“วันนี้เป็นไงบ้าง ลูกรัก?” ฉันเอ่ยถามโนอาโทรศัพท์ถูกหนีบอยู่ระหว่างหัวไหล่และกกหูขณะง่วนอยู่กับการทำความสะอาด ฉันพยายามคุยกับลูกชายให้ได้มากที่สุด แม้ว่าจะทุลักทุเลอยู่บ้างแต่หัวไหล่ของฉันก็อาการดีขึ้นมาก“อย่างเจ๋งเลยครับ!” เสียงตะโกนของเด็กน้อยส่งผ่านทางโทรศัพท์จนหูฉันแทบระเบิด “เราเพิ่งกินไอศกรีมกัน แล้วตอนนี้กำลังไปเล่นสไลเดอร์ครับ ที่นี่มีสไลเดอร์ด้วยมันยาวออกไปถึงทะเลเลยครับ”เสียงแสนตื่นเต้นของเด็กน้อยทำให้ฉันสุขใจเป็นอย่างยิ่ง เขามีความสุขฉันก็มีความสุข ขอเพียงแค่เขาปลอดภัยและสนุกสนานได้อย่างเต็มที่ก็เพียงพอแล้วสำหรับฉัน“เยี่ยมไปเลยใช่ไหมลูก…เห็นไหม แม่บอกแล้วไงว่าต้องสนุกแน่นอน”ฉันหยุดทำความสะอาดแล้วทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา คุยกับลูกให้เสร็จก่อนน่าจะดีกว่า“แล้วแม่ล่ะครับ วันหยุดเป็นยังไงบ้าง?”จะให้ฉันตอบยังไงดี? มันโคตรน่าเบื่อ ลูกชายวัยแปดขวบกำลังสนุกสนานมากกว่าฉัน คนไร้เพื่อนอย่างฉัน ไม่มีที่ให้ออกไป ไม่มีใครให้เที่ยวด้วย เพื่อนสมัยเรียนเคยชวนฉันออกไปเที่ยวอยู่บ้างแต่ก็ห่างหายกันไปหลังจากฉันเอาแต่ปฏิเสธ ลึก ๆ ในใจฉันรู้ว่าบรรดาเพื่อนชวนฉันไปเที่ยวเพียงเพราะมารยาท เพ
หลังจากอีธานวางสาย ฉันจึงรีบไปเลือกเสื้อผ้าเหมาะ ๆ มาใส่ เพราะว่าเราจะไปที่สนามฝึกซ้อมยิงปืน เสื้อผ้าที่สวมใส่แล้วดูคล่องตัวเป็นตัวเลือกที่ดี ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจเลือกกางเกงยีนส์ เสื้อยืดและรองเท้าส้นเตี้ยมาใส่ อีธานเดินทางมาถึงภายในสิบนาทีอย่างที่บอกไว้ และเราทั้งสองจึงออกเดินทางทันที“แล้วอะไรดลใจให้คุณกลายเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ได้ล่ะคะ?” ฉันหันหน้าไปถามชายหนุ่มบรรยากาศนั้นผ่อนคลายไม่น้อย ฉันรู้สึกสบายใจเมื่ออยู่กับเขาเสมอ มันช่างดีเหลือเกิน ฉันไม่ได้สัมผัสความรู้สึกผ่อนคลายแบบนี้เมื่ออยู่กับคนอื่นมานานแล้ว“พ่อผมถูกตำรวจฆ่าตายน่ะครับ” เขาเอ่ยตอบพร้อมยักไหล่ฉันนิ่วหน้าอย่างประหลาดใจ “เจอแบบนี้คนส่วนมากคงไม่อยากจะเป็นตำรวจนะคะ” “ครับ แต่ว่าพ่อผมก็ไม่ใช่คนดีอะไร แถมเรียกว่าพ่อที่ดีไม่ได้ด้วยซ้ำ พูดกันตามจริงตอนที่เขาโดนตำรวจวิสามัญเพราะค้าอาวุธปืนเถื่อนผมกลับโล่งใจ ตอนที่เห็นว่าตำรวจจัดการสวะที่หลงคิดว่าไม่มีใครทำอะไรได้อย่างพ่อผม นี่เลยทำให้ผมตัดสินใจมาเป็นตำรวจ หวังว่าจะให้เมืองที่ผมอาศัยอยู่ปลอดภัย”อีธานเงียบไปหลังอธิบายจบแต่ฉันรับรู้ได้ว่ามันน่าจะมีอะไรมากกว่านั้น น้ำ
โรแวนผมมองตำรวจคนที่เข้ามาช่วยชีวิตเอวาเอาไว้ในวันนั้นพาเธอไป ไม่แน่ชัดว่าด้วยเหตุผลใดผมรู้สึกเกลียดเมื่อมองเห็นเขาจับมือเอวา จำเป็นต้องจับมือถือแขนกันด้วยหรือ?ผมไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้รู้สึกหัวเสียไม่น้อยเมื่อเห็นพวกเขาทั้งสองอยู่ด้วยกัน แต่ผมก็อดรู้สึกแบบนั้นไม่ได้ ผมไม่ชอบสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นระหว่างสองคนนั้นผมรู้สึกได้ว่ามีมือนุ่มมากุมมือผมเอาไว้ จากนั้นจึงตระหนักได้ว่าผมนั้นกำหมัดแน่นอยู่“เป็นอะไรไหมคะ?” เอมม่าเอ่ยถาม ผมจึงหันไปหาใบหน้าราวกับนางฟ้าช่วยดึงผมกลับมายังโลกความจริง‘มีเพียงเธอเท่านั้นที่ผมใฝ่หาและต้องการมาตลอด’ ผมกล่าวเตือนตนไม่ให้เผลอไผลไปนึกถึงเอวาผมไม่ได้ต้องการเอวา ดังนั้นความรู้สึกขุ่นเคืองจิตใจเช่นนี้จึงไม่ควรเกิดขึ้นเมื่อเห็นชายอื่นต้องตาต้องใจเธอสิถึงจะถูกต้อง จริงหรือเปล่า?“ไม่เป็นไรครับ” ผมตอบกลับเอมม่าพร้อมรอยยิ้มเธอส่งรอยยิ้มตอบกลับ และเหมือนครั้งแรกที่ได้เห็น รอยยิ้มเธอสะกดใจเหลือเกิน ทำให้ผมหลงใหลและหวนนึกถึงช่วงเวลาที่เราทั้งสองอยู่ด้วยกันหลายนาทีต่อมา เอวาก็เดินกลับมาพร้อมตำรวจคนนั้น เธอหัวเราะกับคำพูดของชายหนุ่ม เธอดูผ่อนคลายและสบายใจเ
“ก็นายเล่นจ้องเมียเก่ากับฮีโร่เธอซะขนาดนั้น” เกเบรียลให้เหตุผล “มันไม่ใช่ฮีโร่อะไรทั้งนั้น!”“เขาเป็นสิ…เผื่อลืมไปว่าเขาพยายามเข้าไปช่วยเอวานะ แค่นั้นก็ทำให้เธอมองเขาว่าเป็นฮีโร่แล้ว”เธอหันไปมองเจ้าหมอนั่นด้วยสายตาที่ผมไม่เคยได้รับมาก่อน ซึ่งทำให้ผมรู้สึกไม่สบายใจเอาเสียเลย“หุบปากไปเลย เกเบรียล” ผมตะคอกเจ้าน้องชายหัวเราะชอบใจ เห็นได้ชัดว่าเขาคิดว่าเรื่องนี้น่าขัน“นี่ หักห้ามใจตัวเองเอาไว้บ้างเถอะ วันนี้นายมากับเอมม่า ดังนั้นจะเอาแต่มองเอวาทั้งวี่ทั้งวันไม่ได้หรอกมั้ง เอมม่าเป็นคนที่นายรักนะจำได้ไหม อีกอย่างเธอคงสังเกตเห็นแล้วแหละว่านายโดนดึงความสนใจไป” คำถากถางดึงสติผมกลับมา ผมหันไปมองเอมม่าและพบว่าเธอกำลังนั่งอยู่ มือคู่นั้นวางบนหน้าตักใบหน้าเหี่ยวเฉา โธ่เอ้ย! เกเบรียลพูดถูกทั้งหมด เอมม่าไม่ควรต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ เราควรเริ่มเดินหน้าความสัมพันธ์กันใหม่ แต่ตอนนี้ผมกลับมัวแต่สนใจเอวาที่ดูเหมือนว่าเริ่มเปิดใจให้คนใหม่ไปแล้วผมวางปืนลงและเดินไปนั่งข้างเอมม่า“ผมขอโทษนะเอมม่า วันนี้ใจผมไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย”ผมไม่ได้โกหกแต่อย่างใด เพราะเหตุผลบางอย่าง วันนี้เอวาทำเอาผมปั
เอวา“ถ้างั้น โรแวนก็เป็น?” อีธานเอ่ยถามขณะเราทั้งสองขับรถกลับบ้านหลังจากเหตุการณ์ในห้องน้ำเมื่อครู่ ฉันไม่ต้องการอยู่ใกล้กับโรแวนอีก ดังนั้นสามสิบนาทีต่อมาฉันจึงขอร้องให้อีธานช่วยพาฉันกลับบ้าน“เป็นสามีเก่าของฉันค่ะ” ฉันตอบคำถามนั้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ และเราทั้งสองต่างก็เงียบกันไปฉันยังทำใจเชื่อไม่ลงจริง ๆ ว่าโรแวนจะเหิมเกริมขนาดไล่ต้อนให้ฉันจนมุมในห้องน้ำเช่นนั้น ซึ่งนั่นยังแย่ไม่พอ เขายังเกือบจูบฉันอีกด้วย จูบฉันเนี่ยนะ! โรแวนไม่เคยเป็นฝ่ายเริ่มรุกจูบฉันมาก่อนเลย ดังนั้นแค่บอกว่าฉันตกใจก็คงจะยังน้อยไปฉันเกือบยอมจำนนเสียแล้ว เพราะว่านี่เป็นสิ่งที่ฉันใฝ่หามาโดยตลอด แต่ฉันตระหนักได้ว่าเขาอยู่กับเอมม่า เขาน่าจะจูบเธอแล้วทำอะไร ๆ กับเธอด้วย เรื่องนี้ทำให้ฉันรวบรวมกำลังผลักเขาออกไปให้ห่าง ฉันยอมให้เขาเล่นสนุกกับฉันไม่ได้ พอกันเสียที เขามีเอมม่าอยู่ด้วยและฉันไม่มีสถานะอะไรอีก นอกจากเป็นแม่ของลูกชายเขาเพียงเท่านั้นโรแวนไม่เคยนึกหึงหวงหรือรู้สึกเป็นเจ้าเข้าเจ้าของฉันมาก่อน เขาเคยทำแบบนี้กับเอมม่าสมัยยังเป็นวัยรุ่น และฉันคิดว่าเร่าร้อนไม่น้อย ฉันจินตนาการไปว่ามันจะดีเพียงใดหากโรแวน
หลังจากถูกปลุกให้ตื่นด้วยความรู้สึกหงุดหงิด ฉันสวมใส่ชุดคลุมอาบน้ำและรีบร้อนลงไปด้านล่าง ใครก็ตามที่กล้ามากวนใจฉันแบบนี้เตรียมตัวหูชาได้เลยฉันบิดประตูเปิดออกไป พร้อมสบถใส่ผู้อยู่ตรงหน้า แต่ฉันก็ต้องชะงักไป บุคคลที่ฉันไม่เคยคาดคิดเลยว่าจะได้เจอมายืนอยู่ตรงหน้าบ้านฉันตอนนี้“มาที่นี่ต้องการอะไร เอมม่า?” ฉันต่อว่าฉันยังไม่ตื่นดีพอที่จะรับมือกับเธอ“ฉันถ่อมาถึงที่นี่เพราะอยากมาเตือนให้หล่อนอยู่ให้ห่างจากโรแวนเสีย เขาเป็นของฉัน ฉันไม่ยอมให้ปล่อยให้หล่อนขโมยเขาไปอีกเด็ดขาด” เธอแผดเสียงใส่คิ้วของเธอขมวดเป็นปมแน่น และเปลวเพลิงแห่งความเดือดดาลลุกโชนอยู่ภายในดวงตาฉันแค่นหัวเราะ “เธอแหกขี้ตามาบ้านฉันตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าเพื่อจะเตือนให้อยู่ห่างจากโรแวนเนี่ยนะ? เธอหาเรื่องผิดคนแล้วล่ะมั้ง เอมม่า”ฉันไม่ใช่เด็กน้อยผู้ใสซื่อแสนโง่เขลาที่โดนเธอทิ้งห่างแบบไม่เห็นฝุ่นแล้ว ฉันคงจะเป็นคนบ้าถ้าปล่อยให้เธอมาเหยียบย่ำฉันได้ “โรแวนเป็นของฉันนะ เอวา! เขาเป็นของฉันมาโดยตลอด ฉันเสียเวลาไปเก้าปีไม่ได้อยู่กับคนที่ฉันรัก เพราะหล่อน และฉันก็ไม่ยอมให้หล่อนได้ทำตามใจอีกเป็นครั้งสองแน่”“ฉันไม่มีวันจะกลับไปอ
ศีรษะของฉันปวดตุบไปหมด ที่จริงปวดหัวนั่นมันแค่ส่วนเล็กน้อย ความเจ็บปวดแล่นทั่วร่างกาย ฉันพยายามลืมตาแต่กลับทำไม่ได้ ราวกับเปลือกตาทั้งสองถูกหินหนักถ่วงเอาไว้ ฉันพยายามร้องเรียกหาโนอา แต่กลับไม่มีเสียงใดเล็ดลอดจากลำคอได้เลยฉันกำลังขยับตัว หรือไม่ก็ใครสักคนเคลื่อนย้ายร่างกายฉัน ยิ่งขยับเขยื้อนร่างกายมากเท่าใด ความเจ็บปวดยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น ฉันหวังเพียงว่าให้เขาพาฉันไปอย่างช้า ๆ หรือไม่ก็เลิกขยับตัวฉันไปเลย“ตามหมอมาที!” ใครสักคนตะโกนออกมาฉันไม่เข้าใจว่าพวกเขากำลังพูดเรื่องอะไรแล้วทำไมต้องเรียกหาหมอ หรือแม้แต่ตอนนี้เกิดอะไรขึ้น ฉันพยายามประคองสติเอาไว้ให้ได้แต่ความมืดมิดโอบกอดฉันเอาไว้อีกครั้งก่อนที่ฉันจะดำดิ่งลงไปในความมืด…เมื่อได้สติกลับมาอีกครั้ง ฉันไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดแต่อย่างใด กระนั้นดวงตายังลืมไม่ขึ้นรวมถึงยังขยับเขยื้อนร่างกายไม่ได้ด้วย ฉันรู้สึกแขนขาหนักอึ้งเหมือนถูกถ่วงเอาไว้ ราวกับว่าฉันถูกกักขังไว้ภายในร่างกายตนเอง ฉันได้ยินเสียงผู้คนรอบกายพูดคุยกันอยู่ไกล ๆ เหมือนว่าคนเหล่านั้นพูดอยู่ใต้น้ำหรืออะไรแบบนั้น ไม่มีเรื่องใดที่เกิดขึ้นตอนนี้สมเหตุสมผลเลย และฉันไม่เข้าใจว่
“คุณชาร์พครับ ดีใจที่คุณฟื้นขึ้นมานะครับ… ก่อนนี้เราห่วงกันอยู่” คุณหมอเกริ่นพร้อมรอยยิ้ม “ตอนนี้คุณรู้ว่าตอนนี้ตนเองอยู่ที่ไหนและเกิดอะไรขึ้นกับคุณหรือเปล่าครับ?”ฉันพยักหน้าตอบรับ “ที่โรงพยาบาลค่ะ… มีบางอย่างผลักฉันกระเด็นออกมาอย่างแรงตอนที่ปลดล็อกรถน่ะค่ะ ฉันเลยหัวฟาดเพราะแรงผลักนั่น”ฉันพยายามไม่นึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับฉันตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้น เพราะรู้สึกหวาดกลัวที่จะยอมรับความเป็นจริงที่ว่าฉันเกือบจากโลกไปนี้แล้ว“ครับ รถของคุณระเบิด คุณกระเด็นออกมาเพราะแรงระเบิดนั้น” เขาหยุดพูดครู่หนึ่ง “แล้วปีนี้ปีอะไรครับ?” ฉันตอบคำตอบคุณหมอไปมือของเขาก็จดรายละเอียด โรแวนกุมมือฉันแน่น ฉันเหลือบมองเขาอยู่บ้าง บางสิ่งปรากฎในแววตาคู่นั้น แต่มันหายไปก่อนที่ฉันจะทันได้เข้าใจความหมายฉันรู้สึกตื่นตระหนกไม่น้อยเลย ไม่เคยคิดเคยฝันมาก่อนว่าจะเกิดเหตุรถยนต์ระเบิดเช่นนี้ ด้วยความตึงเครียดจากเรื่องต่าง ๆ ทำให้ฉันรู้สึกปวดหัวและความรู้สึกเจ็บปวดเริ่มกลับมา“เอาเป็นว่าการที่คุณระบุว่าปีนี้คือปีอะไรได้ คุณจำชื่อตนเองได้ รู้ว่าคุณวูดส์คือใครถือได้ว่าเป็นสัญญาณที่ดี แต่ว่าเราจะขอทำการทดสอบเพิ่มเติมนะครั