หลังจากอ๋องซีหยางแบกคุณหนูเจียเหลียนฮวาหายเข้าไปในตำหนักแห่งนั้นโดยไม่มีผู้ใดรู้เห็น รองแม่ทัพไป๋เฟยหลงหลังจากที่สนทนาติดพันกับเหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่และแม่ทัพใหญ่หลายๆคนอยู่นาน จนกระทั่งเขาเริ่มมองหาเหลียนฮวาไปจนทั่วงานเลี้ยงแต่ก็ไม่พบร่างงดงามของนางเลย ฮวาเอ๋อหายไปที่ใดกัน เขาไปตามหานางแถวบริเวณห้องสุขาและในสวนด้านหน้าของเรือนที่ใช้จัดงานเลี้ยงต้อนรับทหารที่ชนะศึกกลับมาแต่ก็ไม่พบร่างอวบของนางเลย เขากระวนกระวายใจจึงได้รีบรุดไปหาบิดาและพี่ชายของนางที่กำลังสนทนาติดพันกับเหล่าสหายและเหล่าราชวงศ์หลายๆคนอยู่ “ ท่านลุงขอรับ ฮวาเอ๋อหายไปไหนก็ไม่ทราบ ข้าค้นหานางจนทั่วงาน จนไปตามหาแทบจะทั่วบริเวณรอบๆเรือนหลังนี้แล้วมิพบนางเลยขอรับ ไม่รู้นางหายไปที่ใดกัน” เสนาบดีเจียกับบุตรชายคนโต เจียหย่งจิ้งหันขวับมาทันที “ ฮวาเอ๋อจะหายไปที่ใดกัน พวกเราก็ยังอยู่ที่นี่ นางจะกลับไปก่อนโดยไม่บอกกล่าวได้เช่นไร ” เจียหย่งจิ้งขุนนางหนุ่มอนาคตไกลที่เป็นพี่ชายของนางเอ่ยขึ้นทันที “ นางอาจจะไม่สบายแล้วกลับไปก่อนหรือไม่ ” องค์ชายสามรีบเอ่ยขึ้นทันที ทั้ง ๆที่เขารู้อยู่เต็มอกว่านางหายไปกับใคร คงหนีไม่พ้นเจ้าห้าที่มันหึง
แผนของเหล่าองค์ชายที่ช่วยกันปล่อยข่่าวลือเรื่องมีผู้เห็นอ๋องซีหยางและคุณหนูเจียเหลียนฮวาหายเข้าไปด้วยกันในตำหนักเหม่ยฮัวที่เป็นตำหนักที่ว่างอยู่ทั้งคืนและพากันกลับออกมาในรุ่่งเช้าของอีกวัน และยังมีผู้เห็นเหตุการณ์ที่ทั้งสองพากันขึ้นไปบนรถม้าที่หน้าตลาดแล้วเพียงไม่นานก็มีคนได้ยินเสียงทั้งสองเริงรักกันเสียงดังออกมาจากไหนรถม้านั่น แถมยังมีผู้เห็นอีกว่ารถม้าคันนั้นที่จอดอยู่หน้าตลาดกว่าครึ่งชั่วยามนั้นโยกไหวอย่างรุนแรงอีกด้วย ข่าวลือทั้งหมดนี้เป็นที่โจษจันกันไปทั่วไม่ว่าจะเป็นโรงน้ำชา ร้านเสริมความงามสตรี ร้านเครื่องประทินโฉม ร้านขายอาภรณ์สตรีี ที่มีเหล่าคุณหนูในห้องหอและฮูหยินจวนต่างๆที่มักจะไปพบกัน และเล่าสู่เรื่องราวเหล่านี้ให้กันฟังอย่างออกรส “ จริงหรือไม่ ที่เขาเล่าลือว่าบุตรสาวเสนาบดีเจียกับท่านอ๋องซีหยางที่มีข่าวว่าถอนหมั้นกันไปแล้ว แต่ที่จริงแล้วยังพากันไปเริงรักกันที่ตำหนักว่างในวังหลวง ” ฮูหยินผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นในร้านเสริมความงามกลางตลาดแห่งหนึ่ง “ ยังไม่เพียงเท่านั้น ข้ายังได้ยินมามันโจ่งครึ่มยิ่งกว่านั้นอีก เขาว่ากันว่าท่านอ๋องซีหยางพาอดีตคู่หมั้นขึ้นไปบนรถม้าที่หน้าตลาดแล้วก็
อ๋องหนุ่มเร่งจัดงานแต่งงานอย่างรวดเร็ว ทุกอย่างเสร็จสิ้นภายในไม่ถึงสิบวัน จนวันนีี้เขาก็ขี่ม้ามารับเจ้าสาวของเขาด้วยตนเอง ใบหน้าของเขาบานยิ่งกว่าจานเชิง ขบวนรับเจ้าสาวก็ยิ่งใหญ่ เกี้ยวแปดคนห้ามก็เป็นเกี้ยวที่ทำขึ้นมาใหม่และเป็นเกี้ยวอย่างดีที่สุด สินสอดที่เขาจัดหามาให้นั้นมากมายยิ่งนัก มันบอกว่าเขานั้นรักเหลียนฮวามากขนาดไหน และอยากจะได้นางเป็นพระชายามากเพียงใด ขบวนสินสอดเป็นชบวนที่ยาวมากและสินเดิมของเจ้าสาวก็เป็นขบวนยาวไม่แพ้กััน สองข้างทางมีชาวบ้านมามุงดูกันตลอดสองข้างทาง พิธีแต่งงานครั้งนี้เล่าลือกันไปทั้งเมืองหลวงเพราะอ๋องซีหยางจัดพิธีอย่างยิ่งใหญ่สมเกียรติพระชายาเอกอย่างยิ่ง ผู้คนต่างฉงนในใจ ไหนใครๆบอกว่าท่านอ๋องซีหยางมิได้เต็มใจอยากจะได้พระชายาผู้นี้ และพวกเขาถอนหมั้นกันไปแล้วใช่ไรเล่า แต่อยู่ๆก็มีข่าวว่าทั้งสองได้เสียกันจนเล่าลือฉาวโฉ่กันไปทั้งเมืองแต่เพียงไม่กี่วันท่านอ๋องซีหยางก็จัดงานแต่งงานกับเจียเหลียนฮวาและรับนางเป็นพระชายาเอกแถมยังเป็นงานแต่งที่จัดอย่างยิ่งใหญ่สินสอดก็มากมายว่ากันว่ามากกว่าเจ้าสาวคนใดในปีนี้เลยด้วยซ้ำ อ๋องหนุ่มรอรับเจ้าสาวที่บิดาของนางพาเดินออกมาขึ้นเกี้
ด้านอ๋องหนุ่มเมื่อได้เวลาเข้าหอ “ เจ้าห้าไปกัน สมใจเจ้าแล้วนะ ต่อไปก็ไม่ต้องทำตาขวางใส่พวกข้าแล้ว ” เมื่อเอ่ยหยอกเย้าเจ้าบ่าวที่วันนี้หน้าบานยิ่งกว่าจานเชิง ใครพูดอะไรก็หัวเราะไปเสียหมดดังเช่นคนมีความสุขเหลือประมาณ องค์ชายสามกับองค์ชายหกก็หิ้วปีกเขามาส่งจนถึงหน้าห้องหอ แล้วก็พากันเดินโซเซจากไป อ๋องหนุ่มจึงได้เปิดประตูเข้ามาในห้องหอแล้วปิดมันลงทันที เขามองตรงไปที่เตียงวิวาห์เห็นร่างในชุดแดงของเจ้าสาวนอนตะแคงหันข้างให้เขา นางหันหน้าเข้าไปด้านในเตียงวิวาห์ วันนี้นางคงจะเหนื่อยมากจนรอเขาไม่ไหว หลับไปก่อนแล้ว แต่มิเป็นไร สวามีจะปลุกเจ้าเอง เพราะวัันนี้เขาต้องเข้าหอให้ได้ เพราะรอวันนี้มาหลายวันแล้ว อยากจะนอนกอดเมียของตัวเองเต็มทน ไม่ต้องห่วงว่าจะมีบุรุษใดมาแย่งนางไปจากเขาอีกแล้ว เพราะตอนนี้เขาตีตราจองนางเป็นพระชายาเอกของเขาแล้ว อ๋องหนุ่มก้มลงมองร่างอวบที่นอนตะแคงข้างอยู่บนฟูกนุ่ม นางยังสวมชุดเจ้าสาวอยู่ อ๋องหนุ่มจึงเดินกลับไปหลังฉากแล้วถอดชุดเจ้าบ่าวสีแดงตัวนอกออกเหลือเพียงชุดตัวในแล้วเดินกลับมาที่เตียงวิวาห์ เขาก้าวขึ้นไปนอนข้างร่่างอวบอิ่มนั่น แล้วมือหนาก็ค่อยๆเอื้อมมือไปที่ด้านหน้าของนา
หลายวันต่อมามีงานเลี้ยงวันเกิดของขุนนางใหญ่คนหนึ่ง ท่านอ๋องซีหยางพาพระชายาหมาด ๆ ของเขาไปที่งานเลี้ยงแห่งนี้ด้วย เมื่อไปถึงในงานต่างก็เข้าไปทักทายแขกเหรื่อที่มางาน ขณะนั้นคุณหนูจงซูลี่ที่มากับบิดาของนางก็เดินเข้ามาร่วมวงสนทนา ดวงตาจ้องมองทัั้งคู่อย่างไม่พอใจนัก นางมีความหวังอย่างมาก เพราะเคยได้ยินคนพูดหลายๆครั้งว่าท่านอ๋องซีหยางนั้น พูดถึงนางว่าพึงใจนางมากกว่าคู่หมั้นที่เขาไม่ต้องการเลยอย่างเช่่นเจียเหลียนฮวาผู้นี้ เขารังเกียจและรำคาญนางเหลือเกิน อยากจะถอนหมั้นที่เขาถูกบังคับให้จำต้องหมั้นกับหญิงร้ายกาจเช่นนี้แต่ไม่รู้เหตุใดตอนนี้เขาถึงได้กลับกลายไปสู่ขอนางมาแต่งเป็นพระชายาเอก ทั้ง ๆที่ผ่านเขาไม่เคยรักหญิงผู้นี้เลย แต่ซูลี่ก็ยังมีความหวัง เพราะนางหลงคิดไปว่าเขาชอบนางมีใจให้นาง เพราะได้ยินคนหลายๆคนพูดตรงกันเช่นนี้ จึงยังคงมีความหวังแม้เขาจะแต่งงานกับอดีตสหายของนางไปแล้ว แต่ซูลี่ก็ยังคาดหวังว่าเขาจะรับนางเป็นพระชายารองในสักวัน และนางก็จะแสดงให้เห็นว่าหญิงเช่นนางมีดีกว่าหญิงร้ายกาจเช่นเหลียนฮวาเป็นไหน ๆ “ เป็นเช่นไรเล่าพระชายาเจีย ไม่ได้พบกันเสียนาน ตอนนี้จากหญิงร้ายกาจที่คู่หมั้นไม่ต
ซูลี่ส่งคนไปสืบการเคลื่อนไหวของแม่ทัพไป๋ ให้ติดตามเขาห่าง ๆ อย่าให้เขารู้ตัวว่าแต่ละวันเขาไปที่ใดบ้าง เขาทำอะไรในแต่ละวันเพื่อนางจะได้วางแผนที่จะพบเจอเขาให้ได้ วันหนึ่งคนที่นางให้ติดตามรองแม่ทัพไป๋ส่งข่าวมาบอกว่ารองแม่ทัพหนุ่มเขากำลังเดินทางกลับมาจากต่างเมืองที่เขาไปราชการหลายวันมาแล้ว เป็นโอกาสดีเพราะเขาขี่ม้าคู่กายกลับมาเพียงลำพัง ตั้งแต่เขาพลาดหวังจากคุณหนูเจียเหลียนฮวา เขามักจะชอบอยู่ผู้เดียวไม่ให้คนสนิทติดตามเลย แม้ไปราชการนอกเมืองก็ควบม้ากลับมาเพียงลำพัง เมื่อได้รับข่าวนี้แล้ว คุณหนูจงซูลี่อดีตคุณหนูในห้องหอที่ทำตัวอ่อนแอ และแสนดีมาตลอดก็วางแผนว่านางจะทำทีไปดักรอที่ทางผ่านโดยให้องครักษ์ของบิดาที่นางใช้งานเขาอยู่ในขณะนี้ไปดักรอว่ารองแม่ทัพหนุ่มจะกลับมาตามเส้นทางที่พวกเขาคาดการณ์ไว้หรือไม่ หากเขาเดินทางใกล้มาถึงจุดที่นางไปดักรออยู่ก็ให้รีบมารายงาน นางจะทำทีว่ารถม้านั้นเพลาหักและขอนั่งมากลับมากับเขาเพียงลำพังให้ได้ เมื่อวางแผนแล้วรุ่งขึ้นนางก็ลงมือปฏิบัติการณ์ทันที นั่งรถม้าที่ให้คนขับรถจัดการให้เพลามันหักทันทีที่มาจอดรอแม่ทัพไป๋เฟยหลงอยู่ริมถนนระหว่างทางกลับเมืองที่ห่างจากเมืองไป
เมื่อปลาตัวอ้วนที่จงซูลี่คิดจะจับหลุดมือไปต่อหน้าต่อตา นางหันมามองคนที่มาขัดขวางแผนการจับปลาของนางตาขวาง นางเกลียดมันทั้งพี่ทั้่งน้องเลย นังน้องก็แย่งว่าที่สวามีของนางไป ไอ้เจ้าพี่ชายก็มาขัดขวางแผนการณ์หาสามีคนใหม่ของนางอีก “ ท่านทำบ้าอะไรกัน ข้าไม่ได้อยากจะไปกับท่านเสียหน่อย ” คุณชายเจียหัวเราะหึหึ “ ข้าคิดไว้อยู่แล้ว ว่าหญิงแพศยาเช่นเจ้าคงจะคิดใช้มารยาจับสหายสนิทของข้า ทำทีเป็นแกล้งรถม้ามาเสียใกล้ทางที่จะกลับเข้าเมือง เพื่อจะดักรอรองแม่ทัพไป๋ แผนการณ์ตื้นเช่นนี้ คิดว่าผู้อื่นเขาไม่รู้เท่าทันหรือไร เสแสร้งทำเป็นอ่อนแอ ที่แท้ก็หญิงเจ้ามารยาแพศยาดีๆนี่เอง ” คุณชายเจียเอ่ยวาจาเสียดสีนางอย่างไม่ไว้หน้า“ อ๊ายย เจ้าบ้า เจ้าปากเสีย ปากสามหาว มาว่าข้าเช่นนี้ได้อย่างไร ” ซูลี่กระทืบเท้าต่อหน้าเขา ขุนนางหนุ่มเจียหย่งจิ้งเหยียดยิ้มหยันนาง “ คนที่เจ้าเสแสร้งทำเป็นอ่อนแอต่อหน้าเขาก็ไม่อยู่ดูแล้ว ตอนนี้ก็ออกงิ้วได้เต็มที่ไม่ต้องทำมารยาอีกต่อไป ” แล้วเขาก็จับเอวคอดยกตัวของจงซูลี่ขึ้นวางบนม้าตัวสูงใหญ่สีดำงามสง่าของเขา “ ไม่นะปล่อยข้าไม่ไปกับเจ้า ปล่อยนะเจ้าคนปากร้าย ” นางเอ่ยตวาดเขาแว๊ด ๆ “ ไปกั
ม้าแสนรู้ของขุนนางหนุ่มวิ่งเหยาะย่างช้าๆจนกระทั่งวิ่งมาจนถึงจวนร้างแห่งหนึ่ง มันวิ่งไปหยุดตรงประตูทางเข้าจวนร้างแห่งนั้น หย่งจิ้งประคองร่างอวบที่เอนกายพิงอกแกร่งของเขามาตลอดทางขึ้น แล้วเขาก็โหนตัวลงจากม้าหนุ่มแสนรู้นั่น แล้วยกร่างอวบของซูลี่ลงมายืนข้างม้าหนุ่มของเขา “ เจ้ายืนรอพี่ตรงนี้ก่อน พี่จะผูกม้าและหาหญ้าให้มันกินสั่งหน่อยก่อนเป็นรางวัลที่วันนี้มันทำได้ดีเหลือเกิน ” เขาเอ่ยปากชมม้า แต่มองเข้ามาในตาของนางอย่างหวานฉ่ำเหลือเกิน ใบหน้าของซูลี่แดงก่ำ นางรู้ว่าเขาหยอกเย้านาง พอตกเป็นของเขาแล้ว ท่าทีต่อนางก็เปลี่ยนไป ปกติชอบพูดจากกระแทกนางแรงๆอย่างไม่เกรงใจ แต่คราวนี้กลับปากหวานกับนางเหลือเกิน นางจ้องมองร่างล่ำสันของเขาที่จูงม้าเดินเข้าไปในประตูจวน แล้วเดินตามเขาเข้าไปในจวนร้างแห่งนั้น เมื่อขุนนางหนุ่มผูกม้าเรียบร้อยแล้ว เขารินน้ำใส่ในอ่างเคลือบใบเก่าที่มีรอยบิ่นที่เขาค้นพบในครัวหลังบ้าน มาวางไว้ตรงหน้าม้าหนุ่ม แล้วเดินออกไปเกี่ยวหญ้าที่ขึ้นรถด้านนอกมาหอบใหญ่วางลงตรงหน้าม้าหนุ่ม เดินไปหยิบกระถางต้นไม้ที่ทำจากดินเผาเก่าๆใบใหญ่ที่กลิ้งอยู่ตรงทางเข้า มาหักกิ่งไม้ใส่ลงไปแล้วเดินกลับไปหยิ