อ๋องหนุ่มรวบร่างของเหลียนฮวาพาดบ่าพาเดินลัดเลาะไปทางตำหนักที่่อยู่ไม่ไกลโถงจัดเลี้ยงนัก แต่เป็นตำหนักที่ไม่มีคนอยู่ เพราะเจ้าของย้ายไปอยู่ตำหนักอื่นและปิดทิ้งเอาไว้ อ๋องหนุ่มเปิดประตูเข้าไป แบกร่างอวบของเหลียนฮวาเดินตรงเข้าไปด้านในจนพบห้องนอนใหญ่ ห้องนอนนี้มีเตียงสี่เสาหลังใหญ่อยู่กลางห้อง เขาแบกร่างอวบของนางวางลงบนเตียง เหลียนฮวาที่ดิ้นรนทุบไหล่เขามาตลอดทาง แต่นางมิกล้าร้องดังจนเกินไปด้วยกลัวจะมีผู้พบเห็นแล้วนางจะเสื่อมเสียไปยิ่งกว่านี้ นางถอนหมั้นกับเขาแล้วมิอยากเกี่ยวข้องกับเขาอีก ตอนนี้นางกำลังคิดจะคบหากับรองแม่ทัพไป๋ แม้นางมิได้รักเขา แต่คิดว่าเขาเป็นพี่ชายที่น่ารักและเป็นบุรุษที่น่าสนใจ นางควรจะเปิดใจมองบุรุษอื่นๆที่มิใช่อ๋องผู้นี้ดูบ้าง“ ท่านจับหม่อมฉันมาทำไมกัน มิกลัวผู้อื่นจะเห็นเข้าหรือไร เรามิได้เป็นอะไรกันแล้ว ข่าวเรื่องถอนหมั้นก็มีคนรับรู้กันทั้งเมืองหลวง และหม่อมฉันกำลังจะคบหากับพี่เฟยหลง ท่านก็กำลังจะไปสู่ขอจงซูลี่ไม่ใช่หรือเพคะ อย่ามาทำเช่นนี้เลย ” อ๋องหนุ่มยกยิ้มน้อยๆที่มุกปากหนา “ เจ้าเป็นเมียข้าแล้ว ใช่เรามิได้เป็นเพียงคู่หมั้นแต่เราคือผัวเมียกัน เจ้าคิดจะไปหลอกช
อ๋องหนุ่มเจ็บแสบนิดๆแต่เขาก็มิได้อนาทรเพราะเขาเองก็สุขสมเหลือเกินที่ได้ขย่มร่างอวบของเมียรักที่เขาแสนจะคิดถึงนางมาหลายวันแล้ว เมื่อเสร็จสมเขาจับร่างอวบพลิกคว่ำแล้วกดกระแทกนางจากด้านหลังทันทีอย่างรุนแรง ทั้งสองร้องครวญครางผสานกันอย่างสุขสม เสียงเตียงใหญ่นั้นไหวโยกอย่างรุนแรง หัวเตียงกระแทกผนังเสียงดังสนั่น ผสานไปกับเสียงร้องครวญครางกระเส่าอย่างสุขสมของอดีตคู่หมั้นทั้งสอง อ๋องหนุ่มที่โหยหาร่างอวบของนางมาหลายวันแล้ว ตั้งแต่ได้นางเป็นเมีย เขามิเคยเสพสมกับหญิงใดอีกเลย จึงได้เร่งกระแทกนางไม่ยั้งและจับร่างอวบนั้นพลิกไปมาอยู่หลายท่วงท่า จนเมื่อจับร่างอวบของนางนอนคว่ำหน้ากับฟูกนอนหนานุ่มนั้น ดึงก้นงอนงามของนางขึ้นแล้วบีบเค้นมันอย่างเมามัน ตบมันอย่างแรงสองครั้งด้วยความหมั่นเขี้ยว แล้วเขาก็สอดเจ้าลูกชายตาเดียวที่มันยังไม่อิ่มเอมในรสรักจากนางเข้าไปในร่องอวบของนางจากทางด้านหลังจนมิดลำกายใหญ่นั้น แล้วก็เร่งกระแทกนางจากทางด้านหลังอย่างเร่าร้อนร่างหนาของอ๋องหนุ่มนอนคว่ำคร่อมร่างอวบของเหลียนฮวาอยู่ บั้นเอวหนาเร่งกระแทกร่องอวบของนางอย่างรวดเร็ว เร่งจังหวะจนรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังก้
หลังจากอ๋องซีหยางแบกคุณหนูเจียเหลียนฮวาหายเข้าไปในตำหนักแห่งนั้นโดยไม่มีผู้ใดรู้เห็น รองแม่ทัพไป๋เฟยหลงหลังจากที่สนทนาติดพันกับเหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่และแม่ทัพใหญ่หลายๆคนอยู่นาน จนกระทั่งเขาเริ่มมองหาเหลียนฮวาไปจนทั่วงานเลี้ยงแต่ก็ไม่พบร่างงดงามของนางเลย ฮวาเอ๋อหายไปที่ใดกัน เขาไปตามหานางแถวบริเวณห้องสุขาและในสวนด้านหน้าของเรือนที่ใช้จัดงานเลี้ยงต้อนรับทหารที่ชนะศึกกลับมาแต่ก็ไม่พบร่างอวบของนางเลย เขากระวนกระวายใจจึงได้รีบรุดไปหาบิดาและพี่ชายของนางที่กำลังสนทนาติดพันกับเหล่าสหายและเหล่าราชวงศ์หลายๆคนอยู่ “ ท่านลุงขอรับ ฮวาเอ๋อหายไปไหนก็ไม่ทราบ ข้าค้นหานางจนทั่วงาน จนไปตามหาแทบจะทั่วบริเวณรอบๆเรือนหลังนี้แล้วมิพบนางเลยขอรับ ไม่รู้นางหายไปที่ใดกัน” เสนาบดีเจียกับบุตรชายคนโต เจียหย่งจิ้งหันขวับมาทันที “ ฮวาเอ๋อจะหายไปที่ใดกัน พวกเราก็ยังอยู่ที่นี่ นางจะกลับไปก่อนโดยไม่บอกกล่าวได้เช่นไร ” เจียหย่งจิ้งขุนนางหนุ่มอนาคตไกลที่เป็นพี่ชายของนางเอ่ยขึ้นทันที “ นางอาจจะไม่สบายแล้วกลับไปก่อนหรือไม่ ” องค์ชายสามรีบเอ่ยขึ้นทันที ทั้ง ๆที่เขารู้อยู่เต็มอกว่านางหายไปกับใคร คงหนีไม่พ้นเจ้าห้าที่มันหึง
แผนของเหล่าองค์ชายที่ช่วยกันปล่อยข่่าวลือเรื่องมีผู้เห็นอ๋องซีหยางและคุณหนูเจียเหลียนฮวาหายเข้าไปด้วยกันในตำหนักเหม่ยฮัวที่เป็นตำหนักที่ว่างอยู่ทั้งคืนและพากันกลับออกมาในรุ่่งเช้าของอีกวัน และยังมีผู้เห็นเหตุการณ์ที่ทั้งสองพากันขึ้นไปบนรถม้าที่หน้าตลาดแล้วเพียงไม่นานก็มีคนได้ยินเสียงทั้งสองเริงรักกันเสียงดังออกมาจากไหนรถม้านั่น แถมยังมีผู้เห็นอีกว่ารถม้าคันนั้นที่จอดอยู่หน้าตลาดกว่าครึ่งชั่วยามนั้นโยกไหวอย่างรุนแรงอีกด้วย ข่าวลือทั้งหมดนี้เป็นที่โจษจันกันไปทั่วไม่ว่าจะเป็นโรงน้ำชา ร้านเสริมความงามสตรี ร้านเครื่องประทินโฉม ร้านขายอาภรณ์สตรีี ที่มีเหล่าคุณหนูในห้องหอและฮูหยินจวนต่างๆที่มักจะไปพบกัน และเล่าสู่เรื่องราวเหล่านี้ให้กันฟังอย่างออกรส “ จริงหรือไม่ ที่เขาเล่าลือว่าบุตรสาวเสนาบดีเจียกับท่านอ๋องซีหยางที่มีข่าวว่าถอนหมั้นกันไปแล้ว แต่ที่จริงแล้วยังพากันไปเริงรักกันที่ตำหนักว่างในวังหลวง ” ฮูหยินผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นในร้านเสริมความงามกลางตลาดแห่งหนึ่ง “ ยังไม่เพียงเท่านั้น ข้ายังได้ยินมามันโจ่งครึ่มยิ่งกว่านั้นอีก เขาว่ากันว่าท่านอ๋องซีหยางพาอดีตคู่หมั้นขึ้นไปบนรถม้าที่หน้าตลาดแล้วก็
อ๋องหนุ่มเร่งจัดงานแต่งงานอย่างรวดเร็ว ทุกอย่างเสร็จสิ้นภายในไม่ถึงสิบวัน จนวันนีี้เขาก็ขี่ม้ามารับเจ้าสาวของเขาด้วยตนเอง ใบหน้าของเขาบานยิ่งกว่าจานเชิง ขบวนรับเจ้าสาวก็ยิ่งใหญ่ เกี้ยวแปดคนห้ามก็เป็นเกี้ยวที่ทำขึ้นมาใหม่และเป็นเกี้ยวอย่างดีที่สุด สินสอดที่เขาจัดหามาให้นั้นมากมายยิ่งนัก มันบอกว่าเขานั้นรักเหลียนฮวามากขนาดไหน และอยากจะได้นางเป็นพระชายามากเพียงใด ขบวนสินสอดเป็นชบวนที่ยาวมากและสินเดิมของเจ้าสาวก็เป็นขบวนยาวไม่แพ้กััน สองข้างทางมีชาวบ้านมามุงดูกันตลอดสองข้างทาง พิธีแต่งงานครั้งนี้เล่าลือกันไปทั้งเมืองหลวงเพราะอ๋องซีหยางจัดพิธีอย่างยิ่งใหญ่สมเกียรติพระชายาเอกอย่างยิ่ง ผู้คนต่างฉงนในใจ ไหนใครๆบอกว่าท่านอ๋องซีหยางมิได้เต็มใจอยากจะได้พระชายาผู้นี้ และพวกเขาถอนหมั้นกันไปแล้วใช่ไรเล่า แต่อยู่ๆก็มีข่าวว่าทั้งสองได้เสียกันจนเล่าลือฉาวโฉ่กันไปทั้งเมืองแต่เพียงไม่กี่วันท่านอ๋องซีหยางก็จัดงานแต่งงานกับเจียเหลียนฮวาและรับนางเป็นพระชายาเอกแถมยังเป็นงานแต่งที่จัดอย่างยิ่งใหญ่สินสอดก็มากมายว่ากันว่ามากกว่าเจ้าสาวคนใดในปีนี้เลยด้วยซ้ำ อ๋องหนุ่มรอรับเจ้าสาวที่บิดาของนางพาเดินออกมาขึ้นเกี้
ด้านอ๋องหนุ่มเมื่อได้เวลาเข้าหอ “ เจ้าห้าไปกัน สมใจเจ้าแล้วนะ ต่อไปก็ไม่ต้องทำตาขวางใส่พวกข้าแล้ว ” เมื่อเอ่ยหยอกเย้าเจ้าบ่าวที่วันนี้หน้าบานยิ่งกว่าจานเชิง ใครพูดอะไรก็หัวเราะไปเสียหมดดังเช่นคนมีความสุขเหลือประมาณ องค์ชายสามกับองค์ชายหกก็หิ้วปีกเขามาส่งจนถึงหน้าห้องหอ แล้วก็พากันเดินโซเซจากไป อ๋องหนุ่มจึงได้เปิดประตูเข้ามาในห้องหอแล้วปิดมันลงทันที เขามองตรงไปที่เตียงวิวาห์เห็นร่างในชุดแดงของเจ้าสาวนอนตะแคงหันข้างให้เขา นางหันหน้าเข้าไปด้านในเตียงวิวาห์ วันนี้นางคงจะเหนื่อยมากจนรอเขาไม่ไหว หลับไปก่อนแล้ว แต่มิเป็นไร สวามีจะปลุกเจ้าเอง เพราะวัันนี้เขาต้องเข้าหอให้ได้ เพราะรอวันนี้มาหลายวันแล้ว อยากจะนอนกอดเมียของตัวเองเต็มทน ไม่ต้องห่วงว่าจะมีบุรุษใดมาแย่งนางไปจากเขาอีกแล้ว เพราะตอนนี้เขาตีตราจองนางเป็นพระชายาเอกของเขาแล้ว อ๋องหนุ่มก้มลงมองร่างอวบที่นอนตะแคงข้างอยู่บนฟูกนุ่ม นางยังสวมชุดเจ้าสาวอยู่ อ๋องหนุ่มจึงเดินกลับไปหลังฉากแล้วถอดชุดเจ้าบ่าวสีแดงตัวนอกออกเหลือเพียงชุดตัวในแล้วเดินกลับมาที่เตียงวิวาห์ เขาก้าวขึ้นไปนอนข้างร่่างอวบอิ่มนั่น แล้วมือหนาก็ค่อยๆเอื้อมมือไปที่ด้านหน้าของนา
หลายวันต่อมามีงานเลี้ยงวันเกิดของขุนนางใหญ่คนหนึ่ง ท่านอ๋องซีหยางพาพระชายาหมาด ๆ ของเขาไปที่งานเลี้ยงแห่งนี้ด้วย เมื่อไปถึงในงานต่างก็เข้าไปทักทายแขกเหรื่อที่มางาน ขณะนั้นคุณหนูจงซูลี่ที่มากับบิดาของนางก็เดินเข้ามาร่วมวงสนทนา ดวงตาจ้องมองทัั้งคู่อย่างไม่พอใจนัก นางมีความหวังอย่างมาก เพราะเคยได้ยินคนพูดหลายๆครั้งว่าท่านอ๋องซีหยางนั้น พูดถึงนางว่าพึงใจนางมากกว่าคู่หมั้นที่เขาไม่ต้องการเลยอย่างเช่่นเจียเหลียนฮวาผู้นี้ เขารังเกียจและรำคาญนางเหลือเกิน อยากจะถอนหมั้นที่เขาถูกบังคับให้จำต้องหมั้นกับหญิงร้ายกาจเช่นนี้แต่ไม่รู้เหตุใดตอนนี้เขาถึงได้กลับกลายไปสู่ขอนางมาแต่งเป็นพระชายาเอก ทั้ง ๆที่ผ่านเขาไม่เคยรักหญิงผู้นี้เลย แต่ซูลี่ก็ยังมีความหวัง เพราะนางหลงคิดไปว่าเขาชอบนางมีใจให้นาง เพราะได้ยินคนหลายๆคนพูดตรงกันเช่นนี้ จึงยังคงมีความหวังแม้เขาจะแต่งงานกับอดีตสหายของนางไปแล้ว แต่ซูลี่ก็ยังคาดหวังว่าเขาจะรับนางเป็นพระชายารองในสักวัน และนางก็จะแสดงให้เห็นว่าหญิงเช่นนางมีดีกว่าหญิงร้ายกาจเช่นเหลียนฮวาเป็นไหน ๆ “ เป็นเช่นไรเล่าพระชายาเจีย ไม่ได้พบกันเสียนาน ตอนนี้จากหญิงร้ายกาจที่คู่หมั้นไม่ต
ซูลี่ส่งคนไปสืบการเคลื่อนไหวของแม่ทัพไป๋ ให้ติดตามเขาห่าง ๆ อย่าให้เขารู้ตัวว่าแต่ละวันเขาไปที่ใดบ้าง เขาทำอะไรในแต่ละวันเพื่อนางจะได้วางแผนที่จะพบเจอเขาให้ได้ วันหนึ่งคนที่นางให้ติดตามรองแม่ทัพไป๋ส่งข่าวมาบอกว่ารองแม่ทัพหนุ่มเขากำลังเดินทางกลับมาจากต่างเมืองที่เขาไปราชการหลายวันมาแล้ว เป็นโอกาสดีเพราะเขาขี่ม้าคู่กายกลับมาเพียงลำพัง ตั้งแต่เขาพลาดหวังจากคุณหนูเจียเหลียนฮวา เขามักจะชอบอยู่ผู้เดียวไม่ให้คนสนิทติดตามเลย แม้ไปราชการนอกเมืองก็ควบม้ากลับมาเพียงลำพัง เมื่อได้รับข่าวนี้แล้ว คุณหนูจงซูลี่อดีตคุณหนูในห้องหอที่ทำตัวอ่อนแอ และแสนดีมาตลอดก็วางแผนว่านางจะทำทีไปดักรอที่ทางผ่านโดยให้องครักษ์ของบิดาที่นางใช้งานเขาอยู่ในขณะนี้ไปดักรอว่ารองแม่ทัพหนุ่มจะกลับมาตามเส้นทางที่พวกเขาคาดการณ์ไว้หรือไม่ หากเขาเดินทางใกล้มาถึงจุดที่นางไปดักรออยู่ก็ให้รีบมารายงาน นางจะทำทีว่ารถม้านั้นเพลาหักและขอนั่งมากลับมากับเขาเพียงลำพังให้ได้ เมื่อวางแผนแล้วรุ่งขึ้นนางก็ลงมือปฏิบัติการณ์ทันที นั่งรถม้าที่ให้คนขับรถจัดการให้เพลามันหักทันทีที่มาจอดรอแม่ทัพไป๋เฟยหลงอยู่ริมถนนระหว่างทางกลับเมืองที่ห่างจากเมืองไป