หญิงที่มีอารมณ์กำหนัดที่รุนแรงเช่นซูลี่ไม่เคยรู้ตัวมาก่อนว่านางร่านรักเช่นนี้ เมื่อเขาโยกขย่มนางด้วยจังหวะที่รุนแรงขึ้นนางก็ยิ่งเสียวซ่านจนทนไม่ไหว ปากร้องครวญครางเสียงกระเส่า แล้วโยกสะโพกอวบอั๋นของนางรับลำกายใหญ่ของเขาด้วยจังหวะเดียวกันอย่างรวดเร็ว นางกางเล็บมือกรีดบนหลังไหล่ล่ำสันของเขาอย่างมันมือเพราะอารมณ์กำหนัดของนางพุ่งขึ้นสูงอย่างไม่เคยมาก่อน ปากก็ร้องครวญคราง“ รักข้าอีก รักข้า แรงๆอีก แรงๆ กว่านี้อีก เจ้าบ้า รักข้าเร็วๆ อ๊าย อ๊าา อ๊าา อ๊าางง ” ปากของนางก็ร้องครวญครางเสียงกระเส่าอย่างสุขสมเหลือเกิน “ ขอร้องข้าสิเมียรัก ข้าคือผัวเจ้า ต่อไปอย่ามาเรียกเจ้าบ้า เรียกว่าผัว มิเช่นนั้นเข้าจะปล่อยให้เจ้าอารมณ์ค้างเช่นนี้ อยากสุขสมต้องพูดกับข้าให้มันรื่นหูกว่านี้เข้าใจหรือไม่ ” เมื่อได้ทีขุนนางหนุ่มรีบข่มขู่นางทันที เขาต้องดัดนิสัยนางให้ได้ จะเป็นเมียของต้องเป็นสตรีที่ดีกว่านี้ ว่านอนสอนง่าย เขาจะปราบนางเอง หญิงเช่นนางเหมาะกับบุรุษเช่นเขาแล้ว เพราะเขาชอบปราบพยศหญิงร้ายกาจเช่นนางนี่แหละ สหายของเขาดีเกินไปไม่เหมาะกับหญิงแพศยาเจ้ามารยาเช่นนางหรอก ขุนนางหนุ่มแกล้งลดจังหวะกระแทกนางให้ช้าๆ
ขุนนางหนุ่มมีสีหน้าดีใจที่เสนาบดีจงยอมรับเขาโดยง่ายดาย “ ขอรับท่านพ่อตา ข้าจะจัดการเรื่องสินสอดให้เร็วที่สุดและหาฤกษ์ที่ดีและให้เร็วที่สุด มิต้องห่วงนะขอรับ ข้ารักนางมาก จะดูแลนางให้ดีที่สุด ขอให้ท่านวางใจ ” จากนั้นเขาก็อยู่พูดคุยกับเสนาบดีจงครู่ใหญ่จึงได้ขอตัวลากลับ ซูลี่เดินออกมาส่งสามีหมาด ๆ ของนางจนถึงหน้าประตู เหลียวมองซ้ายขวาไม่เห็นใครจึงได้เขย่งเท้าขึ้นจูบแก้มเขาเบาๆ “ ท่านพี่ต้องรีบจัดการเรื่องแต่งงานของเราให้เร็วที่สุดนะเจ้าค่ะ ข้ารอนานไม่ไหว อยากจะใช้ชีวิตอยู่กับท่านให้เร็วที่สุด ”ขุนนางหนุ่มก้มลงมองใบหน้าที่แดงก่ำของซูลี่แล้วก้มลงหอมแก้มนางทั้งสองข้าง ๆพี่จะจัดการให้เร็วที่สุดเจ้าไม่ต้องกังวล แต่ระหว่างนี้พี่จะมาหาเจ้าบ่อยๆ หรือเจ้าก็ไปหาพี่ที่จวนได้ตลอดเวลา เจ้าก็รู้หากพี่ไม่มีราชการก็จะอยู่ที่จวน เจ้าก็ไปมาหาสู่ที่จวนเช่นเดิมเหมือนตอนที่ยังเป็นสหายกับฮวาเอ๋อ ตอนนี้เจ้ากลายมาเป็นพี่สะใภ้ของนาง ต่อไปก็หาทางคืนดีกันเสีย เพราะกลายมาเป็นพี่น้องกันแล้ว เข้าใจหรือไม่ นางกลายมาเป็นน้องสาวของเจ้าแล้ว พี่สะใภ้ “ เขาเอ่ยเย้านาง ใบหน้าของซูลี่แดงก่ำ ” ก็ได้เจ้าค่ะ ข้าจะง้องอนนางเ
บทที่ 1คู่หมั้นที่น่ารังเกียจอ๋องซีหยางต้องพยายามหลบเลี่ยงการแต่งงานที่ฮองเฮาฉางเก้อคิดจะไปทูลขอสมรสพระราชทานให้เขากับเจียเหลียนฮวาหลานสาวของนางที่เป็นคู่หมั้นของเขาที่เขามิคิดจะแต่งงานกับนางเป็นอันขาด มีแต่จะหาทางถอนหมั้นนางให้จงได้ แต่เขาพึงพอใจสหายของนางจงซูลี่ ที่งดงามอ่อนหวาน กิริยามารยาทเรียบร้อย แตกต่างกับเจียเหลียนฮวาสหายของนางยิ่งนัก “ เจ้าห้าเจ้าคิดจะถอนหมั้นกับคุณหนูเจียแน่หรือ นางก็งดงามปานจะล่มเมือง ข้าเองเห็นนางครั้งแรกยังตะลึงมองนางอยู่นาน ใบหน้าก็งดงาม รูปร่างหรือก็อวบอิ่มขาวผ่องไปทั้งร่าง การแต่งกายก็งดงามมองไปแล้วก็เหมาะสมที่จะเป็นพระชายาของเจ้า “ อ๋องซีหยางที่กำลังยกจอกสุราขึ้นดื่มจ้องมองหน้าพี่ชายของเขาองค์ชายสามซีหย่ง ” ท่านพี่มิเคยเห็นเวลานางร้ายกาจ อาละวาดหญิงอื่นจนแตกกระเจิงต่อหน้าธารกำนัลทำให้ข้าอับอายยิ่งนัก ข้าพึงใจนางไม่ลงหรอก แต่ถ้าเป็นสหายของนาง คุณหนูจงซูลี่บุตรเสนาบดีคลังก็พอได้ เช่นนั้นข้าพร้อมจะไปสู่ขอนางมาเป็นพระชายา “ อ๋องหนุ่มเอ่ยขึ้น “ เจ้ามิอยากจะแต่งงานกับนาง แต่นางเป็นคู่หมั้นของเจ้า ที่ฮองเฮาฉางเก้อเสด็จแม่ของข้าคิดจะขอสมรสพระราชท่านให้เจ
บทที่ 1 เตียงสี่เสาที่เร่าร้อน ncอ๋องหนุ่มดูดดื่มผลอิงเถาที่สั่นระริกของนางอย่างเอร็ดอร่อย เหลียนฮวาทั้งครวญครางและแอ่นอกอวบจนหลังของนางแทบจะแอ่นโค้งเพราะทนความเสียวซ่านที่ถาโถมเข้ามามากมายมิได้ อ๋องหนุ่มเมื่อดูดดื่มนางจนพอใจแล้ว เขาก็ไล้เลียร่างอวบนั้นอย่างเมามันจนแทบจะทั่วร่าง เหลียนฮวาได้แต่ร้องครวญครางอย่างเสียวซ่านแทบจะขาดใจ อ๋องหนุ่มไล้เลียหน้าท้องข้าวผ่องของนางจนทั่วและเขาขบเม้มมันอย่างหมั่นเขี้ยวทิ้งรอยฟันคมของเขาเอาไว้ นางกรีดร้องอย่างตกใจ และก็หลับตาครวญครางไปอีกต่อจากนั้น อ๋องหนุ่มแยกขาขาวอวบของนางออกจากกัน เขาจ้องมองเนินอวบของนางที่มันอวบใหญ่เต็มมือของเขา เขาบีบขย้ำมันอย่างหมั่นไส้เล็กน้อย มือหนาแหวกร่องอวบของนางออกจนเห็นเนื้อสีแดงระเรื่อที่อยู่ด้านในและมีเมล็ดดอกไม้สีแดงที่สั่นระริกอยู่ตรงกลาง เขาจ้องมองมันอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็อ้าปากไล้เลียร่องอวบนั้นไปมา “ อ๊ายย อ๊า อ๊า อย่านะ ไม่นะ ท่านอ๋องไม่ ฮวาเอ๋อยอมแพ้แล้ว ไม่นะ ” นางร้องห้ามเขาเสียงสั่นผสานครวญครางอย่างห้ามตนเองไม่ไหว เพราะมันรู้สึกเสียวซ่านยิ่งนักเมื่อลิ้นสากร้อนรุ่มนั่นสัมผัสกับเมล็ดดอกไม้ที่สั่นระริกของนาง อ๋อ
บทที่ 3ข้าไม่ได้รักเจ้าอ๋องหนุ่มเริงรักกับฮวาเอ๋ออย่างเร่าร้อนจนกระทั่งเข้ายามซื่อจึงได้เสร็จสมและลงนอนหมดแรงข้างๆร่างอวบของเหลียนฮวา เมื่อนอนหอบเหนื่อยกันอยู่ครู่หนึ่ง จนรู้สึกมีแรงขึ้นมาบ้างแล้ว อ๋องหนุ่มก็เอ่ยขึ้นว่า “ เจ้าอย่าคิดว่า เมื่อเจ้าปีนเตียงข้าเช่นนี้แล้ว ข้าจะยอมแต่งงานรับเจ้าเป็นชายานะ ไม่มีทางหรอก ข้าเกลียดเจ้ายิ่งนัก บัดนี้ก็ยังเกลียดอยู่เช่นเดิม รังเกียจมิอยากจะเกี่ยวข้องกับเจ้า ที่ข้าเริงรักกับเจ้าเช่นนี้เพราะข้าคิดว่ากำลังเสพสมกับหญิงคณิกาผู้หนึ่งเพียงเท่านั้น ข้ามิได้รักเจ้าเลยแม้แต่น้อย และข้าจะบอกเจ้าว่าข้าจะไม่รับผิดชอบใดๆเพราะเจ้ารนหาที่เอง และข้าจะบอกความจริงกับเจ้าว่าข้าพึงใจสหายของเจ้าคุณหนูจงซูลี่ และหากข้ากลับมาจากชายแดนข้าจะส่งคนไปสู่ขอนางมาเป็นชายา ข้าพูดถึงเพียงนี้หญิงหน้าทนเช่นเจ้าคงจะเข้าใจนะ ว่าข้าไม่ต้องการเจ้า ” เหลียนฮวาที่เพิ่งหายเหนื่อยจากการที่ถูกเขาเคี่ยวกรำมาทั้งคืนและเมื่อรุ่งสางก็เคี่ยวกรำนางอย่างหนักหน่วงอีก เมื่อได้ยินคำพูดตัดรอนอย่างรุนแรงของเขา นางก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ยิ่งได้ยินว่าเขาพึงใจสหายสนิทของนางถึงขั้นจะส่งคนไปสู่ขอจงซู่ลี่ม
บทที่ 4ข้าเป็นหญิงยังไม่มีพันธะ“ เจ้าห้า ข้าถามเจ้าจริงๆนะ ว่าเจ้าเสียดายนางหรือไม่ ทำไมชอบทำตาขวางใส่ข้าเหลือเกิน พูดถึงรูปร่างของนางทีไร เจ้าทำตาขวางใส่ข้าทุกที อย่างกับหึงหวงนางเช่นนั้นแหละ แต่ถึงตอนนี้เจ้าจะคิดเปลี่ยนใจมาหึงหวงนางดังเช่นคู่หมั้นก็ไม่ทันเสียแล้ว นางเดินมานั่นแล้วแต่กับบุรุษอื่นนะ ” เขาพยักเพยิดให้น้องชายมองไปที่ตรงบันไดทางขึ้นที่ร่างอวบอิ่มของเจียเหลียนฮวาเพิ่งเดินขึ้นบันไดมากับบุรุษผู้หนึ่ง และเจ้าหมอนั่นก็หล่อเหลาไม่น้อย รูปร่างสูงสง่าผึ่งผาย ดูเป็นบุรุษที่น่าสนใจผู้หนึ่ง อ๋องซีหยางหันขวับไปมองทันที กรามแกร่งของเขาขบเข้าหากันแน่น เพิ่งนอนร้องครวญครางใต้ร่างเขาเมื่อคืนจนถึงตอนสายแท้ๆ ตอนเย็นก็มากับชายอื่นทันทีแถมยังไม่มีสาวใช้ติดตามอีกด้วย นางเป็นคุณหนูในห้องหออีกทั้งเป็นบุตรของเสนาบดีฝ่ายซ้ายเจียเฉินอี้ นางออกมากินอาหารกับบุรุษสองต่อสองมิได้เกรงคำครหาของผู้อื่นเลยหรือไร ดวงตาคมจ้องมองนางตาขวาง มือหนาข้างตัวกำแน่น ด้านเจียเหลียนฮวานางเดินมากับรองแม่ทัพไป๋เฟยหลงสหายสนิทของพี่ชายของนางที่เป็นขุนนางใต้สังกัดของบิดา เขามักจะมาที่จวนเสนาบดีเจียบ่อยๆเพื่อสนทนาหรือเล
บทที่ 5ไม่รักแต่มันหวงในใจของเขามันร้อนรุม หญิงแพศยา เมื่อคืนนอนใต้ร่างร้องครวญครางปานจะขาดใจอยู่กับชายผู้หนึ่งแต่ตอนเย็นของอีกวันกลับเกี้ยวชายอีกผู้หนึ่งได้อย่างหน้าด้านๆ ร่านยิ่งนัก ไม่มีใครเปรียบปาน เขาครุ่นคิดในใจอย่างโมโหยิ่งนัก แต่มิรู้จะทำเช่นไร จึงได้เอ่ยประชดประชันออกไป “ หญิงเช่นเจ้า เกี้ยวชายก่อน ดังเช่นหญิงไม่ไว้ตัว แถมยังมากินข้าวกับชายไม่ให้สาวใช้ตามมาด้วยอีก เป็นถึงคุณหนูจวนเสนาบดีแต่ไม่ไว้ตัวเสียเลย จะมีชายใดอยากจะได้เจ้าไปเป็นภรรยากัน หากแค่เพียงเชยชมเล่นก็อีกเรื่องหนึ่ง ” เขาเอ่ยขึ้นแล้วจ้องมองสบตาของนางอย่างจะเย้ยหยัน แม้ใบหน้าของเจียเหลียนฮวาจะร้อนวูบขึ้น เพราะคำพูดที่ดูถูกดูแคลนนั้น แต่นางก็ระงับอารมณ์เอาไว้แล้วเอ่ยตอบไปว่า “ มิเห็นเป็นอะไรนี่เพคะท่านอ๋อง ตอนนี้เหลียนฮวาเป็นหญิงยังมิได้ออกเรือน ยังไม่มีพันธะใดก็ย่อมต้องมองหาบุรุษที่พึงใจเพื่อจะได้ออกเรือนกับเขา ใช่ไหมเจ้าค่ะพี่เฟยหลง ” นางหันไปเอ่ยถามชายที่ยืนมองทั้งคู่อยู่ รองแม่ทัพไป๋หันมาหาเหลียนฮวาทันที “ ใช่จ๊ะ พี่ก็กำลังคิดว่าจะลองคบหาดูใจกับฮวาเอ๋ออยู่ เจ้าจะขัดข้องหรือไม่ ” รองแม่ทัพหนุ่มที่หาโอกาสพูดค
ยามซื่อวันต่อมา ที่วังหลวงในที่ประชุมขุนนาง ที่มีฮ่องเต้เป็นประธานและมีเหล่าองค์ชายหลายองค์รวมถึงอ๋องห้าซีหยางและอ๋องแปดอยู่ในที่ประชุมด้วย ทั้งหมดถกปัญหาอุทกภัยที่หัวเมืองชานตงอย่างเคร่งเครียดฮ่องเต้มอบให้อ๋องแปดไปจัดการเรื่องนี้กับขุนนางที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการทำเขื่อน ให้ไปตรวจสอบและแก้ไขปัญหาให้เรียบร้อย อ๋องแปดรับพระบัญชาและเร่งออกไปจากท้องพระโรงเพื่อจัดการปัญหานี้ จากนั้นที่ประชุมก็ปรึกษาถึงเรื่องอื่นๆกันต่อไป จนเสร็จสิ้นการประชุมเมื่อฮ่องเต้เสด็จออกจากท้องพระโรงไปแล้ว เหล่าราชวงศ์และขุนนางก็กำลังจะทะยอยกันกลับ อ๋องซีหยางพยายามเดินไปเฉียดเสนาบดีเจีย เผื่อเขาจะสอบถามเรื่องเกี่ยวกับการถอนหมั้นเขาจะได้บ่ายเบี่ยงว่าเขามิได้อยากจะถอนหมั้นแต่เป็นเพราะเหลียนฮวางอนเขาจึงได้ส่งของหมั้นคืน หากท่านเสนาบดีเจียไม่ขัดข้องเขาจะส่งของหมั้นกลับคืนไป แม้เหลียนฮวาโวยวายเขาก็จะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เสีย แล้วก็รวบรัดนางกลับมาเป็นคู่หมั้นดังเดิม แต่เสนาบดีเจียกลับมิได้สนใจจะเอ่ยถึงเรื่องนี้เลย เหมือนเขามิได้ติดใจอะไรที่บุตรสาวเพียงคนเดียวถูกถอนหมั้น เขากลับเอ่ยถึงเรื่องราชการทั่วไป ขณะนั้นเสนาบดีจงก็เ