"พี่เวิน เรื่องใหญ่แล้ว!"หลังจากที่จัดการกับเสื้อผ้าของตัวเองเรียบร้อยเวินหนี่ก็เดินออกมาจากห้องน้ำ ทันใดนั้นหลี่ถิงก็วิ่งเข้ามาหาด้วยท่าทีที่เร่งรีบ เธอจึงถามขึ้นว่า "เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงดูตื่นตระหนกขนาดนี้?""ก็เรื่องของพี่น่ะสิ!"หลี่ถิงไม่เคยคิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น"ฉันเหรอ?" เวินหนี่ยังไม่เข้าใจนัก เธอจึงถามอย่างสงบว่า "เกิดอะไรขึ้นกับฉันงั้นเหรอ?""อากับลูกพี่ลูกน้องของพี่ค่ะ"ทันทีที่ได้ยิน สีหน้าของเวินหนี่ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เพียงแค่ได้ยินชื่อพวกเขาเธอก็รู้แล้วว่าต้องมีปัญหาอะไรบางอย่างเกิดขึ้นแน่นอนว่าแล้วหลี่ถิงก็ยื่นโทรศัพท์มาให้เธอดูการถ่ายทอดสดเหตุการณ์นั้นบนอินเทอร์เน็ตอากับลูกพี่ลูกน้องของเธอนี่ช่างร้ายกาจจริง ๆ เมื่อไม่สามารถรีดเงินทองอะไรจากบ้านเธอได้ พวกเขาก็ไปทำตัวน่าสงสารต่อหน้านักข่าวเพื่อทำลายภาพลักษณ์ของเธอ แถมยังสร้างเรื่องขึ้นมาอีกด้วยพวกเขากล่าวหาว่าครอบครัวได้ทุ่มเททุกอย่างเพื่อส่งเธอเรียนมหาวิทยาลัย เมื่อเธอได้เข้ามาทำงานในบริษัทนี้และประสบความสำเร็จ เธอกลับไม่สนใจญาติพี่น้อง ไม่เห็นค่าลุงป้าน้าอาของตัวเองเลย พวกเขายังกล่าวหาว่าเธอไม่เคย
เวินหนี่เดินลงมาชั้นล่างก็เห็นนักข่าวกำลังทำการสัมภาษณ์อยู่ที่หน้าประตูกล้องหลายตัวกำลังจับภาพจางลี่หงและเวินซู่กำลังร้องไห้ฟูมฟายถึงความลำบากของตัวเอง เวินซู่ร้องจนตาบวมและพูดต่อหน้ากล้องว่า “ขอบคุณทุกคนที่ให้ความสนใจนะคะ ฉันเชื่อว่าถ้ามีพวกคุณอยู่ความยุติธรรมก็คงจะมาถึงในไม่ช้า!”“ความยุติธรรมอะไร?” เวินหนี่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่เย็นชา เธอไม่ชอบท่าทางเสแสร้งของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย จึงถามตรง ๆ ว่า “คิดว่าการมาร้องไห้ต่อหน้าสาธารณชนแบบนี้ฉันจะกลัวแล้วปล่อยให้พวกเธอทำตามใจได้งั้นเหรอ?”พวกเขาต่างหันมามองทางนี้ ก่อนจะเห็นเวินหนี่เดินเข้ามาด้วยท่าทีที่ไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใดพอจางลี่หงเห็นเวินหนี่เดินเข้ามาเธอก็เริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้นหนักกว่าเดิม เธอชี้ไปที่เวินหนี่และพูดว่า “เวินหนี่ เธอนี่มันไม่มีหัวใจจริง ๆ ฉันเป็นอาของเธอนะ แต่เธอกลับเย็นชาขนาดนี้ ไม่สนใจว่าเราจะเป็นหรือตาย ตั้งแต่เด็กจนโตเราดูแลเธออย่างดี ไม่เคยให้เธอขาดอะไรเลย แล้วเธอกล้าทำกับพวกเราแบบนี้ได้ยังไง!”เวินซู่เสริมผู้เป็นแม่ “ตอนนี้พี่สำนึกผิดแล้วใช่ไหม? ถ้าพี่ยอมรับฉันกับแม่ ทุกอย่างที่ผ่านมาก็ให้มันผ่านไปเถอะ ครอบ
เวินซู่เสริมว่า “ใช่แล้ว เพื่อช่วยพี่ครอบครัวฉันก็เลยต้องรวบรวมเงินจากที่โน่นที่นี่มาส่งเสียให้ฉันเรียน”เพื่อให้ชนะในการโต้เถียงครั้งนี้ พวกเธอไม่สนใจเรื่องความจริงอีกต่อไปแล้ว กลับพูดโกหกได้เต็มปากเต็มคำ“คนเนรคุณ!”“หน้าด้านต่ำทราม!”ทันใดนั้นก็มีใครบางคนขว้างไข่มาที่เวินหนี่ ไข่นั้นตกลงตรงหน้าเธอทันที เมื่อเวินหนี่มองไปก็เห็นว่ามีกลุ่มคนประมาณสิบคนยืนอยู่ที่ประตู พวกเขาถือไข่และใบผักอยู่ในมือ ก่อนจะพากันขว้างเข้ามาที่เธออย่างต่อเนื่อง ร่างบางรีบใช้มือป้องกันตัวเองจากการถูกขว้างสิ่งของใส่ทันทีเมื่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเห็นเหตุการณ์ก็รีบเข้าไปขวาง“ขวางทำไม? เธอมันคนใจทรามที่เป็นชู้กับสามีคนอื่น เลขางั้นเหรอ เลขาก็แค่เมียน้อยของคนอื่นเท่านั้นแหละ!” หนึ่งในคนที่ขว้างไข่ใส่เธอพูดออกมาเวินหนี่เริ่มรู้สึกว่าสถานการณ์นี้รุนแรงกว่าที่เธอคาดไว้มาก ดูเหมือนว่าพวกเขามีการเตรียมการมาก่อนแล้ว จางลี่หงมาหาเธอพร้อมกับกลุ่มคนที่ขว้างของใส่เธอ ซึ่งทำให้เวินหนี่รู้สึกว่านี่อาจเป็นส่วนหนึ่งของแผนการที่มีคนวางเอาไว้ เธอจึงมองไปที่จางลี่หงผู้มีสีหน้าภูมิใจเหมือนต้องการเห็นเธอยอมแพ้ คงคิ
ไม่ไกลจากจุดนั้น มีเสียงที่เต็มไปด้วยโทสะดังขึ้นเติ้งจวนกำลังเข็นรถเข็นที่มีเวินจ้าวนั่งอยู่ เขาดูโกรธจัดเวินหนี่ประหลาดใจมาก “พ่อคะ พ่อมาที่นี่ได้ยังไง?”ตอนแรกจางลี่หงคิดว่าถ้าหากสามารถกดดันเวินหนี่ได้ ทุกอย่างจะเป็นไปตามแผน แต่เธอกลับไม่คาดคิดว่าเวินจ้าวผู้เป็นพ่อของหญิงสาวจะมาที่นี่ เมื่อเห็นเวินจ้าว ใบหน้าของจางลี่หงก็ซีดเผือดทันที “พี่ใหญ่...”เวินจ้าวมองจางลี่หงอย่างเคร่งเครียด “เธอกล้ามารังแกลูกสาวของฉันแบบนี้ได้ยังไง! จางลี่หง ฉันเคยคิดว่าเธอแค่เป็นคนใจแคบ แต่ไม่ใช่คนเลว แต่ฉันคิดผิด! เธอกล้าทำร้ายลูกสาวของฉันต่อหน้านักข่าวแบบนี้ได้ยังไง?”“พี่ใหญ่…ไม่ใช่นะคะ…” จางลี่หงพยายามแก้ตัว “ฉันไม่ได้ใส่ร้ายอะไรเลย ฉันแค่พูดว่าเวินหนี่ไม่เคารพฉันในฐานะอาของเธอ!”เวินจ้าวขมวดคิ้ว ไม่ฟังคำแก้ตัวของคนตรงหน้าอีกต่อไป เขารู้สึกว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาได้ขาดสะบั้นลงแล้ว “เธอเห็นชื่อเสียงของเวินหนี่เป็นอะไร? เป็นเครื่องมือให้เธอไว้หาผลประโยชน์ก็แค่นั้น! ในเมื่อเธออยากให้ทุกคนรู้ งั้นฉันจะบอกให้หมดว่าครอบครัวของเธอทำเรื่องเลวร้ายอะไรไว้บ้าง!”จางลี่หงเริ่มกลัวจริง ๆ เธอจึงร้องไห้และพย
เวินหนี่คาดเดาไว้บ้างแล้ว เธอจึงถามว่า “ใครเป็นคนบอกคะ?”จางลี่หงชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะตอบด้วยความลังเล “ไม่รู้ชื่อหรอก ไม่ทันได้ถามชื่อด้วยซ้ำ เห็นแค่ว่าเป็นเด็กสาวคนหนึ่ง ฉันนี่มันโง่จริง ๆ ที่ไปเชื่อคำพูดของคนแปลกหน้า!”เธอร้องไห้หนักขึ้น เมื่อเริ่มตระหนักว่าถูกหลอกใช้เวินซู่ที่ไม่สามารถรับมือกับการถูกด่าทอและโจมตีจากผู้ชมออนไลน์ได้ สีหน้าของเธอจึงซีดเผือดและร้องไห้ออกมาในขณะที่พูด “ฉันจะทำยังไงดี ฉันจบเห่แล้วแน่ ๆ ไม่มีบริษัทไหนจะรับฉันฝึกงานแล้ว พี่ พี่ช่วยฉันที ฉันไม่ไปฝึกงานที่บริษัทตระกูลเย่ก็ได้ แต่ช่วยอธิบายให้หน่อยว่าฉันไม่ใช่คนเลวร้ายขนาดนั้น ไม่อย่างนั้น ฉันจะไปเจอผู้คนได้ยังไง จะหางานทำได้ยังไง!”แม่ลูกทั้งสองคนต่างพากันอ้อนวอนขอความช่วยเหลือจากเวินหนี่“หนีหนี่ ฉันขอร้องล่ะ ไม่ต้องทำเพื่อฉันก็ได้ แต่ทำเพื่อน้องสาวเธอเถอะนะ ฉันจะคุกเข่าขอร้องเธอก็ได้!” จางลี่หงรู้ว่าสถานการณ์มันร้ายแรงมาก เธอจึงยอมทำทุกอย่างเพื่อช่วยลูกสาวเอาไว้เวินหนี่ไม่ตอบอะไร การมีเมตตาต่อคนอื่นในสถานการณ์แบบนี้เท่ากับทำร้ายตัวเองเติ้งจวนเห็นท่าทางของพวกเขาจึงรีบเข้าไปดึงตัวจางลี่หงขึ้นมา “อย
เงาร่างนั้นดูเหมือนคนหนึ่งที่เธอรู้จักแต่เธอก็ไม่แน่ใจ แค่อยากจะเดินเข้าไปดูให้ชัด ๆ พอเดินไปถึงข้างถนนก็มีคนคว้ามือเธอไว้“หนีหนี่ ครั้งนี้ได้โปรดยกโทษให้อาเถอะนะ อาจะไม่หาเรื่องทำร้ายเธออีกแล้ว อาผิดไปแล้ว!” จางลี่หงกลัวว่าจะถูกตำรวจพาตัวไปและอาจจะติดคุก ขอร้องเวินหนี่ให้ยอมอภัยด้วยหวังว่าจะไม่ต้องรับผลร้ายที่ตนก่อ“ปล่อยฉันค่ะ”เวินหนี่อยากตามคนนั้นไป เมื่อเธอเห็นคนนั้นเดินไกลออกไปมากขึ้นเรื่อย ๆ เธอก็พยายามดิ้นออกจากมือของจางลี่หงจางลี่หงจับมือเธอแน่นด้วยดวงตาแดงก่ำสิ้นหวัง “แม้ว่าเธอจะไม่เห็นแก่หน้าฉัน ก็เห็นแก่อาของเธอเถอะนะ เห็นแก่ตระกูลเวิน ถ้าเราสองแม่ลูกติดคุก อาของเธอจะทำอย่างไร?”“พี่คะ!” เวินซู่คุกเข่าต่อหน้าเวินหนี่ “ได้โปรดยกโทษให้ฉันด้วย ฉันยังไม่จบการศึกษาเลย ฉันไม่อยากติดคุก ฉันกำลังจะต้องไปฝึกงานแล้ว ในสถานการณ์แบบนี้ บริษัทไหนจะยอมรับฉันอีก? ฉันไม่อยากถูกคนดูถูก ฉันเป็นน้องสาวพี่นะคะ อย่าเอาผิดกับฉันเลยได้ไหมคะ?”“ขอร้องล่ะ!”ทั้งสองดึงเวินหนี่ไว้ไม่ปล่อยให้เธอไป เวินหนี่ไม่สามารถหลุดพ้นจากการพัวพันของพวกหล่อนได้ และคนผู้นั้นหายไปแล้ว แถมข้างถนนยังมีรถ
เวินหนี่ยืนรออยู่ด้านนอกห้องผ่าตัดอย่างกระวนกระวาย ตะปูฝังเข้าไปลึกและจำเป็นต้องทำการผ่าตัดเพื่อเอาออกเธอแค่กังวลว่าเย่หนานโจวจะบาดเจ็บถึงอวัยวะภายใน“หนานโจวเป็นยังไงบ้าง?” เติ้งจวนถามอย่างเป็นกังวลหลังจากมาถึง“ยังไม่ออกมาจากห้องผ่าตัดเลยค่ะ” เวินหนี่ตอบเติ้งจวนพูด “เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง? จางลี่หงคนนี้ไม่เคยทำเรื่องดีเลยจริง ๆ ตอนนี้มาทำร้ายลูกเขยของฉันอีก!”เวินจ้าวไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่รออย่างเงียบ ๆจากนั้นคุณหมอก็ออกมาจากห้องผ่าตัด“คุณหมอ เป็นยังไงบ้างคะ?” เติ้งจวนถามแพทย์กล่าว “เอาตะปูออกมาได้แล้วครับไม่ต้องห่วง ไม่มีอวัยวะสำคัญได้รับบาดเจ็บ พักฟื้นสองสามก็ออกโรงพยาบาลได้ครับ”แล้วทุกคนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเวินหนี่เองก็โล่งอกเช่นกันเพราะเย่หนานโจวได้รับบาดเจ็บเพราะปกป้องเธอ เธออดโทษตัวเองไม่ได้เย่หนานโจวยังคงสลบอยู่ เขาถูกส่งตัวไปที่แผนกทั่วไปเธอนั่งอยู่ข้างนอกเงียบ ๆ คิดถึงเรื่องที่เย่หนานโจวปกป้องเธอโดยไม่คำนึงถึงอันตรายบางครั้งเขาก็ดีกับเธอแต่บางครั้งก็ใจร้ายมากเติ้งจวนคิดว่าเวินหนี่กังวลเกี่ยวกับเย่หนานโจว ดังนั้นเธอจึงปลอบใจ “หนีหนี่ หนานโ
เย่ซูเฟินสถบอย่างเย็นชา “แน่นอนว่าฉันทำเพื่อลูกชายของฉัน! ลูกชายของฉันแต่งงานกับลูกสาวของเธอแล้วได้ประโยชน์อะไร? ได้แต่มาคอยเก็บกวานเรื่องยุ่ง ๆ ให้พวกเธอ ครอบครัวของพวกเธอทำอะไรได้อีกนอกจากสร้างความลำบากให้เย่หนานโจว!”ขณะที่พูดเธอก็หัวเราะหยันแล้วพูดสิ่งที่คิดออกมา “ตอนนี้มาแสร้งทำเป็นว่ารักลูกสาวอย่างสุดซึ้งงั้นเหรอ? ทีตอนนั้นที่ขายลูกสาวได้ก็ดีใจกันมากไม่ใช่หรือไง?”“พอได้แล้ว!”เวินหนี่ขัดจังหวะเย่ซูเฟินด้วยใบหน้าที่เย็นชาเธอรู้ว่าเงินห้าสิบล้านเป็นเหตุผลที่เย่ซูเฟินดูถูกเธอและถึงแม้ว่าจะไม่มีเรื่องนี้ แต่เย่ซูเฟินก็จะไม่ชอบที่เธอแต่งงานเข้าตระกูลเย่อยู่ดีเธอตอบตกลงคุณปู่เพราะเหตุผลห้าสิบล้านนี้ก็เป็นเรื่องจริง แต่เธอเองก็ชอบเย่หนานโจวด้วย คุณปู่สังเกตเห็นเรื่องนี้ ถึงได้ให้เธอแต่งงานกับเขาหากเป็นคนอื่นเธอเองก็คงไม่แต่งหลายปีมานี้ การแต่งงานของเธอกับเย่หนานโจวนั้นไม่ได้ราบรื่นแต่มูลค่าทรัพย์สินที่เธอช่วยสร้างให้เย่หนานโจวได้นั้นมันกว่า 50 ล้านบาทแล้วเธอรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องทนถูกเย่ซูเฟินดูถูก เธอมองไปที่เย่ซูเฟิน “คุณจะพูดว่าฉันยังไงก็ได้ แต่คุณไม่สามารถพูดแบบน
“ไม่ใช่ค่ะ” เวินหนี่ตอบสีหน้าของเย่หนานโจวเปลี่ยนไปและเขาก็พูดขึ้นอย่างเย็นชา “ใกล้จะเป็นอดีตภรรยาแล้วครับ!”คุณหมอถึงกับตกตะลึงเมื่อได้ยินคำตอบ เขาจึงรีบตอบไปว่า “ผู้ป่วยมีอาการกระทบกระเทือนเล็กน้อยและกระดูกมือร้าว เธอจะหายดีหลังจากพักผ่อนสักระยะหนึ่ง พวกคุณไม่ต้องกังวลมากเกินไป”นี่เป็นเรื่องที่ดี เวินหนี่ตอบไปทันที “ขอบคุณมากค่ะคุณหมอ”“ด้วยความยินดีครับ”ทั้งสองตามเย่จื่อเข้าไปในวอร์ดเวินหนี่เห็นว่าริมฝีปากของเย่จื่อดูแห้งผาก ดังนั้นจึงรีบหาน้ำอุ่นมา และชุบด้วยสำลีก่อนจะเช็ดให้ชุ่มชื้นเย่หนานโจวเฝ้าดูจากด้านข้างในวอร์ดมีคนไม่มากนัก เพื่อป้องกันไม่ให้รบกวนการพักผ่อนของผู้ป่วยเวินหนี่ไม่วางใจ ดังนั้นเธอจึงนั่งลงตรงข้ามเขาอีกครั้ง โดยมุ่งเน้นไปที่การเฝ้าเย่จื่อหลังจากที่เฝ้าได้สักพัก เธอก็รู้สึกง่วงจนเปลือกตาสั่น จากนั้นเธอก็เผลอฟุบหลับไปเมื่อเวินหนี่ตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะความตกใจ เธอฝันว่ามันมืดสนิทและอยู่ในพื้นที่แคบ ๆกลัวอะไรก็ได้อย่างนั้น แม้แต่ในความฝันก็ยังไม่ปล่อยเธอไป เธอมักจะฝันแบบนี้ซึ่งทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจเอาซะเลยเมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่ามีเสื้อคลุม
หรือว่าเขาจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว?เธอเคยได้ยินเย่จื่อพูดอยู่หลายครั้ง แต่เธอก็ยังไม่ได้คิดถึงเหตุผลบางทีเย่หนานโจวอาจรู้มานานแล้ว จึงเข้าใจโดยปริยาย“เวินหนี่”ลู่เซินเข้ามาหาเธอแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “พักสักหน่อยไหม เดี๋ยวร่างกายจะทนไม่ไหวเอานะ”เวินหนี่ยืนนานแล้วและรู้สึกปวดหลัง แต่เธออยากรอให้เย่จื่อออกมา จึงนั่งลงข้าง ๆ “ฉันอยากรอจนกว่าคุณอาจะฟื้น”“ผมจะรอเป็นเพื่อนคุณเอง” ลู่เซินพูดขึ้นอีกครั้งเวินหนี่พยักหน้าไปทางเขาร่างสูงของเย่หนานโจวเอนตัวไปที่กรอบประตูและเหลือบมองความกังวลของลู่เซินที่มีต่อเวินหนี่ ดวงตานั้นแทบจะมีน้ำล้นออกมาได้ และเวินหนี่ก็ดูเหมือนพร้อมยอมรับน้ำใจของเขาคลื่นแห่งความกระสับกระส่ายโจมตีร่างกายของเย่หนานโจวอีกครั้งดวงตาของเขาเย็นขึ้นและจงใจเตะเก้าอี้ข้าง ๆ ให้มีเสียงนั่นคือเก้าอี้ที่ลู่เซินนั่งอยู่ เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมอง เย่หนานโจวก็พูดขึ้นอย่างเย็นชา “โทษที บังเอิญเตะโดนเข้าน่ะ!”“ไม่เป็นไร” ลู่เซินไม่ได้ติดใจอะไรเย่หนานโจวกลับพูดขึ้นอีกว่า “ตรงนี้คือพื้นที่รอสำหรับญาติ ไม่ทราบว่าคุณลู่มาที่นี่ทำไมกัน ที่บริษัทของคุณไม่ยุ่งเหรอครับ?”
เขาไม่ได้โต้เถียงกับเธอ และเพิกเฉยต่อเสียงร้องไห้ของเธอสำหรับเขา น้ำตาของเย่ซูเฟินนั้นไร้ค่าเย่ซูเฟินในฐานะผู้หญิง เมื่อเห็นความเฉยชาของสามี มันก็ค่อย ๆ ทำลายแนวป้องกันในใจของเธอทีละน้อยและโวยวายขึ้นอย่างอารมณ์ร้อน “พูดมาสิ ทำไมถึงไม่พูดล่ะ ในสายตาของคุณ เย่จื่อสำคัญกว่าฉันใช่ไหม ฉันเป็นภรรยาของคุณนะ เย่เหว่ยถิง คุณจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้!”เธอร้องไห้จนตาแดง อยากให้สามีเอาใจใส่เธอบ้างแค่หันมามองเธอสักครั้งก็สามารถสงบความโกรธและความกังวลของเธอได้เย่เหว่ยถิงเงียบและทำเหมือนเย่ซูเฟินคือคนแปลกหน้าอย่างเย็นชาเย่หนานโจวมองการอยู่ร่วมกันของพวกเขา เขาเห็นสิ่งนี้จนชินจึงไม่แสดงความคิดเห็นใด ๆสำหรับเขา พวกเขาคือพ่อแม่ของตนเพียงในนามเท่านั้นการเติบโตมาในสภาพแวดล้อมแบบนี้ ทำให้เขาชินมานานแล้วถึงขั้นทำให้เขารู้สึกไม่แยแสเย่เหว่ยถิงทนเย่ซูเฟินไม่ไหวแล้ว ดังนั้นจึงลุกขึ้นและพูดกับเย่หนานโจวว่า “ฉันจะลงไปแล้ว ถ้าเย่จื่อฟื้นค่อยบอกฉัน!”เย่หนานโจวลดสายตาลงด้วยสายตาเย็นชาและไม่ตอบอะไรเย่เหว่ยถิงเองก็ไม่ได้รอคำตอบจากเขา เขาไม่ได้คาดหวังอะไรกับเย่หนานโจว เขารู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่าง
เมื่อเห็นความเฉยเมยของเขา เย่ซูเฟินจึงพูดขึ้นว่า “หนานโจว!”เย่หนานโจวไม่ต้องการฟังเธออีกและเดินจากไปด้วยใบหน้าที่เย็นชาเย่ซูเฟินต้องการพูดอะไรบางอย่างกับเย่หนานโจว แต่ลู่ม่านเซิงร้องไห้และถูกรังแก เธอจึงไปไหนไม่ได้ และทำได้เพียงเดินไปพยุงลู่ม่านเซิง “เซิงเซิงลุกขึ้นเถอะ หยุดร้องไห้ได้แล้ว”ลู่ม่านเซิงถูกพยุงขึ้น เธอซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเย่ซูเฟิน “คุณป้า หนูมันน่ารำคาญมากจนทุกคนไม่ชอบใช่ไหมคะ!”“ไม่ใช่นะ ไม่ใช่ ฉันชอบเธอ ทุกคนต่างก็ชอบเธอ”เย่ซูเฟินตบหลังลู่ม่านเซิงเพื่อปลอบเธอลู่ม่านเซิงยังคงร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนของเย่ซูเฟินเห็นแบบนี้ แม้ว่าเธอจะเป็นฝ่ายผิด แต่ก็ดูเหมือนเป็นผู้ถูกกระทำ ใครจะกล้าไปว่าอะไรเธอได้ ถ้าที่นี่ไม่ใช่โรงพยาบาลและมีคนอยู่มากมาย เวินหนี่คงอยากจะฉีกหน้ากากของลู่ม่านเซิงออกเพื่อดูว่าเธอจะเสแสร้งได้สักแค่ไหน แน่นอน เธอรู้ดีว่าไม่ว่าลู่ม่านเซิงจะจริงหรือเท็จแค่ไหน เย่ซูเฟินก็จะยังคงปกป้องเธอความสัมพันธ์ระหว่างพวกเธอดูเหมือนไม่ชัดเจนเสียงฝีเท้าเร่งรีบดังขึ้น “เย่จื่อเป็นยังไงบ้าง?”เวินหนี่เงยหน้าขึ้นมองและเห็นเย่เหว่ยถิงเดินเข้ามาเขาสวมชุดสูทแ
ขณะที่เย่ซูเฟินกำลังปกป้องลู่ม่านเซิง เวินหนี่ก็พูดขึ้นด้วยใบหน้าที่เย็นชาเมื่อเย่ซูเฟินเห็นเวินหนี่พูดแบบนั้น เธอจึงพูดขึ้นว่า “เวินหนี่ เซิงเซิงเป็นถึงขนาดนี้แล้ว อย่าอาศัยโอกาสนี้ซ้ำเติมเธออีก!”ปฏิกิริยาแรกของเธอคือปกป้องคนที่อ่อนแอไว้เวินหนี่เดินเข้าไป เห็นลู่ม่านเซิงร้องไห้หนักและดูอ่อนแอจนเกินบรรยาย “ทำไมฉันจะพูดไม่ได้ พวกคุณมีใครกังวลเกี่ยวกับคุณอาบ้าง สิ่งที่คุณกังวลคือกลัวว่าลูกชายจะไม่เอา ส่วนลู่ม่านเซิงเธอกล้วว่าถูกกล่าวโทษเลยมาเสแสร้งทำเป็นน่าสงสารที่นี่ ฉันเห็นกับตาตัวเองว่าคุณผลักคุณอาลงมา และลู่ม่านเซิงก็น่าจะเป็นผู้ที่ยุยง!”คุณอาถูกส่งตัวเข้าห้องผ่าตัดด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส ซึ่งทำให้เวินหนี่ไม่ต้องการไว้หน้าพวกเธอ “อย่ามาพูดจาไร้สาระ!” เย่ซูเฟินตวาด “ฉันผลักเย่จื่อก็จริง แต่ฉันแค่ผลักเบา ๆ ทำไมเธอถึงไม่คิดบ้างล่ะว่าเย่จื่อจงใจล้มลงไปเอง”เวินหนี่มองไปที่เย่ซูเฟิน “แรงผลักของคุณมันไม่ได้เบา เราทุกคนต่างก็เห็น”เมื่อเย่ซูเฟินเห็นท่าทีของเวินหนี่ น้ำเสียงของเธอก็ดังมากยิ่งขึ้น “เวินหนี่ เธอมีสิทธิ์อะไรมาพูดกับฉันแบบนี้ ยังไงฉันก็ถือว่าเป็นผู้อาวุโส เป็นแม่สามีขอ
“ไม่ใช่นะ…” เย่ซูเฟินกล่าว “ลูกยังเป็นลูกชายของแม่ แม่เสียใจมากและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อชดใช้ให้ลูก…”“ผมไม่ต้องการมันแล้ว” ดวงตาของเย่หนานโจวเย็นชา “การเรียกคุณว่าแม่มันคือความอดทนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผม และคุณก็ควรจะพอใจได้แล้ว!”เย่ซูเฟินอดไม่ได้ที่จะถอยกลับไปสองสามก้าวและพูดขึ้นอย่างดุเดือด “ลูกจะทำกับแม่แบบนี้ไม่ได้นะ อย่าเป็นเหมือนพ่อของลูก ไม่อย่างนั้นแม่พาลูกกลับมามันจะมีความหมายอะไร!”เย่หนานโจวพูดอย่างเย็นชา “หากมีผม การเอาชนะใจสามีของคุณมันถึงจะมีความหมาย แต่น่าเสียดายที่ความพยายามทั้งหมดของคุณมันไร้ประโยชน์!”ทุกคำพูดเหมือนมีดที่ทิ่มแทงใจของเย่ซูเฟินในตอนนั้นการแต่งงานของเธอกับเย่เหว่ยถิงนั้นค่อนข้างน่าขัน เป็นเพียงเพราะเธอดื้อดึงที่จะแต่งงานกับเขาเย่เหว่ยถิงไม่ได้รักเธอเลย ตรงกันข้ามเขาเกลียดเธอเธอคิดว่าตราบใดที่เธอแต่งงานกับเขา เย่เหว่ยถิงก็จะเป็นของเธอเมื่อเรื่องราวมันเลยจุดที่จะเข้าไปแก้ไขได้ มีอะไรที่จะผ่านไปไม่ได้อีก?แต่เธอคิดง่ายเกินไป เย่เหว่ยถิงไม่กลับบ้านและปล่อยให้เธออยู่คนเดียวในห้องที่อ้างว่างเธอใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อเอาชนะใจสามีแม้กระทั่ง
“หนานโจว”ในระหว่างที่โต้เถียงกับเย่จื่ออยู่นั้นเย่ซูเฟินก็สังเกตเห็นเขา และเธอก็ตกใจเล็กน้อยเวินหนี่เองก็มองไปและเห็นเย่หนานโจวยืนอยู่ข้างหลัง ดวงตาของเขาเย็นชาและดูเหมือนจะไม่แปลกใจกับสิ่งที่พวกเธอพูดกลับกัน เขากลับยอมรับความจริงนี้อย่างสงบนิ่งเย่จื่อตกใจเมื่อเห็นดวงตาของเย่หนานโจวในขณะนี้ สิ่งที่เธอเสียใจคือการที่เธอหุนหันพลันแล่นพูดออกไปว่าเขาไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของเย่ซูเฟิน เพราะมันถือเป็นการโจมตีเขาเธอมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง สายตาของเธอมองเพียงเย่หนานโจว “หนานโจว…”เย่หนานโจวไม่ได้พูดอะไรมากเขาเพียงแค่รู้ว่าพวกเธอมาที่สุสานและอาจจะเกิดเรื่องขึ้น เขาจึงเป็นกังวลและแวะเข้ามาดูหน่อยเท่านั้น เย่ซูเฟินโกรธมากขึ้น “เย่จื่อ เธอกำลังพูดอะไร เธอจะให้ฉันมีความสุขไม่ได้เลยใช่ไหม เธอมันสมควรตายจริง ๆ!”เธอผลักเย่จื่ออย่างแรงความสนใจของเย่จื่อมุ่งไปที่เย่หนานโจว ความโกรธของเธอลดลงมากและลดความเกรี้ยวกราดลง ในใจคิดแต่ว่ามันจะสร้างบาดแผลให้เขาหรือไม่เธอไม่ทันได้สังเกตเห็นการกระทำของเย่ซูเฟินและเธอก็ถูกผลักลงบันไดไปทันทีสติของเวินหนี่ยังไม่ทันกลับมาจากการที่เย่หนานโจวไม่ใช่ลูกแท้
“ดังนั้นเธอจึงทำทุกอย่างเพื่อทำลายครอบครัวทีละครอบครัว! เธอไม่เคยคิดถึงความผิดของตัวเองเลย!”“ฉันไม่ผิด!” เย่ซูเฟินพูดอย่างเดือดดาล “ทั้งหมดเป็นเพราะพวกเธอบีบบังคับฉันเอง!”เมื่อเห็นว่าทุกคนอารมณ์ร้อน ลู่ม่านเซิงจึงเกลี้ยกล่อมจากด้านข้าง “คุณอา อย่าเถียงกับคุณป้าเลยค่ะ เธอแค่หุนหันพลันแล่นไปเท่านั้น ฉันไม่เป็นไรค่ะ และฉันก็ไม่ได้โทษคุณอาเลย คุณป้าพวกคุณต่างก็ถอยคนละก้าวเถอะนะคะ”“ไม่ใช่เรื่องของเธอ!” เย่จื่อมองไปที่ลู่ม่านเซิง และพูดขึ้นอย่างดุเดือด “ถ้าเธอไม่ได้โทษฉัน แล้วจะเล่าให้เย่ซูเฟินฟังทำไม เธออยากให้เย่ซูเฟินออกหน้าให้ไม่ใช่เหรอ? เสแสร้งแกล้งทำ ภายนอกดูใสซื่อ แต่ภายในคิดไม่ซื่อ ฉันล่ะเกลียดคนแบบเธอที่สุด!”เมื่อเห็นแบบนั้นเย่ซูเฟินก็ผลักเธอทันที “เธอกำลังดุใคร รู้ว่าเซิงเซิงสูญเสียการได้ยิน แต่ยังแอบพูดไม่ดีลับหลังเธอ เธอมันชั่วร้ายแค่ไหนกัน?!”“ถึงฉันจะชั่วร้ายแต่ก็ไม่ได้ขาดคุณธรรมเหมือนเธอ!” เย่จื่อก็ผลักกลับคืนไปเช่นกัน“เธอลงมือกับฉันงั้นเหรอ?”เย่ซูเฟินจ้องเธอด้วยความโกรธ “วันนี้มีเธอก็ไม่มีฉัน!”“ลองดูสิว่าฉันจะฉีกเธอเป็นชิ้น ๆ ไหม!”เย่จื่อไม่พูดพล่ำทำเพลงเข้าไปต
เย่จื่อไม่คาดคิดว่าเย่ซูเฟินจะโทรมาหาเธอ ซึ่งทำให้เธออารมณ์เดือดขึ้นทันที "ทำไม? หรือว่าเป็นลู่ม่านเซิงที่บอกอะไรกับเธอ ฉันจัดการเธอแล้วยังไงล่ะ!""ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?" เย่ซูเฟินพูดด้วยความโกรธ เพราะอยากจะจัดการกับเย่จื่อให้ได้"ฉันต้องบอกด้วยเหรอ? คิดว่าเธอเป็นใคร!" เย่จื่อไม่สนใจที่จะเคี้ยวเมล็ดแตงโมแล้ว ปัดมันออกไปพร้อมกับกำลังมองหาที่ระบายความโกรธเย่ซูเฟินหัวเราะเยาะ "กลัวสินะ กลัวฉันจะหาตัวเจอ ฉันรู้แล้วว่าโรงงานเสริมความงามของเธอโดนพังเสียหายหมด ตอนนี้ถึงกับต้องหลบซ่อนตัวเหมือนเต่าหดหัวแล้ว!""ฉันเนี่ยนะกลัว? ฉันเคยกลัวเธอสักครั้งไหม! ถ้าไม่ใช่เพราะเธอแต่งงานกับเย่เว่ยถิง ฉันไม่เคยนับเธอเป็นคนของตระกูลเย่ด้วยซ้ำ!" เย่จื่อตอบกลับอย่างกระแทกกระทั้น"งั้นก็ออกมาสิ มาสู้กันต่อหน้า!" เย่ซูเฟินท้าทาย"ก็ได้ ออกมาก็ออกมา เย่ซูเฟิน ถ้าเธออยากจะตัดขาดกับฉันจริง ๆ ฉันก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจแล้ว!" พูดจบ เย่จื่อก็ตัดสายทิ้งและหยิบกระเป๋าขึ้น เตรียมออกไปข้างนอกทันทีเมื่อเห็นเช่นนั้น เวินหนี่รีบพูดขึ้น "คุณอาคะ คุณอาจะไปไหนคะ หนูจะไปด้วย"เย่จื่อหันมามองเวินหนี่ "เธอไม่ต้องไป เย่ซูเฟิ