“หมายความว่ายังไง?” โรแวนนิ่วหน้า“เราทั้งสองต่างรู้ดีว่าฉันเป็นคนที่คุณไม่อยากเจอหน้ามากที่สุด แล้วคุณมาทำอะไรที่นี่? คุณควรไปอยู่ที่บ้านกับเอมม่าแล้วมีความสุขที่ได้กลับมาอยู่ด้วยกันไม่ใช่หรือ?” ฉันเอ่ยถามอย่างขมขื่น คำพูดของเอมม่ายังวนเวียนอยู่ในหัวเขาถอนหายใจ “คุณกำลังหาหาเรื่องทะเลาะนะ แต่ผมไม่เล่นด้วยหรอก…ผมแค่มารับคุณออกจากโรงพยาบาลแล้วก็พาคุณกลับบ้าน”“ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือจากผู้ชายที่เกลียดฉันเข้าไส้หรอกนะ! กลับไปเถอะโรแวน เราต่างรู้ดีว่าคุณไม่อยากมาอยู่ตรงนี้”“งั้นหรือ? คุณไม่ต้องการความช่วยเหลือจากผมเลยหรือ? แล้วคุณจะโทรขอให้ใครมาช่วยพาออกจากโรงพยาบาลกันเล่า? เพื่อนสักคนก็ยังไม่มีเลยเอวา”“อีธานไง อีธานพาฉันกลับบ้านได้” นั่นคือความจริงที่ว่าฉันไม่มีเพื่อนเลย แต่ถ้าฉันขอ อีธานจะต้องมาช่วยแน่นอนสีหน้าของโรแวนแปรเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว มือของเขากำแน่น สันกรามสบกันดังกรอด“ข้ามศพผมไปก่อนเถอะ” เขาคำรามลั่น “คุณมีทางเลือกสองทางนะเอวา จะยอมกลับบ้านกับผมดี ๆ หรือว่าจะนอนอยู่ที่โรงพยาบาลต่ออีกสักสองสามวัน ไม่ว่ายังไงเจ้าหมอนั่นก็ไม่มีทางมารับคุณกลับบ้านได้หรอก”“พูดจริง
ฉันตื่นขึ้นมาพบว่าตนเองอยู่ลำพังบนเตียง ฉันอดถอนหายใจไม่ได้ เพราะรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพียงความฝัน ไม่มีวันที่โรแวนจะนอนอยู่บนเตียงเดียวกันฉันได้ ฉันจำสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากผล็อยหลับที่โรงพยาบาลไม่ได้เลย ฉันได้รับยาหลายขนานเกินไปจนเริ่มจินตนาการถึงสิ่งที่ไม่เป็นจริงฉันค่อย ๆ ก้าวลงจากเตียง แต่ต้องเปลี่ยนเป็นนั่งเสียก่อนเพราะเวียนหัวจนห้องหมุน จากนั้นอีกสองสามนาที ฉันจึงค่อย ๆ เดินมุ่งไปยังห้องน้ำอย่างระมัดระวังที่สุดและอาบน้ำ ฉันเพียงต้องชำระล้างกลิ่นโรงพยาบาลที่ติดตามร่างกายออกให้หมดฉันมีหลายสิ่งจะต้องทำ แต่กลับไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มที่ไหนก่อนดี ตอนนี้ฉันไม่มีทั้งโทรศัพท์และรถยนต์ เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกฉันว่าโทรศัพท์ฉันพังไปแล้วตอนที่ตัวฉันกระเด็นไปกระแทกกับพื้น ฉันสามารถลางานกับทางโรงเรียนได้สองสามสัปดาห์ แต่ฉันต้องหาทางจัดการปัญหาเรื่องรถก่อนกลับไปทำงานกว่าที่ฉันจะแต่งตัวเรียบร้อย ศีรษะของฉันก็ปวดจนแทบทนไม่ไหว‘ให้ตายสิ! ยาแก้ปวดอยู่ไหนนะ’ ฉันคุยกับตนเองฉันเดินลงมาชั้นล่างพลางสงสัยว่าฉันจะเอาชีวิตรอดอย่างไรในช่วงสองสามวันนี้ ฉันยังอ่อนแออยู่เพียงแค่ยกนิ้วขึ้นมายังเป็นเร
“ฉันชื่อสการ์เล็ตค่ะ แต่จะเรียกว่าเล็ตตี้ก็ได้นะ…ฉันเป็นแฟนของพี่ชายคุณค่ะ”ฉันไม่ควรหลวมตัวฟังเสียงในหัวแสนโง่เง่าของฉันจริง ๆ “โอเค พอกันแค่นี้นะ…เชิญออกไปด้วยค่ะ”ฉันไม่มีอะไรต้องพูดกับคนที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวเช่นนั้น เพราะอย่างไรเสียคงมีนิสัยไม่ต่างกันและฉันก็พอแล้วกับการยอมให้คนเช่นนี้เข้ามาในชีวิต“ได้โปรดฟังฉันก่อนนะคะ” เธอขอร้องและฉันก็ยอมฟังทั้งที่ขัดกับความตั้งใจ ฉันไม่รู้ว่าเธอมีอะไรในตัวเพราะฉันรู้สึกสบายใจเมื่ออยู่ใกล้เธอ ทั้งที่เธอเป็นคนแปลกหน้าและฉันไม่ใช่คนที่จะเชื่อใจใครได้ง่าย ๆ “จะว่ายังไงดี ฉันรู้ว่าที่ทราวิสทำมันไม่ดี ฉันอาจรักเจ้าซื่อบื้อนั่น แต่ฉันก็ยอมรับด้วยว่าเขาทำตัวเลวร้ายกับคุณมาก ไม่ว่าคุณจะเคยทำเรื่องอะไรมาก็ตาม แต่คุณก็ไม่ควรจะถูกปฏิบัติอย่างที่เขากับคนอื่นในครอบครัวทำกับคุณ”“ฉันตั้งใจจะมาพบคุณสักพักแล้วล่ะค่ะ แต่ฉันกลัวว่าคุณจะไล่ฉันออกไป พอได้ยินข่าวเรื่องที่เกิดขึ้นกับคุณ ฉันจึงคิดว่าต้องมา ฉันรู้ว่าคุณยังไม่รู้จักฉันหรือแม้แต่จะเชื่อใจฉัน แต่ฉันหวังว่าคุณจะให้โอกาสฉันได้เปลี่ยนแปลงเรื่องนี้นะคะ”ฉันเปลี่ยนอิริยาบถ ยกขาขึ้นมาบนโซฟาและเอน
“ฉันชื่อลิเดียค่ะ คุณชาร์ป” พยาบาลกล่าวโดยยังคงยิ้มอยู่ฉันมองเธออย่างพินิจพิเคราะห์ จากนั้นจึงหันไปหาเล็ตตี้ซึ่งก็ทำแบบเดียวกัน“ฉันไม่เคยจ้างพยาบาลมานะคะ” ฉันบอกทั้งสองคน “ฉันอยากจะบอกว่าคุณมาผิดบ้านแล้ว แต่นั่นก็ดูเป็นไปไม่ได้เพราะคุณรู้ชื่อฉัน ดังนั้นจึงเหลือเพียงตัวเลือกเดียว นั่นก็คือมีคนอื่นจ้างคุณมา หรือไม่นี่อาจจะเป็นเพียงกลอุบายของใครบางคน”อย่าเข้าใจฉันผิดนะ การมีพยาบาลมาดูแลฉันในช่วงสองสามวันหรือสองสามสัปดาห์ข้างหน้าก็คงจะดี แต่นี่มันแปลกจริง ๆลิเดียวางกระเป๋าของเธอลงก่อนจะหันมาหาฉัน “คนที่จ้างฉันมาคือคุณวูดส์ค่ะ และเขายังบอกให้ฉันต้องเริ่มงานทันทีด้วยค่ะ”เสียงโอดครวญอย่างรำคาญใจหลุดออกจากริมฝีปากของฉัน ฉันรู้สึกประหลาดใจและโกรธในเวลาเดียวกันที่เขาทำแบบนี้ พอฉันตัดสินใจว่าไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเขา เขาก็อยากเป็นฮีโร่ขึ้นมาทันที แล้วเขาอยู่ไปไหนมาตลอดเวลาที่ฉันต้องการเขาในช่วงที่เราแต่งงานกัน? เขาเมินฉันและปฏิบัติกับฉันราวกับว่าฉันไม่มีตัวตนมาเสมอ“ฉันขอโทษที่คุณเสียเวลามาที่นี่ แต่คุณกลับไปเถอะค่ะ” ฉันบอกเธอขณะนอนลงพิงโซฟาช้า ๆฉันจะไม่รับอะไรจากโรแวนเด็ดขาด สิ่
เธอทักทายเขากลับ ฉันก็จ้องมองพวกเขาสองคนอย่างเงียบ ๆ ดูเหมือนว่าฉันจะเป็นคนเดียวที่ไม่รู้ว่าพี่ชายตัวเองมีแฟนอยู่ ฉันสงสัยว่าฉันจะได้รู้เรื่องนี้หรือไม่หากเล็ตตี้ไม่ได้มาหาฉันด้วยตัวเองฉันค่อย ๆ ลุกขึ้นและหันไปหาโรแวน “ฉันซาบซึ้งในสิ่งที่คุณพยายามทำเพราะฉันเป็นแม่ของลูกชายคุณ แต่มันไม่จำเป็น ฉันจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว”ลึก ๆ ฉันรู้ว่านี่คือเหตุผลที่เขาทำแบบนั้น ไม่ใช่เพราะเขาแคร์ฉันหรืออะไร แต่เพราะฉันเป็นแม่ของโนอา ท้ายที่สุดแล้วเขาก็มักจะเตือนฉันถึงความจริงข้อนี้อยู่บ่อยครั้งใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาขมวดคิ้ว “ไม่ใช่อย่างนั้น…”“ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือจากคุณจริง ๆ ดังนั้นคุณช่วยบอกเขาให้เอารถคืนไปและเลิกจ้างเธอได้ไหม?” ฉันขัดจังหวะเขาก่อนที่เขาจะพูดจบประโยคโดยชี้ไปที่ชายคนนั้นแล้วชี้ไปที่ลิเดีย“คุณไม่ต้องการความช่วยเหลือจริง ๆ เหรอ? ผมไม่เห็นรถคันใหม่ที่ไหนเลยหรือแม้แต่โทรศัพท์ใหม่ และดูจากความซีดเซียวของคุณ ผมบอกได้เลยว่าคุณเหนื่อยมากแล้ว… คุณต้องพักผ่อนและมีคนคอยดูแลคุณ”“อย่างที่ฉันบอก ฉันจัดการทุกอย่างเองได้… ฉันจะสั่งโทรศัพท์เครื่องใหม่พรุ่งนี้และฉันก็มีรถในใจแล้ว ฉ
สีหน้าของเขาแข็งกร้าวขึ้น เขาก้าวเข้ามาใกล้ฉัน “ใช้ชีวิตให้มันมีเหตุผลสักครั้งเถอะเอวา”“ฉันมีเหตุผล ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือจากคุณ ฉันขอหย่าเพื่อที่คุณจะได้ออกไปจากชีวิตของฉันสักที… ทำไมจู่ ๆ คุณถึงอยากจะช่วยฉันทั้งที่คุณไม่เคยสนใจฉันมาก่อนเลย?”“คุณเป็นแม่ของโนอา ยังไงผมต้องสนใจคุณอยู่แล้ว และหากคุณลืมไป ผมไม่สามารถออกไปจากชีวิตคุณได้จริง ๆ หรอก เพราะเรามีลูกชายด้วยกัน ซึ่งทำให้ชีวิตของเราต้องพัวพันกันอยู่ตลอด” เขากัดฟันพูด แววตาลุกเป็นไฟ“อีกแค่สิบปีเท่านั้น และอีกอย่างการเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตโนอา ไม่ได้หมายความว่าคุณต้องเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตฉันด้วย” ฉันเถียงฉันเริ่มเหนื่อยมากแล้ว ฉันจึงนั่งลงบนเก้าอี้บาร์ด้วยความรู้สึกเหมือนหัวของฉันหนักเป็นตัน ฉันแค่อยากจะนอนอย่างเดียว“รับรถไว้ซะ” เขาสั่งอีกครั้ง“ทำไมคุณไม่เก็บมันไว้ฝังลงหลุมพร้อมคุณเองล่ะ?” ฉันตะคอกด้วยความรู้สึกเหมือนว่าฉันถึงขีดจำกัดของตัวเองแล้วไม่ใช่ว่าฉันไม่รู้จักบุญคุณหรืออะไร ฉันแค่ไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณเขา ฉันยังไม่อยากให้เอ็มม่ามาเยี่ยมเยียนอีก ฉันมั่นใจว่าเธอคงไม่พอใจแน่ ๆ หากรู้ว่าโรแวนกำลังพยายามทำอะไรอยู่
ฉันจัดระเบียบฮู้ดของตัวเองเพื่อให้ดูดีขึ้นแทนที่จะดูเหมือนว่าฉันเพิ่งผ่านความเป็นความตายมา“ทำไมแม่ถึงใส่หมวกไหมพรมเหรอครับ?” โนอามองมาที่ฉันอย่างสงสัยเราคุยกันทางวิดิโอคอลหลังจากที่ฉันเลื่อนการสนทนาไปหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะฉันแทบจะลืมตาไม่ได้นานเกินห้านาที แต่วันนี้ฉันรู้สึกดีขึ้นมากแล้วฉันเอนหลังพิงหัวเตียง ฉันใส่หมวกไหมพรมไว้เพื่อปิดแผล โนอายังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉันและฉันจะไม่มีวันให้เขารู้“ช่วงนี้อากาศเย็น แม่เลยรู้สึกหนาวนิดหน่อยจ้ะ” ฉันโกหกฉันรู้สึกผิดที่โกหกเขา แต่ฉันก็รู้ว่าแบบนี้ดีที่สุดแล้ว ฉันไม่จำเป็นต้องทำให้เขาเป็นกังวล“เรามีฮีตเตอร์นะครับแม่ แม่เปิดฮีตเตอร์ก็ได้นี่ครับ”“มันไม่ทำงาน สงสัยมันจะพัง และแม่ลืมหาใครมาซ่อมมันน่ะ”บ้าเอ้ย ฉันเกลียดการโกหกเขาจริง ๆ ส่วนหนึ่งของฉันรู้สึกเหมือนเป็นแม่ที่แย่มากเพราะดูเหมือนว่าฉันไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากโกหกเขาตั้งแต่ที่พ่อฉันเสีย แต่อีกส่วนหนึ่งของฉันก็เข้าใจว่ามันจำเป็น“อ๋อ ครับ” เขาพึมพำอย่างไม่มั่นใจ“แล้ววันนี้ลูกทำอะไรมาบ้างจ้ะ?” ฉันถามเพื่อเปลี่ยนเรื่องทุกอย่างที่เขาทำทำให้ฉันตื่นเต้น แม้ว่าฉันจะไม่ได
เสียงเคาะประตูที่เปิดอยู่ทำให้ฉันเงยหน้าขึ้นมอง“มีคนมาขอพบคุณค่ะ เอวา” ลิเดียพูดในที่สุดฉันก็ทำให้เธอเรียกชื่อฉันแทนคำว่าคุณหญิงหรือคุณนายได้สำเร็จ ฉันรู้สึกขอบคุณที่เล็ตตี้โน้มน้าวฉันยอมให้เธออยู่ต่อ เพราะเธอช่วยฉันได้เยอะมาก เธอยังช่วยทำงานบ้านให้ฉันด้วย ฉันไม่รู้ว่าฉันจะอยู่ได้อย่างไรหากไม่มีเธอ“นั่นใครเหรอครับแม่?”ฉันบอกเธอให้ปล่อยใครก็ตามที่มาหาฉันเข้ามาก่อนที่ฉันจะหันกลับมาสนใจลูกชายสุดที่รักของฉัน“เป็นผู้หญิงน่ารักคนหนึ่งชื่อลิเดีย เธอมาช่วยแม่ทำงานบ้านจ้ะ” ฉันตอบเขา ในใจฉันนึกไปแล้วว่าใครกันที่มาเยี่ยมฉันถ้าฉันเดาถูกก็คงเป็นเล็ตตี้หรืออีธาน ทั้งสองคนมักจะแวะมาหาฉันอยู่บ่อยครั้ง“ทำไมแม่ถึงต้องการความช่วยเหลือเหรอครับ? แม่ไม่เคยต้องการความช่วยเหลือจากใครมาก่อนเลย แม่เป็นแม่ที่เก่งมากมาเสมอ” เขาจ้องมาที่ฉันอย่างสงสัยแน่นอนว่าเขาพูดถูก ฉันทำทุกอย่างด้วยตัวเองเสมอ แม้แต่ตอนที่ฉันอาศัยอยู่ที่คฤหาสน์ของโรแวน ฉันอยากจะทำให้เขาเห็นฉันในมุมมองที่ต่างออกไป เขาจะได้เห็นว่าฉันไม่ได้เอาแต่ใจเหมือนเอ็มม่าที่ต้มน้ำไม่เป็นด้วยซ้ำ นั่นจะเป็นข้อเสียของเอ็มม่าแต่ฉันคิดผิดไปมาก เข
“ใช่แล้ว มันเป็นเรื่องจริง” ในที่สุดเขาก็ตอบฉันตกใจมาก ฉันคิดเสมอว่ามันเป็นแค่ข่าวลือโง่ ๆ“มันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน แล้วตอนนั้นคุณอายุเท่าไร? ไม่ใช่ว่าฉันตัดสินหรืออะไรทำนองนั้นนะ”“ผมอายุสิบเจ็ด ส่วนหล่อนอายุยี่สิบหก ผมคิดว่า... ผมเป็นเด็กหนุ่มฮอร์โมนพลุ่งพล่าน แถมแมนดี้โคตรเซ็กซี่ ผมอยากมีเซ็กส์กับคนที่อายุมากกว่าผมเสมอ และหล่อนก็ยิ่งทำให้มันง่ายขึ้นเมื่อหล่อนเอาหน้าอกของหล่อนมาแนบหน้าผม หรือกางขาออกในขณะที่ใส่กระโปรงตัวจิ๋วทุกครั้งที่หล่อนเรียกผมไปที่โต๊ะของหล่อน”ฉันประทับใจแต่ในขณะเดียวกันก็รังเกียจแมนดี้ ฉันหมายถึงเธอเป็นครูนะ ให้ตายเถอะ แต่กลับพยายามล่อลวงนักเรียนของตัวเอง ฉันเองก็เป็นครูเหมือนกัน และฉันจะไม่มีวันก้าวข้ามเส้นนั้นเด็ดขาด“คุณเป็นคนขอเองนะ” โรแวนพูดเมื่อสังเกตเห็นหน้านิ่วคิ้วขมวดของฉัน “ฉันรู้ แต่ฉันรู้สึกไม่สบายใจที่ครูตั้งใจจะล่อลวงนักเรียนอายุสิบเจ็ดปี”เขาเพียงแค่ยักไหล่ เหมือนกับว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่ หลังจากนั้นการสนทนาก็ผ่อนคลายลง ฉันเพลิดเพลินไปกับมันอย่างเต็มที่ ราวกับมันเป็นความฝันและฉันไม่อยากให้เดตจบลง เราคุยกันทุกเรื่องเป็นชั่วโมงภายใต้แสงจันท
ฉันจ้องมองเขาอย่างมึนงง ไม่รู้จะพูดหรือทำอะไรดี“คุณชอบกลิ่นหอม และคุณชอบกลิ่นที่มีเบอร์รี่ผสมอยู่มากกว่า ขอแค่น้ำหอมหรือสบู่เหลวอาบน้ำมีส่วนผสมของเบอร์รี่ คุณก็จะยอมซื้อ คุณไม่มีอาหารจานโปรดจริง ๆ เพราะคุณจะกินอะไรก็ได้ตราบใดที่มันอร่อย คุณชอบอาบน้ำอุ่นนาน ๆ เพราะมันทำให้คุณผ่อนคลาย คุณเกลียดความสูง คุณเกลียดการไปสาย และคุณเกลียดการขึ้นเครื่องบินด้วย คุณเกลียดแมลงสาบ คุณมักจะพูดว่าอยากให้บ้านของคุณเต็มไปด้วยแมงมุมมากกว่าพวกแมลงสีน้ำตาลน่ารังเกียจนั่น... ให้ผมจะพูดต่อไหม”เขาไม่ให้โอกาสฉันตอบ“คุณชอบรวบผมเป็นหางม้าและมวยผม คุณไม่ชอบแต่งหน้ามากนักและแต่งหน้าเฉพาะเมื่อจำเป็นหรืออยากแต่ง คุณไม่ชอบนอนหงายเพราะมันทำให้คุณนึกถึงคนตายในโลงศพ คุณเกลียดความไม่เป็นระเบียบและสีเหลืองด้วย…”ฉันยกมือให้เขาหยุดพูดเพราะฉันพูดอะไรไม่ออกเลย ทุกอย่างที่เขาพูดเป็นความจริง ฉันไม่เข้าใจเลยว่าเขารู้เรื่องทั้งหมดนี้ได้ยังไง เพราะเราไม่เคยสนิทกันมาก่อน ครอบครัวชาร์พคงไม่ได้บอกเขาหรอก เพราะพวกเขาแทบจะไม่รู้จักฉันด้วยซ้ำ“ได้ยังไง?” ฉันพูดติดขัด ในหัวไม่สามารถประมวณผลทุกอย่างได้“ผมบอกคุณแล้ว” เขากล่าวพร้
ฉันมองออกไปนอกรถแล้วตะลึงงัน สถานที่แห่งนี้ดูราวกับเป็นสวรรค์ มันเป็นพื้นที่โล่งกว้างที่มีหญ้าเขียวขจีและคงมีดอกไม้มากมายนานาพันธุ์ นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันชอบที่สุดของที่นี่ แต่มันคือเพราะทิวทัศน์ต่างหาก ดวงดาวนับพันเปล่งแสงระยิบระยับราวกับกำลังเห็นด้วยกับเดตนี้“คุณชอบไหม” โรแวนถาม และคำตอบเดียวของฉันคือการพยักหน้าฉันค่อย ๆ ออกจากรถ สูดอากาศบริสุทธิ์และชมทิวทัศน์ที่สวยงามจับใจ ฉันเดินไปเกือบถึงขอบถนนและมองลงไปที่เมืองเบื้องล่าง ฉันไม่รู้ว่าโรแวนไปเจอสถานที่แห่งนี้ได้อย่างไร และฉันก็ไม่สนใจฉันหลับตาลง รู้สึกว่าความกังวลทั้งหมดมลายหายไป นี่คือฉากในแบบที่ฉันชอบ ฉันชอบมันมากเมื่อฉันหันกลับไป ฉันพบว่าโรแวนจัดเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว มีผ้าห่มและตะกร้าปิกนิกพร้อมสิ่งที่ฉันเดาว่าเป็นช็อกโกแลต สตรอเบอร์รี่และไวน์ นอกจากนี้ก็ยังมีอาหารที่เราสั่งอยู่ด้วยฉันเดินช้า ๆ ไปหาเขา ถอดรองเท้าและนั่งลงข้าง ๆ เขา “นี่มันสุดยอดเลย โรแวน ขอบคุณนะคะ”เขาพยักหน้า “อะไรก็ตามที่จะทำให้คุณมีความสุขที่รัก ตอนนี้เรามาทานอาหารกันเถอะ เพราะผมหิวจะแย่แล้ว”เราทานอาหารกันเงียบ ๆ ฉันใช้โอกาสนี้ชื่นชมทิวทัศน์
การเดินทางใช้เวลาไม่นานนัก และนอกจากการคุยกันเล็กน้อยเป็นครั้งคราว เราก็เงียบกันเกือบตลอดเวลา แต่ก็เป็นครั้งแรกเท่าที่ฉันจำได้ ที่ความเงียบระหว่างเราให้ความรู้สึกสบายใจในช่วงเวลาที่หาได้ยากที่เราขับรถไปด้วยกัน โรแวนมักจะพยายามทำเป็นไม่สนใจฉัน ขณะที่ฉันพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อชวนเขาคุย ซึ่งมันมักจะทำให้บรรยากาศดูอึดอัดและแปลก ๆ เสมอ“คุณยิ้มทำไม” ฉันถามเขาเมื่อเขาลงจากรถเพื่อช่วยฉันออกจากรถรอยยิ้มของเขาควรจะเป็นอาวุธทำลายล้างสำหรับผู้หญิงโดยแท้ แน่นอนว่าเขาหล่ออยู่แล้ว แต่เมื่อโรแวนยิ้ม มันยิ่งทำให้ความหล่อของเขาก้าวไปอีกระดับหนึ่ง“ผมจะมีความสุขที่พาผู้หญิงของตัวเองออกมาข้างนอกไม่ได้เหรอ” เขาถามพร้อมเอียงศีรษะเล็กน้อยไม่รู้ทำไม ฉันถึงหัวเราะคิกคักขึ้นมา ทั้ง ๆ ที่ปกติฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่จะหัวร่อต่อกระซิก ฉันไม่เคยหัวเราะแบบนี้มาก่อนเลยทั้งชีวิต จริง ๆ แล้วฉันเคยคิดว่ามันดูน่ารังเกียจด้วยซ้ำเมื่อเห็นผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่แล้วทำแบบนี้ แต่ตอนนี้ฉันกลับเป็นคนที่ทำเสียเอง“ขอโทษที ฉันไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงหัวเราะแบบนั้น” ฉันเอ่ยขอโทษขณะที่พยายามรวบรวมสติเขาจับมือฉัน และฉันก็คล้อ
ฉันมองตัวเองในกระจก และมีความสุขกับลุคของตัวเอง ฉันเกล้าผมเป็นมวยต่ำและม้วนผมเป็นลอนเข้ากับกรอบหน้า คืนนี้ฉันต้องการอะไรที่แปลกใหม่ เพราะเป็นเดตครั้งแรกของฉันกับโรแวน ฉันจึงตัดสินใจเลือกอายแชโดว์สีสโมกี้ที่ดูไม่ฉูดฉาดแต่เย้ายวนกับลิปสติกสีแดงส่วนชุดเดรส ฉันเลือกชุดเดรสสีดำยาวระดับเข่า มีคอเสื้อเว้าลึกที่ยึดด้วยสายรัดบาง ๆ เผยให้เห็นเนินอกเล็กน้อย พอให้ดูยั่วยวนแต่ไม่เกินงาม อีกทั้งเป็นชุดเปิดหลังซึ่งฉันมั่นใจว่าจะทำให้บรรดาหนุ่ม ๆ ต้องคลั่งฉันยังคงจ้องมองตัวเองในขณะที่ลูบมือไปตามเนื้อผ้าที่นุ่มนวล ชุดนี้เข้ารูปพอดีตัว และต้องขอบคุณที่ฉันเพิ่งผ่านช่วงตั้งครรภ์ เลยทำให้ตอนนี้ฉันมีส่วนเว้าโค้งที่พอดิบพอดี“โอ้โหที่รัก ถ้าฉันไม่ได้ชอบผู้ชาย ฉันคงจีบเธอไปแล้วแน่ ๆ” เล็ตตี้กล่าวชมด้วยน้ำเสียงปลื้มปริ่ม “เธอเซ็กซี่มาก แบบที่ไม่มีอะไรจะเทียบได้เลย” “เธอพูดถูก” โครินพูดเสริมพวกเธอกลับไปเมื่อสองสามชั่วโมงก่อน ตอนนี้เรากำลังคุยกันทางวิดิโอคอล เพราะฉันต้องการฟังความคิดเห็นที่จริงใจของพวกเธอ เดตครั้งนี้สำคัญมาก อย่างที่ฉันบอก นี่เป็นเดตครั้งแรกของโรแวนกับฉัน ฉันจึงอยากให้ทุกอย่างออกมาสมบูร
“เอานี่ไปสิ” เขาสั่งพลางยื่นแบล็คการ์ดของเขาให้ฉันฉันมองบัตรนั้นอย่างลังเล “โรแวน…”“เอาไปเถอะ เอวา ตอนนี้คุณเป็นของผมแล้ว หมายความว่าทุกอย่างที่ผมมีก็เป็นของคุณ คุณอาจจะมีเงิน แต่ตราบใดที่เรายังอยู่ด้วยกัน คุณไม่จำเป็นต้องใช้มัน”ฉันขมวดคิ้วด้วยความสับสน สายตาของฉันเลื่อนไปที่เขา ฉันไม่เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไรที่บอกว่า ‘ฉันมีเงิน’ ฉันไม่มีเวลาซักถามเขา และฉันจะไม่เถียง เพราะจากแววตาที่เขามองมาที่ฉัน ฉันรู้ว่าเขาจะไม่เปลี่ยนใจ “โอเค” ฉันพึมพำพลางรับบัตร “ขอบคุณนะ”ฉันไม่ได้คิดจะใช้บัตรใบนั้นหรอก แต่ตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องรู้ หลังจากบอกลากัน ฉันก็ออกจากบ้าน เราตัดสินใจใช้รถหนึ่งคัน บอดี้การ์ดคนหนึ่งจึงขับรถพาเราไปที่ห้างสรรพสินค้าฉันตื่นเต้นมากจนแทบจะห้ามใจไม่อยู่ ไม่นานเราก็มาถึง และหลังจากจอดรถเราก็ตรงไปที่ร้านค้าทันที โดยมีบอริสเดินตามอยู่ข้างหลัง“ว่าแต่เธอกำลังมองหาอะไรอยู่เหรอ” เล็ตตี้ถามขณะเราเข้าไปในร้านแบรนด์หรูแห่งหนึ่งฉันมองร้านด้วยความกังวล รู้สึกตกตะลึงกับป้ายราคา“เล็ตตี้ ฉันไม่คิดว่าจะซื้ออะไรที่นี่ได้หรอก” ฉันเอ่ยขึ้นเสียงแหลม “ราคาที่นี่ทำฉันหัวใจวายได้เลย”พว
“ได้สิ แน่นอน”หลังจากนั้นเขาก็วางสาย ฉันถอนหายใจ รู้สึกผิดหวังนิดหน่อยที่เขาไม่ได้หาทางออกให้ ในตอนนี้ฉันคิดว่าจะรับข้อเสนอของโครินหรือไม่ก็พาไอริสไปด้วยแทน ซึ่งคงปวดหัวไม่น้อย การไปช้อปปิ้งกับลูกมักจะเป็นแบบนั้นฉันถือโทรศัพท์แล้วเดินลงไปชั้นล่าง ไอริสยังหลับอยู่ ส่วนโครินกับเล็ตตี้กำลังคุยกัน ขนมที่เทเรซาเอามาให้ก็เกือบจะหมดแล้ว“แล้วเขาว่าไงบ้าง” เล็ตตี้ถามหลังจากกลืนคุกกี้ลงคอฉันตอบพร้อมยักไหล่ “ไม่มีอะไรมาก เขาแค่บอกให้ฉันรอให้เขาคิดหาวิธีแก้ปัญหาก่อน” ฉันนั่งลงและหยิบคุกกี้ขึ้นมา ฉันเคี้ยวมันอย่างเอร็ดอร่อยจนเกือบร้องครางออกมา เทเรซาบอกฉันว่าเธอใช้สูตรลับที่สืบทอดมาจากคุณย่าทวดของเธอ ฉันเองยังพยายามโน้มน้าวให้เธอแบ่งปันสูตรที่ว่านั้นให้เลย“บ้าจริง เทเรซาสร้างความฟินด้วยอาหารเก่งชะมัด... นี่มันอร่อยสุด ๆ เลย” โครินชมขณะที่หยิบคุกกี้ขึ้นมาอีกชิ้นฉันได้แต่ยิ้มเพราะรู้ว่าเธอพูดถูก โนอาหลงใหลคุ้กกี้ของเธอมาก ฉันก็เช่นกัน โรแวนไม่ชอบของหวานเท่าไร แต่เขาเคยลองกินครั้งหนึ่งและก็ต้องยอมรับว่ามันอร่อย ถ้าเทเรซาคิดจะทำธุรกิจคุกกี้ เธอต้องขายได้แน่นอน เธอทำได้อร่อยถึงขั้นนั้นเชียวล
“นี่เอาจริงเหรอ” เล็ตตี้ถามด้วยความตกตะลึง“ใช่” ฉันตอบ “วันนี้ฉันค้นตู้เสื้อผ้าเพื่อเตรียมตัว แต่ไม่มีอะไรที่เหมาะจะใส่ออกเดตเลย แม้แต่เดรสสั้นสีดำเล็ก ๆ สักตัวก็ยังไม่มี” พูดตามตรงว่าเรื่องนี้ค่อนข้างน่าแปลกใจ ฉันจำความทรงจำครั้งหนึ่งกับอีธานได้ เราไปเดตกันและฉันมีชุดเดรสสีแดงรัดรูปตัวหนึ่ง ไม่ใช่ว่าฉันคิดจะใส่มันหรอก แต่ตอนนี้มันหายไปจากตู้เสื้อผ้า ฉันมีแค่กางเกงยีนส์กับเดรสฤดูร้อนไม่กี่ตัวเท่านั้น“ไม่ต้องกังวลหรอก เพื่อนรัก เราจะช่วยเธอเอง... จริง ๆ แล้ว ฉันคิดว่าเราควรไปช้อปปิ้งกัน” โครินพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริงฟังดูน่าสนุก แต่ฉันอดกังวลเกี่ยวกับไอริสไม่ได้ ฉันไม่อยากพาเธอไปด้วยเพราะเรารู้กันดีว่าการช้อปปิ้งมันทั้งยาวนานและเหนื่อยล้า แต่ฉันก็ไม่อยากทิ้งเธอไว้ที่นี่เช่นกัน“ไม่รู้สิ” ฉันพึมพำพลางกัดริมฝีปากไม่ใช่ว่าฉันไม่ไว้ใจเทเรซา แต่ฉันแค่รู้สึกไม่สบายใจที่จะทิ้งเธอไว้กับหล่อน มันคงไม่เป็นไรถ้าโนอาหรือโรแวนอยู่แถวนี้ แต่ตอนนี้พวกเขาไม่อยู่“เกี่ยวกับเรื่องไอริสงั้นเหรอ?” เล็ตตี้ถามขณะมองลึกเข้ามาในดวงตาฉันแทนที่จะตอบ ฉันแค่พยักหน้า ฉันอยากไปช้อปปิ้งจริง ๆ ฉันถูกขังอย
“แล้วเธอคิดว่าฉันควรทำยังไง” โครินถามพร้อมมองพวกเราอย่างต้องการคำตอบ“ก่อนอื่นเลย เธอต้องการเขาไหม” ฉันถามด้วยความอยากรู้นั่นคือคำถามแรกที่เธอต้องถามตัวเอง เราทำอะไรต่อไม่ได้เลยจนกว่าเธอจะตอบคำถามนั้น “ฉันหลงใหลเขาอย่างโงหัวไม่ขึ้น แต่ฉันไม่รู้ว่าควรยุ่งเกี่ยวกับเขาหรือเปล่า ตำรวจยังคงตามล่าเขาอยู่ และฉันไม่ต้องการความสัมพันธ์ที่จะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเองในภายหลังและทำลายทุกอย่างที่ฉันทุ่มเทมา” ครู่หนึ่งเธอก็เอ่ยตอบฉันเข้าใจว่าเธอหมายถึงอะไร รีเปอร์ไม่ใช่คนธรรมดา เขาเป็นอาชญากร ซึ่งหมายความว่าการยุ่งเกี่ยวกับเขาจะมีผลร้ายแรง ซึ่งทำให้ฉันสงสัยว่าฉันคิดอะไรอยู่ถึงได้เป็นเพื่อนกับผู้ชายคนนั้น ฉันเข้าใจว่าเขาเป็นลุงของไอริส แต่ผู้ชายคนนั้นเป็นอันตรายและตำรวจก็กำลังต้องการตัวเขา“ฉันคิดว่าเธอควรลองดูนะ ฟันเขาสักครั้งแล้วค่อยตัดสินใจ” เล็ตตี้บอกเธอ ฉันกำลังจะขัดจังหวะเธอเพราะคิดว่าเธอเสียสติ แต่เธอตัดบทฉันเสียก่อน “ฟังฉันก่อนน่า เราทั้งคู่รู้ว่าเอวาไม่ใช่คนที่เชื่อใจใครโดยไม่ลืมหูลืมหา ยกเว้นอีธานล่ะนะ เธอเป็นคนที่ดูคนเก่งทีเดียว”“แม้แต่กับอีธาน เราก็ยอมรับว่าเขาเป็นคนดี เขาแค่ยอมให้คว