“หุบปากเจ้าเสียคุณหนูฟางหลัน หากยังเรียกข้าว่านายหญิงไม่เช่นนั้นค่ำนี้ ข้าจะส่งนางในคนอื่นเข้าไปปรนนิบัติฝ่าบาทแทนเจ้า แค่เหตุผลเล็กน้อยที่ข้าจะแก้ตัวกับฝ่าบาท เกรงว่าฝ่าบาทคงจะเชื่อข้าได้ไม่ยาก”เล่นกับใครไม่เล่นมาเล่นกับอันอันยิ่งกำลังอารมณ์ไม่ดีอยู่ด้วย ฟางหลันเหมือนจะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองยังข้ามสะพานไม้ได้เพียงครึ่งไม่ควรจะขย่มสะพานไม้เกรงว่าสะพานจะหักเสียก่อนจึงนิ่งเงียบเสีย“ไปรอที่พำนักของคุณหนูเสีย ข้าจะส่งนางกำนัลไปขัดผิว พรมน้ำอบให้คุณหนูในอีกสองชั่วยามก่อนจะมืด”ก้าวเดินจากไป ด้วยอารมณ์ขุ่นมัว เจ้ากำลังเปิดศึกกับนายหญิงอันอัน“เจ้านำอาภรณ์เหล่านี้ไปให้คุณหนูฟางหลันเลือก”ส่งอาภรณ์ให้กับนางกำนัลนางกำนัลขมวดคิ้ว“ไปได้แล้ว”ไล่ส่ง“เดี๋ยว น้ำอบของคุณหนูฟางหลันเอาเป็นกลิ่นดอกมู่หลาน”นางกำนัลย่อกายจากไปฟางหลัน ยืนรอท่าในอาภรณ์สีเหลืองอ่อน อันอันยังสวมอาภรณ์ขันทีเช่นเดิม“วันนี้ให้เสี่ยวจื้อนำเจ้าไป ข้า… รู้สึกไม่ค่อยสบาย”ฟางหลันยิ้ม นางไม่ไปยิ่งดีเกลียดสายตาที่ฝ่าบาทมองนาง เหมือนมีบางอย่างในนั้น ทั้งเกรงใจและเว้าวอนเสี่ยวจื้อก้าวเดินนำฟางหลันเข้าไปข้างในตำหนักอันอันหันหลั
”นายหญิง ฝ่าบาทมีบัญชาปลดนายหญิงออกจากตำแหน่งนางหน้าพระพักตร์”เสี่ยวจื้อประสานมือสีหน้าเศร้าสร้อย“ดีแล้ว”พูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย“นายหญิงฝ่าบาทอนุญาตให้ท่านยังอยู่ในวังหลวงต่อไปได้”“ข้าเพิ่ง20ความจริงออกไปนอกวังหลวงเสียก้คงจะหาใครสักคนแต่งงานได้ด้วยไม่ยาก เงินเก็บก็พอจะมีเหลือทำการค้าขายหรือโรงเตี๊ยมเล็กๆ ก็คงพอเลี้ยงตัวได้”“แต่นายหญิง ฝ่าบาทไม่ให้ท่านไปฝ่าบาทใจดีให้ท่านอยู่ที่นี่”“ข้าไม่ได้เป็นนางหน้าพระพักตร์แล้วก็ไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ที่นี่”เสี่ยวจื้อ ขอบใจเจ้ายิ่งนัก สองปีที่รู้จักกันมาเจ้าดีกับข้ายิ่งกว่าญาติเสียอีก”เสี่ยวจื้อปาดน้ำตา“นายหญิงท่านกับฝ่าบาทมีปัญหาใดกัน เสี่ยวจื้อหาสนใจไม่ แต่เมื่อท่านกำลังจะจากไป เสี่ยวจื้อขอร้องท่านอย่าจากเราไปเลย”ทรุดกายลงกับพื้นคุกเข่าตรงหน้าอันอัน“ข้าเข้ามาในวังหลวงไม่อยากจะเป็นนางในเพียงเพื่อได้ทำงานมีรายได้จุนเจือครอบครัวให้ได้กินอิ่มๆ จึงพยายามที่จะไม่ต้องเป็นนางใน และจะไม่ดีใจหากต้องเป็นสนม แต่ที่ผ่านมาเห็นได้ชัดว่าความพยายามของข้าล้มเหลว ข้าไม่อาจเอาชนะใจตัวเอง แล้วยังเผลอตัวเผลอใจ เสี่ยวจื้อข้าไปเสียจึงดีต่อทั้งฝ่าบาทและตัวข้า
“ฝ่าบาทไม่ได้ล่อหลอกอันอันให้ยอมถวายตัวใช่ไหมฝ่าบาทไม่ได้ทำเหมือนเช่นที่เคยทำกับพวกนางในใช่ไหม”“เพียงคืนนั้นที่เจ้าเข้ามาสนห้องแทนเสี่ยวจื้อในครั้งแรกสิ่งเดียวที่ข้าตั้งใจจะทำคือ ทำอย่างไรจะได้ใจเจ้าและให้เจ้ามีใจให้ข้า”“แต่ฝ่าบาทใจร้ายฝ่าบาท ยังให้อันอันจัดหานางใน”“สองปีอันอันข้าให้โอกาสเจ้าถึงสองปีแต่เจ้ากับใช้คำว่านางหน้าพระพักตร์กีดกันข้าออกห่างจากเจ้า ทั้งๆ ที่ในใจข้ากลับมีเจ้าเข้าไปอยู่ในนั้นมากขึ้นมาในทุกวัน”“ฝ่าบาทเรียกหาพวกนางในทุกค่ำคืน”“ข้า ทำทุกอย่างที่จะไม่ต้องให้พวกนางถวายตัว คนเดียวที่ข้าอยากให้นอนร่วมแท่นนอนคือเจ้าอันๆ แต่เจ้ากับไม่เคยรู้ให้กินกล้วยก็แล้วให้มุดผ้าห่มตามธรรมเนียมปฏิบัติก็แล้ว เจ้ายังตีความเป็นอื่นจะว่าไปอันอันมองข้าผิดมาตลอด”“ฝ่าบาทอยู่กับพวกนางสองต่อสองอันอันไม่เชื่อว่าฝ่าบาทไม่ได้ทำอะไรพวกนาง”“เจ้าเคยมุดอยู่ใต้แท่นนอนข้าหรือจึงรู้ดีเพียงนี้ หรือว่าอันอันของข้าลูกไม้แพรวพราวหาเรื่องสอดแนมเรื่องบนแท่นนอนของข้าเพราะกลัวว่าข้าจะมีใจให้นางในเหล่านั้น”อันอันอมยิ้ม น้ำตาแห้งเหือดหายไป“อันอันไม่อยากเป็นนางในของฝ่าบาทเป็นสิ่งที่คิดไว้ตั้งแต่ก้าวเข้ามาใ
"เสี่ยวจื้อจริงหรือไม่ที่ฝ่าบาทนิยมหญิงที่บั้นท้ายงอนงามกับอกอวบอิ่ม"เสี่ยวจื้อยิ้มเจื่อนๆ"ข้าน้อยก็ได้ยินมาเช่นนั้นแต่ท่านรู้ไหมบางทีข้ากลับคิดว่าฝ่าบาทเพียงแค่ทำให้หลายคนเห็นว่าฝ่าบาทนิยม เพื่อหลีกเลี่ยงการที่ต้องพบเจอหญิงงาม หลากหลายรูปแบบความจริงฝ่าบาทยังมีชันษาไม่มากการเลือกฮองเฮาด้วยตัวเองลำบากยิ่งจะตัดสินใจเช่นไรก็ต้องคิดให้มากทั้งบุตรีขุนนางที่มีอำนาจและมี กำลังต่อรองในราชสำนัก ฝ่าบาทจึงคิดแค่เพียงจะทำอย่างไรเพื่อสร้างเงื่อนไขไม่ให้ใครก็ได้ยัดเยียดบุตรีเข้ามาโดยไม่สนใจว่าฝ่าบาทรู้สึกเช่นไรหรืออีกนัยหนึ่งคืออยากบอกคนทั้งหมดว่าฝ่าบาทคือฮ่องเต้ ฝ่าบาทจะต้องมีอำนาจต่อรองไม่ใช่เหล่าขุนนางพวกนั้น”“ แล้ว นางในพวกนั้นที่ถวายตัวเล่า พวกนางมีใครที่ฝ่าบาทโปรดปรานเป็นพิเศษไหม”เสี่ยวจื้อส่ายหน้า“เรื่องนี้มักพูดกันในวังหลังว่าฝ่าบาทไม่โปรดปรานใครเพราะยังรู้สึกว่าสนุกกับการที่มีนางในผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้ามาถวายตัว”“เอาไว้ท่านอยู่ไปนานๆ จึงจะรู้ว่าความจริงฝ่าบาท ไม่ได้หื่นห่ามอย่างที่คิดแต่ค่อนข้างจะ..ไก่อ่อนด้วยซ้ำไป”อันอันอมยิ้ม เสี่ยวจื้อหัวเราะคิกคัก“อันอัน อันอัน”เสียงเรียกด
ก้าวเดินมาตรงหน้าอันอันยกมือขึ้นโอบที่แก้มบาง อมยิ้มก่อนจะจุมพิตที่ริมฝีปากเบาสุดเบา"ฝะฝะฝ่าบาท""จะต้องอุ่นเครื่องก่อนจริงไหม”“อันอัน อันอันใจเต้นเหมือนกำลังจะลมจับ”พูดความจริงเสียสิ้นอินจิ๋นยิ้มถอนหายใจ รู้ได้ในทันทีว่าอันอันยังไม่เคยต้องมือชายใดมาก่อนจึงมีอาการเช่นนี้“ดีแล้ว แบบนี้ข้าชอบเอ๊ยไม่ใช่ แบบนี้นั่นแหละที่เจ้าจะต้องบอกเหล่านางในว่าจะต้อง ระงับใจไม่ตื่นเต้นจนเกินไป”“ตะตะแต่”เพิ่งจะสิบแปดอีกทั้งยังไม่เคยต้องมือชายใดมาก่อนอิน“ไม่มีแต่เจ้าเป็นนางหน้าพระพักตร์จำต้องทุ่มเทในการทำให้ข้าพึงใจหากเจ้าสามารถบอกกล่าวสั่งสอนพวกนางในให้ทำได้อย่างที่ข้าต้องการ ยอมถือว่าเป็นเรื่องดี”ย่างสามขุมเข้าหา ช้อนร่างเล็กไว้ในอ้อมแขนพาเดินยังแท่นบรรทม สบตาอันอันที่ไม่อาจเก็บซ่อนความตื่นเต้นไว้ได้เสียงหัวใจเต้นระรัว อินจิ๋นวางร่างเล็กลงบนแท่นบรรทมหอมกรุ่น อันอันนั่งลงชันเข่ากอดผ้าห่มแน่น“กลัวหรือ”อยู่ๆน้ำตาก็ไหลปริ่มขอบตา แต่ทว่าส่ายหน้าไปมาปฏิเสธ“ไม่กลัว แล้วทำไมถึง ถึงได้มีน้ำตา”“อันอัน อันอันฮือออออๆๆ ก็อันอันไม่เคยเข้าใกล้ บุรุษใดเกินหนึ่งผิง (3.3เมตร) จะให้ทำใจไม่ตื่นกลัวได้อย่างไร
พระราชวังคลายทุกข์“อินจิ๋น และจิ้งอันอันถวายพระพรเสด็จพ่อกับเสด็จแม่”เสี้ยนตี้กับไทเฮาที่มีพระพักตร์เต็มเปี่ยมไปด้วยเมตตา มองไปยังอันอันสายสายตาอ่อนโยน“จิ๋นเอ่อร์ ตกลงใจแล้วใช่หรือไม่กงกงเพิ่งจะแจ้งข่าวกับแม่เมื่อเช้านี้เรื่องที่ลูกตัดสินใจแต่งตั้งฮองเฮา”“เสด็จแม่ลูก ตกลงใจมั่นเหมาะแล้วไม่มีเปลี่ยนใจ”“ก็ไม่เห็นว่าจะต้องกังวลเรื่องอื่นใดหากนี่เป็นการตัดสินใจของฮ่องเต้”เสี้ยนตี้พูดไปพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ“เสด็จแม่ลูกมาขอ พระเมตตา”ไทเฮายิ้ม“เรื่องใดกัน หรือว่าต้องการให้แม่ร่วมแสดงความยินดีในการแต่งตั้งฮองเฮา แม่คิดไว้ว่าอย่างไรก็คงไม่อาจละเลยฮ่องเต้กับฮองเฮา”“เสด็จเรื่องนั้นลูกซาบซึ้งในพระเมตตายิ่งแล้ว แต่อันอัน นางเป็นเพียงสามัญชน เป็นเพียงคนธรรมดาเกรงว่า เกรงว่าหากมีใครมาพูดเรื่องนี้ลูกคงอดที่จะสั่งลงทัณฑ์พวกปากมากเสียมิได้”“ฮ่องเต้ก็ อ้างไปว่าฮองเฮาเป็นพระญาติของไทเฮา เสียเกรงว่าจะไม่มีใครกล้าครหา”เสี้ยนตี้ชี้ช่องให้ในทันที ไทเฮายิ้มอ่อนโยน“อย่างที่เสด็จพ่อเจ้าพูด ดีไหม”อินจิ๋นกุมมืออันอันไว้แน่น“ลูกซาบซึ้งในน้ำพระทัยของทั้งสองพระองค์ก้มลงคุกเข่าตรงหน้าพร้อมกับอันอัน”“ดูรึ
“แล้วหลักฐานนี่เล่าไปศาลไหนฝ่าบาทก็แพ้”“ข้าๆๆๆ ยอมแล้วความจริงข้า เรื่องมันยาวเจ้าอยากฟังหรือไร”“อันอันอยากจะฟัง”แต่มันเป็นเรื่องน่าอาย”“อันอันไม่อาย”“อืม ก็ได้ข้ายอมแล้ว ความจริงวันนั้นวันที่ ข้าเห็นเจ้าในวันที่ข้าเอาอาภรณ์ไปส่งให้เจ้า ในห้องของเจ้าแล้วๆๆ ”หันหน้าหนีอันอันเสีย“แล้วอะไรบอกมา”อันอันส่งเสียงเข้มดุ“แล้วๆๆ ข้า ก็เห็นเจ้าในสภาพที่มีอาภรณ์ปิดบังร่างกายหมิ่นเหม่ ทั้งเนินอกทั้งผมยาวสลวย แล้วยังกลิ่นหอมจากกายเจ้า ข้าข้า...ข้าจึง กลับมาที่ห้องทั้งๆ ที่”ก้มมองเป้าตัวเอง“ฝ่าบาท พูดความจริงมาเสียทั้งหมด”“ข้าจึงกลับมาที่ห้องแล้ว ๆๆ ใช้”“ใช้ใคร”“ใช้ นางทั้งทั้งห้าบำบัด อารมณ์เปลี่ยวของข้า จนสำเร็จเสร็จสิ้น อันอันนั่นเป็นครั้งเดียวในห้องที่อาจทำให้ …มีหลักฐานชัดเจนเป็นเพราะข้าเร่งเร่าจังหวะด้วยความเพลิดเพลินไปหน่อย ข้าไม่ได้มีอะไรกับนางในคนไหนทั้งสิ้น”อันอันยกมือขึ้นปิดปากกลั้นหัวเราะแทบตาย ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง“ข้าเห็นเจ้า ครั้งใดหรือใกล้ชิดเจ้าครั้งใดมักจะทำให้เกิดเรื่องน่าอาย”อยากจะบอกว่าพุ่งกระฉูดก่อนจะได้ห้ามใจ“ฝ่าบาทพอแล้วอันอันเข้าใจแล้ว”พูดไปยิ้มไป แก้มแดงด
นางกำนัลเปิดประตูออกช้าๆ อินจิ๋น แทรกกายเข้าข้างใน ภายในห้องที่เงียบเหงาร้างไร้อินจิ๋นขมวดคิ้วก้าวเข้าไปยังแท่นนอนด้านในสุด บนแท่นนอนที่ผ้าห่มปกคลุมอินจิ๋น ทรุดกายลงนั่งบนแท่นนอนเอื้อมมือเปิดผ้าห่มออกช้าๆ แล้วถึงกับต้องสะบัดผ้าห่มออกอย่างแรง“เสี่ยวจื้อ เสี่ยวจื้อ นายหญิงนายหญิงของเจ้าเล่าทั้งเสี่ยวจื้อและนางกำนัลต่างวิ่งเข้ามาในห้องดวงตาตื่นตระหนก“นายหญิงหายไป”เสี่ยวจื้ออุทาน นางกำนัลเข่าอ่อนทรุดกายลงโขกศีรษะลงกับพื้นถี่ๆก่อนหน้านั้น“ของว่างของใครกัน”ฟางหลันในอาภรณ์นางกำนัล เอ่ยปากถามนางกำนัลที่กำลังยกขนมและชายังที่พำนักของอันอัน“ของเหล่านี้เป็นของนายหญิงอันอัน สำหรับช่วงเวลาบ่าย”“อืมฝ่าบาทให้ข้ามายกไปเดี๋ยวนี้เกรงว่าจะเลยเวลาของว่างของนายหญิง อืม ลืมบอกไปฝ่าบาทให้เจ้ายกของว่างที่ ท้องพระโรงอีกชุดเอาของว่างชนิดเดียวกันนี้”นางกำนัลส่งถาดของว่างในมือให้กับฟางหลันในทันทีฟางหลันยิ้มบางๆ ยกถาดของว่างหายไปยังที่พำนักของอันอัน“คุณหนู ข้าน้อยรออยู่แล้ว”บ่าวรับใช้ในจวนขุนพล ในอาภรณ์ขันที“อืม ข้าจัดการเรียบร้อยแล้วเจ้าแค่ นำนางออกทางประตูหลังใส่ไว้ในเกี้ยวที่ข้าเตรียมไว้แล้ว แล้วนำเก