Share

บทที่ 7

Author: เอเวอลีน เอ็มเอ็ม
เอวา

ฉันลืมตาตื่นพร้อมความปวดร้าวบริเวณหลังและแขนแล่นผ่านไปทั่วร่าง โนอานอนหลับอยู่กับฉันเพราะเมื่อคืนหลังจากดูโทรทัศน์ด้วยกัน เจ้าตัวน้อยงอแงไม่ยอมไปนอนคนเดียว รอยยิ้มปรากฎบนใบหน้าทันทีที่ความทรงจำเมื่อคืนผุดขึ้น เด็กน้อยยืนยันว่าจะทำหน้าที่ดูแลฉันอย่างแข็งขันตลอดทั้งคืน

ขณะนี้ราวแปดโมงเช้าได้ อาหารเช้าควรพร้อมรับประทานก่อนลูกชายจะตื่นนอน ฉันก้าวลงจากเตียงโดยที่ไม่ปลุกเขาเข้าแม้ว่าจะลำบากเล็กน้อยก็ตาม

หลังจากเสร็จกิจวัตรประจำวันยามเช้าเรียบร้อย ฉันจึงเดินลงไปด้านล่าง หยุดฝีเท้าก่อนจะก้าวเข้าห้องครัวพลางสงสัยกับตนเองว่าจะทำอาหารออกมาด้วยแขนเพียงข้างเดียวได้อย่างไร

ขณะที่เดินไปหยิบวัตถุดิบมาเตรียมทำแพนเค้ก ความทรงจำเมื่อวานพลันแล่นเข้ามาในห้วงความคิด ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นราวกับเป็นภาพลวงจนฉันสงสัยว่ามันเกิดขึ้นจริงหรือไม่ หากไม่มีผ้าพันแผลบริเวณไหล่กับแขนที่อยู่ในสายคล้องช่วยย้ำเตือนถึงความจริง ฉันคงคิดว่าเป็นเพียงฝันร้ายเท่านั้น

เมื่อฉันตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาลหลังจากหมดสติไป ฉันก็ตื่นกลัวไม่น้อย บรรดาแพทย์และพยาบาลต่างพากันรีบเข้ามาสงบสติฉันและยืนยันว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี พยาบาลบอกฉันว่ากระสุนฝังอยู่บนไหล่แต่ก็ไม่ได้ร้ายแรงจนถึงชีวิต นับได้ว่าเป็นโชคดีของฉันเพราะหากกระสุนเปลี่ยนวิถีลงไปเพียงนิด คงฝังลงหัวใจฉันแทน

ทีมแพทย์นำกระสุนที่ฝังออก ทำความสะอาดรวมถึงเย็บบาดแผลให้ จากนั้นก็ให้ฉันใส่ห้วงคล้องคอนี้เอาไว้พร้อมทั้งจัดยาฆ่าเชื้อและยาบรรเทาอาการปวดมาให้ อีกทั้งยังกำชับอีกว่าให้ฉันใส่ผ้าคล้องยกแขนไว้แบบนี้จนกว่าจะถึงนัดพบหมอครั้งหน้า

ขณะทำแพนเค้กเป็นอาหารเช้า ความคิดพลันแล่นไปถึงชายคนหนึ่งที่เข้ามาช่วยชีวิตฉันเอาไว้ ฉันตั้งใจว่าจะหาว่าเขาคนนั้นเป็นใครจะได้เอ่ยคำขอบคุณได้ ขณะที่ครอบครัวตัวเองยังไม่รู้เลยว่าฉันเป็นตายร้ายดีอย่างไร แต่เขากลับเป็นเพียงคนเดียวที่เข้ามาช่วยชีวิตฉัน

ภวังค์แห่งความคิดถูกขัดจังหวะด้วยเสียงเคาะประตู ใครกันที่มาตั้งแต่เช้าตรู่เช่นนี้

ฉันได้แต่สงสัยว่าคงไม่ใช่ใครที่ฉันอยากเจอหน้าตอนนี้แน่ เหตุร้ายเมื่อวานทำเอาความรู้สึกที่มีต่อคนที่เคยเรียกได้ว่าเป็นครอบครัวเดียวกันดิ่งลงเหวไปเลย

ฉันเดินตรงไปหน้าบ้าน เมื่อประตูเปิดออกช้า ๆ ฉันรู้สึกประหลาดใจที่เห็นชายหนุ่มที่ช่วยชีวิตฉันเมื่อวานยืนอยู่หน้าประตู ฉันสะดุดตากับดวงตาสีฟ้าคู่นั้น ช่างเป็นสีฟ้าสดใสที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา

เมื่อวานนี้ฉันไม่ทันได้สังเกตเรื่องนี้ อาจเป็นเพราะฉันทั้งบาดเจ็บและตื่นตระหนก แต่เขาเป็นคนหน้าดีไม่เบา ส่วนสูงราวหนึ่งร้อยแปดสิบเซ็นติเมตรเห็นจะได้ มีกล้ามแต่ไม่ถึงกับล่ำแบบนักเพาะกาย พร้อมสันกรามคมกริบ เส้นผมสีน้ำตาลเข้มไม่เป็นทรงเย้ายวนไม่น้อย รวมถึงท่าทางที่เต็มไปด้วยความมั่นใจนั้นช่างดึงดูดใจ

“สวัสดีค่ะ” ฉันเปล่งเสียงแหบแห้งราวกับคนสูบบุหรี่ออกไป

เขายิ้มให้ ฉันนั้นราวกับต้องมนต์สะกด “สวัสดีครับ ขอเข้าไปได้ไหม?”

“อ๋อ ได้ค่ะ” ฉันเอ่ยตอบพลางเบี่ยงตัวหลบ

ชายหนุ่มเดินเข้ามาด้านในก่อนฉันปิดประตู ฉันมองเขาสำรวจบ้านของฉันอยู่

“บ้านสวยดีนะครับ” คำกล่าวเสียงทุ้มนุ่มดังขึ้น

“ขอบคุณค่ะ” ฉันตอบกลับ “คือว่าฉันทำแพนเค้กเป็นมื้อเช้า สนใจรับสักหน่อยไหมคะ?”

ชายหนุ่มพยักหน้ารับ ฉันจึงเดินนำเขาไปยังห้องครัว แต่ก่อนจะได้กลับไปทำมื้อเช้าต่อ เขาก็หยุดฉันไว้และทำให้ฉันต้องหันไปมอง

“ขออนุญาตแนะนำตัวอย่างเป็นทางการนะครับ ผม อีธาน ครับ” เขาจับมือฉันอย่างสุภาพก่อนพลิกมือแล้วประทับจูบลงไป

เหตุผลกลใดไม่ทราบได้ สีแดงระเรื่อปรากฎบนดวงแก้ม ฉันไม่คุ้นชินความรู้สึกและเสน่ห์ของชายหนุ่มเช่นนี้ เพราะมักจะเป็นคนที่ถูกมองข้ามเสมอมา ขึ้นชื่อว่าเป็นน้องสาวน่าเบื่อและไร้เสน่ห์

“ฉัน…เอวาค่ะ” ฉันเปล่งเสียงออกอย่างตะกุกตะกัก

“ผมรู้อยู่แล้วครับ คนสวย” เขาขยิบตา จากนั้นชายหนุ่มจึงเดินกลับไปนั่งตรงโต๊ะรับประทานอาหาร

ฉันหัวเราะเก้อ ๆ เพื่อกลบเกลื่อนท่าทีทำตัวไม่ถูก ความเป็นชายของเขาไหลทะลักล้นออกมาแถมยังพุ่งเป้ามาที่ฉัน ฉันไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อนจึงกระอักกระอ่วนใจไม่น้อย

“คุณอีธาน ไม่มีนามสกุล… คุณไปทำอะไรที่งานศพพ่อฉันหรือคะ?” ฉันถามเปิดประเด็นก่อนวางแก้วกาแฟและตามด้วยแพนเค้ก

ฉันถือกาแฟและแพนเค้กส่วนของตนก่อนเดินไปนั่งข้างชายหนุ่ม เขาเผยเสียงหัวเราะเบา ๆ ขณะที่สายตามองมาที่ฉัน

“ก่อนหน้านี้มีการรับแจ้งเหตุข่มขู่เข้ามา และมีการรับแจ้งอีกว่าพ่อของคุณถูกฆ่าตายเพราะเหตุนั้น ผู้กำกับอยากให้พวกเราดูลาดเลาที่งานศพหน่อยน่ะครับ เผื่อว่าคนร้ายกลุ่มเดิมจะวนกลับมาทำร้ายคนในครอบครัวเหยื่ออีก” เขาอธิบายก่อนจะหยิบแพนเค้กเข้าปาก

“ถ้างั้น คุณก็เป็นตำรวจน่ะสิคะ? ฉันรู้จักตำรวจเกือบทุกคน แต่ไม่ยักเคยเห็นคุณมาก่อน”

“ครับ ผมเป็นตำรวจ… ผมเพิ่งย้ายมาประจำการที่นี่ได้ประมาณสองสามเดือน งานก็เยอะจนไม่มีเวลาออกไปสังสรรค์ข้างนอกเลย” เขาตอบกลับหลังกลืนแพนเค้ก

รอยยิ้มของฉันส่งไปหาเขา “งั้นคุณจะถือว่าฉันเป็นเพื่อนก็ได้นะคะ…ความจริงแล้วเช้านี้ฉันกำลังคิดอยู่เลยว่าจะตามหาคุณยังไงดี”

“ตามหาทำไมเหรอครับ?”

“ก็เพื่อขอบคุณเรื่องที่คุณช่วยชีวิตฉันไงล่ะคะ ถึงฉันจะจำอะไรไม่ได้มากนัก แต่อย่างน้อยก็จำได้ว่าคุณช่วยกดแผลห้ามเลือดให้ฉัน แล้วก็ตะโกนเรียกรถพยาบาล”

ท่าทีร้อนใจพุ่งตัวรีบมาช่วยฉันยังตราตรึงอยู่ในความทรงจำเช่นกัน เมื่อลองนึกดูให้ดีหากตอนนั้นอีธานไม่ได้ผลักฉันให้พ้นทาง กระสุนคงทะลุหัวใจฉันไปแล้ว ดังนั้นฉันจึงติดหนี้บุญคุณชายคนนี้

“ผมแค่ทำตามหน้าที่ครับ อีกอย่างคงไม่บ่อยหรอกนะครับที่จะได้มีผู้หญิงแสนสวยอยู่ในอ้อมแขน ถึงแม้ว่าเธอจะสลบไปเพราะกลัวเลือดตัวเอง” การหยอกล้อของชายหนุ่มเรียกรอยยิ้มของฉันได้

แก้มทั้งสองของฉันร้อนผ่าว ฉันหัวเราะเพื่อกลบเกลื่อนความเขินอาย จากบุคลิกของเขาบอกได้ว่าเขาเป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์ซึ่งเห็นได้ชัดจากรอยยิ้มและการเล่นหูเล่นตาของเขา ฉันรู้สึกได้ถึงความสดใสจากชายหนุ่ม แน่นอนว่าเป็นสิ่งที่ฉันไม่เคยได้สัมผัสมานานแล้วในชีวิต

“แล้วลมอะไรหอบคุณมาหาฉันถึงบ้านได้คะ อีกอย่างคุณรู้ไงว่าฉันอยู่ไหน?”

“ผมเป็นตำรวจนะครับจำได้ไหม? แค่หาที่อยู่ก็เรื่องหมู ๆ ส่วนทำไมผมถึงมาหาก็เพราะอยากรู้ว่าคุณไม่เป็นไรแล้วก็เท่านั้นครับ เมื่อวานนี้ผมอยู่ดูอาการคุณไม่ได้เพราะโดนเรียกตัวกลับไปรายงานสถานการณ์ พอกลับไป คุณก็ออกจากโรงพยาบาลไปแล้ว ถ้ารีบร้อนมาหาคุณตอนกลางดึกก็คงไม่เหมาะเท่าไร”

พูดตามตรงว่าฉันอดอึ้งไม่ได้ ชายแปลกหน้าคนนี้ยังมีไมตรีจิตและห่วงใยฉันมากกว่าพวกคนรอบตัวที่รู้จักฉันมาทั้งชีวิตเสียอีก แต่ขอละเว้นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอย่างโนอาเอาไว้หนึ่งคน ฉันไม่รู้จะรับมืออย่างไรเพราะว่าไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน

“ขอบคุณนะคะ” ฉันพูดช้า ๆ อย่างอารมณ์ท่วมท้น

สายตาของผู้มีบุญคุณฉายแววแปลกใจออกมา กระนั้นฉันก็ไม่เอามาใส่ใจและเปลี่ยนเรื่องคุย

เราสองสนทนาและกินอาหารกันไปเรื่อย ๆ แต่แปลกที่ฉันกลับรู้สึกสบายใจเป็นที่สุดเมื่ออยู่กับเขา ถึงเขาจะเป็นคนแปลกหน้าแต่ฉันจำไม่ได้แล้วว่านานเพียงใดที่ฉันไม่ได้รู้สึกสบายใจเวลาอยู่กับคนอื่นนอกจากโนอา

เวลาล่วงเลยไปราวสี่สิบนาที ชายหนุ่มก็ขอตัวกลับไป เราทั้งสองแลกเบอร์โทรศัพท์กัน ถึงแม้ว่าฉันจะรู้สึกสนุกมากแต่ก็ยังแอบแคลงใจว่าคุณตำรวจแสนดีจะโทรหาหรือส่งข้อความมาหาฉันหรือเปล่า เพราะฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่ชายหนุ่มจะอยากทักกลับมาหรือสานสัมพันธ์ต่อเป็นครั้งที่สอง

ขณะกำลังล้างจานทำความสะอาดอยู่นั้น เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง โนอายังไม่ตื่นนอนและฉันเองก็ยังไม่ต้องการปลุกลูกชาย

“ลืมของหรือคะ?” ฉันเอ่ยถามพลางดันประตูให้เปิดออก

อารมณ์ของฉันกลับมาเฉยชาเมื่อพบว่าชายตรงหน้าคือโรแวน ไม่ใช่อีธาน เมื่อเห็นหน้าเขาความเจ็บปวดพลันแล่นผ่านทางทุกโสตประสาท ฉันยังจำได้ไม่ลืมเลือนถึงภาพที่เขาทิ้งฉันไปปกป้องหญิงอันเป็นที่รักอย่างเอมม่า ช่างเป็นรสชาติแสนขมขื่น

ปฏิเสธไม่ได้ว่าฉันนั้นไร้ค่าสำหรับเขา เหตุการณ์เมื่อวานนี้ตอกย้ำถึงความเฉยเมยและความเกลียดชังของเขาที่มีต่อฉัน ฉันปล่อยวางจากความเจ็บปวดและทุกข์ทรมานออกไป ปิดผนึกมันเอาไว้พร้อมกับความรักที่มอบแก่ชายคนนี้ในส่วนลึกสุดของจิตวิญญาณ

โรแวนนั้นได้ตายไปจากหัวใจฉันแล้ว ฉันไม่จำเป็นต้องรักคนที่ตายไปแล้ว
Comments (3)
goodnovel comment avatar
อาษิรญา อินทนนท์
ตื่นเต้นทุกตอนเลย
goodnovel comment avatar
สุภาวดี เข็มทอง
เนื้อเรื่องน่าสนใจน่าติดตามแล้วก็น่าตื่นเต้นดีมาก
goodnovel comment avatar
Nipa Samaphat
อยากอ่านตอนต่อไป
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ธุลีใจ   บทที่ 8

    โรแวนผมเห็นจังหวะที่อารมณ์ของเอวาเปลี่ยนเป็นเฉยชา วินาทีที่แสงแห่งความอบอุ่นก่อนหน้าแปรเปลี่ยนเป็นความหนาวเหน็บทำให้ผมรู้สึกสะท้านถึงขั้วหัวใจ“คุณมาทำอะไรที่นี่?” น้ำเสียงของเธอปราศจากซึ่งอารมณ์ใด ขณะที่ผมฝืนแทรกตัวเข้าไปด้านในบ้านราวกับว่าเอวากำลังสนทนากับชายแปลกหน้าอยู่ ราวกับว่าผมเป็นแค่ฝุ่นผงไร้ค่าสำหรับเธอไปเสียแล้ว ผมจ้องมองใบหน้านั้นโดยอ่านสิ่งใดไม่ออก ผมอยู่กับผู้หญิงคนนี้มาเกือบสิบปีแต่ตอนนี้กลับหาคำดี ๆ เพียงสักคำพูดกับเธอยังไม่ได้ผมมองแขนของเธอที่ยังคล้องอยู่บนสายห้อย จุดประสงค์วันนี้คือมาตรวจดูอาการของเธอและรับโนอา เพราะนี่เป็นช่วงสุดสัปดาห์ซึ่งเป็นเวลาของผมกับลูกชายภาพของชายหนุ่มก่อนหน้าที่เห็นว่าเดินออกไปผุดขึ้นมา ผมก็คิ้วกระตุก ต้องเป็นชายคนนี้แน่ที่เอวามอบรอยยิ้มให้ เมื่อตระหนักได้ดังนี้ ผมอดไม่ได้ที่กัดฟันกรอด“ผู้ชายคนนั้นมาทำอะไรที่นี่?” ผมเอ่ยถามแทนที่จะตอบเธอพร้อมทั้งเก็บซ่อนอารมณ์เดือดดาลที่หาเหตุผลที่มาไม่ได้เอาไว้ผมรู้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและยังเป็นคนที่เข้ามาช่วยชีวิตเอวาเอาไว้ แต่เขาก็ล้ำเส้นเกินไป ผมไม่ชอบผู้ชายคนนั้นและไม่ต้องการใ

  • ธุลีใจ   บทที่ 9

    “แล้วคุณอยากให้ผมพูดอะไรละ? ในเมื่อผมไม่เคยหลอกลวงคุณเลย คุณเองก็รู้มาตลอดนี่ว่าผมรักเธอ” เอวาขว้างผ้าเช็ดจานด้วยความโกรธเกรี้ยว “รู้แบบนั้นแล้วก็กล้ามาแตะต้องร่างกายของฉันอีกหรือ? ให้ตายเถอะ ฉันโคตรจะเกลียดคุณเลย ไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าคุณมีดีอะไรฉันถึงได้หลงคุณนักหนา ไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าต้องมานั่งเสียเวลาชีวิตขนาดนี้ไปทำไมกัน”ผมกัดฟันกรอด แต่ละคำของเธอทวีความเดือดดาลของผมขึ้น แน่นอนเราทั้งสองหลับนอนด้วยกันช่วงแต่งงาน แต่นั่นเป็นความสุขและสนุกทางกายเท่านั้น ผมให้คำสัตย์สาบานไว้ตอนแต่งงาน แม้ว่าผมจะไม่ได้รักเธอแต่ผมก็ไม่ได้ผิดคำสัตย์สาบานด้วยการนอกใจเธอ“ผมไม่ได้มาคุยเรื่องอดีต ผมมาเพราะอยากคุยเรื่องโนอา” ผมพูดเปลี่ยนประเด็นเรื่องราวเริ่มเลยเถิดไปไกลแล้ว ผมจำเป็นต้องพูดประเด็นที่ผมเดินทางมาที่นี่ และรีบจากไปก่อนจะทำหรือพูดอะไรที่ผมต้องมานั่งเสียใจภายหลังชื่อของโนอาเสมือนเครื่องเตือนสติหญิงสาว ดังนั้นเอวาจึงไม่ตอบโต้กลับ เพียงเดินไปเปิดตู้และนำขวดยาออกมา เธอเปิดขวดยาด้วยมือเพียงข้างเดียวและกินยาเข้าไปสองเม็ดเมื่ออ่านฉลากยาผ่านสายตา ผมจึงตระหนักได้ว่านั่นคือยาบรรเทาอาการปวด“แขนคุ

  • ธุลีใจ   บทที่ 10

    เอวา“ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีครับแม่ว่าทำไมผมต้องไปด้วย อยู่กับแม่แบบนี้ไม่ได้หรือ?” โนอาบ่นอุบ ความบูดบึ้งปรากฎบนใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาเด็กน้อยไม่พอใจตั้งแต่วินาทีที่ฉันอธิบายกับลูกว่าต้องไปอยู่กับคุณปู่คุณย่าช่วงหนึ่งลูกชายกระโดดโลดเต้นในแวบแรก และกลายเป็นหน้าหงอยเมื่อพบว่าทั้งพ่อและแม่ตนไม่ได้ไปด้วยทางโรงเรียนของโนอาเข้าใจถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างดี แม้แต่คุณครูก็เข้าใจเช่นกัน ดังนั้นจึงตั้งใจส่งบทเรียนและการบ้านผ่านทางแม่เพื่อให้เด็กชายไม่ห่างหายการเรียนนานจนเกินไป “แม่บอกแล้วนี่ลูก นี่เป็นวันหยุดพักผ่อนแบบปู่ย่ายายหลานไง…ดังนั้น ก็ต้องมีแค่ลูก คุณปู่ คุณย่าแล้วก็คุณยายไปไงจ๊ะ”หลังจากพูดคุยกับกับหัวหน้าทีมคุ้มกัน ได้รับการยืนยันว่าทุกคนจะไปเก็บซ่อนตัวแถบเมืองชายทะเล“ลูกจะไปเที่ยวทะเลด้วยนะ ลูกขอให้พ่อกับแม่พาไปเที่ยวไม่ใช่เหรอ?” ฉันเสริมคำบรรยายด้วยรอยยิ้มแสนหยอกเย้าคำว่า ‘ทะเล’ สามารถล่อซื้อจิตใจเด็กชายได้โดยง่าย คำบ่นอุบต่าง ๆ นานาก่อนหน้าเงียบลงทันตาโนอานั้นชื่นชอบทะเลและมหาสมุทรเป็นชีวิตจิตใจ เด็กน้อยชอบทะเลมากเสียจนครั้งหนึ่งเคยร้องไห้งอแงทั้งอาทิตย์ หล

  • ธุลีใจ   บทที่ 11

    โรแวนก้าวเข้ามาประชิดร่างฉัน แววตาเขาแผดเผาและรูจมูกขยับอย่างโมโหจัด ฉันยังคงยืนกรานไม่ยอมให้เขามาข่มขู่ฉันได้“ผมไม่ไป ยกเลิกอูเบอร์แล้วก็ย้ายก้นไปขึ้นรถผมเดี๋ยวนี้” ชายหนุ่มกัดฟันกรอด ราวมีพายุพัดโหมในแววตามือของฉันกำแน่นเป็นสัญญาณแห่ความเดือดดาลที่กำลังปะทุ ยามปกติฉันคงยอมถอยเพราะไม่ต้องการยั่วโทสะเขา แต่ตอนนี้ฉันไม่สนแล้ว“เลิกมั่นหน้ามั่นใจสักที…คิดว่าใหญ่มาจากไหนมิทราบ? ฉันไม่ใช่ลูกหมาที่คุณจะมาชี้นิ้วออกคำสั่งได้นะ” ฉันเริ่มขึ้นเสียงเพราะเดือดจัดหลายปีที่ผ่านมาฉันยอมให้เขาบงการฉันมาตลอด หลายปีที่ผ่านมาฉันยอมเงียบปากเพียงเพื่อรักษาความสัมพันธ์อันดีที่คิดว่าเราทั้งสองมีต่อกัน กระนั้นฉันได้รับสิ่งใดตอบแทนมาเล่า? ความอดทนและอดกลั้นช่วยนำสิ่งใดมาบ้าง? ไม่มีเลยเว้นเพียงความทุกข์กายและทุกข์ใจ“เอวา…” โรแวนเรียกชื่อฉันเพื่อเตือนสติ“พ่อกับแม่ทะเลาะกันอีกแล้วหรือครับ?” น้ำเสียงเล็กของโนอาสลายบรรยากาศตึงเครียดตรงหน้าฉันหันไปเจอกับสายตาแสนเศร้าของเด็กน้อย ให้ตายสิ! ฉันไม่ต้องการให้โนอาเห็นเราทั้งสองเป็นเช่นนี้ ลูกไม่ควรเห็นเราทะเลาะกันตลอดเวลา“เปล่าจ้ะ เราไม่ได้ทะเลาะกัน เราแค่

  • ธุลีใจ   บทที่ 12

    “แม่คุณถามถึงคุณอยู่นะ พักหลังมานี้ได้คุยกับท่านบ้างหรือเปล่า?”ฉันส่งเสียงรำคาญใจ “คุณพูดมากไม่หยุดจนประสาทฉันเริ่มกินแล้วนะโรแวน ช่วยทำเหมือนฉันไร้ตัวตนต่อไปเหมือนที่เคยทำมาตลอดได้ไหม?”มือชายหนุ่มกำพวงมาลัยแน่น ฉันเห็นเขาขบกรามเขม็ง รู้สึกได้เลยว่าเขาหัวเสียไม่น้อย อาจเป็นเพราะฉันไม่ได้เป็นลูกไก่ในกำมือเขาแล้วก็เป็นได้ กระดานพลิกแล้วและเขาไม่ชอบเลยสักนิดฉันเคยทุ่มสุดตัวเพื่อให้ชายหนุ่มมีความสุข พยายามเป็นอย่างที่เขาต้องการ พยายามเป็นเช่นเอมม่า ทำทุกอย่างเพื่อให้กลายเป็นดั่งศรีภรรยาที่เขาหมายปอง ตอนนี้ฉันไม่สวมบทบาทนั้นแล้วและดูเหมือนเขาจะไม่พอใจกับการที่ฉันเลิกเป็นเบี้ยล่างอย่างมาก ฉันยกยิ้มการปั่นประสาทชายหนุ่มทำให้บางสิ่งในจิตใจบรรเทาลงได้นับจากนั้นตลอดการเดินทางก็เป็นไปอย่างเงียบเชียบ เราทั้งสองนั่งนิ่งในเบาะนั่งของตนขณะที่โนอาหัวเราะกับการ์ตูนอย่างมีความสุข หนึ่งชั่วโมงให้หลังเราจึงเดินทางถึงสนามบิน ฉันจูงมือโนอาเอาไว้และโรแวนก็ทำหน้าที่พนักงานขนกระเป๋า“ผมตื่นเต้นอยากเห็นทะเลจังครับ” โนอาเอ่ยพร้อมกระโดดโลดเต้นอย่างเริงร่า“ถ้างั้นก็ไปเลยไหม…พวกเราไม่ถ่วงเวลาลูกแล้ว” โรแ

  • ธุลีใจ   บทที่ 13

    หนึ่งสัปดาห์แล้วที่โนอาเดินทางไป ฉันรู้สึกเหมือนจับต้นชนปลายถูกเมื่อไร้ลูกชายอยู่ข้างกาย หนึ่งสัปดาห์คงเป็นช่วงเวลายาวนานที่สุดแล้วที่เราสองแม่ลูกห่างกัน ฉันไม่อายเลยหากบอกว่ารับมือได้ไม่ดีนักโนอาเป็นดั่งต้นไม้ใหญ่ หากปราศจากเขา ฉันก็ไร้สิ่งค้ำจุนจิตใจ ราวกับเรือลำน้อยไหลไปตามกระแสน้ำเมื่อขาดสมอ ทุกวันฉันเฝ้ารอรับสายจากลูกเพราะเป็นสิ่งเดียวที่สงบจิตใจฉันได้ โทรศัพท์พร้อมเสียงหวานใสของลูกทำให้ฉันไม่สติแตกการติดต่อจากโรแวนขาดหายไปนับตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ก่อนที่สนามบิน เศษเสี้ยวจิตใจฉันยังโหยหาเขาอยู่ แต่ฉันรู้ดีว่านี่เป็นทางออกที่ดีที่สุด ระหว่างเราไม่มีอนาคตใดและฉันคงทำใจใช้ชีวิตเคียงคู่กับชายที่ไม่มีใจให้ฉันไม่ได้ สรุปก็คือตอนนี้ทุกอย่างเงียบสงบ ไม่มีใครติดต่อมาเพื่อแจ้งข่าวสารใดกับฉันเลย เพราะก็ไม่มีเหตุยิงกันหรือว่าไม่ได้มีใครตายอีก ก็สบายใจได้เปราะหนึ่งว่ากลุ่มฆาตกรนั้นคงไปหลบซ่อนตัวแล้วทันใดนั้น ฉันเดินชนกับใครสักคนจนตื่นจากห้วงความคิด“ขอโทษด้วยค่ะ ฉันไม่ทันมองเห็นคุณ” ฉันกล่าวคำขอโทษออกไปพลางก้มเก็บหนังสือของตนที่หล่นเกลื่อนฉันเพิ่งเลิกงานและอยู่ในระหว่างทางกลับบ้าน วันน

  • ธุลีใจ   บทที่ 14

    เราทั้งสองยืนอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่ง ฉันยืนขยับเท้าไปมาอย่างทำตัวไม่ถูก อีธานจ้องมองฉันด้วยดวงตาสีฟ้าสดใสราวกับว่าจะมองทะลุไปถึงจิตวิญญาณก็มิปาน ฉันจึงหลบเลี่ยงสายตาจับจ้องคู่นั้น“อีธาน” เสียงเรียกของบางคนดังขึ้น ฉันจึงหันไปตามทิศทางนั้น พบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกคนกำลังกวักมือเรียกอยู่“กำลังไป” อีธานตะโกนตอบรับ จากนั้นหันกลับมาหา “ดีใจที่ได้เจอกันอีกนะครับคนสวย คงจะได้เจอกันอีกใช่ไหม?“ค่ะ” ฉันตอบด้วยเสียงแผ่วเบาจากนั้นชายหนุ่มจึงโอบกอดฉันโดยไม่ทันให้ได้ตั้งตัวก่อนเดินจากไป ฉันยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นได้แต่คิดว่าเมื่อครู่คืออะไรกันแน่ฉันใช้เวลาสักครู่หนึ่งดึงสติกลับมาและเริ่มก้าวเดินต่อไปพลางคิดว่าจำเป็นต้องซื้อของใช้เสียหน่อย ฉันจึงตัดสินใจเดินไปยังร้านขายของเพราะไม่ได้ห่างจากโรงเรียนมากนักตอนนี้ฉันไม่ได้ใช้ผ้าคล้องแขนเล้วแม้ว่าแขนข้างที่ได้รับบาดเจ็บจะรู้สึกเจ็บหรือปวดอยู่บ้าง แต่แขนก็ยังใช้งานได้ปกติ สิ่งของที่จำเป็นต้องซื้อแล่นเข้ามาในความคิดรวมถึงปฏิสัมพันธ์ระหว่างฉันกับอีธานวิธีที่เขาปฏิบัติต่อฉันช่างแตกต่างกับโรแวนอย่างที่ฉันไม่รู้จะบอกว่าอย่างไร ไม่เคยมีใครเอ่ยชมว่าฉันสวยสัก

  • ธุลีใจ   บทที่ 15

    “วันนี้เป็นไงบ้าง ลูกรัก?” ฉันเอ่ยถามโนอาโทรศัพท์ถูกหนีบอยู่ระหว่างหัวไหล่และกกหูขณะง่วนอยู่กับการทำความสะอาด ฉันพยายามคุยกับลูกชายให้ได้มากที่สุด แม้ว่าจะทุลักทุเลอยู่บ้างแต่หัวไหล่ของฉันก็อาการดีขึ้นมาก“อย่างเจ๋งเลยครับ!” เสียงตะโกนของเด็กน้อยส่งผ่านทางโทรศัพท์จนหูฉันแทบระเบิด “เราเพิ่งกินไอศกรีมกัน แล้วตอนนี้กำลังไปเล่นสไลเดอร์ครับ ที่นี่มีสไลเดอร์ด้วยมันยาวออกไปถึงทะเลเลยครับ”เสียงแสนตื่นเต้นของเด็กน้อยทำให้ฉันสุขใจเป็นอย่างยิ่ง เขามีความสุขฉันก็มีความสุข ขอเพียงแค่เขาปลอดภัยและสนุกสนานได้อย่างเต็มที่ก็เพียงพอแล้วสำหรับฉัน“เยี่ยมไปเลยใช่ไหมลูก…เห็นไหม แม่บอกแล้วไงว่าต้องสนุกแน่นอน”ฉันหยุดทำความสะอาดแล้วทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา คุยกับลูกให้เสร็จก่อนน่าจะดีกว่า“แล้วแม่ล่ะครับ วันหยุดเป็นยังไงบ้าง?”จะให้ฉันตอบยังไงดี? มันโคตรน่าเบื่อ ลูกชายวัยแปดขวบกำลังสนุกสนานมากกว่าฉัน คนไร้เพื่อนอย่างฉัน ไม่มีที่ให้ออกไป ไม่มีใครให้เที่ยวด้วย เพื่อนสมัยเรียนเคยชวนฉันออกไปเที่ยวอยู่บ้างแต่ก็ห่างหายกันไปหลังจากฉันเอาแต่ปฏิเสธ ลึก ๆ ในใจฉันรู้ว่าบรรดาเพื่อนชวนฉันไปเที่ยวเพียงเพราะมารยาท เพ

Latest chapter

  • ธุลีใจ   บทที่ 428

    เมื่อตัดสินใจได้ว่าจะไม่สนใจพวกเขา ผมลุกขึ้นอีกครั้ง คว้าเสื้อโค้ทแล้วออกจากห้องทำงาน ผมรู้ดีว่าคงไม่มีสมาธิทำงานได้ แล้วจะเสียเวลาไปทำไมกันล่ะ?ผมส่งข้อความหาคนขับรถเพื่อให้เตรียมรถไว้ก่อนจะก้าวขึ้นลิฟต์ ไม่กี่นาทีต่อมา ผมก็อยู่ในลานจอดรถใต้ดิน“คุณวู้ดครับ” เขาก้มศีรษะเล็กน้อยขณะเปิดประตูรถให้ผมผมพยักหน้ารับก่อนจะเข้าไปในรถ เขาก็ขึ้นรถและเริ่มขับออกไปผมตัดสินใจเปิดดูข่าวซุบซิบต่าง ๆ เป็นการฆ่าเวลาเกเบรียล วู้ดเป็นฝั่งเป็นฝาเสียที ประกาศลั่นอย่างเป็นทางการ ข่าวจากวงในวู้ด คอร์เปอร์เรชั่นเกเบรียล วู้ด หนุ่มเนื้อหอมตัวท๊อปของเมืองสละโสดขวัญใจมหาชน เกเบรียล วู้ดลั่นระฆังวิวาห์ปิดประมูลความโสดของหนุ่มฮอต เกเบรียล วู้ดสาวคนไหนกันที่เกเบรียล วู้ด สวมแหวนแต่งงานให้กันนะ?เรื่องแล้วเรื่องเล่า บทความพวกนี้มีแต่เรื่องไร้สาระ บางอันก็ดูโง่เง่า บางอันก็มีส่วนจริงอยู่บ้างเมื่อเดินทางถึงบ้าน ผมปิดโทรศัพท์ก่อนลงจากรถ หลังจากกล่าวลาคนขับแล้ว ผมก็เดินตรงไปยังบ้านของตัวเองผมแปลกใจที่เจอฮาร์เปอร์นั่งรออยู่ในห้องนั่งเล่น“กลับมาบ้านได้สักทีนะคะ” เธอพูดอย่างเหม่อลอย “เห็นข่าวซุบซิบพว

  • ธุลีใจ   บทที่ 427

    เกเบรียลผมนั่งมองเอกสารตรงหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า อารมณ์ยังคงเดือดพล่าน โกรธจัด โกรธจนแทบบ้า มิลลี่คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน ถึงได้กล้าพูดจาหยาบคายใส่ฮาร์เปอร์แบบนั้น?เพราะสมาธิที่เตลิดไปจนหมด ผมลุกขึ้นยืนและเริ่มเดินวนไปมา สมองผมทำงานเร็วราวกับกำลังวิ่งไปด้วยความเร็วพันไมล์ต่อวินาที ผมพยายามคิดหาวิธีที่แตกต่างไปซึ่งจะทำให้ชีวิตของมิลลี่เป็นนรกบนดินนายโกรธอะไรนักหนา? ตอนที่แต่งงานกับฮาร์เปอร์เมื่อหลายปีก่อน นายเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ามิลลี่เลยเสียงในหัวเยาะหยันผม แต่ผมไม่อยากฟัง เพราะมันพูดถูกจนน่าหงุดหงิด ตอนนั้นผมไม่เคยใส่ใจความรู้สึกของเธอเลย ผมทำให้เธอเจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วอะไรล่ะที่เปลี่ยนไป?ตอนที่ผมลากฮาร์เปอร์มายืนกลางห้องและขู่ทุกคนที่กล้าทำร้ายเธอ ผมเห็นความตกใจและประหลาดใจในดวงตาเธอตอนอยู่ในห้องทำงานของผม เธอมองผมเหมือนกับว่าไม่รู้จักผมอีกต่อไป เหมือนเธอไม่เข้าใจว่าทำไมผมถึงเลือกอยู่ข้างเธอ มันชัดเจนว่าเธอคิดไม่ออกว่าจะคิดกับผมหรือการกระทำของผมอย่างไรผมยกมือลูบหน้าพร้อมถอนหายใจอย่างหงุดหงิด ผมจะโทษเธอได้อย่างไรล่ะกับปฏิกิริยานั้น ในเมื่ออดีตผมเคยปฏิบัติกับเธออย่างเลว

  • ธุลีใจ   บทที่ 426

    จากนั้น เขาจับมือฉันพาเดินออกจากห้องไป ก่อนที่ประตูจะปิด ฉันมองเห็นความหวาดกลัวในตาของมิลลี่ ความกลัวนั้นบอกทุกอย่างที่ฉันต้องการรู้ และแน่นอนว่าผลการสอบสวนของเธอคงไม่พูดถึงเธอในทางดีแน่เราขึ้นลิฟต์ไปเงียบ ๆ โดยที่ไม่มีใครพูดอะไร จนเมื่อประตูลิฟต์เปิดออก เกเบรียลพาฉันไปที่ห้องทำงานของเขา"คุณเป็นอะไรไหม?" เขาถามเมื่อเราเข้าไปในห้อง "ผมส่งเรื่องให้ทีมสื่อข่าวสารประกาศเรื่องการแต่งงานของเราแล้ว ผมอยากลงไปหาเพื่อบอกคุณเรื่องนี้ แต่กลับไม่เจอคุณที่ห้องทำงานตัวเอง ผมก็เลยได้เห็นฉากน่ารังเกียจนั้นกับตา"ฉันดึงมือออกจากมือของเขาแล้วจ้องมองกลับไป "ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องห่วง""แน่ใจนะ?""แน่ใจค่ะ"เรานั่งอยู่ในความเงียบงันสักพัก ฉันเห็นว่าเขาคงอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ดูเหมือนมีบางอย่างที่ยับยั้งเขาเอาไว้ สายตาที่เขาจ้องมาทำให้ฉันรู้สึกอึดอัด"ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันคงกลับบ้านก่อนนะคะ ฉันรู้สึกกังวลมาตลอดทั้งวันเพราะเรื่องลิลลี่" ฉันพูดเบา ๆ ไม่กล้ามองตาเขา"ได้ งานเสร็จเมื่อไหร่ ผมก็จะกลับบ้านเลยเหมือนกัน"ฉันพยักหน้าก่อนจะเดินออกไป ไม่ใช่ว่าฉันไม่ขอบคุณในสิ่งที่เขาทำให้ แต่การกระทำของเข

  • ธุลีใจ   บทที่ 425

    "ภรรยาเหรอ?" มิลลี่ทวนคำพูดราวกับว่าเธอไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่ได้ยินได้"ผมพูดไม่ชัดหรือไง?" เกเบรียลถามเสียงเรียบแต่แฝงความคมกริบทั้งห้องเงียบกริบทันที คนที่เคยพึมพำและชี้นิ้วมาที่ฉันตอนนี้ต่างก้มหน้าลงไม่กล้ามองขึ้นมาฉันไม่ได้ต้องการให้เกเบรียลมาสู้แทนฉันเลย ฉันไม่ใช่ผู้หญิงขี้กลัวและไม่มีความมั่นใจเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว ฉันเปลี่ยนไปมาก แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าฉันชอบที่เขาออกมาปกป้องฉันมิลลี่ตัวสั่นเทิ้ม เธอทั้งตัวแข็งทื่อและความกลัวปรากฏชัดบนใบหน้า นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ฉันทำงานที่นี่ที่เธอไม่ได้ดูเหมือนผู้หญิงเย่อหยิ่งที่ฉันคุ้นเคยด้วยท่าทางของเธอ คุณอาจคิดว่าเธอเป็นเจ้าของบริษัทนี้ เธอชอบสั่งคนอื่น ทั้งหยาบคายและร้ายกาจ โดยเฉพาะกับผู้หญิง เธอปฏิบัติต่อคนอื่นเหมือนพวกเขาต่ำต้อยกว่าฉันแทบไม่เคยลงไปที่ชั้นอื่น ๆ แต่ถ้าฉันจำเป็นต้องไป มิลลี่จะอยู่ที่นั่นเสมอเพื่อพูดจาไร้สาระและปฏิบัติต่อฉันเหมือนขยะ"ดิฉันขอโทษค่ะเกเบรียล ดิฉันไม่ทราบว่าเธอเป็นภรรยาของคุณ" เธอกระซิบ น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยการขอร้องความกดดันรอบตัวเกเบรียลยิ่งหนักขึ้นจนแทบหายใจไม่ออก ผู้ห

  • ธุลีใจ   บทที่ 424

    ฉันเพิ่งจะก้าวลงจากรถ แต่ทันใดนั้นเองเขาก็คว้ามือฉันไว้และกระชากมันอย่างแรง ฉันตกใจกับการกระทำนั้น จึงเงยหน้าขึ้นด้วยความสับสน แล้วก็เจอสายตาที่ลุกวาวของเขา“แหวนอยู่ไหน?” เขาพ่นคำถามออกมาอย่างเกรี้ยวกราด สายตาจ้องมองฉันเขม็งให้ตายเถอะ! อะไรกันเนี่ย?ฉันค่อย ๆ ละสายตาจากเขาไปที่นิ้วมือว่างเปล่าของตัวเอง คุณเคยอยู่ในสถานการณ์ที่สับสนไหม? แบบที่คุณรู้ว่าคนถามอะไร คุณรู้คำตอบ แต่ก็ยังสับสนอยู่ดี? นั่นแหละ ตอนนี้ฉันเป็นแบบนี้“ฮาร์เปอร์ แหวนคุณอยู่ที่ไหน?” เขาเค้นเสียงถามขณะที่ก้าวลงจากรถฉันมองร่างของเขาที่ลุกออกจากรถ แล้วตอนนี้เขาก็ยืนตระหง่านค้ำหัวฉัน ความน่าเกรงขามของเขาทำให้ฉันพูดอะไรไม่ออกเขาเขย่าตัวฉันเล็กน้อยดึงฉันกลับมาอยู่กับปัจจุบัน“ฉันไม่เข้าใจเลยว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น” ฉันพึมพำออกมา ยังคงไม่แน่ใจว่าทำไมเขาถึงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟกับเรื่องเล็ก ๆ แค่นี้สีหน้าของเขามืดครึ้มขึ้นไปอีก เหมือนคำตอบของฉันไปกระตุ้นอะไรบางอย่างในตัวเขาเข้า“เรื่องที่เกิดขึ้นตอนนี้ก็คือคุณไม่ได้ใส่แหวนที่ผมเป็นคนให้ และผมก็อยากรู้ด้วยว่าทำไม” เขาคำรามออกมา ใบหน้าเคร่งเครียดฉันตอบกลับไปแบบโง

  • ธุลีใจ   บทที่ 423

    ฉันพยายามดึงมือออก แต่ก็ไม่สำเร็จ เขาจับมันไว้แน่นไม่ยอมปล่อย เขาไม่จับแน่นจนเจ็บ แต่แน่นพอที่ฉันจะดึงมือออกไม่ได้"ฮาร์เปอร์" เขากระซิบเตือนเมื่อฉันพยายามดึงมือออกอีกครั้งทำไมเขาต้องทำให้มันยากขนาดนี้? ปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปไม่ได้เลยเหรอ?"ไม่มีอะไรให้พูดทั้งนั้น" ฉันขู่ฟ่อ ขมวดคิ้วมองใบหน้าหล่อเหลาของเขาความจริงที่ว่าฉันอ่อนระทวยต่อสัมผัสของเขาก็น่าอายพอแล้ว ตอนนี้เขายังอยากจะทำให้ฉันอายมากขึ้นด้วยการพูดเรื่องนี้ระหว่างทางไปทำงานอีก"ตรงนี้แหละที่คุณคิดผิด" เขาจับเอวฉันแล้วดึงเข้าใกล้ตัว "เรามีเรื่องต้องคุยกันเยอะแยะ"เขากำลังทำอะไรอยู่นะ? เสียสติไปแล้วเหรอ? ตอนนี้ต้องมีอะไรบางอย่างผิดปกติกับเกเบรียล เพราะเขากำลังทำอะไรที่ดูไม่ใช่เขาเลยเขากำลังปั่นหัวฉันเล่นเหรอ? เป็นแบบนี้ใช่ไหม? เกมสำหรับเขาสินะ"ปล่อยฉันนะ เกเบรียล" ฉันกระซิบอย่างโกรธจัดในใจ ขณะที่ความคิดที่ไม่สบายใจเริ่มจมลึกลงในหัวโธ่! มันยังเจ็บอยู่เลย เจ็บที่เมื่อก่อนเขาไม่ต้องการฉัน แล้วตอนนี้เขากำลังทำเหมือนฉันเป็นของเล่น"ทำไมล่ะ?" เขาถาม ขณะริมฝีปากของเขาใกล้หูฉัน "ผมทำให้คุณรู้สึกไม่สบายใจหรือเปล่า? ทำให้คุณเร

  • ธุลีใจ   บทที่ 422

    ตอนที่เรากำลังจะออกจากบ้าน ฉันควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้แล้วฉันไม่อยากยอมรับ แต่ความรู้สึกดึงดูดที่ฉันมีต่อเกเบรียลยังคงอยู่ มันผ่านมาหลายปีแล้ว เกือบสิบปี แต่เขาใช้เวลาเพียงเล็กน้อยในการเร้าอารมณ์ฉันฉันเกลียดมัน เกลียดเพราะตอนที่ฉันแต่งงานกับเลียม มันต้องใช้เวลาสักพักกว่าฉันจะรู้สึกตื่นเต้นพอสำหรับเรื่องบนเตียง อย่าเข้าใจผิดนะ เลียมไม่ได้เป็นคู่รักที่แย่ เขาไม่ได้แย่เรื่องเซ็กซ์ แต่ความรู้สึกมีอารมณ์ของฉันไม่ได้เกิดขึ้นง่าย ๆ ตอนที่เขาอยากจะนอนด้วยแต่กับเกเบรียล มันไม่ได้ยากเลย แค่สายตาที่ร้อนแรงแวบเดียวพร้อมมือที่หยาบกร้านของเขาแตะผิวกาย ฉันก็เปียกชุ่มเพราะเขา พร้อมให้เขาครอบครอง มันบอกอะไรเกี่ยวกับตัวฉันเหรอ? การที่อดีตสามีไม่ได้สัมผัสด้านนี้ของฉันในขณะที่ผู้ชายที่ทำลายฉันกลับทำได้?หลังจากอาบน้ำเย็นเร็ว ๆ เพื่อล้างความเร่าร้อนและความอับอายออกไป ฉันแต่งตัวและลงไปที่โต๊ะอาหาร ระหว่างที่เรากำลังกินข้าว ฉันพยายามหลีกเลี่ยงสายตาที่เหมือนรู้อะไรของเกเบรียล“พร้อมหรือยังลูก?” ฉันถามลิลลี่ในขณะที่เธอหยิบกระเป๋าเป้ขึ้นมาเป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่เกเบรียลประกาศว่าเขาจะไปส่งลิลลี่ไปโรง

  • ธุลีใจ   บทที่ 421

    ฮาร์เปอร์ฉันลุกออกจากเตียงด้วยความรู้สึกเหมือนโดนรถบรรทุกเหยียบ ฉันแทบไม่ได้นอนเลยทั้งคืนซึ่งบอกได้จากความเฉื่อยชาและเชื่องช้าในเช้านี้เมื่อมองไปที่โทรศัพท์ ฉันเห็นว่ามันเลยตีห้ามาเล็กน้อย ฉันรู้ว่าคงกลับไปนอนต่อไม่ได้ เลยลุกขึ้นมาแทน เกเบรียลเคยบอกว่าเขามีห้องยิม ฉันเลยหยิบกางเกงเลกกิ้งกับสปอร์ตบราใส่ แล้วออกจากห้องวันนี้เป็นวันที่ยาวนานแน่นอน เพราะวันนี้วันจันทร์และเป็นวันแรกที่ลิลลี่จะไปโรงเรียน ฉันอยากจะเป็นคนพาเธอไปเอง เธอดูประหม่าเล็กน้อยตอนเข้านอน แต่พยายามทำเหมือนไม่เป็นอะไรสิ่งเดียวที่ทำให้เธอรู้สึกสบายใจคือการรู้ว่าโนอาจะอยู่กับเธอ เธอบอกฉันว่าโนอาสัญญาว่าจะพาเธอไปรู้จักเพื่อน ๆ ของเขา มัโนอาน่ารักและใจดีมาก เห็นชัดเลยว่าโนอาถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี และจากความอ่อนโยนของเอวาที่มีต่อฉัน ฉันก็ไม่แปลกใจเลยฉันเดินผ่านทางเดินที่ยังมืดพยายามหาทางไปยิม ฉันจำได้ว่าเกเบรียลบอกว่ายิมอยู่ชั้นบนสุด ฉันจึงมุ่งหน้าไปที่นั่นระหว่างทาง ฉันเดินผ่านห้องของเกเบรียล และหยุดอยู่ตรงนั้นชั่วครู่ อย่าเพิ่งมองฉันแบบนั้น ฉันเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงหยุด มีอะไรบางอย่างที่ทำให้ฉันหยุดยืนอยู่ตรงนั้น

  • ธุลีใจ   บทที่ 420

    คาลวิน"มาทำบ้าอะไรที่บ้านผม เอมม่า!" ผมพูดผ่านไรฟันกันเนอร์กับผมกำลังวุ่นวายกับการทาสีห้องลูกชายอยู่ ก่อนที่เสียงกริ่งประตูจะดังขึ้น สิ่งที่ผมไม่อยากให้เกิดขึ้นมากที่สุดคือให้เขาได้ยินเสียงผมตะโกนแล้ววิ่งลงมาดูเห็นผู้หญิงสารเลวคนนี้ผมจ้องมองเธออย่างเคืองขุ่น ขณะที่ความโกรธเริ่มคุกรุ่นขึ้นในตัว ผมกำหมัดแน่น และกรามก็ขบกันแน่นเพื่อพยายามหยุดตัวเองไม่ให้ระเบิดออกไป"ฉัน... ฉัน..." เธอพูดไม่จบประโยคและมันยิ่งทำให้ผมโกรธมากขึ้นให้ตายเถอะ! ผมเดินออกจากบ้านและปิดประตูตามหลังตัวเอง ผมต้องไล่เธอออกไป"ผมถามอยู่ไม่ได้ยินเหรอไง เอมม่า!" ผมตะคอกพร้อมจับลูกบิดประตูแน่นเหมือนคีมเพื่อทำให้ตัวเองสงบลงหลังจากทุกอย่างที่เธอทำกับผมและกันเนอร์ ตอนนี้เธอยังมีหน้ามาอยู่ที่ประตูบ้านผมได้อีกเหรอ?ความเจ็บปวดและการโดนทรมานเกือบสิบปี เธอคิดจริง ๆ เหรอว่าผมจะลืมมันง่าย ๆ? ผมจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วทำเป็นเหมือนว่าเธอไม่ได้ขยี้หัวใจผมซ้ำแล้วซ้ำเล่าได้อีกเหรอ? ทำเป็นเหมือนเธอไม่ได้เอาจิตวิญญาณของผมใส่เครื่องบดเนื้อแล้วบดมันจนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอย่างนั้นเหรอ?มันเจ็บปวดเหลือเกิน เจ็บจนถึงตอนนี้

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status