“ก้มหน้า... ก้มหน้าลงเดี๋ยวนี้” เสียงขู่ตะคอกยังคงดังต่อเนื่อง ผมตกใจจนตัวสั่นราวกับหมูที่มาถึงโรงเชือดเพียงแค่เห็นประตูทางเข้าก็ตกใจกลัวจนอุจจาระหดตดหายแล้ว
“แต่ละคนเข้ามาอยู่นี่ เอาแต่หนุกกับหรอยลูกเดียว ไม่สาไหรเลย เห็นรุ่นพี่ก็ไม่ไหว้ เห็นอาจารย์ก็ไม่ไหว้ ที่แรงหว่านั้นคือเห็นพระรูปพระบิดาก็ไม่แสดงเคารพเจริญแล้ว” พวกปีหนึ่งโดนตำหนิด้วยสำเนียงภาษาท้องถิ่น ทำให้ผมนึกย้อนถึงตนเอง มันก็เป็นอย่างที่เขาว่าจริงๆ ผมคงจะต้องปรับปรุงตนเอง เสียงว๊ากโหวกเหวกดังลั่นห้องประชุมอย่างต่อเนื่อง พอผมนั่งก้มหน้านานเลือดเริ่มไปเลี้ยงสมองไม่ทันผลลัพธ์คือผมเวียนศีรษะ หน้ามืด
“แบงค์ไหวมั้ย?” พี่หมอแฟนหนุ่มของพี่กระดิ่งเข้ามาถาม อันที่จริงแล้วพี่แกชื่อต้า แต่เพื่อนๆ แกลงความเห็นกันว่าแก่หน้าตากระเดียดไปทางพิมพ์นิยมของนักศึกษาแพทย์จึงเรียกว่าหมอมาตลอด พอหลังจากที่ได้คุยกันแล้ว แกตั้งใจจะเรียนหมอนั่นแหละแต่คะแนนไม่ถึง เลยได้เรียนที่นี่แทน “ถ้าไม่ไหวก็ไม่ต้องทน อาการเราดูไม่ดีเลย”
“ครับพี่” ผมลุกขึ้นยืนอย่างโซซัดโซเซและลอบมองไปรอบๆ เพื่อนๆ นั่งก้มหน้าอยู่ในอาการสงบ แสงไฟสีสัมสลัวๆ สร้างบรรยากาศให้น่ากลัว ผมเดินออกไปข้างนอกห้องประชุมโดยมีพี่หมอแฟนพี่กระดิ่งคอยประครอง บรรยากาศข้างนอกกับข้างในนั่นแตกต่างกันอย่างลิบลับ แสงไฟสว่างทั่วทุกบริเวณ พวกรุ่นพี่นั่งจับกลุ่มคุยกัน หน่วยพยาบาลตั้งขึ้นอย่างเรียบง่ายบนเสื่อ พี่กระดิ่งเอาก้อนสำลีชุบแอมโมเนียมาให้ผมดม กลิ่นของมันทำให้ผมรู้สึกหายจากอาการป่วยได้ชะงัด ผมนั่งสงบๆ ฟังรุ่นพี่เขาสนทนาปราศรัยกัน เรื่องราวที่พูดคุยกันก็เป็นเรื่องในมหาวิทยาลัย ความหฤโหดของการรับน้องที่พวกพี่ๆ เจอกันมา การเรียนความยากง่ายของแต่ละรายวิชา ใครไม่ถูกกับใคร ใครรักชอบกับใครอะไรทำนองนี้ ผมเริ่มสนิทสนมกับรุ่นพี่เพื่อนๆพี่กรพดิ่งและพี่หมอซึ่งมีพี่อาย พี่ชี้ค พี่สปัน และพี่ตง ผ่านไปสักพักมีเสียงฝีเท้าของคนจำนวนมากวิ่งเล็ดลอดออกมาจากห้องประชุม
“เอาแล้วเว้ย! วันแรกมันก็เล่นซะแล้ว” พี่ตงสบถ ผมไม่เข้าใจความหมายที่พี่เขาพูด หลังจากนั้นก็มีพี่ไซโคคนหนึ่งเปิดประตูเดินออกมาข้างนอก
“พยาบาลๆ อู้งานจัง ไปเอาน้องออกมาเร็ว” นั่นแปลว่าข้างในมีเหตุการณ์อะไรบางอย่างเกิดขึ้น เพื่อนๆ ผมคนใดคนหนึ่งไม่สบายขึ้นมา พวกพี่ที่ทำหน้าที่พยาบาลจำนวน 2 คนลุกขึ้นตามพี่ไซโคเข้าสู่ห้องประชุม สักครู่พี่ๆ หามเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งออกมา พอผมได้เห็นหน้าเธอก็ตกใจเพราะผู้หญิงคนนี้คือ ขวัญเพื่อนในสาขาวจก. มาจากโรงเรียนเดียวกันกับผม อาการของเธอน่าเป็นห่วงเพราะเธอปกปิดเรื่องการป่วยเป็นโรคหอบไว้ เมื่อประสบพบเจอกับสิ่งที่น่าตื่นตระหนกตกใจอาการของโรคเลยกำเริบขึ้น พวกเพื่อนๆ ที่ไม่สบายออกตามกันมา เวลาผ่านไปได้หนึ่งชั่วโมงกลุ่มพี่ไซโคออกมาพักผ่อนให้พี่ๆ กรมเจ้าท่าเข้าไปปลอบโยนเพื่อนๆ ที่อยู่ข้างใน และผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมงกลับมาอีกรอบและเป็นรอบสุดท้ายของวันนี้ พรุ่งที่เก่าเวลาเดิมจึงเริ่มต้นขึ้นใหม่ พวกเพื่อนๆชาย-หญิงตั้งแถวเดินกลับหอพักบนเนินเขา ส่วนผมและเพื่อนๆ ที่ป่วยได้รับสิทธิพิเศษมีรุ่นพี่ขี่รถจักรยานยนต์ไปส่งถึงหอพัก สารถีที่ควบรถจักรยานยนต์ไปส่งผมคือพี่ตงหนุ่มตี๋เมืองตรัง บ้านอยู่บางรัก ผมแอบคิดอยู่ในใจว่าเขาน่ารักดี ผมนั่งซ้อนท้ายรถพี่เขามาจนถึงหน้าประตูเข้าหอพัก ผมไม่ลืมที่จะไหว้ขอบคุณ
“ไม่ต้องไหว้หรอก พี่ไปก่อนล่ะ”
“ขับรถดีๆ นะพี่” ผมยืนส่งพี่ตงและถือโอกาสรอเพื่อนๆ ที่กำลังเดินมา บรรยากาศรอบๆ ตัวผมมีแต่ความเงียบ มองไปทางหออื่นๆ มีแสงไฟแต่ไร้ความเคลื่อนไหวใดๆ
“มาก่อนเป็นพี่ มาหลังเป็นน้อง มาพร้อมเป็นเพื่อน” แว่วเสียงเพื่อนๆ ที่กำลังเดินอยู่ใกล้จะมาถึงแล้ว เสียงท่องบ่นนั้นชัดขึ้นเรื่อยๆ จนผมเห็นว่าพวกเขาทั้งหมดหยุดอยู่บริเวณหลังหอ 3 ส่วนพวกผู้หญิงกลับเข้าหอพักของตนเอง พวกพี่ไซโคที่คุมแถวมายังไม่ปล่อยกลุ่มเพื่อนผู้ชายมีการพูดอะไรบางอย่างเล็กน้อย
... ... ...
เจฟยืนคุยโทรศัพท์อยู่ตรงหลังระเบียงห้อง 5401 ผมและเพื่อนๆ อย่างแม็ค วิทย์ และเอกำลังดูรายการโทรทัศน์ ผมคอยชำเลืองมองเจฟอยู่เรื่อยๆ จนเมื่อเขาคุยโทรศัพท์เสร็จ ผมชงช็อคโกแลตร้อน 2 แก้วเพื่อตนเองและเจฟ
“ทำอะไรอยู่เจฟ” เขายืนมองทิวทัศน์ในยามราตรีนิ่งๆ ผมส่งเสียงให้เขารู้ตัว “อากาศภูเขาเย็น ประเดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก”
“ก็ดูวิวไปเรื่อยๆ” เจฟพูดปดไม่เก่งเอาเสียเลย คำพูดกับสีหน้าของเขาสวนทางกัน
“ดื่มสักหน่อย” ผมยื่นแก้วช็อคโกแลตให้ “เจฟรู้ไหม เจฟโกหกไม่เนียน”
“เรามีปัญหากับแฟน” เจฟจิบช็อคโกแลตร้อนแล้วเกริ่นเรื่องที่ทำให้เขาไม่สบายใจ “เราติดต่อกับฝ้ายไม่ได้เลย เพื่อนที่หาดใหญ่บอกว่าฝ้ายกับคบหากับเพื่อนผู้ชายในคณะนิติ”
“เราไม่เคยรู้มาก่อนว่าเจฟมีแฟนแล้ว” ผมรู้สึกใจแป้วยังไงก้ไม่ทราบเมื่อเขาเอ่ยถึงเรื่องแฟน
“เราพยายามติดต่อฝ้ายแต่ฝ้ายก็ไม่ยอมรับสายเรา พอคุยกันได้ไม่กี่คำก็ตัดบทอ้างว่ามีกิจกรรม เรียนหนัก สารพัดสารพันเพื่อเลี่ยงไม่พูดกับเรา ถ้าต้องเลิกกันจริงก็น่าเสียดายวันเวลาที่รู้จักกัน” เจฟจิบช็อคโกแลตร้อน สายตาของเขาทอดมองทิวทัศน์ ไกลลิบๆ เห็นแสงไฟเรืองรองของถนนสุราษฏร์-นาสาร รถราวิ่งสาดแสงไฟเป็นสาย
“อย่างน้อยความรักก็เคยทำให้เจฟมีความสุขไม่ใช่เหรอ?”
“ใช่ เราอยากรู้ว่าเราผิดอะไร ฝ้ายถึงได้นอกใจเรา”
“เจฟไม่ได้ผิดอะไร เราไม่รู้หรอกนะว่าฝ้ายเป็นยังไง ถ้าฝ้ายเปลี่ยนไปเจฟก็ต้องทำใจ ชีวิตต้องเดินต่อไป” ผมสามารถให้คำปรึกษาได้เท่านี้เพราะผมไม่ได้รู้จักฝ้ายคลุกคลีอยู่กับเจฟเลยเหมือนฟังความข้างเดียว
“แบงค์พูดยังกะคนเคยมีความรัก เอ... หรือว่าตอนนี้กำลังมีอยู่ พอจะเล่าได้ไหมเราอยากรู้” กลายเป็นว่าจากที่พูดเรื่องความรักของเจฟพลิกมาเป็นความรักของผมแทน
“เราไม่บอก ยังไงก็ไม่บอก” ผมเดินหนีเจฟเพราะไม่อยากจะเล่าเรื่องความรักของผม เขาจะรู้ว่าผมไม่ใช่บุรุษผู้ปรารถนาอิตถีเพศ เจฟจะเปลี่ยนไปไหม
“ผู้หญิงหรือผู้ชาย?” เจฟซักถาม ดวงตาของเขาแววเป็นประกาย จากการซักถามธรรมดาเริ่มกลายเป็นการซักฟอกไปเสียแล้ว “ตอนนี้ยังรักกันหรือเลิกกันแล้ว”
“เราไม่บอก เราจะกลับห้องไปนอนแล้ว” ผมเดินเข้ามาในห้องวางแก้วที่เคยมีช็อคโกแลตร้อนข้างโทรทัศน์แล้วเดินออกจากห้อง มีเจฟเดินตามมาติดๆ
“แม็ค มึงคิดเหมือนกูหรือเปล่า?” วิทย์มองผมและเจฟก่อนที่จะเอ่ยถามแม็ค
“กูก็คิดเหมือนมึง” แม็คตอบ สายตาเขาเลี่ยงที่จะไม่มองผมและเจฟเหมือนอย่างวิทย์ เขาเลือกที่จะดูโทรทัศน์มากกว่า “พอเหอะ ดูทีวีดีกว่า”
“แบงค์ขี้โกง! เราอุตส่าห์เล่าเรื่องฝ้ายให้แบงค์ฟัง ถ้าแบงค์ไม่บอกเราตายตาไม่หลับนะ” เจฟยังเซ้าซี้ไม่หยุด ผมไขกุญแจห้อง ต้องชะงักกับภาพของมดโซ้ยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรงโต๊ะอ่านหนังสือ ผมเห็นภาพนี้ทุกคืนจนต้องเรียกว่าเป็นกิจวัตรประจำของมด
“เจฟจะนอนตายตาไม่หลับก็เรื่องของเจฟ เอาเป็นว่าขอบใจนะที่มาส่ง ราตรีสวัสดิ์” ผมตัดบทอำลาเจฟแล้วปิดประตูห้อง พูดคุยกับมดเล็กน้อย เขียนไดอะรี่เล็กน้อยแล้วก็หลับไป
คืนนี้ผมฝันประหลาดไป ผมฝันว่าพี่ตงขับรถจักรยานยนต์คันเดิมมารับผมไปสถานที่แห่งหนึ่ง ที่แห่งนี้เป็นภูเขาแต่มันไม่เหมือนเขาท่าเพชร ทิวทัศน์บนภูเขางดงาม ไอหมอกเย็นละเลียดร่างกายผมเพียงแค่เอื้อมมือถึง พี่ตงสวมมกอดผมไออุ่นจากร่างของพี่เขาละลายไอเย็นของหมอกให้หายไป
“พี่รักแบงค์” พี่ตงกระซิบเบาๆ ตรงหูของผม ประโยคสั้นๆ แต่มีความหมายเหลือล้น
“เรารักกันได้จริงๆ เหรอครับ?” ผมรู้สึกไม่แน่ใจอะไรเลยสักอย่าง ผมผ่านความรักที่ผิดหวังมาแล้ว ถ้าหากความรักของผมสมหวัง ผมและพี่ตงจะต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรคร้อยแปดพันเก้าเพราะโลกใบนี้ไม่ได้มีแต่ผมและพี่เขาอยู่กันเพียงสองคน
“รักกันได้สิ ถ้าเป็นเรื่องหน้าตาก็ไม่เป็นปัญหา ส่วนเรื่องอื่นๆ ที่ยังมาไม่ถึงเราสองคนค่อยๆ คิดค่อยๆ แก้กันไป เราสองคนจะเดินไปด้วยกัน” พี่ตงตอบความจริงใจ
ปัง ปัง ปัง!
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ผมตื่นจากความฝันอย่างัวเงีย เสียงเคาะประตูยังดังต่อเนื่อง ผมกระโดดจากเตียงเดินซวนเซไปเปิดประตู คนที่มาปลุกผมทำเอาผมต้องตกตะลึงแน่นิ่ง
“เหมือนฝัน...” ผมอุทานเมื่อคนนั้นคือพี่ตง ชะรอยว่าความฝันของผมจะเป็นจริงซะแล้ว
“ไปล้างหน้าแปรงฟันซะ พี่แป็กสั่งมาเด็กวจก. ต้องไปวิ่งออกกำลังกายไปรวมตัวกันหลังหอ 3 “ พี่ตงออกคำสั่ง ตอนนี้ผมหายงัวเงียแล้ว
“ครับพี่” ผมรับคำแล้วเดินไปหยิบแปรงสีฟันยาสีฟันในตู้เสื้อผ้าไปห้องน้ำอย่างสบายอารมณ์ หากไม่ใช่พี่ตงมาปลุก ผมคงจะไม่มีอารมณ์ร่วมขนาดนี้ ขณะที่ผมกำลังแปรงฟันอย่างอารมณ์ดีนั้น เจฟเข้ามายืนที่อ่างล้างหน้าข้างๆ ผม
“อรุณสวัสดิ์” เจฟทักทายผมด้วยน้ำเสียงยานคางเพราะความงัวเงีย เขาบีบยาสีฟันลงแปรงทว่ายาสีฟันร่วงหล่นลงอ่างไป
“หวัดดี ดูสินั่น ตื่นได้แล้วเจฟ เราบีบยาสีฟันให้นะ” ผมคว้าแปรงสีฟันจากมือของเจฟแล้วบีบยาสีฟันของผมขนาดเท่าเมล็ดถั่วลงบนแปรงสีฟันของเขา “เอานี่ คงไม่ต้องให้เราแปรงให้นะ”
“แฮะ... แฮะ... แฮะ... ขอบใจ” เจฟรับแปรงสีฟันจากผมมาแปรงฟัน ผมแปรงฟันตนเองจนเสร็จ
“ไปล่ะนะ เจอกันข้างล่าง” ผมกลับมาที่ห้องหาชุดที่เหมาะแก่การออกกำลังกายเปลี่ยนผ้าแล้วลงไปยังจุดนัดหมาย บริเวณถนนหลังหอ 3 คลาคล่ำไปทั้งรุ่นพี่และเพื่อนๆ สาขาวจก. ผมสังเกตสีหน้าของแต่ละคนแล้วดูเหมือนยังไม่ตื่นตัวเต็มที่ สายตาของผมควานหาพี่ตง พี่เขานั่งอยู่ใต้ต้นไม้หลังหอ 3 ผมเลยเดินเข้าไปหา
“อรุณสวัสดิ์ครับพี่” ผมไหว้ทักทาย
“วันนี้เจอกันแล้วจะทักทายอะไรกันหนักหนา”
“ก็ทักทายอย่างเป็นทางการครับ” ผมตอบ มองสายตาผมให้ออกสิพี่ตงแล้วจะรู้ว่าผมคิดกับพี่เกินเลยมากกว่ารุ่นพี่รุ่นน้องแล้ว
“ทักทายไอตงเป็นคนเดียวหรือไงยะ ฉันยืนหัวโด่อยู่ข้างมันทำเป็นไม่เห็น” พี่กระดิ่งพูดประชดให้ผมหันมาสนใจเธอบ้าง
“อรุณสวัสดิ์ครับพี่กระดิ่ง พี่หมอ ผมสบายดี เมื่อคืนนอนหลับฝันดี แล้วพี่ล่ะฝันดีเหมือนกับผมไหมครับ?” ผมทักทายพี่กระดิ่งแต่สายของผมมองพี่ตงเสมือนว่าสิ่งที่ผมพูดไปเป็นการพูดกับพี่เขา
“ฉันสบายดี หมอก็สบายดี ยิ่งไอตงแล้วยิ่งสบายดีเข้าไปใหญ่”
“เออนี่แบงค์ พี่สงสัยว่าทำไมตอนที่พี่ไปปลุกแบงค์ แกพูดว่าเหมือนฝัน ยังไงอะไรหรือ?” พี่ตงถาม
“ผมฝันว่า...” ทั้งพี่ตง พี่กระดิ่ง พี่หมอ ขยับมตัวใกล้ผม “อุ๊ย! ไม่เอาดีกว่าเขิน”
“เฮ้อ! “ พี่ทั้งสามถอนหายใจพร้อมกัน “เล่าหน่อยดิ อยากรู้” พี่กระดิ่งยังไม่ละความพยายามให้รู้ความฝันของผมให้ได้
“ผมฝันว่า... อย่าดีกว่าผมเขิน”
“วุ้ย! กระดิ่ง หมอ ไปเถอะ เรารำคาญแล้ว ทำให้เสียวแล้วจากไป” พี่ตงตัดพ้อ
“ผมฝันว่างูรัด” ผมต้องพูดปด ขืนถ้าบอกว่าผมฝันว่าพี่ตงมาบอกรัก หวยออกมาจะดีหรือร้ายก็ไม่แน่ใจ
“ก็เท่านี้แหละ ว่าแต่แกคิดมากไปหรือเปล่า เขาท่าเพชรงูชุกชุมจะตาย แกอาจจะเห็นงูข้างทางเลยเก็บเอาไปฝัน” พี่ตงเชื่อผมและวิพากษ์วิจารณ์ “แต่ถ้ามึงมีแฟน กูไม่ยอมนะ”
“ทำไมล่ะครับ? ”
“ก็กูยังไม่มีแฟน มึงจะมีแฟนแซงหน้าพี่ได้ไงกันล่ะ” ดุจเสียงจากสวรรค์ ในเมื่อพี่ตงยังไร้คู่ ยังเป็นโสดอยู่ เราสองคนมารักกันดีไหม
“แบงค์เป็นไรเปล่า ไม่สบายตรงไหน เห็นยืนบิดตัวเป็นเลขแปดซะขนาดนั้น” พี่ตงถามเรียกสติผมกลับมา “อย่าบอกนะว่าขี้จะแตก”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมแค่ดีใจ ไม่เอาไม่พูดแล้ว ไปเตรียมตัววิ่งดีกว่า” ผมปลีกตัวจากกลุ่มพี่ตงมาอยู่กับเจฟและเพื่อนๆ
“ไปคุยอะไรกับพวกพี่ๆ” เจฟถาม
“ก็ไม่มีอะไร คุยสัพเพเหระ พี่กระดิ่งก็พี่เทคเรา พี่ตงก็พี่เลิฝเรา เจอหน้ากันก็ต้องทักทายตามประสาเป็นธรรมดา” ผมออกตัวแรงเลยนะ พี่เบลล์เป็นพี่เทคที่คอยดูแลเรา พี่ตงเป็นพี่เลิฝนี่เป็นการทึกทักเอาเอง และการที่เลื่อนสถานะภาพพี่ตงจากรุ่นพี่รุ่นน้องร่วมสาขาเดียวกันเป็นพี่เลิฝนั้นเท่ากับประกาศเป็นนัยๆ ว่าผมพร้อมที่จะพัมนาความสัมพันธ์กับพี่ตงให้มากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
“แล้วเราล่ะ เราเป็นอะไรกับแบงค์”เจฟถามด้วยน้ำเสิยงอ้อประหนึ่งว่าเขารู้สึกน้อยใจผมอยู่
“เอานะเจฟ” ผมกอดคอเขา “เจฟก็เป็นเพื่อนเลิฝไง”
คำพูดของผมทำให้เจฟยิ้มดีใจ สัมพันธภาพของเราสองคนมาถึงจุดนี้จนได้ ผมไม่เคยมีเพื่อนผู้ชายที่สนิทเท่าเจฟมาก่อน มันรู้สึกแปลกๆ ที่เกย์หนึ่งคนจะสามารถเป็นเพื่อนกับผู้ชายแท้ๆ ได้โดยที่ไม่รู้สึกอะไรเป็นพิเศษ
“วิทย์มึงเห็นเหมือนกูใช่ไหม?” แม็คที่ยืนอยู่ใกล้ผมและเจฟเอ่ยถามกับวิทย์ พวกเขามองเห็นอะไรบางอย่าง
“กูก็เห็นเหมือนมึงนั่นแหละ” วิทย์กับแม็คมองหน้ากันประเดี๋ยวหนึ่งแล้วเบือนหน้าหนีไปคนละทาง สิ่งที่สองคนนั้นเห็นมันคืออะไรกันหนอ
กิจกรรมออกกำลังกายเริ่มต้นด้วยการวิ่งมาจากเนินเขาท่าเพชรไปตามถนนสลับกับการเดินจนถึงสนามหน้าลานตึกเกือกม้า พี่ผู้หญิงสามคนคือ พี่ชมพู่ พี่สปัน และพี่อายนำเต้นแอโรบิกจนได้เวลาพอควร พี่แป๊ะสั่งเลิกแล้วให้พวกเรากลับหอเพื่อที่จะได้อาบน้ำอาบท่าแล้วเข้าเรียน
“โอ๊ย! “ ผมร้องเสียงหลงและทรุดลงกับพื้นถนนเพราะเกิดเป็นตะคริวขึ้นมากะทันหัน พี่ตงที่กำลังเดินอยู่ห่างๆ ปรี่เข้ามาดูผมทันที
“เป็นอะไรมากไหม?” พี่ตงพระเอกของผม แม้ผมทุกข์ยากแค่ไหนก็ยังยื่นมือเข้ามาช่วย
“ผมเป็นตะคริวครับพี่”
“เดินไหวมั้ย? พี่จะพาเราไปนั่งตรงม้าหินนั่น” พี่ตงพยายามพยุงผมไปนั่งตรงม้าหินอ่อนระหว่างสนามเทนนิสกับสนามตระกร้อ ทว่าน้ำหนักตัวที่มากของผมเป็นอุปสรรคที่หนักหนาสำหรับชายร่างเล็กอย่างพี่ตง
“ให้ผมช่วยนะครับพี่” เจฟยื่นมือเข้ามาช่วยเป็นอีกแรง นำพาผมไปนั่งพัก อากาศภูเขาที่เย็นๆ เรื่อยๆ ไล่ความร้อนจากดวงตะวันได้
“ขอบใจมากนะเจฟ พี่ดูแลแบงค์ต่อได้ หมอขี่มอเตอร์ไซค์เราลงมาจอดที่นี่ เดี๋ยวเราขี่รถเครื่องขึ้นไปส่งแบงค์เอง” พี่ตงยื่นกุญแจรถให้พี่หมอ เวลานี้เหลือเพียงแต่เราสองคน พี่ตงนวดเท้าผมอย่างไม่รังเกียจ ความอุ่นจากมือของพี่เขาถ่ายทอดสู่เท้าของผม ความเจ็บปวดค่อยๆ ทุเลาลง “เราดื่มน้ำน้อยใช่ไหมแบงค์ กลับไปก็ดื่มให้มากๆ ร่างกายขาดน้ำและเกลือแร่จึงทำให้เป็นตะคริวได้ง่าย ระวังด้วยล่ะ”
“ขอบคุณนะครับ พี่ช่างดีกับผมจริงๆ” ผมแน่ใจว่าผมรักพี่ตงแล้ว ความรักมันเกิดแล้ว ประตูใจของเปิดรับพี่ตงแล้วอย่างไม่มีข้อกังขาใดๆ ทั้งสิ้น ผมมองพี่เขาที่กำลังนวดเท้าผมอยู่นานสองนาน โลกใบนี้ ที่แห่งนี้มีเพียงแค่เราสองคนเท่านั้น ผมอยากจะหยุดเวลาเอาไว้แต่ก็ทำไม่ได้เพราะพี่ขี่รถจักรยานยนต์ของพี่ตงลงมาจากเนินเขาท่าเพชร พี่หมอจอดรถไว้ริมถนนแล้วเดินเอากุญแจรถมาคืน พี่เบลล์ขี่รถจักรยานยนต์สีแดงของแกลงจากเนินเขาตามมาติดๆ เพื่อมารับพี่หมอไปส่งที่บ้านเช่าข้างนอกมหาวิทยาลัย พี่ตงรับหน้าที่สารถีนำพาผมกลับสู่หอพัก พอรถเลี้ยวสู่ทางขึ้นหอผมเห็นเจฟมายืนรอรับผม
“ผมขอรับช่วงดูแลแบงค์ต่อเองครับ” เจฟบอกกับพี่ตงเมื่อพี่เขาจอดรถจักรยานยนต์สนิทแล้ว หน้าของเขาบ่งบอกถึงความกังวล
“อาการของแบงค์ดีขึ้นแล้ว ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง” พี่ตงบอกกับเจฟเพื่อคลายความกังวล
“เราหายดีแล้ว” ผมบอกขณะก้าวลงจากรถจักรยานยนต์ “ขอบคุณนะครับพี่ ผมอยากจะอาบน้ำจนแย่อยู่แล้ว”
“งั้น! พี่ไปก่อนนะ” พี่ตงหันหัวรถจักรยานยนต์กลับ ผมไม่ลืมที่จะไหว้ลา
“ขับรถดีๆ นะครับ” ผมยืนส่งพี่ตงจนลับตา เจฟแจ้งข่าวร้ายว่าน้ำที่หอหยุดไหล คราวนี้ก็ต้องหาที่อาบน้ำกันเสียวุ่นวาย เจฟพาผมไปอาบน้ำที่อาคารโรงแรมเพราะที่นั่นมีอาจารย์บางท่านพักอยู่ คงไม่มีใครเล่นตลกปล่อยให้อาจารย์ตัวเหม็นไปสอนไปทำงานกัน และมันก็เป็นไปอย่างที่คิด อาคารโรงแรมน้ำไหล เจฟและผมได้อาบน้ำกันอย่างสบายใจและเราสองคนไม่ได้เข้าเรียนวิชา Principle of Marketing ในวันแรกสาย วิชาอาจารย์เกมเป็นผู้สอน บรรยากาศในการเรียนสนุกสนานเฮฮาไม่เคร่งเครียด ผมมีความสุขใจกับการเรียน พอตกเย็นก็ร่วมกิจกรรมประชุมเชียร์ ผมยังใช้สิทธิพิเศาของคนป่วยมานั่งเล่นพูดคุยกับพวกรุ่นพี่ข้างนอกห้องประชุม และแน่นอนว่าผมได้พบกับพี่ตง
“พี่กระดิ่ง พี่กับพี่หมอรักกันได้ยังไง?” ผมอยากรู้เพื่อจะได้เป็นแนวทางในการบอกรักพี่ตง
“โอ๊ย! ไอพี่หมอของแกเนี่ย เห็นหน้าตาซื่อบื้ออย่างนี้ ร้ายไม่เบาเลย” พี่เบลล์แย้มพราย “เหตุการณ์ตอนนั้นมันปลายปี 1 แล้ว พี่หมอแอบปีนขึ้นหอ 3 ในวันวาเลนไทน์พร้อมทั้งหอบช่อกุหลาบแดงพร้อมคำสารภาพรัก มันห่ามไหมล่ะแบงค์ รู้อยู่ว่ากฎเขาห้ามผู้ชายขึ้นหอหญิงมันก็ยังกล้า นี่แหละคือจุดเริ่มต้นความรักของฉัน แล้วแกถามทำไม?”
งานงอกแล้ว พี่เบลล์แลกหมัดกับผมซะแล้ว ผมจะตอบว่าอะไรดี รู้ไปทำวิจัยหรือไม่ใช่หรอก “ ผมถามไว้ประดับความรู้ครับ”
“ไม่จริงมั้ง? ฉันมองออกนะว่าแกกำลังมีความรัก” พีเบลล์กำลังจะล้วงความจริงจากผม เป็นเวลาเดียวกับที่พี่ตงล้มตัวลงนอนเล่นบนเสื่อ
“ไม่ใช่หรอกพี่ ผมแค่อยากรู้เฉยๆ จริงๆ นะ ไม่พูดแล้วเหนื่อย นอนดีกว่า” ผมเอาศีรษะชนกับพี่ตง พี่เบลล์แสยะยิ้มอย่างมีเลศนัยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
... ... ...
การเรียนในสัปดาห์แรกผ่านไป สัปดาห์ต่อมาผมและเพื่อนในสาขาวจก. ที่นับถือศาสนาพุทธเก็บเสื้อผ้าและของใช้ที่จำเป็นไปปฏิบัติธรรม ณ วัดสวนโมกขพลารามเป็นเวลา 3 วัน 2 คืน ส่วนเพื่อนๆ ที่นับถือศาสนาอิสลามและคริสต์ก็แยกไปทำกิจกรรมตามศาสนาของตน ผมกับเจฟนั่งรถบัสคู่กัน ตลอดทางเขาชวนผมพูดคุยจนความคิดที่ว่าผมขึ้นรถแล้วจะงีบหลับมีอันเป็นหมันไป
“ก็ดีเหมือนกันนะ เข้าวัดในช่วงใกล้วันเกิด” เจฟบอก “เราไม่คาดหวังของขวัญจากแบงค์นะ ถ้าได้ก็ดีไม่ได้ก็ไม่เป็นไร”
“แล้วไม่บอกว่าวันไหน จะตรัสรู้เองได้ไหม?” แปลว่าเขาอยากได้ของขวัญจากผม ผมจึงแกล้งพูดประชดไป
“ก็วันจันทร์ที่จะถึงแล้ว” เจฟตอบกลับมา
“เจฟเกิดวันที่ 21 มิถุนาเหรอ?” ผมไล่นิ้วนับวันแล้วถามย้ำ
“ถูกต้องแล้ว เพื่อนๆ แต่ละคนแล้งน้ำใจกับเราจะตาย ทำดีแทบตายไม่ค่อยจะเห็นคุณค่า” เจฟประชดประชันโดยไม่ระบุชื่อว่าคนที่เขาทำดีคือใคร แต่ผมรู้อยู่เต็มอกว่าคนที่เขาหมายถึงคือ ผม ผมเลยทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เป็นพระอิฐพระปูน จนต่างคนต่างงีบหลับไป
คณะปฏิบัติธรรมสาขาวิชาวิทยาการจัดการมาถึงสวนโมกขพลาราม ที่แห่งนี้ยังคงสงบร่มรื่นเหมือนเดิม เพียงแค่ก้าวพ้นประตูมาเหมือนเป็นโลกอีกโลกหนึ่ง เจ้าหน้าที่อุบาสกและอุบาสิกานุ่งห่มชุดขาวนำพาผู้ชายและผู้หญิงแยกกันไปที่พักคนละหลังเป็นสัดเป็นส่วน ภายในโรงนอนยกพื้นไม้สูงแบ่งเป็นสองฟากมีทางเดินตรงกลาง ที่นอนของแต่ละคนนั้นรียบง่ายมีเพียงแค่เสื่อไร้ซึ่งหมอนใบ ผมอนุมานได้ว่าเรือนนอนของพวกผู้หญิงสภาพไม่ต่างกันนักพอจับจองที่นอนได้แล้ว ท่านอุบาสกนำพาพวกเราชาวคณะปฏิบัติไปสมทบกับพวกผู้หญิงแล้วนำพาไปสู่อาคารมหานาวา เส้นทางที่ผ่านนั้นร่มรื่นด้วยแมกไม้ ผ่านกุฏิหลวงพ่อพุทธทาส ลานหินโค้งที่ใช้ทำกิจกรรมทำวัตรเช้า ผ่านโรงมหรสพทางวิญญาณซึ่งเหนือทางเข้าโรงมหรสพมีรูปภาพโมเสกคนแจกดวงตาธรรม มีเพียงไม่กี่คนที่เห็นคุณค่าของดวงตาแห่งธรรมและรับมันมาใส่ไม่หนีหายไป พวกเราเดินเลยมาหน่อยพบกับอาคารทรงเรือสีขาวขนาดใหญ่นี่คือจุดหมายของคณะปฏิบัติธรรม ภายในอาคารมหานาวาเป็นพื้นที่โล่งมีอาสน์สงฆ์ยกไว้ให้พระสงฆ์ทำวัตรปฏิบัติ ตรงพื้นล่างมีอาสนะสี่เหลี่ยมปูเอาไว้เรียงรายเป็นแถว ท่านอุบาสกและท่านอุบาสิกาอนุญาตให้พวกเราคณะปฏิบัติธรรมทั้งหมดนั่งอย่างสงบบนอาสนะ
“ธรรมะสวัสดีค่ะนักศึกษา ขอต้อนรับสู่สวนโมกขพลารามอย่างเป็นทางการ อีกสักครู่พระอาจารย์ท่านจะมาเปิดพิธีการปฏิบัติธรรมพร้อมทั้งให้ศีล 8 คุณพี่เลี้ยงช่วยแจกหนังสือสวดมนต์เล่มสีเหลืองให้แก่คณะปฏิบัติธรรมด้วยนะคะ” ท่านอุบาสิกากล่าวทักทายและนำเข้าสู่การปฏิบัติธรรม
หนังสือสวดมนต์ขนาดเท่าสมุดธรรมดามาอยู่ในมือของเป็นเวลาเดียวกันที่ท่านพระอาจารย์มาถึงและนำคณะปฏิบัติธรรมสวดมนต์ไหว้พระ ท่านอุบาสกนำอาราธนาศีล 8 พระอาจารย์สมาทานศีล 8
“วัดสวนโมกข์มีวิถีปฏิบัติอย่างง่ายแต่เคร่งครัด ดังคำกล่าวของท่านพุทธทาสที่กล่าวว่า หลักการที่ถืออยู่ในสวนโมกข์ ว่าไม่ยินดีต้อนรับคนที่ล้างจานข้าวไม่เป็น จากจุดนี้เองก็นำไปจดนำไปจำไปใช้ได้ง่าย เช่น กินข้าวจานแมว คือ ไม่พิถีพิถันเรื่องอาหารการกิน อาบน้ำในคู คือ ไม่ยุ่งยากในเรื่องการชำระล้าร่างกาย เป็นอยู่อย่างทาส คือ ไม่ปริปากบ่นเมื่อพบกับความยากลำบาก เป็นอยู่อย่างตายแล้ว คือ ไม่ทุกข์ ปล่อยจิตให้ว่าง”เมื่อพระอาจารย์กล่าวเปิดพิธีจบพิธีการเปิดปฏิบัติธรรมก็เสร็จ ท่านพระอาจารย์บรรยายธรรมต่อตามกำหนดการ ผมต้องยอมรับอย่างกระดากอายว่าไม่ได้ตั้งใจฟังบรรยายธรรมเท่าใดนัก จนกระทั่งพระอาจารย์สั่งให้คณะปฏิบัติธรรมจับคู่ชาย-ชาย หญิง-หญิงจับคู่จ้องตากัน 10 นาทีคนที่ผมจับคู่นั้นเจ้าเก่าหน้าเดิมคือ เจฟ ทุกอย่างเงียบลงประสาทสัมผัสทางตาของผมถูกรวบไปที่ใบหน้าของเขา คุณพระช่วย! ความรู้สึกของผมบอกว่าเจฟกำลังสื่อสารอะไรบางอย่างที่มันพิเศษมากกว่าเพื่อน ผมต้องไตร่ตรองแล้วว่าอะไรยังไงกัน ผมมโนไปเองหรือเปล่า ผมรักพี่ตงนะแต่จะเก็บเจฟเอาไว้ด้วยมันไม่ถูกต้องนะ เจฟเป็นเพื่อนที่ดี ดีจนเกินกว่าจะเสียมิตรภาพเพราะคำว่ารัก
ผ่านกิจกรรมจ้องตาที่ผมตั้งชื่อว่า จ้องตาล้วงความลับในใจ พระอาจารย์อนุญาตให้คณะปฏิบัติธรรมไปอาบน้ำอาบท่า พักผ่อนตามอัธยาศัยจนถึงเวลา 5 โมงเย็น คณะปฏิบัติธรรมกลับมารวมตัวกันยังอาคารมหานาวาเพื่อทำวัตรเย็น ชมวีดีทัศน์ธรรมะ
ช่วงสุดท้ายก่อนเข้านอน ท่านอุบาสกให้คณะปฏิบัติธรรมแบ่งกลุ่มเป็น 4 กลุ่มเท่าๆ กันเพื่อแยกกันทำกิจกรรมในวันพรุ่งนี้ ผมได้อยู่กลุ่มเดียวกันกับเจฟ เมื่อแบ่งกลุ่มเสร็จหัวหน้ากลุ่มแต่ละกลุ่มต้องเลือกกิจกรรมที่ทำมีรำไทแก๊ก แช่น้ำพุร้อน ณ ธรรมาศรมนานาชาติ ขึ้นเขานางเอ ชมโรงปั้นและโรงธรรม เจฟเลือกขึ้นเขานางเอเพราะกิจกรรมแช่น้ำพุร้อนถูกปาดหน้าเค้กไปก่อน กิจกรรมทั้งหมดสำหรับวันนี้จบลง คณะปฏิบัติชายหญิงแยกย้ายเข้าโรงนอน ผมถึงที่นอนกราบกรานเจ้าที่เจ้าทางแล้วล้มลงนอนหนุนผ้าขนหนูต่างหมอนไม่ทันได้คุยอะไรกับเจฟที่นอนข้างๆ ไฟก็ดับพรึบลงตามกฎของวัด ผมหลับตาได้สักพักก็หลับไปด้วยความเหนื่อยล้าจากกิจกรรมทั้งวัน
ราตรีผ่านพ้นไป รุ่งอรุณมาถึง จะใช้คำว่ารุ่งอรุณคงไม่ถูกนักเพราะผมและคนอื่นๆ โดนปลุกให้ตื่นตั้งแต่ตอนตี 3ครึ่ง หลังที่ทำกิจวัตรส่วนตัวเสร็จสิ้นคณะปฏิบัติธรรมไปรวมตัวกัน ณ ลานหินโค้งเพื่อเริ่มกิจกรรมประวันนี้คือ ทำวัตรเช้าและนั่งสามาธิในเวลา 4.00 น. นอกจากจะมีพวกเราคณะปฏิบัติธรรมแล้วยังมีเหล่าพระภิกษุสงฆ์ อุบาสกและอุบาสิการ่วมทำวัตรเช้าด้วย
อัปปิเยหิ สัมปะโยโค ทุกโข,
ความประสบกับสิ่งไม่เป็นที่รักที่พอใจ ก็เป็นทุกข์;
ปิเยหิ วิปปะโยโค ทุกโข,
ความพลัดพรากจากสิ่งเป็นที่รักที่พอใจ ก็เป็นทุกข์;
ยัมปิจฉัง นะ ละภะติ ตัมปิ ทุกขัง,
มีความปรารถนาสิ่งใด ไม่ได้สิ่งนั้น นั่นก็เป็นทุกข์;
การรักใครสักคนหนึ่งนั้นเป็นทุกข์จริงหรือ มันเป็นคำถามที่ผมไม่มีคำตอบเพราะการที่ผมรักพี่ตง ผมยังไม่เห็นเลยว่าอะไรคือทุกข์ ผมหวังว่าความรักครั้งนี้ของผมจะไม่ทำให้ผมทุกข์เหมือนที่แล้วมา
หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จก็ได้เวลาออกกำลังขึ้นเขานางเอ เส้นทางขึ้นลำบากอยู่แล้วแต่สำหรับผมคนอ้วนๆ ก็ยิ่งลำบากเข้าไปใหญ่ ตลอดทางก็ได้รับความช่วยเหลือจากทุกๆ คนทั้งช่วยผลัก ช่วยดัน ช่วยดึงจนถึงยอดเขาข้างบนร่มรื่นไปด้วยแมกไม้ ทิวทัศน์เบื้องหน้าสวยงาม มองภูเขาลูกอื่นๆ กระจัดกระจายไปจรดทะเล เห็นเกาะสมุยในกลางทะเลไกลลิบๆ ผมเห็น 2 สิ่งที่แตกต่างกันสุดขั้วอยู่ร่วมกันในจังหวัดสุราษฎร์ธานีแห่งนี้คือ เกาะสมุยสวรรค์ของนักท่องเที่ยวทั่วโลกมีความเจริญทางวัตถุสูงสุด ความสุขสะดวกสบายจากสิ่งที่ปรุงแต่งขึ้นมาอยู่บนเกาะแห่งนั้น และสวน-โมกขพลารามแห่งนี้ ความเรียบง่ายอยู่กับธรรมชาติ แค่ฟังเสียงยอดไม้กระทบกันตามแรงลมก็เป็นสุขใจแล้ว นอกเหนือจากนั้น บนยอดเขานางเอยังมีซากเจดีย์โบราณเชื่อกันว่าเป็นที่บรรจุอัฐิของคนโบราณตั้งสมัยศรีวิชัยรุ่งเรืองในแถบนี้ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่มีอะไรแน่นอนเลยสักอย่างบนโลกใบนี้ นับประสาอะไรกับคนมีเกิดก็ต้องมีตาย แต่ก่อนจะตายขอได้มีความรักและความสุขใจก็เพียงพอแล้ว
จบบท
พวกเรากลับมาถึงในเย็นวันเสาร์ สุดสัปดาห์นี้ไม่มีกิจกรรมอะไร ผมเลยกลับบ้านเพราะมีอะไรหลายอย่างให้ทำ ไม่ว่าจะเป็นเอาผ้าไปซักที่บ้าน ไปรับแว่นสายตาที่สั่งตัดเอาไว้ และที่สำคัญคือ ไปซื้อของขวัญวันเกิดให้เจฟที่ตลาดสดชั้น 2 เดินดูสินค้ากิฟต์ช็อป การเลือกซื้อของขวัญวันเกิดให้เจฟเป็นโจทย์ยากเหมือนกัน ผมถูกใจกับตุ๊กตาหมีสีฟ้าขนาดน่ากอดที่อยู่ในกรงไม้ หลังจากต่อรองราคากับแม่ค้าจนเป็นที่น่าพอใจแล้วซื้อมันมา ผมให้พี่นุมาส่งที่หอพักมหาวิทยาลัยเกือบๆ 7 โมงเช้าเท่าที่ผมทั่วบริเวณหอทุกหอเงียบเชียบกว่าครั้งอื่นๆ ทั้งๆ ที่มันควรจะมีความเคลื่อนไหวบ้างเพราะวันนี้เป็นวันจันทร์ วันเริ่มต้นการเรียนในสัปดาห์ ผมเข้าห้อง 5413 ก็พบความผิดปกติคือ มดไม่อยู่แต่บนโต๊ะของเขามีถ้วยกระเบื้องบรรจุบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ยังรับประทานไม่หมดทิ้งไว้จนอืดและบูด ผมพลาดอะไรบางอย่างไปหรือเปล่า ถ้ามีกิจกรรมวิ่งออกกำลังกายตอนเช้า ผมก็คงจะเห็นตามทางที่ผ่านมา ความสงสัยนี้ผมจะต้องหาคำตอบให้ได้ ผมจึงนึกถึงเจฟเลยไปหาเขาที่ห้อง 5401 ผมเคาะประตูเรียกคนในห้องได้สั
โลกแห่งความฝันมักสวยงามเสมอ... ผ่านกิจกรรมรับน้องมา ชีวิตของผมปรับตัวเข้ากับที่นี่ได้แล้ว การสอบกลางภาคมาถึงในช่วงกลางเดือนสิงหาคม พวกเพื่อนๆ ของผมดูเคร่งเครียดกับการเตรียมตัวสอบ สำหรับผมแล้วนอกจากเคร่งเครียดเรื่องเรียนแล้ว ผมยังกังวลเรื่องความรักของผมที่มีต่อพี่ตง ที่ยังไม่มีความคืบหน้าเลย ผ่านพ้นคืนเฟรชชี่ไนท์มา ผมก็ไม่ได้พบกับพี่ตงเลย ในโลกแห่งความจริงกับโลกแห่งความฝันของมันสวนทางกัน อย่างที่ผมบอกไปในโลกของความจริงความสัมพันธ์ของผมกับพี่ตงไม่ถึงไหนเป็นได้เพียงแค่พี่สาขากับน้องสาขา ส่วนในโลกแห่งความฝันผมกับพี่เขารักกันอย่างสุดซึ้ง เป็นความรักที่ใครๆ อิจฉา ความคิดคำนึงถึงพี่ตงแสดงออกมาที่สีหน้าของผม เจฟสังเกตเห็นแล้วพูดคุยกับผมเรื่องนี้อย่างจริงจังในเย็นวันหนึ่งที่มีฝนตกโปรยปราย ผมยืนมองทิวทัศน์ที่ชุ่มฉ่ำด้วยสายฝนตรงหลังระเบียงห้องเจฟ เขาชงช็อคโกแลตร้อนให้ผมดื่ม&nbs
ความสัมพันธ์ระหว่างผม เจฟ และพี่ตงยังคงคุลมเครือเหมือนท้องฟ้าสีหม่นในวันเปิดเรียนวันแรกของภาคเรียนที่ 2 ผมกั๊กพี่ตงไว้อยู่ในส่วนลึกของจิตใจ ในขณะเดียวกัน ผมรู้สึกกับเจฟเกินเลยคำว่าเพื่อนไปเสียแล้ว ก่อนหน้านั้นรอยยิ้มที่เผยฟันไม่เป็นระเบียบไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกพิเศษอะไรเลย หากบัดนี้รอยยิ้มนั้นทำให้ผู้ฟังรู้สึกว่ามันมีคุณค่า ด้วยอำนาจแห่งความยับยั้งชั่งใจทำให้ผมไม่อาจเผยความจริงออกไปได้ ผมแสดงออกกับเจฟด้วยการเว้นระยะห่างความสัมพันธ์ ไม่วุ่นวาย ไม่สุงสิงกับเจฟ จนเขาสังเกตเห็นท่าทีของผม เขานัดผมให้ขึ้นมาคุยกัน ณ ศาลาจานบินในค่ำคืนวันที่ 3 ของภาคเรียนที่ 2 “ปิดเทอมไปเนี่ย แบงค์ไปทำอะไรมาบ้างล่ะ?” เจฟไต่ถาม “อยู่บ้านเฉยๆ ไม่มีอะไรทำเป็นชิ้นเป็นอันหรอก มีเรื่องพิเศษนิดนึงตรงที่พี่นุซื้อรถเครื่องคันใหม่เป็นของขวัญที่เราเอ็นท์ติดหลังจากค้างไว้เทอมนึงเต็มๆ เจฟคงเห็นแล้วแหละ เพราะเราเอามาใช้ที่นี่” ผมตอ
ผ่านพ้นไปสำหรับวันหยุดเทศกาลปีใหม่ เมื่อทุกคนกลับมายังมหาวิทยาลัยได้พบว่าการสูญเสียจากปีที่แล้วยังตกค้างมาถึงปีนี้ ครานี้หวยมาออกที่สาขาวิทยาการจัดการ บี-บุหงาประสบอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์เสียชีวิตแถวบ้านในจังหวัดยะลาในคืนแรกของปีใหม่ บีกับผมเป็นเพื่อนร่วมสาขาที่มามีปฏิสัมพันธ์ในภาคเรียนที่ 2 เพราะต้องทำแลปวิชา Biology ในกลุ่มเดียวกัน บีเป็นมุสลิมเมื่อพวกเราทราบข่าว ศพของบีถูกฝังในกุโบร์เรียบร้อยแล้ว “เขาว่ากันว่าทุกค่ำคืน ที่ชายหาดยังมีคนเห็น ชาวฝรั่ง ชาวไทย ทั้งชายและหญิงเล่นน้ำทะเลอยู่ คนที่เห็นต่างก็รู้ดีว่านั่นไม่ใช่คน” ปอนด์เล่าเรื่องจากเหตุการณ์สึนามิให้ผม แก้ว อ้อ ชุ ดา วิทย์ เอ และนนท์ฟังตรงม้าหินระหว่างหอ 4 และหอ 5 ฟังในค่ำคืนที่สองของภาคเรียนที่ 2 แน่นอนว่าทุกคนเริ่มอินกับเรื่องเร้นลับ ผนวกกับอากาศที่เริ่มเย็นลงทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนี้ขยับตัวรวมเป็นกลุ่มก้อนเดียวกัน “เอาเรื่องใกล้ตัวดีกว่า เรื่องในหอนี่แหละ เห็นต้นตะเคียนหน้าหอ 4 ไหม เขาว่ากันว่าศักดิ์สิทธิ์น่าดูเลยทีเดีย
หลังจากกลับมากรุงชิงได้แค่เจฟเรียกประชุมสมาชิกสาขาวจก. ทั้งหมด แน่นอนมีเรื่องราวหลายเรื่องอยู่ในวาระการประชุมไม่ว่าจะเป็นการแบ่งหน้าที่รับผิดชอบในการจัดกิจกรรมรับน้องในปีการศึกษาหน้า และในวันวาเลนไทน์ที่จะถึงมีงานเลี้ยงบายเฟรชชี่ “ในการประชุมครั้งนี้ถือว่าเป็นการทำหน้าที่ประธานสาขาครั้งสุดท้ายของเรา ต่อจากนี้จะมีการเลือกประธานสาขาคนใหม่” เจฟประกาศต่อหน้าทุกๆ คน บางคนทราบข่าวแล้ว บางคนก็ยังไม่ทราบข่าว เจฟไปทำงานในองค์การบริหารนักศึกษาจึงต้องเลือกหน้าที่ในองค์การและทิ้งงานประธานสาขา เสมือนที่เขาเลือกตุ่มและทิ้งผม แมนลงช่วงชิงตำแหน่งกับเป้ ผลออกมาแมนชนะเป้ ผมสังเกตว่าทุกคนเลือกแมนโดยไม่มีความตั้งใจจริง อาจเป็นเพราะไม่มีตัวเลือกที่ดีกว่า งานประธานสาขาเป็นงานที่หนักเสมือนกระโถนท้องพระโรง ทำดีเสมอตัวทำชั่วโดนประณามสาปแช่ง ลึกๆ ทุกคนหวาดหวั่นว่าแมนจะทำหน้าที่นี้ด้วยระบอบเผด็จการ แต่ก็รู้อยู่ว่าพวกผู้ชายบางคนหัวแข็งคงจะไม
เรื่องของตุ่มและเจฟเงียบลงไปและเป็นที่แน่นอนว่าทั้งคู่ลดความสัมพันธ์ลงเป็นแค่เพื่อน ผมวางตนไว้ในฐานะผู้สังเกตการณ์อยู่ห่างๆ และห่วงๆ ในค่ำคืนหนึ่ง ผมหลับฝันไปว่า... ผมกำลังนั่งเขียนนิยายอยู่ในบ้านเช่า มีเสียงรถจักรยานยนต์แล่นมาและจอดตรงหน้าบ้าน ผมชะโงกหน้าออกไปดูว่าเป็นใคร “ไปเที่ยวกันไหม?” เจฟชวนผมพร้อมส่งยิ้มให้ ผมไม่รู้สึกประหลาดใจเลย ถ้าในโลกแห่งความเป็นจริงแล้ว เจฟไม่เคยฉายตัวมายังบ้านประชุมรัตน์แม้เพียงแต่เงา “ไปสิ เรากำลังเบื่ออยู่พอดี วันนี้ไม่รู้เป็นอะไร เขียนนิยายไม่ออกเลย” ผมรับคำชวน จากนั้นเจฟรับหน้าที่สารถีห้อรถจักรยานยนต์คันเดิมๆ สู่ตัวเมืองสุราษฎร์ธานี ไปรับประทานไอศกรีมไข่แข็งหน้าโรง
“จะบอกอะไร อย่าบอกนะว่าจะมาสารภาพรักเรา” ผมดักคอมันก่อน “ไม่ใช่โว้ย คนที่รักแบงค์อยู่ไม่ใช่เราแต่เป็นเจฟ ใครว่าเจฟไม่เคยชายตามองแบงค์” เบียร์พูดความจริงที่เกี่ยวเนื่องด้วยเจฟ ความจริงที่ผมอยากรู้จนต้องวางจอกสุราขาวเพื่อตั้งใจฟัง “อะไรนะ เล่ามาให้หมดเดี๋ยวนี้” “มันถึงเวลาที่เราจะต้องพูด เจฟบอกให้เราปิดบังความลับนี้เอาไว้ไปตลอดกาล เพราะเจฟกลัว ลังเลที่จะทำตามใจตัวเอง” เบียร์เกริ่นนำ วันนั้นในอดีต เป็นวันที่ผมและเพื่อนสมาชิกรายวิชา English Listen And Speaking เดินทางกลับมาจากสมุยได้ไม่กี่วัน ผมสถิงสถิตตัวเองทำงานเขียน เก็บประสบการณ์ที่สมุยไว้เป็นตัวอักษรในสมุดบันทึกเล่มสีแดงที่เจฟให้ไว้ณ. ห้องเกียรติภ
1 ปีต่อมา... “ท่านผู้โดยสารคะ ขณะนี้สายการบินของเราได้นำพาท่านผู้โดยสารมาถึงท่าอากาศยานนานาชาติสุราษฎร์ธานี เวลาในขณะนี้ 18.45 นาที เพื่อความปลอดภัย ผู้โดยสารทุกท่านนั่งประจำที่ของท่านและงดใช้อุปกรณ์อิเล็คทรอนิกจนกว่าเครื่องบินจอดสนิท สำหรับวันนี้ขอบคุณและสวัสดีค่ะ” เสียงประกาศจากหัวหน้าลูกเรือจบลงแล้ว เครื่องบินกำลังวิ่งบนแท็กซี่เวย์แล้วเข้าหลุมจอด สักครู่เครื่องบินเทียบสู่สะพานเทียบเครื่องบินหรืองวงช้าง เสียงเครื่องยนต์ดับลง แอร์โฮสเตทเปิดประตูเครื่องบิน ผู้โดยสารปลดเข็มขัดนิรภัย ใครที่เก็บสัมภาระไว้ใช่องเก็บสัมภาระเหนือศีรษะ เปิดฝาช่องสัมภาระนำสัมภาระของตนมาถือไว้แล้วเดินออกจากจากเครื่องบิน โดยมีลูกเรือไหว้อำลาผู้โดยสาร ผมเปิดโทรศัพท์มือถือหลังจากปิดเครื่องตั้งแต่นั่งเครื่องบินมาจากสนามบินสุวรรณภูมิ ผมกดโทรศัพท์โทรหาพี่นุระหว่างลงบันไดเลื่อนมาสัมภาระในโดงผู้โดยสารขาเข้าชั้นหนึ่งของส
1 ปีต่อมา... “ท่านผู้โดยสารคะ ขณะนี้สายการบินของเราได้นำพาท่านผู้โดยสารมาถึงท่าอากาศยานนานาชาติสุราษฎร์ธานี เวลาในขณะนี้ 18.45 นาที เพื่อความปลอดภัย ผู้โดยสารทุกท่านนั่งประจำที่ของท่านและงดใช้อุปกรณ์อิเล็คทรอนิกจนกว่าเครื่องบินจอดสนิท สำหรับวันนี้ขอบคุณและสวัสดีค่ะ” เสียงประกาศจากหัวหน้าลูกเรือจบลงแล้ว เครื่องบินกำลังวิ่งบนแท็กซี่เวย์แล้วเข้าหลุมจอด สักครู่เครื่องบินเทียบสู่สะพานเทียบเครื่องบินหรืองวงช้าง เสียงเครื่องยนต์ดับลง แอร์โฮสเตทเปิดประตูเครื่องบิน ผู้โดยสารปลดเข็มขัดนิรภัย ใครที่เก็บสัมภาระไว้ใช่องเก็บสัมภาระเหนือศีรษะ เปิดฝาช่องสัมภาระนำสัมภาระของตนมาถือไว้แล้วเดินออกจากจากเครื่องบิน โดยมีลูกเรือไหว้อำลาผู้โดยสาร ผมเปิดโทรศัพท์มือถือหลังจากปิดเครื่องตั้งแต่นั่งเครื่องบินมาจากสนามบินสุวรรณภูมิ ผมกดโทรศัพท์โทรหาพี่นุระหว่างลงบันไดเลื่อนมาสัมภาระในโดงผู้โดยสารขาเข้าชั้นหนึ่งของส
“จะบอกอะไร อย่าบอกนะว่าจะมาสารภาพรักเรา” ผมดักคอมันก่อน “ไม่ใช่โว้ย คนที่รักแบงค์อยู่ไม่ใช่เราแต่เป็นเจฟ ใครว่าเจฟไม่เคยชายตามองแบงค์” เบียร์พูดความจริงที่เกี่ยวเนื่องด้วยเจฟ ความจริงที่ผมอยากรู้จนต้องวางจอกสุราขาวเพื่อตั้งใจฟัง “อะไรนะ เล่ามาให้หมดเดี๋ยวนี้” “มันถึงเวลาที่เราจะต้องพูด เจฟบอกให้เราปิดบังความลับนี้เอาไว้ไปตลอดกาล เพราะเจฟกลัว ลังเลที่จะทำตามใจตัวเอง” เบียร์เกริ่นนำ วันนั้นในอดีต เป็นวันที่ผมและเพื่อนสมาชิกรายวิชา English Listen And Speaking เดินทางกลับมาจากสมุยได้ไม่กี่วัน ผมสถิงสถิตตัวเองทำงานเขียน เก็บประสบการณ์ที่สมุยไว้เป็นตัวอักษรในสมุดบันทึกเล่มสีแดงที่เจฟให้ไว้ณ. ห้องเกียรติภ
เรื่องของตุ่มและเจฟเงียบลงไปและเป็นที่แน่นอนว่าทั้งคู่ลดความสัมพันธ์ลงเป็นแค่เพื่อน ผมวางตนไว้ในฐานะผู้สังเกตการณ์อยู่ห่างๆ และห่วงๆ ในค่ำคืนหนึ่ง ผมหลับฝันไปว่า... ผมกำลังนั่งเขียนนิยายอยู่ในบ้านเช่า มีเสียงรถจักรยานยนต์แล่นมาและจอดตรงหน้าบ้าน ผมชะโงกหน้าออกไปดูว่าเป็นใคร “ไปเที่ยวกันไหม?” เจฟชวนผมพร้อมส่งยิ้มให้ ผมไม่รู้สึกประหลาดใจเลย ถ้าในโลกแห่งความเป็นจริงแล้ว เจฟไม่เคยฉายตัวมายังบ้านประชุมรัตน์แม้เพียงแต่เงา “ไปสิ เรากำลังเบื่ออยู่พอดี วันนี้ไม่รู้เป็นอะไร เขียนนิยายไม่ออกเลย” ผมรับคำชวน จากนั้นเจฟรับหน้าที่สารถีห้อรถจักรยานยนต์คันเดิมๆ สู่ตัวเมืองสุราษฎร์ธานี ไปรับประทานไอศกรีมไข่แข็งหน้าโรง
หลังจากกลับมากรุงชิงได้แค่เจฟเรียกประชุมสมาชิกสาขาวจก. ทั้งหมด แน่นอนมีเรื่องราวหลายเรื่องอยู่ในวาระการประชุมไม่ว่าจะเป็นการแบ่งหน้าที่รับผิดชอบในการจัดกิจกรรมรับน้องในปีการศึกษาหน้า และในวันวาเลนไทน์ที่จะถึงมีงานเลี้ยงบายเฟรชชี่ “ในการประชุมครั้งนี้ถือว่าเป็นการทำหน้าที่ประธานสาขาครั้งสุดท้ายของเรา ต่อจากนี้จะมีการเลือกประธานสาขาคนใหม่” เจฟประกาศต่อหน้าทุกๆ คน บางคนทราบข่าวแล้ว บางคนก็ยังไม่ทราบข่าว เจฟไปทำงานในองค์การบริหารนักศึกษาจึงต้องเลือกหน้าที่ในองค์การและทิ้งงานประธานสาขา เสมือนที่เขาเลือกตุ่มและทิ้งผม แมนลงช่วงชิงตำแหน่งกับเป้ ผลออกมาแมนชนะเป้ ผมสังเกตว่าทุกคนเลือกแมนโดยไม่มีความตั้งใจจริง อาจเป็นเพราะไม่มีตัวเลือกที่ดีกว่า งานประธานสาขาเป็นงานที่หนักเสมือนกระโถนท้องพระโรง ทำดีเสมอตัวทำชั่วโดนประณามสาปแช่ง ลึกๆ ทุกคนหวาดหวั่นว่าแมนจะทำหน้าที่นี้ด้วยระบอบเผด็จการ แต่ก็รู้อยู่ว่าพวกผู้ชายบางคนหัวแข็งคงจะไม
ผ่านพ้นไปสำหรับวันหยุดเทศกาลปีใหม่ เมื่อทุกคนกลับมายังมหาวิทยาลัยได้พบว่าการสูญเสียจากปีที่แล้วยังตกค้างมาถึงปีนี้ ครานี้หวยมาออกที่สาขาวิทยาการจัดการ บี-บุหงาประสบอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์เสียชีวิตแถวบ้านในจังหวัดยะลาในคืนแรกของปีใหม่ บีกับผมเป็นเพื่อนร่วมสาขาที่มามีปฏิสัมพันธ์ในภาคเรียนที่ 2 เพราะต้องทำแลปวิชา Biology ในกลุ่มเดียวกัน บีเป็นมุสลิมเมื่อพวกเราทราบข่าว ศพของบีถูกฝังในกุโบร์เรียบร้อยแล้ว “เขาว่ากันว่าทุกค่ำคืน ที่ชายหาดยังมีคนเห็น ชาวฝรั่ง ชาวไทย ทั้งชายและหญิงเล่นน้ำทะเลอยู่ คนที่เห็นต่างก็รู้ดีว่านั่นไม่ใช่คน” ปอนด์เล่าเรื่องจากเหตุการณ์สึนามิให้ผม แก้ว อ้อ ชุ ดา วิทย์ เอ และนนท์ฟังตรงม้าหินระหว่างหอ 4 และหอ 5 ฟังในค่ำคืนที่สองของภาคเรียนที่ 2 แน่นอนว่าทุกคนเริ่มอินกับเรื่องเร้นลับ ผนวกกับอากาศที่เริ่มเย็นลงทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนี้ขยับตัวรวมเป็นกลุ่มก้อนเดียวกัน “เอาเรื่องใกล้ตัวดีกว่า เรื่องในหอนี่แหละ เห็นต้นตะเคียนหน้าหอ 4 ไหม เขาว่ากันว่าศักดิ์สิทธิ์น่าดูเลยทีเดีย
ความสัมพันธ์ระหว่างผม เจฟ และพี่ตงยังคงคุลมเครือเหมือนท้องฟ้าสีหม่นในวันเปิดเรียนวันแรกของภาคเรียนที่ 2 ผมกั๊กพี่ตงไว้อยู่ในส่วนลึกของจิตใจ ในขณะเดียวกัน ผมรู้สึกกับเจฟเกินเลยคำว่าเพื่อนไปเสียแล้ว ก่อนหน้านั้นรอยยิ้มที่เผยฟันไม่เป็นระเบียบไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกพิเศษอะไรเลย หากบัดนี้รอยยิ้มนั้นทำให้ผู้ฟังรู้สึกว่ามันมีคุณค่า ด้วยอำนาจแห่งความยับยั้งชั่งใจทำให้ผมไม่อาจเผยความจริงออกไปได้ ผมแสดงออกกับเจฟด้วยการเว้นระยะห่างความสัมพันธ์ ไม่วุ่นวาย ไม่สุงสิงกับเจฟ จนเขาสังเกตเห็นท่าทีของผม เขานัดผมให้ขึ้นมาคุยกัน ณ ศาลาจานบินในค่ำคืนวันที่ 3 ของภาคเรียนที่ 2 “ปิดเทอมไปเนี่ย แบงค์ไปทำอะไรมาบ้างล่ะ?” เจฟไต่ถาม “อยู่บ้านเฉยๆ ไม่มีอะไรทำเป็นชิ้นเป็นอันหรอก มีเรื่องพิเศษนิดนึงตรงที่พี่นุซื้อรถเครื่องคันใหม่เป็นของขวัญที่เราเอ็นท์ติดหลังจากค้างไว้เทอมนึงเต็มๆ เจฟคงเห็นแล้วแหละ เพราะเราเอามาใช้ที่นี่” ผมตอ
โลกแห่งความฝันมักสวยงามเสมอ... ผ่านกิจกรรมรับน้องมา ชีวิตของผมปรับตัวเข้ากับที่นี่ได้แล้ว การสอบกลางภาคมาถึงในช่วงกลางเดือนสิงหาคม พวกเพื่อนๆ ของผมดูเคร่งเครียดกับการเตรียมตัวสอบ สำหรับผมแล้วนอกจากเคร่งเครียดเรื่องเรียนแล้ว ผมยังกังวลเรื่องความรักของผมที่มีต่อพี่ตง ที่ยังไม่มีความคืบหน้าเลย ผ่านพ้นคืนเฟรชชี่ไนท์มา ผมก็ไม่ได้พบกับพี่ตงเลย ในโลกแห่งความจริงกับโลกแห่งความฝันของมันสวนทางกัน อย่างที่ผมบอกไปในโลกของความจริงความสัมพันธ์ของผมกับพี่ตงไม่ถึงไหนเป็นได้เพียงแค่พี่สาขากับน้องสาขา ส่วนในโลกแห่งความฝันผมกับพี่เขารักกันอย่างสุดซึ้ง เป็นความรักที่ใครๆ อิจฉา ความคิดคำนึงถึงพี่ตงแสดงออกมาที่สีหน้าของผม เจฟสังเกตเห็นแล้วพูดคุยกับผมเรื่องนี้อย่างจริงจังในเย็นวันหนึ่งที่มีฝนตกโปรยปราย ผมยืนมองทิวทัศน์ที่ชุ่มฉ่ำด้วยสายฝนตรงหลังระเบียงห้องเจฟ เขาชงช็อคโกแลตร้อนให้ผมดื่ม&nbs
พวกเรากลับมาถึงในเย็นวันเสาร์ สุดสัปดาห์นี้ไม่มีกิจกรรมอะไร ผมเลยกลับบ้านเพราะมีอะไรหลายอย่างให้ทำ ไม่ว่าจะเป็นเอาผ้าไปซักที่บ้าน ไปรับแว่นสายตาที่สั่งตัดเอาไว้ และที่สำคัญคือ ไปซื้อของขวัญวันเกิดให้เจฟที่ตลาดสดชั้น 2 เดินดูสินค้ากิฟต์ช็อป การเลือกซื้อของขวัญวันเกิดให้เจฟเป็นโจทย์ยากเหมือนกัน ผมถูกใจกับตุ๊กตาหมีสีฟ้าขนาดน่ากอดที่อยู่ในกรงไม้ หลังจากต่อรองราคากับแม่ค้าจนเป็นที่น่าพอใจแล้วซื้อมันมา ผมให้พี่นุมาส่งที่หอพักมหาวิทยาลัยเกือบๆ 7 โมงเช้าเท่าที่ผมทั่วบริเวณหอทุกหอเงียบเชียบกว่าครั้งอื่นๆ ทั้งๆ ที่มันควรจะมีความเคลื่อนไหวบ้างเพราะวันนี้เป็นวันจันทร์ วันเริ่มต้นการเรียนในสัปดาห์ ผมเข้าห้อง 5413 ก็พบความผิดปกติคือ มดไม่อยู่แต่บนโต๊ะของเขามีถ้วยกระเบื้องบรรจุบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ยังรับประทานไม่หมดทิ้งไว้จนอืดและบูด ผมพลาดอะไรบางอย่างไปหรือเปล่า ถ้ามีกิจกรรมวิ่งออกกำลังกายตอนเช้า ผมก็คงจะเห็นตามทางที่ผ่านมา ความสงสัยนี้ผมจะต้องหาคำตอบให้ได้ ผมจึงนึกถึงเจฟเลยไปหาเขาที่ห้อง 5401 ผมเคาะประตูเรียกคนในห้องได้สั
“ก้มหน้า... ก้มหน้าลงเดี๋ยวนี้” เสียงขู่ตะคอกยังคงดังต่อเนื่อง ผมตกใจจนตัวสั่นราวกับหมูที่มาถึงโรงเชือดเพียงแค่เห็นประตูทางเข้าก็ตกใจกลัวจนอุจจาระหดตดหายแล้ว “แต่ละคนเข้ามาอยู่นี่ เอาแต่หนุกกับหรอยลูกเดียว ไม่สาไหรเลย เห็นรุ่นพี่ก็ไม่ไหว้ เห็นอาจารย์ก็ไม่ไหว้ ที่แรงหว่านั้นคือเห็นพระรูปพระบิดาก็ไม่แสดงเคารพเจริญแล้ว” พวกปีหนึ่งโดนตำหนิด้วยสำเนียงภาษาท้องถิ่น ทำให้ผมนึกย้อนถึงตนเอง มันก็เป็นอย่างที่เขาว่าจริงๆ ผมคงจะต้องปรับปรุงตนเอง เสียงว๊ากโหวกเหวกดังลั่นห้องประชุมอย่างต่อเนื่อง พอผมนั่งก้มหน้านานเลือดเริ่มไปเลี้ยงสมองไม่ทันผลลัพธ์คือผมเวียนศีรษะ หน้ามืด “แบงค์ไหวมั้ย?” พี่หมอแฟนหนุ่มของพี่กระดิ่งเข้ามาถาม อันที่จริงแล้วพี่แกชื่อต้า แต่เพื่อนๆ แกลงความเห็นกันว่าแก่หน้าตากระเดียดไปทางพิมพ์นิยมของนักศึกษาแพทย์จึงเรียกว่าหมอมาตลอด พอหลังจากที่ได้คุยกันแล้ว แกตั้งใจจะเรียนหมอนั่นแห