ทั้งสองครอบครัวต่างก็ตกใจเย่ซูเฟินมองไปที่เด็กสาวตรงหน้าและตกใจเกินกว่าจะโต้ตอบ เธอถามย้ำอีกครั้ง “เธอพูดว่าอะไรนะ? เธอกำลังตั้งท้องลูกของลูกชายฉันงั้นเหรอ?”โจวเสี่ยวหลินรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย ไม่รู้ว่าหากพูดออกไปแล้วจะเกิดผลอะไรตามมา แต่ทำได้แค่เพียงลองเสี่ยงดูเท่านั้นเธอพยักหน้า “ใช่ค่ะ... ฉันท้องลูกของประธานเย่ค่ะ!”คราวนี้ได้ยินกันอย่างชัดเจนว่าเธอกำลังตั้งท้องลูกของเย่หนานโจวเวินจ้าวและเติ้งจวนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนสีหน้าของพวกเขาจะดูน่าเกลียด พวกเขาไม่คิดว่าเย่หนานโจวถึงขนาดจะแอบมีลูกกับคนอื่นอยู่ข้างนอก!แล้วลูกสาวของพวกเขาใช้ชีวิตแบบไหนในตระกูลเย่กันแน่?เย่ซูเฟินมีความสุขมาก แม้ว่าจะไม่ใช่ลูกของลู่ม่านเซิง แต่ขอเพียงไม่ใช่เวินหนี่ก็ถือว่าเป็นข่าวดีเด็กคนนี้เกิดมามีสายเลือดของตระกูลเย่ลู่ม่านเซิงมีร่างกายอ่อนแอ หากเธอไม่สามารถให้กำเนิดบุตรได้ นี่ก็คือทางเลือกสุดท้าย“จริงเหรอ?” เย่ซูเฟินเปลี่ยนสีหน้าและพูดด้วยรอยยิ้ม “ท้องกี่เดือนแล้ว?”โจวเสี่ยวหลินรู้สึกประหลาดใจที่เห็นเย่ซูเฟินยิ้ม และดูสนใจเด็กในท้องของเธอมากเรื่องราวกลับง่ายกว่าที่เธอคิดเธอหลงคิด
เวินหนี่รู้ว่าเย่ซูเฟินเป็นคนยังไง เธอพูดเรื่องไร้สาระพวกนี้ก็เพียงเพื่อทำให้ตัวเองรู้สึกสบายใจเดิมทีเติ้งจวนไม่อยากจะพูดอะไรอีก แต่เย่ซูเฟินพูดออกมาแบบนั้นทำให้เธอไม่มีความสุข “พูดออกมาได้อย่างมั่นหน้าจังเลยนะคะ ลูกชายของคุณต่างหากที่นอกใจแถมแอบไปมีลูกข้างนอก นี่มันคือการนอกใจของคู่สมรส!”เย่ซูเฟินโต้กลับ “อย่าพูดไร้สาระ ลูกสาวของเธอตั้งท้องไม่ได้ แล้วยังจะห้ามไม่ให้ลูกชายฉันไปมีลูกข้างนอกด้วยหรือไง?”“หุบปาก!” เย่หนานโจวพูดขึ้นอย่างเย็นชาเย่ซูเฟินมองเขา และเห็นว่าใบหน้าของเขาเริ่มซีดลง เธอจึงก็สงบลงเล็กน้อย “เอาล่ะ แม่ไม่พูดแล้ว ร่างกายของลูกยังอ่อนแอ รีบไปนอนที่เตียงก่อนเถอะ”เวินจ้าวพูดขึ้น “พูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์แล้ว เราไปกันเถอะลูก”เย่หนานโจวมองไปที่เวินหนี่ ทั้งสองสบตากัน แล้วเวินหนี่ก็หลบสายตาอย่างรวดเร็ว “ค่ะพ่อ”เธอไม่เถียงและเดินไปหาเวินจ้าวโดยไม่หันกลับมามองเย่หนานโจวมองดูแผ่นหลังที่เด็ดขาดของเธอ คิ้วของเขาขมวดมุ่นโดยที่ไม่ละสายตาไปจากเธอ แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้พูดห้ามเธอเอาไว้“หนานโจว” เย่ซูเฟินพยุงเขาโจวเสี่ยวหลินก็รีบเข้ามาพยุงช่วยเช่นกัน เย่ซูเฟินกล่าว
แล้วเธอก็มองไปที่เย่หนานโจวสีหน้าซีดเผือดที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยการที่เขาชอบผู้หญิงคนนี้แสดงให้เห็นว่าเขายังคิดถึงลู่ม่านเซิงอยู่งั้นก็ยิ่งง่าย ความสนใจของโจวเสี่ยวหลินอยู่ที่เย่หนานโจว เธอพูดกับเย่ซูเฟินว่า “พี่หนานโจวไม่มีคนดูแล ให้ฉันมาดูแลเขาดีไหมคะ?”“ได้ยังไงกัน” เยซูเฟินไม่อยากให้เธออยู่ที่นี่ “เธอกำลังท้องอยู่ ต้องระวังให้มาก เธอกลับตระกูลเย่กับฉัน หนานโจวมีคนดูแลมากมาย เธอแค่ดูแลตัวเองให้ดีก็พอ”โจวเสี่ยวหลินอยากอยู่ดูแลเย่หนานโจว และตอนนี้เวินหนี่ก็ไม่อยู่ ดีไม่ดีอาจพัฒนาความสัมพันธ์ได้แต่ในเมื่อเย่ซูเฟินพูดแบบนั้น เธอก็ปฏิเสธได้ยาก ดังนั้นเธอจึงได้แต่ตอบไปว่า “ก็ได้ค่ะ”เธอมองไปทางเขาอย่างโหยหารอเย่หนานโจวอาการดีขึ้นและกลับบ้าน พวกเธอก็จะได้เจอกันบ่อย ๆโจวเสี่ยวหลินเริ่มคาดหวังอีกครั้งส่วนเย่ซูเฟินยังคงตั้งความหวังไว้กับลู่ม่านเซิง ตอนนี้เย่หนานโจวได้รับบาดเจ็บรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล แถมยังทะเลาะแตกหักกับเวินหนี่ หากลู่ม่านเซิงมา เธอก็จะสามารถใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ได้ในใจเธอยอมรับเพียงลู่ม่านเซิงเป็นลูกสะใภ้เท่านั้นเธอส่งข้อความหาลู่ม่านเซิงอย่างรว
ลู่ม่านเซิงพูดขึ้น “ฉันต้องไปโรงพยาบาลค่ะ”“ถ้าเธอไปโรงพยาบาล แล้วที่นี่จะทำยังไง?” ผู้กำกับถ่ายทำมานาน แต่เขาก็ไม่เคยพบใครที่จะหยุดถ่ายทำกะทันหันเพราะจะไปโรงพยาบาลมาก่อนลู่ม่านเซิงกล่าว “ผู้กำกับคะ หนานโจวได้รับบาดเจ็บตอนนี้เขาอยู่ที่โรงพยาบาล ฉันเป็นกังวลและอยากไปดูเขาค่ะ”เมื่อผู้กำกับได้ยินว่าเป็นเย่หนานโจวและเย่หนานโจวก็เป็นคนแนะนำลู่ม่านเซิงมา ยังไงเขาก็ต้องยอมเธอสักหน่อย“เอาล่ะ เธอไปเถอะ” แม้ว่าผู้กำกับจะไม่พอใจกับการที่งานล่าช้าไปหนึ่งวัน แต่เขาทำได้เพียงอดทนลู่ม่านเซิงดีใจมาก เป็นเรื่องดีที่เธอจะไม่สูญเสียบทบาทนี้เนื่องจากการทิ้งงานของตัวเอง เธอยิ้มและพูดว่า “ขอบคุณค่ะผู้กำกับ ไว้ถ่ายหนังเสร็จเมื่อไหร่ ฉันกับหนานโจวจะเลี้ยงอาหารคุณนะคะ”พูดจบเธอก็จากไปอย่างรวดเร็วส่วนนักแสดงคนอื่นนั้นต่างก็ไม่พอใจ“ผู้กำกับ จะให้คนอื่นมาเสียเวลาเพราะเธอคนเดียวไม่ได้นะคะ แม่ของฉันป่วยฉันยังไม่กลับไปดูเลย แล้วเธอมีสิทธิ์อะไร?”ผู้กำกับมองคนที่ขุ่นเคืองเหล่านั้น แล้วพูดอย่างโหดร้าย “เพราะเธอคือลู่ม่านเซิง เธอมีคนหนุนหลังไง!”คำพูดเหล่านี้ทำให้ทุกคนพูดไม่ออก“ลู่ม่านเซิงคนนี้โปรไฟล์
ไม่ว่าจะโกรธแค่ไหนก็ไม่ควรเอาชีวิตตัวเองมาล้อเล่นเย่หนานโจวฟังคำพูดของเผยชิงเสียเมื่อไหร่ ในหัวของเขาเต็มไปด้วยภาพแผ่นหลังอันเด็ดเดี่ยวของเวินหนี่ขณะที่เดินจากไปเธอมีสิทธิ์หันหลังให้เขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?“โทรหาเวินหนี่” เย่หนานโจวพูดอย่างเย็นชาเผยชิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ไม่ค่อยเข้าใจว่าเย่หนานโจวต้องการทำอะไรเรื่องการแต่งงานของพวกเขาดำเนินมาถึงจุดนี้ก็ทำให้เขาตกตะลึงมากแล้วไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาแต่งงานกันอย่างลับ ๆเมื่อก่อนเขานึกว่าเวินหนี่เป็นคนถ่อมตัว ส่วนประธานเย่ก็เคารพความคิดของเธอจึงไม่ได้บอกกับทุกคนแต่ที่แท้กลับเป็นการแต่งงานที่ไร้ซึ่งความรักช่างน่าเสียดายจริง ๆเขาเคยคิดว่าประธานเย่ชอบเวินหนี่ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ชอบเธอเหมือนกับที่ตนจินตนาการไว้เขายังคงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา “ครับ ประธานเย่”เผยชิงโทรหาเวินหนี่ ในขณะนี้ เวินหนี่พึ่งกลับถึงบ้านพร้อมกับพ่อแม่ของเธอ เวินจ้าวยืนกรานที่จะออกจากโรงพยาบาล หมอบอกว่าอาการกระดูกหักไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น จึงอนุญาตให้เขากลับบ้านได้หลังจากเหตุการณ์ใหญ่โตในโรงพยาบาล ทุกคนก็นิ่งเงียบ ไม่มีใครเอ่ยถึงเรื่อ
เผยชิงมองไปที่เย่หนานโจวอีกครั้ง “เลขาเวินบอกว่ามันอยู่ฝั่งซ้ายของตู้เสื้อผ้า ให้คนรับใช้หาให้ครับ”เย่หนานโจวขมวดคิ้ว “แล้วเสื้อคลุมล่ะ? สีน้ำตาลอ่อนตัวนั้น”“เสื้อคลุมตัวนั้นแขวนอยู่ในตู้เสื้อผ้า” เวินหนี่ตอบ “ฉันไม่อยากใส่สเวตเตอร์แล้ว ฉันอยากใส่ชุดสูทและเนคไทสีน้ำเงินอันนั้น” เย่หนานโจวกล่าวขึ้นอีกครั้งเวินหนี่ขมวดคิ้ว “มีเนคไทสีน้ำเงินตั้งมากมาย คุณอยากใส่อันไหน?”“แถบแนวตั้ง”เวินหนี่ตอบกลับไป “อยู่ในช่องที่ 28 ของกล่องเนคไท”เพื่อป้องกันไม่ให้เย่หนานโจวถามอะไรอีก เวินหนี่จึงพูดออกมาทุกอย่าง “ประธานเย่ นอกจากชุดที่นำไปซักแห้ง ชุดทั้งหมดอยู่ในตู้เสื้อผ้าค่ะ คนรับใช้สามารถหามันได้ ส่วนเสื้อผ้าหน้าหนาวฉันเก็บไว้ในห้องเก็บเสื้อ ฉันแยกประเภทเอาไว้แล้ว คนรับใช้สามารถหาได้ง่ายเช่นกัน ส่วนเนคไทก็รวมอยู่ที่เดียวกัน วางไว้ในแต่ละล็อคและแยกสีไว้เรียบร้อยแล้ว ไม่น่าจะมีข้อผิดพลาดอะไร…”ไม่ว่าเย่หนานโจวจะถามอะไร เวินหนี่ก็สามารถตอบโต้ได้อย่างรวดเร็วไม่ว่าจะเป็นเสื้อโค้ทหรือเสื้อสเวตเตอร์ รวมถึงเนคไทที่มีลวดลายทุกอันเธอก็จำได้อย่างชัดเจนเธอสามารถท่องได้อย่างคล่องแคล่วโดยไม่ต้องกล
“ครับ รบกวนคุณด้วยนะครับ” เผยชิงกล่าวอย่างสุภาพ เมื่อมองไปที่เย่หนานโจว สีหน้าของเขาก็ดูอ่อนลงเล็กน้อย และเผยชิงถอนหายใจด้วยความโล่งอกเดิมทีเวินหนี่ต้องการทานอาหารเย็นกับพ่อแม่ของเธอมื้อนี้คงไม่ได้กินเสียแล้ว เมื่อเห็นเติ้งจวนกำลังจัดเตียง เธอจึงเดินเข้าไปแล้วพูดว่า “แม่คะ หนูต้องออกไปข้างนอกสักหน่อย คงไม่ได้อยู่ทานข้าวเย็นกับแม่และพ่อนะคะ”เติ้งจวนเงยหน้าขึ้น “เกิดอะไรขึ้น?”“เรื่องงานน่ะค่ะ”เติ้งจวนเดินไปหาเวินหนี่แล้วพูดว่า “หนีหนี่ ถ้าลูกอยากเปลี่ยนงานก็เปลี่ยนเถอะนะ บนโลกนี้มีงานดี ๆ ตั้งมากมาย”เธอคิดแทนเวินหนี่ เพราะหากพวกเขาหย่ากัน และเธอยังคงทำงานกับเย่หนานโจว มันคงจะอึดอัดน่าดู “ค่ะแม่”เวินหนี่เองก็คิดเอาไว้แล้ว หากหย่าแล้วเธอก็คงไม่สามารถอยู่เคียงข้างเย่หนานโจวต่อไปได้คงจะดีกว่าที่จะตัดขาดและแยกทางทันที เธอออกจากบ้านและกลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลเย่ เมื่อเธอกลับไปคนรับใช้ก็ยังคงเรียกเธอว่า “คุณหญิง” ด้วยความเคารพมันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเวินหนี่ถอดรองเท้าออกแล้วถามคนรับใช้อีกครั้งว่า “หาเสื้อสเวตเตอร์ไม่เจอเหรอ?”คนรับใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอดูสับสน
เวินหนี่เห็นการกระทำของเธอ แม้ว่าการแต่งงานของเธอกับเย่หนานโจวจะพังทลาย แต่เตียงนั้นก็เป็นเตียงที่เธอนอน เธอไม่ชอบให้ใครแตะต้องมัน ดังนั้นจึงก็คว้ามือของโจวเสี่ยวหลินไว้ “เธอรู้เหรอว่าเป็นตัวไหน?”โจวเสี่ยวหลินชะงักชั่วคราวและคิดว่ามันง่ายมาก “ก็แค่สเวตเตอร์ตัวเดียวไม่ใช่เหรอ? ฉันเอาไปส่งให้ก็ได้เหมือนกัน”สิ่งที่เวินหนี่ทำได้ เธอเองก็สามารถทำได้เช่นกันสีหน้าของเวินหนี่ไร้อารมณ์ “เธอต้องการนั่งในตำแหน่งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับว่าเธอมีคุณสมบัติเหมาะสมหรือเปล่า” เธอมองไปที่เตียงขนาดใหญ่ “เย่หนานโจวชอบอะไร ไม่ชอบอะไรเธอต้องแยกแยะให้ได้อย่างชัดเจน ไม่ใช่แค่สเวตเตอร์ตัวเดียว แต่ต้องแยกว่าวันนี้เขาจะสวมสีขาวหรือสีดำ เพราะถ้าเขาไม่ชอบ...มันจะแย่มาก”“อย่ามาหลอกฉันซะให้ยาก!” โจวเสี่ยวหลินไม่เชื่อ ครั้งก่อนเวินหนี่ก็เตือนเธอแบบนี้ เพียงเพราะอยากให้เธอคิดว่ามันยากและยอมถอยมากกว่า “อากาศเริ่มหนาวแล้ว พี่หนานโจวแค่อยากใส่เสื้อผ้าหนา ๆ ทำตัวให้อุ่นก็พอ จะต้องมีเงื่อนไขอะไรมากมาย?”เธอเปิดตู้เสื้อผ้าออกเสื้อผ้าด้านในจัดไว้อย่างชัดเจน มองเห็นได้อย่างง่ายดายเธอคว้าเสื้อสเวตเตอร์หนา ๆ ก่อนจะหยิบเสื้