Share

บทที่ 7

เอวา

ฉันลืมตาตื่นพร้อมความปวดร้าวบริเวณหลังและแขนแล่นผ่านไปทั่วร่าง โนอานอนหลับอยู่กับฉันเพราะเมื่อคืนหลังจากดูโทรทัศน์ด้วยกัน เจ้าตัวน้อยงอแงไม่ยอมไปนอนคนเดียว รอยยิ้มปรากฎบนใบหน้าทันทีที่ความทรงจำเมื่อคืนผุดขึ้น เด็กน้อยยืนยันว่าจะทำหน้าที่ดูแลฉันอย่างแข็งขันตลอดทั้งคืน

ขณะนี้ราวแปดโมงเช้าได้ อาหารเช้าควรพร้อมรับประทานก่อนลูกชายจะตื่นนอน ฉันก้าวลงจากเตียงโดยที่ไม่ปลุกเขาเข้าแม้ว่าจะลำบากเล็กน้อยก็ตาม

หลังจากเสร็จกิจวัตรประจำวันยามเช้าเรียบร้อย ฉันจึงเดินลงไปด้านล่าง หยุดฝีเท้าก่อนจะก้าวเข้าห้องครัวพลางสงสัยกับตนเองว่าจะทำอาหารออกมาด้วยแขนเพียงข้างเดียวได้อย่างไร

ขณะที่เดินไปหยิบวัตถุดิบมาเตรียมทำแพนเค้ก ความทรงจำเมื่อวานพลันแล่นเข้ามาในห้วงความคิด ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นราวกับเป็นภาพลวงจนฉันสงสัยว่ามันเกิดขึ้นจริงหรือไม่ หากไม่มีผ้าพันแผลบริเวณไหล่กับแขนที่อยู่ในสายคล้องช่วยย้ำเตือนถึงความจริง ฉันคงคิดว่าเป็นเพียงฝันร้ายเท่านั้น

เมื่อฉันตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาลหลังจากหมดสติไป ฉันก็ตื่นกลัวไม่น้อย บรรดาแพทย์และพยาบาลต่างพากันรีบเข้ามาสงบสติฉันและยืนยันว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี พยาบาลบอกฉันว่ากระสุนฝังอยู่บนไหล่แต่ก็ไม่ได้ร้ายแรงจนถึงชีวิต นับได้ว่าเป็นโชคดีของฉันเพราะหากกระสุนเปลี่ยนวิถีลงไปเพียงนิด คงฝังลงหัวใจฉันแทน

ทีมแพทย์นำกระสุนที่ฝังออก ทำความสะอาดรวมถึงเย็บบาดแผลให้ จากนั้นก็ให้ฉันใส่ห้วงคล้องคอนี้เอาไว้พร้อมทั้งจัดยาฆ่าเชื้อและยาบรรเทาอาการปวดมาให้ อีกทั้งยังกำชับอีกว่าให้ฉันใส่ผ้าคล้องยกแขนไว้แบบนี้จนกว่าจะถึงนัดพบหมอครั้งหน้า

ขณะทำแพนเค้กเป็นอาหารเช้า ความคิดพลันแล่นไปถึงชายคนหนึ่งที่เข้ามาช่วยชีวิตฉันเอาไว้ ฉันตั้งใจว่าจะหาว่าเขาคนนั้นเป็นใครจะได้เอ่ยคำขอบคุณได้ ขณะที่ครอบครัวตัวเองยังไม่รู้เลยว่าฉันเป็นตายร้ายดีอย่างไร แต่เขากลับเป็นเพียงคนเดียวที่เข้ามาช่วยชีวิตฉัน

ภวังค์แห่งความคิดถูกขัดจังหวะด้วยเสียงเคาะประตู ใครกันที่มาตั้งแต่เช้าตรู่เช่นนี้

ฉันได้แต่สงสัยว่าคงไม่ใช่ใครที่ฉันอยากเจอหน้าตอนนี้แน่ เหตุร้ายเมื่อวานทำเอาความรู้สึกที่มีต่อคนที่เคยเรียกได้ว่าเป็นครอบครัวเดียวกันดิ่งลงเหวไปเลย

ฉันเดินตรงไปหน้าบ้าน เมื่อประตูเปิดออกช้า ๆ ฉันรู้สึกประหลาดใจที่เห็นชายหนุ่มที่ช่วยชีวิตฉันเมื่อวานยืนอยู่หน้าประตู ฉันสะดุดตากับดวงตาสีฟ้าคู่นั้น ช่างเป็นสีฟ้าสดใสที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา

เมื่อวานนี้ฉันไม่ทันได้สังเกตเรื่องนี้ อาจเป็นเพราะฉันทั้งบาดเจ็บและตื่นตระหนก แต่เขาเป็นคนหน้าดีไม่เบา ส่วนสูงราวหนึ่งร้อยแปดสิบเซ็นติเมตรเห็นจะได้ มีกล้ามแต่ไม่ถึงกับล่ำแบบนักเพาะกาย พร้อมสันกรามคมกริบ เส้นผมสีน้ำตาลเข้มไม่เป็นทรงเย้ายวนไม่น้อย รวมถึงท่าทางที่เต็มไปด้วยความมั่นใจนั้นช่างดึงดูดใจ

“สวัสดีค่ะ” ฉันเปล่งเสียงแหบแห้งราวกับคนสูบบุหรี่ออกไป

เขายิ้มให้ ฉันนั้นราวกับต้องมนต์สะกด “สวัสดีครับ ขอเข้าไปได้ไหม?”

“อ๋อ ได้ค่ะ” ฉันเอ่ยตอบพลางเบี่ยงตัวหลบ

ชายหนุ่มเดินเข้ามาด้านในก่อนฉันปิดประตู ฉันมองเขาสำรวจบ้านของฉันอยู่

“บ้านสวยดีนะครับ” คำกล่าวเสียงทุ้มนุ่มดังขึ้น

“ขอบคุณค่ะ” ฉันตอบกลับ “คือว่าฉันทำแพนเค้กเป็นมื้อเช้า สนใจรับสักหน่อยไหมคะ?”

ชายหนุ่มพยักหน้ารับ ฉันจึงเดินนำเขาไปยังห้องครัว แต่ก่อนจะได้กลับไปทำมื้อเช้าต่อ เขาก็หยุดฉันไว้และทำให้ฉันต้องหันไปมอง

“ขออนุญาตแนะนำตัวอย่างเป็นทางการนะครับ ผม อีธาน ครับ” เขาจับมือฉันอย่างสุภาพก่อนพลิกมือแล้วประทับจูบลงไป

เหตุผลกลใดไม่ทราบได้ สีแดงระเรื่อปรากฎบนดวงแก้ม ฉันไม่คุ้นชินความรู้สึกและเสน่ห์ของชายหนุ่มเช่นนี้ เพราะมักจะเป็นคนที่ถูกมองข้ามเสมอมา ขึ้นชื่อว่าเป็นน้องสาวน่าเบื่อและไร้เสน่ห์

“ฉัน…เอวาค่ะ” ฉันเปล่งเสียงออกอย่างตะกุกตะกัก

“ผมรู้อยู่แล้วครับ คนสวย” เขาขยิบตา จากนั้นชายหนุ่มจึงเดินกลับไปนั่งตรงโต๊ะรับประทานอาหาร

ฉันหัวเราะเก้อ ๆ เพื่อกลบเกลื่อนท่าทีทำตัวไม่ถูก ความเป็นชายของเขาไหลทะลักล้นออกมาแถมยังพุ่งเป้ามาที่ฉัน ฉันไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อนจึงกระอักกระอ่วนใจไม่น้อย

“คุณอีธาน ไม่มีนามสกุล… คุณไปทำอะไรที่งานศพพ่อฉันหรือคะ?” ฉันถามเปิดประเด็นก่อนวางแก้วกาแฟและตามด้วยแพนเค้ก

ฉันถือกาแฟและแพนเค้กส่วนของตนก่อนเดินไปนั่งข้างชายหนุ่ม เขาเผยเสียงหัวเราะเบา ๆ ขณะที่สายตามองมาที่ฉัน

“ก่อนหน้านี้มีการรับแจ้งเหตุข่มขู่เข้ามา และมีการรับแจ้งอีกว่าพ่อของคุณถูกฆ่าตายเพราะเหตุนั้น ผู้กำกับอยากให้พวกเราดูลาดเลาที่งานศพหน่อยน่ะครับ เผื่อว่าคนร้ายกลุ่มเดิมจะวนกลับมาทำร้ายคนในครอบครัวเหยื่ออีก” เขาอธิบายก่อนจะหยิบแพนเค้กเข้าปาก

“ถ้างั้น คุณก็เป็นตำรวจน่ะสิคะ? ฉันรู้จักตำรวจเกือบทุกคน แต่ไม่ยักเคยเห็นคุณมาก่อน”

“ครับ ผมเป็นตำรวจ… ผมเพิ่งย้ายมาประจำการที่นี่ได้ประมาณสองสามเดือน งานก็เยอะจนไม่มีเวลาออกไปสังสรรค์ข้างนอกเลย” เขาตอบกลับหลังกลืนแพนเค้ก

รอยยิ้มของฉันส่งไปหาเขา “งั้นคุณจะถือว่าฉันเป็นเพื่อนก็ได้นะคะ…ความจริงแล้วเช้านี้ฉันกำลังคิดอยู่เลยว่าจะตามหาคุณยังไงดี”

“ตามหาทำไมเหรอครับ?”

“ก็เพื่อขอบคุณเรื่องที่คุณช่วยชีวิตฉันไงล่ะคะ ถึงฉันจะจำอะไรไม่ได้มากนัก แต่อย่างน้อยก็จำได้ว่าคุณช่วยกดแผลห้ามเลือดให้ฉัน แล้วก็ตะโกนเรียกรถพยาบาล”

ท่าทีร้อนใจพุ่งตัวรีบมาช่วยฉันยังตราตรึงอยู่ในความทรงจำเช่นกัน เมื่อลองนึกดูให้ดีหากตอนนั้นอีธานไม่ได้ผลักฉันให้พ้นทาง กระสุนคงทะลุหัวใจฉันไปแล้ว ดังนั้นฉันจึงติดหนี้บุญคุณชายคนนี้

“ผมแค่ทำตามหน้าที่ครับ อีกอย่างคงไม่บ่อยหรอกนะครับที่จะได้มีผู้หญิงแสนสวยอยู่ในอ้อมแขน ถึงแม้ว่าเธอจะสลบไปเพราะกลัวเลือดตัวเอง” การหยอกล้อของชายหนุ่มเรียกรอยยิ้มของฉันได้

แก้มทั้งสองของฉันร้อนผ่าว ฉันหัวเราะเพื่อกลบเกลื่อนความเขินอาย จากบุคลิกของเขาบอกได้ว่าเขาเป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์ซึ่งเห็นได้ชัดจากรอยยิ้มและการเล่นหูเล่นตาของเขา ฉันรู้สึกได้ถึงความสดใสจากชายหนุ่ม แน่นอนว่าเป็นสิ่งที่ฉันไม่เคยได้สัมผัสมานานแล้วในชีวิต

“แล้วลมอะไรหอบคุณมาหาฉันถึงบ้านได้คะ อีกอย่างคุณรู้ไงว่าฉันอยู่ไหน?”

“ผมเป็นตำรวจนะครับจำได้ไหม? แค่หาที่อยู่ก็เรื่องหมู ๆ ส่วนทำไมผมถึงมาหาก็เพราะอยากรู้ว่าคุณไม่เป็นไรแล้วก็เท่านั้นครับ เมื่อวานนี้ผมอยู่ดูอาการคุณไม่ได้เพราะโดนเรียกตัวกลับไปรายงานสถานการณ์ พอกลับไป คุณก็ออกจากโรงพยาบาลไปแล้ว ถ้ารีบร้อนมาหาคุณตอนกลางดึกก็คงไม่เหมาะเท่าไร”

พูดตามตรงว่าฉันอดอึ้งไม่ได้ ชายแปลกหน้าคนนี้ยังมีไมตรีจิตและห่วงใยฉันมากกว่าพวกคนรอบตัวที่รู้จักฉันมาทั้งชีวิตเสียอีก แต่ขอละเว้นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอย่างโนอาเอาไว้หนึ่งคน ฉันไม่รู้จะรับมืออย่างไรเพราะว่าไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน

“ขอบคุณนะคะ” ฉันพูดช้า ๆ อย่างอารมณ์ท่วมท้น

สายตาของผู้มีบุญคุณฉายแววแปลกใจออกมา กระนั้นฉันก็ไม่เอามาใส่ใจและเปลี่ยนเรื่องคุย

เราสองสนทนาและกินอาหารกันไปเรื่อย ๆ แต่แปลกที่ฉันกลับรู้สึกสบายใจเป็นที่สุดเมื่ออยู่กับเขา ถึงเขาจะเป็นคนแปลกหน้าแต่ฉันจำไม่ได้แล้วว่านานเพียงใดที่ฉันไม่ได้รู้สึกสบายใจเวลาอยู่กับคนอื่นนอกจากโนอา

เวลาล่วงเลยไปราวสี่สิบนาที ชายหนุ่มก็ขอตัวกลับไป เราทั้งสองแลกเบอร์โทรศัพท์กัน ถึงแม้ว่าฉันจะรู้สึกสนุกมากแต่ก็ยังแอบแคลงใจว่าคุณตำรวจแสนดีจะโทรหาหรือส่งข้อความมาหาฉันหรือเปล่า เพราะฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่ชายหนุ่มจะอยากทักกลับมาหรือสานสัมพันธ์ต่อเป็นครั้งที่สอง

ขณะกำลังล้างจานทำความสะอาดอยู่นั้น เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง โนอายังไม่ตื่นนอนและฉันเองก็ยังไม่ต้องการปลุกลูกชาย

“ลืมของหรือคะ?” ฉันเอ่ยถามพลางดันประตูให้เปิดออก

อารมณ์ของฉันกลับมาเฉยชาเมื่อพบว่าชายตรงหน้าคือโรแวน ไม่ใช่อีธาน เมื่อเห็นหน้าเขาความเจ็บปวดพลันแล่นผ่านทางทุกโสตประสาท ฉันยังจำได้ไม่ลืมเลือนถึงภาพที่เขาทิ้งฉันไปปกป้องหญิงอันเป็นที่รักอย่างเอมม่า ช่างเป็นรสชาติแสนขมขื่น

ปฏิเสธไม่ได้ว่าฉันนั้นไร้ค่าสำหรับเขา เหตุการณ์เมื่อวานนี้ตอกย้ำถึงความเฉยเมยและความเกลียดชังของเขาที่มีต่อฉัน ฉันปล่อยวางจากความเจ็บปวดและทุกข์ทรมานออกไป ปิดผนึกมันเอาไว้พร้อมกับความรักที่มอบแก่ชายคนนี้ในส่วนลึกสุดของจิตวิญญาณ

โรแวนนั้นได้ตายไปจากหัวใจฉันแล้ว ฉันไม่จำเป็นต้องรักคนที่ตายไปแล้ว
ความคิดเห็น (2)
goodnovel comment avatar
สุภาวดี เข็มทอง
เนื้อเรื่องน่าสนใจน่าติดตามแล้วก็น่าตื่นเต้นดีมาก
goodnovel comment avatar
Nipa Samaphat
อยากอ่านตอนต่อไป
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status