แม้นางจะยังเหลือสติอีกเล็กน้อยที่จะดิ้นรนให้ตนเองนั้นหลุดรอดเงื้อมมือของเขา แต่ก็ถูกเขาเล้าโลมนางอย่างหนักมือขึ้นอีกเพราะรู้เท่าทันว่ากวางน้อยเนื้อหวานของเขากำลังจะดิ้นหลุดมือไป มือหนาฟอนเฟ้นอกอวบใหญ่ของนางอย่างมันมือ “ อ๊า อ๊าา อ๊าา อ๊าาย อย่านะ อ๊าา” ร่างอวบครวญครางอย่างเสียวซ่าน เมื่อถูกนิ้วแกร่งบีบผลอิงเถาของนางอย่างมันมือ เขาบีบเค้นอกอวบใหญ่อย่างหนักมือและนิ้วแกร่งก็ดึงผลอิงเถาของนางแล้วขยี้มันเบาๆ จนร่างอวบดิ้นพล่าน “ อ๊าย อ๊า ท่านอ๋องไม่นะ เราถอนหมั้นกันแล้ว ไม่นะ อย่า อ๊ายย อ๊าาง ” นางพยายามดิ้นรนด้วยสติที่ยังพอหลงเหลือ ร้องประท้วงบอกเขาผสานกับร้องครวญครางอย่างทนไม่ไหว “ เจ้ามิได้เป็นคู่หมั้นของเปิ่นหวาง แต่เจ้าเป็นเมีย ได้ยินหรือไม่ เปิ่นหวางคือผัวของเจ้า มันเปลี่ยนความจริงข้อนี้ไปไม่ได้แล้ว หากเจ้ามีบุรุษใดอีก เปิ่นหวางจะไปบอกมันว่าเราคือผัวเมียกัน ” ขณะที่เอ่ยวาจาตอกย้ำให้นางรู้ว่านางเป็นเมียของเขานั้น มือหนาก็ดึงผ้าคาดเอวของนางออกจนหลุดลุ่ย แล้วมือหนาก็ล้วงเข้าไปในสาปเสื้อของนางแล้วฟอนเฟ้นอกอวบใหญ่ของนางอย่างมันมือสลับกับคีบผลอิงเถาของนั้นแล้วขยี้มันจนร่างอวบดิ้นพล่านอย่า
ยามซื่อวันต่อมา (เก้าโมงเช้า) คุณหนูจงซูลี่มาขอพบเหลียนฮวาจากที่นางไม่ได้มาหลายวันแล้ว นับจากที่ท่านอ๋องกับสหายของนางถอนหมั้นกัน ตอนนั้นคุณหนูจงคิดว่านางกำลังจะมาแทนที่สหายของตนเอง เพราะนางรู้มาว่าท่านอ๋องซีหยางแอบหลงรักนางเพราะนางเรียบร้อยอ่อนหวาน เป็นสตรีที่ดูว่านอนสอนง่ายเหมาะสมกับตำแหน่งพระชายาของเขามีคนมาบอกนางว่าท่านอ๋องกล่าวเช่นนี้ในหมู่องค์ชายและสหายของเขาหลายครั้ง นางจึงคิดว่าสิ่งที่นางได้ยินมาเป็นความจริงและตัวนางก็แอบมีใจให้อ๋องซีหยางมานานเช่นเดียวกับสหายของนางคุณหนูเจียเหลียนฮวา แต่เมื่อนางได้ยินข่าวว่าทั้งสองถอนหมั้นกันแล้วเพราะท่านอ๋องไม่ต้องการแต่งงานกับเหลียนฮวา ซูลี่จึงคิดว่าท่านอ๋องคงจะทนหญิงร้ายกาจและอารมณ์ร้อนเช่นเหลียนฮวาไม่ไหว เขาคงจะอับอายที่นางอาละวาดต่อหน้าผู้อื่นหลายๆครั้ง เมื่อมีหญิงอื่นมาวอแวกับเขานางก็จะจัดการทันทีอย่างไม่ไว้หน้า และตามหึงหวงเขาจนกระทั่งเขาคงจะรำคาญจนทนไม่ไหว จึงได้ถอนหมั้นไป วันนี้คุณหนูจงซูลี่จึงได้ตัดสินใจมาพบเหลียนฮวา ทั้งๆที่พยายามตีตัวออกห่างเพราะนางเตรียมตัวเพื่อที่จะได้แต่งเป็นพระชายาของท่านอ๋องซีหยาง นางคิดว่าอีกไม่นานเขาคงจะมาสู
หลายวันต่อมามีงานเลี้ยงฉลองให้กับเหล่าทหารในบังคับบัญชาของแม่ทัพตะวันออกที่เพิ่งรบชนะ หนึ่งในนั้นคือรองแม่ทัพไป๋เฟยหลง เวลายามเว่ย(บ่ายโมงกว่าๆ) รถม้าของแม่ทัพไป๋ก็จอดลงที่หน้าจวนเสนาบดีเจีย เขามารับเจียเหลียนฮวาเพื่อไปร่วมงานเลี้ยงฉลองในวังหลวงด้วยกัน พี่ชายของนางไปร่วมงานกับบิดาของนางทั้งสองออกเดินทางล่วงหน้าไปกว่าชั่วยามแล้ว แต่เหลียนฮวานัดกับพี่เฟยหลงไว้ว่าจะไปพร้อมกัน เหลียนฮวาเดินขึ้นรถม้าของรองแม่ทัพไป๋โดยมีเขาประคองนางขึ้นไปแล้วตัวเขาก็เดินตามขึ้นไปบนรถม้า จากนั้นรถม้าคันนั้นก็แล่นออกจากหน้าจวนแม่เสนาบดีเจียมุ่งตรงไปตามถนนสายหลักที่มุ่งสู่วังหลวง เมื่อรถม้ามาจอดลงที่หน้าประตูทางเข้าวังหลวง ทั้งสองก็พากันลงจากรถม้าแล้วเดินเข้าประตูวังหลวงมุ่งตรงไปที่ห้องจัดเลี้ยงภายในวังหลวง ที่เป็นเรือนขนาดใหญ่ที่ด้านในโล่งกว้าง มีที่ประทับของฮ่องเต้และฮองเฮารวมถึงราชวงศ์และที่นั่งของขุนนางลำดับต่างๆ ที่จัดที่นั่งประจำตัวของแต่ละคนเอาไว้แล้ว ทั้งสองเดินมาถึงประตูวังชั้นในที่เป็นทางเข้าไปสู่งานเลี้ยงขันทีที่ยืนอยู่หน้าประตูก็ร้องขานชื่อเสียงดังขึ้นทันที “ รองแม่ทัพไป๋เฟยหลงกับคุณหนูเจียเหลียนฮ
อ๋องหนุ่มรวบร่างของเหลียนฮวาพาดบ่าพาเดินลัดเลาะไปทางตำหนักที่่อยู่ไม่ไกลโถงจัดเลี้ยงนัก แต่เป็นตำหนักที่ไม่มีคนอยู่ เพราะเจ้าของย้ายไปอยู่ตำหนักอื่นและปิดทิ้งเอาไว้ อ๋องหนุ่มเปิดประตูเข้าไป แบกร่างอวบของเหลียนฮวาเดินตรงเข้าไปด้านในจนพบห้องนอนใหญ่ ห้องนอนนี้มีเตียงสี่เสาหลังใหญ่อยู่กลางห้อง เขาแบกร่างอวบของนางวางลงบนเตียง เหลียนฮวาที่ดิ้นรนทุบไหล่เขามาตลอดทาง แต่นางมิกล้าร้องดังจนเกินไปด้วยกลัวจะมีผู้พบเห็นแล้วนางจะเสื่อมเสียไปยิ่งกว่านี้ นางถอนหมั้นกับเขาแล้วมิอยากเกี่ยวข้องกับเขาอีก ตอนนี้นางกำลังคิดจะคบหากับรองแม่ทัพไป๋ แม้นางมิได้รักเขา แต่คิดว่าเขาเป็นพี่ชายที่น่ารักและเป็นบุรุษที่น่าสนใจ นางควรจะเปิดใจมองบุรุษอื่นๆที่มิใช่อ๋องผู้นี้ดูบ้าง“ ท่านจับหม่อมฉันมาทำไมกัน มิกลัวผู้อื่นจะเห็นเข้าหรือไร เรามิได้เป็นอะไรกันแล้ว ข่าวเรื่องถอนหมั้นก็มีคนรับรู้กันทั้งเมืองหลวง และหม่อมฉันกำลังจะคบหากับพี่เฟยหลง ท่านก็กำลังจะไปสู่ขอจงซูลี่ไม่ใช่หรือเพคะ อย่ามาทำเช่นนี้เลย ” อ๋องหนุ่มยกยิ้มน้อยๆที่มุกปากหนา “ เจ้าเป็นเมียข้าแล้ว ใช่เรามิได้เป็นเพียงคู่หมั้นแต่เราคือผัวเมียกัน เจ้าคิดจะไปหลอกช
อ๋องหนุ่มเจ็บแสบนิดๆแต่เขาก็มิได้อนาทรเพราะเขาเองก็สุขสมเหลือเกินที่ได้ขย่มร่างอวบของเมียรักที่เขาแสนจะคิดถึงนางมาหลายวันแล้ว เมื่อเสร็จสมเขาจับร่างอวบพลิกคว่ำแล้วกดกระแทกนางจากด้านหลังทันทีอย่างรุนแรง ทั้งสองร้องครวญครางผสานกันอย่างสุขสม เสียงเตียงใหญ่นั้นไหวโยกอย่างรุนแรง หัวเตียงกระแทกผนังเสียงดังสนั่น ผสานไปกับเสียงร้องครวญครางกระเส่าอย่างสุขสมของอดีตคู่หมั้นทั้งสอง อ๋องหนุ่มที่โหยหาร่างอวบของนางมาหลายวันแล้ว ตั้งแต่ได้นางเป็นเมีย เขามิเคยเสพสมกับหญิงใดอีกเลย จึงได้เร่งกระแทกนางไม่ยั้งและจับร่างอวบนั้นพลิกไปมาอยู่หลายท่วงท่า จนเมื่อจับร่างอวบของนางนอนคว่ำหน้ากับฟูกนอนหนานุ่มนั้น ดึงก้นงอนงามของนางขึ้นแล้วบีบเค้นมันอย่างเมามัน ตบมันอย่างแรงสองครั้งด้วยความหมั่นเขี้ยว แล้วเขาก็สอดเจ้าลูกชายตาเดียวที่มันยังไม่อิ่มเอมในรสรักจากนางเข้าไปในร่องอวบของนางจากทางด้านหลังจนมิดลำกายใหญ่นั้น แล้วก็เร่งกระแทกนางจากทางด้านหลังอย่างเร่าร้อนร่างหนาของอ๋องหนุ่มนอนคว่ำคร่อมร่างอวบของเหลียนฮวาอยู่ บั้นเอวหนาเร่งกระแทกร่องอวบของนางอย่างรวดเร็ว เร่งจังหวะจนรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังก้
หลังจากอ๋องซีหยางแบกคุณหนูเจียเหลียนฮวาหายเข้าไปในตำหนักแห่งนั้นโดยไม่มีผู้ใดรู้เห็น รองแม่ทัพไป๋เฟยหลงหลังจากที่สนทนาติดพันกับเหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่และแม่ทัพใหญ่หลายๆคนอยู่นาน จนกระทั่งเขาเริ่มมองหาเหลียนฮวาไปจนทั่วงานเลี้ยงแต่ก็ไม่พบร่างงดงามของนางเลย ฮวาเอ๋อหายไปที่ใดกัน เขาไปตามหานางแถวบริเวณห้องสุขาและในสวนด้านหน้าของเรือนที่ใช้จัดงานเลี้ยงต้อนรับทหารที่ชนะศึกกลับมาแต่ก็ไม่พบร่างอวบของนางเลย เขากระวนกระวายใจจึงได้รีบรุดไปหาบิดาและพี่ชายของนางที่กำลังสนทนาติดพันกับเหล่าสหายและเหล่าราชวงศ์หลายๆคนอยู่ “ ท่านลุงขอรับ ฮวาเอ๋อหายไปไหนก็ไม่ทราบ ข้าค้นหานางจนทั่วงาน จนไปตามหาแทบจะทั่วบริเวณรอบๆเรือนหลังนี้แล้วมิพบนางเลยขอรับ ไม่รู้นางหายไปที่ใดกัน” เสนาบดีเจียกับบุตรชายคนโต เจียหย่งจิ้งหันขวับมาทันที “ ฮวาเอ๋อจะหายไปที่ใดกัน พวกเราก็ยังอยู่ที่นี่ นางจะกลับไปก่อนโดยไม่บอกกล่าวได้เช่นไร ” เจียหย่งจิ้งขุนนางหนุ่มอนาคตไกลที่เป็นพี่ชายของนางเอ่ยขึ้นทันที “ นางอาจจะไม่สบายแล้วกลับไปก่อนหรือไม่ ” องค์ชายสามรีบเอ่ยขึ้นทันที ทั้ง ๆที่เขารู้อยู่เต็มอกว่านางหายไปกับใคร คงหนีไม่พ้นเจ้าห้าที่มันหึง
แผนของเหล่าองค์ชายที่ช่วยกันปล่อยข่่าวลือเรื่องมีผู้เห็นอ๋องซีหยางและคุณหนูเจียเหลียนฮวาหายเข้าไปด้วยกันในตำหนักเหม่ยฮัวที่เป็นตำหนักที่ว่างอยู่ทั้งคืนและพากันกลับออกมาในรุ่่งเช้าของอีกวัน และยังมีผู้เห็นเหตุการณ์ที่ทั้งสองพากันขึ้นไปบนรถม้าที่หน้าตลาดแล้วเพียงไม่นานก็มีคนได้ยินเสียงทั้งสองเริงรักกันเสียงดังออกมาจากไหนรถม้านั่น แถมยังมีผู้เห็นอีกว่ารถม้าคันนั้นที่จอดอยู่หน้าตลาดกว่าครึ่งชั่วยามนั้นโยกไหวอย่างรุนแรงอีกด้วย ข่าวลือทั้งหมดนี้เป็นที่โจษจันกันไปทั่วไม่ว่าจะเป็นโรงน้ำชา ร้านเสริมความงามสตรี ร้านเครื่องประทินโฉม ร้านขายอาภรณ์สตรีี ที่มีเหล่าคุณหนูในห้องหอและฮูหยินจวนต่างๆที่มักจะไปพบกัน และเล่าสู่เรื่องราวเหล่านี้ให้กันฟังอย่างออกรส “ จริงหรือไม่ ที่เขาเล่าลือว่าบุตรสาวเสนาบดีเจียกับท่านอ๋องซีหยางที่มีข่าวว่าถอนหมั้นกันไปแล้ว แต่ที่จริงแล้วยังพากันไปเริงรักกันที่ตำหนักว่างในวังหลวง ” ฮูหยินผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นในร้านเสริมความงามกลางตลาดแห่งหนึ่ง “ ยังไม่เพียงเท่านั้น ข้ายังได้ยินมามันโจ่งครึ่มยิ่งกว่านั้นอีก เขาว่ากันว่าท่านอ๋องซีหยางพาอดีตคู่หมั้นขึ้นไปบนรถม้าที่หน้าตลาดแล้วก็
อ๋องหนุ่มเร่งจัดงานแต่งงานอย่างรวดเร็ว ทุกอย่างเสร็จสิ้นภายในไม่ถึงสิบวัน จนวันนีี้เขาก็ขี่ม้ามารับเจ้าสาวของเขาด้วยตนเอง ใบหน้าของเขาบานยิ่งกว่าจานเชิง ขบวนรับเจ้าสาวก็ยิ่งใหญ่ เกี้ยวแปดคนห้ามก็เป็นเกี้ยวที่ทำขึ้นมาใหม่และเป็นเกี้ยวอย่างดีที่สุด สินสอดที่เขาจัดหามาให้นั้นมากมายยิ่งนัก มันบอกว่าเขานั้นรักเหลียนฮวามากขนาดไหน และอยากจะได้นางเป็นพระชายามากเพียงใด ขบวนสินสอดเป็นชบวนที่ยาวมากและสินเดิมของเจ้าสาวก็เป็นขบวนยาวไม่แพ้กััน สองข้างทางมีชาวบ้านมามุงดูกันตลอดสองข้างทาง พิธีแต่งงานครั้งนี้เล่าลือกันไปทั้งเมืองหลวงเพราะอ๋องซีหยางจัดพิธีอย่างยิ่งใหญ่สมเกียรติพระชายาเอกอย่างยิ่ง ผู้คนต่างฉงนในใจ ไหนใครๆบอกว่าท่านอ๋องซีหยางมิได้เต็มใจอยากจะได้พระชายาผู้นี้ และพวกเขาถอนหมั้นกันไปแล้วใช่ไรเล่า แต่อยู่ๆก็มีข่าวว่าทั้งสองได้เสียกันจนเล่าลือฉาวโฉ่กันไปทั้งเมืองแต่เพียงไม่กี่วันท่านอ๋องซีหยางก็จัดงานแต่งงานกับเจียเหลียนฮวาและรับนางเป็นพระชายาเอกแถมยังเป็นงานแต่งที่จัดอย่างยิ่งใหญ่สินสอดก็มากมายว่ากันว่ามากกว่าเจ้าสาวคนใดในปีนี้เลยด้วยซ้ำ อ๋องหนุ่มรอรับเจ้าสาวที่บิดาของนางพาเดินออกมาขึ้นเกี้