เวินหนี่เดินลงมาชั้นล่างก็เห็นนักข่าวกำลังทำการสัมภาษณ์อยู่ที่หน้าประตูกล้องหลายตัวกำลังจับภาพจางลี่หงและเวินซู่กำลังร้องไห้ฟูมฟายถึงความลำบากของตัวเอง เวินซู่ร้องจนตาบวมและพูดต่อหน้ากล้องว่า “ขอบคุณทุกคนที่ให้ความสนใจนะคะ ฉันเชื่อว่าถ้ามีพวกคุณอยู่ความยุติธรรมก็คงจะมาถึงในไม่ช้า!”“ความยุติธรรมอะไร?” เวินหนี่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่เย็นชา เธอไม่ชอบท่าทางเสแสร้งของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย จึงถามตรง ๆ ว่า “คิดว่าการมาร้องไห้ต่อหน้าสาธารณชนแบบนี้ฉันจะกลัวแล้วปล่อยให้พวกเธอทำตามใจได้งั้นเหรอ?”พวกเขาต่างหันมามองทางนี้ ก่อนจะเห็นเวินหนี่เดินเข้ามาด้วยท่าทีที่ไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใดพอจางลี่หงเห็นเวินหนี่เดินเข้ามาเธอก็เริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้นหนักกว่าเดิม เธอชี้ไปที่เวินหนี่และพูดว่า “เวินหนี่ เธอนี่มันไม่มีหัวใจจริง ๆ ฉันเป็นอาของเธอนะ แต่เธอกลับเย็นชาขนาดนี้ ไม่สนใจว่าเราจะเป็นหรือตาย ตั้งแต่เด็กจนโตเราดูแลเธออย่างดี ไม่เคยให้เธอขาดอะไรเลย แล้วเธอกล้าทำกับพวกเราแบบนี้ได้ยังไง!”เวินซู่เสริมผู้เป็นแม่ “ตอนนี้พี่สำนึกผิดแล้วใช่ไหม? ถ้าพี่ยอมรับฉันกับแม่ ทุกอย่างที่ผ่านมาก็ให้มันผ่านไปเถอะ ครอบ
เวินซู่เสริมว่า “ใช่แล้ว เพื่อช่วยพี่ครอบครัวฉันก็เลยต้องรวบรวมเงินจากที่โน่นที่นี่มาส่งเสียให้ฉันเรียน”เพื่อให้ชนะในการโต้เถียงครั้งนี้ พวกเธอไม่สนใจเรื่องความจริงอีกต่อไปแล้ว กลับพูดโกหกได้เต็มปากเต็มคำ“คนเนรคุณ!”“หน้าด้านต่ำทราม!”ทันใดนั้นก็มีใครบางคนขว้างไข่มาที่เวินหนี่ ไข่นั้นตกลงตรงหน้าเธอทันที เมื่อเวินหนี่มองไปก็เห็นว่ามีกลุ่มคนประมาณสิบคนยืนอยู่ที่ประตู พวกเขาถือไข่และใบผักอยู่ในมือ ก่อนจะพากันขว้างเข้ามาที่เธออย่างต่อเนื่อง ร่างบางรีบใช้มือป้องกันตัวเองจากการถูกขว้างสิ่งของใส่ทันทีเมื่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเห็นเหตุการณ์ก็รีบเข้าไปขวาง“ขวางทำไม? เธอมันคนใจทรามที่เป็นชู้กับสามีคนอื่น เลขางั้นเหรอ เลขาก็แค่เมียน้อยของคนอื่นเท่านั้นแหละ!” หนึ่งในคนที่ขว้างไข่ใส่เธอพูดออกมาเวินหนี่เริ่มรู้สึกว่าสถานการณ์นี้รุนแรงกว่าที่เธอคาดไว้มาก ดูเหมือนว่าพวกเขามีการเตรียมการมาก่อนแล้ว จางลี่หงมาหาเธอพร้อมกับกลุ่มคนที่ขว้างของใส่เธอ ซึ่งทำให้เวินหนี่รู้สึกว่านี่อาจเป็นส่วนหนึ่งของแผนการที่มีคนวางเอาไว้ เธอจึงมองไปที่จางลี่หงผู้มีสีหน้าภูมิใจเหมือนต้องการเห็นเธอยอมแพ้ คงคิ
ไม่ไกลจากจุดนั้น มีเสียงที่เต็มไปด้วยโทสะดังขึ้นเติ้งจวนกำลังเข็นรถเข็นที่มีเวินจ้าวนั่งอยู่ เขาดูโกรธจัดเวินหนี่ประหลาดใจมาก “พ่อคะ พ่อมาที่นี่ได้ยังไง?”ตอนแรกจางลี่หงคิดว่าถ้าหากสามารถกดดันเวินหนี่ได้ ทุกอย่างจะเป็นไปตามแผน แต่เธอกลับไม่คาดคิดว่าเวินจ้าวผู้เป็นพ่อของหญิงสาวจะมาที่นี่ เมื่อเห็นเวินจ้าว ใบหน้าของจางลี่หงก็ซีดเผือดทันที “พี่ใหญ่...”เวินจ้าวมองจางลี่หงอย่างเคร่งเครียด “เธอกล้ามารังแกลูกสาวของฉันแบบนี้ได้ยังไง! จางลี่หง ฉันเคยคิดว่าเธอแค่เป็นคนใจแคบ แต่ไม่ใช่คนเลว แต่ฉันคิดผิด! เธอกล้าทำร้ายลูกสาวของฉันต่อหน้านักข่าวแบบนี้ได้ยังไง?”“พี่ใหญ่…ไม่ใช่นะคะ…” จางลี่หงพยายามแก้ตัว “ฉันไม่ได้ใส่ร้ายอะไรเลย ฉันแค่พูดว่าเวินหนี่ไม่เคารพฉันในฐานะอาของเธอ!”เวินจ้าวขมวดคิ้ว ไม่ฟังคำแก้ตัวของคนตรงหน้าอีกต่อไป เขารู้สึกว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาได้ขาดสะบั้นลงแล้ว “เธอเห็นชื่อเสียงของเวินหนี่เป็นอะไร? เป็นเครื่องมือให้เธอไว้หาผลประโยชน์ก็แค่นั้น! ในเมื่อเธออยากให้ทุกคนรู้ งั้นฉันจะบอกให้หมดว่าครอบครัวของเธอทำเรื่องเลวร้ายอะไรไว้บ้าง!”จางลี่หงเริ่มกลัวจริง ๆ เธอจึงร้องไห้และพย
เวินหนี่คาดเดาไว้บ้างแล้ว เธอจึงถามว่า “ใครเป็นคนบอกคะ?”จางลี่หงชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะตอบด้วยความลังเล “ไม่รู้ชื่อหรอก ไม่ทันได้ถามชื่อด้วยซ้ำ เห็นแค่ว่าเป็นเด็กสาวคนหนึ่ง ฉันนี่มันโง่จริง ๆ ที่ไปเชื่อคำพูดของคนแปลกหน้า!”เธอร้องไห้หนักขึ้น เมื่อเริ่มตระหนักว่าถูกหลอกใช้เวินซู่ที่ไม่สามารถรับมือกับการถูกด่าทอและโจมตีจากผู้ชมออนไลน์ได้ สีหน้าของเธอจึงซีดเผือดและร้องไห้ออกมาในขณะที่พูด “ฉันจะทำยังไงดี ฉันจบเห่แล้วแน่ ๆ ไม่มีบริษัทไหนจะรับฉันฝึกงานแล้ว พี่ พี่ช่วยฉันที ฉันไม่ไปฝึกงานที่บริษัทตระกูลเย่ก็ได้ แต่ช่วยอธิบายให้หน่อยว่าฉันไม่ใช่คนเลวร้ายขนาดนั้น ไม่อย่างนั้น ฉันจะไปเจอผู้คนได้ยังไง จะหางานทำได้ยังไง!”แม่ลูกทั้งสองคนต่างพากันอ้อนวอนขอความช่วยเหลือจากเวินหนี่“หนีหนี่ ฉันขอร้องล่ะ ไม่ต้องทำเพื่อฉันก็ได้ แต่ทำเพื่อน้องสาวเธอเถอะนะ ฉันจะคุกเข่าขอร้องเธอก็ได้!” จางลี่หงรู้ว่าสถานการณ์มันร้ายแรงมาก เธอจึงยอมทำทุกอย่างเพื่อช่วยลูกสาวเอาไว้เวินหนี่ไม่ตอบอะไร การมีเมตตาต่อคนอื่นในสถานการณ์แบบนี้เท่ากับทำร้ายตัวเองเติ้งจวนเห็นท่าทางของพวกเขาจึงรีบเข้าไปดึงตัวจางลี่หงขึ้นมา “อย
เงาร่างนั้นดูเหมือนคนหนึ่งที่เธอรู้จักแต่เธอก็ไม่แน่ใจ แค่อยากจะเดินเข้าไปดูให้ชัด ๆ พอเดินไปถึงข้างถนนก็มีคนคว้ามือเธอไว้“หนีหนี่ ครั้งนี้ได้โปรดยกโทษให้อาเถอะนะ อาจะไม่หาเรื่องทำร้ายเธออีกแล้ว อาผิดไปแล้ว!” จางลี่หงกลัวว่าจะถูกตำรวจพาตัวไปและอาจจะติดคุก ขอร้องเวินหนี่ให้ยอมอภัยด้วยหวังว่าจะไม่ต้องรับผลร้ายที่ตนก่อ“ปล่อยฉันค่ะ”เวินหนี่อยากตามคนนั้นไป เมื่อเธอเห็นคนนั้นเดินไกลออกไปมากขึ้นเรื่อย ๆ เธอก็พยายามดิ้นออกจากมือของจางลี่หงจางลี่หงจับมือเธอแน่นด้วยดวงตาแดงก่ำสิ้นหวัง “แม้ว่าเธอจะไม่เห็นแก่หน้าฉัน ก็เห็นแก่อาของเธอเถอะนะ เห็นแก่ตระกูลเวิน ถ้าเราสองแม่ลูกติดคุก อาของเธอจะทำอย่างไร?”“พี่คะ!” เวินซู่คุกเข่าต่อหน้าเวินหนี่ “ได้โปรดยกโทษให้ฉันด้วย ฉันยังไม่จบการศึกษาเลย ฉันไม่อยากติดคุก ฉันกำลังจะต้องไปฝึกงานแล้ว ในสถานการณ์แบบนี้ บริษัทไหนจะยอมรับฉันอีก? ฉันไม่อยากถูกคนดูถูก ฉันเป็นน้องสาวพี่นะคะ อย่าเอาผิดกับฉันเลยได้ไหมคะ?”“ขอร้องล่ะ!”ทั้งสองดึงเวินหนี่ไว้ไม่ปล่อยให้เธอไป เวินหนี่ไม่สามารถหลุดพ้นจากการพัวพันของพวกหล่อนได้ และคนผู้นั้นหายไปแล้ว แถมข้างถนนยังมีรถ
เวินหนี่ยืนรออยู่ด้านนอกห้องผ่าตัดอย่างกระวนกระวาย ตะปูฝังเข้าไปลึกและจำเป็นต้องทำการผ่าตัดเพื่อเอาออกเธอแค่กังวลว่าเย่หนานโจวจะบาดเจ็บถึงอวัยวะภายใน“หนานโจวเป็นยังไงบ้าง?” เติ้งจวนถามอย่างเป็นกังวลหลังจากมาถึง“ยังไม่ออกมาจากห้องผ่าตัดเลยค่ะ” เวินหนี่ตอบเติ้งจวนพูด “เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง? จางลี่หงคนนี้ไม่เคยทำเรื่องดีเลยจริง ๆ ตอนนี้มาทำร้ายลูกเขยของฉันอีก!”เวินจ้าวไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่รออย่างเงียบ ๆจากนั้นคุณหมอก็ออกมาจากห้องผ่าตัด“คุณหมอ เป็นยังไงบ้างคะ?” เติ้งจวนถามแพทย์กล่าว “เอาตะปูออกมาได้แล้วครับไม่ต้องห่วง ไม่มีอวัยวะสำคัญได้รับบาดเจ็บ พักฟื้นสองสามก็ออกโรงพยาบาลได้ครับ”แล้วทุกคนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเวินหนี่เองก็โล่งอกเช่นกันเพราะเย่หนานโจวได้รับบาดเจ็บเพราะปกป้องเธอ เธออดโทษตัวเองไม่ได้เย่หนานโจวยังคงสลบอยู่ เขาถูกส่งตัวไปที่แผนกทั่วไปเธอนั่งอยู่ข้างนอกเงียบ ๆ คิดถึงเรื่องที่เย่หนานโจวปกป้องเธอโดยไม่คำนึงถึงอันตรายบางครั้งเขาก็ดีกับเธอแต่บางครั้งก็ใจร้ายมากเติ้งจวนคิดว่าเวินหนี่กังวลเกี่ยวกับเย่หนานโจว ดังนั้นเธอจึงปลอบใจ “หนีหนี่ หนานโ
เย่ซูเฟินสถบอย่างเย็นชา “แน่นอนว่าฉันทำเพื่อลูกชายของฉัน! ลูกชายของฉันแต่งงานกับลูกสาวของเธอแล้วได้ประโยชน์อะไร? ได้แต่มาคอยเก็บกวานเรื่องยุ่ง ๆ ให้พวกเธอ ครอบครัวของพวกเธอทำอะไรได้อีกนอกจากสร้างความลำบากให้เย่หนานโจว!”ขณะที่พูดเธอก็หัวเราะหยันแล้วพูดสิ่งที่คิดออกมา “ตอนนี้มาแสร้งทำเป็นว่ารักลูกสาวอย่างสุดซึ้งงั้นเหรอ? ทีตอนนั้นที่ขายลูกสาวได้ก็ดีใจกันมากไม่ใช่หรือไง?”“พอได้แล้ว!”เวินหนี่ขัดจังหวะเย่ซูเฟินด้วยใบหน้าที่เย็นชาเธอรู้ว่าเงินห้าสิบล้านเป็นเหตุผลที่เย่ซูเฟินดูถูกเธอและถึงแม้ว่าจะไม่มีเรื่องนี้ แต่เย่ซูเฟินก็จะไม่ชอบที่เธอแต่งงานเข้าตระกูลเย่อยู่ดีเธอตอบตกลงคุณปู่เพราะเหตุผลห้าสิบล้านนี้ก็เป็นเรื่องจริง แต่เธอเองก็ชอบเย่หนานโจวด้วย คุณปู่สังเกตเห็นเรื่องนี้ ถึงได้ให้เธอแต่งงานกับเขาหากเป็นคนอื่นเธอเองก็คงไม่แต่งหลายปีมานี้ การแต่งงานของเธอกับเย่หนานโจวนั้นไม่ได้ราบรื่นแต่มูลค่าทรัพย์สินที่เธอช่วยสร้างให้เย่หนานโจวได้นั้นมันกว่า 50 ล้านบาทแล้วเธอรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องทนถูกเย่ซูเฟินดูถูก เธอมองไปที่เย่ซูเฟิน “คุณจะพูดว่าฉันยังไงก็ได้ แต่คุณไม่สามารถพูดแบบน
ในที่สุดวันนี้เวินจ้าวก็ได้รู้สถานการณ์แท้จริงจากปากของเย่ซูเฟิน เขามองไปที่เวินหนี่ “เวินหนี่ ลูกแต่งงานกับเย่หนานโจวเพราะเงิน 50 ล้านใช่ไหม?”สีหน้าเวินหนี่ซีดเผือด เธอกัดริมฝีปาก “พ่อคะ…”“คุณปู่เป็นคนจิตใจดี จุดนี้ฉันยอมรับ แต่การแต่งงานที่ดีไม่สามารถบังคับกันได้” เวินจ้าวพูดอย่างสงบ “หนี้ 50 ล้านเราจะหาทางจ่ายคืนเอง”เติ้งจวนก็ไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว เธอนึกว่าตัวเองได้ลูกเขยดีที่สามารถฝากเวินหนี่ไว้กับเขาได้เสียอีกแต่สุดท้ายกลับ…ในเมื่อเรื่องราวดำเนินมาถึงจุดนี้ การหย่าคือข้อสรุปสุดท้าย แล้วจะยังลังเลอะไรอีก?เวินหนี่คิดอยู่ครู่หนึ่งและดูเหมือนว่าไม่จำเป็นต้องฝืนต่อไปแล้ว เธอลดสายตาลงแล้วพูดว่า “เข้าใจแล้วค่ะ”เย่หนานโจวมองไปที่เวินหนี่ ไม่รู้ว่าเธอต้องการจะพูดอะไรเวินหนี่พูดอย่างตรงไปตรงมา “พ่อคะแม่คะ ในเมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว หนูก็ไม่มีอะไรจะซ่อนอีก หนูมีข้อตกลงแต่งงานกับแย่หนานโจวเป็นเวลาสามปี เงิน 50 ล้านแลกกับชีวิตวัยเยาว์ของหนู …”เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เวินหนี่ก็ไม่รู้ว่าทำไม ดวงตาของเธอรู้สึกแสบขึ้นมาเล็กน้อย แต่เธอก็ยังพยายามกลั้นน้ำตาไว้ “หลังจากสามปี หนูกับเย่ห