“ฝ่าบาทไม่ได้ล่อหลอกอันอันให้ยอมถวายตัวใช่ไหมฝ่าบาทไม่ได้ทำเหมือนเช่นที่เคยทำกับพวกนางในใช่ไหม”“เพียงคืนนั้นที่เจ้าเข้ามาสนห้องแทนเสี่ยวจื้อในครั้งแรกสิ่งเดียวที่ข้าตั้งใจจะทำคือ ทำอย่างไรจะได้ใจเจ้าและให้เจ้ามีใจให้ข้า”“แต่ฝ่าบาทใจร้ายฝ่าบาท ยังให้อันอันจัดหานางใน”“สองปีอันอันข้าให้โอกาสเจ้าถึงสองปีแต่เจ้ากับใช้คำว่านางหน้าพระพักตร์กีดกันข้าออกห่างจากเจ้า ทั้งๆ ที่ในใจข้ากลับมีเจ้าเข้าไปอยู่ในนั้นมากขึ้นมาในทุกวัน”“ฝ่าบาทเรียกหาพวกนางในทุกค่ำคืน”“ข้า ทำทุกอย่างที่จะไม่ต้องให้พวกนางถวายตัว คนเดียวที่ข้าอยากให้นอนร่วมแท่นนอนคือเจ้าอันๆ แต่เจ้ากับไม่เคยรู้ให้กินกล้วยก็แล้วให้มุดผ้าห่มตามธรรมเนียมปฏิบัติก็แล้ว เจ้ายังตีความเป็นอื่นจะว่าไปอันอันมองข้าผิดมาตลอด”“ฝ่าบาทอยู่กับพวกนางสองต่อสองอันอันไม่เชื่อว่าฝ่าบาทไม่ได้ทำอะไรพวกนาง”“เจ้าเคยมุดอยู่ใต้แท่นนอนข้าหรือจึงรู้ดีเพียงนี้ หรือว่าอันอันของข้าลูกไม้แพรวพราวหาเรื่องสอดแนมเรื่องบนแท่นนอนของข้าเพราะกลัวว่าข้าจะมีใจให้นางในเหล่านั้น”อันอันอมยิ้ม น้ำตาแห้งเหือดหายไป“อันอันไม่อยากเป็นนางในของฝ่าบาทเป็นสิ่งที่คิดไว้ตั้งแต่ก้าวเข้ามาใ
"เสี่ยวจื้อจริงหรือไม่ที่ฝ่าบาทนิยมหญิงที่บั้นท้ายงอนงามกับอกอวบอิ่ม"เสี่ยวจื้อยิ้มเจื่อนๆ"ข้าน้อยก็ได้ยินมาเช่นนั้นแต่ท่านรู้ไหมบางทีข้ากลับคิดว่าฝ่าบาทเพียงแค่ทำให้หลายคนเห็นว่าฝ่าบาทนิยม เพื่อหลีกเลี่ยงการที่ต้องพบเจอหญิงงาม หลากหลายรูปแบบความจริงฝ่าบาทยังมีชันษาไม่มากการเลือกฮองเฮาด้วยตัวเองลำบากยิ่งจะตัดสินใจเช่นไรก็ต้องคิดให้มากทั้งบุตรีขุนนางที่มีอำนาจและมี กำลังต่อรองในราชสำนัก ฝ่าบาทจึงคิดแค่เพียงจะทำอย่างไรเพื่อสร้างเงื่อนไขไม่ให้ใครก็ได้ยัดเยียดบุตรีเข้ามาโดยไม่สนใจว่าฝ่าบาทรู้สึกเช่นไรหรืออีกนัยหนึ่งคืออยากบอกคนทั้งหมดว่าฝ่าบาทคือฮ่องเต้ ฝ่าบาทจะต้องมีอำนาจต่อรองไม่ใช่เหล่าขุนนางพวกนั้น”“ แล้ว นางในพวกนั้นที่ถวายตัวเล่า พวกนางมีใครที่ฝ่าบาทโปรดปรานเป็นพิเศษไหม”เสี่ยวจื้อส่ายหน้า“เรื่องนี้มักพูดกันในวังหลังว่าฝ่าบาทไม่โปรดปรานใครเพราะยังรู้สึกว่าสนุกกับการที่มีนางในผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้ามาถวายตัว”“เอาไว้ท่านอยู่ไปนานๆ จึงจะรู้ว่าความจริงฝ่าบาท ไม่ได้หื่นห่ามอย่างที่คิดแต่ค่อนข้างจะ..ไก่อ่อนด้วยซ้ำไป”อันอันอมยิ้ม เสี่ยวจื้อหัวเราะคิกคัก“อันอัน อันอัน”เสียงเรียกด
ก้าวเดินมาตรงหน้าอันอันยกมือขึ้นโอบที่แก้มบาง อมยิ้มก่อนจะจุมพิตที่ริมฝีปากเบาสุดเบา"ฝะฝะฝ่าบาท""จะต้องอุ่นเครื่องก่อนจริงไหม”“อันอัน อันอันใจเต้นเหมือนกำลังจะลมจับ”พูดความจริงเสียสิ้นอินจิ๋นยิ้มถอนหายใจ รู้ได้ในทันทีว่าอันอันยังไม่เคยต้องมือชายใดมาก่อนจึงมีอาการเช่นนี้“ดีแล้ว แบบนี้ข้าชอบเอ๊ยไม่ใช่ แบบนี้นั่นแหละที่เจ้าจะต้องบอกเหล่านางในว่าจะต้อง ระงับใจไม่ตื่นเต้นจนเกินไป”“ตะตะแต่”เพิ่งจะสิบแปดอีกทั้งยังไม่เคยต้องมือชายใดมาก่อนอิน“ไม่มีแต่เจ้าเป็นนางหน้าพระพักตร์จำต้องทุ่มเทในการทำให้ข้าพึงใจหากเจ้าสามารถบอกกล่าวสั่งสอนพวกนางในให้ทำได้อย่างที่ข้าต้องการ ยอมถือว่าเป็นเรื่องดี”ย่างสามขุมเข้าหา ช้อนร่างเล็กไว้ในอ้อมแขนพาเดินยังแท่นบรรทม สบตาอันอันที่ไม่อาจเก็บซ่อนความตื่นเต้นไว้ได้เสียงหัวใจเต้นระรัว อินจิ๋นวางร่างเล็กลงบนแท่นบรรทมหอมกรุ่น อันอันนั่งลงชันเข่ากอดผ้าห่มแน่น“กลัวหรือ”อยู่ๆน้ำตาก็ไหลปริ่มขอบตา แต่ทว่าส่ายหน้าไปมาปฏิเสธ“ไม่กลัว แล้วทำไมถึง ถึงได้มีน้ำตา”“อันอัน อันอันฮือออออๆๆ ก็อันอันไม่เคยเข้าใกล้ บุรุษใดเกินหนึ่งผิง (3.3เมตร) จะให้ทำใจไม่ตื่นกลัวได้อย่างไร
พระราชวังคลายทุกข์“อินจิ๋น และจิ้งอันอันถวายพระพรเสด็จพ่อกับเสด็จแม่”เสี้ยนตี้กับไทเฮาที่มีพระพักตร์เต็มเปี่ยมไปด้วยเมตตา มองไปยังอันอันสายสายตาอ่อนโยน“จิ๋นเอ่อร์ ตกลงใจแล้วใช่หรือไม่กงกงเพิ่งจะแจ้งข่าวกับแม่เมื่อเช้านี้เรื่องที่ลูกตัดสินใจแต่งตั้งฮองเฮา”“เสด็จแม่ลูก ตกลงใจมั่นเหมาะแล้วไม่มีเปลี่ยนใจ”“ก็ไม่เห็นว่าจะต้องกังวลเรื่องอื่นใดหากนี่เป็นการตัดสินใจของฮ่องเต้”เสี้ยนตี้พูดไปพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ“เสด็จแม่ลูกมาขอ พระเมตตา”ไทเฮายิ้ม“เรื่องใดกัน หรือว่าต้องการให้แม่ร่วมแสดงความยินดีในการแต่งตั้งฮองเฮา แม่คิดไว้ว่าอย่างไรก็คงไม่อาจละเลยฮ่องเต้กับฮองเฮา”“เสด็จเรื่องนั้นลูกซาบซึ้งในพระเมตตายิ่งแล้ว แต่อันอัน นางเป็นเพียงสามัญชน เป็นเพียงคนธรรมดาเกรงว่า เกรงว่าหากมีใครมาพูดเรื่องนี้ลูกคงอดที่จะสั่งลงทัณฑ์พวกปากมากเสียมิได้”“ฮ่องเต้ก็ อ้างไปว่าฮองเฮาเป็นพระญาติของไทเฮา เสียเกรงว่าจะไม่มีใครกล้าครหา”เสี้ยนตี้ชี้ช่องให้ในทันที ไทเฮายิ้มอ่อนโยน“อย่างที่เสด็จพ่อเจ้าพูด ดีไหม”อินจิ๋นกุมมืออันอันไว้แน่น“ลูกซาบซึ้งในน้ำพระทัยของทั้งสองพระองค์ก้มลงคุกเข่าตรงหน้าพร้อมกับอันอัน”“ดูรึ
“แล้วหลักฐานนี่เล่าไปศาลไหนฝ่าบาทก็แพ้”“ข้าๆๆๆ ยอมแล้วความจริงข้า เรื่องมันยาวเจ้าอยากฟังหรือไร”“อันอันอยากจะฟัง”แต่มันเป็นเรื่องน่าอาย”“อันอันไม่อาย”“อืม ก็ได้ข้ายอมแล้ว ความจริงวันนั้นวันที่ ข้าเห็นเจ้าในวันที่ข้าเอาอาภรณ์ไปส่งให้เจ้า ในห้องของเจ้าแล้วๆๆ ”หันหน้าหนีอันอันเสีย“แล้วอะไรบอกมา”อันอันส่งเสียงเข้มดุ“แล้วๆๆ ข้า ก็เห็นเจ้าในสภาพที่มีอาภรณ์ปิดบังร่างกายหมิ่นเหม่ ทั้งเนินอกทั้งผมยาวสลวย แล้วยังกลิ่นหอมจากกายเจ้า ข้าข้า...ข้าจึง กลับมาที่ห้องทั้งๆ ที่”ก้มมองเป้าตัวเอง“ฝ่าบาท พูดความจริงมาเสียทั้งหมด”“ข้าจึงกลับมาที่ห้องแล้ว ๆๆ ใช้”“ใช้ใคร”“ใช้ นางทั้งทั้งห้าบำบัด อารมณ์เปลี่ยวของข้า จนสำเร็จเสร็จสิ้น อันอันนั่นเป็นครั้งเดียวในห้องที่อาจทำให้ …มีหลักฐานชัดเจนเป็นเพราะข้าเร่งเร่าจังหวะด้วยความเพลิดเพลินไปหน่อย ข้าไม่ได้มีอะไรกับนางในคนไหนทั้งสิ้น”อันอันยกมือขึ้นปิดปากกลั้นหัวเราะแทบตาย ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง“ข้าเห็นเจ้า ครั้งใดหรือใกล้ชิดเจ้าครั้งใดมักจะทำให้เกิดเรื่องน่าอาย”อยากจะบอกว่าพุ่งกระฉูดก่อนจะได้ห้ามใจ“ฝ่าบาทพอแล้วอันอันเข้าใจแล้ว”พูดไปยิ้มไป แก้มแดงด
นางกำนัลเปิดประตูออกช้าๆ อินจิ๋น แทรกกายเข้าข้างใน ภายในห้องที่เงียบเหงาร้างไร้อินจิ๋นขมวดคิ้วก้าวเข้าไปยังแท่นนอนด้านในสุด บนแท่นนอนที่ผ้าห่มปกคลุมอินจิ๋น ทรุดกายลงนั่งบนแท่นนอนเอื้อมมือเปิดผ้าห่มออกช้าๆ แล้วถึงกับต้องสะบัดผ้าห่มออกอย่างแรง“เสี่ยวจื้อ เสี่ยวจื้อ นายหญิงนายหญิงของเจ้าเล่าทั้งเสี่ยวจื้อและนางกำนัลต่างวิ่งเข้ามาในห้องดวงตาตื่นตระหนก“นายหญิงหายไป”เสี่ยวจื้ออุทาน นางกำนัลเข่าอ่อนทรุดกายลงโขกศีรษะลงกับพื้นถี่ๆก่อนหน้านั้น“ของว่างของใครกัน”ฟางหลันในอาภรณ์นางกำนัล เอ่ยปากถามนางกำนัลที่กำลังยกขนมและชายังที่พำนักของอันอัน“ของเหล่านี้เป็นของนายหญิงอันอัน สำหรับช่วงเวลาบ่าย”“อืมฝ่าบาทให้ข้ามายกไปเดี๋ยวนี้เกรงว่าจะเลยเวลาของว่างของนายหญิง อืม ลืมบอกไปฝ่าบาทให้เจ้ายกของว่างที่ ท้องพระโรงอีกชุดเอาของว่างชนิดเดียวกันนี้”นางกำนัลส่งถาดของว่างในมือให้กับฟางหลันในทันทีฟางหลันยิ้มบางๆ ยกถาดของว่างหายไปยังที่พำนักของอันอัน“คุณหนู ข้าน้อยรออยู่แล้ว”บ่าวรับใช้ในจวนขุนพล ในอาภรณ์ขันที“อืม ข้าจัดการเรียบร้อยแล้วเจ้าแค่ นำนางออกทางประตูหลังใส่ไว้ในเกี้ยวที่ข้าเตรียมไว้แล้ว แล้วนำเก
ฟางหลัน ขยับกายในอาภรณ์นางกำนัล“นายหญิง”อันอันเงยหน้าขึ้นช้าๆ กำลังพิศมองพับผ้าสีต่างๆที่อินจิ๋นประทานมาเพื่อให้ อันอันเลือกไปตัดเย็บอาภรณ์เสียใหม่ทั้งหมด “ฟางหลันทำไมวันนี้มาใน อาภรณ์นางวกำนัลได้”“ฝ่าบาทให้ฟางหลันนำของว่างเหล่านี้มาส่งให้กับนายหญิงฟางหลันพบฝ่าบาทที่ยกเครื่องเสวยด้วยองค์เองจึงอาสาแต่ทว่า ฝ่าบาทกับยืนยันว่าจะยกมาเองทั้งๆที่ยังไม่ทันได้พัก”“ความจริงไม่ต้องยุ่งยากฝ่าบาทใส่ใจข้าเหลือเกิน”“นายหญิงเจ้าข้าฟางหลันมีเรื่องอยากจะขออภัยนายหญิงกับเรื่องที่ผ่านมา”“ข้าไม่ได้ถือโทษโกรธเจ้าแต่อย่างใด”“ฟางหลันตั้งใจ ทำหน้าที่ลูกที่ดี ตอบแทนบุญคุณคิดว่าหากฝ่าบาทโปรดปรานฟางหลันย่อมทำให้ท่านพ่อพ้นผิด จึงตั้งใจกับเรื่องนี้มากไปหน่อยแต่ในเมื่อเห็นว่า ฝ่าบาทอย่างไรเสียก็เลือกนายหญิงอยู่ดีฟางหลันจึงทำใจแค่เพียงได้มารับใช้ใกล้ชิด นายหญิงให้นายหญิงที่ใครๆต่างบอกฟางหลันว่าใจดีมีเมตตายิ่งนักช่วยเกลี่ยกล่อมฝ่าบาทเรื่องบิดาข้า”“เจ้ากตัญญูยิ่งนัก หากอยากจะอยุ่ในวังหลวงข้าจะให้ฝ่าบาทประทานตำแหน่งและเบี้ยหวัดให้เจ้า” ฟางหลัน กัดฟันก้มหน้ามองมือคำพูดของอันอันยิ่งตอกย้ำว่าไม่ว่าอันอันจะพูดอะไ
ฟางหลันย่อกายลงอีกครั้ง“ฝ่าบาท ฟางหลันไม่ได้ กระทำเรื่องชั่วช้าเพียงนั้น ฝ่าบาทจะมองฟางหลันในแง่ร้ายเกินไปแล้ว”“มีเพียงเจ้าที่คิดทำเรื่องเช่นนั้นหากไม่ใช่เจ้าก็จะต้องเป็นบิดาเจ้า”เสียงเข้มดุดันต่างจากอินจิ๋นคนเดิม“ท่านพ่อซื่อตรงภักดีจะทำเรื่องที่ ผิดต่อฝ่าบาทได้อย่างไร”“เลิกโป้ปดได้แล้วบอกมา อันอันนางอยู่ไหน”“ องค์หญิงใหญ่ชิงซี มีสิ่งของติดตัวกลับไปแคว้นฉีมากมาย ฝ่าบาท ไม่ยอมให้ใครตรวจสอบขบวนเสด็จขององค์หญิงใหญ่องค์หญิงขุ่นเคืองเรื่องที่ฝ่าบาทแต่งตั้งฮองเฮายิ่งกว่าผู้ใดเกรงว่า จะเป็นองค์หญิงที่ทำเรื่องเช่นนี้ฝ่าบาทมา กล่าวโทษฟางหลันและท่านพ่อไม่ รังแกกันไปหน่อยหรือ”“ข้าไม่ไว้ใจเจ้า บิดาเจ้าแม้จะภักดีแต่เจ้าฟางหลันเจ้าคิดว่าข้าปิดหูปิดตาหรือไรเรื่องของเจ้าคิดว่าข้าไม่เคยสืบสาวราวเรื่องมาก่อนหรือไร”ฟางหลันยิ้มหยัน“ฝ่าบาทใช้เวลากับข้าที่นี่มาคอยคาดคั้นข้าที่นี่ป่านนี้องค์หญิงใหญ่มิสังหาร นายหญิงอันอันไปแล้วหรือไร”อินจิ๋นตาลุกวาวตวัดกระบี่ ลงบนลำคอขาว สะบัดมือตัดเกล้าผมยาวสลวยของฟางหลันจนขาดสะบั้น“ข้าไม่มีทางรามือหากว่าเป็นเจ้า”ฟางหลันถลาเข้ากอดรวบเอวหนา“ฝ่าบาทฟางหลัน มีใจให้
“ร้ายก็รักรักที่สุด ร้ายเพราะเจ้ารักข้า ทำเพื่อข้าจะไม่รักได้อย่างไรในเมื่อใจข้ามีเพียงเจ้าคนเดียว ถึงเจ้าไม่ทำแบบนี้ข้าก้จะรักเจ้าคนเดียวทำเพื่อเจ้าคนเดียวแต่เมื่อรู้ว่าเจ้าทำเพื่อข้่าเพียงนี้ จะไม่ให้รักได้อย่างไร”โน้มตัวลงกดริมฝีปากกับปากอวบอิ่มเนิ่นนาน อันอันยิ้มสุขสมจะไม่ว่าอย่างไรสำหรับอินจิ๋นก็คือฝ่าบาทของอันอันคนเดียวเช่นกัน ที่ทำไปก็เพื่อสิ่งนี้เพื่อให้ได้ครองใจฝ่าบาทเพียงผู้เดียว “เข้าไปข้างในกันหรือยังข้าอยากได้กลิ่นเซียงเฉ่าอีกครั้ง คราวนี้ ยันเย้นยันเช้าไปเลยดีไหม”อันอันยิ้มหวาน อินจิ๋นอุ้มร่างอวบพาเดินเข้าไปในห้องบรรทม เข้าประตูไปตั้งใจจะลงกลอน “อ๋อ เสี่ยวจื้อบอกอาจารย์ไม่ต้องมาคอยแอบดู แอบฟังข้าหรอกข้าใช้ผ้าหนาบุห้องอีกทั้งยังใช้แผ่นไม่สนบุห้องกันเสียงเล็ดลอด ตามที่อาจารย์สอนมาเรียบร้อยแล้ว”ตะโกนสั่งเสี่ยวจื้อที่ปิดปากหาวตาปรือ อันอันหัวเราะคิกคัก อินจิ๋นอุ้มร่างอวบเดินเข้าไที่แท่นนนอนกลิ่นกำยานที่เป็นกลิ่นเซียงเฉ่าหอมตลบอบอวลไปทมั่ว อันอันถอนหายใจสุดดมกลิ่นแห่งความสุขกลิ่นแห่งความทรงจำแห่งความสุข ต่อไปเมื่อได้กลิ่นนี้ครั้งใดก็จะมีแต่ความสุข อินจิ่น ปลดอาภรณ์ของอ
“ก็ ห้องหออยู่ทางด้านขวา แต่นี่มันห้องทางด้านซ้าย”ชี้มือไปยังอินจิ่นที่พยุงอันอันเดินออกมาหน้าตำหนักจากห้องทางขวาให้นั่งลงบนเก้าอี้ที่สนามหญ้ารับเครื่องเสวยยามสาย“ค่อยๆเดิน ระวังหน่อยอันอัน ให้ข้าช่วย”เลื่อนแท่นนั่งให้อันอันแล้วพยุงอันอันลงนั่งบนแท่นนั่งอย่างอ่อนโยน“เป็นท่านขุนพลที่ชวนข้ามาทางซ้าย”เสืี่ยวจื้อยังบ่นพึมพัม“เฮ้อ บุญมีแต่กรรมบังมาถึงนี่แต่กลับมาผิดห้องผิดฝั่ง”“อ้าว อาจารย์กับเสี่ยวจื้อสองคนมาเสียพร้อมกันอาอาจาย์ลมอะไรหอบท่านมาถึงนี่”อินจิ๋นเอ่ยทักด้วยใบหน้าอิ่มเอิบ ผิดกับอันอันที่ก้มหน้าด้วยความเขินอาย“ข้ามาเดินสุดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้า”จงเจี้ยน รีบแก้ตัว“แต่นี่มันสายแล้ว”เสี่ยวจื้อก้มหน้านิ่ง“ขะข้าแวะมาหาเสี่ยวจื้อ”อินจิ๋นเลิกคิ้วสูง จงเจี้ยนอยบากจะถามเรื่องที่เมื่อคืนที่ผ่านมาใจแทบขาดแต่เกรงใจอันอันยิ่งนัก“เมื่อคืน ฝ่าบาทกับฮองเอาหลหับสบายไหม”อ้อมค้อมก็เป็นอันอันหันสบตาอินจิ่นอายๆ“หลับสบายยิ่งอากาศหนาวนอนสองคนกำลังดี”เสี่ยวจื้อปิดปากหาวบ้าง“ข้ากับท่านขุนพลไม่ได้นอนทั้งคืน”บ่นเบาๆ“เสี่ยวจื้อเจ้าว่าอย่างไรนะ”“ปะปะเปล่าเสี่ยวจื้อมากับข้า”จงเจี้ยนดึงเสื่ยว
ร่างอวบอิ่มที่สวมอาภรณ์ปิดมิดไปถึงคอเสื้อ ผ้าคลุมสีแดงปิดบังใบหน้างดงามริมฝีปากอวบอิ่มแต้มชาดสีแดงสดกัดริมฝีปากเบาๆอย่างใช้ความคิดป่านี้ อินจิ๋นยังำม่ข้ามาทั้งๆที่อันอันนั่งรอตั้งแต่ฟ้ามืด“เสี่ยวจื้อเอามาให้หมด เอาทุกอย่างมารวมกันแล้วก็กินเสียทีเดียวพร้อมกันให้หมด”ฮึกเหิมยิ่งนัก“ฝะฝะฝ่าบาทแต่ ของพวกนี้เป็นยาบำรุงกำหนัดอย่างดีทั้งนั้น เกรงว่าหากกินเข้าไปเพียงนี้ฝ่าบาทจะเอาไม่ลงนะพ่ะย่ะค่ะ เสี่ยวจื้อกลัวว่าจะเกิดปัญหาตามมา” ยื้อสารพัดสารพัน ยาปลุกกำหนัดไว้ในมืออินจิ๋นถอนหายใจ“เสี่ยวจื้อข้าเป็นฮ่องเต้หรือเจ้าเป็นฮ่องเต้”“ฝ่าบาทไม่ได้ พ่ะย่ะค่ะเสี่ยวจื้อหวังที่สุดแล้ว”ล้มลงไปทับยาปลุกกำหนัดไว้ อาศัยร่างกายหนักอึ้งทับไว้“ก็ได้ ข้ากินเท่านี้”วางห่อยาลงบนโต๊ะ เสี่ยวจื้อวิ่งปู๊ดมามาคว้าห่อยา แล้ววิ่งแน่บออกจากห้องไปทิ้ง ห่อยาไว้ให้เพียงหนึ่งห่อ“เสี่ยวจื้อ กลับมานะมานี่เลยนะเสี่ยวจื้อ”“ฝ่าบาท ฮองเฮาทรง ทรง…ทรงให้ข้าน้อยมาทูลว่าหากฝ่าบาทยังไม่ไปที่ตำหนักชิงหนิงกงในตอนนี้ ฮองเอาบอกว่าจะปิดประตูเสียไม่ให้ฝ่าบาทเข้าไป”พูดรัวเร็วก่อนจะก้มหน้าด้วยความกลัวว่าอินจิ่นจะโมโห อินจิ๋นลุกพลวดวิ่ง
“จงเจี้ยน” อินจิ๋นเดินเอามือไพล่หลังเมื่อจงเจี้ยนอยู่เพียงลำพัง“จงเจี้ยนถวายพระพรฝ่าบาท”ประสานมือตรงหน้าด้วยรอยยิ้มใบหน้าอิ่มเอิบ อีกทั้งแววตายังเปล่งประกาย“ข้ามีเรื่องสำคัญ”“ฝ่าบาทหากเป็นเรื่องของฟางหลัน ข้าน้อยพิจารณาแล้วว่าควร ให้นางออกบวชสำนึกผิดบำเพ็ญตนเป็นเวลาสามเดือน ฝ่าบาทเห็นสมควรประการใดหรือคิดว่าโทษที่นางได้รับน้องไปหรือไม่”“แล้วแต่ท่านท่านขุนพล”“ฝ่าบาทวัดที่นางจะเดินทางไปบำเพ็ญเพียรสำนึกตน อยู่ห่างจากวังหลวงเกือบพันลี้ ฝ่าบาทคิดว่าใกล้ไกลเพียงใด”“แล้วแต่ท่านขุนพล”“นายหญิง อันอันขอร้องแทนนางให้นางบำเพ็ญเพียรที่วัด ตำหนักฟ้าไม่ไกลจากวังหลวงแต่ข้าน้อยอยากให้นางสำนึกผิดจนจริงจังเป็นข้าดูแลบุตรีไม่ได้จึงทำให้นายหญิงอันอันต้องพลอย ลำบากไปด้วยฝ่าบาทเห็นว่าควรไม่ควรอย่างไร”“แล้วแต่ท่านขุนพล”“ข้าน้อยเมื่อเสร็จงานสถานปนา ฮองเฮาก็จะเดินทางกลับไปที่ด่านชายแดนตามที่ประสงค์ไว้ในแต่แรก ตั้งใจปกป้องด่านชายแดนแคว้นหานเช่นเดิม”“แล้วแต่ท่านขุนพล”“ฝ่าบาท ฝ่าบาทจะเอาแต่พูดว่า แล้วแต่ข้าไม่ได้ในใจฝ่าบาทคิดเช่นไรจงเจี้ยนจะรู้ได้อย่างไร หรือว่าฝ่าบาทยังโกรธเคืองจงเจี้ยน ที่ผ่านมาไม่พู
จงเจี้ยนเปิดผ้าคลุมหน้าของชิงซี ก่อนจะรวบร่างบางกระโจนขึ้นบนแท่นนอน“ท่านพี่ท่านอย่าใจร้อนยังไม่ทันปลดแกะอาภรณ์”“ไม่จำข้าอยากจะเห็นเจ้าควบม้าเสียเต็มที่แล้ว คิดถึงท่าทีควบม้าของเจ้าครั้งใดข้าน้ำลายไหลทุกที”“ที่ชิงซีควบ เพราะว่าม้าหนุ่มงุ่นง่าน ไม่ได้ดั่งใจชิงซีอยากให้ทุกอย่างเสร็จสมจึงต้องลงทุนลงมือเอง”“นี่เจ้าตำหนิข้าหรือ ดีข้าจะทำให้เจ้าเห็นว่าม้าแก่เช่นข้าชำนาญศึกไกลใกล้ ไม่ยอมให้ใครดูถูก การศึกหนักหนากว่านี้ยังผ่านมาได้ เรื่องเอาใจภรรยาก็ไม่ให้น้อยหน้าใคร”ดึงเอวบางเข้าหาตัว เปิดกระโปรงขึ้นกระแทกบั้นเอวแรงสุดแรงจนชิงซีแทบจะสำลัก“ท่านขุนพลลลลล อ่าท่านขุนพลท่านขุนพลของข้าช่างองอาจเสียจริงอ่าาาา”เสียงครางระงมลั่นไปทั่วห้องแต่จะบอกไว้ก่อนอย่าหวังว่าใครจะได้ยิน ในเมื่อชิงซี ให้คนผ้าหนามาบุไปทั่วห้องอ้างว่าเพราะอากาศหนาวแล้วยังบุด้านในสุดอีกชั้นด้วยแผ่นไม้แปะทับเพื่อการนี้ ไม่ว่าจะส่งเสียงดังเพียงใด ก็หาเล็ดลอดออกไปด้านนอกได้ไม่ บทรักหฤหรรษ์ท่ามกลางความสุขสมของคนทั้งคู่จึงไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อมหรือเขินอายในเมื่อเขินอายกันมามากพอแล้วควรจะตักตวงความสุขกันเสียทีที่หัวใจสองดวงตรงกัน ทุก
“พวกเจ้าไปนำตัวนางจากตำหนักข้ามา ที่นี่”สั่งคนสนิทและองครักษ์เบาๆอินจิ๋นถอนหายใจโล่งอก“อินจิ๋นขอบพระทัยฝ่าบาทที่ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์สองแคว้น”ชิงไฉ่โบกมือไปมา“ข้าผิดกับฝ่าบาท คนของแคว้นฉีผิดกับฝ่าบาทจึงต้องขออภัย หาใช่ดันทุรังไม่”คนสนิทมาพยุงชิงกวานให้ลุกขึ้นยืนทั้งยังก้มหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลายคล้ายกับดังถูกตบหน้าต่อธารกำนัล ร้ซึ่งคนคอยปกป้อง ชิงไฉ่ฮ่องเต้ที่เคยปกป้องมาตลอดบัดนี้กลับมีเพียงออกตัวก็เท่านั้น“ไท่จือไปเถิด”ส่ายหน้าไปมาก่อนจะทะลึ่งพลวดดึงมีดสั้นที่พกติดตัวมาตลอดออกมาจากแขนเสื้อ พุ่งตัวเข้าหา ชิงไฉ่ที่ก้าวลงมาจากบัลลังก์เพื่อให้เกียรติกับอินจิ๋น มีดในมือ จ่อที่คอหอยของชิงไฉ่ มืออีกข้างล็อกแขนไว้แน่น หลายคนในที่นั้นต่างตกตะลึงทำอะไรไม่ถูก“ชิงกวาน กล้าทำเรื่องเลวทรามเพียงนี้เชียวรึ ตายไปเป็นผีจะกล้ามองหน้าบรรพบุรุษหรือไร”ชิงไฉ่ตวาดลั่นหาได้สะทกสะท้านไม่ จงเจี้ยนขยับเข้าไปช้าๆ ด้วยสัญชาตญาณของ นักรบยามคับขัน“เสด็จพ่ออย่าบีบคั้นข้า ข้าไม่ได้อยากทำแบบนี้ ข้าเป็นองค์ชายเพียงคนเดียวสิ่งที่ต้องการหรือไม่ก็คือบัลลังก์ เสด็จพ่อทำใจเถิดว่าอย่างไรบัลลังก์นี้ก็จะต้องเ
“แต่ฝ่าบาทจงเจี้ยนกังวลเรื่องความปลอดภัย”“ชิงซีไม่ปล่อยให้มีการเข้าใจผิด ไม่มีใครต้องไปไหนทั้งนั้น เราจะเข้าไปพร้อมกันหากครั้งนี้เกิดอะไรขึ้นกับฝ่าบาทแคว้นหานข้าคงไม่ให้อภัยตัวเองแล้วยังจะมีหน้าไปพูดกับอันอันว่าอย่างไร”เขต วังหลวงแคว้นฉีที่ยิ่งใหญ่งดงามไม่แพ้แคว้นหาน“หยุดดดด”ทหารยามใช้ทวนในมือกางกั้นไว้ ชิงซีก้าวลงจากเกี้ยวตรงหน้าประตูวังหลวง“ถวายพระพรองค์หญิงใหญ่”“รู้ก็ดีแล้วนี่คือกองกำลังจากแคว้นหานที่อารักขาข้ามาถึงนี่ พวกเจ้ากล้าขวางอันคันตุกะที่ดี เชียวหรือ”ทหารยาม ยกมือขึ้นตรงหน้า“ข้าน้อยผิดไปแล้วเชิญองค์หญิง และแขกเมืองด้านใน”ชิงซี เดินนำคนทั้งหมดเข้าไปยัง วังหลวงแคว้นฉีที่ยอ่งใหญ่ ไม่แพ้แคว้นหานท้องพระโรงบนบัลลังก์สูง ฮ่องเต้แคว้นฉีวัยกลางคนนามชิงไฉ่ในอาภรณ์เสื้อคลุมมังกรเลื้อมลายทอง นั่งสง่าอยู่ด้านบน สนมและนางกำนัลอีกทั้งขันทีรายล้อม“อินจิ๋นฮ่องเต้ ถวายพระพรฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี”ชิงไฉ่เลิกคิ้วสูงมองไปยังอินจิ๋นด้วยความชื่นชม“ฝ่าบาท มาถึงนี่เชียวรึ”“ข้าน้อย ตั้งใจมาทูลเชิญเสด็จด้วยตัวเองในงาน สถาปนาตำแหน่งฮองเฮาของแคว้นหาน อีกทั้งยังได้นำคนอารักขาองค์หญิงใหญ่ม
“จงเจี้ยนอยากแน่ใจว่าฝ่าบาทจะเป็นธุระสู่ขอองค์หญิงให้กับจงเจี้ยน”อินจิ๋นถอนหายใจมาเป็นก้างขวางคอทั้งๆ ที่เขากำลังจะตักตวงความหอมหวานที่ไม่พบเจอมาหลายวัน“ข้ารับปาก”จงเจี้ยนประสานมือวิ่งหายลับกลับไปบอกข่าวดีกับชิงซีขบวนเสด็จของอินจิ๋น มุ่งหน้ายังวังหลวงแคว้นฉีอันอันเปิดม่านออกเพื่อชื่นชม ร้านรวงและความเป็นอยู่ของชาวแคว้นฉี ชิงซีชี้ชวนให้ดูข้างของที่ขายเกลื่อนกลาด บุรุษหนุ่มผู้หนึ่งยืนอยู่ข้างทาง รูปร่างสูงโปร่งใบหน้าคมคาย ละม้ายใบหน้าของชิงซี สายตาคมจับจ้องใบหน้าผ่องใสของอันอันไม่วางตา กระตุกยิ้มที่ริมฝีปาก“นางสวรรค์หรือไร เจ้าเห็นไหมนางคงเป็น องค์หญิงหรือพระญาติของฮ่องเต้แคว้นหานเป็นแน่”สายตายังจับจ้องอันอันไม่วางตา“ไหนคนของเราบอกว่าอินจิ๋นก็เดินทางมาด้วย”“ไท่จือ เบื้องหน้านั่นขุนพลจงเจี้ยน ถัดมาเป็นอินจิ๋นฮ่องเต้ที่แม้จะแต่งกายอำพรางทว่าใบหน้าหล่อเหลาอีกทั้งบารมีเปล่งปลั่ง ไม่เหมือนทหารนายกองหรือองครักษ์”“เจ้าแน่ใจหรือ”“ไท่จือข้างๆ อินจิ่นนั่น เป็นองครักษ์เกราะทองที่แม้จะเพียงพาม้าเดินเคียงข้างแต่พร้อมจะอารักขาสุดกำลัง”ชิงกวานยิ้มหยัน“จะฆ่าอินจิ๋นฮ่องเต้ก่อน หรือว่าชิงตัว
อันอันตกใจไม่น้อยที่จู่ๆ ชิงซีก็มีน้ำตาบนเกี้ยวที่นั่งมาด้วยกัน“ความจริงข้าพยายามจะไม่คิดเป็นอื่นใด แต่อันอันเจ้าเห็นไหม หลายวันมานี้ท่านขุนพลเฉยชากับข้ายิ่งนัก”ยังปาดน้ำตา“อันอัน จะลองถามท่านขุนพลดูด้วยความเป็นท่านขุนพลซื่อๆ เพียงนั้นคงไม่กล้า โป้ปดว่าทำไมถึงกล้าเฉยชากับองค์หญิง”อันอันรับปากมั่นเหมาะชิงซี ยิ้มน้อยๆ“ข้าไม่ได้ห่วงเรื่องอื่นห่วงแต่ ท่านขุนพลใจไม่สู้เรื่องที่จะสู่ขอข้าต่อหน้าเสด็จพ่อ เสด็จพ่อนับว่าเป็นฮ่องเต้ที่ ห้าวหาญดุดันคนหนึ่งทีเดียว”“อันอัน สัญญาว่าจะช่วยพูดเรื่องนี้กับฝ่าบาทเชื่อว่าหากฝ่าบาทรักและปรารถนาดีต่อองค์หญิงฝ่าบาทจะต้องมองเห็นความจริงใจในตัวท่านขุนพล"ชิงซียิ้มเสียงฝีเท้าม้าควบตะบึงมาด้วยความเร็ว จงเจี้ยนและเหล่าทหารรอบเกี้ยวของอันอันและชิงซีไว้"หยุดดดดด"อินจิ๋นกระตุกบังเหียนม้า ให้หยุดกระโดดลงมายืนหน้าเกี้ยว"ขุนพล หลงจงเจี้ยนถวายพระพรฝ่าบาท"อันอันเปิดม่านแล้วกระโดดลงจากเกี้ยววิ่งเข้าไปกอดอินจิ๋นด้วยความถวิลหาอย่างที่สุดอินจิ๋นกอดรวบร่างบางแนบกายไม่ปล่อยกดริมฝีปากลงบนหน้าผาก“คิดถึงเจ้ายิ่งนัก”อันอันปาดน้ำตา“ฝ่าบาทมาช้า”“ข้าผิดเองที่มัวแต่ยุ่