Share

บทที่ 21

Author: เอเวอลีน เอ็มเอ็ม
ศีรษะของฉันปวดตุบไปหมด ที่จริงปวดหัวนั่นมันแค่ส่วนเล็กน้อย ความเจ็บปวดแล่นทั่วร่างกาย ฉันพยายามลืมตาแต่กลับทำไม่ได้ ราวกับเปลือกตาทั้งสองถูกหินหนักถ่วงเอาไว้ ฉันพยายามร้องเรียกหาโนอา แต่กลับไม่มีเสียงใดเล็ดลอดจากลำคอได้เลย

ฉันกำลังขยับตัว หรือไม่ก็ใครสักคนเคลื่อนย้ายร่างกายฉัน ยิ่งขยับเขยื้อนร่างกายมากเท่าใด ความเจ็บปวดยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น ฉันหวังเพียงว่าให้เขาพาฉันไปอย่างช้า ๆ หรือไม่ก็เลิกขยับตัวฉันไปเลย

“ตามหมอมาที!” ใครสักคนตะโกนออกมา

ฉันไม่เข้าใจว่าพวกเขากำลังพูดเรื่องอะไรแล้วทำไมต้องเรียกหาหมอ หรือแม้แต่ตอนนี้เกิดอะไรขึ้น ฉันพยายามประคองสติเอาไว้ให้ได้แต่ความมืดมิดโอบกอดฉันเอาไว้อีกครั้งก่อนที่ฉันจะดำดิ่งลงไปในความมืด

เมื่อได้สติกลับมาอีกครั้ง ฉันไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดแต่อย่างใด กระนั้นดวงตายังลืมไม่ขึ้นรวมถึงยังขยับเขยื้อนร่างกายไม่ได้ด้วย ฉันรู้สึกแขนขาหนักอึ้งเหมือนถูกถ่วงเอาไว้ ราวกับว่าฉันถูกกักขังไว้ภายในร่างกายตนเอง ฉันได้ยินเสียงผู้คนรอบกายพูดคุยกันอยู่ไกล ๆ เหมือนว่าคนเหล่านั้นพูดอยู่ใต้น้ำหรืออะไรแบบนั้น ไม่มีเรื่องใดที่เกิดขึ้นตอนนี้สมเหตุสมผลเลย และฉันไม่เข้าใจว่
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Sawarost Sontijai
งงอ่ะ ตกลงเอวาโดนระเบิดใช่ไหม
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ธุลีใจ   บทที่ 22

    “คุณชาร์พครับ ดีใจที่คุณฟื้นขึ้นมานะครับ… ก่อนนี้เราห่วงกันอยู่” คุณหมอเกริ่นพร้อมรอยยิ้ม “ตอนนี้คุณรู้ว่าตอนนี้ตนเองอยู่ที่ไหนและเกิดอะไรขึ้นกับคุณหรือเปล่าครับ?”ฉันพยักหน้าตอบรับ “ที่โรงพยาบาลค่ะ… มีบางอย่างผลักฉันกระเด็นออกมาอย่างแรงตอนที่ปลดล็อกรถน่ะค่ะ ฉันเลยหัวฟาดเพราะแรงผลักนั่น”ฉันพยายามไม่นึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับฉันตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้น เพราะรู้สึกหวาดกลัวที่จะยอมรับความเป็นจริงที่ว่าฉันเกือบจากโลกไปนี้แล้ว“ครับ รถของคุณระเบิด คุณกระเด็นออกมาเพราะแรงระเบิดนั้น” เขาหยุดพูดครู่หนึ่ง “แล้วปีนี้ปีอะไรครับ?” ฉันตอบคำตอบคุณหมอไปมือของเขาก็จดรายละเอียด โรแวนกุมมือฉันแน่น ฉันเหลือบมองเขาอยู่บ้าง บางสิ่งปรากฎในแววตาคู่นั้น แต่มันหายไปก่อนที่ฉันจะทันได้เข้าใจความหมายฉันรู้สึกตื่นตระหนกไม่น้อยเลย ไม่เคยคิดเคยฝันมาก่อนว่าจะเกิดเหตุรถยนต์ระเบิดเช่นนี้ ด้วยความตึงเครียดจากเรื่องต่าง ๆ ทำให้ฉันรู้สึกปวดหัวและความรู้สึกเจ็บปวดเริ่มกลับมา“เอาเป็นว่าการที่คุณระบุว่าปีนี้คือปีอะไรได้ คุณจำชื่อตนเองได้ รู้ว่าคุณวูดส์คือใครถือได้ว่าเป็นสัญญาณที่ดี แต่ว่าเราจะขอทำการทดสอบเพิ่มเติมนะครั

  • ธุลีใจ   บทที่ 23

    โรแวน“โรแวน เอวาเป็นไงบ้าง?” เคทผู้เป็นแม่ของเอวาเอ่ยถามความกังวลแฝงมากับน้ำเสียงนั้นออกมาจากใจจริง สัมผัสได้ว่าเคทต้องพยายามมากเท่าใดที่จะหักห้ามไม่ให้ตนเองร้องไห้ สองสามวันนี้เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก ผมเองก็ยังทำใจกับการที่เกือบเสียเอวาไปไม่ได้“เมื่อวานเอวาตื่นขึ้นมาคุยสักสองสามนาทีแล้วก็นอนต่อ แต่คุณแม่ไม่ต้องกังวลเพราะหมอบอกว่านี่เป็นอาการปกติของคนไข้ที่ได้รับการกระทบกระเทือนทางสมองครับ”ผมได้ยินเสียงเธอถอนหายใจด้วยความโล่งอก เคทเปลี่ยนไปนับตั้งแต่สามีเธอจากโลกนี้ไป เธอต้องการสนิทสนมกับเอวา แต่เอวากลับตัดสินใจเด็ดขาดว่าจะไม่ข้องแวะอะไรกับครอบครัวตัวเองอีก ที่จริงเธอไม่ต้องการจะข้องเกี่ยวอะไรกับพวกเราเลยสักคน“ลูกจะไม่เป็นไรใช่ไหม? จะกลับมาหายดีเป็นปกติใช่ไหม?”“ครับ คุณหมอดูมั่นใจ แต่ว่าพวกเขาเองก็ยังยืนยันไม่ได้นะครับว่าเอวาจะกลับมาสมบูรณ์เต็มร้อยเหมือนเดิม ตอนนี้ยังคงเร็วเกินไปที่จะบอกแหละครับ แต่หมอบอกว่าผู้ป่วยสมองกระทบกระเทือนอาจมีอาการแทรกซ้อนอื่น ๆ ได้”ซึ่งจุดนี้ทำให้ผมรู้สึกกังวลไม่หาย ด้วยความสัตย์จริงผมต้องการเพียงแค่ให้เธอกลับมาหายดีเป็นปกติ“อย่ากังวลไปเลยครั

  • ธุลีใจ   บทที่ 24

    ผมหันหลังกลับไปเห็นเอมม่า ผู้ที่ยืนอยู่ข้างเธอนั้นคือทราวิส เขาดูไม่จืดเลยเมื่อเทียบกับเอมม่า“เอวาได้สติหรือยัง?” ทราวิสเอ่ยถามเสียงอ่อนสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ทำให้เขาตระหนกไม่น้อย ไม่เพียงแต่ทราวิสเท่านั้น ทุกคนก็ไม่ต่างกัน เขาเกือบจะสูญเสียน้องสาวไป และนั่นทำให้เขาได้ตระหนัก“ยัง” ผมตอบกลับ“คุณกลับบ้านไปก่อนดีกว่านะ โรแวน” เอมม่าเอ่ย “ไปอาบน้ำล้างเนื้อตัวเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วค่อยกลับมาก็ได้นะ สภาพคุณตอนนี้เหมือนซอมบี้เลย”“ผมไม่กลับ เอมม่า” ผมปฏิเสธออกไปผมไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น หากว่ามีอะไรเกิดขึ้นขณะผมไม่อยู่ที่นี่เล่า?“ถ้าคุณทรุดลงไปอีกคนหนึ่งเล่า มันไม่ได้ดีต่อเอวาหรือใครเลยนะ… กลับบ้านเถอะ ฉันมั่นใจว่าคุณอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อยมันใช้เวลาไม่นานหรอก” เอมม่าโต้แย้งทราวิสมองผมพร้อมทั้งเสริมขึ้น “เอมม่าพูดถูกแล้วโรแวน ฉันสัญญาเลยนะว่าจะไม่ให้เอวาคลาดสายตาสักวินาทีเดียว”ผมหันไปมองเอวา เธอยังคงนอนหลับอยู่และดูเหมือนว่าจะยังไม่ตื่นเร็ว ๆ นี้“ถ้างั้นก็ได้ แต่ห้ามทิ้งเธอให้อยู่คนเดียวเด็ดขาดนะ” ผมกล่าวคำขาดเธอเพิ่งโดนลอบฆ่ามา ใครจะไปรู้ว่าคนร้ายพวกนั้นอาจพยายามกลับมาจัด

  • ธุลีใจ   บทที่ 25

    อีธานนั่งอยู่ฝั่งขวาของเอวาพร้อมการ์ดหลายใบ ส่วนเอวานั่งเอนอยู่ ถ้าไม่นับว่ามีผ้าพันแผลพันอยู่รอบศีรษะรวมถึงรอยขีดข่วนบนใบหน้า เธอก็กำลังยิ้มอยู่ซึ่งแปรเปลี่ยนสีหน้าของเธออย่างสิ้นเชิงเมื่อเห็นหน้าของผม รอยยิ้มนั้นเลือนหายไปทันตา“ออกไป” เธอออกคำสั่งผมเดาได้เลยว่าเธอกลับมาเย็นชาอีกครั้ง“ไม่ออกไปแน่ เอวา” ผมโต้ตอบกับเธออย่างใจเย็นพร้อมเดินไปนั่งฝั่งซ้ายของเธอใบหน้านั้นเริ่มเต็มไปด้วยความเดือดดาล สายตาฉายแววคมปลาบ เมื่อวานนี้เธอยังดี ๆ อยู่แล้วตอนนี้มันเกิดขึ้นอะไรขึ้นกันแน่?“ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณที่นี่ ดังนั้นช่วยออกไปเสียตอนนี้ พาสองคนข้างนอกนั้นไปด้วย… ฉันไม่ต้องการพวกคุณสักคนที่นี่”ผมเดาว่าเธอหมายถึงเอมม่าและทราวิส มีบางสิ่งเกิดขึ้นแน่นอน เมื่อวานนี้ท่าทีของเธอเป็นมิตรอย่างมากแต่วันนี้กลับกลายเป็นคนละคน ผมไม่ควรปล่อยเธอไว้กับเอมม่าและทราวิสจริง ๆ“คุณใจเย็นก่อนนะเอวา คุณยังไม่หายดี ดังนั้นไม่ควรทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้นะ” อีธานกล่าวขัดจังหวะเจ้าหนุ่มนั่นกุมมือเธออย่างอ่อนโยน เธอหันมองมือทั้งสองที่ประสานกันจากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของเขา สายตาเธอช่างอ่อนโยนและความ

  • ธุลีใจ   บทที่ 26

    เอวา“ผมคิดถึงแม่จัง ทำไมแม่ไม่โทรมาหาผมเลย?” โนอาถามฉันด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าสิ่งที่ฉันปรารถนามากที่สุดตอนนี้คือโอบกอดลูกชายเอาไว้ในอ้อมแขน เพื่อให้มั่นใจว่าฉันยังอยู่กับเขา ยังไม่ได้ปล่อยให้เขาเป็นเด็กกำพร้าแม่“แม่ขอโทษนะลูกรัก โทรศัพท์แม่หายเลยต้องยืมของพ่อลูกมาแทนก่อนน่ะจ้ะ”“ขอวิดีโอคอลได้ไหมครับ? ผมอยากเห็นหน้าแม่” เด็กน้อยเอ่ยปากฉันรับรู้ได้ว่าโนอาจับสังเกตสิ่งผิดปกติได้ แต่ฉันก็ไม่สามารถให้เขาเห็นฉันนอนป่วยอยู่บนเตียงโรงพยาบาลได้เพราะเด็กชายต้องเป็นกังวลและอยากกลับบ้านแน่ แถมตอนนี้ฉันยังกลายเป็นเป้าหมาย ฉันก็ยิ่งไม่อาจเสี่ยงพาคนที่จ้องโจมตีฉันให้ไปเจอลูกชายได้ฉันยังไม่อยากเชื่อว่าจะมีโอกาสที่ฉันกลายเป็นเป้าหมายหลักของเหตุครั้งนี้ ไม่อยากเชื่อว่ามีคนต้องการให้ฉันตาย“ตอนนี้ยังไม่ได้นะลูก พอดีว่าที่แม่อยู่ตอนนี้เขาไม่ให้วิดีโอคอล” ฉันโกหกออกไป“กฏงี่เง่าชะมัด! ใครมันเป็นคนสร้างกฎแบบนี้นะ?” เด็กชายโวยวายผ่านโทรศัพท์แม้รู้ว่าลูกชายอารมณ์เสียมากเพียงใด แต่ฉันก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้“โนอา…”“ผมแค่อยากเห็นหน้าแม่นี่ครับ ให้พ่อทำให้พวกเขาไม่ยุ่งกับแม่ได้ไหม?

  • ธุลีใจ   บทที่ 27

    เอมม่าโผล่หน้ามาที่นี่ทำไม? ใครปล่อยให้เธอเข้ามา ฉันไม่ต้องการเห็นหน้าเธอ ฉันไม่ต้องการให้เธอเข้าใกล้ฉัน ใครจะไปรู้ว่าตอนที่ฉันหลับอยู่ เอมม่าจะทำอะไรลงไปบ้าง“ฉันไม่ได้วางแผนอะไรไว้ทั้งนั้นก็แค่พูดไปตามเนื้อผ้า ฉันภาวนาว่าแก๊งบ้านั้นจะไม่ได้เผลอฆ่าหล่อนตายไปก่อน เพราะฉันอยากให้หล่อนได้เห็นว่าฉันขโมยทุกอย่างมาจากหล่อน แบบที่หล่อนเคยทำกับฉัน รวมถึงลูกชายของหล่อนด้วย อีกไม่นานเขาก็ต้องเรียกฉันว่าแม่”เราทั้งสองเป็นญาติพี่น้องกันได้ยังไงเนี่ย? ฉันรู้ดีว่าสิ่งที่ฉันทำกับเธอลงไปนั้นผิดมหันต์ แต่ให้ตายสิฉันยังชดใช้บาปไม่เพียงพอหรือ?“เธอมันเลวเอมม่า แต่จำใส่กระโหลกเอาไว้นะ โนอาไม่มีวันมองเธอเป็นแม่แน่…จำไม่ได้หรือไง ที่สนามบินวันนั้น เขาไม่ได้ชายตามองเธอด้วยซ้ำ? เธอไม่มีค่าอะไรสำหรับเขาเลย ต่อให้แต่งงานกับโรแวนแล้ว เธอก็ยังไม่มีค่ากับเขาหรอก”ใบหน้าของเธอบิดเบี้ยว ความเดือดดาลเข้าแทนที่สีหน้าของผู้ชนะที่เธอมีเมื่อครู่ไปจนหมด“ก็ดี…อย่างน้อยยามค่ำคืนโรแวนก็จะครางชื่อฉันออกมาอยู่ดี ฉันกับเขาจะบรรเลงเพลงรักกันให้ฉ่ำจนฉันท้อง และเมื่อถึงตอนนั้น เขาก็จะลืมทั้งเธอและเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ฉันจะท

  • ธุลีใจ   บทที่ 28

    “หมายความว่ายังไง?” โรแวนนิ่วหน้า“เราทั้งสองต่างรู้ดีว่าฉันเป็นคนที่คุณไม่อยากเจอหน้ามากที่สุด แล้วคุณมาทำอะไรที่นี่? คุณควรไปอยู่ที่บ้านกับเอมม่าแล้วมีความสุขที่ได้กลับมาอยู่ด้วยกันไม่ใช่หรือ?” ฉันเอ่ยถามอย่างขมขื่น คำพูดของเอมม่ายังวนเวียนอยู่ในหัวเขาถอนหายใจ “คุณกำลังหาหาเรื่องทะเลาะนะ แต่ผมไม่เล่นด้วยหรอก…ผมแค่มารับคุณออกจากโรงพยาบาลแล้วก็พาคุณกลับบ้าน”“ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือจากผู้ชายที่เกลียดฉันเข้าไส้หรอกนะ! กลับไปเถอะโรแวน เราต่างรู้ดีว่าคุณไม่อยากมาอยู่ตรงนี้”“งั้นหรือ? คุณไม่ต้องการความช่วยเหลือจากผมเลยหรือ? แล้วคุณจะโทรขอให้ใครมาช่วยพาออกจากโรงพยาบาลกันเล่า? เพื่อนสักคนก็ยังไม่มีเลยเอวา”“อีธานไง อีธานพาฉันกลับบ้านได้” นั่นคือความจริงที่ว่าฉันไม่มีเพื่อนเลย แต่ถ้าฉันขอ อีธานจะต้องมาช่วยแน่นอนสีหน้าของโรแวนแปรเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว มือของเขากำแน่น สันกรามสบกันดังกรอด“ข้ามศพผมไปก่อนเถอะ” เขาคำรามลั่น “คุณมีทางเลือกสองทางนะเอวา จะยอมกลับบ้านกับผมดี ๆ หรือว่าจะนอนอยู่ที่โรงพยาบาลต่ออีกสักสองสามวัน ไม่ว่ายังไงเจ้าหมอนั่นก็ไม่มีทางมารับคุณกลับบ้านได้หรอก”“พูดจริง

  • ธุลีใจ   บทที่ 29

    ฉันตื่นขึ้นมาพบว่าตนเองอยู่ลำพังบนเตียง ฉันอดถอนหายใจไม่ได้ เพราะรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพียงความฝัน ไม่มีวันที่โรแวนจะนอนอยู่บนเตียงเดียวกันฉันได้ ฉันจำสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากผล็อยหลับที่โรงพยาบาลไม่ได้เลย ฉันได้รับยาหลายขนานเกินไปจนเริ่มจินตนาการถึงสิ่งที่ไม่เป็นจริงฉันค่อย ๆ ก้าวลงจากเตียง แต่ต้องเปลี่ยนเป็นนั่งเสียก่อนเพราะเวียนหัวจนห้องหมุน จากนั้นอีกสองสามนาที ฉันจึงค่อย ๆ เดินมุ่งไปยังห้องน้ำอย่างระมัดระวังที่สุดและอาบน้ำ ฉันเพียงต้องชำระล้างกลิ่นโรงพยาบาลที่ติดตามร่างกายออกให้หมดฉันมีหลายสิ่งจะต้องทำ แต่กลับไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มที่ไหนก่อนดี ตอนนี้ฉันไม่มีทั้งโทรศัพท์และรถยนต์ เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกฉันว่าโทรศัพท์ฉันพังไปแล้วตอนที่ตัวฉันกระเด็นไปกระแทกกับพื้น ฉันสามารถลางานกับทางโรงเรียนได้สองสามสัปดาห์ แต่ฉันต้องหาทางจัดการปัญหาเรื่องรถก่อนกลับไปทำงานกว่าที่ฉันจะแต่งตัวเรียบร้อย ศีรษะของฉันก็ปวดจนแทบทนไม่ไหว‘ให้ตายสิ! ยาแก้ปวดอยู่ไหนนะ’ ฉันคุยกับตนเองฉันเดินลงมาชั้นล่างพลางสงสัยว่าฉันจะเอาชีวิตรอดอย่างไรในช่วงสองสามวันนี้ ฉันยังอ่อนแออยู่เพียงแค่ยกนิ้วขึ้นมายังเป็นเร

Latest chapter

  • ธุลีใจ   บทที่ 530

    ฮาร์เปอร์ฉันขยับตัวไปมาบนเตียงโดยพยายามหาท่าที่สบายที่สุด พูดตามตรงฉันดูเหมือนปลาวาฬและรู้สึกเหมือนปลาวาฬด้วย ฉันกำลังพับผ้าอยู่เพราะดูเหมือนว่านั่นคือสิ่งเดียวที่ฉันได้รับอนุญาตให้ทำเกเบรียลดูแลฉันมากเกินความจำเป็นตั้งแต่เขารู้ว่าฉันตั้งครรภ์ ฉันแทบห้ามขยับร่างกายเลยเพราะอาจทำให้เขาตื่นตระหนกไปหมด ถึงแม้ว่ามันจะทำให้ฉันแทบบ้า แต่ฉันก็รู้สึกว่ามันน่ารักดีฉันเผยยิ้มเมื่อนึกถึงตอนตั้งท้องลิลลี่ เลียมดูแลฉันดีเหมือนกัน เขาไม่ได้ดูแลฉันมากเกินความจำเป็นอย่างที่เกเบรียลทำ แต่เขาก็ดูแลฉันอยู่ดี หมายถึงเขาเคยวิ่งไปซื้อของที่ร้านกลางดึกเพราะฉันรู้สึกหิวโดยไม่บ่นสักคำ มีแต่ผู้ชายที่ใส่ใจเท่านั้นที่จะทำแบบนั้นการตั้งครรภ์ครั้งนี้แตกต่างจากการตั้งครรภ์ลิลลี่ในหลาย ๆ ด้าน ตัวอย่างเช่น ตอนท้องลิลลี่ ฉันแทบไม่แพ้ท้องเลย แต่ครั้งนี้ฉันแพ้ท้องตอนเย็นด้วย และมันอยู่ไปถึงช่วงเข้าเดือนที่สี่ มันแย่จริง ๆ ที่ต้องรู็สึกแย่ตลอดเวลาแล้วก็เรื่องความอยากอาหาร ตอนท้องลิลลี่ ฉันอยากกินของหวาน ๆ แต่ครั้งนี้ฉันอยากกินของคาวและเค็มมากกว่า มันบ้ามาก ฉันไม่อยากกินของหวานเลยตั้งแต่รู้ว่าตัวเองท้อง อย่าพูดถึ

  • ธุลีใจ   บทที่ 529

    ผมนั่งอยู่ข้าง ๆ กันเนอร์และพวกเรามาอยู่ที่โรงพยาบาลกันทุกวัน ทางโรงเรียนของกันเนอร์เข้าใจสถานการณ์ดี เขาเลยไม่ต้องไปโรงเรียน โนอามาเยี่ยมเขาทุกวันและนำการบ้านมาให้เสมอ"พวกเราเคยคุยกันด้วยนะครับ โนอาบอกผมว่าเขารู้สึกยังไง มันรู้สึกดีที่ได้คุยกับเขาเรื่องนี้ ได้คุยกับคนที่เคยผ่านมันมาและเข้าใจว่ามันยากแค่ไหน" เขาหยุดขณะที่คลายปมผมของผู้เป็นแม่ก่อนที่จะพูดต่อ "ไม่ต้องห่วงนะครับ แม่กับโนอาจะเข้ากันได้ดีตอนแม่รู้จักเขาดีขึ้นแล้ว"ขอร้องแหละ เอมม่า ได้โปรดตื่นเถอะ ฟื้นขึ้นมาเพื่อกันเนอร์เถอะนะ ผมขอเท่านี้จริง ๆ ผมภาวนา อ้อนวอนเธอในใจให้ลืมตาขึ้นมา"พวกเรายังเหลืออะไรต้องทำด้วยอีกตั้งเยอะ" กันเนอร์วางหวีลง "อะไรอีกเยอะที่พวกเรายังไม่เคยทำ ผมยังต้องรู้จักแม่ให้มากขึ้นนะครับ และแม่ก็ยังต้องรู้จักผมเหมือนกัน อีกอย่างแม่สัญญากับผมว่าจะให้ของขวัญผมทุกปีที่แม่พลาดไป แม่ให้มาหนึ่งชิ้นแล้ว เหลืออีกสิบเจ็ดชิ้นนะครับ"เช่นเดียวกับสี่วันที่ผ่านมา เอมม่าไม่ได้ตอบกลับ ไม่มีแม้แต่การเคลื่อนไหวที่จะให้ความหวังว่าเธอจะหายดีเสียงถอนหายใจดัง กันเนอร์จับและจูบหลังมือเธอ "ผมไม่เคยได้พูดให้ฟังเลย แต่ผมรัก

  • ธุลีใจ   บทที่ 528

    เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีพลันหายไปและผมก็สะดุดกับคำพูดของคุณหมอ ผมไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่เขาพูดหรือความหมายเป็นนัยของคำพูดนี้ได้อย่างเต็มที่เสียงอุทานอย่างตกใจดังขึ้นเต็มห้อง ทุกคนต่างจ้องมองแพทย์ราวกับเขาเป็นมนุษย์ต่างดาวจากนอกโลก"เธอจะได้สติไหมคะ? แล้วพวกเราเข้าเยี่ยมเลยได้ไหม?" เสียงของเอวาดังขึ้น"ตอนนี้ยังไม่ฟื้นครับ เธออยู่ในห้องฉุกเฉินและอนุญาตให้เฉพาะสมาชิกในครอบครัวใกล้ชิดเข้าเยี่ยมได้เท่านั้น" เขาตอบ "ผมจะจัดการให้ในอีกสักครู่... ขอตัวนะครับ ผมต้องไปตรวจเธออีกครั้ง"พวกเราจ้องมองแผ่นหลังคุณหมอขณะที่เขาเดินออกไป ช่างเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจอย่างยิ่งที่ได้ยินว่าเอมม่าอาจจะเดินไม่ได้อีกแล้วผมทรุดตัวลงนั่งเพราขาไม่เหลือเรี่ยวแรงจะยืนต่อไปได้อีกต่อไปผมไม่เข้าใจเลย ตอนนี้เธอกำลังฟื้นฟูสิ่งต่าง ๆ อยู่ และทุกอย่างก็ดำเนินไปได้ด้วยดี เธอฟื้นฟูความสัมพันธ์และประกอบชีวิตตนเองขึ้นมาใหม่ ทำไมเรื่องนี้ถึงเกิดขึ้นกับเธอได้นะ?***"แม่ผมจะฟื้นเมื่อไหร่ครับ?" กันเนอร์ถามแพทย์ที่กำลังยุ่งอยู่กับการตรวจดูอาการของเอมม่าตอนนี้เธอออกจากห้องฉุกเฉินได้แล้ว พวกเขาย้ายเธอออกมาเมื่อประมาณสองวัน

  • ธุลีใจ   บทที่ 527

    ผมพยายามเหยียดตัวแผ่นหลังตรง ขณะฝืนใจสร้างความกล้าหาญจอมปลอมให้กับตนเอง ผมพยายามพูดออกมาให้พยาบาลคนนั้นรู้ว่าตนเองยังไหว แต่ลิ้นกลับแข็งทื่อไปหมดและคำพูดก็ไม่ยอมหลุดออกจากปากเลยสักคำเธอตบไหล่ผมเบา ๆ "ดิฉันเข้าใจค่ะ ไปนั่งพักก่อนดีกว่า ดูเหมือนว่าลูกชายคุณต้องการพี่พักพิงในตอนนี้นะคะ พวกคุณควรเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจซึ่งกันและกัน"ผมทำได้เพียงอย่างเดียวคือพยักหน้าตอบรับก่อนเดินออกไป ผมเดินไปหากันเนอร์และนั่งข้าง ๆ ลูกชาย ก่อนดึงเขามานั่งบนตัก พวกเรากอดกัน เป็นที่ยึดเหนี่ยวให้กันและกันผมไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้วตอนที่ผมรู้สึกว่ามีคนเขย่าตัวเรียก ผมมัวจดจ่อกับเอมม่าและเพิ่งเห็นว่าเอวากำลังจ้องมองอยู่ คิ้วเรียวขมวดมุ่น ริมฝีปากคว่ำลงและดวงตาเต็มไปด้วยความกังวล"เรามากันหมดบ้านเลยค่ะ" เธอพึมพำเบา ๆ ก่อนที่จะนั่งข้าง ๆ “ยังไม่ออกจากห้องผ่าตัดอีกเหรอคะ?""ครับ" ผมเหมือนต้องใช้พลังทั้งหมดเพื่อเปล่งคำพูดออกมา"มันเกิดอะไรขึ้น?" ทราวิสเอ่ยถามพร้อมกับประคองผู้เป็นแม่ ซึ่งดูเหมือนจะสติหลุดลอยอยู่ในอ้อมแขนเธอเหมือนจวนเป็นลมอยู่รอมร่อ หรือไม่เธออาจกำลังรำลึกถึงอดีตเช่นกัน เพราะเวลาที่

  • ธุลีใจ   บทที่ 526

    ความเย็นยะเยือกเข้าปกคลุมร่างกาย ลมหายใจผมเริ่มถี่กระชั้น ผมรู้สึกหายใจไม่ออกเมื่อความเจ็บปวดในอกทวีความรุนแรงขึ้น ผมดึงกันเนอร์เข้ามาใกล้ตัวแล้วกอดเขาไว้ราวกับเขาเป็นลมหายใจของผมมันจะเป็นอย่างนี้ไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ เธอต้องไม่เป็นอะไรสิผมพูดคำเหล่านั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนบทสวดภาวนา เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ผมไม่เสียสติต่อให้ต้องเสียอะไรก็จะให้เธอจากไปตอนนี้ไม่ได้ ไม่ใช่ตอนที่กันเนอร์เพิ่งตัดสินใจให้โอกาสครั้งที่สองกับเธอและยอมรับเธอกลับเข้ามาในชีวิต ผมรู้จักลูกชายเป็นอย่างดี การที่เอมม่าจากโลกนี้ไปจะต้องทำให้เขาเสียใจมาก ความปรารถนาเดียวของกันเนอร์คือการมีแม่ การให้เอมม่าเป็นแม่และยอมรับเขา มันคงโหดร้ายหากในที่สุดเขาได้รับโอกาสนั้นแต่กลับต้องสูญเสียเธอไป"ไม่เป็นไรแล้วครับ ไม่เป็นไรแล้ว" เอริคประกาศ เสียงเต็มไปด้วยความโล่งใจผมไม่เคยมีความสุขกับการได้ยินคำพูดแบบนี้มาก่อน ความโล่งใจนั้นมากมายมหาศาล ขณะที่แสงแห่งความหวังเริ่มส่องประกายทะลุผ่านเมฆดำมืดที่ปกคลุมพวกเราผมทรุดตัวลงเอนพิงกายในรถพยาบาลนั้น ก่อนทอดถอนใจออกมาด้วยความโล่งอก ผมเฝ้าดูสัญญาณชีพของเธออย่างไม่วางตา ภาวนาไ

  • ธุลีใจ   บทที่ 525

    "ไม่เอาน่า เอมม่า ลืมตาสีฟ้าคู่นั้นขึ้นมาสิ" ผมอ้อนวอนเพื่อตัวผมเองและกันเนอร์ "คุณไม่อยากให้ผมยกโทษให้เหรอไง? ฟื้นเถอะนะ"เธอไม่ตอบสนอง ดวงตายังคงปิดสนิท ใบหน้าซีดขาวเหมือนกระดาษ และผมสีบลอนด์กระจายอยู่ด้านหลัง ถ้าไม่มีเลือดที่เปรอะเปื้อนเต็มไปหมด เธอคงดูเหมือนตุ๊กตาสิ่งที่ทำได้มีเพียงแค่รอเท่านั้นซึ่งทำให้ทรมานใจอย่างมาก ผมคอยจับชีพจรของเธอเพื่อตรวจดูให้แน่ใจว่าเธอยังอยู่กับพวกเรา ตอนนี้มีคนมารวมตัวกันมากขึ้น แต่ก็ไม่สำคัญ พวกเขาไม่สำคัญเลย ไม่ใช่ตอนที่เอมม่าดูเหมือนวิญญาณออกจากร่างแบบนี้ หน้าอกของเธอแทบจะไม่กระเพื่อมขึ้นลงเลย"ช่างแล้วเว้ย" ผมลุกขึ้นเตรียมที่จะเอารถออกจากโรงรถและพาเธอไปโรงพยาบาล เพราะดูเหมือนว่ารถพยาบาลกำลังกินลมชมวิวกันอยู่ตอนกำลังจะหันหลังกลับ ผมก็ได้ยินเสียงไซเรน หัวใจผมคลายลงด้วยความโล่งอก ผมหันไปเห็นรถพยาบาลกำลังเข้ามา คนอื่น ๆ หลีกทางให้พวกเขามาถึงพวกเรา เจ้าหน้าที่ปฐมพยาบาลสองคนรีบลงมาจากรถพร้อมเปลหามวิ่งตรงมาที่เรา"ดิฉันชื่อทาช่าค่ะ ส่วนทางนี้คือเอริค เกิดอะไรขึ้นคะ?" เจ้าหน้าที่ปฐมพยาบาลหญิงถามหลังจากแนะนำตัวก่อนคุกเข่าลง"ผมไม่ได้ตั้งใจครับ" ชายร้

  • ธุลีใจ   บทที่ 524

    คาลวินวันนี้เป็นวันที่เหมาะแก่การพักผ่อนและผ่อนคลายจริง ๆ ผมไม่ได้มีอะไรทำมากนัก ดังนั้นหลังจากกันเนอร์กับผมทำงานบ้านด้วยกันเสร็จ เขาก็ถามว่าขอไปหาเอมม่าได้ไหมตอนแรกผมก็นึกแปลกใจ แต่ผมสัญญาไว้กับเขาแล้วว่าผมจะตามใจเขา จะเคารพการตัดสินใจของเขาถ้าเขาต้องการทำความรู้จักกับเอมม่าและอนุญาตให้เธอเข้ามาในชีวิตเธอกล่าวทักทายเมื่อทั้งสองเจอกันและเริ่มพูดคุย แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยพูดอะไรก็ตาม พูดตามตรงผมคิดว่าเธอเหมือนรู้เวลาที่ทั้งสองสามารถพบเจอกันได้ ไม่ว่าเขาจะไปโรงเรียนและเธอกำลังไปทำงาน หรือเขากลับจากโรงเรียนและเธอกลับจากทำงานแล้วเธอก็ส่งของขวัญวันเกิดให้เจ้าลูกชายแล้ว ผมคิดว่าเธอพยายามซื้อใจเขาด้วยของขวัญ แต่หลังจากที่ผมอ่านข้อความบนการ์ด มันสั้นแต่จริงใจ เธอบอกเขาว่าเธอจะให้ของขวัญวันเกิดและคริสต์มาสให้เขาครบช่วงที่เธอพลาดไปผมควรจะหงุดหงิด แต่กลับไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย ผมรู้ว่าพ่อแม่ส่วนใหญ่จะรู้สึกว่าลูกรักตนน้อยลงหากลูกเลือกที่จะทำความรู้จักกับพ่อแม่ที่ทิ้งไป ผมไม่ได้เป็นแบบนั้น สำหรับผม ความสุขของกันเนอร์สำคัญที่สุด ถ้าการทำความรู้จักกับแม่แท้ ๆ และการมีเธออยู่ข้างกายจะทำให้สิ่งต่า

  • ธุลีใจ   บทที่ 523

    ฉันจ้องมองลูกชายอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ถอดถุงมือออก"แล้วนั่นทำอะไรอีกล่ะครับ?" เขาดูขบขันกับการกระทำของฉัน"ก็หนูเป็นครูของฉันไง ถ้าคิดว่าใช้มือเปล่าจะดีกว่า ฉันก็จะทำแบบนั้นจ้ะ"ฉันทำตามที่เด็กชายแนะนำและพรวนดินเข้าด้วยกัน ฉันไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะการสัมผัสดินด้วยมือหรือเปล่า หรือการมีเขาอยู่ข้าง ๆ หรือทั้งสองอย่าง แต่ความสงบสุขบางอย่างก็เข้ามาปกคลุมฉัน ฉันรู้สึกเบาและโปร่งสบายราวกับอยู่บนสวรรค์ชั้นเจ็ดความกังวลพลันหายไปในขณะที่กันเนอร์แนะนำฉันเรื่องการทำสวน ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมทั้งเขาและเอวาถึงชอบสิ่งนี้มาก มันผ่อนคลายมาก และฉันรู้สึกเชื่อมโยงกับโลกอย่างประหลาด"ขอบคุณสำหรับของขวัญนะครับ" กันเนอร์พูด ดึงความสนใจของฉันไปที่เขาฉันตัดสินใจว่าจะให้ของขวัญวันเกิดและคริสต์มาสแก่เขาสำหรับทุกปีที่ฉันพลาดไป เมื่อไม่กี่วันก่อน ฉันซื้อของขวัญให้เขาชิ้นหนึ่ง ไม่รู้เลยว่าตนเองจะซื้ออะไรให้ดี แต่พนักงานที่ร้านบอกว่าฉันควรซื้อปืนฉีดน้ำไฟฟ้าให้ เขาบอกว่ามันยี่ห้อมันคูย์ คูเบย์รุ่นเอสทู เขาสาธิตวิธีใช้งานให้ฉันดู ซึ่งดูเจ๋งมาก มันน่าจะเป็นสิ่งที่ทราวิส โรแวน และเกบจะต้องชอบมากถ้าทั้งสามยังเป็น

  • ธุลีใจ   บทที่ 522

    เอมม่าฉันจ้องมองความยุ่งเหยิงตรงหน้า ไม่แน่ใจจริง ๆ ว่าจะจัดการกันมันอย่างไร ช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ฉันรู้สึกแปลก ๆ และไม่สามารถระบุเหตุผลที่แน่ชัดได้ว่าทำไมถึงรู้สึกแบบนี้ฉันพยายามคิดทบทวนแล้ว แต่ก็ไม่มีอะไรผุดขึ้นมาในหัวเลย สิ่งที่ฉันรู้คือ ฉันรู้สึกแปลก ๆ เหมือนมีอะไรผิดปกติ หรือกำลังจะมีเรื่องร้าย ๆ เกิดขึ้น ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม ฉันก็ไม่สามารถสลัดความรู้สึกนี้ออกไปได้ มันยังคงอยู่และทับถมอยู่ภายในจิตใจเคยรู้สึกแบบนั้นกันไหม? รู้สึกเหมือนมีลางสังหรณ์ว่ากำลังจะมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น? มันทำให้ฉันหงุดหงิด เพราะฉันไม่สามารถบอกได้แน่ชัดและมันกำลังทำให้ฉันคลั่งตายอยู่แล้วฉันถอนหายใจพลางมองลงไปยังมือที่สวมถุงมืออยู่ คุณหมอมีอาแนะนำว่าฉันควรทำอะไรสักอย่างเพื่อเบี่ยงเบนความกังวลและผ่อนคลายให้มากขึ้น เมื่อวานฉันคุยกับเอวา และบังเอิญพูดถึงเรื่องนี้ เธอแนะนำว่าฉันควรลองทำสวนดูบ้าง ตามที่เธอพูด มันเคยช่วยเธออยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนเธอเครียดและต้องการทำอะไรสักอย่างเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจเอวาบอกฉันว่าเธอเคยปลูกผัก แต่เธอแนะนำให้ฉันลองปลูกดอกไม้ดูถ้าไม่อยากปลูกผักดังนั้นฉันก็เ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status