ไม่ว่าจะโกรธแค่ไหนก็ไม่ควรเอาชีวิตตัวเองมาล้อเล่นเย่หนานโจวฟังคำพูดของเผยชิงเสียเมื่อไหร่ ในหัวของเขาเต็มไปด้วยภาพแผ่นหลังอันเด็ดเดี่ยวของเวินหนี่ขณะที่เดินจากไปเธอมีสิทธิ์หันหลังให้เขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?“โทรหาเวินหนี่” เย่หนานโจวพูดอย่างเย็นชาเผยชิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ไม่ค่อยเข้าใจว่าเย่หนานโจวต้องการทำอะไรเรื่องการแต่งงานของพวกเขาดำเนินมาถึงจุดนี้ก็ทำให้เขาตกตะลึงมากแล้วไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาแต่งงานกันอย่างลับ ๆเมื่อก่อนเขานึกว่าเวินหนี่เป็นคนถ่อมตัว ส่วนประธานเย่ก็เคารพความคิดของเธอจึงไม่ได้บอกกับทุกคนแต่ที่แท้กลับเป็นการแต่งงานที่ไร้ซึ่งความรักช่างน่าเสียดายจริง ๆเขาเคยคิดว่าประธานเย่ชอบเวินหนี่ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ชอบเธอเหมือนกับที่ตนจินตนาการไว้เขายังคงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา “ครับ ประธานเย่”เผยชิงโทรหาเวินหนี่ ในขณะนี้ เวินหนี่พึ่งกลับถึงบ้านพร้อมกับพ่อแม่ของเธอ เวินจ้าวยืนกรานที่จะออกจากโรงพยาบาล หมอบอกว่าอาการกระดูกหักไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น จึงอนุญาตให้เขากลับบ้านได้หลังจากเหตุการณ์ใหญ่โตในโรงพยาบาล ทุกคนก็นิ่งเงียบ ไม่มีใครเอ่ยถึงเรื่อ
เผยชิงมองไปที่เย่หนานโจวอีกครั้ง “เลขาเวินบอกว่ามันอยู่ฝั่งซ้ายของตู้เสื้อผ้า ให้คนรับใช้หาให้ครับ”เย่หนานโจวขมวดคิ้ว “แล้วเสื้อคลุมล่ะ? สีน้ำตาลอ่อนตัวนั้น”“เสื้อคลุมตัวนั้นแขวนอยู่ในตู้เสื้อผ้า” เวินหนี่ตอบ “ฉันไม่อยากใส่สเวตเตอร์แล้ว ฉันอยากใส่ชุดสูทและเนคไทสีน้ำเงินอันนั้น” เย่หนานโจวกล่าวขึ้นอีกครั้งเวินหนี่ขมวดคิ้ว “มีเนคไทสีน้ำเงินตั้งมากมาย คุณอยากใส่อันไหน?”“แถบแนวตั้ง”เวินหนี่ตอบกลับไป “อยู่ในช่องที่ 28 ของกล่องเนคไท”เพื่อป้องกันไม่ให้เย่หนานโจวถามอะไรอีก เวินหนี่จึงพูดออกมาทุกอย่าง “ประธานเย่ นอกจากชุดที่นำไปซักแห้ง ชุดทั้งหมดอยู่ในตู้เสื้อผ้าค่ะ คนรับใช้สามารถหามันได้ ส่วนเสื้อผ้าหน้าหนาวฉันเก็บไว้ในห้องเก็บเสื้อ ฉันแยกประเภทเอาไว้แล้ว คนรับใช้สามารถหาได้ง่ายเช่นกัน ส่วนเนคไทก็รวมอยู่ที่เดียวกัน วางไว้ในแต่ละล็อคและแยกสีไว้เรียบร้อยแล้ว ไม่น่าจะมีข้อผิดพลาดอะไร…”ไม่ว่าเย่หนานโจวจะถามอะไร เวินหนี่ก็สามารถตอบโต้ได้อย่างรวดเร็วไม่ว่าจะเป็นเสื้อโค้ทหรือเสื้อสเวตเตอร์ รวมถึงเนคไทที่มีลวดลายทุกอันเธอก็จำได้อย่างชัดเจนเธอสามารถท่องได้อย่างคล่องแคล่วโดยไม่ต้องกล
“ครับ รบกวนคุณด้วยนะครับ” เผยชิงกล่าวอย่างสุภาพ เมื่อมองไปที่เย่หนานโจว สีหน้าของเขาก็ดูอ่อนลงเล็กน้อย และเผยชิงถอนหายใจด้วยความโล่งอกเดิมทีเวินหนี่ต้องการทานอาหารเย็นกับพ่อแม่ของเธอมื้อนี้คงไม่ได้กินเสียแล้ว เมื่อเห็นเติ้งจวนกำลังจัดเตียง เธอจึงเดินเข้าไปแล้วพูดว่า “แม่คะ หนูต้องออกไปข้างนอกสักหน่อย คงไม่ได้อยู่ทานข้าวเย็นกับแม่และพ่อนะคะ”เติ้งจวนเงยหน้าขึ้น “เกิดอะไรขึ้น?”“เรื่องงานน่ะค่ะ”เติ้งจวนเดินไปหาเวินหนี่แล้วพูดว่า “หนีหนี่ ถ้าลูกอยากเปลี่ยนงานก็เปลี่ยนเถอะนะ บนโลกนี้มีงานดี ๆ ตั้งมากมาย”เธอคิดแทนเวินหนี่ เพราะหากพวกเขาหย่ากัน และเธอยังคงทำงานกับเย่หนานโจว มันคงจะอึดอัดน่าดู “ค่ะแม่”เวินหนี่เองก็คิดเอาไว้แล้ว หากหย่าแล้วเธอก็คงไม่สามารถอยู่เคียงข้างเย่หนานโจวต่อไปได้คงจะดีกว่าที่จะตัดขาดและแยกทางทันที เธอออกจากบ้านและกลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลเย่ เมื่อเธอกลับไปคนรับใช้ก็ยังคงเรียกเธอว่า “คุณหญิง” ด้วยความเคารพมันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเวินหนี่ถอดรองเท้าออกแล้วถามคนรับใช้อีกครั้งว่า “หาเสื้อสเวตเตอร์ไม่เจอเหรอ?”คนรับใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอดูสับสน
เวินหนี่เห็นการกระทำของเธอ แม้ว่าการแต่งงานของเธอกับเย่หนานโจวจะพังทลาย แต่เตียงนั้นก็เป็นเตียงที่เธอนอน เธอไม่ชอบให้ใครแตะต้องมัน ดังนั้นจึงก็คว้ามือของโจวเสี่ยวหลินไว้ “เธอรู้เหรอว่าเป็นตัวไหน?”โจวเสี่ยวหลินชะงักชั่วคราวและคิดว่ามันง่ายมาก “ก็แค่สเวตเตอร์ตัวเดียวไม่ใช่เหรอ? ฉันเอาไปส่งให้ก็ได้เหมือนกัน”สิ่งที่เวินหนี่ทำได้ เธอเองก็สามารถทำได้เช่นกันสีหน้าของเวินหนี่ไร้อารมณ์ “เธอต้องการนั่งในตำแหน่งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับว่าเธอมีคุณสมบัติเหมาะสมหรือเปล่า” เธอมองไปที่เตียงขนาดใหญ่ “เย่หนานโจวชอบอะไร ไม่ชอบอะไรเธอต้องแยกแยะให้ได้อย่างชัดเจน ไม่ใช่แค่สเวตเตอร์ตัวเดียว แต่ต้องแยกว่าวันนี้เขาจะสวมสีขาวหรือสีดำ เพราะถ้าเขาไม่ชอบ...มันจะแย่มาก”“อย่ามาหลอกฉันซะให้ยาก!” โจวเสี่ยวหลินไม่เชื่อ ครั้งก่อนเวินหนี่ก็เตือนเธอแบบนี้ เพียงเพราะอยากให้เธอคิดว่ามันยากและยอมถอยมากกว่า “อากาศเริ่มหนาวแล้ว พี่หนานโจวแค่อยากใส่เสื้อผ้าหนา ๆ ทำตัวให้อุ่นก็พอ จะต้องมีเงื่อนไขอะไรมากมาย?”เธอเปิดตู้เสื้อผ้าออกเสื้อผ้าด้านในจัดไว้อย่างชัดเจน มองเห็นได้อย่างง่ายดายเธอคว้าเสื้อสเวตเตอร์หนา ๆ ก่อนจะหยิบเสื้
เวินหนี่มักจะดูเย็นชา ไม่สนโลกและไม่ค่อยโกรธใครไม่ว่าโจวเสี่ยวหลินจะข้ามเส้นมากแค่ไหน เธอก็ไม่สนใจและไม่เคยจะพูดอะไรเลย และก็เพราะแบบนี้เวินหนี่ โจวเสี่ยวหลินจึงกล้าที่จะอวดดีถึงขั้นที่เธอคิดว่าเวินหนี่ไม่มีสถานะใดในตระกูลเย่และอยู่ต่ำกว่าเธอเสียด้วยซ้ำ ทำให้เธอมีความมั่นใจมากพอที่จะคิดว่าจะสามารถกดเวินหนี่ได้ผลคือจู่ ๆ เวินหนี่ก็ระเบิดและตบหน้าเธอโจวเสี่ยวหลินทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย เย่หนานโจวอยู่ในห้องพัก เธอจะทะเลาะกับเวินหนี่ไม่ได้และต้องแสดงความอ่อนแอเท่านั้น เธอทำได้เพียงพูดด้วยท่าทางเสียใจและดวงตาแดงก่ำ “ฉัน...ฉันเปล่านะคะ”แน่นอนว่าเวินหนี่รู้จักอุบายแสร้งทำเป็นผู้ถูกกระทำนี้ดีเธอไม่อยากทนอีกต่อไปแล้วเพราะสุดท้ายแล้วมันไม่ได้มีประโยชน์อะไร กลับจะทำให้คนอื่นคิดว่าเธอกลัวและจะหาเรื่องมาทำให้เธอลำบาก “เมื่อกี้เธอไม่ใช่แบบนี้นี่ บอกว่าฉันจงใจวางแผนร้ายกับเธอไม่ใช่เหรอ เธอมองตัวเองสูงเกินไปแล้ว กลับไปส่องกระจกที่บ้านซะ ดูว่าเธอมีอะไรที่ทำให้ฉันต้องวางแผนร้ายใส่บ้าง? พอได้เข้ามาในตระกูลเย่ก็คิดว่าตัวเองเป็นนายงั้นเหรอ มากสุดเธอมันก็แค่ผู้หญิงที่ไม่ทราบที่มาที่ไปเท่านั้น”เม
“ฉันเอามันมาให้คุณแล้ว” เวินหนี่หยิบมันออกมาจากถุง “ตัวนี้ใช่ไหมคะ”เดิมทีเย่หนานโจวอารมณ์เสียมาก แต่เมื่อเขาเห็นว่าเธอเอามันมาเองไม่ได้ให้คนอื่นเอามาสีหน้าของเขาก็เบาลงมาก แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะถามว่า “เธอเอามาแล้วทำไมยังต้องให้หล่อนมา?”เวินหนี่มองไปที่โจวเสี่ยวหลิน “ถามเธอเองสิคะ เธอยืนกรานที่จะมาที่นี่เองหรือเปล่า แถมยังไม่ฟังคำแนะนำของฉัน อย่าโยนความผิดมาที่ฉัน”เย่หนานโจวมองไปที่โจวเสี่ยวหลินอีกครั้งเดิมทีโจวเสี่ยวหลินต้องการแสดงความอ่อนแอเพื่อทำให้เย่หนานโจวงสารเธอ แต่เมื่อถูกมองด้วยสายตาแบบนั้นเธอก็รู้ว่าตัวเองทำพลาดครั้งใหญ่ จึงพูดขึ้นอย่างระมัดระวัง “ฉัน... ฉันแค่อยากจะดูแลคุณ ฉันขอโทษค่ะ มันเป็นความผิดของฉันเองที่ไม่เข้าใจ ต่อไปฉันจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้วและฉันจะฟังคำแนะนำของคุณค่ะ”ดวงตาของเย่หนานโจวเย็นชา “ไสหัวออกไป”นี่เป็นครั้งแรกที่โจวเสี่ยวหลินถูกเย่หนานโจวปฏิบัติอย่างเย็นชา เขาไม่เหมือนผู้ชายที่คุยกับเธอในวิลล่าเลยตอนนั้นเขายังสงสารเธอและอยากช่วยให้เธอได้เรียนมหาวิทยาลัยเธอคิดว่าในที่สุดโลกนี้ก็มีคนที่สงสารเธอสักที แต่มันกลับกลายเป็นความสวยงามในช่วงเวลาสั้น ๆ เ
“จะไม่ให้ฉันกังวลได้ยังไง? พี่เข้าโรงพยาบาลเลยนะคะ พี่อย่าทำให้ฉันกลัว ครั้งก่อนพี่ก็ทำให้ฉันตกใจไปแล้ว!” ลู่ม่านเซิงพูดทั้งน้ำตา “ฉันไม่อยากเห็นพี่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยอีก มันทำให้ฉันกินไม่ได้นอนไม่หลับ การถ่ายทำไม่สำคัญเท่ากับพี่ ฉันไม่อยากถ่ายแล้ว ขอเฝ้าอยู่ข้าง ๆ พี่ดีกว่า”เมื่อเธอพูดแบบนั้นเย่หนานโจวก็จำได้ทันทีว่าเขาเคยได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก่อนครั้งนั้นเกือบจะคร่าชีวิตเขาแล้ว ลู่ม่านเซิงคือผู้ที่ช่วยชีวิตเขาไว้เย่หนานโจวตอบไปว่า “จะไม่เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นอีก”ลู่ม่านเซิงยังคงไม่สบายใจและจ้องมองเขาด้วยน้ำตา “พี่เคยสัญญากับฉันแล้ว ถ้าไม่อยากเห็นฉันโศกเศร้า พี่ก็ต้องไม่ปล่อยให้ตัวเองได้รับบาดเจ็บอีก พี่อย่าลงโทษฉันด้วยร่างกายของพี่เลยนะคะ!”เขาคือคนที่ผ่านนรกมาแล้วตอนนั้นลู่ม่านเซิงอยู่กับเขาเป็นเวลาเจ็ดวันเจ็ดคืนโดยไม่ได้นอนพักเลยจากนั้นเป็นต้นมาเมื่อใดก็ตามที่เขาได้รับบาดเจ็บ ลู่ม่านเฉิงก็นอนไม่หลับทั้งคืนเธอกลัวว่าเขาจะหมดสติไปอีกครั้งด้วยเหตุนี้เธอจึงรีบออกมาจากกองถ่ายทันทีหลังรู้ข่าวเธอไม่สามารถสูญเสียเขาไปได้อีกแล้วและเธอก็ต้องการบอกให้เขารู้ว่า ไม่ว่าจะมีค
“เสี่ยวหยวน อย่าพูดให้มันมาก” ลู่ม่านเซิงขัดขึ้น ก่อนจะหันไปพูดกับเย่หนานโจว “ฉันไม่เป็นอะไรค่ะ”เย่หนานโจวเหลือบมองข้อเท้าที่แดงขึ้นมาของอีกฝ่าย ก่อนจะเอ่ยว่า “เผยชิง พาเธอไปหาหมอ”“ครับท่านประธาน” เผยชิงเดินเข้ามาตามคำสั่งลู่ม่านเซิงจึงรีบบอกว่า “ไม่ต้องไปหาหมอก็ได้ค่ะ แค่เจ็บนิดหน่อย พ่นยาแล้วก็น่าจะพอบรรเทาได้ ตอนที่อยู่กองถ่ายฉันเจ็บตัวแบบนี้บ่อย ๆ เผยชิง ช่วยไปซื้อยาให้ฉันหน่อยนะ”เผยชิงหันไปมองเย่หนานโจวเพื่อรอให้เขาตัดสินใจเย่หนานโจวจึงตอบอย่างไม่ใส่ใจว่า “งั้นก็ไปซื้อยา”“ครับ ท่านประธาน” เผยชิงรีบวิ่งออกไปทันทีแม้ห่างหายไปนานแต่ลู่ม่านเซิงยังคงคิดถึงเขาอยู่ เธอพยายามระงับความรู้สึกนั้นเพื่อมุ่งเน้นไปที่การงานตรงหน้าและอาจจะยังคงน้อยใจที่เขาทำให้เธอเสียหน้าเพราะเวินหนี่แต่การมาครั้งนี้ก็ไม่ไร้ประโยชน์ อย่างน้อยเย่หนานโจวก็ยังจำได้ว่าเธอเคยดีกับเขาอย่างไรแบบนี้มันทำให้หัวใจของเธอรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้างลู่ม่านเซิงหยิบมีดขึ้นมาเพื่อจะปอกแอปเปิ้ลให้เขา “คุณบาดเจ็บก็ไม่โทรมาบอกฉันเลย ถ้าไม่ใช่เพราะคุณป้า ฉันคงไม่รู้เรื่องนี้แน่”เธอรอให้เขาพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับไม่