บทที่ 5
ไม่รักแต่มันหวง
ในใจของเขามันร้อนรุม หญิงแพศยา เมื่อคืนนอนใต้ร่างร้องครวญครางปานจะขาดใจอยู่กับชายผู้หนึ่งแต่ตอนเย็นของอีกวันกลับเกี้ยวชายอีกผู้หนึ่งได้อย่างหน้าด้านๆ ร่านยิ่งนัก ไม่มีใครเปรียบปาน เขาครุ่นคิดในใจอย่างโมโหยิ่งนัก แต่มิรู้จะทำเช่นไร จึงได้เอ่ยประชดประชันออกไป “ หญิงเช่นเจ้า เกี้ยวชายก่อน ดังเช่นหญิงไม่ไว้ตัว แถมยังมากินข้าวกับชายไม่ให้สาวใช้ตามมาด้วยอีก เป็นถึงคุณหนูจวนเสนาบดีแต่ไม่ไว้ตัวเสียเลย จะมีชายใดอยากจะได้เจ้าไปเป็นภรรยากัน หากแค่เพียงเชยชมเล่นก็อีกเรื่องหนึ่ง ” เขาเอ่ยขึ้นแล้วจ้องมองสบตาของนางอย่างจะเย้ยหยัน
แม้ใบหน้าของเจียเหลียนฮวาจะร้อนวูบขึ้น เพราะคำพูดที่ดูถูกดูแคลนนั้น แต่นางก็ระงับอารมณ์เอาไว้แล้วเอ่ยตอบไปว่า “ มิเห็นเป็นอะไรนี่เพคะท่านอ๋อง ตอนนี้เหลียนฮวาเป็นหญิงยังมิได้ออกเรือน ยังไม่มีพันธะใดก็ย่อมต้องมองหาบุรุษที่พึงใจเพื่อจะได้ออกเรือนกับเขา ใช่ไหมเจ้าค่ะพี่เฟยหลง ” นางหันไปเอ่ยถามชายที่ยืนมองทั้งคู่อยู่ รองแม่ทัพไป๋หันมาหาเหลียนฮวาทันที “ ใช่จ๊ะ พี่ก็กำลังคิดว่าจะลองคบหาดูใจกับฮวาเอ๋ออยู่ เจ้าจะขัดข้องหรือไม่ ” รองแม่ทัพหนุ่มที่หาโอกาสพูดความในใจของตนเองมานานแล้วเพิ่งได้โอกาสจึงได้เอ่ยถามนางไปตรงๆทันที เหลียนฮวาอึ้งไปเล็กน้อยเพราะนางก็คิดกับรองแม่ทัพหนุ่มเช่นพี่ชาย แต่นางก็ตัดสินเอ่ยรับคำเขาไปทันทีโดยไม่คิดอะไรว่า “ เจ้าค่ะ ข้ายินดีคบหาดูใจกับพี่เฟยหลงเจ้าค่ะ ” ใบหน้าของรองแม่ทัพหนุ่มบานยิ่งกว่าจานเชิงเขาดีใจยิ่งนักที่นางตกปากรับคำที่จะคบหากับเขาแล้ว ส่วนใบหน้าของอ๋องหนุ่มตรงข้ามกัน ใบหน้าของเขาถอดสีไปทันที ดวงตาขุ่นขวางเหมือนไม่สบอารมณ์อย่างยิ่ง
ก่อนที่เรื่องราวจะบานปลายไปใหญ่โต องค์ชายสามที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่จึงได้เอ่ยว่า “ ดีใจกับพวกเจ้าทั้งสองด้วยนะ พระมารดาคงจะหมดห่วงเจ้าเสียทีนะเหลียนฮวา ข้าจะไปบอกข่าวดีกับพระองค์เอง ส่วนเจ้าห้าเรากลับกันเถิด ข้ามีธุระที่จะต้องไปจัดการ ลาพวกเจ้าไปก่อนก็แล้วกัน ” เขาเอ่ยแล้วก็รุนหลังท่านอ๋องซีหยางให้ออกเดินไป แม้เขาจะไม่ค่อยจะยอมออกเดินไปง่ายๆ แต่องค์ชายสามก็ดันหลังเขาจนยอมออกเดินมุ่งลงบันไดไปโดยดี
ท่านอ๋องซีหยางเดินนำหน้าพี่ชายออกมาจากโรงเตี้ยมแห่งนั้น แม้เขาจะบอกตนเองว่านางกับเขามิได้เป็นอะไรกันแล้ว นางจะคบหาใครมันก็เรื่องของนาง แต่ในอกใจมันปวดแปลกยิ่งนัก ภาพที่เขาขย่มร่างอวบของนางจนแทบจะจมไปกับฟูกหนาเมื่อคืนมันปรากฎขึ้นทันที ต่อไปนี้คงจะเป็นชายอื่นแล้วที่จะทำกับนางเช่นที่เขาทำ ท่านอ๋องห้าใบหน้าบึงตึ้งเหมือนไม่สบอารมณ์ เขานั่งมาในรถม้ากับองค์ชายสามมิเอ่ยวาจาใดสักคำ เอาแต่นั่งเหม่อลอยสลับกับขบเคี่ยวเคี้ยวฟันอยู่ผู้เดียว องค์ชายสามจ้องมองใบหน้าของน้องชายนิ่ง เจ้าห้ามันหึงมันหวงอดีตคู่หมั้นออกขนาดนี้แต่ก็ยังปากแข็งจนเขาจะหันไปคบหากับชายอื่นเสียแล้ว มันหึงมากเช่นนี้ ขนาดเขาเป็นพี่ชายแค่เอ่ยถึงรูปร่างของเหลียนฮวามันก็จ้องเขาด้วยดวงตาขุ่นขวางไม่พอใจเพราะมันหวงเมีย มันหึง ยิ่งเห็นมากับชายอื่น ตาแทบจะมีไฟพุ่งออกมาเสียขนาดนี้ยังปากแข็งต่อว่าเขาว่าเขาเป็นหญิงที่ไม่มีใครอยากได้เป็นเมีย ก็มันหวงจะเอาเขาเป็นเมียเสียเองอย่างไรเล่า เจ้าห้าเอ๋ย ขืนปากแข็งเช่นนี้คงจะเสียเมียให้ผู้อื่นเป็นแน่
เขาจ้องมองใบหน้าบึ้งตึงของน้องชายแล้วส่ายหน้าน้อยๆ เมื่ออ๋องซีหยางกลับมาถึงตำหนักของตนเอง เขากลับเข้าไปในห้องนอน โดยสั่งมิให้ผู้ใดรบกวนเพราะเขาอารมณ์ไม่ดี ในใจของเขามันมีแต่ภาพที่เหลียนฮวานอนใต้ร่างของเขาเมื่อคืนแล้วร้องครวญครางปานจะขาดใจ เขาไม่กล้าหันไปมองเตียงนอนใหญ่ของตนเองเพราะกลัวภาพที่เริงรักกับนางมันจะยิ่งแจ่มชัดในมโนสำนึกของเขา นางมิได้เป็นคู่หมั้นของเขาอีกต่อไปแล้ว นางกำลังจะกลายเป็นของชายอื่น ต่อไปก็คงจะมีชายอื่นมาเริงรักกับนางอย่างเร่าร้อนเช่นเดียวที่เขาทำกับนางเมื่อคืน ในอกใจมันร้อนรุ่มมันไม่รู้จะทำเช่นไร ไม่รู้จะหาทางออกใดให้กับตนเอง ทำไมเมื่อก่อนเขาอยากจะถอนหมั้นใจแทบขาด คิดว่าหากได้ถอนหมั้นกับนางเขาคงจะมีความสุขสบายใจยิ่งนัก แต่บัดนี้ถอนหมั้นเรียบร้อยแล้ว นางส่งคืนของหมั้นมาที่ตำหนักของเขาแล้ว แต่เขามิได้สั่งให้ตรวจสอบด้วยซ้ำว่าทางจวนเสนาบดีเจียส่งคืนมาให้ครบถ้วนหรือไม่ เพราะเขาไม่อยากจะเห็นมัน ไม่อยากจะรับรู้ ไม่อยากจะมองว่าของหมั้นนั้นคือของหมั้นที่เขาส่งมอบให้กับเจียเหลียนฮวาจนนางกลายมาเป็นคู่หมั้นที่เดิมทีเขาไม่เต็มใจเลย
พอนางให้คนส่งของหมั้นมาคืนเขาก็ไม่อยากจะมองเห็นมัน ไม่สั่งให้ตรวจสอบ เพราะที่จริงแล้วเขาไม่อยากจะรับมันคืนมา อยากจะให้นางเก็บเอาไว้ อยากจะให้นางเป็นคู่หมั้นของเขาเพียงผู้เดียว ไม่ใช่ต้องทนเห็นนางเดินมากับชายอื่น แถมนางยังตกปากรับคำกับพี่สามว่ายินดีคบหาดูใจกับเจ้าหมอนั่น เขามองเห็นใบหน้าของเจ้ารองแม่ทัพไป๋มันบานยิ่งกว่าจานเชิงที่มันจะรับเซ้งคู่หมั้นของเขาไป มันคงจะดีใจเสียมากมาย ที่ได้หญิงที่เหลือเดนของเขา แต่นางเป็นของเหลือเดนที่ทำให้เขาทุกข์ทรมานยิ่งนัก เขาไม่อยากจะเสียนางไป อยากจะได้นางคืนมา คราวนี้จะให้แต่งเป็นพระชายาเอกเลยก็ได้ เขาไม่ได้อยากจะแต่งงานกับหญิงอื่นเสียหน่อย เขาแค่อึดอัดที่นางติดตามเขา เหมือนมัดมือชกเขาให้จำต้องหมั้นกับนาง
แต่บัดนี้เขาเป็นอิสระจากนางแล้ว แต่ทำไมใจเจ้ากรรมนี่มันร่ำๆอยากจะไปแต่ที่จวนเสนาบดีเจียเสียนักก็ไม่รู้ได้ อยากจะส่งของหมั้นคืน อยากจะส่งสินสอดไปเพิ่มอีกอย่างจะได้หรือไม่ อยากจะเรียกสินสอดเท่าใดเขาก็พร้อมที่จะให้ อยากจะแต่งงานกับนางให้เร็วที่สุด จะไม่เกี่ยงงอนเลยสักคำ ถ้าฮองเฮาฉางเก้อจะบังคับเขาอีก แต่ทำไมคราวนี้ไม่มีใครบังคับเขาให้แต่งกับนางอีกเล่า ทำไมทุกคนยอมรับการถอนหมั้นของนางง่ายถึงเพียงนี้ ทำไมไม่มีใครคัดค้านบ้างเลย อ๋อนหนุ่มครุ่นคิดจนทนกับความคิดตนเองต่อไปไม่ไหว “ พ่อบ้านอู๋ เอาสุรามาให้เปิ่นหวาง เอามาทั้งไหเลยไปเอามาชนิดที่แรงที่สุด เปิ่นหวาง อยากจะเมา อยากจะฉลองอิสระภาพ เปิ่นหวางดีใจเหลือเกินดีใจที่ไม่ต้องแต่งงานกับยายแม่มดนั่นแล้ว ”
ยามซื่อวันต่อมา ที่วังหลวงในที่ประชุมขุนนาง ที่มีฮ่องเต้เป็นประธานและมีเหล่าองค์ชายหลายองค์รวมถึงอ๋องห้าซีหยางและอ๋องแปดอยู่ในที่ประชุมด้วย ทั้งหมดถกปัญหาอุทกภัยที่หัวเมืองชานตงอย่างเคร่งเครียดฮ่องเต้มอบให้อ๋องแปดไปจัดการเรื่องนี้กับขุนนางที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการทำเขื่อน ให้ไปตรวจสอบและแก้ไขปัญหาให้เรียบร้อย อ๋องแปดรับพระบัญชาและเร่งออกไปจากท้องพระโรงเพื่อจัดการปัญหานี้ จากนั้นที่ประชุมก็ปรึกษาถึงเรื่องอื่นๆกันต่อไป จนเสร็จสิ้นการประชุมเมื่อฮ่องเต้เสด็จออกจากท้องพระโรงไปแล้ว เหล่าราชวงศ์และขุนนางก็กำลังจะทะยอยกันกลับ อ๋องซีหยางพยายามเดินไปเฉียดเสนาบดีเจีย เผื่อเขาจะสอบถามเรื่องเกี่ยวกับการถอนหมั้นเขาจะได้บ่ายเบี่ยงว่าเขามิได้อยากจะถอนหมั้นแต่เป็นเพราะเหลียนฮวางอนเขาจึงได้ส่งของหมั้นคืน หากท่านเสนาบดีเจียไม่ขัดข้องเขาจะส่งของหมั้นกลับคืนไป แม้เหลียนฮวาโวยวายเขาก็จะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เสีย แล้วก็รวบรัดนางกลับมาเป็นคู่หมั้นดังเดิม แต่เสนาบดีเจียกลับมิได้สนใจจะเอ่ยถึงเรื่องนี้เลย เหมือนเขามิได้ติดใจอะไรที่บุตรสาวเพียงคนเดียวถูกถอนหมั้น เขากลับเอ่ยถึงเรื่องราชการทั่วไป ขณะนั้นเสนาบดีจงก็เ
“ ข้าซื้อให้เจ้าตอบแทนที่ยอมให้ข้าปักปิ่นลงไปบนเรือนผมของเจ้าเพื่อดูว่าเหมาะสมกับสตรีที่ข้าพึงใจหรือไม่ ” เสียงทุ้มเอ่ยวาจาที่มันระคายใจนางออกมาอีก ฮวาเอ๋อเงยหน้าขึ้นจากคันฉ่องที่นางกำลังส่องมองเรือนผมของตนเองอยู่อ๋องหนุ่มเดินตามมาตอแยนางอีกแล้ว แถมยังเดินตามมายืนซ้อนหลังจนตัวแทบจะติดกับร่างอวบของนาง เหลียนฮวาใช้มือดันอกแกร่งของเขาให้ถอยห่างออกไป “ ข้าบอกท่านแล้วมิใช่หรือว่าอย่ามายุ่งกับข้า แล้วมายืนเสียแทบจะตัวติดกัน ผู้อื่นจะเข้าใจผิดเอาได้ ท่านจะเลือกเครื่องประดับให้สตรีที่ท่านพึงใจก็เลือกไป แต่อย่ามาใกล้ข้า เราไม่ได้เป็นอะไรกัน และข้าไม่พึงใจท่าน และไม่ต้องการสิ่งตอบแทนเพราะข้าไม่ได้เต็มใจจะช่วยท่านเลือกเสียหน่อย ” นางเอ่ยอย่างหงุดหงิดและเริ่มโมโหกรุ่นขึ้นมาแล้ว เหลียนฮวาหยิบเครื่องประดับที่นางเลือกแล้วสองชิ้นและไม่มีอารมณ์ที่จะเลือกซื้อหาชิ้นอื่นอีกเพราะไม่อยากจะอยู่ในร้านเดียวกับเขา เดินตรงไปที่โต๊ะบัญชีของเถ้าแก่เนี๊ยะเจ้าของร้านแล้ววางมันลงบนโต๊ะเพื่อให้นางคิดเงิน แต่ร่างหนาที่ยังเดินตามมาตอแยกับนางก็วางปิ่นระย้าและกำไลพลอยสีเขียวนั้นรวมกับของที่นางวางเอาไว้แล้วเอ่ยว่า “ เ
แม้นางจะยังเหลือสติอีกเล็กน้อยที่จะดิ้นรนให้ตนเองนั้นหลุดรอดเงื้อมมือของเขา แต่ก็ถูกเขาเล้าโลมนางอย่างหนักมือขึ้นอีกเพราะรู้เท่าทันว่ากวางน้อยเนื้อหวานของเขากำลังจะดิ้นหลุดมือไป มือหนาฟอนเฟ้นอกอวบใหญ่ของนางอย่างมันมือ “ อ๊า อ๊าา อ๊าา อ๊าาย อย่านะ อ๊าา” ร่างอวบครวญครางอย่างเสียวซ่าน เมื่อถูกนิ้วแกร่งบีบผลอิงเถาของนางอย่างมันมือ เขาบีบเค้นอกอวบใหญ่อย่างหนักมือและนิ้วแกร่งก็ดึงผลอิงเถาของนางแล้วขยี้มันเบาๆ จนร่างอวบดิ้นพล่าน “ อ๊าย อ๊า ท่านอ๋องไม่นะ เราถอนหมั้นกันแล้ว ไม่นะ อย่า อ๊ายย อ๊าาง ” นางพยายามดิ้นรนด้วยสติที่ยังพอหลงเหลือ ร้องประท้วงบอกเขาผสานกับร้องครวญครางอย่างทนไม่ไหว “ เจ้ามิได้เป็นคู่หมั้นของเปิ่นหวาง แต่เจ้าเป็นเมีย ได้ยินหรือไม่ เปิ่นหวางคือผัวของเจ้า มันเปลี่ยนความจริงข้อนี้ไปไม่ได้แล้ว หากเจ้ามีบุรุษใดอีก เปิ่นหวางจะไปบอกมันว่าเราคือผัวเมียกัน ” ขณะที่เอ่ยวาจาตอกย้ำให้นางรู้ว่านางเป็นเมียของเขานั้น มือหนาก็ดึงผ้าคาดเอวของนางออกจนหลุดลุ่ย แล้วมือหนาก็ล้วงเข้าไปในสาปเสื้อของนางแล้วฟอนเฟ้นอกอวบใหญ่ของนางอย่างมันมือสลับกับคีบผลอิงเถาของนั้นแล้วขยี้มันจนร่างอวบดิ้นพล่านอย่า
ยามซื่อวันต่อมา (เก้าโมงเช้า) คุณหนูจงซูลี่มาขอพบเหลียนฮวาจากที่นางไม่ได้มาหลายวันแล้ว นับจากที่ท่านอ๋องกับสหายของนางถอนหมั้นกัน ตอนนั้นคุณหนูจงคิดว่านางกำลังจะมาแทนที่สหายของตนเอง เพราะนางรู้มาว่าท่านอ๋องซีหยางแอบหลงรักนางเพราะนางเรียบร้อยอ่อนหวาน เป็นสตรีที่ดูว่านอนสอนง่ายเหมาะสมกับตำแหน่งพระชายาของเขามีคนมาบอกนางว่าท่านอ๋องกล่าวเช่นนี้ในหมู่องค์ชายและสหายของเขาหลายครั้ง นางจึงคิดว่าสิ่งที่นางได้ยินมาเป็นความจริงและตัวนางก็แอบมีใจให้อ๋องซีหยางมานานเช่นเดียวกับสหายของนางคุณหนูเจียเหลียนฮวา แต่เมื่อนางได้ยินข่าวว่าทั้งสองถอนหมั้นกันแล้วเพราะท่านอ๋องไม่ต้องการแต่งงานกับเหลียนฮวา ซูลี่จึงคิดว่าท่านอ๋องคงจะทนหญิงร้ายกาจและอารมณ์ร้อนเช่นเหลียนฮวาไม่ไหว เขาคงจะอับอายที่นางอาละวาดต่อหน้าผู้อื่นหลายๆครั้ง เมื่อมีหญิงอื่นมาวอแวกับเขานางก็จะจัดการทันทีอย่างไม่ไว้หน้า และตามหึงหวงเขาจนกระทั่งเขาคงจะรำคาญจนทนไม่ไหว จึงได้ถอนหมั้นไป วันนี้คุณหนูจงซูลี่จึงได้ตัดสินใจมาพบเหลียนฮวา ทั้งๆที่พยายามตีตัวออกห่างเพราะนางเตรียมตัวเพื่อที่จะได้แต่งเป็นพระชายาของท่านอ๋องซีหยาง นางคิดว่าอีกไม่นานเขาคงจะมาสู
หลายวันต่อมามีงานเลี้ยงฉลองให้กับเหล่าทหารในบังคับบัญชาของแม่ทัพตะวันออกที่เพิ่งรบชนะ หนึ่งในนั้นคือรองแม่ทัพไป๋เฟยหลง เวลายามเว่ย(บ่ายโมงกว่าๆ) รถม้าของแม่ทัพไป๋ก็จอดลงที่หน้าจวนเสนาบดีเจีย เขามารับเจียเหลียนฮวาเพื่อไปร่วมงานเลี้ยงฉลองในวังหลวงด้วยกัน พี่ชายของนางไปร่วมงานกับบิดาของนางทั้งสองออกเดินทางล่วงหน้าไปกว่าชั่วยามแล้ว แต่เหลียนฮวานัดกับพี่เฟยหลงไว้ว่าจะไปพร้อมกัน เหลียนฮวาเดินขึ้นรถม้าของรองแม่ทัพไป๋โดยมีเขาประคองนางขึ้นไปแล้วตัวเขาก็เดินตามขึ้นไปบนรถม้า จากนั้นรถม้าคันนั้นก็แล่นออกจากหน้าจวนแม่เสนาบดีเจียมุ่งตรงไปตามถนนสายหลักที่มุ่งสู่วังหลวง เมื่อรถม้ามาจอดลงที่หน้าประตูทางเข้าวังหลวง ทั้งสองก็พากันลงจากรถม้าแล้วเดินเข้าประตูวังหลวงมุ่งตรงไปที่ห้องจัดเลี้ยงภายในวังหลวง ที่เป็นเรือนขนาดใหญ่ที่ด้านในโล่งกว้าง มีที่ประทับของฮ่องเต้และฮองเฮารวมถึงราชวงศ์และที่นั่งของขุนนางลำดับต่างๆ ที่จัดที่นั่งประจำตัวของแต่ละคนเอาไว้แล้ว ทั้งสองเดินมาถึงประตูวังชั้นในที่เป็นทางเข้าไปสู่งานเลี้ยงขันทีที่ยืนอยู่หน้าประตูก็ร้องขานชื่อเสียงดังขึ้นทันที “ รองแม่ทัพไป๋เฟยหลงกับคุณหนูเจียเหลียนฮ
อ๋องหนุ่มรวบร่างของเหลียนฮวาพาดบ่าพาเดินลัดเลาะไปทางตำหนักที่่อยู่ไม่ไกลโถงจัดเลี้ยงนัก แต่เป็นตำหนักที่ไม่มีคนอยู่ เพราะเจ้าของย้ายไปอยู่ตำหนักอื่นและปิดทิ้งเอาไว้ อ๋องหนุ่มเปิดประตูเข้าไป แบกร่างอวบของเหลียนฮวาเดินตรงเข้าไปด้านในจนพบห้องนอนใหญ่ ห้องนอนนี้มีเตียงสี่เสาหลังใหญ่อยู่กลางห้อง เขาแบกร่างอวบของนางวางลงบนเตียง เหลียนฮวาที่ดิ้นรนทุบไหล่เขามาตลอดทาง แต่นางมิกล้าร้องดังจนเกินไปด้วยกลัวจะมีผู้พบเห็นแล้วนางจะเสื่อมเสียไปยิ่งกว่านี้ นางถอนหมั้นกับเขาแล้วมิอยากเกี่ยวข้องกับเขาอีก ตอนนี้นางกำลังคิดจะคบหากับรองแม่ทัพไป๋ แม้นางมิได้รักเขา แต่คิดว่าเขาเป็นพี่ชายที่น่ารักและเป็นบุรุษที่น่าสนใจ นางควรจะเปิดใจมองบุรุษอื่นๆที่มิใช่อ๋องผู้นี้ดูบ้าง“ ท่านจับหม่อมฉันมาทำไมกัน มิกลัวผู้อื่นจะเห็นเข้าหรือไร เรามิได้เป็นอะไรกันแล้ว ข่าวเรื่องถอนหมั้นก็มีคนรับรู้กันทั้งเมืองหลวง และหม่อมฉันกำลังจะคบหากับพี่เฟยหลง ท่านก็กำลังจะไปสู่ขอจงซูลี่ไม่ใช่หรือเพคะ อย่ามาทำเช่นนี้เลย ” อ๋องหนุ่มยกยิ้มน้อยๆที่มุกปากหนา “ เจ้าเป็นเมียข้าแล้ว ใช่เรามิได้เป็นเพียงคู่หมั้นแต่เราคือผัวเมียกัน เจ้าคิดจะไปหลอกช
อ๋องหนุ่มเจ็บแสบนิดๆแต่เขาก็มิได้อนาทรเพราะเขาเองก็สุขสมเหลือเกินที่ได้ขย่มร่างอวบของเมียรักที่เขาแสนจะคิดถึงนางมาหลายวันแล้ว เมื่อเสร็จสมเขาจับร่างอวบพลิกคว่ำแล้วกดกระแทกนางจากด้านหลังทันทีอย่างรุนแรง ทั้งสองร้องครวญครางผสานกันอย่างสุขสม เสียงเตียงใหญ่นั้นไหวโยกอย่างรุนแรง หัวเตียงกระแทกผนังเสียงดังสนั่น ผสานไปกับเสียงร้องครวญครางกระเส่าอย่างสุขสมของอดีตคู่หมั้นทั้งสอง อ๋องหนุ่มที่โหยหาร่างอวบของนางมาหลายวันแล้ว ตั้งแต่ได้นางเป็นเมีย เขามิเคยเสพสมกับหญิงใดอีกเลย จึงได้เร่งกระแทกนางไม่ยั้งและจับร่างอวบนั้นพลิกไปมาอยู่หลายท่วงท่า จนเมื่อจับร่างอวบของนางนอนคว่ำหน้ากับฟูกนอนหนานุ่มนั้น ดึงก้นงอนงามของนางขึ้นแล้วบีบเค้นมันอย่างเมามัน ตบมันอย่างแรงสองครั้งด้วยความหมั่นเขี้ยว แล้วเขาก็สอดเจ้าลูกชายตาเดียวที่มันยังไม่อิ่มเอมในรสรักจากนางเข้าไปในร่องอวบของนางจากทางด้านหลังจนมิดลำกายใหญ่นั้น แล้วก็เร่งกระแทกนางจากทางด้านหลังอย่างเร่าร้อนร่างหนาของอ๋องหนุ่มนอนคว่ำคร่อมร่างอวบของเหลียนฮวาอยู่ บั้นเอวหนาเร่งกระแทกร่องอวบของนางอย่างรวดเร็ว เร่งจังหวะจนรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังก้
หลังจากอ๋องซีหยางแบกคุณหนูเจียเหลียนฮวาหายเข้าไปในตำหนักแห่งนั้นโดยไม่มีผู้ใดรู้เห็น รองแม่ทัพไป๋เฟยหลงหลังจากที่สนทนาติดพันกับเหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่และแม่ทัพใหญ่หลายๆคนอยู่นาน จนกระทั่งเขาเริ่มมองหาเหลียนฮวาไปจนทั่วงานเลี้ยงแต่ก็ไม่พบร่างงดงามของนางเลย ฮวาเอ๋อหายไปที่ใดกัน เขาไปตามหานางแถวบริเวณห้องสุขาและในสวนด้านหน้าของเรือนที่ใช้จัดงานเลี้ยงต้อนรับทหารที่ชนะศึกกลับมาแต่ก็ไม่พบร่างอวบของนางเลย เขากระวนกระวายใจจึงได้รีบรุดไปหาบิดาและพี่ชายของนางที่กำลังสนทนาติดพันกับเหล่าสหายและเหล่าราชวงศ์หลายๆคนอยู่ “ ท่านลุงขอรับ ฮวาเอ๋อหายไปไหนก็ไม่ทราบ ข้าค้นหานางจนทั่วงาน จนไปตามหาแทบจะทั่วบริเวณรอบๆเรือนหลังนี้แล้วมิพบนางเลยขอรับ ไม่รู้นางหายไปที่ใดกัน” เสนาบดีเจียกับบุตรชายคนโต เจียหย่งจิ้งหันขวับมาทันที “ ฮวาเอ๋อจะหายไปที่ใดกัน พวกเราก็ยังอยู่ที่นี่ นางจะกลับไปก่อนโดยไม่บอกกล่าวได้เช่นไร ” เจียหย่งจิ้งขุนนางหนุ่มอนาคตไกลที่เป็นพี่ชายของนางเอ่ยขึ้นทันที “ นางอาจจะไม่สบายแล้วกลับไปก่อนหรือไม่ ” องค์ชายสามรีบเอ่ยขึ้นทันที ทั้ง ๆที่เขารู้อยู่เต็มอกว่านางหายไปกับใคร คงหนีไม่พ้นเจ้าห้าที่มันหึง