เวินหนี่เห็นการกระทำของเธอ แม้ว่าการแต่งงานของเธอกับเย่หนานโจวจะพังทลาย แต่เตียงนั้นก็เป็นเตียงที่เธอนอน เธอไม่ชอบให้ใครแตะต้องมัน ดังนั้นจึงก็คว้ามือของโจวเสี่ยวหลินไว้ “เธอรู้เหรอว่าเป็นตัวไหน?”โจวเสี่ยวหลินชะงักชั่วคราวและคิดว่ามันง่ายมาก “ก็แค่สเวตเตอร์ตัวเดียวไม่ใช่เหรอ? ฉันเอาไปส่งให้ก็ได้เหมือนกัน”สิ่งที่เวินหนี่ทำได้ เธอเองก็สามารถทำได้เช่นกันสีหน้าของเวินหนี่ไร้อารมณ์ “เธอต้องการนั่งในตำแหน่งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับว่าเธอมีคุณสมบัติเหมาะสมหรือเปล่า” เธอมองไปที่เตียงขนาดใหญ่ “เย่หนานโจวชอบอะไร ไม่ชอบอะไรเธอต้องแยกแยะให้ได้อย่างชัดเจน ไม่ใช่แค่สเวตเตอร์ตัวเดียว แต่ต้องแยกว่าวันนี้เขาจะสวมสีขาวหรือสีดำ เพราะถ้าเขาไม่ชอบ...มันจะแย่มาก”“อย่ามาหลอกฉันซะให้ยาก!” โจวเสี่ยวหลินไม่เชื่อ ครั้งก่อนเวินหนี่ก็เตือนเธอแบบนี้ เพียงเพราะอยากให้เธอคิดว่ามันยากและยอมถอยมากกว่า “อากาศเริ่มหนาวแล้ว พี่หนานโจวแค่อยากใส่เสื้อผ้าหนา ๆ ทำตัวให้อุ่นก็พอ จะต้องมีเงื่อนไขอะไรมากมาย?”เธอเปิดตู้เสื้อผ้าออกเสื้อผ้าด้านในจัดไว้อย่างชัดเจน มองเห็นได้อย่างง่ายดายเธอคว้าเสื้อสเวตเตอร์หนา ๆ ก่อนจะหยิบเสื้
เวินหนี่มักจะดูเย็นชา ไม่สนโลกและไม่ค่อยโกรธใครไม่ว่าโจวเสี่ยวหลินจะข้ามเส้นมากแค่ไหน เธอก็ไม่สนใจและไม่เคยจะพูดอะไรเลย และก็เพราะแบบนี้เวินหนี่ โจวเสี่ยวหลินจึงกล้าที่จะอวดดีถึงขั้นที่เธอคิดว่าเวินหนี่ไม่มีสถานะใดในตระกูลเย่และอยู่ต่ำกว่าเธอเสียด้วยซ้ำ ทำให้เธอมีความมั่นใจมากพอที่จะคิดว่าจะสามารถกดเวินหนี่ได้ผลคือจู่ ๆ เวินหนี่ก็ระเบิดและตบหน้าเธอโจวเสี่ยวหลินทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย เย่หนานโจวอยู่ในห้องพัก เธอจะทะเลาะกับเวินหนี่ไม่ได้และต้องแสดงความอ่อนแอเท่านั้น เธอทำได้เพียงพูดด้วยท่าทางเสียใจและดวงตาแดงก่ำ “ฉัน...ฉันเปล่านะคะ”แน่นอนว่าเวินหนี่รู้จักอุบายแสร้งทำเป็นผู้ถูกกระทำนี้ดีเธอไม่อยากทนอีกต่อไปแล้วเพราะสุดท้ายแล้วมันไม่ได้มีประโยชน์อะไร กลับจะทำให้คนอื่นคิดว่าเธอกลัวและจะหาเรื่องมาทำให้เธอลำบาก “เมื่อกี้เธอไม่ใช่แบบนี้นี่ บอกว่าฉันจงใจวางแผนร้ายกับเธอไม่ใช่เหรอ เธอมองตัวเองสูงเกินไปแล้ว กลับไปส่องกระจกที่บ้านซะ ดูว่าเธอมีอะไรที่ทำให้ฉันต้องวางแผนร้ายใส่บ้าง? พอได้เข้ามาในตระกูลเย่ก็คิดว่าตัวเองเป็นนายงั้นเหรอ มากสุดเธอมันก็แค่ผู้หญิงที่ไม่ทราบที่มาที่ไปเท่านั้น”เม
“ฉันเอามันมาให้คุณแล้ว” เวินหนี่หยิบมันออกมาจากถุง “ตัวนี้ใช่ไหมคะ”เดิมทีเย่หนานโจวอารมณ์เสียมาก แต่เมื่อเขาเห็นว่าเธอเอามันมาเองไม่ได้ให้คนอื่นเอามาสีหน้าของเขาก็เบาลงมาก แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะถามว่า “เธอเอามาแล้วทำไมยังต้องให้หล่อนมา?”เวินหนี่มองไปที่โจวเสี่ยวหลิน “ถามเธอเองสิคะ เธอยืนกรานที่จะมาที่นี่เองหรือเปล่า แถมยังไม่ฟังคำแนะนำของฉัน อย่าโยนความผิดมาที่ฉัน”เย่หนานโจวมองไปที่โจวเสี่ยวหลินอีกครั้งเดิมทีโจวเสี่ยวหลินต้องการแสดงความอ่อนแอเพื่อทำให้เย่หนานโจวงสารเธอ แต่เมื่อถูกมองด้วยสายตาแบบนั้นเธอก็รู้ว่าตัวเองทำพลาดครั้งใหญ่ จึงพูดขึ้นอย่างระมัดระวัง “ฉัน... ฉันแค่อยากจะดูแลคุณ ฉันขอโทษค่ะ มันเป็นความผิดของฉันเองที่ไม่เข้าใจ ต่อไปฉันจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้วและฉันจะฟังคำแนะนำของคุณค่ะ”ดวงตาของเย่หนานโจวเย็นชา “ไสหัวออกไป”นี่เป็นครั้งแรกที่โจวเสี่ยวหลินถูกเย่หนานโจวปฏิบัติอย่างเย็นชา เขาไม่เหมือนผู้ชายที่คุยกับเธอในวิลล่าเลยตอนนั้นเขายังสงสารเธอและอยากช่วยให้เธอได้เรียนมหาวิทยาลัยเธอคิดว่าในที่สุดโลกนี้ก็มีคนที่สงสารเธอสักที แต่มันกลับกลายเป็นความสวยงามในช่วงเวลาสั้น ๆ เ
“จะไม่ให้ฉันกังวลได้ยังไง? พี่เข้าโรงพยาบาลเลยนะคะ พี่อย่าทำให้ฉันกลัว ครั้งก่อนพี่ก็ทำให้ฉันตกใจไปแล้ว!” ลู่ม่านเซิงพูดทั้งน้ำตา “ฉันไม่อยากเห็นพี่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยอีก มันทำให้ฉันกินไม่ได้นอนไม่หลับ การถ่ายทำไม่สำคัญเท่ากับพี่ ฉันไม่อยากถ่ายแล้ว ขอเฝ้าอยู่ข้าง ๆ พี่ดีกว่า”เมื่อเธอพูดแบบนั้นเย่หนานโจวก็จำได้ทันทีว่าเขาเคยได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก่อนครั้งนั้นเกือบจะคร่าชีวิตเขาแล้ว ลู่ม่านเซิงคือผู้ที่ช่วยชีวิตเขาไว้เย่หนานโจวตอบไปว่า “จะไม่เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นอีก”ลู่ม่านเซิงยังคงไม่สบายใจและจ้องมองเขาด้วยน้ำตา “พี่เคยสัญญากับฉันแล้ว ถ้าไม่อยากเห็นฉันโศกเศร้า พี่ก็ต้องไม่ปล่อยให้ตัวเองได้รับบาดเจ็บอีก พี่อย่าลงโทษฉันด้วยร่างกายของพี่เลยนะคะ!”เขาคือคนที่ผ่านนรกมาแล้วตอนนั้นลู่ม่านเซิงอยู่กับเขาเป็นเวลาเจ็ดวันเจ็ดคืนโดยไม่ได้นอนพักเลยจากนั้นเป็นต้นมาเมื่อใดก็ตามที่เขาได้รับบาดเจ็บ ลู่ม่านเฉิงก็นอนไม่หลับทั้งคืนเธอกลัวว่าเขาจะหมดสติไปอีกครั้งด้วยเหตุนี้เธอจึงรีบออกมาจากกองถ่ายทันทีหลังรู้ข่าวเธอไม่สามารถสูญเสียเขาไปได้อีกแล้วและเธอก็ต้องการบอกให้เขารู้ว่า ไม่ว่าจะมีค
“เสี่ยวหยวน อย่าพูดให้มันมาก” ลู่ม่านเซิงขัดขึ้น ก่อนจะหันไปพูดกับเย่หนานโจว “ฉันไม่เป็นอะไรค่ะ”เย่หนานโจวเหลือบมองข้อเท้าที่แดงขึ้นมาของอีกฝ่าย ก่อนจะเอ่ยว่า “เผยชิง พาเธอไปหาหมอ”“ครับท่านประธาน” เผยชิงเดินเข้ามาตามคำสั่งลู่ม่านเซิงจึงรีบบอกว่า “ไม่ต้องไปหาหมอก็ได้ค่ะ แค่เจ็บนิดหน่อย พ่นยาแล้วก็น่าจะพอบรรเทาได้ ตอนที่อยู่กองถ่ายฉันเจ็บตัวแบบนี้บ่อย ๆ เผยชิง ช่วยไปซื้อยาให้ฉันหน่อยนะ”เผยชิงหันไปมองเย่หนานโจวเพื่อรอให้เขาตัดสินใจเย่หนานโจวจึงตอบอย่างไม่ใส่ใจว่า “งั้นก็ไปซื้อยา”“ครับ ท่านประธาน” เผยชิงรีบวิ่งออกไปทันทีแม้ห่างหายไปนานแต่ลู่ม่านเซิงยังคงคิดถึงเขาอยู่ เธอพยายามระงับความรู้สึกนั้นเพื่อมุ่งเน้นไปที่การงานตรงหน้าและอาจจะยังคงน้อยใจที่เขาทำให้เธอเสียหน้าเพราะเวินหนี่แต่การมาครั้งนี้ก็ไม่ไร้ประโยชน์ อย่างน้อยเย่หนานโจวก็ยังจำได้ว่าเธอเคยดีกับเขาอย่างไรแบบนี้มันทำให้หัวใจของเธอรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้างลู่ม่านเซิงหยิบมีดขึ้นมาเพื่อจะปอกแอปเปิ้ลให้เขา “คุณบาดเจ็บก็ไม่โทรมาบอกฉันเลย ถ้าไม่ใช่เพราะคุณป้า ฉันคงไม่รู้เรื่องนี้แน่”เธอรอให้เขาพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับไม่
เวินหนี่ดับเครื่องยนต์และรอให้ลู่ม่านเซิงเดินเข้ามาลู่ม่านเซิงถือถุงอาหารที่เวินหนี่นำมาให้ ก่อนจะยิ้มเย็น ๆ แล้วพูดขึ้นว่า “ทำไมไม่เข้าไปล่ะ? เห็นฉันคุยกับหนานโจวแล้วรู้สึกไม่สบายใจหรือไง?”“มีธุระอะไรหรือเปล่า?” เวินหนี่เอียงศีรษะมองลู่ม่านเซิงที่เดินเข้ามาใกล้“เธอยังไม่ได้ตอบคำถามฉันเลยนะ”เวินหนี่ละสายตากลับ พูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ว่า “เธอก็รู้ว่ามีคนประเภทหนึ่งที่ไม่มีอะไรแต่กลับแกล้งทำเป็นว่ามี ยิ่งโอ้อวดมากเท่าไรก็จะยิ่งไม่ได้มา”เธอรู้ดีว่าลู่ม่านเซิงต้องการใช้โอกาสนี้เยาะเย้ยเธอทั้งหมดก็แค่อยากจะโอ้อวดต่อหน้าเธอเท่านั้นใบหน้าของลู่ม่านเซิงแข็งกระด้างขึ้นทันที เธอเกลียดท่าทีสงบนิ่งของเวินหนี่มาก “เธอแกล้งทำเป็นไม่รู้สึกอะไรใช่ไหม? แต่จริง ๆ แล้วในใจเธอต้องเจ็บปวดมากแน่ ๆ ต่อให้ฉันกับหนานโจวจะห่างกันแค่ไหน ในใจของเขาก็ยังมีที่สำหรับฉันเสมอ”“เธอก็รู้ดีว่าหนานโจวตั้งบริษัทบันเทิงเพราะฉัน ฉันชอบเล่นละคร เขาก็จัดหาบทที่ดีที่สุดให้ทันที ในใจเขามีฉัน นี่คือหลักฐานที่ชัดเจนที่สุด ส่วนเธอเวินหนี่ ในที่สุดเธอก็เป็นแค่เบี้ยที่เย่หนานโจวพร้อมจะเขี่ยทิ้งได้ทุกเมื่อ!”เมื่อได้ย
เย่หนานโจวกลับเลี่ยงที่จะพบใครโดยให้เผยชิงยืนขวางที่หน้าประตูไว้ เมื่อเห็นผู้มาเยือนเขาก็เอ่ยด้วยท่าทีสุภาพ “คุณหนูลู่ ประธานเย่พักผ่อนแล้วครับ เขาบอกว่าไม่ต้องกังวล คุณเองก็กลับไปที่กองถ่ายเถอะนะครับ”ลู่ม่านเซิงตอบว่า “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันขอลางานไว้เรียบร้อยแล้ว ผู้กำกับก็อนุญาตแล้วด้วย รอจนกว่าเขาจะออกจากโรงพยาบาล ฉันค่อยกลับไปก็ยังไม่สาย”เผยชิงเริ่มรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย จึงพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “ประธานเย่ต้องการพักผ่อนครับ”หญิงสาวมองไปที่ห้องพักผู้ป่วยแล้วก็เข้าใจในสิ่งที่เผยชิงต้องการจะสื่อ แต่เธอไม่ได้โกรธและพูดต่อว่า “งั้นช่วยเอานี่ไปให้หนานโจวด้วยนะคะ ฉันจะกลับไปเอาอาหารที่คุณป้าทำมาให้เขา”“ได้ครับ คุณหนูลู่”เผยชิงรับเอกสารมา เมื่อเห็นคำใหญ่ ๆ บนหน้าปกก็รู้สึกตกใจเช่นกันลู่ม่านเซิงกล่าวลาแล้วเดินจากไปผู้ช่วยจึงถามขึ้นว่า “พี่เซิง ทำไมไม่เข้าไปล่ะ นาน ๆ จะได้โอกาสแบบนี้นะคะ”“ไม่ต้องรีบหรอก” ลู่ม่านเซิงตอบ “วันข้างหน้ายังมีโอกาสอีกมาก ตอนนี้กลับไปที่ตระกูลเย่ก่อนดีกว่า”เธอมีเรื่องสำคัญกว่าที่ต้องทำในห้องพักผู้ป่วย เผยชิงยืนลังเลอยู่สักพักไม่แน่ใจว่าจะควรมอบเอ
จางลี่หงไม่ยอมให้เวินหนี่เดินหนีไป เธอคว้าตัวเวินหนี่ไว้ด้วยความโกรธจนแทบอยากจะฆ่าให้ตาย“ฉันรู้อยู่แล้วว่าแกมันตัวซวย! ถ้าไม่มีแก ทุกอย่างก็คงจะดี พี่ชายฉันคงช่วยเหลือฉันได้ ครอบครัวของเราคงได้มีชีวิตที่มีความสุข แกนี่แหละที่เป็นตัวปัญหา ทำให้พี่ชายทอดทิ้งพวกเรา แกมันนางมารใจดำ ฉันจะฆ่าแกให้ตาย!”จางลี่หงกระชากผมเวินหนี่จนยุ่งเหยิง หญิงสาวจึงพยายามหลบและผลักหล่อนออกโดยสัญชาตญาณ แต่เล็บยาว ๆ ของจางลี่หงกลับข่วนเข้าที่แก้มของเวินหนี่จนเป็นรอยขีดหลายรอยตำรวจที่เห็นเหตุการณ์รีบเข้ามาเตือนอย่างเข้มงวด “คุณผู้หญิงที่นี่คือสถานีตำรวจ การกระทำของคุณ เราสามารถควบคุมตัวคุณได้นะครับ!”จางลี่หงโกรธจนขาดสติ ตะโกนลั่นว่า “จะควบคุมตัวก็จับไปสิ! ขอแค่ให้ฉันได้ฆ่ามันก่อน ถึงฉันตายก็ยอม! ฉันจะลากมันลงนรกไปด้วยกัน!”จางลี่หงพยายามดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง ตำรวจจึงต้องเข้ามาจับตัวเธอและกดลงกับพื้นทันทีแม้จะถูกควบคุมตัวไว้แล้ว แต่สายตาเธอยังคงมองเวินหนี่ด้วยความโกรธแค้นเวินซู่หน้าซีดเผือด น้ำตาไหลพราก “แม่อย่าทำแบบนี้เลย ถ้าแม่ถูกจับ หนูจะทำยังไง”เธอทรุดตัวลงคุกเข่าต่อหน้าเวินหนี่และอ้อนวอนอย่างสิ้น
“ไม่ใช่ค่ะ” เวินหนี่ตอบสีหน้าของเย่หนานโจวเปลี่ยนไปและเขาก็พูดขึ้นอย่างเย็นชา “ใกล้จะเป็นอดีตภรรยาแล้วครับ!”คุณหมอถึงกับตกตะลึงเมื่อได้ยินคำตอบ เขาจึงรีบตอบไปว่า “ผู้ป่วยมีอาการกระทบกระเทือนเล็กน้อยและกระดูกมือร้าว เธอจะหายดีหลังจากพักผ่อนสักระยะหนึ่ง พวกคุณไม่ต้องกังวลมากเกินไป”นี่เป็นเรื่องที่ดี เวินหนี่ตอบไปทันที “ขอบคุณมากค่ะคุณหมอ”“ด้วยความยินดีครับ”ทั้งสองตามเย่จื่อเข้าไปในวอร์ดเวินหนี่เห็นว่าริมฝีปากของเย่จื่อดูแห้งผาก ดังนั้นจึงรีบหาน้ำอุ่นมา และชุบด้วยสำลีก่อนจะเช็ดให้ชุ่มชื้นเย่หนานโจวเฝ้าดูจากด้านข้างในวอร์ดมีคนไม่มากนัก เพื่อป้องกันไม่ให้รบกวนการพักผ่อนของผู้ป่วยเวินหนี่ไม่วางใจ ดังนั้นเธอจึงนั่งลงตรงข้ามเขาอีกครั้ง โดยมุ่งเน้นไปที่การเฝ้าเย่จื่อหลังจากที่เฝ้าได้สักพัก เธอก็รู้สึกง่วงจนเปลือกตาสั่น จากนั้นเธอก็เผลอฟุบหลับไปเมื่อเวินหนี่ตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะความตกใจ เธอฝันว่ามันมืดสนิทและอยู่ในพื้นที่แคบ ๆกลัวอะไรก็ได้อย่างนั้น แม้แต่ในความฝันก็ยังไม่ปล่อยเธอไป เธอมักจะฝันแบบนี้ซึ่งทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจเอาซะเลยเมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่ามีเสื้อคลุม
หรือว่าเขาจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว?เธอเคยได้ยินเย่จื่อพูดอยู่หลายครั้ง แต่เธอก็ยังไม่ได้คิดถึงเหตุผลบางทีเย่หนานโจวอาจรู้มานานแล้ว จึงเข้าใจโดยปริยาย“เวินหนี่”ลู่เซินเข้ามาหาเธอแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “พักสักหน่อยไหม เดี๋ยวร่างกายจะทนไม่ไหวเอานะ”เวินหนี่ยืนนานแล้วและรู้สึกปวดหลัง แต่เธออยากรอให้เย่จื่อออกมา จึงนั่งลงข้าง ๆ “ฉันอยากรอจนกว่าคุณอาจะฟื้น”“ผมจะรอเป็นเพื่อนคุณเอง” ลู่เซินพูดขึ้นอีกครั้งเวินหนี่พยักหน้าไปทางเขาร่างสูงของเย่หนานโจวเอนตัวไปที่กรอบประตูและเหลือบมองความกังวลของลู่เซินที่มีต่อเวินหนี่ ดวงตานั้นแทบจะมีน้ำล้นออกมาได้ และเวินหนี่ก็ดูเหมือนพร้อมยอมรับน้ำใจของเขาคลื่นแห่งความกระสับกระส่ายโจมตีร่างกายของเย่หนานโจวอีกครั้งดวงตาของเขาเย็นขึ้นและจงใจเตะเก้าอี้ข้าง ๆ ให้มีเสียงนั่นคือเก้าอี้ที่ลู่เซินนั่งอยู่ เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมอง เย่หนานโจวก็พูดขึ้นอย่างเย็นชา “โทษที บังเอิญเตะโดนเข้าน่ะ!”“ไม่เป็นไร” ลู่เซินไม่ได้ติดใจอะไรเย่หนานโจวกลับพูดขึ้นอีกว่า “ตรงนี้คือพื้นที่รอสำหรับญาติ ไม่ทราบว่าคุณลู่มาที่นี่ทำไมกัน ที่บริษัทของคุณไม่ยุ่งเหรอครับ?”
เขาไม่ได้โต้เถียงกับเธอ และเพิกเฉยต่อเสียงร้องไห้ของเธอสำหรับเขา น้ำตาของเย่ซูเฟินนั้นไร้ค่าเย่ซูเฟินในฐานะผู้หญิง เมื่อเห็นความเฉยชาของสามี มันก็ค่อย ๆ ทำลายแนวป้องกันในใจของเธอทีละน้อยและโวยวายขึ้นอย่างอารมณ์ร้อน “พูดมาสิ ทำไมถึงไม่พูดล่ะ ในสายตาของคุณ เย่จื่อสำคัญกว่าฉันใช่ไหม ฉันเป็นภรรยาของคุณนะ เย่เหว่ยถิง คุณจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้!”เธอร้องไห้จนตาแดง อยากให้สามีเอาใจใส่เธอบ้างแค่หันมามองเธอสักครั้งก็สามารถสงบความโกรธและความกังวลของเธอได้เย่เหว่ยถิงเงียบและทำเหมือนเย่ซูเฟินคือคนแปลกหน้าอย่างเย็นชาเย่หนานโจวมองการอยู่ร่วมกันของพวกเขา เขาเห็นสิ่งนี้จนชินจึงไม่แสดงความคิดเห็นใด ๆสำหรับเขา พวกเขาคือพ่อแม่ของตนเพียงในนามเท่านั้นการเติบโตมาในสภาพแวดล้อมแบบนี้ ทำให้เขาชินมานานแล้วถึงขั้นทำให้เขารู้สึกไม่แยแสเย่เหว่ยถิงทนเย่ซูเฟินไม่ไหวแล้ว ดังนั้นจึงลุกขึ้นและพูดกับเย่หนานโจวว่า “ฉันจะลงไปแล้ว ถ้าเย่จื่อฟื้นค่อยบอกฉัน!”เย่หนานโจวลดสายตาลงด้วยสายตาเย็นชาและไม่ตอบอะไรเย่เหว่ยถิงเองก็ไม่ได้รอคำตอบจากเขา เขาไม่ได้คาดหวังอะไรกับเย่หนานโจว เขารู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่าง
เมื่อเห็นความเฉยเมยของเขา เย่ซูเฟินจึงพูดขึ้นว่า “หนานโจว!”เย่หนานโจวไม่ต้องการฟังเธออีกและเดินจากไปด้วยใบหน้าที่เย็นชาเย่ซูเฟินต้องการพูดอะไรบางอย่างกับเย่หนานโจว แต่ลู่ม่านเซิงร้องไห้และถูกรังแก เธอจึงไปไหนไม่ได้ และทำได้เพียงเดินไปพยุงลู่ม่านเซิง “เซิงเซิงลุกขึ้นเถอะ หยุดร้องไห้ได้แล้ว”ลู่ม่านเซิงถูกพยุงขึ้น เธอซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเย่ซูเฟิน “คุณป้า หนูมันน่ารำคาญมากจนทุกคนไม่ชอบใช่ไหมคะ!”“ไม่ใช่นะ ไม่ใช่ ฉันชอบเธอ ทุกคนต่างก็ชอบเธอ”เย่ซูเฟินตบหลังลู่ม่านเซิงเพื่อปลอบเธอลู่ม่านเซิงยังคงร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนของเย่ซูเฟินเห็นแบบนี้ แม้ว่าเธอจะเป็นฝ่ายผิด แต่ก็ดูเหมือนเป็นผู้ถูกกระทำ ใครจะกล้าไปว่าอะไรเธอได้ ถ้าที่นี่ไม่ใช่โรงพยาบาลและมีคนอยู่มากมาย เวินหนี่คงอยากจะฉีกหน้ากากของลู่ม่านเซิงออกเพื่อดูว่าเธอจะเสแสร้งได้สักแค่ไหน แน่นอน เธอรู้ดีว่าไม่ว่าลู่ม่านเซิงจะจริงหรือเท็จแค่ไหน เย่ซูเฟินก็จะยังคงปกป้องเธอความสัมพันธ์ระหว่างพวกเธอดูเหมือนไม่ชัดเจนเสียงฝีเท้าเร่งรีบดังขึ้น “เย่จื่อเป็นยังไงบ้าง?”เวินหนี่เงยหน้าขึ้นมองและเห็นเย่เหว่ยถิงเดินเข้ามาเขาสวมชุดสูทแ
ขณะที่เย่ซูเฟินกำลังปกป้องลู่ม่านเซิง เวินหนี่ก็พูดขึ้นด้วยใบหน้าที่เย็นชาเมื่อเย่ซูเฟินเห็นเวินหนี่พูดแบบนั้น เธอจึงพูดขึ้นว่า “เวินหนี่ เซิงเซิงเป็นถึงขนาดนี้แล้ว อย่าอาศัยโอกาสนี้ซ้ำเติมเธออีก!”ปฏิกิริยาแรกของเธอคือปกป้องคนที่อ่อนแอไว้เวินหนี่เดินเข้าไป เห็นลู่ม่านเซิงร้องไห้หนักและดูอ่อนแอจนเกินบรรยาย “ทำไมฉันจะพูดไม่ได้ พวกคุณมีใครกังวลเกี่ยวกับคุณอาบ้าง สิ่งที่คุณกังวลคือกลัวว่าลูกชายจะไม่เอา ส่วนลู่ม่านเซิงเธอกล้วว่าถูกกล่าวโทษเลยมาเสแสร้งทำเป็นน่าสงสารที่นี่ ฉันเห็นกับตาตัวเองว่าคุณผลักคุณอาลงมา และลู่ม่านเซิงก็น่าจะเป็นผู้ที่ยุยง!”คุณอาถูกส่งตัวเข้าห้องผ่าตัดด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส ซึ่งทำให้เวินหนี่ไม่ต้องการไว้หน้าพวกเธอ “อย่ามาพูดจาไร้สาระ!” เย่ซูเฟินตวาด “ฉันผลักเย่จื่อก็จริง แต่ฉันแค่ผลักเบา ๆ ทำไมเธอถึงไม่คิดบ้างล่ะว่าเย่จื่อจงใจล้มลงไปเอง”เวินหนี่มองไปที่เย่ซูเฟิน “แรงผลักของคุณมันไม่ได้เบา เราทุกคนต่างก็เห็น”เมื่อเย่ซูเฟินเห็นท่าทีของเวินหนี่ น้ำเสียงของเธอก็ดังมากยิ่งขึ้น “เวินหนี่ เธอมีสิทธิ์อะไรมาพูดกับฉันแบบนี้ ยังไงฉันก็ถือว่าเป็นผู้อาวุโส เป็นแม่สามีขอ
“ไม่ใช่นะ…” เย่ซูเฟินกล่าว “ลูกยังเป็นลูกชายของแม่ แม่เสียใจมากและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อชดใช้ให้ลูก…”“ผมไม่ต้องการมันแล้ว” ดวงตาของเย่หนานโจวเย็นชา “การเรียกคุณว่าแม่มันคือความอดทนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผม และคุณก็ควรจะพอใจได้แล้ว!”เย่ซูเฟินอดไม่ได้ที่จะถอยกลับไปสองสามก้าวและพูดขึ้นอย่างดุเดือด “ลูกจะทำกับแม่แบบนี้ไม่ได้นะ อย่าเป็นเหมือนพ่อของลูก ไม่อย่างนั้นแม่พาลูกกลับมามันจะมีความหมายอะไร!”เย่หนานโจวพูดอย่างเย็นชา “หากมีผม การเอาชนะใจสามีของคุณมันถึงจะมีความหมาย แต่น่าเสียดายที่ความพยายามทั้งหมดของคุณมันไร้ประโยชน์!”ทุกคำพูดเหมือนมีดที่ทิ่มแทงใจของเย่ซูเฟินในตอนนั้นการแต่งงานของเธอกับเย่เหว่ยถิงนั้นค่อนข้างน่าขัน เป็นเพียงเพราะเธอดื้อดึงที่จะแต่งงานกับเขาเย่เหว่ยถิงไม่ได้รักเธอเลย ตรงกันข้ามเขาเกลียดเธอเธอคิดว่าตราบใดที่เธอแต่งงานกับเขา เย่เหว่ยถิงก็จะเป็นของเธอเมื่อเรื่องราวมันเลยจุดที่จะเข้าไปแก้ไขได้ มีอะไรที่จะผ่านไปไม่ได้อีก?แต่เธอคิดง่ายเกินไป เย่เหว่ยถิงไม่กลับบ้านและปล่อยให้เธออยู่คนเดียวในห้องที่อ้างว่างเธอใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อเอาชนะใจสามีแม้กระทั่ง
“หนานโจว”ในระหว่างที่โต้เถียงกับเย่จื่ออยู่นั้นเย่ซูเฟินก็สังเกตเห็นเขา และเธอก็ตกใจเล็กน้อยเวินหนี่เองก็มองไปและเห็นเย่หนานโจวยืนอยู่ข้างหลัง ดวงตาของเขาเย็นชาและดูเหมือนจะไม่แปลกใจกับสิ่งที่พวกเธอพูดกลับกัน เขากลับยอมรับความจริงนี้อย่างสงบนิ่งเย่จื่อตกใจเมื่อเห็นดวงตาของเย่หนานโจวในขณะนี้ สิ่งที่เธอเสียใจคือการที่เธอหุนหันพลันแล่นพูดออกไปว่าเขาไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของเย่ซูเฟิน เพราะมันถือเป็นการโจมตีเขาเธอมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง สายตาของเธอมองเพียงเย่หนานโจว “หนานโจว…”เย่หนานโจวไม่ได้พูดอะไรมากเขาเพียงแค่รู้ว่าพวกเธอมาที่สุสานและอาจจะเกิดเรื่องขึ้น เขาจึงเป็นกังวลและแวะเข้ามาดูหน่อยเท่านั้น เย่ซูเฟินโกรธมากขึ้น “เย่จื่อ เธอกำลังพูดอะไร เธอจะให้ฉันมีความสุขไม่ได้เลยใช่ไหม เธอมันสมควรตายจริง ๆ!”เธอผลักเย่จื่ออย่างแรงความสนใจของเย่จื่อมุ่งไปที่เย่หนานโจว ความโกรธของเธอลดลงมากและลดความเกรี้ยวกราดลง ในใจคิดแต่ว่ามันจะสร้างบาดแผลให้เขาหรือไม่เธอไม่ทันได้สังเกตเห็นการกระทำของเย่ซูเฟินและเธอก็ถูกผลักลงบันไดไปทันทีสติของเวินหนี่ยังไม่ทันกลับมาจากการที่เย่หนานโจวไม่ใช่ลูกแท้
“ดังนั้นเธอจึงทำทุกอย่างเพื่อทำลายครอบครัวทีละครอบครัว! เธอไม่เคยคิดถึงความผิดของตัวเองเลย!”“ฉันไม่ผิด!” เย่ซูเฟินพูดอย่างเดือดดาล “ทั้งหมดเป็นเพราะพวกเธอบีบบังคับฉันเอง!”เมื่อเห็นว่าทุกคนอารมณ์ร้อน ลู่ม่านเซิงจึงเกลี้ยกล่อมจากด้านข้าง “คุณอา อย่าเถียงกับคุณป้าเลยค่ะ เธอแค่หุนหันพลันแล่นไปเท่านั้น ฉันไม่เป็นไรค่ะ และฉันก็ไม่ได้โทษคุณอาเลย คุณป้าพวกคุณต่างก็ถอยคนละก้าวเถอะนะคะ”“ไม่ใช่เรื่องของเธอ!” เย่จื่อมองไปที่ลู่ม่านเซิง และพูดขึ้นอย่างดุเดือด “ถ้าเธอไม่ได้โทษฉัน แล้วจะเล่าให้เย่ซูเฟินฟังทำไม เธออยากให้เย่ซูเฟินออกหน้าให้ไม่ใช่เหรอ? เสแสร้งแกล้งทำ ภายนอกดูใสซื่อ แต่ภายในคิดไม่ซื่อ ฉันล่ะเกลียดคนแบบเธอที่สุด!”เมื่อเห็นแบบนั้นเย่ซูเฟินก็ผลักเธอทันที “เธอกำลังดุใคร รู้ว่าเซิงเซิงสูญเสียการได้ยิน แต่ยังแอบพูดไม่ดีลับหลังเธอ เธอมันชั่วร้ายแค่ไหนกัน?!”“ถึงฉันจะชั่วร้ายแต่ก็ไม่ได้ขาดคุณธรรมเหมือนเธอ!” เย่จื่อก็ผลักกลับคืนไปเช่นกัน“เธอลงมือกับฉันงั้นเหรอ?”เย่ซูเฟินจ้องเธอด้วยความโกรธ “วันนี้มีเธอก็ไม่มีฉัน!”“ลองดูสิว่าฉันจะฉีกเธอเป็นชิ้น ๆ ไหม!”เย่จื่อไม่พูดพล่ำทำเพลงเข้าไปต
เย่จื่อไม่คาดคิดว่าเย่ซูเฟินจะโทรมาหาเธอ ซึ่งทำให้เธออารมณ์เดือดขึ้นทันที "ทำไม? หรือว่าเป็นลู่ม่านเซิงที่บอกอะไรกับเธอ ฉันจัดการเธอแล้วยังไงล่ะ!""ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?" เย่ซูเฟินพูดด้วยความโกรธ เพราะอยากจะจัดการกับเย่จื่อให้ได้"ฉันต้องบอกด้วยเหรอ? คิดว่าเธอเป็นใคร!" เย่จื่อไม่สนใจที่จะเคี้ยวเมล็ดแตงโมแล้ว ปัดมันออกไปพร้อมกับกำลังมองหาที่ระบายความโกรธเย่ซูเฟินหัวเราะเยาะ "กลัวสินะ กลัวฉันจะหาตัวเจอ ฉันรู้แล้วว่าโรงงานเสริมความงามของเธอโดนพังเสียหายหมด ตอนนี้ถึงกับต้องหลบซ่อนตัวเหมือนเต่าหดหัวแล้ว!""ฉันเนี่ยนะกลัว? ฉันเคยกลัวเธอสักครั้งไหม! ถ้าไม่ใช่เพราะเธอแต่งงานกับเย่เว่ยถิง ฉันไม่เคยนับเธอเป็นคนของตระกูลเย่ด้วยซ้ำ!" เย่จื่อตอบกลับอย่างกระแทกกระทั้น"งั้นก็ออกมาสิ มาสู้กันต่อหน้า!" เย่ซูเฟินท้าทาย"ก็ได้ ออกมาก็ออกมา เย่ซูเฟิน ถ้าเธออยากจะตัดขาดกับฉันจริง ๆ ฉันก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจแล้ว!" พูดจบ เย่จื่อก็ตัดสายทิ้งและหยิบกระเป๋าขึ้น เตรียมออกไปข้างนอกทันทีเมื่อเห็นเช่นนั้น เวินหนี่รีบพูดขึ้น "คุณอาคะ คุณอาจะไปไหนคะ หนูจะไปด้วย"เย่จื่อหันมามองเวินหนี่ "เธอไม่ต้องไป เย่ซูเฟิ