวก็ไหม้หรอก แดดประเทศไทยร้อนอย่างกับอะไรดี”
ผมครุ่นคิดครู่หนึ่ง ถึงแม้จะมีใบขับขี่ทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซต์ แต่การจราจรในกรุงเทพคงเหมาะกับรถมอไซต์มากกว่า และการไปบ้านลูกค้าด้วยรถยนต์ก็ดูจะเป็นทางการเกินไป
“ไม่ดีกว่าครับพี่ดา ภัทสะดวกมอไซต์ ไปก่อนนะพี่”
“โอเค ๆ งั้นก็ตามใจ”
ผมโบกมือให้พี่ดาเล็กน้อยแล้วเดินออกมาจากโต๊ะทำงานพร้อมกับสะพายกระเป๋าใส่เอกสารสีดำไว้บนไหล่เช่นทุกครั้ง พร้อมแล้วสำหรับการทำงานในวันนี้
ร่างกายของผมถูกถอดเสื้อผ้าออกไปอย่างรวดเร็วสกิลด้านนี้ของพี่วินช่ำชองมากขึ้นทุกวัน ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีผมก็เหลือเพียงร่างเปลือยเปล่า เสียงลมหายใจหอบกระเส่าดังกว่าทุกครั้ง เวลาพี่วินเมาเขาดูเหมือนคนหื่นกระหายที่ไม่เคยทำเรื่องแบบนี้เลย ทั้งที่ความจริงแล้วเขาช่ำชองเป็นที่สุดและครั้งนี้เขาก็เริ่มต้นด้วยการ หยิบเจลหล่อลื่นออกมาจากลิ้นชักใต้โต๊ะเครื่องแป้งแล้วเดินมุ่งมาหาผมที่นอนหงายอยู่บนเตียงท่าทีคลานเข่าเข้ามาหาก่อนจะคร่อมร่างผมไว้ไม่ต่างจากเสือร้ายที่กำลังจะล่าเหยื่อ สายตาของเขามองผมราวกับว่าสามารถกลืนผมลงไปได้ทั้งร่าง และไม่บ่อยนักที่ผมจะได้เห็นเขาในมุมนี้“คืนนี้ภัทน่าเอากว่าทุกคืนเลย รู้ตัวไหมครับ”เขาก้มลงมากระซิบข้างหูผมเบา ๆ ก่อนจะใช้ปลายลิ้นลากไล้ตั้งแต่ซอกคอของผมลงมาตามลำคอ แล้วกลับไปส่งมอบรสจูบแสนหวานอย่างช้า ๆเราจูบกันเนิ่นนานและค่อย ๆ เพิ่มระดับความเร่าร้อนมากขึ้น สอดลิ้นแลกเปลี่ยนความหวานในโพรงปากของกันและกันอย่างโหยหา ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์จาง ๆ ที่ยังอยู่ในตัวทำให้ความต้องการของผมถูกปลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จนตอนนี้ผมรู้สึกปวดหน่วงกลางกายขึ้นมาในทันที“พะ พี่วิน”ผมเอื้อมม
ความสัมพันธ์ของผมกับพี่วินยังคงเป็นไปด้วยดีถึงแม้เราจะมีงอนกันบ้างโกรธกันบ้าง แต่ผมคิดว่ามันคือความธรรมดาของชีวิตคู่แหละครับ และสุดท้ายเราสองคนก็รู้ดีว่า ต่อให้จะทะเลาะกันขนาดไหนเราไม่มีวันปล่อยมือกันไปแน่นอน และเราก็จะกลับมาคุยดีกันเหมือนเดิมภายในยี่สิบสี่ชั่วโมง เพราะถึงยังไงก็ต้องทำงานด้วยกันอยู่แล้วอย่างเช่นวันนี้ที่กำลังมีคนหน้าบึ้งอีกแล้ว เหตุเพราะเห็นผมไปสอนงานให้น้องใหม่ที่เพิ่งมาทำงานวันนี้วันแรก“ปั้นหน้ายักษ์นาน ๆ ระวังหน้าเหี่ยว เดี๋ยวแก่เร็วนะครับ”ผมอดไม่ได้ที่จะเอ่ยแซวแล้วเดินไปโอบล้อมรอบคอพี่วินเอาไว้จากด้านหลัง“พี่ไม่กลัวแก่ครับ แต่พี่ไม่ชอบให้ภัทไปใกล้ใคร ไปดีกับคนโน้นคนนี้เดี๋ยวก็มีคนมาชอบภัทอีก”“โห คิดไปโน่น ที่ผ่านมามีใครได้เข้าใกล้ภัทบ้างล่ะ แค่มาเฉียดพี่ก็ขู่ฟ่อ ๆ แล้ว”“ภัท พี่ไม่ใช่หมา !”ใบหน้าเง้างอนชัดเจนยิ่งกว่าเดิม พี่วินกอดอกแน่น หายใจฟึดฟัดเหมือนเด็กเอาแต่ใจที่โดนแย่งของเล่น ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนนิสัยของเขาก็ไม่เคยเปลี่ยน“โอ๋ ๆ ภัทไม่ได้ว่าพี่เป็นหมาสักหน่อย แค่จะบอกว่าพี่หวงภัทขนาดนี้ ใครจะกล้ามายุ่งกับภัทครับ และภัทก็ไม่มีทางไปยุ่งกับใครแน่น
“เตรียมทุกอย่างพร้อมแล้วใช่ไหม”พี่วินหันมาถามขณะที่ผมกำลังจะเคลื่อนรถออกจากบริษัท วันนี้เราสองคนต้องไปต่างจังหวัดเนื่องจากมีสาขาเปิดใหม่พี่วินเลยรับหน้าที่ไปดูแลการเปิดสาขาใหม่วันแรก โดยวันนี้เราจะลงใต้ไปจังหวัดชุมพรด้วยกัน“ทุกอย่างพร้อมแล้วครับ ทั้งเอกสารแล้วก็กระเป๋าเสื้อผ้า”“เยี่ยมมาก เป็นทั้งเลขาเป็นทั้งแฟน ทำทุกอย่างโดยไม่บกพร่อง ไตรมาสหน้าพี่จะปรับเงินเดือนเป็นห้าแสนดีไหม”“หึ เว่อร์มาก”ผมหลุดขำออกมา แต่เมื่อหันไปมองหน้าพี่วิน ผมรู้ว่าเขาคิดจริงและคงทำจริงได้ไม่ยาก เห็นแบบนั้นเลยต้องเอ่ยห้ามไว้ก่อน“แค่เดือนละแสนห้าผมก็เกรงใจคนอื่นจะแย่ ถ้าปรับเป็นเดือนละห้าแสนพ่อพี่คงเรียกผมไปคุยแน่”“เขาไม่เรียกหรอก เขาโอนกรรมสิทธิ์สาขาสามให้พี่เต็มตัวแล้ว”“ถามจริง”ผมแทบไม่เชื่อหูที่ได้ยินข่าวดีสุด ๆ ในวันนี้ แต่จะว่าไปก็คงไม่แปลกหรอก เพราะที่ผ่านมาพี่วินก็ตั้งใจและทุ่มเทกับสาขาสามเป็นอย่างมาก นับตั้งแต่พี่วินเข้าไปดูแล ผลประกอบการก็ดีขึ้นและเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งลูกค้ายังบอกต่อและเอ่ยคำชมไม่หยุดหย่อนถึงการบริการและความเอาใจใส่ของพนักงาน ส่วนเรื่องมีตติ้งยิ่งไม่ต้องพูดถึง ในทุกเดือนพ
“พี่วินจะเอาชุดพวกนี้ไปทั้งหมดจริง ๆ เหรอครับ”ผมหันไปถามคนที่นอนสบายใจเฉิบอยู่บนเตียง ตอนนี้เราสองคนกำลังจัดกระเป๋าเตรียมไปมีตติ้งภาคเหนือ แต่ถ้าจะพูดให้ถูกต้องพูดว่าเป็นผมคนเดียวมากกว่าที่กำลังจัดกระเป๋าทั้งของผมและของพี่วิน ส่วนอีกฝ่ายน่ะ เอาแต่นอนมองผมทำโน่นทำนี่ เอามือเท้าคาง กลิ้งตัวไปมาบนเตียงอย่างอารมณ์ดี“ใช่แล้ว เอาไปหมดนั่นเลย รวมสกินแคร์ในขวดเล็ก ๆ ที่พี่เตรียมไว้บนโต๊ะหน้ากระจกด้วยครับ”ผมหันไปมองสกินแคร์ที่พี่วินบอกก็ได้แต่ส่ายหน้า นี่เขาลืมไปรึเปล่าว่าเราไปแค่ไม่กี่วัน เขาเอาทุกอย่างไปหมดราวกับจะย้ายบ้านยังไงอย่างนั้น“แล้วเสื้อคู่ กางเกงคู่ พี่จะเอาไปทุกชุดเลยเหรอ”“ครับ ทุกชุดเลย ของภัทก็ด้วย เราจะได้ใส่เหมือนกันไง”“เอาจริงดิ?”“อื้ม ตามนั้น”พี่วินยักคิ้วยียวน เขายังคงนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง มองหน้าผมเป็นครั้งคราว รอยยิ้มบนใบหน้าเกิดขึ้นแทบตลอดเวลาที่ได้ดูผมจัดกระเป๋าให้เขาและเตรียมข้าวของทุกอย่างที่จำเป็นให้ไม่แน่ใจเหมือนกันว่านอกจากหน้าที่เลขาและคนรักแล้ว ตอนนี้ผมพ่วงหน้าที่แม่บ้านไปอีกตำแหน่งด้วยรึเปล่า แต่ไม่ว่าจะหน้าที่ไหนผมก็เต็มใจครับ เพราะผมรักเขา รักมากที
ผมกับภัทเป็นแฟนกันครับ แจ้งให้ทราบ เผื่อใครยังไม่ทราบ ถ้าทราบแล้วก็อยากให้ทราบอีก“พี่วิน พี่ส่งข้อความอะไรไปในไลน์กลุ่มพนักงานเนี่ย”ผมเอ่ยถามหลังจากที่เห็นข้อความแจ้งเตือนในกลุ่มไลน์พนักงาน และตอนนี้เราสองคนกำลังทานมื้อเที่ยง ก่อนจะกลับไปบริษัท“เปิดตัวไงครับ พี่อยากทำอะไรแบบนี้มาตั้งนานแล้ว”“แบบนี้?”“อื้ม ใช่ พี่อยากประกาศให้โลกรู้ อยากบอกทุกคนว่าภัทเป็นแฟนพี่ ในที่สุดก็ได้ทำตามใจสักที”“ต้องเล่นใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอ กรุปไลน์บริษัทมีพนักงานตั้งเยอะแยะนะพี่ อีกอย่าง วันก่อนพี่ก็บอกพนักงานทุกคนไปแล้วรอบนึงนี่นา”“แล้ว?”คนตรงหน้ามองผมด้วยสีหน้ายียวนกวนบาทาเป็นอย่างมาก หากไม่ติดว่าผมรักเขามากผมอยากจะเอื้อมมือไปเขกกบาลเขาสักทีเดี๋ยวนี้เลย“ก็ไม่แล้วยังไงหรอก ผมแค่ไม่ชิน แต่ถ้าพี่สบายใจที่จะประกาศเรื่องของเรากับใคร ๆ ก็แล้วแต่พี่ครับ”พูดจบผมก็ก้มหน้ากินข้าวต่อ ส่วนอีกฝ่ายก็นั่งหัวเราะชอบใจ ไม่รู้เลยว่าหลังจากนี้พี่วินจะมีท่าทีหรือการกระทำอะไรแปลก ๆ ตามมาอีกรึเปล่า เพราะเขาดูมีความสุขซะเหลือเกินที่เราสองคนไม่ต้องปิดบังสถานะอีกต่อไปแล้วและหลังจากที่ผมกับพี่วินกลับมาบริษัท ทุกอย่างก็เป็นไ
พ่อของพี่วินสั่งให้ทุกคนออกไปจากห้องประชุม แม้แต่พี่วินเองก็ตาม แม้ว่าเขาจะพยายามขออยู่ข้าง ๆ ผม แต่พ่อเขาก็ไม่ยอม ดูเหมือนว่าเรื่องที่เขาอยากคุยกับผมจะเป็นเรื่องซีเรียสขนาดหนัก ถึงขั้นไม่ยอมให้ใครอยู่ในห้องเลย สุดท้ายพี่วินเลยต้องจำยอมออกจากห้องไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ตอนนี้เลยมีแค่ผมและผู้ก่อตั้งองค์กรอยู่ในห้องประชุมกว้างขวาง ทั้งห้องเงียบสนิท แม้แต่เสียงของเครื่องปรับอากาศยังไม่มีให้ได้ยิน หัวใจของผมเต้นเร็วและแรงจนแทบจะหลุดออกมาอยู่แล้ว เดาไม่ออกเลยว่าเขามีเรื่องสำคัญอะไรจะคุยกับผมผมที่เป็นแค่พนักงานธรรมดา ๆ คนหนึ่งเท่านั้น“ฉันติดตามการทำงานของเธออยู่ตลอดนะ เป็นพนักงานที่อายุงานน้อยที่สุดในบริษัท แต่กลับทำผลงานได้ดีเยี่ยม อีกทั้งยังได้รับคำชมจากลูกค้าหลายคนเรื่องของการบริการ ที่ฉันรู้เพราะคำชมพวกนั้นส่งตรงมายังเว็บเพจของบริษัทที่ฉันคอยดูอยู่ตลอด”ผมได้แต่ก้มหน้านิ่ง สมองกำลังประมวลว่าเขากำลังเอ่ยชมผมอยู่รึเปล่า ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนสมองเบลอและอ๊องมาก อาจเพราะตื่นเต้นที่เขาเรียกคุยส่วนตัว และผมก็ฟังอะไรแทบไม่รู้เรื่องเลย“ขอบใจเธอมากที่มาช่วยงานวิน แต่มีเรื่องนึงที่ฉันอยากรู้”“ครับท
เวลาผ่านมาจนถึงวันรายงานผลประกอบการ ซึ่งทุก ๆ สามเดือนพี่วินจะต้องไปประชุมที่บริษัทใหญ่กับน้องชายอีกสองคนเพื่อบอกกล่าวผลงานของสาขาแก่ประธานบริษัทแน่นอนว่าสองเดือนที่ผ่านมาผลงานของบริษัทเราไม่ดีเท่าไหร่นัก มาทำผลงานได้ดีในช่วงเดือนที่สาม และเป็นผลงานที่ดีที่สุดหากเทียบกับผลงานทั้งปีผมไม่รู้ว่าผลงานเดือนสุดท้ายของสาขาจะช่วยให้พี่วินไม่โดนดุได้มากน้อยแค่ไหน วันนี้พนักงานทุกคนต่างพร้อมใจกันส่งกำลังใจให้พี่วินอย่างล้นหลาม ส่วนผมเองก็ติดตามพี่วินมายังบริษัทใหญ่ เพื่อคอยเป็นกำลังใจให้เขาอยู่ข้าง ๆ“ภัทไปนั่งเล่นที่ห้องเครื่องดื่มก่อนนะครับ พี่คงใช้เวลาไม่นาน”พี่วินหันมาบอกผมขณะที่เราสองคนมาหยุดอยู่หน้าห้องประชุมขนาดใหญ่“ภัทอยากเข้าไปด้วย ภัทไม่อยากให้พี่ไปเจอสถานการณ์แย่ ๆ คนเดียว อย่างน้อยก็ในฐานะเลขานะครับ”“เอางั้นเหรอ”พี่วินมองผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความแปลกใจ จริงๆ เรื่องนี้เราคุยกันมาก่อนแล้ว และพี่วินก็ไม่อยากให้ผมไปเผชิญหน้ากับพ่อของเขาเท่าไหร่ และทุกครั้งพี่วินก็จะเข้าไปรายงานผลงานทุกสามเดือนเพียงคนเดียว แต่ครั้งนี้ผมอยากไปกับเขาด้วย ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นผมก็อยากไปอยู่
“ก่อนแยกย้ายกันกลับบ้านวันนี้ ผมขอเวลาทุกคนสักสิบนาทีนะครับ มีเรื่องอยากจะแจ้ง”หลังจากกลับเข้ามาในบริษัทผมก็เห็นว่าพี่ ๆ พนักงานหลายคนเคลียร์งานกันเรียบร้อยแล้ว หลังจากพี่ดารายงานเรื่องยอดสินเชื่อที่ทะลุเป้าไปแล้วทุกตัวพี่วินก็ยิ้มหน้าบานในทันทีตอนแรกผมคิดว่าทุกอย่างจบแค่นั้น แต่หลังจากที่ทุกคนยินดีกับเรื่องยอดต่าง ๆ กันจนพอใจ พี่วินก็เอ่ยบางอย่างขึ้นจนทำให้ห้องประชุมทั้งห้องเงียบสนิทลงอีกครั้งแน่นอนว่าผมเองก็ไม่รู้ว่าเขาจะพูดอะไร เรื่องนี้เราไม่ได้คุยกันมาก่อน“ก่อนอื่น ผมขอบคุณทุกคนมากที่ร่วมแรงร่วมใจกันทำยอดให้สาขาจนทะลุเป้า ผมรู้ว่าอาทิตย์ที่ผ่านมาทุกคนทำงานกันหนักมาก ทั้งออกไปทำตลาด หาลูกค้า ทำสื่อโซเชียล ผมอาจจะไม่ได้มาคุยกับพวกคุณบ่อย ๆ แต่ผมก็ตามดูอยู่ตลอด ขอบคุณสำหรับการร่วมมือกันครั้งนี้ครับ แล้วก็ตามสัญญา เรื่องงานมีตติ้ง หลายคนอาจจะทราบแล้วว่าเราจะเปลี่ยนแพลนจากหัวหินเป็นภาคเหนือ ผมอยากให้ทุกคนได้ไปพักผ่อนกันอย่างเต็มที่โดยครั้งนี้ค่าที่พักและค่าเดินทางผมจะจัดการให้เอง”“หู้ยยยย”เสียงฮือฮาดังตามมาทันทีหลังจากพี่ ๆ พนักงานหลายคนได้ยินแบบนั้น ทุกคนต่างพร้อมใจกันปรบมือเกร
“แต่งตัวเหมือนกันไปแบบนี้ มีหวังพนักงานในบริษัทรู้แน่ ๆ ว่าเราเป็นแฟนกัน”ผมมองตัวเองในกระจกโดยที่มีพี่วินยืนอยู่ข้าง ๆ ตอนนี้เราสองคนลองชุดในห้องลองเสื้อผ้าด้วยกัน และชุดที่พี่วินเลือกก็เป็นเสื้อคู่ลายเดียวกันและกางเกงยีนแบบเดียวกัน ไหนจะหมวก แว่นตา และอะไรอีกหลายอย่างที่ตั้งใจซื้อเหมือนกัน ไม่รู้ว่าเขานึกยังไง ถึงอยากจะแต่งตัวเหมือนกันไปมีตติ้ง“รู้ก็ดีสิครับ พี่เองก็ขี้เกียจปิดแล้วเหมือนกัน”พี่วินสวมกอดผมจากด้านหลัง ขโมยหอมแก้มผมไปอีกหนึ่งที“พี่ก็รู้ดีเรื่องกฎบริษัท นี่กะจะทิ้งทวนแล้วทำอะไรแบบสุดโต่งไปเลยงั้นเหรอ”“อื้ม ใช่ เพราะพี่ไม่อยากปิดบังใครอีกแล้ว”“พี่ไม่คิดจะอยู่ต่อที่นี่จริง ๆ เหรอครับ ภัทอยากให้พี่อยู่นะ พนักงานทุกคนก็รักพี่ ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าพี่เหมาะจะเป็นบอสที่นี่มากที่สุดแล้ว”“พูดแบบนี้มีแผนเหรอ นี่กำลังโน้มน้าวพี่ให้เปลี่ยนใจใช่ไหม”“ว๊า รู้ทันซะและ นี่ผมกำลังคิดว่าจะให้พวกพี่ ๆ เขาไปประท้วงบริษัทพ่อพี่อยู่นะเนี่ย”“หึ”“ทำไมครับ หัวเราะหึในลำคอนี่มันหมายความว่ายังไง”ผมเอียงหน้าถามคนด้านหลังที่สองมือยังคงโอบเอวผมไว้ไม่ยอมปล่อย“จะงัดกับพ่อพี่รึไง ต
Comments