Share

ธุลีใจ
ธุลีใจ
Penulis: เอเวอลีน เอ็มเอ็ม

บทที่ 1

Penulis: เอเวอลีน เอ็มเอ็ม
ฉันก้าวลงมาจากรถพร้อมเดินมุ่งไปยังคฤหาสน์ตรงหน้า มือสั่นสะท้านและเหงื่อชุ่มร่างกาย

ฉันเองยังทำใจเชื่อไม่ได้เลยว่าความสัมพันธ์เดินมาถึงจุดจบ ทำใจไม่ได้ว่าท้ายที่สุดฉันก็หย่าร้างกับเขา กระเป๋าข้างกายมีหลักฐานยืนยันการหย่าครั้งนี้ ฉันเดินทางมาที่นี่เพื่อนำเอกสารฉบับนี้มามอบให้เขาและรับโนอากลับ

ขณะเดินเข้าไป ฉันเดินตามเสียงฟังไม่ได้ศัพท์ไปและยั้งฝีเท้าไว้เมื่อเข้าใกล้ห้องครัว

ตอนนี้เองฉันได้ยินเสียงนั้นถนัดหูและเนื้อความนั้นได้กระชากฉันลงไปสู่ห้วงเหวอันเย็นเยียบ

“ผมยังไม่เข้าใจอยู่ดีครับ พ่ออยู่กับผมกับแม่ไม่ได้หรือครับ?” เจ้าหนูโนอาเอ่ยถามผู้เป็นพ่อ

ฉันยกสั่นเทากุมหน้าอก หัวใจทลายลงเพราะเสียงแสนเศร้าของเด็กน้อย ไม่ว่าเป็นสิ่งใดฉันพร้อมจะทำให้เขาเสมอ แต่การหย่าร้างนี้กลับหลีกเลี่ยงไม่ได้

การแต่งงานครั้งนี้เป็นสิ่งผิดพลาด ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเราเป็นสิ่งที่ผิดพลาดทั้งหมด เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ให้ฉันได้ตาสว่างพร้อมเห็นความจริง

“โนอา ลูกน่าจะรู้อยู่แล้ว แม่กับพ่อไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว” เสียงนุ่มของชายคนนั้นเอ่ยออกมา

ช่างน่าแปลกเสียจริง ตลอดช่วงเวลาที่เราครองคู่กัน เขาไม่เคยแม้แต่พูดจาด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยนเช่นนี้กับฉันสักครั้ง มีเพียงน้ำเสียงอันเย็นชา ไร้อารมณ์ ปราศจากความรู้สึกใด ๆ

“แต่ว่าทำไมล่ะครับ?”

“เพราะเรื่องแบบนี้มันก็เกิดขึ้นได้” เขาพึมพำ

ฉันจินตนาการได้เลยว่าชายคนนั้นแสดงสีหน้าทำใจลำบากขณะพยายามทำให้โนอาตัวน้อยเข้าใจเพื่อยุติเกมตอบคำถามนี้ลง กระนั้นโนอาเป็นลูกชายของฉัน ความอยากรู้อยากเห็นและการสืบค้นจนกว่าจะได้

คำตอบนั้นมันอยู่ในสายเลือด

“พ่อไม่รักแม่แล้วหรือ?”

ลมหายใจขาดห้วงไปเมื่อคำถามที่เรียบง่ายดังออกมา เรียวขาก้าวหนึ่งก้าวถอยหลังพลางเอนกายพิงกับกำแพงห้องครัว หัวใจของฉันเต้นระรัวขณะรอคำตอบจากอดีตสามี

ฉันรู้ดีอยู่แล้ว รู้คำตอบนั้นมาโดยตลอด ทุกคนรอบกายรู้คำตอบนั้นดีเช่นกัน เว้นแต่โนอา

ความจริงก็คือว่าเขาไม่ได้รักฉัน ไม่เคยรักและไม่มีวันจะรักได้เลย มันช่างชัดเจนราวกับว่าประจักษ์ด้วยตาคู่นี้ แม้จะรู้ถึงคำตอบนี้ดีเพียงใด แต่ฉันก็ยังปรารถนาจะได้ยินคำตอบจากปากของเขาเอง เขาคิดจะบอกความจริงหรือจะโกหกลูกอีก?

เขากระแอมเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเป็นเพียงการซื้อเวลา “โนอาลูก…”

“พ่อครับ พ่อรักแม่ไหม?” เด็กน้อยโนอาเอ่ยถามอีกครั้งด้วยน้ำเสียงหมดความอดทน

ฉันได้ยินเสียงถอนหายใจของอดีตสามีเพราะจนมุมต่อคำถาม “พ่อรักที่แม่มีลูกให้พ่อไง” เขายอมเปิดปากพูด

นั่นเรียกว่าการปลอบใจ เป็นคำตอบไม่ได้ด้วยซ้ำ

ดวงตาของฉันปิดลงพร้อมความระทมถาโถมมาใส่ ไม่ว่าจะกี่ครั้งความเจ็บปวดก็ไม่คลายไปเลย หัวใจแตกสลายครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ไม่รู้ว่าทำไมเศษเสี้ยวในใจยังคงหวังว่าคำตอบนั้นจะไม่เหมือนเดิม

เขาไม่เคยเอ่ยสามคำนั้นกับฉันเลย ไม่ว่าจะตอนที่เราแต่งงานกัน ตอนที่ฉันคลอดโนอา ตอนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกัน หรือแม้แต่ตอนที่เราหลับนอนด้วยกัน มันไม่มีเลย

เขาเอาแต่เก็บซ่อนบางสิ่งเอาไว้ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ฉันพร้อมจะบันดาลทุกสิ่งให้เขา แต่เขากลับตอบแทนฉันด้วยความปวดร้าวและทุกข์ใจ

ชีวิตแต่งงานของเราไม่ได้มีเพียงสองคน แต่มีสามคนตลอดเวลาที่เราแต่งงานกัน เขา ฉันและสุดที่รักของเขา ผู้หญิงที่เขาไม่เคยปล่อยวางตลอดเก้าปีที่ผ่านมา

น้ำตาเอ่อนองแต่ฉันก็เช็ดออกไปหมดแล้ว ฉันพอแล้วที่จะต้องมานั่งเสียน้ำตา พอแล้วกับการที่จะต้องมานั่งวิ่งไล่ผู้ชายที่ไม่ได้ต้องการฉันเลย

“ไม่เคยมีคนบอกหรือว่าการแอบฟังคนอื่นคุยกัน มันเสียมารยาท?”

เสียงทุ้มเปล่งดังเข้ามาขัดจังหวะความคิดของฉัน ฉันยืดตัวตรงและก้าวย่างเข้าไปในห้องครัว

ชายคนนั้นยืนอยู่ใกล้กับเคาน์เตอร์ครัว โรแวน วูดส์ อดีตสามีของฉันเอง

สายตาสีเทาอันเย้ยหยันตรึงฉันให้หยุดอยู่กับที่

ฉันเบี่ยงสายตาไปหาลูกชายตัวน้อย เขาเป็นดั่งศักดิ์ศรีและความปิติยินดี เป็นเพียงความสุขใจเดียวในชีวิตนี้ของฉัน หน้าตาของเจ้าตัวน้อย ทั้งผมสีน้ำตาลและสายตาอันลุ่มลึก ถอดแบบมาจากผู้เป็นพ่ออย่างกับแกะ

“ไงจ๊ะ” คำทักทายเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม

“ดีครับแม่” โนอายุติการรับประทานแซนวิชเอาไว้ก่อน เจ้าตัวน้อยกระโดดลงจากโต๊ะพร้อมพุ่งตัวเข้ามากอดเอวฉันเอาไว้ “คิดถึงจังเลยครับ”

“แม่ก็คิดถึงเหมือนกันจ้ะ ลูกรัก” ฉันบรรจงจูบหน้าผากลูกก่อนที่เขาจะกลับไปสาละวนกับมื้ออาหารต่อ

ฉันยืนอย่างเก้กัง ที่นี่เคยเป็นบ้านแต่บัดนี้ฉันรู้สึกผิดที่ผิดทาง เหมือนว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ของฉัน

ความจริงมันก็ไม่เคยเป็นที่ของฉัน

ไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่รู้ก็ตามแต่ ชายคนนั้นสร้างบ้านหลังนี้โดยที่มีผู้หญิงคนนั้นอยู่ทั้งใจ บ้านหลังนี้เป็นบ้านในฝันของเธอ ทุกส่วนของบ้านหลังนี้แม้แต่โทนสี…

สิ่งนี้คงเรียกได้ว่าเป็นสัญญาณแรกก็ได้ สัญญาณที่บอกว่าเขาไม่คิดจะลืมเลือนเธอคนนั้นไปจากใจเลย สัญญาณว่าเขาไม่ตอบรับคำรักที่ฉันมีให้เขาเลยเช่นกัน

“มาทำอะไรที่นี่?” คำถามแทรกความรำคาญใจดังออกจากปาก เขามองนาฬิกาข้อมือพร้อมเอ่ย “คุณสัญญาแล้วนี่ว่าจะไม่เข้ามาขัดจังหวะตอนที่ผมอยู่กับโนอา”

“ฉันรู้ค่ะ… พอดีว่าวันนี้ฉันไปเอาใบหย่ามา ฉันคิดว่าควรจะเอาสำเนามาให้คุณเก็บเอาไว้ตอนที่มารับโนอา”

ใบหน้าของเขาพลันนิ่งเฉยและริมฝีปากเม้มเล็กน้อย ทุกครั้งที่สายตาคู่นั้นมองฉันเช่นครั้งนี้ จิตใจของฉันแหลกไม่เหลือชิ้นดี ฉันรักเขานับตั้งแต่ที่ฉันจำได้ แต่มันก็ไม่มีค่าอะไรสำหรับเขาเลย

เขาย่ำยีหัวใจและวิญญาณของฉันนับครั้งไม่ถ้วนจนไม่เหลือชิ้นดี อนิจจัง ฉันก็ยังมีเขาอยู่ทั้งใจ คิดไปว่าสักวันอะไรก็คงจะเปลี่ยนไป แต่มันกลับไม่เคยเปลี่ยน

ตอนที่เราทั้งสองแต่งงานกัน ฉันหลงคิดไปว่าจะสมหวังในรัก ความรักที่ฉันใฝ่หามาตั้งแต่เป็นเด็กน้อย แต่ฉันคิดผิด ชีวิตแต่งงานกลับกลายเป็นดั่งฝันร้าย ฉันเอาแต่ต่อสู้กับเงาอดีตคนรักของเขาที่เข้ามาหลอกหลอน ผู้หญิงคนนั้นที่ไม่ว่าจะพยายามเท่าใด ฉันก็ไม่เคยเทียบเคียงเธอได้เลยสักครั้ง

ฉันยกมือกุมหน้าอก พร้อมทั้งกล่อมความระทมให้หลับใหล

แต่มันกลับไร้ประโยชน์สิ้นดี เราทั้งสองแยกกันอยู่หลายเดือนแล้วแต่ยังเจ็บเจียนตายอยู่ดี

“โนอา ลูกขึ้นไปเล่นบนห้องก่อนดีกว่าไหมครับ? แม่กับพ่อมีเรื่องอะไรต้องคุยกันหน่อย” โรแวนเปล่งเสียงลอดไรฟันเมื่อเอ่ยคำว่าแม่ออกมาอย่างเดียจฉันท์

เด็กน้อยมองเราสองสลับกันไปมาครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้ารับคำ

“อย่าทะเลาะกันนะครับ” คำสั่งจากผู้บัญชาการตัวเล็กดังขึ้นก่อนออกไป

เมื่อสังเกตได้ว่าลูกชายพ้นจากโสตประสาทไปแล้ว โรแวนฟาดมือลงบนโต๊ะรับประทานอาหารเสียงดังด้วยความหัวเสีย ดวงตาสีเทาช่างเย็นชาขณะมองฉัน

“คุณส่งเอกสารพวกนั้นมาสำนักงานผมไม่เป็นหรือไง แทนที่จะต้องมาขัดจังหวะตอนที่ผมอยู่กับลูก” เขาคำรามออกมา มือกำแน่นพร้อมระเบิดใส่ฉันทุกเมื่อ

“โรแวน…” ฉันถอนใจ และยังไม่ทันจบประโยคที่จะพูดดี

“ไม่ พอแล้ว! เมื่อเก้าปีก่อนคุณทำให้ชีวิตผมวุ่นวายไปหมด พอมาตอนนี้คุณก็ทำแบบนั้นซ้ำด้วยการมาขอหย่าบ้า ๆ นี่ อยากให้ผมเจ็บปวดด้วยวิธีนี้ใช่ไหม? เอาลูกไปจากผมเพราะผมไม่ได้รักคุณหรือ? ข่าวด่วนร้อน ๆ นะ เอวา ผมโคตรเกลียดขี้หน้าคุณเลย”

เมื่อพูดจบเขาก็หายใจหอบ คำพูดแสนทิ่มแทงใจเปรียบดั่งกระสุนพุ่งตรงมายังฉัน พุ่งตรงมายังกลางดวงใจ หัวใจอันบอบช้ำโดนทำร้ายจนแหลกสลายอีกครั้ง

“คือฉัน…”

มันมีอะไรจะต้องพูดอีกเมื่อชายที่คุณรักหมดใจชังน้ำหน้าคุณ ?

“ช่วยออกไปจากบ้านผมด้วย… พอหมดเวลา เดี๋ยวผมจะไปส่งโนอาเอง” เขาตะคอกเสียงดัง

ฉันวางเอกสารการหย่าร้างบนเคาน์เตอร์ครัว คำขอโทษที่กำลังจะออกมาจากปากถูกขัดด้วยเสียงโทรศัพท์เสียก่อน ฉันคว้าโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าและเห็นชื่อผู้ที่ติดต่อเข้ามา

แม่

ฉันต้องการปล่อยผ่านสายนี้ไป แต่ก็ตระหนักดีว่าถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญ แม่จะไม่โทรมาหาฉันเด็ดขาด

ฉันปัดมือบนหน้าจอพร้อมแนบโทรศัพท์ไว้กับหู

ฉันกำลังจะทักทาย “ค่ะ แม่…”

ผู้เป็นแม่ไม่เว้นช่วงให้แม้แต่จะต่อประโยคทักทายให้จบ

“ไปที่โรงพยาบาลเร็ว! พ่อแกโดนยิง” แม่พูดราวกับคนสติแตกก่อนจะตัดสายไป

ฉันทำโทรศัพท์หล่นจากมือ พร้อมใบหน้าถอดสี

“มีอะไรอีก?” เสียงของเขาแทรกเข้ามาในห่วงความคิด

หัวใจฉันสั่นระรัว ฉันไม่แม้แต่จะเงยหน้ามองขณะคว้าโทรศัพท์ขึ้นมา พลางตอบเขาไป

“พ่อโดนยิงค่ะ”
Komen (10)
goodnovel comment avatar
เอกวิทย์ ศิริศักดิ์
เป็นนิยายที่ดีมากผู้เขิยนแต่งได้ดีมาก
goodnovel comment avatar
เอกวิทย์ ศิริศักดิ์
ติดตามตอนตอไปนะ
goodnovel comment avatar
เอกวิทย์ ศิริศักดิ์
ผมชอบมากๆครับนืยายแบบนี้
LIHAT SEMUA KOMENTAR

Bab terkait

  • ธุลีใจ   บทที่ 2

    “ฉันต้องไปแล้ว รบกวนคุณช่วยอยู่กับโนอาก่อนได้ไหม? เพราะฉันเองก็ยังไม่รู้ว่าจะต้องอยู่ที่โรงพยาบาลนานแค่ไหน” ฉันเอ่ยประโยคเหล่านี้ออกไป มือพลางคว้ากระเป๋าข้างกายอย่างใจลอย“ได้ ผมขอไปรับแม่มาดูแลโนอาแทนก่อน แล้วจะรีบตามไป” โรแวนตอบรับ เพียงแต่รู้สึกราวกับเป็นเสียงกระซิบซึ่งดังแว่วเข้ามาในหูที่อึ้ออึงของฉันเท่านั้นฉันจำอะไรที่เหลือนอกเหนือจากการบอกลาลูกชายตัวน้อยไม่ได้ ฉันรีบดันตนเองขึ้นรถยนต์และขับรถมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลพร้อมความคิดที่ล่องลอยกระหวัดถึงความทรงจำตอนที่เติบโตขึ้นมา ใคร ๆ ก็ต่างพากันพูดว่าฉันเป็นพวกขาดความอบอุ่น ตอนเป็นเด็กทั้งคุณพ่อและคุณแม่ไม่ได้ใส่ใจฉันมากเท่าที่ควร ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของพ่อคงเป็นพี่สาว เอมม่า พ่อเคยเรียกเธอว่าสาวน้อยของพ่อด้วยซ้ำ ส่วนแม่ก็ประคบประหงมพี่ชาย ทราวิส พ่อรูปหล่อของแม่เสียยังกับอะไรดี ส่วนฉันก็เป็นแค่ เอวา ที่ไม่มีใครรักฉันรู้สึกเหมือนไม่เป็นที่ต้องการของใคร ๆ ไม่มีใครต้อนรับ ไม่ว่าจะกับพ่อแม่รวมถึงพี่น้องท้องเดียวกัน ไม่ว่าจะพิสูจน์ตนเองเท่าใด มีผลการเรียนระดับแนวหน้า กีฬาเด่น หรือกิจกรรมดีเพียงใด สถานที่เดียวซึ่งเหมาะกับฉันคืออยู่ข

  • ธุลีใจ   บทที่ 3

    ฉันเอนกายอยู่บนเก้าอี้โรงพยาบาลแสนเย็นเฉียบพลางกำหนดลมหายใจเข้าออก น้ำตาของแม่ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดเลย คำปลอบประโลมไหน ๆ คงส่งไปไม่ถึงจิตใจเธอ ฉันเจ็บปวดแทนแม่ ฉันเข้าใจเรื่องนี้ดีว่าการสูญเสียคนที่เรารักไปอย่างไม่ทันตั้งตัวนั้นไม่ง่ายเลยแม้แต่น้อยเรื่องนี้ยังเป็นเรื่องที่น่าตระหนก ฉันเผื่อใจเอาไว้ว่าพ่อจะหายดีแต่กลับกลายเป็นหายไปจากโลกแทนเสียนี่ ฉันเลยไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรดีความคิดเห็นของเราไม่เคยลงรอยกันและพ่อก็คงจะเกลียดฉันแต่ฉันก็รักเขา เขาเป็นพ่อผู้ให้กำเนิด ฉันจะไม่รักเขาได้อย่างไรกัน?“ไหวไหม?” โรแวนเอ่ยถามพลางนั่งลงข้างฉันชายหนุ่มเดินทางมาถึงได้ประมาณชั่วโมงกว่า และคำถามเมื่อครู่เป็นครั้งแรกที่เขาพูดกับฉันนับตั้งแต่มาถึง ฉันรับมือกับความกังวลของเขาไม่ถูก อย่างไรเสียเขาคนนี้ไม่เคยเก็บเอาความรู้สึกของฉันไปใส่ใจมาก่อน“ไหวค่ะ” ฉันฝืนตอบกลับตั้งแต่ที่รู้ข่าวฉันก็ยังไม่ได้หลั่งน้ำตาแม้เลยสักหยด อาจเพราะยังตกใจจนทำอะไรไม่ถูกหรือน้ำตาของฉันที่มีให้พ่อนั้นเหือดแห้งไปหมดแล้วก็เป็นได้ ตอนนี้สิ่งเดียวที่ฉันควรทำมากที่สุดคือประคองสติตนเองให้ไหวแทนทุกคนที่สติแตกไปแล้วเท้าคู่

  • ธุลีใจ   บทที่ 4

    คุณทั้งหลายเคยรู้สึกเหมือนตกนรกทั้งเป็นหรือเปล่า? ฉันกำลังรู้สึกเช่นนั้นอยู่เมื่อมองพวกเขา ราวกับมีใครเดินเข้ามากระชากดวงใจออกจากอกก็มิปานหากฉันเป็นคนกระชากก้อนเนื้อไร้ค่านี้และปาทิ้งไปให้พ้นตาเองได้สาบานว่าจะทำเสียตอนนี้ เพราะมันช่างเจ็บจนไร้คำบรรยายใด ๆ มาเปรียบได้ฉันต้องการหนีไปให้พ้นแต่กลับทำไม่ได้ สายตาของฉันจับจ้องทั้งสอง ไม่ว่าสมองจะสั่งให้หลีกหนีจากภาพตรงหน้าเท่าใด แต่ฉันก็ไม่อาจละสายตาไปจากฉากรักหวานชื่นเสียดแทงนัยน์ตานี้ได้ฉันเฝ้ามองทั้งสองผละอ้อมกอดจากกัน โรแวนแววตาอ่อนโยนเมื่อมองหญิงในดวงใจ ฉันมองฝ่ามือที่กำลังบรรจงประคองแก้มของเอมม่า ชายหนุ่มดึงร่างของหญิงผู้เป็นที่รักเข้าใกล้เล็กน้อย เขาไม่ได้จูบเธอเพียงแต่เอาหน้าผากแนบชิดกันเขาดูสงบสุขราวกับเดินทางมาเจอที่พักผ่อนของตนเสียที ในที่สุดเขาก็รู้สึกเติมเต็ม‘ผมคิดถึงคุณ’ ฉันอ่านการขยับปากเรียวบางนั้นออกฉันไม่อยากคิดว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นตอนนี้หากทั้งสองไม่ได้พบกันในสถานการณ์เช่นนี้ หากทั้งสองพบกันตอนที่ฉันและเขาแต่งงานกันอยู่ โรแวนจะนอกใจไปหาเอมม่าเลยหรือเปล่า?ส่วนศีลธรรมของฉันรีบโต้แย้งว่าไม่เป็นเช่นนั้นแน่แต่กลับไม

  • ธุลีใจ   บทที่ 5

    ไร้วี่แววของเหตุร้ายใด ๆ ในวันนี้ แสงแดดทอประกายตลอดเส้นทางที่คุ้นตา ดูเหมือนทุกสิ่งจะดำเนินไปได้ด้วยดีเมื่อเดินทางไปถึง โบถส์ก็เนืองแน่นไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา ทุกคนต่างพากันมาเคารพพ่อเป็นครั้งสุดท้ายฉันเดินตรวจตราดูความเรียบร้อยของสถานที่จัดงานด้วยความพอใจเมื่อเห็นว่าทุกอย่างดำเนินไปอย่างที่ควร คนอื่นแทบไม่ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยในช่วงการจัดเตรียมงานศพ เรียกได้ว่าฉันเป็นแม่งานผู้รับผิดชอบทุกสิ่งในงานนี้ฉันไม่ได้บ่นอะไรทั้งนั้น คิดเสียว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณผู้เป็นพ่อที่ให้กำเนิดฉันมา ยังไงเสียเขาก็ป้อนข้าวป้อนน้ำ ซื้อเสื้อผ้าและให้ที่ซุกหัวนอนแก่ฉันช่วงพิธีการกำลังจะเริ่มและผู้ร่วมงานส่วนใหญ่เข้านั่งประจำที่นั่ง ฉันตัดสินใจหลบไปนั่งอยู่อีกมุมเพราะรู้สึกผิดที่ผิดทางหากต้องไปนั่งรวมกับครอบครัวนั้น โดยเฉพาะหากต้องไปนั่งข้างเอมม่า“แม่ครับ เรามานั่งตรงนี้กันทำไมครับ… เราไม่ควรไปนั่งข้าง ๆ คุณยายหรือ?” โนอาตัวน้อยเอ่ยถามพร้อมกับชี้นิ้วไปในทิศทางที่คนอื่นนั่งอยู่แน่นอนว่าเราย่อมได้รับสายตาแปลก ๆ แต่ฉันก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ เพราะยังไงการที่ฉันเป็นแกะดำที่ไม่เคยได้รับการยอมรับจากครอบค

  • ธุลีใจ   บทที่ 6

    โรแวนความรู้สึกบางอย่างแล่นผ่านห้วงความคิดของคุณไป ยามที่คุณเห็นร่างของภรรยาเก่า ผู้เป็นแม่ของลูกโดนยิงและมีเลือดนองเต็มพื้นสุสานอันเยือกเย็น เป็นความรู้สึกที่ผมไม่เคยคิดว่าจะมีให้เอวาเมื่อผมเห็นกลุ่มชายฉกรรจ์หันกระบอกปืนเข้าใส่เรา ผมไม่ทันได้คิดอะไร ผมรู้ว่าโนอาปลอดภัยอย่างแน่นอนเพราะอยู่กับคุณปู่คุณย่า ดังนั้นสามัญสำนึกสั่งการให้ร่างกายกระโจนเข้าไปปกป้องเอมม่าทันที ผมเต็มใจตายเพื่อเธอและผมก็พร้อมจะทำเช่นนั้นผมรู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นพวกมือปืนหนีไปเพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาควบคุมสถานการณ์ กระนั้นความโล่งใจก่อนหน้ากลับมลายสิ้นทันทีที่ได้ยินเจ้าหน้าที่เรียกหารถพยาบาล ความฉงนกระตุ้นให้ผมหันไปเพื่อหาคำตอบว่าใครกันที่เคราะห์ร้าย เข่าผมแทบทรุดลงกับพื้นเพราะคาดไม่ถึงว่าผู้เคราะห์ร้ายต้องเจ็บเจียนตายคือเอวาจากนั้นสถานการณ์ที่สับสนอลหม่านจึงเริ่มขึ้น รถพยาบาลมาถึงที่เกิดเหตุและเจ้าหน้าที่ตำรวจสวมเสื้อกันกระสุนคนนั้นกันท่าไม่ยอมห่างจากเอวาจนกว่าจะแน่ใจว่าเธอจะปลอดภัยเมื่อถึงมือแพทย์ผมรู้สึกขุ่นเคืองที่เขาไม่ยอมห่างเอวาเพราะเธอเป็นภรรยาของผม แม้ว่าจะเป็นอดีตก็ตาม แต่ที่มากกว่านั้นก็คือผม

  • ธุลีใจ   บทที่ 7

    เอวาฉันลืมตาตื่นพร้อมความปวดร้าวบริเวณหลังและแขนแล่นผ่านไปทั่วร่าง โนอานอนหลับอยู่กับฉันเพราะเมื่อคืนหลังจากดูโทรทัศน์ด้วยกัน เจ้าตัวน้อยงอแงไม่ยอมไปนอนคนเดียว รอยยิ้มปรากฎบนใบหน้าทันทีที่ความทรงจำเมื่อคืนผุดขึ้น เด็กน้อยยืนยันว่าจะทำหน้าที่ดูแลฉันอย่างแข็งขันตลอดทั้งคืนขณะนี้ราวแปดโมงเช้าได้ อาหารเช้าควรพร้อมรับประทานก่อนลูกชายจะตื่นนอน ฉันก้าวลงจากเตียงโดยที่ไม่ปลุกเขาเข้าแม้ว่าจะลำบากเล็กน้อยก็ตาม หลังจากเสร็จกิจวัตรประจำวันยามเช้าเรียบร้อย ฉันจึงเดินลงไปด้านล่าง หยุดฝีเท้าก่อนจะก้าวเข้าห้องครัวพลางสงสัยกับตนเองว่าจะทำอาหารออกมาด้วยแขนเพียงข้างเดียวได้อย่างไรขณะที่เดินไปหยิบวัตถุดิบมาเตรียมทำแพนเค้ก ความทรงจำเมื่อวานพลันแล่นเข้ามาในห้วงความคิด ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นราวกับเป็นภาพลวงจนฉันสงสัยว่ามันเกิดขึ้นจริงหรือไม่ หากไม่มีผ้าพันแผลบริเวณไหล่กับแขนที่อยู่ในสายคล้องช่วยย้ำเตือนถึงความจริง ฉันคงคิดว่าเป็นเพียงฝันร้ายเท่านั้นเมื่อฉันตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาลหลังจากหมดสติไป ฉันก็ตื่นกลัวไม่น้อย บรรดาแพทย์และพยาบาลต่างพากันรีบเข้ามาสงบสติฉันและยืนยันว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี พยาบาลบอกฉัน

  • ธุลีใจ   บทที่ 8

    โรแวนผมเห็นจังหวะที่อารมณ์ของเอวาเปลี่ยนเป็นเฉยชา วินาทีที่แสงแห่งความอบอุ่นก่อนหน้าแปรเปลี่ยนเป็นความหนาวเหน็บทำให้ผมรู้สึกสะท้านถึงขั้วหัวใจ“คุณมาทำอะไรที่นี่?” น้ำเสียงของเธอปราศจากซึ่งอารมณ์ใด ขณะที่ผมฝืนแทรกตัวเข้าไปด้านในบ้านราวกับว่าเอวากำลังสนทนากับชายแปลกหน้าอยู่ ราวกับว่าผมเป็นแค่ฝุ่นผงไร้ค่าสำหรับเธอไปเสียแล้ว ผมจ้องมองใบหน้านั้นโดยอ่านสิ่งใดไม่ออก ผมอยู่กับผู้หญิงคนนี้มาเกือบสิบปีแต่ตอนนี้กลับหาคำดี ๆ เพียงสักคำพูดกับเธอยังไม่ได้ผมมองแขนของเธอที่ยังคล้องอยู่บนสายห้อย จุดประสงค์วันนี้คือมาตรวจดูอาการของเธอและรับโนอา เพราะนี่เป็นช่วงสุดสัปดาห์ซึ่งเป็นเวลาของผมกับลูกชายภาพของชายหนุ่มก่อนหน้าที่เห็นว่าเดินออกไปผุดขึ้นมา ผมก็คิ้วกระตุก ต้องเป็นชายคนนี้แน่ที่เอวามอบรอยยิ้มให้ เมื่อตระหนักได้ดังนี้ ผมอดไม่ได้ที่กัดฟันกรอด“ผู้ชายคนนั้นมาทำอะไรที่นี่?” ผมเอ่ยถามแทนที่จะตอบเธอพร้อมทั้งเก็บซ่อนอารมณ์เดือดดาลที่หาเหตุผลที่มาไม่ได้เอาไว้ผมรู้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและยังเป็นคนที่เข้ามาช่วยชีวิตเอวาเอาไว้ แต่เขาก็ล้ำเส้นเกินไป ผมไม่ชอบผู้ชายคนนั้นและไม่ต้องการใ

  • ธุลีใจ   บทที่ 9

    “แล้วคุณอยากให้ผมพูดอะไรละ? ในเมื่อผมไม่เคยหลอกลวงคุณเลย คุณเองก็รู้มาตลอดนี่ว่าผมรักเธอ” เอวาขว้างผ้าเช็ดจานด้วยความโกรธเกรี้ยว “รู้แบบนั้นแล้วก็กล้ามาแตะต้องร่างกายของฉันอีกหรือ? ให้ตายเถอะ ฉันโคตรจะเกลียดคุณเลย ไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าคุณมีดีอะไรฉันถึงได้หลงคุณนักหนา ไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าต้องมานั่งเสียเวลาชีวิตขนาดนี้ไปทำไมกัน”ผมกัดฟันกรอด แต่ละคำของเธอทวีความเดือดดาลของผมขึ้น แน่นอนเราทั้งสองหลับนอนด้วยกันช่วงแต่งงาน แต่นั่นเป็นความสุขและสนุกทางกายเท่านั้น ผมให้คำสัตย์สาบานไว้ตอนแต่งงาน แม้ว่าผมจะไม่ได้รักเธอแต่ผมก็ไม่ได้ผิดคำสัตย์สาบานด้วยการนอกใจเธอ“ผมไม่ได้มาคุยเรื่องอดีต ผมมาเพราะอยากคุยเรื่องโนอา” ผมพูดเปลี่ยนประเด็นเรื่องราวเริ่มเลยเถิดไปไกลแล้ว ผมจำเป็นต้องพูดประเด็นที่ผมเดินทางมาที่นี่ และรีบจากไปก่อนจะทำหรือพูดอะไรที่ผมต้องมานั่งเสียใจภายหลังชื่อของโนอาเสมือนเครื่องเตือนสติหญิงสาว ดังนั้นเอวาจึงไม่ตอบโต้กลับ เพียงเดินไปเปิดตู้และนำขวดยาออกมา เธอเปิดขวดยาด้วยมือเพียงข้างเดียวและกินยาเข้าไปสองเม็ดเมื่ออ่านฉลากยาผ่านสายตา ผมจึงตระหนักได้ว่านั่นคือยาบรรเทาอาการปวด“แขนคุ

Bab terbaru

  • ธุลีใจ   บทที่ 414

    โรแวนดูมีความสุขในตอนนี้ ซึ่งทำให้ฉันคิดว่าเขาคงกลับไปคบกับเอมม่าอีกครั้ง นั่นน่าจะเป็นคำอธิบายเดียวที่เป็นไปได้ จากที่เกเบรียลเคยเล่าให้ฟัง โรแวนเคยเกลียดเอวาแบบสุดใจ เช่นเดียวกับที่เกเบรียลเคยเกลียดฉันสายตาของฉันเลื่อนไปที่เด็กผู้หญิงตัวน้อย เธอดูคุ้น ๆ แต่ฉันนึกไม่ออกว่าเคยเห็นเธอที่ไหน บางทีเธออาจเป็นลูกสาวของโรแวนกับเอมม่าก็ได้ ถึงแม้เธอจะดูไม่เหมือนเอมม่าที่ฉันจำได้เลยก็ตาม บางทีอาจเป็นเพราะพันธุกรรมที่แปลกประหลาด“แล้วเด็กผู้หญิงคนนั้นล่ะ?” ฉันถาม“ชื่อไอริส” เกเบรียลตอบ พร้อมกับยืนใกล้ฉันจนทำให้รู้สึกแปลก ๆฉันขยับถอยหลังเล็กน้อยเพื่อรักษาระยะห่างฉันมองไอริสต่อ เธอเหมือนพลังงานน้อย ๆ ที่สดใส ดวงตาสีฟ้าสวยส่องประกายจนฉันมองเห็นได้ชัดเจนแม้จากที่ที่ฉันยืนอยู่ เธอไม่เหมือนเอมม่าเลย แต่ถ้าจำไม่ผิด เอมม่ามีดวงตาสีฟ้า ดังนั้นไอริสน่าจะได้มาจากแม่“งั้นโรแวนก็กลับไปคบกับเอมม่าแล้วใช่ไหม” ฉันพูดเบา ๆ “พวกเขากลับไปคบกันตอนไหน แล้วเอวารับมือกับมันยังไง?”ฉันไม่เคยคิดว่าเอมม่าจะเป็นคนไม่ดี เราทุกคนเคยเรียนที่โรงเรียนเดียวกัน เธออายุมากกว่า ในขณะที่เอวากับฉันรุ่นเดียวกันเอมม่าต่

  • ธุลีใจ   บทที่ 413

    ฉันไม่สามารถหยุดขยับตัวอย่างกระวนกระวายได้เลย ขณะที่ฉันและเกเบรียลเดินตามพ่อแม่ของเขาเข้าไปข้างใน หากพูดตรง ๆ การพูดคุยในออฟฟิศนั้นดีกว่าที่ฉันคาดไว้มาก ฉันไม่แน่ใจว่าฉันคาดหวังอะไร แต่ฉันไม่ได้คาดว่าจะเจอความสงบแบบนี้ หรืออาจจะเป็นเพียงความสงบก่อนพายุจะมา?ฉันยังไม่เข้าใจว่าทำไมเกเบรียลไม่บอกพวกเขาว่าเราเคยแต่งงานกันมาก่อน แม้การแต่งงานของเราจะจบลงอย่างเลวร้าย แต่มันก็เป็นสิ่งที่สมเหตุสมผลที่สุด ฉันไม่ชอบที่เขาปิดบังเรื่องนี้“ไหวไหม?” เสียงของเขาดึงฉันกลับมาสู่ปัจจุบันฉันเงยหน้าขึ้นมองเขา และพบว่าสายตาเขาจ้องมาที่ฉันอย่างแน่วแน่ มันช่างลึกซึ้งเหมือนว่าเขากำลังอ่านฉันจนถึงจิตวิญญาณ ฉันดึงสายตาจากเขาแล้วมองไปข้างหน้าแทน“ไหว แต่ก็ยังรู้สึกประหม่าอยู่ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน” ฉันตอบตามตรงส่วนที่ยากที่สุดผ่านไปแล้ว แต่ฉันก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมฉันถึงรู้สึกกระวนกระวายอยู่ บางทีอาจเป็นเพราะวันนี้ฉันต้องใช้เวลาทั้งวันอยู่กับครอบครัวของเขา บางทีอาจเป็นเพราะฉันยังคงรู้สึกถึงลมหายใจของเขาบนผิวของฉันเมื่อตอนที่เขาเกือบจะจูบฉัน หรือบางทีอาจเป็นเพราะเขายอมรับความผิดทั้งหมดในความล้มเหลวของความสัม

  • ธุลีใจ   บทที่ 412

    ขอบคุณพี่ชายของเธอที่ทำให้ผมรู้ว่าเธอต้องการผม และมันก็กลายเป็นอาวุธที่ดีที่สุดในการต่อต้านเธอ ผมอยากทำร้ายเธอ อยากทำลายเธอและทำให้เธอเจ็บปวดเพราะเธอพรากอิสระไปจากผม ไม่ต้องเป็นอัจฉริยะก็รู้ได้ทันทีว่าการนอกใจจะทำให้เธอเจ็บปวด ผมเลยทำ และผมก็ทำให้เธอรู้ด้วย ผมอยากให้เธอเสียใจที่คิดจะวางกับดักผมและมันได้ผล ทุกครั้งที่ผมเห็นเธอ ผมเห็นความเจ็บปวดในดวงตาของเธอ ผมรู้ว่ามันทำให้ผมเป็นคนเลว แต่การเห็นความเจ็บปวดในตาเธอมันทำให้ผมพอใจ“เวลาผ่านไปก็นานแล้วนะ แล้วลูกไปเจอเธออีกครั้งได้ยังไง?” แม่ถามต่อเมื่อผมไม่ตอบอะไรเกี่ยวกับข้อสังเกตของพ่อ“ผมออกตามหาเธอครับ” ผมยักไหล่ “พวกกรรมการบริหารนั่นอยากให้ผมแต่งงานเป็นหลักเป็นแหล่งสักที ผมเลยทำแบบนี้”สายตาของแม่หันไปทางฮาร์เปอร์ “แล้วเธอยอมแต่งงานกับเขา ทั้งที่เขาปฏิบัติกับเธออย่างเลวร้ายขนาดนั้นเหรอ?”ผมสะดุ้งกับคำพูดของแม่ ผมเกลียดที่ทำให้แม่ผิดหวัง แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้เหมือนกับผม ฮาร์เปอร์ยักไหล่ตอบ “เขามีสิ่งที่ฉันต้องการ ฉันก็เลยตอบตกลงค่ะ”พ่อกับแม่หันมามองหน้ากัน ก่อนจะหันกลับมาทางเรา“หมายถึงอะไร?” พ่อถามด้วยสายตาที่จ้องจับผิด“บริษั

  • ธุลีใจ   บทที่ 411

    ผมรู้ว่าปฏิกิริยาของพวกเขาจะต้องรุนแรงแน่ ๆ ใครล่ะจะไม่ตกใจเมื่อจู่ ๆ ก็ถูกบอกว่ามีลูกสะใภ้กับหลานสาวที่ไม่เคยรู้มาก่อนพ่อเริ่มเดินไปเดินมา และผมก็รู้ทันทีว่าเขากำลังคิดอะไร พ่อพร่ำสอนผมกับโรแวนเสมอ เรารู้เสมอว่าเขาคิดอะไรอยู่เพราะเราเองก็คิดแบบเดียวกันเขาน่าจะกำลังสงสัยว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง สงสัยว่าผมตรวจดีเอ็นเอแล้วหรือยังว่าลิลลี่เป็นลูกสาวของผมจริง หรือเปล่า และเขาคงสงสัยด้วยว่าฮาร์เปอร์หลอกล่อหรือวางกับดักอะไรผมหรือเปล่า เขากำลังพยายามคิดถึงทุกแง่มุม“แล้ว…มันเกิดขึ้นได้ยังไง? ไปมีเมียมีลูกตอนไหนยังไง?” แม่เอ่ยถามอย่างตะกุกตะกักใบหน้าของเธอยังเต็มไปด้วยความตกตะลึง ดวงตาเลื่อนจากผมไปที่ฮาร์เปอร์ ซึ่งกำลังก้มหน้ามองพื้นอย่างเงียบ ๆ เธอดูประหม่าและตื่นตระหนกน ผมรู้สึกอยากจะโอบกอดเธอ อยากปลอบโยนเธอด้วยสัมผัสของผมความรู้สึกที่รุนแรงต่อเธอนั้นทำให้ผมงุนงง มันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนตอนที่เรายังแต่งงานกัน แล้วมันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมจู่ ๆ ผมถึงอยากทำในสิ่งที่ผมไม่เคยอยากทำมาก่อน?“ตอบแม่สิ เกบ” เสียงเข้มของพ่อทำให้ผมหลุดจากความคิด“เราเคยมีความสัมพันธ์กันเมื่อหลายปีก่อน” ผมเริ่มพู

  • ธุลีใจ   บทที่ 410

    เกเบรียล“แม่ครับ!” ผมตะโกนเรียกพลางรีบวิ่งไปหาเธอแม่กำลังนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น ไม่ต้องมีใครบอก ผมก็รู้ว่าที่เธอเป็นแบบนี้ก็เพราะช็อกตอนเห็นลิลลี่ เหมือนตอนที่ผมเจอครั้งแรก เธอแค่เห็นตาสีเทาคู่นั้นครั้งเดียวก็รู้ทันทีว่าลิลลี่เป็นหนึ่งในสายเลือดของตระกูลวู้ดผมค่อย ๆ ตบแก้มของแม่เบา ๆ แต่เธอก็ยังไม่ฟื้น ผมจึงค่อย ๆ สอดแขนข้างหนึ่งใต้บ่า และอีกข้างหนึ่งใต้หัวเข่าของแม่ แล้วยกเธอขึ้นมาวางบนโซฟาที่ใกล้ที่สุด“พ่อ! โรแวน!” ผมตะโกนเรียกอย่างร้อนรน เพราะไม่อยากทิ้งแม่ไว้คนเดียว“คุณย่าจะเป็นอะไรไหมคะ?” ลิลลี่ถามเสียงแผ่วเบาและเปราะบาง “หนูทำอะไรผิดหรือเปล่า? หรือที่คุณย่าเป็นแบบนี้เพราะหนูใช่ไหมคะ?”น้ำตาที่เอ่ออยู่ในดวงตาของเธอทำให้ผมใจอ่อน ในเวลาไม่นาน ลิลลี่ก็กลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตผม การเห็นเธอร้องไห้ทำให้ผมเจ็บปวด ผมคิดว่าในชีวิตนี้ผมไม่เคยรักใครมากเท่าที่ผมรักลิลลี่ แม้แต่โรแวน ฝาแฝดของผมเอง ก็ยังไม่อาจเทียบได้ก่อนที่ผมจะตอบคำถามของเธอ ฮาร์เปอร์ก็พูดแทรกขึ้นมา“ไม่หรอกจ้ะ ลูกรัก” ฮาร์เปอร์ตอบพร้อมวางผ้าชุบน้ำเย็นลงบนหน้าผากแม่ ผมไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำว่าเธอไปเอาผ้ามาเมื่อไหร่“

  • ธุลีใจ   บทที่ 409

    เสียงโทรศัพท์ของเกเบรียลทำให้ฉันลุกขึ้นจากที่เดิมที่ลิลลี่ทิ้งฉันไว้ ฉันยังไม่อยากเชื่อว่าเธอจะพูดแบบนั้นกับฉันได้ ตอนที่เลียมยังมีชีวิตอยู่ เธอไม่เคยกังวลที่ไม่มีพี่น้อง เธอไม่เคยขอมีพี่น้องด้วยซ้ำ ฉันเลยสงสัยว่าอะไรทำให้เธอเปลี่ยนไปแบบนี้กะทันหันฉันรู้ว่าตอนนี้คุณอาจสงสัยว่าทำไมฉันกับเลียมถึงไม่มีลูก ทั้งที่แต่งงานกันมานานขนาดนั้น เรื่องจริงก็คือ เราพยายามแล้ว เลียมอยากมีครอบครัว อยากมีลูกที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาเอง ฉันรู้ว่าเขารักลิลลี่เหมือนลูกแท้ ๆ ของเขา แต่เขาก็อยากมีลูกที่เป็นสายเลือดของตัวเองด้วยฉันเองก็อยากจะให้เขามีสิ่งนั้น ฉันอยากขอบคุณเขาที่อยู่เคียงข้างฉันในตอนที่ฉันไม่มีใคร ที่แต่งงานกับฉันและมอบครอบครัวให้กับลิลลี่ การมีลูกให้เขาสักคนไม่ได้เป็นสิ่งที่มากเกินไป และฉันก็ไม่เห็นปัญหาอะไรอย่างที่บอก เราพยายามแล้ว แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่งหนึ่งปีก่อนที่เขาจะเสียชีวิต เขาถึงยอมไปตรวจสุขภาพ ผลปรากฏว่ามันเป็นเรื่องที่ทำให้หัวใจสลาย เราได้รู้ว่าเขาไม่สามารถมีลูกได้ วันที่เราอยู่ที่คลินิก ฉันเห็นแสงบางอย่างในตัวเขาดับลงไป การรู้ว่าเขาไม่สามารถเป็นพ่อได้เหมือนทำลา

  • ธุลีใจ   บทที่ 408

    ลิลลี่มองพวกเราสลับไปมาระหว่างฉันกับพ่อเธอ ฉันเห็นคำถามมากมายในสายตาเธอ ความสงสัยเกี่ยวกับฉันและเกเบรียลอย่างที่ฉันพูดไปแล้วว่ามันไม่ควรจะเป็นแบบนี้ ฉันไม่ควรจะรู้สึกดึงดูดใจต่อเกเบรียลอีกหลังจากที่ห่างกันไปหลายปี ฉันเคยคิดว่าความรู้สึกที่มีต่อเขาจะจบลงไปแล้ว การปฏิบัติที่เขาเคยทำกับฉันเมื่อหลายปีก่อนควรจะฆ่าความรู้สึกทั้งหมดที่ฉันเคยมีต่อเขาแต่ฉันคิดผิด เพราะตอนนี้ฉันกลับมายืนอยู่ตรงนี้ เกือบจะจูบเขา ฉันรู้สึกแย่มากที่ปล่อยให้ตัวเองอ่อนแอเพียงชั่วขณะ และปล่อยให้ร่างกายพาฉันหลงใหลในตัวเขา“สองคนจะจูบกันเหรอคะ?” ลิลลี่ถามอย่างไร้เดียงสา ฉันอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าลึกจิตใจฉันวุ่นวาย ฉันไม่รู้จะตอบเธออย่างไร ควรจะบอกความจริงเธอไหม? แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็โกหกไม่ได้เมื่อเธอเห็นเต็มสองตา“เอ่อ…เอ่อ...” ฉันพยายามหาคำพูดที่เหมาะสมจะตอบในหัวของฉันยังคิดถึงเรื่องเลียม เขาเป็นผู้ชายเพียงคนเดียวที่ลิลลี่เคยเห็นฉันจูบ ผู้ชายคนเดียวที่เคยอยู่ในชีวิตของเรา ฉันกลัวว่าถ้าฉันบอกว่า ‘ใช่’ เธอจะเข้าใจผิด ฉันรู้ว่าเกเบรียลพยายามสร้างความสัมพันธ์กับเธอ แต่ตลอดเวลาห้าปีที่ผ่านมา เลียมคือพ่อของเธอ

  • ธุลีใจ   บทที่ 407

    ฉันเหมือนตกอยู่ในภวังค์ ขณะที่ยกแก้วกาแฟขึ้นจรดริมฝีปาก แต่ทุกอย่างพังทลายทันทีเมื่อรสชาติของมันกระแทกลิ้น ฉันถึงกับพ่นมันออกมา.“รสชาติสุดจะทนมาก กระเดือกลงได้ไงคะเนี่ย?” ฉันถามพลางเช็ดปากครั้งแรกในชีวิตที่ฉันได้ยินเกเบรียลหัวเราะ เสียงหัวเราะของเขาทุ้มลึกและเย้ายวนจนทำให้ร่างกายฉันสั่นไหว เสียงหัวเราะแบบที่ทำให้คุณลืมแม้กระทั่งชื่อของตัวเอง ฉันคนเดียวหรือเปล่าที่รู้สึกว่าเสียงหัวเราะของคนอื่นมีเสน่ห์?เขายักไหล่ “มันเป็นรสชาติที่ต้องค่อย ๆ ฝึกถึงจะชอบได้ มันไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคนหรอก”ฉันทำได้แค่พยักหน้าเหมือนเสียงหายไป ฉันยังคงตกใจอยู่ที่เกเบรียลหัวเราะ เสียงหัวเราะกลายเป็นรอยยิ้มที่แท้จริง เป็นรอยยิ้มที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน มันชวนให้หลงใหลจนฉันเกลียดตัวเองที่เผลอหลงเสน่ห์เขา“เป็นอะไรไหม?” เขาเข้ามาใกล้มากขึ้น “เหมือนตะลึงอะไรอยู่เลย”“คุณยิ้มสวย เสียงหัวเราะก็เพราะ”ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดจากปาก ฉันรู้สึกอยากต่อยตัวเอง ฉันพูดอะไรออกไป? ทำไมฉันถึงปล่อยคำเหล่านั้นหลุดออกมา? สิ่งสุดท้ายที่ฉันต้องการคือให้เขาคิดว่าฉันยังมีใจให้เขา“อะไรนะ?”“เปล่า” ฉันรีบตอบก่อนจะหมุนตัวและ

  • ธุลีใจ   บทที่ 406

    เมื่อเกเบรียลบอกฉันว่าเราจะไปเยี่ยมครอบครัวของเขาในงานบาร์บีคิวประจำสัปดาห์ ฉันไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้เมื่อวานนี้ที่ออฟฟิศวุ่นวายมาก มันชัดเจนเลยว่าเกเบรียลมีพนักงานผู้หญิงหลายคนที่อยากได้เขาไปครอบครอง พูดตามตรงฉันไม่ถือหรอก ช่วยไม่ได้ที่เขาหล่อและเซ็กซี่ขนาดนั้น สิ่งที่ฉันไม่ชอบคือสายตาอิจฉาและเกลียดชังที่ฉันได้รับจากผู้หญิงพวกนั้นบางคนฉันเคยคิดว่ามิลลี่เป็นคนเดียวที่อยากครองเขาไว้ ฉันคิดผิดแน่นอน นับไม่ถ้วนเลยว่าฉันถูกผู้หญิงหยุดไว้กี่ครั้งตอนที่คริสโตเฟอร์ส่งฉันไปทำงานบางอย่างดูเหมือนว่าผู้หญิงสองคนที่เกเบรียลเคยต่อว่าคือคนที่แพร่ข่าวว่าฉันคือผู้หญิงคนใหม่ของเกเบรียล ฉันเดาว่ามือของเขาที่แตะแผ่นหลังของฉันคงบอกชัดเจนแล้ว ข่าวดีคือพวกเขาทุกคนคิดว่าฉันเป็นแค่ความสัมพันธ์ชั่วคราวและเขาจะเบื่อฉันในไม่ช้าพวกเธอรู้สึกว่าควรเตือนฉันว่าอย่าทำตัวสบายเกินไปที่นี่ เพราะเกเบรียลจะเบื่อฉันในไม่กี่สัปดาห์ ฉันสงสัยจังว่าพวกเธอจะมีปฏิกิริยายังไงเมื่อรู้ว่าฉันเป็นภรรยาของเขาตอนห้าโมงเย็น เกเบรียลทำให้ฉันประหลาดใจด้วยการกลับบ้านมาพร้อมฉัน ตอนนั้นเองที่เขาบอกเรื่องบาร์บีคิวประจำสัปดาห์ที่บ้

Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status