ในที่สุดวันนี้เวินจ้าวก็ได้รู้สถานการณ์แท้จริงจากปากของเย่ซูเฟิน เขามองไปที่เวินหนี่ “เวินหนี่ ลูกแต่งงานกับเย่หนานโจวเพราะเงิน 50 ล้านใช่ไหม?”สีหน้าเวินหนี่ซีดเผือด เธอกัดริมฝีปาก “พ่อคะ…”“คุณปู่เป็นคนจิตใจดี จุดนี้ฉันยอมรับ แต่การแต่งงานที่ดีไม่สามารถบังคับกันได้” เวินจ้าวพูดอย่างสงบ “หนี้ 50 ล้านเราจะหาทางจ่ายคืนเอง”เติ้งจวนก็ไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว เธอนึกว่าตัวเองได้ลูกเขยดีที่สามารถฝากเวินหนี่ไว้กับเขาได้เสียอีกแต่สุดท้ายกลับ…ในเมื่อเรื่องราวดำเนินมาถึงจุดนี้ การหย่าคือข้อสรุปสุดท้าย แล้วจะยังลังเลอะไรอีก?เวินหนี่คิดอยู่ครู่หนึ่งและดูเหมือนว่าไม่จำเป็นต้องฝืนต่อไปแล้ว เธอลดสายตาลงแล้วพูดว่า “เข้าใจแล้วค่ะ”เย่หนานโจวมองไปที่เวินหนี่ ไม่รู้ว่าเธอต้องการจะพูดอะไรเวินหนี่พูดอย่างตรงไปตรงมา “พ่อคะแม่คะ ในเมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว หนูก็ไม่มีอะไรจะซ่อนอีก หนูมีข้อตกลงแต่งงานกับแย่หนานโจวเป็นเวลาสามปี เงิน 50 ล้านแลกกับชีวิตวัยเยาว์ของหนู …”เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เวินหนี่ก็ไม่รู้ว่าทำไม ดวงตาของเธอรู้สึกแสบขึ้นมาเล็กน้อย แต่เธอก็ยังพยายามกลั้นน้ำตาไว้ “หลังจากสามปี หนูกับเย่ห
ทั้งสองครอบครัวต่างก็ตกใจเย่ซูเฟินมองไปที่เด็กสาวตรงหน้าและตกใจเกินกว่าจะโต้ตอบ เธอถามย้ำอีกครั้ง “เธอพูดว่าอะไรนะ? เธอกำลังตั้งท้องลูกของลูกชายฉันงั้นเหรอ?”โจวเสี่ยวหลินรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย ไม่รู้ว่าหากพูดออกไปแล้วจะเกิดผลอะไรตามมา แต่ทำได้แค่เพียงลองเสี่ยงดูเท่านั้นเธอพยักหน้า “ใช่ค่ะ... ฉันท้องลูกของประธานเย่ค่ะ!”คราวนี้ได้ยินกันอย่างชัดเจนว่าเธอกำลังตั้งท้องลูกของเย่หนานโจวเวินจ้าวและเติ้งจวนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนสีหน้าของพวกเขาจะดูน่าเกลียด พวกเขาไม่คิดว่าเย่หนานโจวถึงขนาดจะแอบมีลูกกับคนอื่นอยู่ข้างนอก!แล้วลูกสาวของพวกเขาใช้ชีวิตแบบไหนในตระกูลเย่กันแน่?เย่ซูเฟินมีความสุขมาก แม้ว่าจะไม่ใช่ลูกของลู่ม่านเซิง แต่ขอเพียงไม่ใช่เวินหนี่ก็ถือว่าเป็นข่าวดีเด็กคนนี้เกิดมามีสายเลือดของตระกูลเย่ลู่ม่านเซิงมีร่างกายอ่อนแอ หากเธอไม่สามารถให้กำเนิดบุตรได้ นี่ก็คือทางเลือกสุดท้าย“จริงเหรอ?” เย่ซูเฟินเปลี่ยนสีหน้าและพูดด้วยรอยยิ้ม “ท้องกี่เดือนแล้ว?”โจวเสี่ยวหลินรู้สึกประหลาดใจที่เห็นเย่ซูเฟินยิ้ม และดูสนใจเด็กในท้องของเธอมากเรื่องราวกลับง่ายกว่าที่เธอคิดเธอหลงคิด
เวินหนี่รู้ว่าเย่ซูเฟินเป็นคนยังไง เธอพูดเรื่องไร้สาระพวกนี้ก็เพียงเพื่อทำให้ตัวเองรู้สึกสบายใจเดิมทีเติ้งจวนไม่อยากจะพูดอะไรอีก แต่เย่ซูเฟินพูดออกมาแบบนั้นทำให้เธอไม่มีความสุข “พูดออกมาได้อย่างมั่นหน้าจังเลยนะคะ ลูกชายของคุณต่างหากที่นอกใจแถมแอบไปมีลูกข้างนอก นี่มันคือการนอกใจของคู่สมรส!”เย่ซูเฟินโต้กลับ “อย่าพูดไร้สาระ ลูกสาวของเธอตั้งท้องไม่ได้ แล้วยังจะห้ามไม่ให้ลูกชายฉันไปมีลูกข้างนอกด้วยหรือไง?”“หุบปาก!” เย่หนานโจวพูดขึ้นอย่างเย็นชาเย่ซูเฟินมองเขา และเห็นว่าใบหน้าของเขาเริ่มซีดลง เธอจึงก็สงบลงเล็กน้อย “เอาล่ะ แม่ไม่พูดแล้ว ร่างกายของลูกยังอ่อนแอ รีบไปนอนที่เตียงก่อนเถอะ”เวินจ้าวพูดขึ้น “พูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์แล้ว เราไปกันเถอะลูก”เย่หนานโจวมองไปที่เวินหนี่ ทั้งสองสบตากัน แล้วเวินหนี่ก็หลบสายตาอย่างรวดเร็ว “ค่ะพ่อ”เธอไม่เถียงและเดินไปหาเวินจ้าวโดยไม่หันกลับมามองเย่หนานโจวมองดูแผ่นหลังที่เด็ดขาดของเธอ คิ้วของเขาขมวดมุ่นโดยที่ไม่ละสายตาไปจากเธอ แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้พูดห้ามเธอเอาไว้“หนานโจว” เย่ซูเฟินพยุงเขาโจวเสี่ยวหลินก็รีบเข้ามาพยุงช่วยเช่นกัน เย่ซูเฟินกล่าว
แล้วเธอก็มองไปที่เย่หนานโจวสีหน้าซีดเผือดที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยการที่เขาชอบผู้หญิงคนนี้แสดงให้เห็นว่าเขายังคิดถึงลู่ม่านเซิงอยู่งั้นก็ยิ่งง่าย ความสนใจของโจวเสี่ยวหลินอยู่ที่เย่หนานโจว เธอพูดกับเย่ซูเฟินว่า “พี่หนานโจวไม่มีคนดูแล ให้ฉันมาดูแลเขาดีไหมคะ?”“ได้ยังไงกัน” เยซูเฟินไม่อยากให้เธออยู่ที่นี่ “เธอกำลังท้องอยู่ ต้องระวังให้มาก เธอกลับตระกูลเย่กับฉัน หนานโจวมีคนดูแลมากมาย เธอแค่ดูแลตัวเองให้ดีก็พอ”โจวเสี่ยวหลินอยากอยู่ดูแลเย่หนานโจว และตอนนี้เวินหนี่ก็ไม่อยู่ ดีไม่ดีอาจพัฒนาความสัมพันธ์ได้แต่ในเมื่อเย่ซูเฟินพูดแบบนั้น เธอก็ปฏิเสธได้ยาก ดังนั้นเธอจึงได้แต่ตอบไปว่า “ก็ได้ค่ะ”เธอมองไปทางเขาอย่างโหยหารอเย่หนานโจวอาการดีขึ้นและกลับบ้าน พวกเธอก็จะได้เจอกันบ่อย ๆโจวเสี่ยวหลินเริ่มคาดหวังอีกครั้งส่วนเย่ซูเฟินยังคงตั้งความหวังไว้กับลู่ม่านเซิง ตอนนี้เย่หนานโจวได้รับบาดเจ็บรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล แถมยังทะเลาะแตกหักกับเวินหนี่ หากลู่ม่านเซิงมา เธอก็จะสามารถใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ได้ในใจเธอยอมรับเพียงลู่ม่านเซิงเป็นลูกสะใภ้เท่านั้นเธอส่งข้อความหาลู่ม่านเซิงอย่างรว
ลู่ม่านเซิงพูดขึ้น “ฉันต้องไปโรงพยาบาลค่ะ”“ถ้าเธอไปโรงพยาบาล แล้วที่นี่จะทำยังไง?” ผู้กำกับถ่ายทำมานาน แต่เขาก็ไม่เคยพบใครที่จะหยุดถ่ายทำกะทันหันเพราะจะไปโรงพยาบาลมาก่อนลู่ม่านเซิงกล่าว “ผู้กำกับคะ หนานโจวได้รับบาดเจ็บตอนนี้เขาอยู่ที่โรงพยาบาล ฉันเป็นกังวลและอยากไปดูเขาค่ะ”เมื่อผู้กำกับได้ยินว่าเป็นเย่หนานโจวและเย่หนานโจวก็เป็นคนแนะนำลู่ม่านเซิงมา ยังไงเขาก็ต้องยอมเธอสักหน่อย“เอาล่ะ เธอไปเถอะ” แม้ว่าผู้กำกับจะไม่พอใจกับการที่งานล่าช้าไปหนึ่งวัน แต่เขาทำได้เพียงอดทนลู่ม่านเซิงดีใจมาก เป็นเรื่องดีที่เธอจะไม่สูญเสียบทบาทนี้เนื่องจากการทิ้งงานของตัวเอง เธอยิ้มและพูดว่า “ขอบคุณค่ะผู้กำกับ ไว้ถ่ายหนังเสร็จเมื่อไหร่ ฉันกับหนานโจวจะเลี้ยงอาหารคุณนะคะ”พูดจบเธอก็จากไปอย่างรวดเร็วส่วนนักแสดงคนอื่นนั้นต่างก็ไม่พอใจ“ผู้กำกับ จะให้คนอื่นมาเสียเวลาเพราะเธอคนเดียวไม่ได้นะคะ แม่ของฉันป่วยฉันยังไม่กลับไปดูเลย แล้วเธอมีสิทธิ์อะไร?”ผู้กำกับมองคนที่ขุ่นเคืองเหล่านั้น แล้วพูดอย่างโหดร้าย “เพราะเธอคือลู่ม่านเซิง เธอมีคนหนุนหลังไง!”คำพูดเหล่านี้ทำให้ทุกคนพูดไม่ออก“ลู่ม่านเซิงคนนี้โปรไฟล์
ไม่ว่าจะโกรธแค่ไหนก็ไม่ควรเอาชีวิตตัวเองมาล้อเล่นเย่หนานโจวฟังคำพูดของเผยชิงเสียเมื่อไหร่ ในหัวของเขาเต็มไปด้วยภาพแผ่นหลังอันเด็ดเดี่ยวของเวินหนี่ขณะที่เดินจากไปเธอมีสิทธิ์หันหลังให้เขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?“โทรหาเวินหนี่” เย่หนานโจวพูดอย่างเย็นชาเผยชิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ไม่ค่อยเข้าใจว่าเย่หนานโจวต้องการทำอะไรเรื่องการแต่งงานของพวกเขาดำเนินมาถึงจุดนี้ก็ทำให้เขาตกตะลึงมากแล้วไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาแต่งงานกันอย่างลับ ๆเมื่อก่อนเขานึกว่าเวินหนี่เป็นคนถ่อมตัว ส่วนประธานเย่ก็เคารพความคิดของเธอจึงไม่ได้บอกกับทุกคนแต่ที่แท้กลับเป็นการแต่งงานที่ไร้ซึ่งความรักช่างน่าเสียดายจริง ๆเขาเคยคิดว่าประธานเย่ชอบเวินหนี่ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ชอบเธอเหมือนกับที่ตนจินตนาการไว้เขายังคงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา “ครับ ประธานเย่”เผยชิงโทรหาเวินหนี่ ในขณะนี้ เวินหนี่พึ่งกลับถึงบ้านพร้อมกับพ่อแม่ของเธอ เวินจ้าวยืนกรานที่จะออกจากโรงพยาบาล หมอบอกว่าอาการกระดูกหักไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น จึงอนุญาตให้เขากลับบ้านได้หลังจากเหตุการณ์ใหญ่โตในโรงพยาบาล ทุกคนก็นิ่งเงียบ ไม่มีใครเอ่ยถึงเรื่อ
เผยชิงมองไปที่เย่หนานโจวอีกครั้ง “เลขาเวินบอกว่ามันอยู่ฝั่งซ้ายของตู้เสื้อผ้า ให้คนรับใช้หาให้ครับ”เย่หนานโจวขมวดคิ้ว “แล้วเสื้อคลุมล่ะ? สีน้ำตาลอ่อนตัวนั้น”“เสื้อคลุมตัวนั้นแขวนอยู่ในตู้เสื้อผ้า” เวินหนี่ตอบ “ฉันไม่อยากใส่สเวตเตอร์แล้ว ฉันอยากใส่ชุดสูทและเนคไทสีน้ำเงินอันนั้น” เย่หนานโจวกล่าวขึ้นอีกครั้งเวินหนี่ขมวดคิ้ว “มีเนคไทสีน้ำเงินตั้งมากมาย คุณอยากใส่อันไหน?”“แถบแนวตั้ง”เวินหนี่ตอบกลับไป “อยู่ในช่องที่ 28 ของกล่องเนคไท”เพื่อป้องกันไม่ให้เย่หนานโจวถามอะไรอีก เวินหนี่จึงพูดออกมาทุกอย่าง “ประธานเย่ นอกจากชุดที่นำไปซักแห้ง ชุดทั้งหมดอยู่ในตู้เสื้อผ้าค่ะ คนรับใช้สามารถหามันได้ ส่วนเสื้อผ้าหน้าหนาวฉันเก็บไว้ในห้องเก็บเสื้อ ฉันแยกประเภทเอาไว้แล้ว คนรับใช้สามารถหาได้ง่ายเช่นกัน ส่วนเนคไทก็รวมอยู่ที่เดียวกัน วางไว้ในแต่ละล็อคและแยกสีไว้เรียบร้อยแล้ว ไม่น่าจะมีข้อผิดพลาดอะไร…”ไม่ว่าเย่หนานโจวจะถามอะไร เวินหนี่ก็สามารถตอบโต้ได้อย่างรวดเร็วไม่ว่าจะเป็นเสื้อโค้ทหรือเสื้อสเวตเตอร์ รวมถึงเนคไทที่มีลวดลายทุกอันเธอก็จำได้อย่างชัดเจนเธอสามารถท่องได้อย่างคล่องแคล่วโดยไม่ต้องกล
“ครับ รบกวนคุณด้วยนะครับ” เผยชิงกล่าวอย่างสุภาพ เมื่อมองไปที่เย่หนานโจว สีหน้าของเขาก็ดูอ่อนลงเล็กน้อย และเผยชิงถอนหายใจด้วยความโล่งอกเดิมทีเวินหนี่ต้องการทานอาหารเย็นกับพ่อแม่ของเธอมื้อนี้คงไม่ได้กินเสียแล้ว เมื่อเห็นเติ้งจวนกำลังจัดเตียง เธอจึงเดินเข้าไปแล้วพูดว่า “แม่คะ หนูต้องออกไปข้างนอกสักหน่อย คงไม่ได้อยู่ทานข้าวเย็นกับแม่และพ่อนะคะ”เติ้งจวนเงยหน้าขึ้น “เกิดอะไรขึ้น?”“เรื่องงานน่ะค่ะ”เติ้งจวนเดินไปหาเวินหนี่แล้วพูดว่า “หนีหนี่ ถ้าลูกอยากเปลี่ยนงานก็เปลี่ยนเถอะนะ บนโลกนี้มีงานดี ๆ ตั้งมากมาย”เธอคิดแทนเวินหนี่ เพราะหากพวกเขาหย่ากัน และเธอยังคงทำงานกับเย่หนานโจว มันคงจะอึดอัดน่าดู “ค่ะแม่”เวินหนี่เองก็คิดเอาไว้แล้ว หากหย่าแล้วเธอก็คงไม่สามารถอยู่เคียงข้างเย่หนานโจวต่อไปได้คงจะดีกว่าที่จะตัดขาดและแยกทางทันที เธอออกจากบ้านและกลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลเย่ เมื่อเธอกลับไปคนรับใช้ก็ยังคงเรียกเธอว่า “คุณหญิง” ด้วยความเคารพมันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเวินหนี่ถอดรองเท้าออกแล้วถามคนรับใช้อีกครั้งว่า “หาเสื้อสเวตเตอร์ไม่เจอเหรอ?”คนรับใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอดูสับสน
“ไม่ใช่ค่ะ” เวินหนี่ตอบสีหน้าของเย่หนานโจวเปลี่ยนไปและเขาก็พูดขึ้นอย่างเย็นชา “ใกล้จะเป็นอดีตภรรยาแล้วครับ!”คุณหมอถึงกับตกตะลึงเมื่อได้ยินคำตอบ เขาจึงรีบตอบไปว่า “ผู้ป่วยมีอาการกระทบกระเทือนเล็กน้อยและกระดูกมือร้าว เธอจะหายดีหลังจากพักผ่อนสักระยะหนึ่ง พวกคุณไม่ต้องกังวลมากเกินไป”นี่เป็นเรื่องที่ดี เวินหนี่ตอบไปทันที “ขอบคุณมากค่ะคุณหมอ”“ด้วยความยินดีครับ”ทั้งสองตามเย่จื่อเข้าไปในวอร์ดเวินหนี่เห็นว่าริมฝีปากของเย่จื่อดูแห้งผาก ดังนั้นจึงรีบหาน้ำอุ่นมา และชุบด้วยสำลีก่อนจะเช็ดให้ชุ่มชื้นเย่หนานโจวเฝ้าดูจากด้านข้างในวอร์ดมีคนไม่มากนัก เพื่อป้องกันไม่ให้รบกวนการพักผ่อนของผู้ป่วยเวินหนี่ไม่วางใจ ดังนั้นเธอจึงนั่งลงตรงข้ามเขาอีกครั้ง โดยมุ่งเน้นไปที่การเฝ้าเย่จื่อหลังจากที่เฝ้าได้สักพัก เธอก็รู้สึกง่วงจนเปลือกตาสั่น จากนั้นเธอก็เผลอฟุบหลับไปเมื่อเวินหนี่ตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะความตกใจ เธอฝันว่ามันมืดสนิทและอยู่ในพื้นที่แคบ ๆกลัวอะไรก็ได้อย่างนั้น แม้แต่ในความฝันก็ยังไม่ปล่อยเธอไป เธอมักจะฝันแบบนี้ซึ่งทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจเอาซะเลยเมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่ามีเสื้อคลุม
หรือว่าเขาจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว?เธอเคยได้ยินเย่จื่อพูดอยู่หลายครั้ง แต่เธอก็ยังไม่ได้คิดถึงเหตุผลบางทีเย่หนานโจวอาจรู้มานานแล้ว จึงเข้าใจโดยปริยาย“เวินหนี่”ลู่เซินเข้ามาหาเธอแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “พักสักหน่อยไหม เดี๋ยวร่างกายจะทนไม่ไหวเอานะ”เวินหนี่ยืนนานแล้วและรู้สึกปวดหลัง แต่เธออยากรอให้เย่จื่อออกมา จึงนั่งลงข้าง ๆ “ฉันอยากรอจนกว่าคุณอาจะฟื้น”“ผมจะรอเป็นเพื่อนคุณเอง” ลู่เซินพูดขึ้นอีกครั้งเวินหนี่พยักหน้าไปทางเขาร่างสูงของเย่หนานโจวเอนตัวไปที่กรอบประตูและเหลือบมองความกังวลของลู่เซินที่มีต่อเวินหนี่ ดวงตานั้นแทบจะมีน้ำล้นออกมาได้ และเวินหนี่ก็ดูเหมือนพร้อมยอมรับน้ำใจของเขาคลื่นแห่งความกระสับกระส่ายโจมตีร่างกายของเย่หนานโจวอีกครั้งดวงตาของเขาเย็นขึ้นและจงใจเตะเก้าอี้ข้าง ๆ ให้มีเสียงนั่นคือเก้าอี้ที่ลู่เซินนั่งอยู่ เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมอง เย่หนานโจวก็พูดขึ้นอย่างเย็นชา “โทษที บังเอิญเตะโดนเข้าน่ะ!”“ไม่เป็นไร” ลู่เซินไม่ได้ติดใจอะไรเย่หนานโจวกลับพูดขึ้นอีกว่า “ตรงนี้คือพื้นที่รอสำหรับญาติ ไม่ทราบว่าคุณลู่มาที่นี่ทำไมกัน ที่บริษัทของคุณไม่ยุ่งเหรอครับ?”
เขาไม่ได้โต้เถียงกับเธอ และเพิกเฉยต่อเสียงร้องไห้ของเธอสำหรับเขา น้ำตาของเย่ซูเฟินนั้นไร้ค่าเย่ซูเฟินในฐานะผู้หญิง เมื่อเห็นความเฉยชาของสามี มันก็ค่อย ๆ ทำลายแนวป้องกันในใจของเธอทีละน้อยและโวยวายขึ้นอย่างอารมณ์ร้อน “พูดมาสิ ทำไมถึงไม่พูดล่ะ ในสายตาของคุณ เย่จื่อสำคัญกว่าฉันใช่ไหม ฉันเป็นภรรยาของคุณนะ เย่เหว่ยถิง คุณจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้!”เธอร้องไห้จนตาแดง อยากให้สามีเอาใจใส่เธอบ้างแค่หันมามองเธอสักครั้งก็สามารถสงบความโกรธและความกังวลของเธอได้เย่เหว่ยถิงเงียบและทำเหมือนเย่ซูเฟินคือคนแปลกหน้าอย่างเย็นชาเย่หนานโจวมองการอยู่ร่วมกันของพวกเขา เขาเห็นสิ่งนี้จนชินจึงไม่แสดงความคิดเห็นใด ๆสำหรับเขา พวกเขาคือพ่อแม่ของตนเพียงในนามเท่านั้นการเติบโตมาในสภาพแวดล้อมแบบนี้ ทำให้เขาชินมานานแล้วถึงขั้นทำให้เขารู้สึกไม่แยแสเย่เหว่ยถิงทนเย่ซูเฟินไม่ไหวแล้ว ดังนั้นจึงลุกขึ้นและพูดกับเย่หนานโจวว่า “ฉันจะลงไปแล้ว ถ้าเย่จื่อฟื้นค่อยบอกฉัน!”เย่หนานโจวลดสายตาลงด้วยสายตาเย็นชาและไม่ตอบอะไรเย่เหว่ยถิงเองก็ไม่ได้รอคำตอบจากเขา เขาไม่ได้คาดหวังอะไรกับเย่หนานโจว เขารู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่าง
เมื่อเห็นความเฉยเมยของเขา เย่ซูเฟินจึงพูดขึ้นว่า “หนานโจว!”เย่หนานโจวไม่ต้องการฟังเธออีกและเดินจากไปด้วยใบหน้าที่เย็นชาเย่ซูเฟินต้องการพูดอะไรบางอย่างกับเย่หนานโจว แต่ลู่ม่านเซิงร้องไห้และถูกรังแก เธอจึงไปไหนไม่ได้ และทำได้เพียงเดินไปพยุงลู่ม่านเซิง “เซิงเซิงลุกขึ้นเถอะ หยุดร้องไห้ได้แล้ว”ลู่ม่านเซิงถูกพยุงขึ้น เธอซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเย่ซูเฟิน “คุณป้า หนูมันน่ารำคาญมากจนทุกคนไม่ชอบใช่ไหมคะ!”“ไม่ใช่นะ ไม่ใช่ ฉันชอบเธอ ทุกคนต่างก็ชอบเธอ”เย่ซูเฟินตบหลังลู่ม่านเซิงเพื่อปลอบเธอลู่ม่านเซิงยังคงร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนของเย่ซูเฟินเห็นแบบนี้ แม้ว่าเธอจะเป็นฝ่ายผิด แต่ก็ดูเหมือนเป็นผู้ถูกกระทำ ใครจะกล้าไปว่าอะไรเธอได้ ถ้าที่นี่ไม่ใช่โรงพยาบาลและมีคนอยู่มากมาย เวินหนี่คงอยากจะฉีกหน้ากากของลู่ม่านเซิงออกเพื่อดูว่าเธอจะเสแสร้งได้สักแค่ไหน แน่นอน เธอรู้ดีว่าไม่ว่าลู่ม่านเซิงจะจริงหรือเท็จแค่ไหน เย่ซูเฟินก็จะยังคงปกป้องเธอความสัมพันธ์ระหว่างพวกเธอดูเหมือนไม่ชัดเจนเสียงฝีเท้าเร่งรีบดังขึ้น “เย่จื่อเป็นยังไงบ้าง?”เวินหนี่เงยหน้าขึ้นมองและเห็นเย่เหว่ยถิงเดินเข้ามาเขาสวมชุดสูทแ
ขณะที่เย่ซูเฟินกำลังปกป้องลู่ม่านเซิง เวินหนี่ก็พูดขึ้นด้วยใบหน้าที่เย็นชาเมื่อเย่ซูเฟินเห็นเวินหนี่พูดแบบนั้น เธอจึงพูดขึ้นว่า “เวินหนี่ เซิงเซิงเป็นถึงขนาดนี้แล้ว อย่าอาศัยโอกาสนี้ซ้ำเติมเธออีก!”ปฏิกิริยาแรกของเธอคือปกป้องคนที่อ่อนแอไว้เวินหนี่เดินเข้าไป เห็นลู่ม่านเซิงร้องไห้หนักและดูอ่อนแอจนเกินบรรยาย “ทำไมฉันจะพูดไม่ได้ พวกคุณมีใครกังวลเกี่ยวกับคุณอาบ้าง สิ่งที่คุณกังวลคือกลัวว่าลูกชายจะไม่เอา ส่วนลู่ม่านเซิงเธอกล้วว่าถูกกล่าวโทษเลยมาเสแสร้งทำเป็นน่าสงสารที่นี่ ฉันเห็นกับตาตัวเองว่าคุณผลักคุณอาลงมา และลู่ม่านเซิงก็น่าจะเป็นผู้ที่ยุยง!”คุณอาถูกส่งตัวเข้าห้องผ่าตัดด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส ซึ่งทำให้เวินหนี่ไม่ต้องการไว้หน้าพวกเธอ “อย่ามาพูดจาไร้สาระ!” เย่ซูเฟินตวาด “ฉันผลักเย่จื่อก็จริง แต่ฉันแค่ผลักเบา ๆ ทำไมเธอถึงไม่คิดบ้างล่ะว่าเย่จื่อจงใจล้มลงไปเอง”เวินหนี่มองไปที่เย่ซูเฟิน “แรงผลักของคุณมันไม่ได้เบา เราทุกคนต่างก็เห็น”เมื่อเย่ซูเฟินเห็นท่าทีของเวินหนี่ น้ำเสียงของเธอก็ดังมากยิ่งขึ้น “เวินหนี่ เธอมีสิทธิ์อะไรมาพูดกับฉันแบบนี้ ยังไงฉันก็ถือว่าเป็นผู้อาวุโส เป็นแม่สามีขอ
“ไม่ใช่นะ…” เย่ซูเฟินกล่าว “ลูกยังเป็นลูกชายของแม่ แม่เสียใจมากและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อชดใช้ให้ลูก…”“ผมไม่ต้องการมันแล้ว” ดวงตาของเย่หนานโจวเย็นชา “การเรียกคุณว่าแม่มันคือความอดทนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผม และคุณก็ควรจะพอใจได้แล้ว!”เย่ซูเฟินอดไม่ได้ที่จะถอยกลับไปสองสามก้าวและพูดขึ้นอย่างดุเดือด “ลูกจะทำกับแม่แบบนี้ไม่ได้นะ อย่าเป็นเหมือนพ่อของลูก ไม่อย่างนั้นแม่พาลูกกลับมามันจะมีความหมายอะไร!”เย่หนานโจวพูดอย่างเย็นชา “หากมีผม การเอาชนะใจสามีของคุณมันถึงจะมีความหมาย แต่น่าเสียดายที่ความพยายามทั้งหมดของคุณมันไร้ประโยชน์!”ทุกคำพูดเหมือนมีดที่ทิ่มแทงใจของเย่ซูเฟินในตอนนั้นการแต่งงานของเธอกับเย่เหว่ยถิงนั้นค่อนข้างน่าขัน เป็นเพียงเพราะเธอดื้อดึงที่จะแต่งงานกับเขาเย่เหว่ยถิงไม่ได้รักเธอเลย ตรงกันข้ามเขาเกลียดเธอเธอคิดว่าตราบใดที่เธอแต่งงานกับเขา เย่เหว่ยถิงก็จะเป็นของเธอเมื่อเรื่องราวมันเลยจุดที่จะเข้าไปแก้ไขได้ มีอะไรที่จะผ่านไปไม่ได้อีก?แต่เธอคิดง่ายเกินไป เย่เหว่ยถิงไม่กลับบ้านและปล่อยให้เธออยู่คนเดียวในห้องที่อ้างว่างเธอใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อเอาชนะใจสามีแม้กระทั่ง
“หนานโจว”ในระหว่างที่โต้เถียงกับเย่จื่ออยู่นั้นเย่ซูเฟินก็สังเกตเห็นเขา และเธอก็ตกใจเล็กน้อยเวินหนี่เองก็มองไปและเห็นเย่หนานโจวยืนอยู่ข้างหลัง ดวงตาของเขาเย็นชาและดูเหมือนจะไม่แปลกใจกับสิ่งที่พวกเธอพูดกลับกัน เขากลับยอมรับความจริงนี้อย่างสงบนิ่งเย่จื่อตกใจเมื่อเห็นดวงตาของเย่หนานโจวในขณะนี้ สิ่งที่เธอเสียใจคือการที่เธอหุนหันพลันแล่นพูดออกไปว่าเขาไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของเย่ซูเฟิน เพราะมันถือเป็นการโจมตีเขาเธอมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง สายตาของเธอมองเพียงเย่หนานโจว “หนานโจว…”เย่หนานโจวไม่ได้พูดอะไรมากเขาเพียงแค่รู้ว่าพวกเธอมาที่สุสานและอาจจะเกิดเรื่องขึ้น เขาจึงเป็นกังวลและแวะเข้ามาดูหน่อยเท่านั้น เย่ซูเฟินโกรธมากขึ้น “เย่จื่อ เธอกำลังพูดอะไร เธอจะให้ฉันมีความสุขไม่ได้เลยใช่ไหม เธอมันสมควรตายจริง ๆ!”เธอผลักเย่จื่ออย่างแรงความสนใจของเย่จื่อมุ่งไปที่เย่หนานโจว ความโกรธของเธอลดลงมากและลดความเกรี้ยวกราดลง ในใจคิดแต่ว่ามันจะสร้างบาดแผลให้เขาหรือไม่เธอไม่ทันได้สังเกตเห็นการกระทำของเย่ซูเฟินและเธอก็ถูกผลักลงบันไดไปทันทีสติของเวินหนี่ยังไม่ทันกลับมาจากการที่เย่หนานโจวไม่ใช่ลูกแท้
“ดังนั้นเธอจึงทำทุกอย่างเพื่อทำลายครอบครัวทีละครอบครัว! เธอไม่เคยคิดถึงความผิดของตัวเองเลย!”“ฉันไม่ผิด!” เย่ซูเฟินพูดอย่างเดือดดาล “ทั้งหมดเป็นเพราะพวกเธอบีบบังคับฉันเอง!”เมื่อเห็นว่าทุกคนอารมณ์ร้อน ลู่ม่านเซิงจึงเกลี้ยกล่อมจากด้านข้าง “คุณอา อย่าเถียงกับคุณป้าเลยค่ะ เธอแค่หุนหันพลันแล่นไปเท่านั้น ฉันไม่เป็นไรค่ะ และฉันก็ไม่ได้โทษคุณอาเลย คุณป้าพวกคุณต่างก็ถอยคนละก้าวเถอะนะคะ”“ไม่ใช่เรื่องของเธอ!” เย่จื่อมองไปที่ลู่ม่านเซิง และพูดขึ้นอย่างดุเดือด “ถ้าเธอไม่ได้โทษฉัน แล้วจะเล่าให้เย่ซูเฟินฟังทำไม เธออยากให้เย่ซูเฟินออกหน้าให้ไม่ใช่เหรอ? เสแสร้งแกล้งทำ ภายนอกดูใสซื่อ แต่ภายในคิดไม่ซื่อ ฉันล่ะเกลียดคนแบบเธอที่สุด!”เมื่อเห็นแบบนั้นเย่ซูเฟินก็ผลักเธอทันที “เธอกำลังดุใคร รู้ว่าเซิงเซิงสูญเสียการได้ยิน แต่ยังแอบพูดไม่ดีลับหลังเธอ เธอมันชั่วร้ายแค่ไหนกัน?!”“ถึงฉันจะชั่วร้ายแต่ก็ไม่ได้ขาดคุณธรรมเหมือนเธอ!” เย่จื่อก็ผลักกลับคืนไปเช่นกัน“เธอลงมือกับฉันงั้นเหรอ?”เย่ซูเฟินจ้องเธอด้วยความโกรธ “วันนี้มีเธอก็ไม่มีฉัน!”“ลองดูสิว่าฉันจะฉีกเธอเป็นชิ้น ๆ ไหม!”เย่จื่อไม่พูดพล่ำทำเพลงเข้าไปต
เย่จื่อไม่คาดคิดว่าเย่ซูเฟินจะโทรมาหาเธอ ซึ่งทำให้เธออารมณ์เดือดขึ้นทันที "ทำไม? หรือว่าเป็นลู่ม่านเซิงที่บอกอะไรกับเธอ ฉันจัดการเธอแล้วยังไงล่ะ!""ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?" เย่ซูเฟินพูดด้วยความโกรธ เพราะอยากจะจัดการกับเย่จื่อให้ได้"ฉันต้องบอกด้วยเหรอ? คิดว่าเธอเป็นใคร!" เย่จื่อไม่สนใจที่จะเคี้ยวเมล็ดแตงโมแล้ว ปัดมันออกไปพร้อมกับกำลังมองหาที่ระบายความโกรธเย่ซูเฟินหัวเราะเยาะ "กลัวสินะ กลัวฉันจะหาตัวเจอ ฉันรู้แล้วว่าโรงงานเสริมความงามของเธอโดนพังเสียหายหมด ตอนนี้ถึงกับต้องหลบซ่อนตัวเหมือนเต่าหดหัวแล้ว!""ฉันเนี่ยนะกลัว? ฉันเคยกลัวเธอสักครั้งไหม! ถ้าไม่ใช่เพราะเธอแต่งงานกับเย่เว่ยถิง ฉันไม่เคยนับเธอเป็นคนของตระกูลเย่ด้วยซ้ำ!" เย่จื่อตอบกลับอย่างกระแทกกระทั้น"งั้นก็ออกมาสิ มาสู้กันต่อหน้า!" เย่ซูเฟินท้าทาย"ก็ได้ ออกมาก็ออกมา เย่ซูเฟิน ถ้าเธออยากจะตัดขาดกับฉันจริง ๆ ฉันก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจแล้ว!" พูดจบ เย่จื่อก็ตัดสายทิ้งและหยิบกระเป๋าขึ้น เตรียมออกไปข้างนอกทันทีเมื่อเห็นเช่นนั้น เวินหนี่รีบพูดขึ้น "คุณอาคะ คุณอาจะไปไหนคะ หนูจะไปด้วย"เย่จื่อหันมามองเวินหนี่ "เธอไม่ต้องไป เย่ซูเฟิ