Share

บทที่ 6

Author: เอเวอลีน เอ็มเอ็ม
โรแวน

ความรู้สึกบางอย่างแล่นผ่านห้วงความคิดของคุณไป ยามที่คุณเห็นร่างของภรรยาเก่า ผู้เป็นแม่ของลูกโดนยิงและมีเลือดนองเต็มพื้นสุสานอันเยือกเย็น เป็นความรู้สึกที่ผมไม่เคยคิดว่าจะมีให้เอวา

เมื่อผมเห็นกลุ่มชายฉกรรจ์หันกระบอกปืนเข้าใส่เรา ผมไม่ทันได้คิดอะไร ผมรู้ว่าโนอาปลอดภัยอย่างแน่นอนเพราะอยู่กับคุณปู่คุณย่า ดังนั้นสามัญสำนึกสั่งการให้ร่างกายกระโจนเข้าไปปกป้องเอมม่าทันที ผมเต็มใจตายเพื่อเธอและผมก็พร้อมจะทำเช่นนั้น

ผมรู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นพวกมือปืนหนีไปเพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาควบคุมสถานการณ์ กระนั้นความโล่งใจก่อนหน้ากลับมลายสิ้นทันทีที่ได้ยินเจ้าหน้าที่เรียกหารถพยาบาล ความฉงนกระตุ้นให้ผมหันไปเพื่อหาคำตอบว่าใครกันที่เคราะห์ร้าย เข่าผมแทบทรุดลงกับพื้นเพราะคาดไม่ถึงว่าผู้เคราะห์ร้ายต้องเจ็บเจียนตายคือเอวา

จากนั้นสถานการณ์ที่สับสนอลหม่านจึงเริ่มขึ้น รถพยาบาลมาถึงที่เกิดเหตุและเจ้าหน้าที่ตำรวจสวมเสื้อกันกระสุนคนนั้นกันท่าไม่ยอมห่างจากเอวาจนกว่าจะแน่ใจว่าเธอจะปลอดภัยเมื่อถึงมือแพทย์

ผมรู้สึกขุ่นเคืองที่เขาไม่ยอมห่างเอวาเพราะเธอเป็นภรรยาของผม แม้ว่าจะเป็นอดีตก็ตาม แต่ที่มากกว่านั้นก็คือผมโมโหตัวเอง ผมควรจะเข้าไปปกป้องเธอ หากเอวาเป็นอะไรไปผมจะไปอธิบายกับโนอาว่าอย่างไรกันเล่า? ผมจะหนีความจริงที่ว่าผมปกป้องแม่ของเขาไม่ได้ไปอย่างไร?

ตอนนี้ผมเดินวนไปมาบริเวณที่พักคอย ความกังวลกำลังกัดกินจิตใจของผมไม่หยุดเพราะตั้งแต่ที่เอวาโดนพาเข้าไปในห้องฉุกเฉินก็ยังไม่มีความคืบหน้าใด ไม่มีใครออกมาบอกกล่าวอาการของเธอสักคำ

“ขอร้องล่ะ ขออย่าให้ลูกเป็นอะไรเลย” เคท แม่ของเอวาพึมพำ

อาจเป็นครั้งแรกที่ผมสัมผัสได้ถึงความรู้สึกบางสิ่งแอบซ่อนอยู่ในคำพูดของผู้เป็นแม่ที่มีต่อเอวา การสูญเสียสามีและการเกือบสูญเสียลูกสาวอย่างเอวาไปอีกคนอาจทำให้ใจเธออ่อนลงเล็กน้อย

เราทุกคนพร้อมกันอยู่ตรงนี้เว้นเพียงโนอา ทราวิสเอนกายนั่งข้างเคทผู้เป็นแม่ และถัดไปก็เป็นเอมม่า

ผมนั่งลง ไม่สามารถสงบความร้อนรนในจิตใจลงได้ ผมบอกตัวเองว่าที่ผมอยากให้เอวาไม่เป็นไรก็เพราะเห็นแก่โนอา

ผมไม่รู้ว่าเรารออยู่นานแค่ไหน เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็พบกับเอวา หญิงสาวกำลังยื่นเอกสารบางอย่างให้แก่พยาบาลบริเวณเคาน์เตอร์ แขนซ้ายมีสายคล้องคออยู่ บัตรเครดิตถูกนำออกมาจากกระเป๋าและกลับเข้าประจำที่ดังเดิม

เธอทุลักทุเลกับการสาละวนหยิบโทรศัพท์และถือกระเป๋าในเวลาเดียวกัน บอกได้จากคิ้วที่ผูกเป็นปมแน่น

“เอวา” ผมเรียกขณะที่เอวากำลังจะเดินผ่านเราไป สายตาคู่นั้นของเธอเฝ้ามองแต่หน้าจอโทรศัพท์

เธอเงยหน้าขึ้น ผมสังเกตได้ทันตาว่าบางอย่างไม่เหมือนที่เคย แต่ผมบอกไม่ได้แน่ชัดว่าต่างไปตรงไหน

“มาทำอะไรกันที่นี่คะ มีคนอื่นบาดเจ็บอีกหรือ? เธอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยและไร้อารมณ์ใด ๆ แฝง

“แกเป็นยังไงบ้าง?” ผู้เป็นแม่เอ่ยถามกลับ

“โชคร้ายหน่อยนะ หนูยังไม่ตาย”

คำตอบของเธอทำให้ทุกคนแสดงท่าทีตกตะลึง ไม่ใช่เพราะคำพูดเหล่านั้น แต่เป็นความเย็นชาที่ชัดเจน

ผมตัดสินใจพูดแทรกขึ้น “แล้วคุณจะไปไหน?”

“บ้าน” เป็นคำตอบแสนสั้นที่เธอมอบให้

“สายคล้องคอยังคาอยู่ที่มืออยู่เลย คุณขับรถไม่ได้หรอก” ผมให้เหตุผล

“ฉันเรียกอูเบอร์แล้ว”

“เอวา เราต้องคุยกันก่อน เรื่องพ่อของแก” เคทเอ่ยอย่างแผ่วเบา ซึ่งเอวาก็หันมาตามเสียงเรียกของผู้เป็นแม่

บางสิ่งที่เคยประจักษ์อยู่ในสายตาคู่นั้นมันได้หายไปเสียแล้ว

สายตาแสนเย็นชาของเธอจับจ้องไปยังมารดา “ไม่เห็นว่ามีเรื่องอะไรเกี่ยวข้องกับหนูอีก ครั้งสุดท้ายที่จำได้ เขาไม่คิดว่าหนูเป็นลูกสาวด้วยซ้ำ”

เสียงสะอื้นไห้จากแม่ของเธอดังขึ้น กระนั้นเอวาไม่แม้แต่ชายตามาสนใจ ราวกับว่าหญิงสาวสลัดทิ้งทุกความรู้สึกที่มี หลงเหลือเพียงความโหดร้ายที่แสนเคยคุ้น

เอวาเดินตรงไปยังประตูและฝีเท้าก็หยุดลง “ลูกชายฉันอยู่ไหน?”

“บ้านแม่” ทราวิสตอบกลับพร้อมจับจ้องเธอไม่วางตา

หญิงสาวถอนหายใจ “ดูเหมือนว่าเราจะได้คุยกันสมใจแม่แล้วนะ”

“เดี๋ยวผมขับรถไปส่ง”

เอมม่านิ่วหน้าใส่ผม แต่เธอต้องเข้าใจเจตนานี้เป็นแน่ ไม่ว่าผมจะรู้สึกกับเอวาอย่างไร แต่ความจริงก็คือเอวายังเป็นแม่ของโนอาแถมเธอก็บาดเจ็บ ยิ่งกว่านั้นเธอก็เคยเป็นภรรยาของผม

เอวาปัดความหวังดีของผมทิ้งอย่างน่าแปลกใจ “ไม่ต้องค่ะ ฉันจะนั่งอูเบอร์ไปอย่างที่บอก ค่อยไปเจอกันที่บ้าน”

หญิงสาวหันหลังเดินออกไปโดยไม่ทิ้งคำอธิบายใด ๆ ไว้เลย สายตาทุกคู่มองจุดเอวาที่เคยยืนอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่ง หากเป็นยามปกติเธอคงไม่พลาดโอกาสที่จะได้อยู่ใกล้ชิดผมเป็นแน่ ทุกคนจึงแปลกใจที่เธอปฏิเสธข้อเสนอของผม

“เราเองก็ไปกันเถอะ เดี๋ยวเอวาไปถึงบ้านแล้วหนีไปก่อนจะได้พูดอะไรกันอีก” เคทเอ่ยขึ้นเบา ๆ น้ำเสียงยังแฝงความเสียใจ

ทุกคนโดยสารอยู่บนรถหรูคาดิแลค เอสคาเลดของผมมุ่งตรงออกไป หลังจากเหยียบจนสุดความเร็ว เราเดินทางมาถึงบ้านของเคททันเห็นเอวาเพิ่งเดินเข้าไปและปิดประตูบ้าน

ผมจอดรถและทุกคนรีบเดินออกมา หลังจากเข้าไปด้านในบ้าน เราก็เจอพ่อแม่ของผม เกเบรียล รวมถึงเอวาที่เมินเฉยพวกเขานั่งรออยู่ก่อนแล้ว มันรู้สึกแปลกตาที่ได้เห็นด้านนี้ของเธอ ที่ผ่านมาเธอพยายามจะมีปฏิสัมพันธ์แม้เพียงน้อยกับครอบครัวผมถึงจะโดนพวกเขาจิกกัดก็ตาม

“ถ้ามีอะไรจะพูดก็รีบพูดจะได้จบเรื่อง” หญิงสาวนั่งลงพลางพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

“เจมส์พ่อของคุณมาปรึกษาเรื่องข้อเสนอทางธุรกิจกับผมและบอกว่าเขาอยากลงทุนด้วย ซึ่งผมก็ตกลงเพราะคิดว่ามันดูเป็นการลงทุนที่ดีใช้ได้” ผมเริ่มอธิบาย

“เราร่วมลงนามเซ็นเอกสารสำคัญหลายฉบับเพราะคิดว่าเป็นบริษัทที่มั่นคงน่าเชื่อถือ จากนั้นไม่นานเราเพิ่งมารู้ความจริงว่าบริษัทนี้เกี่ยวข้องกับพวกนอกกฏหมาย ทั้งพ่อของคุณและผมต่างเห็นตรงกันว่าไม่ต้องการให้บริษัทของเราเข้าไปพัวพันกับเรื่องผิดกฏหมาย พวกเรารู้ดีว่ามันจะจบยังไงถ้าเรายังติดต่อกับคนพวกนี้ เราเลยหาหนทางรีบยุติสัญญานี้ทันทีและรีบแจ้งตำรวจ”

“อ๋ออออ” เอวาลากเสียงยาว คิ้วเธอขมวดเป็นปมเพราะเธอไม่เข้าใจว่าเรื่องนี้จะจบลงอย่างไร

ผมถอนหายใจเพราะเริ่มเหนื่อยล้าจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้ “กลายเป็นว่าพวกนั้นเป็นกลุ่มที่ตำรวจต้องการตัวมากที่สุด พวกมันไม่พอใจที่เราแฉกับตำรวจ พวกมันเลยไปหลบซ่อนตัว พอมีตำรวจเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง พวกเราก็คิดว่ามันคงจะไม่เข้ามายุ่งกับเราอีก”

เคทเล่าต่อ “พวกมันเริ่มข่มขู่พ่อแก บอกว่าจะให้พ่อแกชดใช้ มันจะจัดการภรรยารวมถึงลูก ๆ ทุกคน พวกมันเอาแต่โทษพ่อแกที่แส่เข้าไปหาพวกมันเองทั้ง ๆ ที่ไม่อยากยุ่งกับเรื่องผิดกฏหมาย เราคิดว่าพวกมันคงแค่คิดจะขู่เฉย ๆ จนกระทั่งมันเอาปืนมายิงพ่อแกวันนั้น”

ทราวิส เกเบรียล รวมถึงพ่อกับแม่ของผมรับรู้เรื่องนี้อยู่ก่อนแล้ว ผมวาดสายตาไปหาเอมม่าซึ่งใบหน้าฉายแวววิตกและหวาดกลัว จากนั้นจึงหันไปมองใบหน้าของเอวาผู้นิ่งเฉยและเย็นชา

“ฉันก็ยังไม่เข้าใจว่ามันเกี่ยวกับฉันยังไงอยู่ดี” น้ำเสียงเธอเย็นชาเหมือนสายตาที่จับจ้องเรา สายตาคู่นั้นบาดลึกราวกับมีดน้ำแข็ง

เธอพลันลุกขึ้น “ฉันจะพาโนอากลับบ้าน”

“ให้ตายสิ เอวา คุณคิดว่ามันเป็นเรื่องเล่น ๆ หรือยังไง” ผมกัดฟันกรอด

ผู้หญิงคนนี้ไม่รู้จริง ๆ หรือว่ามันหมายความว่าอย่างไร? ไม่รู้หรือว่าเธอตกอยู่ในอันตรายขนาดไหน? วันนี้อาจจบลงด้วยการที่เรามานั่งคุยกันเรื่องวางแผนจัดพิธีศพของเธอก็เป็นได้?

“อย่างที่บอกไป ฉันไม่รู้ว่ามันเกี่ยวกับฉันยังไง”

ทราวิสคำรามลั่น สัมผัสได้ถึงความเดือดดาลแบบเดียวกับความรู้สึกของผม “แกเพิ่งจะโดนยิงมาวันนี้นะ…นี่ไม่เข้าใจอะไรเลยหรือไง?”

เอวาจ้องมองทราวิสกลับไป “สิ่งที่ฉันเข้าใจคือฉันดันไปอยู่ที่ผิดที่ผิดทางเองมากกว่า”

“เอวา…” เคทกำลังจะเปิดปากกล่าวบางสิ่งก่อนที่เอวาจะตัดบท

“ไม่ พวกมันตามแค่พวกคุณสามคน ไม่เกี่ยวกับฉัน ทุกคนในเมืองนี้รู้กันดีว่าพวกคุณไม่เคยคิดว่าฉันเป็นครอบครัวด้วยซ้ำ แล้วพวกมันจะไล่ล่าคนที่แม้แต่ครอบครัวยังไม่เคยสนว่าจะเป็นตายร้ายดีไปทำไม?”

คำพูดเมื่อครู่พัดพาความหนาวเหน็บมาปกคลุมทั่ว นี่ไม่ใช่เธออย่างเคย เธอเป็นอะไรเสียแล้ว?

เอวาพลันหันมาจ้องมองผม ดวงตาไร้แววแห่งอารมณ์ใด ๆ ราวกับว่าจิตใจเธอตายจนด้านชาไปแล้ว บางสิ่งในสายตาของเธอกวนใจผมอยู่ไม่น้อย ยอมรับเลยว่าไม่ชอบเลยกับสายตาแสนว่างเปล่าคู่นั้น

“ถ้าอยากเป็นห่วงใคร คนที่คุณควรยกความปลอดภัยของเธอมาเป็นอันดับต้น ๆ ก็ผู้หญิงข้าง ๆ ตัวคุณไง เจ้าหญิงแสนสวยของพ่อเพราะงั้นเลิกลากฉันเข้าไปวุ่นวายกับเรื่องไม่เป็นเรื่องที่เขาสร้างขึ้นเสียที” เอวาหยุดเพียงครู่ กวาดสายตามองทุกผู้ที่นั่งอยู่ตรงนี้

“เลิกแสร้งว่าเป็นห่วงกันเสียที ฉันไม่อยากได้ทั้งนั้น แล้วจะเป็นจะตายยังไงฉันก็จัดการเองได้ ยอมตายเสียยังจะดีกว่าที่จะขอความช่วยเหลือจากคนอย่างพวกคุณ” เธอเอ่ยประโยคเหล่านี้ด้วยน้ำเสียงรังเกียจ

ผู้เป็นแม่อ้าปากค้าง ทุกคนต่างตะลึงกับฉากตรงหน้า เราต่างก็จำหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าไม่ได้ ยิ่งเคทนั้น มีท่าทางเหมือนเอวาเพิ่งตบหน้าเธอเข้า

เอมม่าพลันลุกขึ้นพลางจ้องเอวาเขม็ง พยายามที่จะกดข่มเธอ หากเป็นอดีตเอวาคงจะยอมลงให้เป็นแน่ แต่ครั้งนี้ไม่เป็นเช่นเดิม

“เลิกเรียกร้องความสนใจเสียที ทุกอย่างมันก็ต้องเกี่ยวกับแกทั้งนั้นทำตัวเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน” ท่าทีเดือดจัดของเอมม่าทำให้เอวารู้สึกขบขันไม่น้อย

“ไม่รู้หรอกนะว่าตลอดหลายปีไปมุดหัวอยู่ที่รูไหนมานะคุณพี่สาว แต่ไม่เคยจะมีอะไรเกี่ยวกับฉันเลย มันเกี่ยวกับเธอมาตลอดนั่นแหละ ไม่ใช่แค่เรื่องที่เรากำลังพูดกันอยู่ตอนนี้ ตั้งแต่จำความได้ไม่มีใครในนี้เคยปกป้องฉันเลย แล้วทำไมอยู่ดี ๆ กลับมาเป็นห่วงเป็นใยกันเสียอย่างนั้น แสนจะจอมปลอมและฉันเองก็ไม่อยากคลุกคลีกับพวกจอมปลอมอีกแล้ว… ถ้าไม่ว่าอะไร ฉันขอตัวกลับบ้านก่อน”

เอวาหันหลังพร้อมแสดงท่าทีเมินเฉยต่อเอมม่ารวมถึงเราทุกคนราวกับว่าเป็นอากาศธาตุ ผมทำใจเชื่อไม่ลงเสียจริงว่าผู้หญิงคนนั้นจะเอ่ยคำเหล่านี้ออกมา เธอพูดราวกับว่าเราเป็นคนแปลกหน้า ไร้ค่าใด ๆ สำหรับเธอ

“โนอา” เสียงเรียกชื่อลูกชายดังขึ้น ไม่กี่วินาทีจากนั้นก็มีเสียงฝีเท้าแล่นตรงมา ลูกชายของผมก็ปรากฎเข้ามาในห้องนั่งเล่น

เด็กน้อยจ้องมองแม่ของตนด้วยสายตาตื่นตกใจ นั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เรื่องเพียงใด

“แม่ครับ แขนแม่ไปโดนอะไรมาหรือ?” เด็กชายโผเข้ากอดเธอพร้อมเอ่ยถาม

หญิงสาวโอบกอดลูกชายด้วยแขนเพียงหนึ่งข้าง “เปล่าจ้ะ ลูกรัก แม่ซุ่มซ่ามเดินชนประตู นี่ไงคุณหมอรักษาให้หายดีแล้วจ้ะ”

เธอลูบไล้แก้มของเด็กชายอย่างรักใคร่ ความหยาบกระด้างและเย็นชามลายสิ้นเมื่อเธอมองดูลูกชายของเรา

“เจ็บมากไหมครับ”

“นิดหน่อยจ้ะ แต่แม่ไม่เป็นไรแล้ว ถ้างั้นเรากำลังบ้านกันเลยไหม จะได้ไปหาไอศกรีมกินแล้วก็นอนกอดกันด้วย”

โนอาเผยรอยยิ้มกว้างแสนสดใสทันทีที่ได้ยินคำชักชวนของแม่

เอวาพยายามเดินเข้าไปคว้ากระเป๋าของลูกชาย แต่โนอาตัดหน้าเธอไปเสียก่อน

“ผมถือได้เองได้ครับ ผมโตเป็นหนุ่มแล้วนะเห็นไหม พอเราถึงบ้านผมจะดูแลแม่ แล้วก็จูบไล่ความเจ็บออกไปอย่างที่แม่เคยทำให้ผม”

รอยยิ้มของเอวาละลายความเย็นชาซึ่งปกคลุมใบหน้าเอาไว้ เราต่างประจักษ์ต่อความรักของแม่ลูกทั้งสอง สายตาของเราทุกคู่ไม่อาจละไปจากความรักของทั้งสองที่มีให้กันได้

“คุณป้าคนนี้เป็นพี่สาวแม่หรือครับ” โนอาแสดงความอยากรู้อยากเห็นเมื่อจ้องมองเอมม่า

“ไม่จ๊ะ แม่ไม่เคยมีพี่สาว” เธอเอ่ยตอบลูกชาย ถอนหายใจก่อนเสริมว่า “แม่ไม่มีครอบครัวด้วยเหมือนกัน”

ผมคิดว่าเธอไม่ตั้งใจให้เราได้ยินประโยคสุดท้ายแต่กลับได้ยินชัดถ้อยชัดคำ ผมสูดหายใจเย็นเยียบก่อนหันไปมองโนอาเพราะสงสัยว่าเจ้าตัวน้อยจะได้ยินสิ่งที่เอวาเอ่ยออกมาไหมแต่ดูเหมือนลูกชายไม่ได้ยินเพราะกำลังโบกมือให้ผมอยู่

“บายครับ พ่อ”

“บายครับ เด็กดื้อ” ผมบอกลาลูกชาย

เด็กน้อยบอกลาทุกคนตรงนั้น จากนั้นสองแม่ลูกจึงเดินออกไป

เราต่างตกอยู่ในภวังค์แห่งความเงียบงัน สายตาของผมยังจับจ้องไปที่ประตู ยังคงสับสนว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ท่าทีอันห่างเหินของหญิงสาวสั่นสะเทือนบางอย่างในใจผม ดึงรั้งบางอย่างที่ฝังลึกอยู่ข้างใน

ผมไม่เคยเห็นด้านนี้ของเอวามาก่อนเลย ด้านที่แปลกแตกต่างไปจากที่ผมรู้จักโดยสิ้นเชิงและผมไม่ชอบมันเอาเสียเลย
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (2)
goodnovel comment avatar
Sawarost Sontijai
สมน้ำหน้าโดนทำกลับซะบ้าง พอเอวาไม่สนใจ ก็พยายามเรียกร้องให้เอวาสนใจ แค่นี้ชีวิตน้องเอวายังไม่น่าสงสารมากพอหรือคะ ปล่อยน้องไปเถอะค่ะ
goodnovel comment avatar
เอกวิทย์ ศิริศักดิ์
เศร้าสะเทือนใจลึกซึ้งจริงห
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ธุลีใจ   บทที่ 7

    เอวาฉันลืมตาตื่นพร้อมความปวดร้าวบริเวณหลังและแขนแล่นผ่านไปทั่วร่าง โนอานอนหลับอยู่กับฉันเพราะเมื่อคืนหลังจากดูโทรทัศน์ด้วยกัน เจ้าตัวน้อยงอแงไม่ยอมไปนอนคนเดียว รอยยิ้มปรากฎบนใบหน้าทันทีที่ความทรงจำเมื่อคืนผุดขึ้น เด็กน้อยยืนยันว่าจะทำหน้าที่ดูแลฉันอย่างแข็งขันตลอดทั้งคืนขณะนี้ราวแปดโมงเช้าได้ อาหารเช้าควรพร้อมรับประทานก่อนลูกชายจะตื่นนอน ฉันก้าวลงจากเตียงโดยที่ไม่ปลุกเขาเข้าแม้ว่าจะลำบากเล็กน้อยก็ตาม หลังจากเสร็จกิจวัตรประจำวันยามเช้าเรียบร้อย ฉันจึงเดินลงไปด้านล่าง หยุดฝีเท้าก่อนจะก้าวเข้าห้องครัวพลางสงสัยกับตนเองว่าจะทำอาหารออกมาด้วยแขนเพียงข้างเดียวได้อย่างไรขณะที่เดินไปหยิบวัตถุดิบมาเตรียมทำแพนเค้ก ความทรงจำเมื่อวานพลันแล่นเข้ามาในห้วงความคิด ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นราวกับเป็นภาพลวงจนฉันสงสัยว่ามันเกิดขึ้นจริงหรือไม่ หากไม่มีผ้าพันแผลบริเวณไหล่กับแขนที่อยู่ในสายคล้องช่วยย้ำเตือนถึงความจริง ฉันคงคิดว่าเป็นเพียงฝันร้ายเท่านั้นเมื่อฉันตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาลหลังจากหมดสติไป ฉันก็ตื่นกลัวไม่น้อย บรรดาแพทย์และพยาบาลต่างพากันรีบเข้ามาสงบสติฉันและยืนยันว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี พยาบาลบอกฉัน

  • ธุลีใจ   บทที่ 8

    โรแวนผมเห็นจังหวะที่อารมณ์ของเอวาเปลี่ยนเป็นเฉยชา วินาทีที่แสงแห่งความอบอุ่นก่อนหน้าแปรเปลี่ยนเป็นความหนาวเหน็บทำให้ผมรู้สึกสะท้านถึงขั้วหัวใจ“คุณมาทำอะไรที่นี่?” น้ำเสียงของเธอปราศจากซึ่งอารมณ์ใด ขณะที่ผมฝืนแทรกตัวเข้าไปด้านในบ้านราวกับว่าเอวากำลังสนทนากับชายแปลกหน้าอยู่ ราวกับว่าผมเป็นแค่ฝุ่นผงไร้ค่าสำหรับเธอไปเสียแล้ว ผมจ้องมองใบหน้านั้นโดยอ่านสิ่งใดไม่ออก ผมอยู่กับผู้หญิงคนนี้มาเกือบสิบปีแต่ตอนนี้กลับหาคำดี ๆ เพียงสักคำพูดกับเธอยังไม่ได้ผมมองแขนของเธอที่ยังคล้องอยู่บนสายห้อย จุดประสงค์วันนี้คือมาตรวจดูอาการของเธอและรับโนอา เพราะนี่เป็นช่วงสุดสัปดาห์ซึ่งเป็นเวลาของผมกับลูกชายภาพของชายหนุ่มก่อนหน้าที่เห็นว่าเดินออกไปผุดขึ้นมา ผมก็คิ้วกระตุก ต้องเป็นชายคนนี้แน่ที่เอวามอบรอยยิ้มให้ เมื่อตระหนักได้ดังนี้ ผมอดไม่ได้ที่กัดฟันกรอด“ผู้ชายคนนั้นมาทำอะไรที่นี่?” ผมเอ่ยถามแทนที่จะตอบเธอพร้อมทั้งเก็บซ่อนอารมณ์เดือดดาลที่หาเหตุผลที่มาไม่ได้เอาไว้ผมรู้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและยังเป็นคนที่เข้ามาช่วยชีวิตเอวาเอาไว้ แต่เขาก็ล้ำเส้นเกินไป ผมไม่ชอบผู้ชายคนนั้นและไม่ต้องการใ

  • ธุลีใจ   บทที่ 9

    “แล้วคุณอยากให้ผมพูดอะไรละ? ในเมื่อผมไม่เคยหลอกลวงคุณเลย คุณเองก็รู้มาตลอดนี่ว่าผมรักเธอ” เอวาขว้างผ้าเช็ดจานด้วยความโกรธเกรี้ยว “รู้แบบนั้นแล้วก็กล้ามาแตะต้องร่างกายของฉันอีกหรือ? ให้ตายเถอะ ฉันโคตรจะเกลียดคุณเลย ไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าคุณมีดีอะไรฉันถึงได้หลงคุณนักหนา ไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าต้องมานั่งเสียเวลาชีวิตขนาดนี้ไปทำไมกัน”ผมกัดฟันกรอด แต่ละคำของเธอทวีความเดือดดาลของผมขึ้น แน่นอนเราทั้งสองหลับนอนด้วยกันช่วงแต่งงาน แต่นั่นเป็นความสุขและสนุกทางกายเท่านั้น ผมให้คำสัตย์สาบานไว้ตอนแต่งงาน แม้ว่าผมจะไม่ได้รักเธอแต่ผมก็ไม่ได้ผิดคำสัตย์สาบานด้วยการนอกใจเธอ“ผมไม่ได้มาคุยเรื่องอดีต ผมมาเพราะอยากคุยเรื่องโนอา” ผมพูดเปลี่ยนประเด็นเรื่องราวเริ่มเลยเถิดไปไกลแล้ว ผมจำเป็นต้องพูดประเด็นที่ผมเดินทางมาที่นี่ และรีบจากไปก่อนจะทำหรือพูดอะไรที่ผมต้องมานั่งเสียใจภายหลังชื่อของโนอาเสมือนเครื่องเตือนสติหญิงสาว ดังนั้นเอวาจึงไม่ตอบโต้กลับ เพียงเดินไปเปิดตู้และนำขวดยาออกมา เธอเปิดขวดยาด้วยมือเพียงข้างเดียวและกินยาเข้าไปสองเม็ดเมื่ออ่านฉลากยาผ่านสายตา ผมจึงตระหนักได้ว่านั่นคือยาบรรเทาอาการปวด“แขนคุ

  • ธุลีใจ   บทที่ 10

    เอวา“ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีครับแม่ว่าทำไมผมต้องไปด้วย อยู่กับแม่แบบนี้ไม่ได้หรือ?” โนอาบ่นอุบ ความบูดบึ้งปรากฎบนใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาเด็กน้อยไม่พอใจตั้งแต่วินาทีที่ฉันอธิบายกับลูกว่าต้องไปอยู่กับคุณปู่คุณย่าช่วงหนึ่งลูกชายกระโดดโลดเต้นในแวบแรก และกลายเป็นหน้าหงอยเมื่อพบว่าทั้งพ่อและแม่ตนไม่ได้ไปด้วยทางโรงเรียนของโนอาเข้าใจถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างดี แม้แต่คุณครูก็เข้าใจเช่นกัน ดังนั้นจึงตั้งใจส่งบทเรียนและการบ้านผ่านทางแม่เพื่อให้เด็กชายไม่ห่างหายการเรียนนานจนเกินไป “แม่บอกแล้วนี่ลูก นี่เป็นวันหยุดพักผ่อนแบบปู่ย่ายายหลานไง…ดังนั้น ก็ต้องมีแค่ลูก คุณปู่ คุณย่าแล้วก็คุณยายไปไงจ๊ะ”หลังจากพูดคุยกับกับหัวหน้าทีมคุ้มกัน ได้รับการยืนยันว่าทุกคนจะไปเก็บซ่อนตัวแถบเมืองชายทะเล“ลูกจะไปเที่ยวทะเลด้วยนะ ลูกขอให้พ่อกับแม่พาไปเที่ยวไม่ใช่เหรอ?” ฉันเสริมคำบรรยายด้วยรอยยิ้มแสนหยอกเย้าคำว่า ‘ทะเล’ สามารถล่อซื้อจิตใจเด็กชายได้โดยง่าย คำบ่นอุบต่าง ๆ นานาก่อนหน้าเงียบลงทันตาโนอานั้นชื่นชอบทะเลและมหาสมุทรเป็นชีวิตจิตใจ เด็กน้อยชอบทะเลมากเสียจนครั้งหนึ่งเคยร้องไห้งอแงทั้งอาทิตย์ หล

  • ธุลีใจ   บทที่ 11

    โรแวนก้าวเข้ามาประชิดร่างฉัน แววตาเขาแผดเผาและรูจมูกขยับอย่างโมโหจัด ฉันยังคงยืนกรานไม่ยอมให้เขามาข่มขู่ฉันได้“ผมไม่ไป ยกเลิกอูเบอร์แล้วก็ย้ายก้นไปขึ้นรถผมเดี๋ยวนี้” ชายหนุ่มกัดฟันกรอด ราวมีพายุพัดโหมในแววตามือของฉันกำแน่นเป็นสัญญาณแห่ความเดือดดาลที่กำลังปะทุ ยามปกติฉันคงยอมถอยเพราะไม่ต้องการยั่วโทสะเขา แต่ตอนนี้ฉันไม่สนแล้ว“เลิกมั่นหน้ามั่นใจสักที…คิดว่าใหญ่มาจากไหนมิทราบ? ฉันไม่ใช่ลูกหมาที่คุณจะมาชี้นิ้วออกคำสั่งได้นะ” ฉันเริ่มขึ้นเสียงเพราะเดือดจัดหลายปีที่ผ่านมาฉันยอมให้เขาบงการฉันมาตลอด หลายปีที่ผ่านมาฉันยอมเงียบปากเพียงเพื่อรักษาความสัมพันธ์อันดีที่คิดว่าเราทั้งสองมีต่อกัน กระนั้นฉันได้รับสิ่งใดตอบแทนมาเล่า? ความอดทนและอดกลั้นช่วยนำสิ่งใดมาบ้าง? ไม่มีเลยเว้นเพียงความทุกข์กายและทุกข์ใจ“เอวา…” โรแวนเรียกชื่อฉันเพื่อเตือนสติ“พ่อกับแม่ทะเลาะกันอีกแล้วหรือครับ?” น้ำเสียงเล็กของโนอาสลายบรรยากาศตึงเครียดตรงหน้าฉันหันไปเจอกับสายตาแสนเศร้าของเด็กน้อย ให้ตายสิ! ฉันไม่ต้องการให้โนอาเห็นเราทั้งสองเป็นเช่นนี้ ลูกไม่ควรเห็นเราทะเลาะกันตลอดเวลา“เปล่าจ้ะ เราไม่ได้ทะเลาะกัน เราแค่

  • ธุลีใจ   บทที่ 12

    “แม่คุณถามถึงคุณอยู่นะ พักหลังมานี้ได้คุยกับท่านบ้างหรือเปล่า?”ฉันส่งเสียงรำคาญใจ “คุณพูดมากไม่หยุดจนประสาทฉันเริ่มกินแล้วนะโรแวน ช่วยทำเหมือนฉันไร้ตัวตนต่อไปเหมือนที่เคยทำมาตลอดได้ไหม?”มือชายหนุ่มกำพวงมาลัยแน่น ฉันเห็นเขาขบกรามเขม็ง รู้สึกได้เลยว่าเขาหัวเสียไม่น้อย อาจเป็นเพราะฉันไม่ได้เป็นลูกไก่ในกำมือเขาแล้วก็เป็นได้ กระดานพลิกแล้วและเขาไม่ชอบเลยสักนิดฉันเคยทุ่มสุดตัวเพื่อให้ชายหนุ่มมีความสุข พยายามเป็นอย่างที่เขาต้องการ พยายามเป็นเช่นเอมม่า ทำทุกอย่างเพื่อให้กลายเป็นดั่งศรีภรรยาที่เขาหมายปอง ตอนนี้ฉันไม่สวมบทบาทนั้นแล้วและดูเหมือนเขาจะไม่พอใจกับการที่ฉันเลิกเป็นเบี้ยล่างอย่างมาก ฉันยกยิ้มการปั่นประสาทชายหนุ่มทำให้บางสิ่งในจิตใจบรรเทาลงได้นับจากนั้นตลอดการเดินทางก็เป็นไปอย่างเงียบเชียบ เราทั้งสองนั่งนิ่งในเบาะนั่งของตนขณะที่โนอาหัวเราะกับการ์ตูนอย่างมีความสุข หนึ่งชั่วโมงให้หลังเราจึงเดินทางถึงสนามบิน ฉันจูงมือโนอาเอาไว้และโรแวนก็ทำหน้าที่พนักงานขนกระเป๋า“ผมตื่นเต้นอยากเห็นทะเลจังครับ” โนอาเอ่ยพร้อมกระโดดโลดเต้นอย่างเริงร่า“ถ้างั้นก็ไปเลยไหม…พวกเราไม่ถ่วงเวลาลูกแล้ว” โรแ

  • ธุลีใจ   บทที่ 13

    หนึ่งสัปดาห์แล้วที่โนอาเดินทางไป ฉันรู้สึกเหมือนจับต้นชนปลายถูกเมื่อไร้ลูกชายอยู่ข้างกาย หนึ่งสัปดาห์คงเป็นช่วงเวลายาวนานที่สุดแล้วที่เราสองแม่ลูกห่างกัน ฉันไม่อายเลยหากบอกว่ารับมือได้ไม่ดีนักโนอาเป็นดั่งต้นไม้ใหญ่ หากปราศจากเขา ฉันก็ไร้สิ่งค้ำจุนจิตใจ ราวกับเรือลำน้อยไหลไปตามกระแสน้ำเมื่อขาดสมอ ทุกวันฉันเฝ้ารอรับสายจากลูกเพราะเป็นสิ่งเดียวที่สงบจิตใจฉันได้ โทรศัพท์พร้อมเสียงหวานใสของลูกทำให้ฉันไม่สติแตกการติดต่อจากโรแวนขาดหายไปนับตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ก่อนที่สนามบิน เศษเสี้ยวจิตใจฉันยังโหยหาเขาอยู่ แต่ฉันรู้ดีว่านี่เป็นทางออกที่ดีที่สุด ระหว่างเราไม่มีอนาคตใดและฉันคงทำใจใช้ชีวิตเคียงคู่กับชายที่ไม่มีใจให้ฉันไม่ได้ สรุปก็คือตอนนี้ทุกอย่างเงียบสงบ ไม่มีใครติดต่อมาเพื่อแจ้งข่าวสารใดกับฉันเลย เพราะก็ไม่มีเหตุยิงกันหรือว่าไม่ได้มีใครตายอีก ก็สบายใจได้เปราะหนึ่งว่ากลุ่มฆาตกรนั้นคงไปหลบซ่อนตัวแล้วทันใดนั้น ฉันเดินชนกับใครสักคนจนตื่นจากห้วงความคิด“ขอโทษด้วยค่ะ ฉันไม่ทันมองเห็นคุณ” ฉันกล่าวคำขอโทษออกไปพลางก้มเก็บหนังสือของตนที่หล่นเกลื่อนฉันเพิ่งเลิกงานและอยู่ในระหว่างทางกลับบ้าน วันน

  • ธุลีใจ   บทที่ 14

    เราทั้งสองยืนอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่ง ฉันยืนขยับเท้าไปมาอย่างทำตัวไม่ถูก อีธานจ้องมองฉันด้วยดวงตาสีฟ้าสดใสราวกับว่าจะมองทะลุไปถึงจิตวิญญาณก็มิปาน ฉันจึงหลบเลี่ยงสายตาจับจ้องคู่นั้น“อีธาน” เสียงเรียกของบางคนดังขึ้น ฉันจึงหันไปตามทิศทางนั้น พบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกคนกำลังกวักมือเรียกอยู่“กำลังไป” อีธานตะโกนตอบรับ จากนั้นหันกลับมาหา “ดีใจที่ได้เจอกันอีกนะครับคนสวย คงจะได้เจอกันอีกใช่ไหม?“ค่ะ” ฉันตอบด้วยเสียงแผ่วเบาจากนั้นชายหนุ่มจึงโอบกอดฉันโดยไม่ทันให้ได้ตั้งตัวก่อนเดินจากไป ฉันยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นได้แต่คิดว่าเมื่อครู่คืออะไรกันแน่ฉันใช้เวลาสักครู่หนึ่งดึงสติกลับมาและเริ่มก้าวเดินต่อไปพลางคิดว่าจำเป็นต้องซื้อของใช้เสียหน่อย ฉันจึงตัดสินใจเดินไปยังร้านขายของเพราะไม่ได้ห่างจากโรงเรียนมากนักตอนนี้ฉันไม่ได้ใช้ผ้าคล้องแขนเล้วแม้ว่าแขนข้างที่ได้รับบาดเจ็บจะรู้สึกเจ็บหรือปวดอยู่บ้าง แต่แขนก็ยังใช้งานได้ปกติ สิ่งของที่จำเป็นต้องซื้อแล่นเข้ามาในความคิดรวมถึงปฏิสัมพันธ์ระหว่างฉันกับอีธานวิธีที่เขาปฏิบัติต่อฉันช่างแตกต่างกับโรแวนอย่างที่ฉันไม่รู้จะบอกว่าอย่างไร ไม่เคยมีใครเอ่ยชมว่าฉันสวยสัก

Latest chapter

  • ธุลีใจ   บทที่ 539

    ฉันหยุดหายใจเเพราะความตกใจ และผละออกจากเขา ในขณะที่ร่างเล็ก ๆ กระโดดขึ้นมาบนตัวเรา"สุขสันต์วันคริสต์มาส!" เขาตะโกนอย่างมีความสุขด้วยเสียงร้องเพลง“หัวจะปวด” ทั้งกาเบรียลและฉันครางอย่างหงุดหงิดจะมาช้ากว่านี้สักชั่วโมงไม่ได้หรืออย่างไร? ถ้ามีใครสักคนในครอบครัวนี้ที่ชอบขัดจังหวะเรา มันก็ต้องเป็นลูกคนที่สอง แอนดรูว์ คนนี้แน่นอน เราเรียกเขาว่าดรูว์เขาอาจจะไม่รู้ว่าเขาเป็นตัวขัดจังหวะแค่ไหน แต่ก็ไม่สำคัญยังไงเขาก็ทำอยู่ดี"ตื่นครับ! ตื่น!" เขาตะโกนเสียงดัง จนชั่วขณะหนึ่งฉันไม่ได้ยินอะไรเลย นอกจากเสียงก้องของเจ้าลูกชาย"ไม่ต้องตะโกนก็ได้ ดรูว์" เกเบรียลบ่น "พ่อแม่ได้ยินชัดเจนโดยที่หนูไม่ต้องทำให้แก้วหูพ่อแม่แตกก็ได้"ดูเหมือนดรูว์จะไม่ฟังเลย เขาเด้งขึ้นเด้งลงบนเตียง มีความสุขแผ่ซ่านออกมาจากตัวเขาเกเบรียลขยับตัวใต้ผ้าห่ม คงพยายามขยับทุกอย่างให้เข้าที ฉันขยับร่างกายขึ้นและพิงหัวเตียง ก่อนจะคว้าลูกชายที่กระตือรือร้นและอยู่ไม่นิ่งมา สิ่งสุดท้ายที่เราต้องการคือเขาทำร้ายพ่อของเขาด้วยการเผลอเหยียบเข้ากลางตัวเขาหรืออะไรทำนองนั้น"หนูพยายามห้ามเลียมแล้วนะคะ แต่แม่ก็รู้ว่าเขาเป็นยังไงเวลาต

  • ธุลีใจ   บทที่ 538

    ฮาร์เปอร์ฉันกำลังล่องลอยอยู่บนปุยเมฆสีขาวนุ่มฟูแห่งการนอนหลับ ฉันรู้สึกอบอุ่น รู้สึกสงบ และรู้สึกได้รับความรักฉันเริ่มรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาทีละน้อย เกเบรียลนอนอยู่ข้างหลังฉัน แขนโอบกอดฉันไว้ เขาทำแบบนี้ทุกครั้งที่เรานอนหลับด้วยกัน เขากอดฉันไว้แน่นในอ้อมแขน ราวกับว่าเขากลัวว่าฉันจะหายไปหากไม่ทำเช่นนี้ฉันขยับตัวเล็กน้อยเพื่อหลุดออกจากอ้อมแขนของสามี ทว่าแทนที่จะปล่อยฉันไป เขากลับกระชับมือแน่นขึ้น ซึ่งดันฉันเข้าไปแนบชิดมากขึ้นฉันหยุดขยับเมื่อรู้สึกถึงเขา ฉันรู้สึกถึง น้องน้อยที่ตื่นมาเคารพธงชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา ฮอร์โมนของฉันพลุ่งพล่าน และฉันก็ต้องการเขาขึ้นมาทันที ฉันอยากให้เขาสอดแทรกเข้ามาในร่างนี้เรื่องบนเตียงของเราสองช่างสมบูรณ์ แต่ก็มีบางครั้งที่ต้องการมากกว่านี้ อาจเพราะมีลูกด้วยกันถึงสามคนแล้ว บางเวลามันก็ยากที่จะมีเวลาส่วนตัวที่ไม่ถูกรบกวนได้"อืม" เกเบรียลร้องครางเมื่อฉันถูบั้นท้ายกับเป้าของเขาเสียงนั้นเดินทางลงไปจนถึงจุดนั้นของฉัน ฉันถูอีกครั้ง กระตุ้นเสียงครางแสนเร้าอารมณ์จากเขาอีกเกเบรียลเริ่มประทับจูบตามหลัง ไหล่ และคอ มันผ่านมาสองสามวันแล้ว และฉันก็โหยหาเขา

  • ธุลีใจ   บทที่ 537

    "ใช่เลยครับ" เขาตอบรับรอยยิ้มของฉัน ขณะที่คิลเลียนเดินเข้ามาหาเรา"ผมมาขโมยภรรยาแสนสวยของผมคืนแล้วครับ" เสียงเขาแหบพร่า และฉันอดไม่ได้ที่จะละลายไปกับโทนเสียงนั้น มันเซ็กซี่สุด ๆ ไปเลย“เธอเป็นของคุณแล้วนะ” คาลวินปล่อยมือจากฉันและหลีกทาง ก่อนจะเดินจากไปคิลเลียนดึงฉันเข้าไปในอ้อมกอดเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีช่องว่างระหว่างเรา "เป็นยังไงบ้าง? ปวดหลังหรือเปล่า? ขาเป็นยังไง?"เห็นไหม ฉันบอกแล้วไง เขาเป็นเสือร้ายในคราบทนายความ แต่ดูแลเอาใจใส่และรักใคร่ในฐานะคู่ครอง ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันมีสเปคแบบไหน จนกระทั่งฉันได้พบเขา"สบายดีค่ะ ที่รัก ไม่ต้องเป็นห่วงขนาดนั้นก็ได้" ฉันหัวเราะเบา ๆ ดันตัวเองเข้าไปใกล้เขามากขึ้น"ผมเคยบอกว่าผมรักคุณแล้วหรือยัง?" เขาถามฉันอดไม่ได้ที่จะยิ้มขณะที่เขย่งปลายเท้าและกระซิบชิดริมฝีปากของเขา "ประมาณพันครั้งแล้วค่ะวันนี้ แต่ฉันไม่ได้บ่นอะไรนะ""คุณคือสิ่งที่ดีที่สุดที่เคยเกิดขึ้นกับผมเลยนะครับ เอมม่า ผมนึกไม่ออกเลยว่าชีวิตผมจะเป็นยังไงหากไม่มีคุณ ผมรู้ว่าเราได้กล่าวคำสาบานกันไปแล้ว แต่ผมสัญญาว่าจะรักและทะนุถนอมคุณเสมอ เพราะคุณคือของขวัญที่เบื้องบนประทานมา ผมสัญญา

  • ธุลีใจ   บทที่ 536

    มอลลี่เป็นหนึ่งในเพื่อนเจ้าสาว เช่นเดียวกับเอวา คอนนี่ เล็ตตี้ ฮาร์เปอร์ และคินลีย์ พวกเธอเป็นเพื่อนสาวกันมาสี่ปีแล้วตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุวันนั้น แน่นอนว่าฉันไม่มีวันหาใครมาแทนมอลลี่ได้ เธอเป็นเพื่อนสนิทที่สุด แต่ฉันก็รู้สึกขอบคุณที่มีพวกเธออยู่เช่นกันอีกอย่างเมื่อวานนี้มอลลี่บอกฉันว่าเธอกำลังคิดจะย้ายมาอยู่ที่นี่ ฉันตื่นเต้นมาก ฉันรักเธอ แต่เรายอมรับว่าเป็นเพื่อนระยะไกลกันมันรักษาความสัมพันธ์กันได้ยาก ฉันมีความสุขมากที่เธอจะย้ายมาอยู่ใกล้ ๆเสียงเพลงช้าลง และกันเนอร์ก็เดินเข้ามา ตัดบทสนทนาทั้งหมด“เต้นรำกันหน่อยไหมครับ แม่?”มีเสียง ว้าว ดังขึ้นเป็นระลอก และฉันสาบานได้ว่าหัวใจฉันละลายไปตรงนั้นเลย"แน่นอนสิจ๊ะ สุดหล่อของแม่" ฉันตอบก่อนจะจับมือเขาตอนนี้กันเนอร์อายุสิบสี่ เป็นวัยรุ่นแล้วเชื่อไหมล่ะ? เขาสูงเท่าฉันแล้ว และฉันมั่นใจว่าอีกไม่กี่ปีเขาจะสูงกว่าฉัน ฉันไม่ว่าอะไรหรอก เขาก็จะเป็นลูกชายตัวน้อยของฉันเสมอคาลวินและฉันตัดสินใจส่งเขาไปเข้ารับการบำบัดทันทีที่ฉันออกจากโรงพยาบาล เราเข้าร่วมการบำบัดร่วมกันบ้าง และพูดคุยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเรา และเกี่ยวกับวันที่เกิดอุบัติเหตุ

  • ธุลีใจ   บทที่ 535

    เอมม่าฉันเต้นรำกับมอลลี่ ปล่อยให้เสียงเพลงโอบล้อมตัวไว้ ฉันรู้สึกปวดหลังเล็กน้อยแต่ก็ไม่สำคัญอะไรเลยเมื่อฉันมีความสุขสุด ๆ แบบนี้ชุดเดรสสะบัดไปมาขณะที่เราตะโกนเนื้อเพลง หน้าร้อนแสนสาหัส ของเทย์เลอร์ สวิฟต์ออกมาสุดเสียง เอวาที่กำลังตั้งครรภ์ท้องแก่ก็เข้าร่วมกับเราด้วย ฉันหัวเราะเพราะเธอคิดว่าเธอกำลังเต้นอยู่เลยแต่เปล่าเลย ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเรียกสิ่งที่เธอกำลังทำว่าอะไรดีจำนวนครั้งที่ฉันเรียกว่าตนเองมีความสุขนั้นสามารถนับนิ้วได้เลย หนึ่งคือตอนที่ฉันสอบเนติบัณฑิตได้ สองคือตอนที่กันเนอร์เรียกฉันว่าแม่เป็นครั้งแรกหลังจากผ่านมานาน และสามคือวันนี้ งานแต่งของฉันคุณได้ยินไม่ผิดหรอกค่ะ ฉันแต่งงานแล้วและฉันมีความสุขอย่างที่สุดจำทนายหนุ่มน่ารักที่ฉันเล่าให้เอวาฟังในวันเกิดของเจมส์ได้ไหมคะ? จะว่าอย่างไรดี เขาไม่เคยละความพยายามเลยค่ะ ไม่ว่าฉันจะปฏิเสธเขากี่ครั้งก็ตาม เขาขอฉันคบหาอยู่เรื่อย ๆ และที่ฉันบอกว่าเรื่อย ๆ ก็คือเขาขอเกือบทุกวัน ฉันเบื่อที่จะได้ยินคำถามเดิม ๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนวันหนึ่งฉันก็ตอบตกลง ปรากฏว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดในชีวิตนี้เลยฉันชะลอฝีเท้าลง ดวงตามองหาเจ้าบ

  • ธุลีใจ   บทที่ 534

    กันเนอร์มีน้องชายแล้ว งงกันอยู่ใช่ไหมคะ? เพราะเมื่อกี้ฉันกับเอวากำลังคุยเรื่องแฟนกันอยู่เลย เชสไม่ใช่ลูกชายของฉันค่ะ เขาเป็นลูกชายตัวน้อยของคาลวินและคินลีย์ พวกเขาแต่งงานกันเมื่อปีที่แล้วแล้วมีเชสตัวน้อยน่ารักคนนี้เป็นลูกน้อยคาลวินและฉันสนิทกันมากขึ้นตั้งแต่อุบัติเหตุ เหมือนกับกันเนอร์ เขายกโทษให้ฉัน และพวกเราก็สามารถสร้างมิตรภาพที่สวยงามได้คินลีย์เป็นผู้หญิงที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ เธอเข้ากับพวกเราทุกคนได้ เธอใจดีและน่ารัก และที่สำคัญที่สุด เธอทำให้คาลวินมีความสุขและปฏิบัติต่อกันเนอร์เหมือนลูกชายของเธอเอง"ไม่จ้ะ ไม่เคยเกินจริงเลย" เอวาแก้ตัว "น้าแค่อยากให้แม่หนูเล่าเรื่องทนายความน่ารักที่ที่ทำงานให้ฟังมากกว่านี้""ผมขอจบตรงนี้นะครับ ไปดีกว่า" เขาพูด ดูเหมือนจะขยะแขยงเล็กน้อย "แม่ดูน้องได้ใช่ไหมครับ หรือผมควรจะพาน้องไปด้วย?"“แม่สบายมากจ้ะ…ไปเล่นกับเพื่อน ๆ เถอะ”เขาพยักหน้าก่อนที่จะวิ่งไปหาโนอาและคนอื่น ๆ คาลวินใจดีพอที่จะแก้ไขข้อตกลงเรื่องการดูแลบุตร ตอนนี้พวกเราดูแลกันเนอร์ร่วมกัน ลูกอยู่กับคาลวินวันธรรมดาและใช้วันหยุดสุดสัปดาห์กับฉัน"เอาล่ะ กลับมาเรื่องผู้ชายน่ารักคนนั้นก่อนนะ

  • ธุลีใจ   บทที่ 533

    สามปีต่อมาเอมม่า"จริงจังนะ เอมม่า เมื่อไหร่เธอจะหาแฟนสักที?" เอวาเอ่ยถามพร้อมนั่งลงข้าง ๆ ฉันฉันมองออกไปที่สวนหลังบ้านและยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้ วันนี้เป็นวันเกิดของเจมส์ลูกชายของทราวิสและเล็ตตี้ ซึ่งตั้งชื่อตามพ่อของพวกเราและเจมส์กำลังจะอายุครบหนึ่งขวบเล็ตตี้และทราวิสแต่งงานกันเมื่อประมาณสองปีที่แล้ว ทราวิสคุกเข่าขอเธอแต่งงานทันทีที่ฉันได้สติขึ้นหลังจากอุบัติเหตุที่เกือบจะพรากชีวิตฉันไป คุณอาจจะสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนขับรถคนนั้น เขาถูกจำคุกห้าปีในข้อหาขับรถโดยประมาท ฉันหวังว่าเขาจะได้รับบทเรียนนะกลับมาที่ทราวิสและเล็ตตี้ ฉันคิดว่าการเห็นฉันอยู่ในโรงพยาบาลทำให้เขารู้ว่าชีวิตสั้นแค่ไหน เขาขอเธอแต่งงานและเล็ตตี้ก็ตอบตกลง พวกเขาแต่งงานกันซึ่งเป็นงานแต่งงานฤดูใบไม้ผลิที่สวยงามตอนนี้ัฉันได้กลายเป็นเพื่อนกับเอวาก็เลยถูกดึงเข้ามาในวงจรนี้ด้วย คอนนี่และรีเปอร์แต่งงานกันแบบงานแต่งงานเล็ก ๆ ที่เป็นกันเองกับเพื่อนสนิทและครอบครัว สี่เดือนต่อมาทั้งสองก็อ้าแขนรับลูกสาวของพวกเขา เฮเวน ตอนนี้คอนนี่ก็กำลังตั้งครรภ์ลูกคนที่สองซึ่งเป็นลูกสาวอีกคนฮาร์เปอร์และเกเบรียลก็กำลังจะมีลูกด้วยกันอีก

  • ธุลีใจ   บทที่ 532

    "ไม่ไหวแล้ว! ฉันต้องเบ่งเดี๋ยวนี้" ฉันคำรามพร้อมจับเสื้อเกเบรียลไว้ฉันรู้สึกบ้าไปแล้ว เหมือนฉันเสียสติไปแล้ว ความเจ็บปวดกำลังทำให้ฉันบ้าไปแล้วจริง ๆโชคดีที่พวกเราไปถึงห้องคลอดก่อนที่ฉันจะคลอดลูกตรงทางเดินของโรงพยาบาล ฉันถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเดินไปถึงห้องคลอด และเจ้าหน้าที่ก็เริ่มเตรียมพร้อมให้ฉันเอวาอยู่ในห้องเรียบร้อย ฉันรู้สึกขอบคุณที่มีคนเข้าใจความรู้สึกตอนที่ช่องคลอดฉีกออกเป็นสองส่วนเพื่อให้เด็กตัวน้อย ๆ ออกมาดูโลก"ฉันไม่ไหวแล้ว" ฉันกัดฟันพูด ก่อนที่จะยกตัวขึ้นและเบ่งสุดแรงฉันสาบานว่าฉันรู้สึกเหมือนก้นจะแตกและมันก็เพิ่มความเจ็บปวดให้ฉันมากขึ้น"ความผิดคุณเลย!" ฉันกรีดร้องใส่เกเบรียลขณะที่จับมือเขาไว้แน่นฉันจ้องเขม็งไปที่เขา ลมหายใจถี่กระชั้น และรูจมูกบานออกเพื่อพยายามสูดอากาศเข้าไปในปอดให้ได้มากที่สุด"เตรียมนะ เธอ เบ่งเลย" เอวาเร่งเร้าฉันขณะที่เช็ดเหงื่อออกจากหน้าผากให้ฉัน "เกเบรียลไม่สำคัญแล้วตอนนี้""อ้าว ใจร้ายนะ เอวา" เกเบรียลพึมพำพร้อมจ้องเขม็งไปยังเอวา เธอจ้องเขม็งกลับราวกับจะบอกให้เขาหุบปากและทำตามน้ำไปฉันบีบมือพวกเขาเมื่อมดลูกหดตัวอีกครั้ง และฉันก็ออ

  • ธุลีใจ   บทที่ 531

    "สบายมากจ้ะ หมีน้อยลิลลี่ แม่กำลังจะคลอดลูก... จำที่แม่บอกหนูได้ไหมว่าอะไรจะเกิดขึ้นตอนถึงเวลาแบบนี้?"เธอพยักหน้า "ค่ะ แม่บอกว่าแม่จะเจ็บท้อง แต่หนูไม่ต้องห่วง เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้น้องเกิดมาค่ะ""ดีมากจ้ะ" ฉันเบ้หน้าเมื่อการหดเกร็งตัวจู่โจมฉันอีกครั้ง "นั่นคือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้ ดังนั้นอย่ากลัวไปนะจ๊ะ"เกเบรียลจับมือและช่วยให้ฉันเดินออกจากห้อง ฉันหายใจเข้าทางจมูกและหายใจออกทางปาก แต่พูดตามตรงมันไม่ได้ช่วยอะไรเลย"หนูแค่ไม่เข้าใจน่ะค่ะ ทำไมแม่ต้องเจ็บด้วย? ทำไมเด็กถึงออกมาจากท้องแม่ไม่ได้โดยไม่ทำให้แม่เจ็บล่ะคะ?"สิ่งที่ฉันไม่ต้องการที่สุดคือทำให้ลูกสาวหวาดกลัวโดยต้องอธิบายให้เธอฟังว่าความเจ็บปวดนั้นจำเป็นสำหรับการออกแรงเบ่งเด็กออกมาจากร่างกายฉัน เธอจะอยากรู้ว่าทำไมต้องเบ่งลูกออกมาด้วย และฉันจะต้องอธิบายว่าเพราะลูกตัวใหญ่และทางออกเล็กกว่า ดังนั้นการหดเกร็งตัวเหล่านั้นจึงจำเป็นสำหรับการเบ่งลูกออกมา จากนั้นเธอจะอยากรู้ว่าทางออกนั้นคืออะไร และฉันจะต้องบอกเธอว่าลูกออกมาทางนั้นอย่างไรเล่าอย่างที่คุณเห็น นั่นไม่ใช่บทสนทนาที่เธอเตรียมใจรับได้นัก เธอจะตกใจกลัวเมื่อรู้ว

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status