เรื่องของตุ่มและเจฟเงียบลงไปและเป็นที่แน่นอนว่าทั้งคู่ลดความสัมพันธ์ลงเป็นแค่เพื่อน ผมวางตนไว้ในฐานะผู้สังเกตการณ์อยู่ห่างๆ และห่วงๆ
ในค่ำคืนหนึ่ง ผมหลับฝันไปว่า...
ผมกำลังนั่งเขียนนิยายอยู่ในบ้านเช่า มีเสียงรถจักรยานยนต์แล่นมาและจอดตรงหน้าบ้าน ผมชะโงกหน้าออกไปดูว่าเป็นใคร
“ไปเที่ยวกันไหม?” เจฟชวนผมพร้อมส่งยิ้มให้ ผมไม่รู้สึกประหลาดใจเลย ถ้าในโลกแห่งความเป็นจริงแล้ว เจฟไม่เคยฉายตัวมายังบ้านประชุมรัตน์แม้เพียงแต่เงา
“ไปสิ เรากำลังเบื่ออยู่พอดี วันนี้ไม่รู้เป็นอะไร เขียนนิยายไม่ออกเลย” ผมรับคำชวน จากนั้นเจฟรับหน้าที่สารถีห้อรถจักรยานยนต์คันเดิมๆ สู่ตัวเมืองสุราษฎร์ธานี ไปรับประทานไอศกรีมไข่แข็งหน้าโรง
“จะบอกอะไร อย่าบอกนะว่าจะมาสารภาพรักเรา” ผมดักคอมันก่อน “ไม่ใช่โว้ย คนที่รักแบงค์อยู่ไม่ใช่เราแต่เป็นเจฟ ใครว่าเจฟไม่เคยชายตามองแบงค์” เบียร์พูดความจริงที่เกี่ยวเนื่องด้วยเจฟ ความจริงที่ผมอยากรู้จนต้องวางจอกสุราขาวเพื่อตั้งใจฟัง “อะไรนะ เล่ามาให้หมดเดี๋ยวนี้” “มันถึงเวลาที่เราจะต้องพูด เจฟบอกให้เราปิดบังความลับนี้เอาไว้ไปตลอดกาล เพราะเจฟกลัว ลังเลที่จะทำตามใจตัวเอง” เบียร์เกริ่นนำ วันนั้นในอดีต เป็นวันที่ผมและเพื่อนสมาชิกรายวิชา English Listen And Speaking เดินทางกลับมาจากสมุยได้ไม่กี่วัน ผมสถิงสถิตตัวเองทำงานเขียน เก็บประสบการณ์ที่สมุยไว้เป็นตัวอักษรในสมุดบันทึกเล่มสีแดงที่เจฟให้ไว้ณ. ห้องเกียรติภ
1 ปีต่อมา... “ท่านผู้โดยสารคะ ขณะนี้สายการบินของเราได้นำพาท่านผู้โดยสารมาถึงท่าอากาศยานนานาชาติสุราษฎร์ธานี เวลาในขณะนี้ 18.45 นาที เพื่อความปลอดภัย ผู้โดยสารทุกท่านนั่งประจำที่ของท่านและงดใช้อุปกรณ์อิเล็คทรอนิกจนกว่าเครื่องบินจอดสนิท สำหรับวันนี้ขอบคุณและสวัสดีค่ะ” เสียงประกาศจากหัวหน้าลูกเรือจบลงแล้ว เครื่องบินกำลังวิ่งบนแท็กซี่เวย์แล้วเข้าหลุมจอด สักครู่เครื่องบินเทียบสู่สะพานเทียบเครื่องบินหรืองวงช้าง เสียงเครื่องยนต์ดับลง แอร์โฮสเตทเปิดประตูเครื่องบิน ผู้โดยสารปลดเข็มขัดนิรภัย ใครที่เก็บสัมภาระไว้ใช่องเก็บสัมภาระเหนือศีรษะ เปิดฝาช่องสัมภาระนำสัมภาระของตนมาถือไว้แล้วเดินออกจากจากเครื่องบิน โดยมีลูกเรือไหว้อำลาผู้โดยสาร ผมเปิดโทรศัพท์มือถือหลังจากปิดเครื่องตั้งแต่นั่งเครื่องบินมาจากสนามบินสุวรรณภูมิ ผมกดโทรศัพท์โทรหาพี่นุระหว่างลงบันไดเลื่อนมาสัมภาระในโดงผู้โดยสารขาเข้าชั้นหนึ่งของส
เด็กหนุ่มคนหนึ่งในชุดนักศึกษาเสื้อเชิ้ตแขนสั้นติดกระดุมเสื้อดึงคอ ผูกเนกไทสีน้ำเงินเข้มปักเข็มตราสัญลักษณ์มหาวิทยาลัย กางเกงสแลคสีดำ รองเท้าคัทชูสีดำขัดเงามันเลื่อม กำลังเดินขึ้นเขาเพราะตรงเชิงเขามีหอพักตั้งอยู่ จู่ๆ ฝนกระหน่ำตกลงมา “แย่จัง” เขาบ่นแล้วรีบวิ่งขึ้นเขา ปี๊นๆ เสียงแตรรถจักรยานยนต์ดังไล่หลังมา ทำให้เขาหยุดดู ใครกันหนอ เห็นหน้าไม่ชัดเลยใส่หมวกกันน็อคเต็มใบ “ไปกับเรา” เสียงหนุ่มแวนซ์ปริศนาใส่เสื้อโปโลปักตราสัญลักษณ์มหาวิทยาลัยสีม่วงจอดรถจักรยานยนต์ทิ้งไว้ข้างทางแล้วคว้ามือเขาวิ่งนำพาไปสถานที่แห่งหนึ่ง เป็นศาลาสองชั้น ชั้นล่างมีห้องเล็กๆ ปิดตายไว้ “นี่มันอะไรกัน” เด็กหนุ่มรู้สึกงุนงงไปหมดแล้ว ชายหนุ่มที่นำพาเขามาที่แห่งนี้ถอดหมวกันน็อคออก ชายหนุ่มแปลกหน้าที่เขาไม่เคยเห็นหน้าค่าตามาก่อน ถามว่าหน้าตาดีไหมก็ตอบว่าพาไปวัดตอนสายๆ ควงได้ไม่อายพระเณรหรอกหนา หน้าตาบ่งบอกว่ามีเชื้อจีนแต่ผิวพรรณไม่ขาวจั๊วะ แต่ก็ไม่ได้ดำคล้ำ หน้าตาพิมพ์นี้เรียกว่าหน้าหยก ยังกับดาราฮ่องกง “กูรักมึงนะแบงค์” ห
ปลายเดือนพฤษภาคม... วันที่ผมย้ายเข้าหอพักภายในมหาวิทยาลัยเป็นวันอาทิตย์ที่อากาศแจ่มใส ผู้ที่มาส่งผมก็พี่ชายเจ้าเก่าหน้าเดิม ขับรถมาส่งตามเคย หอพักของมหาวิทยาลัยตั้งอยู่ตรงเชิงเขาท่าเพชร ก่อนอื่นผมไปติดต่อรับกุญแจห้องพักที่สำนักงานหอพักตรงหอ 2 เพื่อนๆ นักศึกษาทั้งชายและหญิงที่มีภูมิลำเนาไกลๆ เดินทางมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว บรรยากาศบริเวณหอพักทั้ง 5 หอคึกคักคลาคล่ำด้วยผู้คน ผมเซ็นชื่อแล้วรับกุญแจห้อง ผมได้กุญแจห้องหมายเลข 2310 หอพักชายไม่ต้องเดินไปไกล เพราะหอพัก 2 อันเป็นที่ตั้งของสำนักงานหอพักยังเป็นหอพักชายอีกด้วย “ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม? พี่จะกลับแล้วนะ” พี่นุบอกกับผม หลังจากที่เขาวางตะกร้าใส่เสื้อผ้าของผมลงพื้นในห้อง “ครับ” ผมเดินลงไปส่งพี่นุตรงลานจอดรถ ผมเห็นว่ามีซุ้มขายขนมขบเคี้ยวและเครื่องดื่มของชมรมอาสาพัฒนาตั้งอยู่เลยลองไปประเดิมอุดหนุนสักหน่อย “เอาอะไรดีจ๊ะ” พี่ผู้หญิงผมซอยสั้นเอ่ยทักผม นอกเหนือจากเธอแล้ว ยังมีเพื่อนๆ ของเธออีก 4 คนเป็นผู้ชาย 1 หญิง 3 คน “ชาเขียวรสมะนาวหนึ่งกล่องครับ” “มาใหม่ล่ะซี อยู่สา
“ก้มหน้า... ก้มหน้าลงเดี๋ยวนี้” เสียงขู่ตะคอกยังคงดังต่อเนื่อง ผมตกใจจนตัวสั่นราวกับหมูที่มาถึงโรงเชือดเพียงแค่เห็นประตูทางเข้าก็ตกใจกลัวจนอุจจาระหดตดหายแล้ว “แต่ละคนเข้ามาอยู่นี่ เอาแต่หนุกกับหรอยลูกเดียว ไม่สาไหรเลย เห็นรุ่นพี่ก็ไม่ไหว้ เห็นอาจารย์ก็ไม่ไหว้ ที่แรงหว่านั้นคือเห็นพระรูปพระบิดาก็ไม่แสดงเคารพเจริญแล้ว” พวกปีหนึ่งโดนตำหนิด้วยสำเนียงภาษาท้องถิ่น ทำให้ผมนึกย้อนถึงตนเอง มันก็เป็นอย่างที่เขาว่าจริงๆ ผมคงจะต้องปรับปรุงตนเอง เสียงว๊ากโหวกเหวกดังลั่นห้องประชุมอย่างต่อเนื่อง พอผมนั่งก้มหน้านานเลือดเริ่มไปเลี้ยงสมองไม่ทันผลลัพธ์คือผมเวียนศีรษะ หน้ามืด “แบงค์ไหวมั้ย?” พี่หมอแฟนหนุ่มของพี่กระดิ่งเข้ามาถาม อันที่จริงแล้วพี่แกชื่อต้า แต่เพื่อนๆ แกลงความเห็นกันว่าแก่หน้าตากระเดียดไปทางพิมพ์นิยมของนักศึกษาแพทย์จึงเรียกว่าหมอมาตลอด พอหลังจากที่ได้คุยกันแล้ว แกตั้งใจจะเรียนหมอนั่นแห
พวกเรากลับมาถึงในเย็นวันเสาร์ สุดสัปดาห์นี้ไม่มีกิจกรรมอะไร ผมเลยกลับบ้านเพราะมีอะไรหลายอย่างให้ทำ ไม่ว่าจะเป็นเอาผ้าไปซักที่บ้าน ไปรับแว่นสายตาที่สั่งตัดเอาไว้ และที่สำคัญคือ ไปซื้อของขวัญวันเกิดให้เจฟที่ตลาดสดชั้น 2 เดินดูสินค้ากิฟต์ช็อป การเลือกซื้อของขวัญวันเกิดให้เจฟเป็นโจทย์ยากเหมือนกัน ผมถูกใจกับตุ๊กตาหมีสีฟ้าขนาดน่ากอดที่อยู่ในกรงไม้ หลังจากต่อรองราคากับแม่ค้าจนเป็นที่น่าพอใจแล้วซื้อมันมา ผมให้พี่นุมาส่งที่หอพักมหาวิทยาลัยเกือบๆ 7 โมงเช้าเท่าที่ผมทั่วบริเวณหอทุกหอเงียบเชียบกว่าครั้งอื่นๆ ทั้งๆ ที่มันควรจะมีความเคลื่อนไหวบ้างเพราะวันนี้เป็นวันจันทร์ วันเริ่มต้นการเรียนในสัปดาห์ ผมเข้าห้อง 5413 ก็พบความผิดปกติคือ มดไม่อยู่แต่บนโต๊ะของเขามีถ้วยกระเบื้องบรรจุบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ยังรับประทานไม่หมดทิ้งไว้จนอืดและบูด ผมพลาดอะไรบางอย่างไปหรือเปล่า ถ้ามีกิจกรรมวิ่งออกกำลังกายตอนเช้า ผมก็คงจะเห็นตามทางที่ผ่านมา ความสงสัยนี้ผมจะต้องหาคำตอบให้ได้ ผมจึงนึกถึงเจฟเลยไปหาเขาที่ห้อง 5401 ผมเคาะประตูเรียกคนในห้องได้สั
โลกแห่งความฝันมักสวยงามเสมอ... ผ่านกิจกรรมรับน้องมา ชีวิตของผมปรับตัวเข้ากับที่นี่ได้แล้ว การสอบกลางภาคมาถึงในช่วงกลางเดือนสิงหาคม พวกเพื่อนๆ ของผมดูเคร่งเครียดกับการเตรียมตัวสอบ สำหรับผมแล้วนอกจากเคร่งเครียดเรื่องเรียนแล้ว ผมยังกังวลเรื่องความรักของผมที่มีต่อพี่ตง ที่ยังไม่มีความคืบหน้าเลย ผ่านพ้นคืนเฟรชชี่ไนท์มา ผมก็ไม่ได้พบกับพี่ตงเลย ในโลกแห่งความจริงกับโลกแห่งความฝันของมันสวนทางกัน อย่างที่ผมบอกไปในโลกของความจริงความสัมพันธ์ของผมกับพี่ตงไม่ถึงไหนเป็นได้เพียงแค่พี่สาขากับน้องสาขา ส่วนในโลกแห่งความฝันผมกับพี่เขารักกันอย่างสุดซึ้ง เป็นความรักที่ใครๆ อิจฉา ความคิดคำนึงถึงพี่ตงแสดงออกมาที่สีหน้าของผม เจฟสังเกตเห็นแล้วพูดคุยกับผมเรื่องนี้อย่างจริงจังในเย็นวันหนึ่งที่มีฝนตกโปรยปราย ผมยืนมองทิวทัศน์ที่ชุ่มฉ่ำด้วยสายฝนตรงหลังระเบียงห้องเจฟ เขาชงช็อคโกแลตร้อนให้ผมดื่ม&nbs
ความสัมพันธ์ระหว่างผม เจฟ และพี่ตงยังคงคุลมเครือเหมือนท้องฟ้าสีหม่นในวันเปิดเรียนวันแรกของภาคเรียนที่ 2 ผมกั๊กพี่ตงไว้อยู่ในส่วนลึกของจิตใจ ในขณะเดียวกัน ผมรู้สึกกับเจฟเกินเลยคำว่าเพื่อนไปเสียแล้ว ก่อนหน้านั้นรอยยิ้มที่เผยฟันไม่เป็นระเบียบไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกพิเศษอะไรเลย หากบัดนี้รอยยิ้มนั้นทำให้ผู้ฟังรู้สึกว่ามันมีคุณค่า ด้วยอำนาจแห่งความยับยั้งชั่งใจทำให้ผมไม่อาจเผยความจริงออกไปได้ ผมแสดงออกกับเจฟด้วยการเว้นระยะห่างความสัมพันธ์ ไม่วุ่นวาย ไม่สุงสิงกับเจฟ จนเขาสังเกตเห็นท่าทีของผม เขานัดผมให้ขึ้นมาคุยกัน ณ ศาลาจานบินในค่ำคืนวันที่ 3 ของภาคเรียนที่ 2 “ปิดเทอมไปเนี่ย แบงค์ไปทำอะไรมาบ้างล่ะ?” เจฟไต่ถาม “อยู่บ้านเฉยๆ ไม่มีอะไรทำเป็นชิ้นเป็นอันหรอก มีเรื่องพิเศษนิดนึงตรงที่พี่นุซื้อรถเครื่องคันใหม่เป็นของขวัญที่เราเอ็นท์ติดหลังจากค้างไว้เทอมนึงเต็มๆ เจฟคงเห็นแล้วแหละ เพราะเราเอามาใช้ที่นี่” ผมตอ
1 ปีต่อมา... “ท่านผู้โดยสารคะ ขณะนี้สายการบินของเราได้นำพาท่านผู้โดยสารมาถึงท่าอากาศยานนานาชาติสุราษฎร์ธานี เวลาในขณะนี้ 18.45 นาที เพื่อความปลอดภัย ผู้โดยสารทุกท่านนั่งประจำที่ของท่านและงดใช้อุปกรณ์อิเล็คทรอนิกจนกว่าเครื่องบินจอดสนิท สำหรับวันนี้ขอบคุณและสวัสดีค่ะ” เสียงประกาศจากหัวหน้าลูกเรือจบลงแล้ว เครื่องบินกำลังวิ่งบนแท็กซี่เวย์แล้วเข้าหลุมจอด สักครู่เครื่องบินเทียบสู่สะพานเทียบเครื่องบินหรืองวงช้าง เสียงเครื่องยนต์ดับลง แอร์โฮสเตทเปิดประตูเครื่องบิน ผู้โดยสารปลดเข็มขัดนิรภัย ใครที่เก็บสัมภาระไว้ใช่องเก็บสัมภาระเหนือศีรษะ เปิดฝาช่องสัมภาระนำสัมภาระของตนมาถือไว้แล้วเดินออกจากจากเครื่องบิน โดยมีลูกเรือไหว้อำลาผู้โดยสาร ผมเปิดโทรศัพท์มือถือหลังจากปิดเครื่องตั้งแต่นั่งเครื่องบินมาจากสนามบินสุวรรณภูมิ ผมกดโทรศัพท์โทรหาพี่นุระหว่างลงบันไดเลื่อนมาสัมภาระในโดงผู้โดยสารขาเข้าชั้นหนึ่งของส
“จะบอกอะไร อย่าบอกนะว่าจะมาสารภาพรักเรา” ผมดักคอมันก่อน “ไม่ใช่โว้ย คนที่รักแบงค์อยู่ไม่ใช่เราแต่เป็นเจฟ ใครว่าเจฟไม่เคยชายตามองแบงค์” เบียร์พูดความจริงที่เกี่ยวเนื่องด้วยเจฟ ความจริงที่ผมอยากรู้จนต้องวางจอกสุราขาวเพื่อตั้งใจฟัง “อะไรนะ เล่ามาให้หมดเดี๋ยวนี้” “มันถึงเวลาที่เราจะต้องพูด เจฟบอกให้เราปิดบังความลับนี้เอาไว้ไปตลอดกาล เพราะเจฟกลัว ลังเลที่จะทำตามใจตัวเอง” เบียร์เกริ่นนำ วันนั้นในอดีต เป็นวันที่ผมและเพื่อนสมาชิกรายวิชา English Listen And Speaking เดินทางกลับมาจากสมุยได้ไม่กี่วัน ผมสถิงสถิตตัวเองทำงานเขียน เก็บประสบการณ์ที่สมุยไว้เป็นตัวอักษรในสมุดบันทึกเล่มสีแดงที่เจฟให้ไว้ณ. ห้องเกียรติภ
เรื่องของตุ่มและเจฟเงียบลงไปและเป็นที่แน่นอนว่าทั้งคู่ลดความสัมพันธ์ลงเป็นแค่เพื่อน ผมวางตนไว้ในฐานะผู้สังเกตการณ์อยู่ห่างๆ และห่วงๆ ในค่ำคืนหนึ่ง ผมหลับฝันไปว่า... ผมกำลังนั่งเขียนนิยายอยู่ในบ้านเช่า มีเสียงรถจักรยานยนต์แล่นมาและจอดตรงหน้าบ้าน ผมชะโงกหน้าออกไปดูว่าเป็นใคร “ไปเที่ยวกันไหม?” เจฟชวนผมพร้อมส่งยิ้มให้ ผมไม่รู้สึกประหลาดใจเลย ถ้าในโลกแห่งความเป็นจริงแล้ว เจฟไม่เคยฉายตัวมายังบ้านประชุมรัตน์แม้เพียงแต่เงา “ไปสิ เรากำลังเบื่ออยู่พอดี วันนี้ไม่รู้เป็นอะไร เขียนนิยายไม่ออกเลย” ผมรับคำชวน จากนั้นเจฟรับหน้าที่สารถีห้อรถจักรยานยนต์คันเดิมๆ สู่ตัวเมืองสุราษฎร์ธานี ไปรับประทานไอศกรีมไข่แข็งหน้าโรง
หลังจากกลับมากรุงชิงได้แค่เจฟเรียกประชุมสมาชิกสาขาวจก. ทั้งหมด แน่นอนมีเรื่องราวหลายเรื่องอยู่ในวาระการประชุมไม่ว่าจะเป็นการแบ่งหน้าที่รับผิดชอบในการจัดกิจกรรมรับน้องในปีการศึกษาหน้า และในวันวาเลนไทน์ที่จะถึงมีงานเลี้ยงบายเฟรชชี่ “ในการประชุมครั้งนี้ถือว่าเป็นการทำหน้าที่ประธานสาขาครั้งสุดท้ายของเรา ต่อจากนี้จะมีการเลือกประธานสาขาคนใหม่” เจฟประกาศต่อหน้าทุกๆ คน บางคนทราบข่าวแล้ว บางคนก็ยังไม่ทราบข่าว เจฟไปทำงานในองค์การบริหารนักศึกษาจึงต้องเลือกหน้าที่ในองค์การและทิ้งงานประธานสาขา เสมือนที่เขาเลือกตุ่มและทิ้งผม แมนลงช่วงชิงตำแหน่งกับเป้ ผลออกมาแมนชนะเป้ ผมสังเกตว่าทุกคนเลือกแมนโดยไม่มีความตั้งใจจริง อาจเป็นเพราะไม่มีตัวเลือกที่ดีกว่า งานประธานสาขาเป็นงานที่หนักเสมือนกระโถนท้องพระโรง ทำดีเสมอตัวทำชั่วโดนประณามสาปแช่ง ลึกๆ ทุกคนหวาดหวั่นว่าแมนจะทำหน้าที่นี้ด้วยระบอบเผด็จการ แต่ก็รู้อยู่ว่าพวกผู้ชายบางคนหัวแข็งคงจะไม
ผ่านพ้นไปสำหรับวันหยุดเทศกาลปีใหม่ เมื่อทุกคนกลับมายังมหาวิทยาลัยได้พบว่าการสูญเสียจากปีที่แล้วยังตกค้างมาถึงปีนี้ ครานี้หวยมาออกที่สาขาวิทยาการจัดการ บี-บุหงาประสบอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์เสียชีวิตแถวบ้านในจังหวัดยะลาในคืนแรกของปีใหม่ บีกับผมเป็นเพื่อนร่วมสาขาที่มามีปฏิสัมพันธ์ในภาคเรียนที่ 2 เพราะต้องทำแลปวิชา Biology ในกลุ่มเดียวกัน บีเป็นมุสลิมเมื่อพวกเราทราบข่าว ศพของบีถูกฝังในกุโบร์เรียบร้อยแล้ว “เขาว่ากันว่าทุกค่ำคืน ที่ชายหาดยังมีคนเห็น ชาวฝรั่ง ชาวไทย ทั้งชายและหญิงเล่นน้ำทะเลอยู่ คนที่เห็นต่างก็รู้ดีว่านั่นไม่ใช่คน” ปอนด์เล่าเรื่องจากเหตุการณ์สึนามิให้ผม แก้ว อ้อ ชุ ดา วิทย์ เอ และนนท์ฟังตรงม้าหินระหว่างหอ 4 และหอ 5 ฟังในค่ำคืนที่สองของภาคเรียนที่ 2 แน่นอนว่าทุกคนเริ่มอินกับเรื่องเร้นลับ ผนวกกับอากาศที่เริ่มเย็นลงทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนี้ขยับตัวรวมเป็นกลุ่มก้อนเดียวกัน “เอาเรื่องใกล้ตัวดีกว่า เรื่องในหอนี่แหละ เห็นต้นตะเคียนหน้าหอ 4 ไหม เขาว่ากันว่าศักดิ์สิทธิ์น่าดูเลยทีเดีย
ความสัมพันธ์ระหว่างผม เจฟ และพี่ตงยังคงคุลมเครือเหมือนท้องฟ้าสีหม่นในวันเปิดเรียนวันแรกของภาคเรียนที่ 2 ผมกั๊กพี่ตงไว้อยู่ในส่วนลึกของจิตใจ ในขณะเดียวกัน ผมรู้สึกกับเจฟเกินเลยคำว่าเพื่อนไปเสียแล้ว ก่อนหน้านั้นรอยยิ้มที่เผยฟันไม่เป็นระเบียบไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกพิเศษอะไรเลย หากบัดนี้รอยยิ้มนั้นทำให้ผู้ฟังรู้สึกว่ามันมีคุณค่า ด้วยอำนาจแห่งความยับยั้งชั่งใจทำให้ผมไม่อาจเผยความจริงออกไปได้ ผมแสดงออกกับเจฟด้วยการเว้นระยะห่างความสัมพันธ์ ไม่วุ่นวาย ไม่สุงสิงกับเจฟ จนเขาสังเกตเห็นท่าทีของผม เขานัดผมให้ขึ้นมาคุยกัน ณ ศาลาจานบินในค่ำคืนวันที่ 3 ของภาคเรียนที่ 2 “ปิดเทอมไปเนี่ย แบงค์ไปทำอะไรมาบ้างล่ะ?” เจฟไต่ถาม “อยู่บ้านเฉยๆ ไม่มีอะไรทำเป็นชิ้นเป็นอันหรอก มีเรื่องพิเศษนิดนึงตรงที่พี่นุซื้อรถเครื่องคันใหม่เป็นของขวัญที่เราเอ็นท์ติดหลังจากค้างไว้เทอมนึงเต็มๆ เจฟคงเห็นแล้วแหละ เพราะเราเอามาใช้ที่นี่” ผมตอ
โลกแห่งความฝันมักสวยงามเสมอ... ผ่านกิจกรรมรับน้องมา ชีวิตของผมปรับตัวเข้ากับที่นี่ได้แล้ว การสอบกลางภาคมาถึงในช่วงกลางเดือนสิงหาคม พวกเพื่อนๆ ของผมดูเคร่งเครียดกับการเตรียมตัวสอบ สำหรับผมแล้วนอกจากเคร่งเครียดเรื่องเรียนแล้ว ผมยังกังวลเรื่องความรักของผมที่มีต่อพี่ตง ที่ยังไม่มีความคืบหน้าเลย ผ่านพ้นคืนเฟรชชี่ไนท์มา ผมก็ไม่ได้พบกับพี่ตงเลย ในโลกแห่งความจริงกับโลกแห่งความฝันของมันสวนทางกัน อย่างที่ผมบอกไปในโลกของความจริงความสัมพันธ์ของผมกับพี่ตงไม่ถึงไหนเป็นได้เพียงแค่พี่สาขากับน้องสาขา ส่วนในโลกแห่งความฝันผมกับพี่เขารักกันอย่างสุดซึ้ง เป็นความรักที่ใครๆ อิจฉา ความคิดคำนึงถึงพี่ตงแสดงออกมาที่สีหน้าของผม เจฟสังเกตเห็นแล้วพูดคุยกับผมเรื่องนี้อย่างจริงจังในเย็นวันหนึ่งที่มีฝนตกโปรยปราย ผมยืนมองทิวทัศน์ที่ชุ่มฉ่ำด้วยสายฝนตรงหลังระเบียงห้องเจฟ เขาชงช็อคโกแลตร้อนให้ผมดื่ม&nbs
พวกเรากลับมาถึงในเย็นวันเสาร์ สุดสัปดาห์นี้ไม่มีกิจกรรมอะไร ผมเลยกลับบ้านเพราะมีอะไรหลายอย่างให้ทำ ไม่ว่าจะเป็นเอาผ้าไปซักที่บ้าน ไปรับแว่นสายตาที่สั่งตัดเอาไว้ และที่สำคัญคือ ไปซื้อของขวัญวันเกิดให้เจฟที่ตลาดสดชั้น 2 เดินดูสินค้ากิฟต์ช็อป การเลือกซื้อของขวัญวันเกิดให้เจฟเป็นโจทย์ยากเหมือนกัน ผมถูกใจกับตุ๊กตาหมีสีฟ้าขนาดน่ากอดที่อยู่ในกรงไม้ หลังจากต่อรองราคากับแม่ค้าจนเป็นที่น่าพอใจแล้วซื้อมันมา ผมให้พี่นุมาส่งที่หอพักมหาวิทยาลัยเกือบๆ 7 โมงเช้าเท่าที่ผมทั่วบริเวณหอทุกหอเงียบเชียบกว่าครั้งอื่นๆ ทั้งๆ ที่มันควรจะมีความเคลื่อนไหวบ้างเพราะวันนี้เป็นวันจันทร์ วันเริ่มต้นการเรียนในสัปดาห์ ผมเข้าห้อง 5413 ก็พบความผิดปกติคือ มดไม่อยู่แต่บนโต๊ะของเขามีถ้วยกระเบื้องบรรจุบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ยังรับประทานไม่หมดทิ้งไว้จนอืดและบูด ผมพลาดอะไรบางอย่างไปหรือเปล่า ถ้ามีกิจกรรมวิ่งออกกำลังกายตอนเช้า ผมก็คงจะเห็นตามทางที่ผ่านมา ความสงสัยนี้ผมจะต้องหาคำตอบให้ได้ ผมจึงนึกถึงเจฟเลยไปหาเขาที่ห้อง 5401 ผมเคาะประตูเรียกคนในห้องได้สั
“ก้มหน้า... ก้มหน้าลงเดี๋ยวนี้” เสียงขู่ตะคอกยังคงดังต่อเนื่อง ผมตกใจจนตัวสั่นราวกับหมูที่มาถึงโรงเชือดเพียงแค่เห็นประตูทางเข้าก็ตกใจกลัวจนอุจจาระหดตดหายแล้ว “แต่ละคนเข้ามาอยู่นี่ เอาแต่หนุกกับหรอยลูกเดียว ไม่สาไหรเลย เห็นรุ่นพี่ก็ไม่ไหว้ เห็นอาจารย์ก็ไม่ไหว้ ที่แรงหว่านั้นคือเห็นพระรูปพระบิดาก็ไม่แสดงเคารพเจริญแล้ว” พวกปีหนึ่งโดนตำหนิด้วยสำเนียงภาษาท้องถิ่น ทำให้ผมนึกย้อนถึงตนเอง มันก็เป็นอย่างที่เขาว่าจริงๆ ผมคงจะต้องปรับปรุงตนเอง เสียงว๊ากโหวกเหวกดังลั่นห้องประชุมอย่างต่อเนื่อง พอผมนั่งก้มหน้านานเลือดเริ่มไปเลี้ยงสมองไม่ทันผลลัพธ์คือผมเวียนศีรษะ หน้ามืด “แบงค์ไหวมั้ย?” พี่หมอแฟนหนุ่มของพี่กระดิ่งเข้ามาถาม อันที่จริงแล้วพี่แกชื่อต้า แต่เพื่อนๆ แกลงความเห็นกันว่าแก่หน้าตากระเดียดไปทางพิมพ์นิยมของนักศึกษาแพทย์จึงเรียกว่าหมอมาตลอด พอหลังจากที่ได้คุยกันแล้ว แกตั้งใจจะเรียนหมอนั่นแห