บทที่ 1
เตียงสี่เสาที่เร่าร้อน nc
อ๋องหนุ่มดูดดื่มผลอิงเถาที่สั่นระริกของนางอย่างเอร็ดอร่อย เหลียนฮวาทั้งครวญครางและแอ่นอกอวบจนหลังของนางแทบจะแอ่นโค้งเพราะทนความเสียวซ่านที่ถาโถมเข้ามามากมายมิได้ อ๋องหนุ่มเมื่อดูดดื่มนางจนพอใจแล้ว เขาก็ไล้เลียร่างอวบนั้นอย่างเมามันจนแทบจะทั่วร่าง เหลียนฮวาได้แต่ร้องครวญครางอย่างเสียวซ่านแทบจะขาดใจ อ๋องหนุ่มไล้เลียหน้าท้องข้าวผ่องของนางจนทั่วและเขาขบเม้มมันอย่างหมั่นเขี้ยวทิ้งรอยฟันคมของเขาเอาไว้ นางกรีดร้องอย่างตกใจ และก็หลับตาครวญครางไปอีกต่อจากนั้น อ๋องหนุ่มแยกขาขาวอวบของนางออกจากกัน เขาจ้องมองเนินอวบของนางที่มันอวบใหญ่เต็มมือของเขา เขาบีบขย้ำมันอย่างหมั่นไส้เล็กน้อย
มือหนาแหวกร่องอวบของนางออกจนเห็นเนื้อสีแดงระเรื่อที่อยู่ด้านในและมีเมล็ดดอกไม้สีแดงที่สั่นระริกอยู่ตรงกลาง เขาจ้องมองมันอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็อ้าปากไล้เลียร่องอวบนั้นไปมา “ อ๊ายย อ๊า อ๊า อย่านะ ไม่นะ ท่านอ๋องไม่ ฮวาเอ๋อยอมแพ้แล้ว ไม่นะ ” นางร้องห้ามเขาเสียงสั่นผสานครวญครางอย่างห้ามตนเองไม่ไหว เพราะมันรู้สึกเสียวซ่านยิ่งนักเมื่อลิ้นสากร้อนรุ่มนั่นสัมผัสกับเมล็ดดอกไม้ที่สั่นระริกของนาง อ๋องหนุ่มทั้งไล้เลียร่องอวบสลับกับดูดเมล็ดดอกไม้ของนางอย่างรุนแรง จนกระทั่งมันบวมเป่งขึ้นทันที เขาดูดมันอย่างเมามัน ยิ่งสะโพกอวบของร่างงามแอ่นโยกไหวช้าๆเข้าหาใบหน้าหล่อเหลาของเขา เขายิ่งดูดเมล็ดดอกไม้นั้นแรงยิ่งขึ้น “ อ๊าย อ๊า อ๊ะ อ๊าย อ๊างง ” เหลียนฮวาครวญครางเสียงกระเส่ายิ่งขึ้น นางโยกสะโพกอวบเข้าหาใบหน้าคมอย่างทนไม่ไหวอีกต่อไป จนมันกระตุกเกร็งหลายๆครั้งจนเสร็จสมไปเป็นครั้งแรกของชีวิตสาวของนาง ตัวของนางเหมือนล่องลอยเบาสบายยิ่งนัก ร่างอวบตัวอ่อนระทวยใต้ร่างล่ำสันของชายที่นางหลงรักเขามานานจนอยากได้เป็นสามี แม้จะรู้ว่าเขาชิงชังรังเกียจปานใด แต่บทรักของเขาก็ทำให้นางหลงลืมว่าเขามิอยากจะได้นางเป็นชายาเลยแม้แต่น้อย
อ๋องหนุ่มทรงกายลุกขึ้นแล้วถอดอาภรณ์ของตนเองออกจนกายล่ำสันเปลือยเปล่า เขาก้มมองลูกชายที่ตอนนี้มันขยายตัวขึ้นเกือบสองเท่า และมีน้ำรักเริ่มไหลซึมออกมาที่ตาเดียวของมัน มันไหวระริกอยากจะเข้าไปในร่องอวบที่ตอดลมเบาๆตรงหน้าเต็มทีแล้ว แม้ปากจะบอกว่าชิงชังรังเกียจนางเหลือเกิน แต่เจ้าลูกชายตาเดียวของเขามันไม่รักดี มันอยากจะเข้าไปรวมร่างกับนางเหลือเกินจนขยายใหญ่อย่างรวดเร็ว อ๋องหนุ่มทนต่อไปอีกไม่ไหว จึงได้สอดลูกชายที่ไม่รักดีของเขาที่มันกระหายร่องอวบของนางเหลือแสน เขาสอดมันช้าๆจนกระทั่งเหลียนฮวากรีดร้องเสียงดังขึ้น “ เจ็บข้าเจ็บเหลือเกิน ไม่ไหวแล้วเพคะ หม่อมฉันจะไม่แต่งงานกับท่านอ๋องแน่นอนไม่ต้องห่วง ไม่นะ ไม่เอาอีกแล้ว อ๊าย อ๊า อ๊างงง “
แม้นางจะพยายามดิ้นรนเพื่อจะหนีออกจากใต้ร่างล่ำสันของเขา แต่อ๋องหนุ่มก็มิยอมปล่อยนางไปอย่างแน่นอน เพราะเจ้าลูกชายแม้มันจะเจ็บปวดที่ร่องอวบของนางบีบรัดแทบจะขาดใจ แต่มันกระหายนางเหลือเกิน หากวันนี้ไม่ได้ลองลิ้มรสของนางเขาคงจะขาดใจอย่างแน่นอน อ๋องหนุ่มจึงได้ก้มลงประกบจูบนางอย่างดูดดื่มอีกครั้ง เหลียนฮวาที่ตอนแรกพยายามดิ้นรนขัดขืนเขา แต่ในที่สุดนางก็เคลิบเคลิ้มไปกับรสจูบแสนหวานของเขา เมื่อนางเผลอไผลเขาจึงได้ดันลำกายแกร่งเข้าไปในร่องอวบใหญ่ของนางทันที ”อ๊าย อ๊า เจ็บเหลือเกิน เจ็บ อ๊ายย " เหลียนฮวากรีดร้องอย่างตกใจและเจ็บปวดที่กลางกายเหลือเกิน น้ำตาของนางไหลรินลงมาทันที ไหนใครๆบอกว่าการร่วมรักของสามีภรรยานั้นแสนจะมีความสุขและเคลิบเคลิ้มยิ่งนัก แต่ทำไมนางถึงได้เจ็บปวดปานนี้กัน
แต่เมื่ออ๋องหนุ่มแช่เจ้าลูกชายไว้ให้นางได้ปรับตัวครู่ใหญ่จึงค่อยๆเริ่มขยับลำกายแกร่งนั้นอีกครั้งจากช้าๆหลายครั้งจนค่อยๆเร่งความเร็วขึ้นจนกระทั่งกลายเป็นเร่งกระแทกนางอย่างรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายกลายเป็นโยกขย่มนางอย่างเร่าร้อน เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังก้องไปทั้งห้องนอนใหญ่นั้น เสียงหัวเตียงใหญ่กระทบผนังดังสนั่น ม่านบางๆที่ผูกติดกับเสาทั้งสี่ไหวโยกเป็นจังหวะ ตับ ตับ ตับ ตับ ตับ “ อ๊าย อ๊า อ๊า อ๊ะ อ๊า อ๊างงง อ๊าาก อ๊ากก อ๊ากก ” ทั้งสองร้องครวญครางผสานกันอย่างสุขสม อ๋องหนุ่มโยกบั้นเอวขย่มนางอย่างรุนแรง เขาสุขสมยิ่งนัก หญิงผู้นี้คับแน่นถูกใจเขายิ่ง นางมิเคยชายเขารู้ แต่เจ้าลูกชายตาเดียวมันทนไม่ไหว แม้อยากจะปราณีนางเหลือเกิน แต่มันก็ทนถนอมนางไปมากกว่านี้ไม่ได้ อ๋องหนุ่มโยกขย่มนางอย่างรุนแรงจนสุขสมแล้วจึงได้เปลี่ยนเป็นจับนางกระแทกร่องอวบจากทางด้านหลัง มือหนาจับก้นงอนงามของนางบีบเค้นจนขึ้นสีแล้วกดกระแทกลำกายแกร่งนั้นเข้าไปในร่องอวบของนางจากจังหวะรักที่ช้าๆกลายเป็นเร่งความเร็วจนกระแทกนางอย่างรุนแรง “ อ๊า อ๊า อ๊า อ๊างงง ” เหลียนฮวาร้องครวญครางอย่างสุขสมยิ่งนักนางรู้แล้วว่าการเริงรักกันระหว่างหญิงชายนั้นมันสุขสมเพียงใด แม้เขามิได้รักนางเลยก็ตาม อ๋องหนุ่มจับร่างอวบของเหลียนฮวาพลิกไปมาหลายท่วงท่าตามที่ตนเองพอใจ เขาสุขสมยิ่งนักอย่างไม่น่าเชื่อว่าหญิงที่เขาชิงชังรังเกียจจะทำให้เขามีความสุขมากมายเพียงนี้
ทั้งสองเริงรักกันตลอดเย็นจนกระทั่งเข้าสู่ค่ำคืน เหลียนฮวาสลบไปทั้งที่ร่างอวบของนางกำลังถูกเขากระแทกอยู่อย่างเร่าร้อน เมื่อเสร็จสมอ๋องหนุ่มจึงได้หยุดให้นางได้พักแล้วร่างแกร่งก็ลงนอนลงอย่างอ่อนแรงเคียงข้างนาง แล้วก็ผล็อยหลับไปด้วยกัน รุ่งสางอ๋องหนุ่มลืมตาตื่นขึ้นมาหันไปมองร่างอวบข้างๆที่บัดนี้นางนอนหันหลังให้กับเขา เขาจ้องมองนางอยู่นานจนกระทั่งสายตาคมมองไปที่ก้นงอนงามของนาง พลันเจ้าลูกชายที่ไม่รักดีก็ผงกหัวขึ้นทันที มันผงาดง้ำขึ้นและมันกระหายนางขึ้นมาอีกแล้ว อ๋องหนุ่มเมื่อทนมองก้นงอนงามที่อวบอั๋นของนางต่อไปไม่ไหว จึงค่อยๆขยับเข้าหานางแล้วก็สอดลำกายแกร่งนั้นเข้าไปในร่องอวบของนางจากทานด้านหลังทันที เมื่อเจ้าลูกชายเข้าไปได้จนมิดลำกายใหญ่นั้นแล้ว เขาก็เริ่มกระแทกนางจากด้านหลังทันที เริ่มจังหวะช้าๆจนกระทั่งเร่งความเร็วกลายเป็นกระแทกนางอย่างรุนแรง ปากหนาก็ร้องครวญครางกระหึ่มในลำคอดังสัตว์ที่ได้รับบาดเจ็บ “ อ๊ากก อ๊าากก อ๊าากก อ๊าาาา ” เขาสุขสมเหลือเกิน ร่างล่ำสันแนบชิดกับนางแทบจะกลายเป็นเนื้อเดียวกันและเร่งกระแทกนางอย่างรุนแรง ฮวาเอ๋อร้องครวญครางทั้งๆที่ยังหลับตาอยู่นางคิดว่านางกำลังฝันว่าท่านอ๋องซีหยางกำลังขย่มนางอย่างรุนแรง แต่แล้วก็พลันตกใจตื่นขึ้นมา นางรู้ว่าว่ามิใช่ฝันไป เขากำลังกระแทกร่องอวบของนางจริงๆจากทางด้านหลัง “ อ๊าย อ๊า อ๊า อ๊างงง อ๊งง ฮวาเอ๋อเสียวจัง อ๊า อ๊างงง ”
บทที่ 3ข้าไม่ได้รักเจ้าอ๋องหนุ่มเริงรักกับฮวาเอ๋ออย่างเร่าร้อนจนกระทั่งเข้ายามซื่อจึงได้เสร็จสมและลงนอนหมดแรงข้างๆร่างอวบของเหลียนฮวา เมื่อนอนหอบเหนื่อยกันอยู่ครู่หนึ่ง จนรู้สึกมีแรงขึ้นมาบ้างแล้ว อ๋องหนุ่มก็เอ่ยขึ้นว่า “ เจ้าอย่าคิดว่า เมื่อเจ้าปีนเตียงข้าเช่นนี้แล้ว ข้าจะยอมแต่งงานรับเจ้าเป็นชายานะ ไม่มีทางหรอก ข้าเกลียดเจ้ายิ่งนัก บัดนี้ก็ยังเกลียดอยู่เช่นเดิม รังเกียจมิอยากจะเกี่ยวข้องกับเจ้า ที่ข้าเริงรักกับเจ้าเช่นนี้เพราะข้าคิดว่ากำลังเสพสมกับหญิงคณิกาผู้หนึ่งเพียงเท่านั้น ข้ามิได้รักเจ้าเลยแม้แต่น้อย และข้าจะบอกเจ้าว่าข้าจะไม่รับผิดชอบใดๆเพราะเจ้ารนหาที่เอง และข้าจะบอกความจริงกับเจ้าว่าข้าพึงใจสหายของเจ้าคุณหนูจงซูลี่ และหากข้ากลับมาจากชายแดนข้าจะส่งคนไปสู่ขอนางมาเป็นชายา ข้าพูดถึงเพียงนี้หญิงหน้าทนเช่นเจ้าคงจะเข้าใจนะ ว่าข้าไม่ต้องการเจ้า ” เหลียนฮวาที่เพิ่งหายเหนื่อยจากการที่ถูกเขาเคี่ยวกรำมาทั้งคืนและเมื่อรุ่งสางก็เคี่ยวกรำนางอย่างหนักหน่วงอีก เมื่อได้ยินคำพูดตัดรอนอย่างรุนแรงของเขา นางก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ยิ่งได้ยินว่าเขาพึงใจสหายสนิทของนางถึงขั้นจะส่งคนไปสู่ขอจงซู่ลี่ม
บทที่ 4ข้าเป็นหญิงยังไม่มีพันธะ“ เจ้าห้า ข้าถามเจ้าจริงๆนะ ว่าเจ้าเสียดายนางหรือไม่ ทำไมชอบทำตาขวางใส่ข้าเหลือเกิน พูดถึงรูปร่างของนางทีไร เจ้าทำตาขวางใส่ข้าทุกที อย่างกับหึงหวงนางเช่นนั้นแหละ แต่ถึงตอนนี้เจ้าจะคิดเปลี่ยนใจมาหึงหวงนางดังเช่นคู่หมั้นก็ไม่ทันเสียแล้ว นางเดินมานั่นแล้วแต่กับบุรุษอื่นนะ ” เขาพยักเพยิดให้น้องชายมองไปที่ตรงบันไดทางขึ้นที่ร่างอวบอิ่มของเจียเหลียนฮวาเพิ่งเดินขึ้นบันไดมากับบุรุษผู้หนึ่ง และเจ้าหมอนั่นก็หล่อเหลาไม่น้อย รูปร่างสูงสง่าผึ่งผาย ดูเป็นบุรุษที่น่าสนใจผู้หนึ่ง อ๋องซีหยางหันขวับไปมองทันที กรามแกร่งของเขาขบเข้าหากันแน่น เพิ่งนอนร้องครวญครางใต้ร่างเขาเมื่อคืนจนถึงตอนสายแท้ๆ ตอนเย็นก็มากับชายอื่นทันทีแถมยังไม่มีสาวใช้ติดตามอีกด้วย นางเป็นคุณหนูในห้องหออีกทั้งเป็นบุตรของเสนาบดีฝ่ายซ้ายเจียเฉินอี้ นางออกมากินอาหารกับบุรุษสองต่อสองมิได้เกรงคำครหาของผู้อื่นเลยหรือไร ดวงตาคมจ้องมองนางตาขวาง มือหนาข้างตัวกำแน่น ด้านเจียเหลียนฮวานางเดินมากับรองแม่ทัพไป๋เฟยหลงสหายสนิทของพี่ชายของนางที่เป็นขุนนางใต้สังกัดของบิดา เขามักจะมาที่จวนเสนาบดีเจียบ่อยๆเพื่อสนทนาหรือเล
บทที่ 5ไม่รักแต่มันหวงในใจของเขามันร้อนรุม หญิงแพศยา เมื่อคืนนอนใต้ร่างร้องครวญครางปานจะขาดใจอยู่กับชายผู้หนึ่งแต่ตอนเย็นของอีกวันกลับเกี้ยวชายอีกผู้หนึ่งได้อย่างหน้าด้านๆ ร่านยิ่งนัก ไม่มีใครเปรียบปาน เขาครุ่นคิดในใจอย่างโมโหยิ่งนัก แต่มิรู้จะทำเช่นไร จึงได้เอ่ยประชดประชันออกไป “ หญิงเช่นเจ้า เกี้ยวชายก่อน ดังเช่นหญิงไม่ไว้ตัว แถมยังมากินข้าวกับชายไม่ให้สาวใช้ตามมาด้วยอีก เป็นถึงคุณหนูจวนเสนาบดีแต่ไม่ไว้ตัวเสียเลย จะมีชายใดอยากจะได้เจ้าไปเป็นภรรยากัน หากแค่เพียงเชยชมเล่นก็อีกเรื่องหนึ่ง ” เขาเอ่ยขึ้นแล้วจ้องมองสบตาของนางอย่างจะเย้ยหยัน แม้ใบหน้าของเจียเหลียนฮวาจะร้อนวูบขึ้น เพราะคำพูดที่ดูถูกดูแคลนนั้น แต่นางก็ระงับอารมณ์เอาไว้แล้วเอ่ยตอบไปว่า “ มิเห็นเป็นอะไรนี่เพคะท่านอ๋อง ตอนนี้เหลียนฮวาเป็นหญิงยังมิได้ออกเรือน ยังไม่มีพันธะใดก็ย่อมต้องมองหาบุรุษที่พึงใจเพื่อจะได้ออกเรือนกับเขา ใช่ไหมเจ้าค่ะพี่เฟยหลง ” นางหันไปเอ่ยถามชายที่ยืนมองทั้งคู่อยู่ รองแม่ทัพไป๋หันมาหาเหลียนฮวาทันที “ ใช่จ๊ะ พี่ก็กำลังคิดว่าจะลองคบหาดูใจกับฮวาเอ๋ออยู่ เจ้าจะขัดข้องหรือไม่ ” รองแม่ทัพหนุ่มที่หาโอกาสพูดค
ยามซื่อวันต่อมา ที่วังหลวงในที่ประชุมขุนนาง ที่มีฮ่องเต้เป็นประธานและมีเหล่าองค์ชายหลายองค์รวมถึงอ๋องห้าซีหยางและอ๋องแปดอยู่ในที่ประชุมด้วย ทั้งหมดถกปัญหาอุทกภัยที่หัวเมืองชานตงอย่างเคร่งเครียดฮ่องเต้มอบให้อ๋องแปดไปจัดการเรื่องนี้กับขุนนางที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการทำเขื่อน ให้ไปตรวจสอบและแก้ไขปัญหาให้เรียบร้อย อ๋องแปดรับพระบัญชาและเร่งออกไปจากท้องพระโรงเพื่อจัดการปัญหานี้ จากนั้นที่ประชุมก็ปรึกษาถึงเรื่องอื่นๆกันต่อไป จนเสร็จสิ้นการประชุมเมื่อฮ่องเต้เสด็จออกจากท้องพระโรงไปแล้ว เหล่าราชวงศ์และขุนนางก็กำลังจะทะยอยกันกลับ อ๋องซีหยางพยายามเดินไปเฉียดเสนาบดีเจีย เผื่อเขาจะสอบถามเรื่องเกี่ยวกับการถอนหมั้นเขาจะได้บ่ายเบี่ยงว่าเขามิได้อยากจะถอนหมั้นแต่เป็นเพราะเหลียนฮวางอนเขาจึงได้ส่งของหมั้นคืน หากท่านเสนาบดีเจียไม่ขัดข้องเขาจะส่งของหมั้นกลับคืนไป แม้เหลียนฮวาโวยวายเขาก็จะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เสีย แล้วก็รวบรัดนางกลับมาเป็นคู่หมั้นดังเดิม แต่เสนาบดีเจียกลับมิได้สนใจจะเอ่ยถึงเรื่องนี้เลย เหมือนเขามิได้ติดใจอะไรที่บุตรสาวเพียงคนเดียวถูกถอนหมั้น เขากลับเอ่ยถึงเรื่องราชการทั่วไป ขณะนั้นเสนาบดีจงก็เ
“ ข้าซื้อให้เจ้าตอบแทนที่ยอมให้ข้าปักปิ่นลงไปบนเรือนผมของเจ้าเพื่อดูว่าเหมาะสมกับสตรีที่ข้าพึงใจหรือไม่ ” เสียงทุ้มเอ่ยวาจาที่มันระคายใจนางออกมาอีก ฮวาเอ๋อเงยหน้าขึ้นจากคันฉ่องที่นางกำลังส่องมองเรือนผมของตนเองอยู่อ๋องหนุ่มเดินตามมาตอแยนางอีกแล้ว แถมยังเดินตามมายืนซ้อนหลังจนตัวแทบจะติดกับร่างอวบของนาง เหลียนฮวาใช้มือดันอกแกร่งของเขาให้ถอยห่างออกไป “ ข้าบอกท่านแล้วมิใช่หรือว่าอย่ามายุ่งกับข้า แล้วมายืนเสียแทบจะตัวติดกัน ผู้อื่นจะเข้าใจผิดเอาได้ ท่านจะเลือกเครื่องประดับให้สตรีที่ท่านพึงใจก็เลือกไป แต่อย่ามาใกล้ข้า เราไม่ได้เป็นอะไรกัน และข้าไม่พึงใจท่าน และไม่ต้องการสิ่งตอบแทนเพราะข้าไม่ได้เต็มใจจะช่วยท่านเลือกเสียหน่อย ” นางเอ่ยอย่างหงุดหงิดและเริ่มโมโหกรุ่นขึ้นมาแล้ว เหลียนฮวาหยิบเครื่องประดับที่นางเลือกแล้วสองชิ้นและไม่มีอารมณ์ที่จะเลือกซื้อหาชิ้นอื่นอีกเพราะไม่อยากจะอยู่ในร้านเดียวกับเขา เดินตรงไปที่โต๊ะบัญชีของเถ้าแก่เนี๊ยะเจ้าของร้านแล้ววางมันลงบนโต๊ะเพื่อให้นางคิดเงิน แต่ร่างหนาที่ยังเดินตามมาตอแยกับนางก็วางปิ่นระย้าและกำไลพลอยสีเขียวนั้นรวมกับของที่นางวางเอาไว้แล้วเอ่ยว่า “ เ
แม้นางจะยังเหลือสติอีกเล็กน้อยที่จะดิ้นรนให้ตนเองนั้นหลุดรอดเงื้อมมือของเขา แต่ก็ถูกเขาเล้าโลมนางอย่างหนักมือขึ้นอีกเพราะรู้เท่าทันว่ากวางน้อยเนื้อหวานของเขากำลังจะดิ้นหลุดมือไป มือหนาฟอนเฟ้นอกอวบใหญ่ของนางอย่างมันมือ “ อ๊า อ๊าา อ๊าา อ๊าาย อย่านะ อ๊าา” ร่างอวบครวญครางอย่างเสียวซ่าน เมื่อถูกนิ้วแกร่งบีบผลอิงเถาของนางอย่างมันมือ เขาบีบเค้นอกอวบใหญ่อย่างหนักมือและนิ้วแกร่งก็ดึงผลอิงเถาของนางแล้วขยี้มันเบาๆ จนร่างอวบดิ้นพล่าน “ อ๊าย อ๊า ท่านอ๋องไม่นะ เราถอนหมั้นกันแล้ว ไม่นะ อย่า อ๊ายย อ๊าาง ” นางพยายามดิ้นรนด้วยสติที่ยังพอหลงเหลือ ร้องประท้วงบอกเขาผสานกับร้องครวญครางอย่างทนไม่ไหว “ เจ้ามิได้เป็นคู่หมั้นของเปิ่นหวาง แต่เจ้าเป็นเมีย ได้ยินหรือไม่ เปิ่นหวางคือผัวของเจ้า มันเปลี่ยนความจริงข้อนี้ไปไม่ได้แล้ว หากเจ้ามีบุรุษใดอีก เปิ่นหวางจะไปบอกมันว่าเราคือผัวเมียกัน ” ขณะที่เอ่ยวาจาตอกย้ำให้นางรู้ว่านางเป็นเมียของเขานั้น มือหนาก็ดึงผ้าคาดเอวของนางออกจนหลุดลุ่ย แล้วมือหนาก็ล้วงเข้าไปในสาปเสื้อของนางแล้วฟอนเฟ้นอกอวบใหญ่ของนางอย่างมันมือสลับกับคีบผลอิงเถาของนั้นแล้วขยี้มันจนร่างอวบดิ้นพล่านอย่า
ยามซื่อวันต่อมา (เก้าโมงเช้า) คุณหนูจงซูลี่มาขอพบเหลียนฮวาจากที่นางไม่ได้มาหลายวันแล้ว นับจากที่ท่านอ๋องกับสหายของนางถอนหมั้นกัน ตอนนั้นคุณหนูจงคิดว่านางกำลังจะมาแทนที่สหายของตนเอง เพราะนางรู้มาว่าท่านอ๋องซีหยางแอบหลงรักนางเพราะนางเรียบร้อยอ่อนหวาน เป็นสตรีที่ดูว่านอนสอนง่ายเหมาะสมกับตำแหน่งพระชายาของเขามีคนมาบอกนางว่าท่านอ๋องกล่าวเช่นนี้ในหมู่องค์ชายและสหายของเขาหลายครั้ง นางจึงคิดว่าสิ่งที่นางได้ยินมาเป็นความจริงและตัวนางก็แอบมีใจให้อ๋องซีหยางมานานเช่นเดียวกับสหายของนางคุณหนูเจียเหลียนฮวา แต่เมื่อนางได้ยินข่าวว่าทั้งสองถอนหมั้นกันแล้วเพราะท่านอ๋องไม่ต้องการแต่งงานกับเหลียนฮวา ซูลี่จึงคิดว่าท่านอ๋องคงจะทนหญิงร้ายกาจและอารมณ์ร้อนเช่นเหลียนฮวาไม่ไหว เขาคงจะอับอายที่นางอาละวาดต่อหน้าผู้อื่นหลายๆครั้ง เมื่อมีหญิงอื่นมาวอแวกับเขานางก็จะจัดการทันทีอย่างไม่ไว้หน้า และตามหึงหวงเขาจนกระทั่งเขาคงจะรำคาญจนทนไม่ไหว จึงได้ถอนหมั้นไป วันนี้คุณหนูจงซูลี่จึงได้ตัดสินใจมาพบเหลียนฮวา ทั้งๆที่พยายามตีตัวออกห่างเพราะนางเตรียมตัวเพื่อที่จะได้แต่งเป็นพระชายาของท่านอ๋องซีหยาง นางคิดว่าอีกไม่นานเขาคงจะมาสู
หลายวันต่อมามีงานเลี้ยงฉลองให้กับเหล่าทหารในบังคับบัญชาของแม่ทัพตะวันออกที่เพิ่งรบชนะ หนึ่งในนั้นคือรองแม่ทัพไป๋เฟยหลง เวลายามเว่ย(บ่ายโมงกว่าๆ) รถม้าของแม่ทัพไป๋ก็จอดลงที่หน้าจวนเสนาบดีเจีย เขามารับเจียเหลียนฮวาเพื่อไปร่วมงานเลี้ยงฉลองในวังหลวงด้วยกัน พี่ชายของนางไปร่วมงานกับบิดาของนางทั้งสองออกเดินทางล่วงหน้าไปกว่าชั่วยามแล้ว แต่เหลียนฮวานัดกับพี่เฟยหลงไว้ว่าจะไปพร้อมกัน เหลียนฮวาเดินขึ้นรถม้าของรองแม่ทัพไป๋โดยมีเขาประคองนางขึ้นไปแล้วตัวเขาก็เดินตามขึ้นไปบนรถม้า จากนั้นรถม้าคันนั้นก็แล่นออกจากหน้าจวนแม่เสนาบดีเจียมุ่งตรงไปตามถนนสายหลักที่มุ่งสู่วังหลวง เมื่อรถม้ามาจอดลงที่หน้าประตูทางเข้าวังหลวง ทั้งสองก็พากันลงจากรถม้าแล้วเดินเข้าประตูวังหลวงมุ่งตรงไปที่ห้องจัดเลี้ยงภายในวังหลวง ที่เป็นเรือนขนาดใหญ่ที่ด้านในโล่งกว้าง มีที่ประทับของฮ่องเต้และฮองเฮารวมถึงราชวงศ์และที่นั่งของขุนนางลำดับต่างๆ ที่จัดที่นั่งประจำตัวของแต่ละคนเอาไว้แล้ว ทั้งสองเดินมาถึงประตูวังชั้นในที่เป็นทางเข้าไปสู่งานเลี้ยงขันทีที่ยืนอยู่หน้าประตูก็ร้องขานชื่อเสียงดังขึ้นทันที “ รองแม่ทัพไป๋เฟยหลงกับคุณหนูเจียเหลียนฮ
ขุนนางหนุ่มก้มลงไล้เลียร่างอวบของเมียรักจนทั่วร่าง จนถึงเนินอวบของนาง เขาบีบขย้ำมันอย่างมันมือ แล้วก็สอดนิ้วแกร่งของเขาเข้าไปจนมิดด้ามแล้วเร่งกระแทกร่องอวบของนางด้วยจังหวะที่เร็วขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งสะโพกอวบของซูลี่กระตุกเกร็งจนเสร็จสมไป นางปลดปล่อยน้ำรักจนเต็มมือหนาของสามีเมื่อเขาเห็นนางพร้อมสำหรับเขาแล้ว จึงได้สอดลำกายอวบใหญ่ของเขาเข้าไปจนมิดลำกาย นางยังคงคับแน่นสำหรับเขา เมื่อร่องอวบของซูลี่ที่มันแอ่นสายไปมาด้วยความเสียวซ่านอย่างรอคอยการเติมเต็มจากสามี เมื่อสัมผัสกับลำกายอวบใหญ่ของเขามันกระตุกเกร็งแทบจะเสร็จสม สะโพกอวบโยกรับลำกายแกร่งของสามีทันที ที่เขาจ้วงแทงนางด้วยจังหวะที่รัวเร็ว นางแอ่นสะโพกรับเขาอย่างร่านร้อนเหลือเกิน ปากจิ้มลิ้มก็ร้องครวญครางอย่างสุขสม “ อ๊าา อ๊าา อ๊าา อะ อ๊ะ ท่านพี่เร็วอีกเจ้าค่ะ อ๊า อ๊าาา อ๊าาง ” ซูลี่ร้องครวญครางอย่างสุขสม นางโยกสะโพกอวบรับการจ้วงแทงที่รัวเร็วของสามี ปากก็ร้องครวญคราง มือบางยกขึ้นลูบไล้หลังไหล่ของเขาไปมา ขุนนางหนุ่มเร่งกระแทกร่องอวบของนางอย่างเร่าร้อน เขาเองก็สุขสมเหลือเกิน ครางกระหึ่มในลำคอหนาเสียงดังก้องไปทั้งห้อง เขาจับร่างอวบของเม
ทั้งสองเดินตรงไปหาพี่ชายที่นั่งร่ำสุรากับสหาย ที่ศาลากลางสวน “ ท่านรองแม่ทัพไป๋ วันนี้นึกครึ้มใจอะไรขึ้นมาเจ้าคะถึงได้ร่ำสุราแต่หัววันเลย ” ซูลี่เอ่ยทักทายเขาทันที นางเดินตรงไปนั่งลงข้างๆสามี ส่วนพระชายาเจียทรุดนั่งลงตรงข้ามพวกเขา นางยิ้มให้รองแม่ทัพไป๋ “ เขาเป็นแม่ทัพแล้ว ได้เลื่อนขั้นเมื่อเช้านี้เอง” คุณชายเจียเอ่ยทักท้วงว่าที่ฮูหยินของเขา “ ถ้าเช่นนั้นก็ยินดีกับตำแหน่งใหม่ด้วยนะเจ้าคะ ” นางจึงได้เอ่ยแสดงความยินดีอีกครั้ง “ แต่สิ่งที่ต้องแสดงความยินดียิ่งกว่านั้นก็คือ เขาได้สมรสพระราชทานกับองค์หญิงซีหลีน่า น้องสาวของอ๋องห้าเช่นใดเล่าพระชายา” คุณชายเจียหันไปบอกน้องสาวของตนเอง “ องค์หญิงหลีน่า นางน่่ารักเหลือเกิน อัธยาศัยไมตรีก็ดียิ่งนัก พี่เฟยหลงท่านโชคดีแล้วนะที่ได้แต่งงานกับนาง ” พระชายาเจียเอ่ยบอกเขา “ แม่ทัพไป๋เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าพระชายาเจีย ” ท่านจงใจจะละเลยคำพูดที่ว่านางอ้วนใหญ่เหลือเกิน หากล้มทับข้าคงจะกระอักเลือดไปเลยใช่หรือไม่ “ เขาเอ่ยใบหน้าเรียบเฉย บ่งบอกว่ามิได้ล้อเล่นเลย พระชายาเจียถอนหายใจเบาๆ “ เปิ่นหวางเฟยพูดจริงๆนะ นางน่ารัก อัธยาศัยไมตรีดี เพียงแต่นางอ้วนใหญ่มา
องค์หญิงหลีน่าไปปรึกษาองค์ชายรองพี่ชายของนางทันที เพราะเขาเป็นที่ปรึกษาที่ดีที่สุดของนาง “ เสด็จพี่ หม่อมฉันอยากจะแต่งงานท่านพอจะช่วยได้หรือไม่ ” องค์ชายรองตะลึงงันไปทันที เขาแทบจะเอามือแคะหูตนเอง หลีน่าบอกว่าจะแต่่งงานกับใครกัน เขาหันมามองน้องสาวตนเองช้าๆ จ้องมองหุ่นอันอ้วนใหญ่ที่หน้าท้องของนางยื่นออกมากลมดังเช่นหญิงท้อง “ หลีน่าเจ้าล้อพี่เล่นใช่หรือไม่ เจ้าจะแต่งงานได้เช่นไร เจ้ายังเด็กเกินไป ” เขาเอ่ยขึ้นทันที เพราะพี่ชายทุกคนมักจะชอบคิดว่านางยังเด็กเล็กนักอยู่เสมอ ทั้งๆที่นางอายุสิบหกหนาวแล้ว อายุเลยวัยปักปิ่นมาแล้วด้วยซ้ำไป“ ข้าพูดจริงพี่รอง ตอนบ่ายหม่อมฉันเดินชนกับรักแรกของเข้า ทันทีที่สบตาของเขาหม่อมฉันก็ตกหลุมรักเขาทันที รู้ได้ทันทีว่าชายคนนี้คือว่าที่สามีของหม่อมฉันอย่างแน่นอน ” หลีน่าพร่ำพรรณาให้พี่ชายของตนเองฟัง องค์ชายรองตาค้าง นั่นน้องสาวของเขาแอบหลงรักใครกัน “ แล้วเจ้าหมอนั่นมันเป็นใครกัน ” เขาลองเลียบเคียงถามนาง “ เขาบอกว่าชื่อรองแม่ทัพไป๋เฟยหลงเป็นบุตรชายแม่ทัพภาคตะวันออก ” องค์ชายรองแทบจะร้องอ๋อออกมาทันที เจ้านั่นอดีตคู่แข่งของเจ้าห้านั่นเอง เจ้าหมอนั่นก็หล่อเหลาไม่เบ
ขุนนางหนุ่มมีสีหน้าดีใจที่เสนาบดีจงยอมรับเขาโดยง่ายดาย “ ขอรับท่านพ่อตา ข้าจะจัดการเรื่องสินสอดให้เร็วที่สุดและหาฤกษ์ที่ดีและให้เร็วที่สุด มิต้องห่วงนะขอรับ ข้ารักนางมาก จะดูแลนางให้ดีที่สุด ขอให้ท่านวางใจ ” จากนั้นเขาก็อยู่พูดคุยกับเสนาบดีจงครู่ใหญ่จึงได้ขอตัวลากลับ ซูลี่เดินออกมาส่งสามีหมาด ๆ ของนางจนถึงหน้าประตู เหลียวมองซ้ายขวาไม่เห็นใครจึงได้เขย่งเท้าขึ้นจูบแก้มเขาเบาๆ “ ท่านพี่ต้องรีบจัดการเรื่องแต่งงานของเราให้เร็วที่สุดนะเจ้าค่ะ ข้ารอนานไม่ไหว อยากจะใช้ชีวิตอยู่กับท่านให้เร็วที่สุด ”ขุนนางหนุ่มก้มลงมองใบหน้าที่แดงก่ำของซูลี่แล้วก้มลงหอมแก้มนางทั้งสองข้าง ๆพี่จะจัดการให้เร็วที่สุดเจ้าไม่ต้องกังวล แต่ระหว่างนี้พี่จะมาหาเจ้าบ่อยๆ หรือเจ้าก็ไปหาพี่ที่จวนได้ตลอดเวลา เจ้าก็รู้หากพี่ไม่มีราชการก็จะอยู่ที่จวน เจ้าก็ไปมาหาสู่ที่จวนเช่นเดิมเหมือนตอนที่ยังเป็นสหายกับฮวาเอ๋อ ตอนนี้เจ้ากลายมาเป็นพี่สะใภ้ของนาง ต่อไปก็หาทางคืนดีกันเสีย เพราะกลายมาเป็นพี่น้องกันแล้ว เข้าใจหรือไม่ นางกลายมาเป็นน้องสาวของเจ้าแล้ว พี่สะใภ้ “ เขาเอ่ยเย้านาง ใบหน้าของซูลี่แดงก่ำ ” ก็ได้เจ้าค่ะ ข้าจะง้องอนนางเอ
หญิงที่มีอารมณ์กำหนัดที่รุนแรงเช่นซูลี่ไม่เคยรู้ตัวมาก่อนว่านางร่านรักเช่นนี้ เมื่อเขาโยกขย่มนางด้วยจังหวะที่รุนแรงขึ้นนางก็ยิ่งเสียวซ่านจนทนไม่ไหว ปากร้องครวญครางเสียงกระเส่า แล้วโยกสะโพกอวบอั๋นของนางรับลำกายใหญ่ของเขาด้วยจังหวะเดียวกันอย่างรวดเร็ว นางกางเล็บมือกรีดบนหลังไหล่ล่ำสันของเขาอย่างมันมือเพราะอารมณ์กำหนัดของนางพุ่งขึ้นสูงอย่างไม่เคยมาก่อน ปากก็ร้องครวญคราง“ รักข้าอีก รักข้า แรงๆอีก แรงๆ กว่านี้อีก เจ้าบ้า รักข้าเร็วๆ อ๊าย อ๊าา อ๊าา อ๊าางง ” ปากของนางก็ร้องครวญครางเสียงกระเส่าอย่างสุขสมเหลือเกิน “ ขอร้องข้าสิเมียรัก ข้าคือผัวเจ้า ต่อไปอย่ามาเรียกเจ้าบ้า เรียกว่าผัว มิเช่นนั้นเข้าจะปล่อยให้เจ้าอารมณ์ค้างเช่นนี้ อยากสุขสมต้องพูดกับข้าให้มันรื่นหูกว่านี้เข้าใจหรือไม่ ” เมื่อได้ทีขุนนางหนุ่มรีบข่มขู่นางทันที เขาต้องดัดนิสัยนางให้ได้ จะเป็นเมียของต้องเป็นสตรีที่ดีกว่านี้ ว่านอนสอนง่าย เขาจะปราบนางเอง หญิงเช่นนางเหมาะกับบุรุษเช่นเขาแล้ว เพราะเขาชอบปราบพยศหญิงร้ายกาจเช่นนางนี่แหละ สหายของเขาดีเกินไปไม่เหมาะกับหญิงแพศยาเจ้ามารยาเช่นนางหรอก ขุนนางหนุ่มแกล้งลดจังหวะกระแทกนางให้ช้าๆ
ม้าแสนรู้ของขุนนางหนุ่มวิ่งเหยาะย่างช้าๆจนกระทั่งวิ่งมาจนถึงจวนร้างแห่งหนึ่ง มันวิ่งไปหยุดตรงประตูทางเข้าจวนร้างแห่งนั้น หย่งจิ้งประคองร่างอวบที่เอนกายพิงอกแกร่งของเขามาตลอดทางขึ้น แล้วเขาก็โหนตัวลงจากม้าหนุ่มแสนรู้นั่น แล้วยกร่างอวบของซูลี่ลงมายืนข้างม้าหนุ่มของเขา “ เจ้ายืนรอพี่ตรงนี้ก่อน พี่จะผูกม้าและหาหญ้าให้มันกินสั่งหน่อยก่อนเป็นรางวัลที่วันนี้มันทำได้ดีเหลือเกิน ” เขาเอ่ยปากชมม้า แต่มองเข้ามาในตาของนางอย่างหวานฉ่ำเหลือเกิน ใบหน้าของซูลี่แดงก่ำ นางรู้ว่าเขาหยอกเย้านาง พอตกเป็นของเขาแล้ว ท่าทีต่อนางก็เปลี่ยนไป ปกติชอบพูดจากกระแทกนางแรงๆอย่างไม่เกรงใจ แต่คราวนี้กลับปากหวานกับนางเหลือเกิน นางจ้องมองร่างล่ำสันของเขาที่จูงม้าเดินเข้าไปในประตูจวน แล้วเดินตามเขาเข้าไปในจวนร้างแห่งนั้น เมื่อขุนนางหนุ่มผูกม้าเรียบร้อยแล้ว เขารินน้ำใส่ในอ่างเคลือบใบเก่าที่มีรอยบิ่นที่เขาค้นพบในครัวหลังบ้าน มาวางไว้ตรงหน้าม้าหนุ่ม แล้วเดินออกไปเกี่ยวหญ้าที่ขึ้นรถด้านนอกมาหอบใหญ่วางลงตรงหน้าม้าหนุ่ม เดินไปหยิบกระถางต้นไม้ที่ทำจากดินเผาเก่าๆใบใหญ่ที่กลิ้งอยู่ตรงทางเข้า มาหักกิ่งไม้ใส่ลงไปแล้วเดินกลับไปหยิ
เมื่อปลาตัวอ้วนที่จงซูลี่คิดจะจับหลุดมือไปต่อหน้าต่อตา นางหันมามองคนที่มาขัดขวางแผนการจับปลาของนางตาขวาง นางเกลียดมันทั้งพี่ทั้่งน้องเลย นังน้องก็แย่งว่าที่สวามีของนางไป ไอ้เจ้าพี่ชายก็มาขัดขวางแผนการณ์หาสามีคนใหม่ของนางอีก “ ท่านทำบ้าอะไรกัน ข้าไม่ได้อยากจะไปกับท่านเสียหน่อย ” คุณชายเจียหัวเราะหึหึ “ ข้าคิดไว้อยู่แล้ว ว่าหญิงแพศยาเช่นเจ้าคงจะคิดใช้มารยาจับสหายสนิทของข้า ทำทีเป็นแกล้งรถม้ามาเสียใกล้ทางที่จะกลับเข้าเมือง เพื่อจะดักรอรองแม่ทัพไป๋ แผนการณ์ตื้นเช่นนี้ คิดว่าผู้อื่นเขาไม่รู้เท่าทันหรือไร เสแสร้งทำเป็นอ่อนแอ ที่แท้ก็หญิงเจ้ามารยาแพศยาดีๆนี่เอง ” คุณชายเจียเอ่ยวาจาเสียดสีนางอย่างไม่ไว้หน้า“ อ๊ายย เจ้าบ้า เจ้าปากเสีย ปากสามหาว มาว่าข้าเช่นนี้ได้อย่างไร ” ซูลี่กระทืบเท้าต่อหน้าเขา ขุนนางหนุ่มเจียหย่งจิ้งเหยียดยิ้มหยันนาง “ คนที่เจ้าเสแสร้งทำเป็นอ่อนแอต่อหน้าเขาก็ไม่อยู่ดูแล้ว ตอนนี้ก็ออกงิ้วได้เต็มที่ไม่ต้องทำมารยาอีกต่อไป ” แล้วเขาก็จับเอวคอดยกตัวของจงซูลี่ขึ้นวางบนม้าตัวสูงใหญ่สีดำงามสง่าของเขา “ ไม่นะปล่อยข้าไม่ไปกับเจ้า ปล่อยนะเจ้าคนปากร้าย ” นางเอ่ยตวาดเขาแว๊ด ๆ “ ไปกั
ซูลี่ส่งคนไปสืบการเคลื่อนไหวของแม่ทัพไป๋ ให้ติดตามเขาห่าง ๆ อย่าให้เขารู้ตัวว่าแต่ละวันเขาไปที่ใดบ้าง เขาทำอะไรในแต่ละวันเพื่อนางจะได้วางแผนที่จะพบเจอเขาให้ได้ วันหนึ่งคนที่นางให้ติดตามรองแม่ทัพไป๋ส่งข่าวมาบอกว่ารองแม่ทัพหนุ่มเขากำลังเดินทางกลับมาจากต่างเมืองที่เขาไปราชการหลายวันมาแล้ว เป็นโอกาสดีเพราะเขาขี่ม้าคู่กายกลับมาเพียงลำพัง ตั้งแต่เขาพลาดหวังจากคุณหนูเจียเหลียนฮวา เขามักจะชอบอยู่ผู้เดียวไม่ให้คนสนิทติดตามเลย แม้ไปราชการนอกเมืองก็ควบม้ากลับมาเพียงลำพัง เมื่อได้รับข่าวนี้แล้ว คุณหนูจงซูลี่อดีตคุณหนูในห้องหอที่ทำตัวอ่อนแอ และแสนดีมาตลอดก็วางแผนว่านางจะทำทีไปดักรอที่ทางผ่านโดยให้องครักษ์ของบิดาที่นางใช้งานเขาอยู่ในขณะนี้ไปดักรอว่ารองแม่ทัพหนุ่มจะกลับมาตามเส้นทางที่พวกเขาคาดการณ์ไว้หรือไม่ หากเขาเดินทางใกล้มาถึงจุดที่นางไปดักรออยู่ก็ให้รีบมารายงาน นางจะทำทีว่ารถม้านั้นเพลาหักและขอนั่งมากลับมากับเขาเพียงลำพังให้ได้ เมื่อวางแผนแล้วรุ่งขึ้นนางก็ลงมือปฏิบัติการณ์ทันที นั่งรถม้าที่ให้คนขับรถจัดการให้เพลามันหักทันทีที่มาจอดรอแม่ทัพไป๋เฟยหลงอยู่ริมถนนระหว่างทางกลับเมืองที่ห่างจากเมืองไป
หลายวันต่อมามีงานเลี้ยงวันเกิดของขุนนางใหญ่คนหนึ่ง ท่านอ๋องซีหยางพาพระชายาหมาด ๆ ของเขาไปที่งานเลี้ยงแห่งนี้ด้วย เมื่อไปถึงในงานต่างก็เข้าไปทักทายแขกเหรื่อที่มางาน ขณะนั้นคุณหนูจงซูลี่ที่มากับบิดาของนางก็เดินเข้ามาร่วมวงสนทนา ดวงตาจ้องมองทัั้งคู่อย่างไม่พอใจนัก นางมีความหวังอย่างมาก เพราะเคยได้ยินคนพูดหลายๆครั้งว่าท่านอ๋องซีหยางนั้น พูดถึงนางว่าพึงใจนางมากกว่าคู่หมั้นที่เขาไม่ต้องการเลยอย่างเช่่นเจียเหลียนฮวาผู้นี้ เขารังเกียจและรำคาญนางเหลือเกิน อยากจะถอนหมั้นที่เขาถูกบังคับให้จำต้องหมั้นกับหญิงร้ายกาจเช่นนี้แต่ไม่รู้เหตุใดตอนนี้เขาถึงได้กลับกลายไปสู่ขอนางมาแต่งเป็นพระชายาเอก ทั้ง ๆที่ผ่านเขาไม่เคยรักหญิงผู้นี้เลย แต่ซูลี่ก็ยังมีความหวัง เพราะนางหลงคิดไปว่าเขาชอบนางมีใจให้นาง เพราะได้ยินคนหลายๆคนพูดตรงกันเช่นนี้ จึงยังคงมีความหวังแม้เขาจะแต่งงานกับอดีตสหายของนางไปแล้ว แต่ซูลี่ก็ยังคาดหวังว่าเขาจะรับนางเป็นพระชายารองในสักวัน และนางก็จะแสดงให้เห็นว่าหญิงเช่นนางมีดีกว่าหญิงร้ายกาจเช่นเหลียนฮวาเป็นไหน ๆ “ เป็นเช่นไรเล่าพระชายาเจีย ไม่ได้พบกันเสียนาน ตอนนี้จากหญิงร้ายกาจที่คู่หมั้นไม่ต