บทที่ 3
ข้าไม่ได้รักเจ้า
อ๋องหนุ่มเริงรักกับฮวาเอ๋ออย่างเร่าร้อนจนกระทั่งเข้ายามซื่อจึงได้เสร็จสมและลงนอนหมดแรงข้างๆร่างอวบของเหลียนฮวา เมื่อนอนหอบเหนื่อยกันอยู่ครู่หนึ่ง จนรู้สึกมีแรงขึ้นมาบ้างแล้ว อ๋องหนุ่มก็เอ่ยขึ้นว่า “ เจ้าอย่าคิดว่า เมื่อเจ้าปีนเตียงข้าเช่นนี้แล้ว ข้าจะยอมแต่งงานรับเจ้าเป็นชายานะ ไม่มีทางหรอก ข้าเกลียดเจ้ายิ่งนัก บัดนี้ก็ยังเกลียดอยู่เช่นเดิม รังเกียจมิอยากจะเกี่ยวข้องกับเจ้า ที่ข้าเริงรักกับเจ้าเช่นนี้เพราะข้าคิดว่ากำลังเสพสมกับหญิงคณิกาผู้หนึ่งเพียงเท่านั้น ข้ามิได้รักเจ้าเลยแม้แต่น้อย และข้าจะบอกเจ้าว่าข้าจะไม่รับผิดชอบใดๆเพราะเจ้ารนหาที่เอง และข้าจะบอกความจริงกับเจ้าว่าข้าพึงใจสหายของเจ้าคุณหนูจงซูลี่ และหากข้ากลับมาจากชายแดนข้าจะส่งคนไปสู่ขอนางมาเป็นชายา ข้าพูดถึงเพียงนี้หญิงหน้าทนเช่นเจ้าคงจะเข้าใจนะ ว่าข้าไม่ต้องการเจ้า ”
เหลียนฮวาที่เพิ่งหายเหนื่อยจากการที่ถูกเขาเคี่ยวกรำมาทั้งคืนและเมื่อรุ่งสางก็เคี่ยวกรำนางอย่างหนักหน่วงอีก เมื่อได้ยินคำพูดตัดรอนอย่างรุนแรงของเขา นางก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ยิ่งได้ยินว่าเขาพึงใจสหายสนิทของนางถึงขั้นจะส่งคนไปสู่ขอจงซู่ลี่มาเป็นชายา และเขาเริงรักกับนางดังเช่นที่เขาเสพสมกับหญิงคณิกาผู้หนึ่งเพียงแค่นั้น เหลียนฮวาก็นิ่งงันไปจนเมื่อตั้งสติได้ ร่างอวบก็ค่อยๆลุกจากฟูกนอนหนานุ่มที่นางนอนอยู่ข้างๆบุรุษใจร้ายผู้นั้น แล้วก้าวลงจากเตียงใหญ่นั้นช้าๆ ร่างกายปวดระบมไปหมด โดยเฉพาะกลางกายมันทั้งเจ็บทั้งแสบเหลือเกินแต่นางก็กัดฟันทน แล้วเดินทั้งที่กายเปลือยเปล่าไม่สนใจว่าอ๋องผู้นั้นจะมองนางหรือไม่ ตรงไปหยิบอาภรณ์ของตนเองขึ้นมาสวมใส่ทีละชิ้นช้าๆจนเมื่อแต่งกายเรียบร้อยแล้ว นางยกมือเสยผมที่หลุดลุ่ยและขยับปิ่นปักผมให้เข้าที่โดยมิได้ส่องคันฉ่องเลยด้วยซ้ำ แค่ขยับมันให้แน่นเพียงเท่านั้น
แล้วเอ่ยโดยที่ไม่ได้หันไปมองใบหน้าหล่อเหลาของอ๋องหนุ่มที่ยังอยู่บนเตียงนั้นว่า “ ท่านอ๋องไม่ต้องรับผิดชอบหม่อมฉันหรอกเพคะ เหลียนฮวาแค่อยากจะลองมีสัมพันธ์กับบุรุษดูว่าจะรู้สึกเช่นไร แต่ก็ไม่เห็นจะมีอะไรพิเศษก็ธรรมดาๆ ทั่วไป คราวหลังหม่อมฉันจะลองกับบุรุษอื่นดูบ้างว่าจะเป็นเช่นไร เรื่องการหมั้นหมายหม่อมฉันจะให้คนมาส่งคืนสินสอดให้ท่านอย่างเร็วที่สุด หวังว่าคงมิต้องพบกันอีก ” แล้วเหลียนฮวาก็เดินหลังตรงออกมาจากห้องนอนของอ๋องหนุ่มโดยมิได้หันหลังกลับไปมองเขาเลยแม้แต่น้อย
อ๋องหนุ่มมองตามหลังเหลียนฮวาไป เมื่อครู่เขาได้ยินไม่ผิดไปใช่ไหม นางบอกว่าไม่ต้องรับผิดชอบนาง เพราะนางแค่อยากลองมีสัมพันธ์กับบุรุษและนางจะไปลองมีสัมพันธ์กับบุรุษอื่นดูบ้าง และนางบอกว่าจะให้คนมาส่งสินสอดคืนแปลว่านางจะถอนหมั้นโดยที่เขามิต้องดินรนอะไร หมายความว่านางจะยอมถอยไปจากเขาเองใช่หรือไม่ ที่จริงแล้วเขาควรต้องดีใจใช่หรือไม่ ที่ต่อไปนี้ไม่ต้องรำคาญที่นางมาวอแวเขาอีกแล้ว ต่อไปก็คงไม่ต้องเห็นหน้าของนางอีก แต่จะจริงหรือ นางคงจะพุดไปเช่นนั้นเอง อีกไม่กี่วันก็คงจะกลับมาตามตอแยเขาเช่นเดิมและคงจะไปกลับไปเร่งรัดให้ฮองเฮาขอราชโองการเพื่อจะแต่งงานกับเขาอีกจนได้ อ๋องหนุ่มไม่อยากจะเชื่อคำพูดของนาง
จนกระทั่งยามเว่ย (บ่ายโมงกว่าๆ) พ่อบ้านอู๋ก็เข้ามารายงานว่า “ ท่านอ๋องขอรับจวนเสนาบดีเจียส่งคนมาส่งของหมั้นหมายของท่านอ๋องที่มอบให้กับคุณหนูเจียเหลียนฮวาคืนขอรับ คนที่มาส่งบอกว่าคุณหนูบอกว่าคืนของหมั้นให้แล้วต่อไปก็เลิกแล้วต่อกัน ขอรับ “ อ๋องหนุ่มอึ้งงันไป นางทำตามที่พูดจริงๆ นางส่งของหมั้นมาคืนทันทียังไม่ทันจะข้ามวันด้วยซ้ำ ” ท่านอ๋องจะให้ตรวจสอบหรือไม่ขอรับ ว่าทางจวนเสนาบดีเจียส่งของหมั้นมาคืนครบหรือไม่ “ อ๋องหนุ่มหันขวับไปทันทีด้วยใบหน้าบึ้งตึงอย่างไม่รู้ว่าทำไมตนเองถึงรู้สึกขุ่นมัวขึ้นมาแปลกๆ ” ไม่ต้องตรวจ นำไปเก็บไว้เสีย ข้ามิอยากจะเห็นมันต่อไปไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องนี้ให้ข้าได้ยินอีก " อ๋องหนุ่มเอ่ยขึ้นแล้วก็ผลุนผลันออกไปจากตำหนักของตนเองทันที
ที่ภัตตาคารเปาอี้ อ๋องหนุ่มนั่งอยู่ตรงข้ามองค์ชายสามพี่ชายที่เขาสนิทที่สุด “ นางถอนหมั้นโดยการส่งของหมั้นคืนแล้ว เจ้าควรจะดีใจนะ ไม่ต้องมานั่งคิดหาหนทางที่จะปฏิเสธพระมารดาของข้าอีกแล้ว สบายจะตายไป แถมเจ้าก็ได้ตัวนางแล้วด้วย เป็นเช่นไรบ้างหญิงงามผู้นั้น ข้าเองยังคิดว่าบุรุษผู้โชคดีน่าจะเป็นข้า เพราะข้าคิดว่านางต้องเด็ดอย่างแน่นอนที่สุด ไม่อยากจะคิดเลย รูปร่างก็อวบอิ่มปานนั้น ผิวก็ขาวผ่องน่าลูบไล้เหลือเกิน หน้าอกหรือก็น่าจะอวบใหญ่ เจ้าว่าจริงหรือไม่ ” องค์ชายสามเงยหน้ามองใบหน้าหน้าของน้องชายของตนเองที่บัดนี้มันบึ้งตึงยิ่งนัก เจ้าอ๋องนี่มองเขาตาขวางพิกล มันจะบ้าไปแล้วหรือไร หญิงที่มันรังเกียจไม่อยากจะได้เป็นคู่หมั้นยอมถอนหมั้นแต่โดยดี นับว่าเป็นข่าวดีจะตาย แถมยังได้เชยชมนางแล้วด้วย น่าอิจฉายิ่งนัก
อ๋องหนุ่มยกจอกสุราขึ้นดื่มรวดเดียวไปหลายจอกแล้ว เจ้าหมอนี่ทำตัวดังเช่นกลัดกลุ้มที่เมียหนีไปเช่นนั้น ปกตินั่งบ่นว่าคุณหนูเจียเหลียนฮวาตลอดว่านางน่ารำคาญ น่าเบื่อและรังเกียจนางเหลือเกิน แต่กลับมีใจชอบพอสหายของนาง “ เจ้าได้บอกนางหรือไม่ว่าเจ้ามีใจให้กับสหายของนาง ” องค์ชายสามยังไม่วายสงสัยว่าทำไมเหลียนฮวาถึงได้ยอมถอยง่ายๆ ทั้งๆที่เมื่อก่อนหลงไหลเจ้าห้าจะตายไป ถึงกับไปอ้อนวอนพระมารดาของเขาให้จัดการหมั้นหมายกับเจ้าห้าจนสำเร็จ แต่เจ้าห้าก็หาเหตุบ่ายเบี่ยงไม่ยอมแต่งเรื่อยมา จนถึงกับจะอาสาไปรบที่ชายแดนเพื่อใช้ความดีความชอบที่จะขอถอนหมั้นนาง แต่นางกลับยอมถอนหมั้นแต่โดยดี ไม่ต้องลงแรงอะไรเลยด้วยซ้ำ ก็ควรจะดีใจมิใช่มานั่งดื่มสุราดังชายที่ผิดหวังในรักเช่นนี้
“ ข้าบอกนางว่าถ้าข้ากลับมาจากชายแดนจะส่งคนไปสู่ขอสหายของนางเพื่อแต่งเป็นชายาทันที ” องค์ชายสามมองหน้าน้องชายตาค้าง “ มิน่าเล่า เจ้าบอกนางเช่นนี้ ถ้าเป็นข้า คู่หมั้นบอกว่ารังเกียจมิอยากจะรับข้าเป็นชายา แต่บอกว่ารักสหายของข้าจนจะส่งคนไปสู่ขอนางเพื่อมาแต่งเป็นชายา ถ้าเป็นข้าก็ถอนหมั้นเสียดีกว่า เจียเหลียนฮวาผู้นี้จะว่าไป นางงดงามจะตายไป ใบหน้าหวานงดงามหาตัวจับยาก รูปร่างก็อวบอิ่ม ขาวเนียนไปทั้งเรือนร่าง ไม่อยากจะคิดตอนที่ไม่ได้ใส่อะไรเลย จะเย้ายวนน่าลูบไล้เพียงใด ถ้าข้าเป็นนางข้าคงมิเดือดร้อนหากไม่ได้แต่งงานกับเจ้า เพราะมีบุรุษอีกมากมายอย่างแน่นอนที่อยากจะแต่งงานกับนาง อย่างน้อยถ้าข้ามิเกี่ยวดองเป็นญาติก็จะรับนางเป็นชายารองอย่างแน่นอน ” องค์ชายสามเอ่ยปากอย่างมิได้สนใจอดีตคู่หมั้นที่นั่งหน้าตูมอยู่ตรงหน้าเขา แถมมองเขาตาขวางพิกลอีกด้วย
บทที่ 4ข้าเป็นหญิงยังไม่มีพันธะ“ เจ้าห้า ข้าถามเจ้าจริงๆนะ ว่าเจ้าเสียดายนางหรือไม่ ทำไมชอบทำตาขวางใส่ข้าเหลือเกิน พูดถึงรูปร่างของนางทีไร เจ้าทำตาขวางใส่ข้าทุกที อย่างกับหึงหวงนางเช่นนั้นแหละ แต่ถึงตอนนี้เจ้าจะคิดเปลี่ยนใจมาหึงหวงนางดังเช่นคู่หมั้นก็ไม่ทันเสียแล้ว นางเดินมานั่นแล้วแต่กับบุรุษอื่นนะ ” เขาพยักเพยิดให้น้องชายมองไปที่ตรงบันไดทางขึ้นที่ร่างอวบอิ่มของเจียเหลียนฮวาเพิ่งเดินขึ้นบันไดมากับบุรุษผู้หนึ่ง และเจ้าหมอนั่นก็หล่อเหลาไม่น้อย รูปร่างสูงสง่าผึ่งผาย ดูเป็นบุรุษที่น่าสนใจผู้หนึ่ง อ๋องซีหยางหันขวับไปมองทันที กรามแกร่งของเขาขบเข้าหากันแน่น เพิ่งนอนร้องครวญครางใต้ร่างเขาเมื่อคืนจนถึงตอนสายแท้ๆ ตอนเย็นก็มากับชายอื่นทันทีแถมยังไม่มีสาวใช้ติดตามอีกด้วย นางเป็นคุณหนูในห้องหออีกทั้งเป็นบุตรของเสนาบดีฝ่ายซ้ายเจียเฉินอี้ นางออกมากินอาหารกับบุรุษสองต่อสองมิได้เกรงคำครหาของผู้อื่นเลยหรือไร ดวงตาคมจ้องมองนางตาขวาง มือหนาข้างตัวกำแน่น ด้านเจียเหลียนฮวานางเดินมากับรองแม่ทัพไป๋เฟยหลงสหายสนิทของพี่ชายของนางที่เป็นขุนนางใต้สังกัดของบิดา เขามักจะมาที่จวนเสนาบดีเจียบ่อยๆเพื่อสนทนาหรือเล
บทที่ 5ไม่รักแต่มันหวงในใจของเขามันร้อนรุม หญิงแพศยา เมื่อคืนนอนใต้ร่างร้องครวญครางปานจะขาดใจอยู่กับชายผู้หนึ่งแต่ตอนเย็นของอีกวันกลับเกี้ยวชายอีกผู้หนึ่งได้อย่างหน้าด้านๆ ร่านยิ่งนัก ไม่มีใครเปรียบปาน เขาครุ่นคิดในใจอย่างโมโหยิ่งนัก แต่มิรู้จะทำเช่นไร จึงได้เอ่ยประชดประชันออกไป “ หญิงเช่นเจ้า เกี้ยวชายก่อน ดังเช่นหญิงไม่ไว้ตัว แถมยังมากินข้าวกับชายไม่ให้สาวใช้ตามมาด้วยอีก เป็นถึงคุณหนูจวนเสนาบดีแต่ไม่ไว้ตัวเสียเลย จะมีชายใดอยากจะได้เจ้าไปเป็นภรรยากัน หากแค่เพียงเชยชมเล่นก็อีกเรื่องหนึ่ง ” เขาเอ่ยขึ้นแล้วจ้องมองสบตาของนางอย่างจะเย้ยหยัน แม้ใบหน้าของเจียเหลียนฮวาจะร้อนวูบขึ้น เพราะคำพูดที่ดูถูกดูแคลนนั้น แต่นางก็ระงับอารมณ์เอาไว้แล้วเอ่ยตอบไปว่า “ มิเห็นเป็นอะไรนี่เพคะท่านอ๋อง ตอนนี้เหลียนฮวาเป็นหญิงยังมิได้ออกเรือน ยังไม่มีพันธะใดก็ย่อมต้องมองหาบุรุษที่พึงใจเพื่อจะได้ออกเรือนกับเขา ใช่ไหมเจ้าค่ะพี่เฟยหลง ” นางหันไปเอ่ยถามชายที่ยืนมองทั้งคู่อยู่ รองแม่ทัพไป๋หันมาหาเหลียนฮวาทันที “ ใช่จ๊ะ พี่ก็กำลังคิดว่าจะลองคบหาดูใจกับฮวาเอ๋ออยู่ เจ้าจะขัดข้องหรือไม่ ” รองแม่ทัพหนุ่มที่หาโอกาสพูดค
ยามซื่อวันต่อมา ที่วังหลวงในที่ประชุมขุนนาง ที่มีฮ่องเต้เป็นประธานและมีเหล่าองค์ชายหลายองค์รวมถึงอ๋องห้าซีหยางและอ๋องแปดอยู่ในที่ประชุมด้วย ทั้งหมดถกปัญหาอุทกภัยที่หัวเมืองชานตงอย่างเคร่งเครียดฮ่องเต้มอบให้อ๋องแปดไปจัดการเรื่องนี้กับขุนนางที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการทำเขื่อน ให้ไปตรวจสอบและแก้ไขปัญหาให้เรียบร้อย อ๋องแปดรับพระบัญชาและเร่งออกไปจากท้องพระโรงเพื่อจัดการปัญหานี้ จากนั้นที่ประชุมก็ปรึกษาถึงเรื่องอื่นๆกันต่อไป จนเสร็จสิ้นการประชุมเมื่อฮ่องเต้เสด็จออกจากท้องพระโรงไปแล้ว เหล่าราชวงศ์และขุนนางก็กำลังจะทะยอยกันกลับ อ๋องซีหยางพยายามเดินไปเฉียดเสนาบดีเจีย เผื่อเขาจะสอบถามเรื่องเกี่ยวกับการถอนหมั้นเขาจะได้บ่ายเบี่ยงว่าเขามิได้อยากจะถอนหมั้นแต่เป็นเพราะเหลียนฮวางอนเขาจึงได้ส่งของหมั้นคืน หากท่านเสนาบดีเจียไม่ขัดข้องเขาจะส่งของหมั้นกลับคืนไป แม้เหลียนฮวาโวยวายเขาก็จะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เสีย แล้วก็รวบรัดนางกลับมาเป็นคู่หมั้นดังเดิม แต่เสนาบดีเจียกลับมิได้สนใจจะเอ่ยถึงเรื่องนี้เลย เหมือนเขามิได้ติดใจอะไรที่บุตรสาวเพียงคนเดียวถูกถอนหมั้น เขากลับเอ่ยถึงเรื่องราชการทั่วไป ขณะนั้นเสนาบดีจงก็เ
“ ข้าซื้อให้เจ้าตอบแทนที่ยอมให้ข้าปักปิ่นลงไปบนเรือนผมของเจ้าเพื่อดูว่าเหมาะสมกับสตรีที่ข้าพึงใจหรือไม่ ” เสียงทุ้มเอ่ยวาจาที่มันระคายใจนางออกมาอีก ฮวาเอ๋อเงยหน้าขึ้นจากคันฉ่องที่นางกำลังส่องมองเรือนผมของตนเองอยู่อ๋องหนุ่มเดินตามมาตอแยนางอีกแล้ว แถมยังเดินตามมายืนซ้อนหลังจนตัวแทบจะติดกับร่างอวบของนาง เหลียนฮวาใช้มือดันอกแกร่งของเขาให้ถอยห่างออกไป “ ข้าบอกท่านแล้วมิใช่หรือว่าอย่ามายุ่งกับข้า แล้วมายืนเสียแทบจะตัวติดกัน ผู้อื่นจะเข้าใจผิดเอาได้ ท่านจะเลือกเครื่องประดับให้สตรีที่ท่านพึงใจก็เลือกไป แต่อย่ามาใกล้ข้า เราไม่ได้เป็นอะไรกัน และข้าไม่พึงใจท่าน และไม่ต้องการสิ่งตอบแทนเพราะข้าไม่ได้เต็มใจจะช่วยท่านเลือกเสียหน่อย ” นางเอ่ยอย่างหงุดหงิดและเริ่มโมโหกรุ่นขึ้นมาแล้ว เหลียนฮวาหยิบเครื่องประดับที่นางเลือกแล้วสองชิ้นและไม่มีอารมณ์ที่จะเลือกซื้อหาชิ้นอื่นอีกเพราะไม่อยากจะอยู่ในร้านเดียวกับเขา เดินตรงไปที่โต๊ะบัญชีของเถ้าแก่เนี๊ยะเจ้าของร้านแล้ววางมันลงบนโต๊ะเพื่อให้นางคิดเงิน แต่ร่างหนาที่ยังเดินตามมาตอแยกับนางก็วางปิ่นระย้าและกำไลพลอยสีเขียวนั้นรวมกับของที่นางวางเอาไว้แล้วเอ่ยว่า “ เ
แม้นางจะยังเหลือสติอีกเล็กน้อยที่จะดิ้นรนให้ตนเองนั้นหลุดรอดเงื้อมมือของเขา แต่ก็ถูกเขาเล้าโลมนางอย่างหนักมือขึ้นอีกเพราะรู้เท่าทันว่ากวางน้อยเนื้อหวานของเขากำลังจะดิ้นหลุดมือไป มือหนาฟอนเฟ้นอกอวบใหญ่ของนางอย่างมันมือ “ อ๊า อ๊าา อ๊าา อ๊าาย อย่านะ อ๊าา” ร่างอวบครวญครางอย่างเสียวซ่าน เมื่อถูกนิ้วแกร่งบีบผลอิงเถาของนางอย่างมันมือ เขาบีบเค้นอกอวบใหญ่อย่างหนักมือและนิ้วแกร่งก็ดึงผลอิงเถาของนางแล้วขยี้มันเบาๆ จนร่างอวบดิ้นพล่าน “ อ๊าย อ๊า ท่านอ๋องไม่นะ เราถอนหมั้นกันแล้ว ไม่นะ อย่า อ๊ายย อ๊าาง ” นางพยายามดิ้นรนด้วยสติที่ยังพอหลงเหลือ ร้องประท้วงบอกเขาผสานกับร้องครวญครางอย่างทนไม่ไหว “ เจ้ามิได้เป็นคู่หมั้นของเปิ่นหวาง แต่เจ้าเป็นเมีย ได้ยินหรือไม่ เปิ่นหวางคือผัวของเจ้า มันเปลี่ยนความจริงข้อนี้ไปไม่ได้แล้ว หากเจ้ามีบุรุษใดอีก เปิ่นหวางจะไปบอกมันว่าเราคือผัวเมียกัน ” ขณะที่เอ่ยวาจาตอกย้ำให้นางรู้ว่านางเป็นเมียของเขานั้น มือหนาก็ดึงผ้าคาดเอวของนางออกจนหลุดลุ่ย แล้วมือหนาก็ล้วงเข้าไปในสาปเสื้อของนางแล้วฟอนเฟ้นอกอวบใหญ่ของนางอย่างมันมือสลับกับคีบผลอิงเถาของนั้นแล้วขยี้มันจนร่างอวบดิ้นพล่านอย่า
ยามซื่อวันต่อมา (เก้าโมงเช้า) คุณหนูจงซูลี่มาขอพบเหลียนฮวาจากที่นางไม่ได้มาหลายวันแล้ว นับจากที่ท่านอ๋องกับสหายของนางถอนหมั้นกัน ตอนนั้นคุณหนูจงคิดว่านางกำลังจะมาแทนที่สหายของตนเอง เพราะนางรู้มาว่าท่านอ๋องซีหยางแอบหลงรักนางเพราะนางเรียบร้อยอ่อนหวาน เป็นสตรีที่ดูว่านอนสอนง่ายเหมาะสมกับตำแหน่งพระชายาของเขามีคนมาบอกนางว่าท่านอ๋องกล่าวเช่นนี้ในหมู่องค์ชายและสหายของเขาหลายครั้ง นางจึงคิดว่าสิ่งที่นางได้ยินมาเป็นความจริงและตัวนางก็แอบมีใจให้อ๋องซีหยางมานานเช่นเดียวกับสหายของนางคุณหนูเจียเหลียนฮวา แต่เมื่อนางได้ยินข่าวว่าทั้งสองถอนหมั้นกันแล้วเพราะท่านอ๋องไม่ต้องการแต่งงานกับเหลียนฮวา ซูลี่จึงคิดว่าท่านอ๋องคงจะทนหญิงร้ายกาจและอารมณ์ร้อนเช่นเหลียนฮวาไม่ไหว เขาคงจะอับอายที่นางอาละวาดต่อหน้าผู้อื่นหลายๆครั้ง เมื่อมีหญิงอื่นมาวอแวกับเขานางก็จะจัดการทันทีอย่างไม่ไว้หน้า และตามหึงหวงเขาจนกระทั่งเขาคงจะรำคาญจนทนไม่ไหว จึงได้ถอนหมั้นไป วันนี้คุณหนูจงซูลี่จึงได้ตัดสินใจมาพบเหลียนฮวา ทั้งๆที่พยายามตีตัวออกห่างเพราะนางเตรียมตัวเพื่อที่จะได้แต่งเป็นพระชายาของท่านอ๋องซีหยาง นางคิดว่าอีกไม่นานเขาคงจะมาสู
หลายวันต่อมามีงานเลี้ยงฉลองให้กับเหล่าทหารในบังคับบัญชาของแม่ทัพตะวันออกที่เพิ่งรบชนะ หนึ่งในนั้นคือรองแม่ทัพไป๋เฟยหลง เวลายามเว่ย(บ่ายโมงกว่าๆ) รถม้าของแม่ทัพไป๋ก็จอดลงที่หน้าจวนเสนาบดีเจีย เขามารับเจียเหลียนฮวาเพื่อไปร่วมงานเลี้ยงฉลองในวังหลวงด้วยกัน พี่ชายของนางไปร่วมงานกับบิดาของนางทั้งสองออกเดินทางล่วงหน้าไปกว่าชั่วยามแล้ว แต่เหลียนฮวานัดกับพี่เฟยหลงไว้ว่าจะไปพร้อมกัน เหลียนฮวาเดินขึ้นรถม้าของรองแม่ทัพไป๋โดยมีเขาประคองนางขึ้นไปแล้วตัวเขาก็เดินตามขึ้นไปบนรถม้า จากนั้นรถม้าคันนั้นก็แล่นออกจากหน้าจวนแม่เสนาบดีเจียมุ่งตรงไปตามถนนสายหลักที่มุ่งสู่วังหลวง เมื่อรถม้ามาจอดลงที่หน้าประตูทางเข้าวังหลวง ทั้งสองก็พากันลงจากรถม้าแล้วเดินเข้าประตูวังหลวงมุ่งตรงไปที่ห้องจัดเลี้ยงภายในวังหลวง ที่เป็นเรือนขนาดใหญ่ที่ด้านในโล่งกว้าง มีที่ประทับของฮ่องเต้และฮองเฮารวมถึงราชวงศ์และที่นั่งของขุนนางลำดับต่างๆ ที่จัดที่นั่งประจำตัวของแต่ละคนเอาไว้แล้ว ทั้งสองเดินมาถึงประตูวังชั้นในที่เป็นทางเข้าไปสู่งานเลี้ยงขันทีที่ยืนอยู่หน้าประตูก็ร้องขานชื่อเสียงดังขึ้นทันที “ รองแม่ทัพไป๋เฟยหลงกับคุณหนูเจียเหลียนฮ
อ๋องหนุ่มรวบร่างของเหลียนฮวาพาดบ่าพาเดินลัดเลาะไปทางตำหนักที่่อยู่ไม่ไกลโถงจัดเลี้ยงนัก แต่เป็นตำหนักที่ไม่มีคนอยู่ เพราะเจ้าของย้ายไปอยู่ตำหนักอื่นและปิดทิ้งเอาไว้ อ๋องหนุ่มเปิดประตูเข้าไป แบกร่างอวบของเหลียนฮวาเดินตรงเข้าไปด้านในจนพบห้องนอนใหญ่ ห้องนอนนี้มีเตียงสี่เสาหลังใหญ่อยู่กลางห้อง เขาแบกร่างอวบของนางวางลงบนเตียง เหลียนฮวาที่ดิ้นรนทุบไหล่เขามาตลอดทาง แต่นางมิกล้าร้องดังจนเกินไปด้วยกลัวจะมีผู้พบเห็นแล้วนางจะเสื่อมเสียไปยิ่งกว่านี้ นางถอนหมั้นกับเขาแล้วมิอยากเกี่ยวข้องกับเขาอีก ตอนนี้นางกำลังคิดจะคบหากับรองแม่ทัพไป๋ แม้นางมิได้รักเขา แต่คิดว่าเขาเป็นพี่ชายที่น่ารักและเป็นบุรุษที่น่าสนใจ นางควรจะเปิดใจมองบุรุษอื่นๆที่มิใช่อ๋องผู้นี้ดูบ้าง“ ท่านจับหม่อมฉันมาทำไมกัน มิกลัวผู้อื่นจะเห็นเข้าหรือไร เรามิได้เป็นอะไรกันแล้ว ข่าวเรื่องถอนหมั้นก็มีคนรับรู้กันทั้งเมืองหลวง และหม่อมฉันกำลังจะคบหากับพี่เฟยหลง ท่านก็กำลังจะไปสู่ขอจงซูลี่ไม่ใช่หรือเพคะ อย่ามาทำเช่นนี้เลย ” อ๋องหนุ่มยกยิ้มน้อยๆที่มุกปากหนา “ เจ้าเป็นเมียข้าแล้ว ใช่เรามิได้เป็นเพียงคู่หมั้นแต่เราคือผัวเมียกัน เจ้าคิดจะไปหลอกช