หน้าหลัก / โรแมนติก / นางร้ายเช่นข้าพอแล้ว / บทที่ 4 ข้าเป็นหญิงยังไม่มีพันธะ

แชร์

บทที่ 4 ข้าเป็นหญิงยังไม่มีพันธะ

บทที่ 4

ข้าเป็นหญิงยังไม่มีพันธะ

“ เจ้าห้า ข้าถามเจ้าจริงๆนะ ว่าเจ้าเสียดายนางหรือไม่ ทำไมชอบทำตาขวางใส่ข้าเหลือเกิน พูดถึงรูปร่างของนางทีไร เจ้าทำตาขวางใส่ข้าทุกที อย่างกับหึงหวงนางเช่นนั้นแหละ แต่ถึงตอนนี้เจ้าจะคิดเปลี่ยนใจมาหึงหวงนางดังเช่นคู่หมั้นก็ไม่ทันเสียแล้ว นางเดินมานั่นแล้วแต่กับบุรุษอื่นนะ ” เขาพยักเพยิดให้น้องชายมองไปที่ตรงบันไดทางขึ้นที่ร่างอวบอิ่มของเจียเหลียนฮวาเพิ่งเดินขึ้นบันไดมากับบุรุษผู้หนึ่ง และเจ้าหมอนั่นก็หล่อเหลาไม่น้อย รูปร่างสูงสง่าผึ่งผาย ดูเป็นบุรุษที่น่าสนใจผู้หนึ่ง อ๋องซีหยางหันขวับไปมองทันที กรามแกร่งของเขาขบเข้าหากันแน่น เพิ่งนอนร้องครวญครางใต้ร่างเขาเมื่อคืนจนถึงตอนสายแท้ๆ ตอนเย็นก็มากับชายอื่นทันทีแถมยังไม่มีสาวใช้ติดตามอีกด้วย นางเป็นคุณหนูในห้องหออีกทั้งเป็นบุตรของเสนาบดีฝ่ายซ้ายเจียเฉินอี้  นางออกมากินอาหารกับบุรุษสองต่อสองมิได้เกรงคำครหาของผู้อื่นเลยหรือไร ดวงตาคมจ้องมองนางตาขวาง มือหนาข้างตัวกำแน่น 

ด้านเจียเหลียนฮวานางเดินมากับรองแม่ทัพไป๋เฟยหลงสหายสนิทของพี่ชายของนางที่เป็นขุนนางใต้สังกัดของบิดา เขามักจะมาที่จวนเสนาบดีเจียบ่อยๆเพื่อสนทนาหรือเล่นหมากรุกกับพี่ชายของนาง จึงสนิทกับนางไปด้วย วันนี้เขามาชวนนางออกมากินอาหาร คงจะได้ยินจากพี่ชายของนางว่านางส่งของหมั้นคืนอ๋องซีหยางแล้ว จึงสงสารกลัวนางจะเสียใจเพราะเขาก็รู้มานานแล้วว่านางหลงรักอ๋องผู้นั้นและคาดหวังไว้มากว่าจะเป็นพระชายาของเขา แต่เมื่อส่งของหมั้นคืนเขาไปแล้วสิ่งที่นางหมายมั่นมาหลายปีก็คงเป็นอันจบลงแล้ว พี่เฟยหลงจึงคิดปลอบใจนางด้วยการพาออกมาเปิดหูเปิดตา มิใช่เหลียนฮวามิเสียใจ นางเสียใจมาก และร้องไห้อย่างหนักและยิ่งรู้ว่าเขามีใจให้สหายสนิทของนางถึงกับจะสู่ขอมาเป็นชายา แต่นางจะพยายามคิดเสียว่ามันเป็นโชคชะตาของพวกเขามิได้เกี่ยวข้องกับนางอีกต่อไปแล้ว  จึงมิได้โกรธเคืองผู้ใดแต่นางมิอยากให้บิดาและพี่ชายรับรู้และพลอยกังวลไปกับนางด้วย นางจึงได้แสดงออกดังเช่นนางมิได้เป็นไร และนางตัดใจจากอ๋องผู้นั้นได้แล้ว แต่นางก็พยายามตัดใจจริงๆและจะต้องทำให้ได้ด้วย 

“ ฮวาเอ๋อ เจ้าสั่งอาหารเถิด เจ้าชอบกินอะไรก็สั่งมาตามนั้น พี่กินได้หมดทุกอย่าง ” รองแม่ทัพไป๋เอ่ยขึ้น ฮวาเอ๋อยิ้มให้เขาแล้วเอ่ยสั่งอาหารที่ขึ้นชื่อของภัตตาคารแห่งนี้มาสี่อย่าง “ พี่เฟยหลง ท่านจะดื่มสุราหรือไม่ “ นางหันไปถามเขา รองแม่ทัพหนุ่มพยักหน้า ” เจ้าสั่งมาเพียงหนึ่งกาก็พอ พี่จะดื่มนิดหน่อย เจ้าก็ควรจะดื่มสักหน่อยนะจะได้รู้สึกดีขึ้น ” เขาเอ่ยและมองใบหน้าที่ไม่ค่อยจะสดใสนักของนาง  “ ถ้าเช่นนั้นเอามากาเดียวก็พอแล้ว ข้าจะดื่มเป็นเพื่อนพี่เฟยหลงแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น พอให้เจริญอาหาร ” เสี่ยวเอ้อเมื่อรับรายการอาหารแล้วก็เดินจากไป  ทั้งสองหนุ่มสาวจึงนั่งคุยกันเรื่องสัพเพเหระระหว่างที่รออาหาร

แต่ทั้งหมดนั้นอยู่ในสายตาคมที่มองตรงมาที่คนทั้งสองอย่างไม่คลาดสายตา “ เจ้าห้า จะมองพวกเขาทำไมกัน ตอนนี้เจ้ากับนางมิได้เป็นอะไรกันแล้ว จะไปจ้องมองนางขนาดนั้นทำไมกัน หากมีผู้ใดเห็นเข้าก็จะเข้าใจไปว่าเจ้าหึงหวงนาง ” อ๋องซีหยางค่อยๆหันกลับมามองใบหน้าของพี่ชาย “ ข้ามิได้หึงหวงนาง ข้าดีใจเสียด้วยซ้ำที่นางถอนหมั้นไปเองง่ายๆไม่ต้องให้ข้าต้องเดือดร้อนหาวิธีการให้วุ่นวาย ข้าเพียงแค่คิดว่านางจะไปได้สักกี่น้ำกัน เจ้าหมอนั่นเป็นสหายของพี่ชายนาง คงจะหาบุรุษที่ไหนไม่ได้เลยจะคว้าสหายของพี่ชายมาทำสามี ใครจะไปอยากได้นางเป็นเมียกัน ” เขาเอ่ยตอบพี่ชายของตนเอง แต่มันก็มิได้เต็มปากเหมือนที่ผ่านมานัก ระหว่างที่ทั้งสองร่ำสุราตาของเขาก็ยังคอยเมียงมองไปที่โต๊ะที่อดีตคู่หมั้นนั่งกินอาหารกับบุรุษที่เป็นสหายของพี่ชายของนาง และครุ่นคิดอยู่แต่ว่านางชักจะยิ้มมากไปหรือไม่ เขาเกิดความรู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมาอย่างมากมาย และตนเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม เขารู้สึกขัดหูขัดตายิ่งนักที่นางยิ้มหวานให้กับชายอื่นที่ไม่ใช่เขา 

เมื่อกินอาหารและร่ำสุรากันได้ที่ องค์ชายสามจึงได้เอ่ยว่า “ เรากลับกันเสียทีเถิด ข้ามีธุระจะต้องไปจัดการก่อนกลับตำหนัก เจ้าเองก็ดูจะเมาไม่น้อย กลับพร้อมกับข้าเลยดีกว่า ข้าจะไปส่งเจ้าที่หน้าตำหนัก เจ้ามิได้ให้องครักษ์ติดตามมาด้วย กลับกับข้าเถิด ” จากนั้นเขาก็กวักมือเรียกเสี่ยวเอ้อมาคิดเงิน แล้วจึงได้ลุกขึ้นพร้อมกันเพื่อจะเดินลงไปจากภัตตาคารแห่งนี้ แต่เท้าของอ๋องหนุ่มมันไม่รักดี แทนที่จะเดินหลีกไปอีกทางจะได้ไม่ต้องเผชิญหน้ากับอดีตคู่หมั้น แต่มันก็เกเรอยากจะเดินไปเฉียดโต๊ะของนางจนได้  “ ถวายบังคมองค์ชายสามและท่านอ๋องพะยะคะ ” รองแม่ทัพไป๋เฟยหลงหันไปมองเห็นองค์ชายสามเดินมากับท่านอ๋องซีหยางเข้าพอดี เขาจึงได้ลุกขึ้นทำความเคารพ พลอยทำให้เจียเหลียนฮวาจำต้องลุกขึ้นทำความเคารพทั้งคู่ด้วย “ ถวายบังคมองค์ชายสามกับท่านอ๋องเพคะ ” นางย่อตัวอย่างอ่อนช้อยแต่ดวงตามิได้มองมาทางอ๋องหนุ่มเลย นางมองเลยเขาไปยังพี่สามและยิ้มให้เขาอย่างแจ่มใส 

อ๋องหนุ่มจ้องมองใบหน้าของนาง ใบหน้าหวานที่ตอนนี้แก้มแดงก่ำ นางดื่มเหล้าจนเมาหรือว่าเขินอายที่อยู่กับบุรุษกันแน่ หญิงร่าน แพศยา เจ้าจะให้ความหวังชายสักกี่คนกันถึงจะพอใจ อ๋องหนุ่มรำพึงในใจอย่างอดไม่ไหว “ เหลียนฮวาไม่ได้พบกันเสียนาน เพราะข้ามีราชการไปต่างเมืองบ่อยๆ เมื่อไปเยี่ยมพระมารดาก็มิเคยพบเจ้าเลย สบายดีหรือไม่ ได้ยินว่าตอนนี้ถอนหมั้นกับเจ้าห้าแล้ว ” เหลียนฮวายิ้มน้อยๆให้กับองค์ชายสาม “ เพคะ ถอนหมั้นแล้ว ตอนนี้หม่อมฉันเป็นอิสระแล้วนะเพคะ  หากองค์ชายสามมีบุรุษใดที่น่าสนใจก็แนะนำหม่อมฉันได้นะเพคะ ฮวาเอ๋อตอนนี้กลายเป็นหญิงที่ยังมิได้ออกเรือนแล้วนะเพคะ “ เหลียนฮวาเอ่ยขึ้นแล้วหัวเราะเบาๆเหมือนมิได้พูดเรื่องของตนเองกระนั้น 

” แล้วรองแม่ทัพไป๋เล่า มิใช่พวกเจ้าคบหาดูใจกันอยู่หรือ “ องค์ชายสามแกล้งหลอกถามนาง และอยากจะดูปฏฺิกิริยาน้องชายของตนเองด้วยว่าหึงหวงอดีตคู่หมั้นของเขาหรือไม่ ”  เจียเหลียนฮวาทำท่าเอียงอายเล็กน้อยแล้วเอ่ยว่า “ หม่อมฉันนั้นคิดเพคะ แต่พี่เฟยหลงเขาจะคิดเหมือนหม่อมฉันหรือไม่ ก็ต้องลองถามเขาดูเพคะ ” คำพูดเหมือนล้อเล่นของนางนั้นส่งผลต่อทั้งสามบุรุษที่ยืนอยู่ในวงสนทนานั้น องค์ชายสามมีสีหน้าแปลกใจที่นางดูไม่ทุกข์ร้อนเมื่อเขาเอ่ยเรื่องถอนหมั้นกับชายที่นางหลงรักมานาน ส่วนแม่ทัพไป๋เฟยหลงใบหน้าแดงระเรื่อและมีท่าทีขัดเขินเหมือนเขาเองก็มีใจตอบนางแต่ยังมิกล้าเกี้ยวนาง ส่วนอดีตคู่หมั้นเช่นอ๋องซีหยาง ใบหน้าหล่อเหลาบึ้งตึงยิ่งนัก มือหนากำแน่น ดวงตาของเขาเหมือนมีไฟลุกโชนอยู่ในนั้น 

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status