“ฉันชื่อลิเดียค่ะ คุณชาร์ป” พยาบาลกล่าวโดยยังคงยิ้มอยู่ฉันมองเธออย่างพินิจพิเคราะห์ จากนั้นจึงหันไปหาเล็ตตี้ซึ่งก็ทำแบบเดียวกัน“ฉันไม่เคยจ้างพยาบาลมานะคะ” ฉันบอกทั้งสองคน “ฉันอยากจะบอกว่าคุณมาผิดบ้านแล้ว แต่นั่นก็ดูเป็นไปไม่ได้เพราะคุณรู้ชื่อฉัน ดังนั้นจึงเหลือเพียงตัวเลือกเดียว นั่นก็คือมีคนอื่นจ้างคุณมา หรือไม่นี่อาจจะเป็นเพียงกลอุบายของใครบางคน”อย่าเข้าใจฉันผิดนะ การมีพยาบาลมาดูแลฉันในช่วงสองสามวันหรือสองสามสัปดาห์ข้างหน้าก็คงจะดี แต่นี่มันแปลกจริง ๆลิเดียวางกระเป๋าของเธอลงก่อนจะหันมาหาฉัน “คนที่จ้างฉันมาคือคุณวูดส์ค่ะ และเขายังบอกให้ฉันต้องเริ่มงานทันทีด้วยค่ะ”เสียงโอดครวญอย่างรำคาญใจหลุดออกจากริมฝีปากของฉัน ฉันรู้สึกประหลาดใจและโกรธในเวลาเดียวกันที่เขาทำแบบนี้ พอฉันตัดสินใจว่าไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเขา เขาก็อยากเป็นฮีโร่ขึ้นมาทันที แล้วเขาอยู่ไปไหนมาตลอดเวลาที่ฉันต้องการเขาในช่วงที่เราแต่งงานกัน? เขาเมินฉันและปฏิบัติกับฉันราวกับว่าฉันไม่มีตัวตนมาเสมอ“ฉันขอโทษที่คุณเสียเวลามาที่นี่ แต่คุณกลับไปเถอะค่ะ” ฉันบอกเธอขณะนอนลงพิงโซฟาช้า ๆฉันจะไม่รับอะไรจากโรแวนเด็ดขาด สิ่
เธอทักทายเขากลับ ฉันก็จ้องมองพวกเขาสองคนอย่างเงียบ ๆ ดูเหมือนว่าฉันจะเป็นคนเดียวที่ไม่รู้ว่าพี่ชายตัวเองมีแฟนอยู่ ฉันสงสัยว่าฉันจะได้รู้เรื่องนี้หรือไม่หากเล็ตตี้ไม่ได้มาหาฉันด้วยตัวเองฉันค่อย ๆ ลุกขึ้นและหันไปหาโรแวน “ฉันซาบซึ้งในสิ่งที่คุณพยายามทำเพราะฉันเป็นแม่ของลูกชายคุณ แต่มันไม่จำเป็น ฉันจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว”ลึก ๆ ฉันรู้ว่านี่คือเหตุผลที่เขาทำแบบนั้น ไม่ใช่เพราะเขาแคร์ฉันหรืออะไร แต่เพราะฉันเป็นแม่ของโนอา ท้ายที่สุดแล้วเขาก็มักจะเตือนฉันถึงความจริงข้อนี้อยู่บ่อยครั้งใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาขมวดคิ้ว “ไม่ใช่อย่างนั้น…”“ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือจากคุณจริง ๆ ดังนั้นคุณช่วยบอกเขาให้เอารถคืนไปและเลิกจ้างเธอได้ไหม?” ฉันขัดจังหวะเขาก่อนที่เขาจะพูดจบประโยคโดยชี้ไปที่ชายคนนั้นแล้วชี้ไปที่ลิเดีย“คุณไม่ต้องการความช่วยเหลือจริง ๆ เหรอ? ผมไม่เห็นรถคันใหม่ที่ไหนเลยหรือแม้แต่โทรศัพท์ใหม่ และดูจากความซีดเซียวของคุณ ผมบอกได้เลยว่าคุณเหนื่อยมากแล้ว… คุณต้องพักผ่อนและมีคนคอยดูแลคุณ”“อย่างที่ฉันบอก ฉันจัดการทุกอย่างเองได้… ฉันจะสั่งโทรศัพท์เครื่องใหม่พรุ่งนี้และฉันก็มีรถในใจแล้ว ฉ
สีหน้าของเขาแข็งกร้าวขึ้น เขาก้าวเข้ามาใกล้ฉัน “ใช้ชีวิตให้มันมีเหตุผลสักครั้งเถอะเอวา”“ฉันมีเหตุผล ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือจากคุณ ฉันขอหย่าเพื่อที่คุณจะได้ออกไปจากชีวิตของฉันสักที… ทำไมจู่ ๆ คุณถึงอยากจะช่วยฉันทั้งที่คุณไม่เคยสนใจฉันมาก่อนเลย?”“คุณเป็นแม่ของโนอา ยังไงผมต้องสนใจคุณอยู่แล้ว และหากคุณลืมไป ผมไม่สามารถออกไปจากชีวิตคุณได้จริง ๆ หรอก เพราะเรามีลูกชายด้วยกัน ซึ่งทำให้ชีวิตของเราต้องพัวพันกันอยู่ตลอด” เขากัดฟันพูด แววตาลุกเป็นไฟ“อีกแค่สิบปีเท่านั้น และอีกอย่างการเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตโนอา ไม่ได้หมายความว่าคุณต้องเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตฉันด้วย” ฉันเถียงฉันเริ่มเหนื่อยมากแล้ว ฉันจึงนั่งลงบนเก้าอี้บาร์ด้วยความรู้สึกเหมือนหัวของฉันหนักเป็นตัน ฉันแค่อยากจะนอนอย่างเดียว“รับรถไว้ซะ” เขาสั่งอีกครั้ง“ทำไมคุณไม่เก็บมันไว้ฝังลงหลุมพร้อมคุณเองล่ะ?” ฉันตะคอกด้วยความรู้สึกเหมือนว่าฉันถึงขีดจำกัดของตัวเองแล้วไม่ใช่ว่าฉันไม่รู้จักบุญคุณหรืออะไร ฉันแค่ไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณเขา ฉันยังไม่อยากให้เอ็มม่ามาเยี่ยมเยียนอีก ฉันมั่นใจว่าเธอคงไม่พอใจแน่ ๆ หากรู้ว่าโรแวนกำลังพยายามทำอะไรอยู่
ฉันจัดระเบียบฮู้ดของตัวเองเพื่อให้ดูดีขึ้นแทนที่จะดูเหมือนว่าฉันเพิ่งผ่านความเป็นความตายมา“ทำไมแม่ถึงใส่หมวกไหมพรมเหรอครับ?” โนอามองมาที่ฉันอย่างสงสัยเราคุยกันทางวิดิโอคอลหลังจากที่ฉันเลื่อนการสนทนาไปหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะฉันแทบจะลืมตาไม่ได้นานเกินห้านาที แต่วันนี้ฉันรู้สึกดีขึ้นมากแล้วฉันเอนหลังพิงหัวเตียง ฉันใส่หมวกไหมพรมไว้เพื่อปิดแผล โนอายังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉันและฉันจะไม่มีวันให้เขารู้“ช่วงนี้อากาศเย็น แม่เลยรู้สึกหนาวนิดหน่อยจ้ะ” ฉันโกหกฉันรู้สึกผิดที่โกหกเขา แต่ฉันก็รู้ว่าแบบนี้ดีที่สุดแล้ว ฉันไม่จำเป็นต้องทำให้เขาเป็นกังวล“เรามีฮีตเตอร์นะครับแม่ แม่เปิดฮีตเตอร์ก็ได้นี่ครับ”“มันไม่ทำงาน สงสัยมันจะพัง และแม่ลืมหาใครมาซ่อมมันน่ะ”บ้าเอ้ย ฉันเกลียดการโกหกเขาจริง ๆ ส่วนหนึ่งของฉันรู้สึกเหมือนเป็นแม่ที่แย่มากเพราะดูเหมือนว่าฉันไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากโกหกเขาตั้งแต่ที่พ่อฉันเสีย แต่อีกส่วนหนึ่งของฉันก็เข้าใจว่ามันจำเป็น“อ๋อ ครับ” เขาพึมพำอย่างไม่มั่นใจ“แล้ววันนี้ลูกทำอะไรมาบ้างจ้ะ?” ฉันถามเพื่อเปลี่ยนเรื่องทุกอย่างที่เขาทำทำให้ฉันตื่นเต้น แม้ว่าฉันจะไม่ได
เสียงเคาะประตูที่เปิดอยู่ทำให้ฉันเงยหน้าขึ้นมอง“มีคนมาขอพบคุณค่ะ เอวา” ลิเดียพูดในที่สุดฉันก็ทำให้เธอเรียกชื่อฉันแทนคำว่าคุณหญิงหรือคุณนายได้สำเร็จ ฉันรู้สึกขอบคุณที่เล็ตตี้โน้มน้าวฉันยอมให้เธออยู่ต่อ เพราะเธอช่วยฉันได้เยอะมาก เธอยังช่วยทำงานบ้านให้ฉันด้วย ฉันไม่รู้ว่าฉันจะอยู่ได้อย่างไรหากไม่มีเธอ“นั่นใครเหรอครับแม่?”ฉันบอกเธอให้ปล่อยใครก็ตามที่มาหาฉันเข้ามาก่อนที่ฉันจะหันกลับมาสนใจลูกชายสุดที่รักของฉัน“เป็นผู้หญิงน่ารักคนหนึ่งชื่อลิเดีย เธอมาช่วยแม่ทำงานบ้านจ้ะ” ฉันตอบเขา ในใจฉันนึกไปแล้วว่าใครกันที่มาเยี่ยมฉันถ้าฉันเดาถูกก็คงเป็นเล็ตตี้หรืออีธาน ทั้งสองคนมักจะแวะมาหาฉันอยู่บ่อยครั้ง“ทำไมแม่ถึงต้องการความช่วยเหลือเหรอครับ? แม่ไม่เคยต้องการความช่วยเหลือจากใครมาก่อนเลย แม่เป็นแม่ที่เก่งมากมาเสมอ” เขาจ้องมาที่ฉันอย่างสงสัยแน่นอนว่าเขาพูดถูก ฉันทำทุกอย่างด้วยตัวเองเสมอ แม้แต่ตอนที่ฉันอาศัยอยู่ที่คฤหาสน์ของโรแวน ฉันอยากจะทำให้เขาเห็นฉันในมุมมองที่ต่างออกไป เขาจะได้เห็นว่าฉันไม่ได้เอาแต่ใจเหมือนเอ็มม่าที่ต้มน้ำไม่เป็นด้วยซ้ำ นั่นจะเป็นข้อเสียของเอ็มม่าแต่ฉันคิดผิดไปมาก เข
โรแวนผมนั่งดูเอกสารด่วนที่โต๊ะของตัวเอง ผมพยายามจะมีสมาธิแต่ก็ทำไม่ได้ผมยังนึกถึงความจริงที่ว่าเอวาไม่รับสายผมอีกแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะผมจ้างลิเดีย ผมคงไม่รู้ว่าเธอเป็นยังไงบ้างผมยังไม่อยากเชื่อเลยว่าเธอจะเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ พูดได้เต็มปากเลยว่าเอวาที่ผมรู้จักหายไปนานแล้ว เหลือแค่คนแปลกหน้าโดยสิ้นเชิงเมื่อเอ็มม่าตัดสินใจย้ายกลับมา ผมกลัวว่าเอวาจะสร้างปัญหาให้พวกเรา เธอคงจะเป็นตัวป่วนเหมือนตอนสมัยที่เธอเป็นวัยรุ่น แต่เธอก็พิสูจน์ให้ผมเห็นว่าผมคิดผิดผมควรจะดีใจที่เธอรักษาระยะห่างและไม่ได้สร้างปัญหาให้ผม แต่ผมกลับรู้สึกไม่สบายใจกับเรื่องนี้ มันแปลกมากที่ผมกังวลใจและเกลียดที่เธออยู่ในความคิดของผมตลอดเวลาในที่สุดผมก็ยอมแพ้กับการพยายามตั้งสมาธิและลุกขึ้นยืน ผมเดินไปที่หน้าต่างและจ้องออกไปข้างนอกเพื่อพยายามลบเรื่องเอวาออกจากหัว“ท่านคะ หัวหน้าผู้ตรวจการมาถึงแล้วค่ะ” คริสติน เลขาของผมกล่าวผมจมอยู่กับความคิดจนไม่ได้ยินเสียงเธอเข้ามาในห้องทำงานของผมด้วยซ้ำ“ให้เขาเข้ามา” ผมหันไปมองเธอก่อนจะเดินกลับไปที่เก้าอี้ของผมไบรอัน หัวหน้าผู้ตรวจการเข้ามาพอดีตอนที่ผมกำลังนั่งลง พวกเราจับมือกั
ผมรู้ว่าเขาคงสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทุกคนรู้ดีว่าผมไม่เคยสนใจเอวาเลย ก็คิดดูทั้งที่พวกเราแต่งงานกันและผมมีทั้งอิทธิพลและศัตรู แต่ผมไม่เคยสั่งให้บอดี้การ์ดไปติดตามเธอเลย ในขณะที่โนอามีถึงสองคนเอวาเองก็เคยถามผมว่าเกิดอะไรขึ้นกับผม ทำไมผมถึงสนใจความปลอดภัยและความเป็นอยู่ของเธอขึ้นมาทันทีทันใดแบบนี้ ทุกคนคงคิดเหมือนเธอเพราะผมเองก็สับสนเหมือนกันว่าทำไมเธอถึงมีความสำคัญกับผมขึ้นมากะทันหันแบบนี้ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้าผมดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือแล้วก็พบว่าตอนนี้เป็นเวลาหกโมงแล้ว ผมควรจะไปพบกับทราวิสและเกเบรียลเพื่อดื่มกันตอนหกโมงครึ่งก่อนจะกลับบ้านผมออกจากสำนักงานพร้อมกับเอกสารต่าง ๆ ผมอารมณ์ไม่ดี พนักงานของผมจึงไม่มีใครกล้าแม้แต่จะทักผมด้วยซ้ำผมไปถึงคลับทันเวลาและรีบตรงไปที่โซนส่วนตัว นี่เป็นคลับพิเศษแห่งหนึ่งจากหลาย ๆ แห่งที่เกเบรียลและผมเป็นเจ้าของ“มาถึงสักที… นายช่วยจัดการเขาหน่อยได้ไหม? ฉันทนความขี้ขลาดของเขาไม่ไหวแล้ว” เกเบรียลบ่นก่อนจะยกเครื่องดื่มของเขาและมองทราวิสด้วยความรังเกียจ“เกิดอะไรขึ้น?” ผมหันไปหาทราวิสสภาพเขาดูแย่มาก“ฉันไปหาเอวามาเมื่อสองสามวันก่อน และเธอไล่ฉั
เอวาฉันรู้สึกประหม่ามากขณะเตรียมตัวออกเดตกับอีธาน ตอนนี้ผ่านไปสองสัปดาห์แล้วตั้งแต่ฉันออกจากโรงพยาบาลและทุกอย่างก็ดีขึ้น คุณหมอบอกว่าฉันหายดีแล้วและฉันก็กลับไปทำงานได้ตั้งแต่เมื่อสองสามวันก่อนในช่วงสองสัปดาห์นั้นมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง เล็ตตี้กับฉันสนิทกันมากขึ้น และอีธานกับฉันเองก็เช่นกัน เขาขอฉันออกเดตเมื่อสองสามวันก่อน ฉันตอบตกลงอย่างเต็มใจอีธานช่วยเรื่องความภูมิใจในตัวเองของฉัน เขาทำให้ฉันหัวเราะและผ่อนคลาย ฉันรู้สึกสบายใจเมื่ออยู่กับเขา เมื่อฉันอยู่ใกล้เขา ฉันลืมโรแวนได้ ฉันลืมหัวใจที่แตกสลายของตัวเองได้“ปล่อยผมหรือรวบผมดี?” ฉันถามเล็ตตี้เราคุยกันผ่านวิดีโอคอลและเธอก็ช่วยฉันเตรียมตัวพูดตามตรงนี่เป็นครั้งแรกที่ฉันออกเดต เหมือนที่ฉันเคยบอกไว้ก่อนหน้านี้ ฉันไม่ใช่ผู้หญิงแบบที่ผู้ชายจะชวนออกเดตมาก่อนตอนที่ฉันแต่งงาน โรแวนไม่เคยพาฉันออกไปข้างนอกเลย จริง ๆ แล้วเราไม่เคยทำอะไรแบบที่คู่รักทำกัน เราไม่เคยไปทานอาหารค่ำด้วยกันเลยด้วยซ้ำ แค่โรแวนกลับบ้านมาทานอาหารค่ำเกือบทุกวันได้ก็ถือเป็นเรื่องน่าประหลาดใจแล้ว“แน่นอนว่าต้องรวบผม คุณมีคอที่ยาวระหง คุณควรอวดมัน” เล็ตตี้พูดเพ
ฉันหยุดหายใจเเพราะความตกใจ และผละออกจากเขา ในขณะที่ร่างเล็ก ๆ กระโดดขึ้นมาบนตัวเรา"สุขสันต์วันคริสต์มาส!" เขาตะโกนอย่างมีความสุขด้วยเสียงร้องเพลง“หัวจะปวด” ทั้งกาเบรียลและฉันครางอย่างหงุดหงิดจะมาช้ากว่านี้สักชั่วโมงไม่ได้หรืออย่างไร? ถ้ามีใครสักคนในครอบครัวนี้ที่ชอบขัดจังหวะเรา มันก็ต้องเป็นลูกคนที่สอง แอนดรูว์ คนนี้แน่นอน เราเรียกเขาว่าดรูว์เขาอาจจะไม่รู้ว่าเขาเป็นตัวขัดจังหวะแค่ไหน แต่ก็ไม่สำคัญยังไงเขาก็ทำอยู่ดี"ตื่นครับ! ตื่น!" เขาตะโกนเสียงดัง จนชั่วขณะหนึ่งฉันไม่ได้ยินอะไรเลย นอกจากเสียงก้องของเจ้าลูกชาย"ไม่ต้องตะโกนก็ได้ ดรูว์" เกเบรียลบ่น "พ่อแม่ได้ยินชัดเจนโดยที่หนูไม่ต้องทำให้แก้วหูพ่อแม่แตกก็ได้"ดูเหมือนดรูว์จะไม่ฟังเลย เขาเด้งขึ้นเด้งลงบนเตียง มีความสุขแผ่ซ่านออกมาจากตัวเขาเกเบรียลขยับตัวใต้ผ้าห่ม คงพยายามขยับทุกอย่างให้เข้าที ฉันขยับร่างกายขึ้นและพิงหัวเตียง ก่อนจะคว้าลูกชายที่กระตือรือร้นและอยู่ไม่นิ่งมา สิ่งสุดท้ายที่เราต้องการคือเขาทำร้ายพ่อของเขาด้วยการเผลอเหยียบเข้ากลางตัวเขาหรืออะไรทำนองนั้น"หนูพยายามห้ามเลียมแล้วนะคะ แต่แม่ก็รู้ว่าเขาเป็นยังไงเวลาต
ฮาร์เปอร์ฉันกำลังล่องลอยอยู่บนปุยเมฆสีขาวนุ่มฟูแห่งการนอนหลับ ฉันรู้สึกอบอุ่น รู้สึกสงบ และรู้สึกได้รับความรักฉันเริ่มรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาทีละน้อย เกเบรียลนอนอยู่ข้างหลังฉัน แขนโอบกอดฉันไว้ เขาทำแบบนี้ทุกครั้งที่เรานอนหลับด้วยกัน เขากอดฉันไว้แน่นในอ้อมแขน ราวกับว่าเขากลัวว่าฉันจะหายไปหากไม่ทำเช่นนี้ฉันขยับตัวเล็กน้อยเพื่อหลุดออกจากอ้อมแขนของสามี ทว่าแทนที่จะปล่อยฉันไป เขากลับกระชับมือแน่นขึ้น ซึ่งดันฉันเข้าไปแนบชิดมากขึ้นฉันหยุดขยับเมื่อรู้สึกถึงเขา ฉันรู้สึกถึง น้องน้อยที่ตื่นมาเคารพธงชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา ฮอร์โมนของฉันพลุ่งพล่าน และฉันก็ต้องการเขาขึ้นมาทันที ฉันอยากให้เขาสอดแทรกเข้ามาในร่างนี้เรื่องบนเตียงของเราสองช่างสมบูรณ์ แต่ก็มีบางครั้งที่ต้องการมากกว่านี้ อาจเพราะมีลูกด้วยกันถึงสามคนแล้ว บางเวลามันก็ยากที่จะมีเวลาส่วนตัวที่ไม่ถูกรบกวนได้"อืม" เกเบรียลร้องครางเมื่อฉันถูบั้นท้ายกับเป้าของเขาเสียงนั้นเดินทางลงไปจนถึงจุดนั้นของฉัน ฉันถูอีกครั้ง กระตุ้นเสียงครางแสนเร้าอารมณ์จากเขาอีกเกเบรียลเริ่มประทับจูบตามหลัง ไหล่ และคอ มันผ่านมาสองสามวันแล้ว และฉันก็โหยหาเขา
"ใช่เลยครับ" เขาตอบรับรอยยิ้มของฉัน ขณะที่คิลเลียนเดินเข้ามาหาเรา"ผมมาขโมยภรรยาแสนสวยของผมคืนแล้วครับ" เสียงเขาแหบพร่า และฉันอดไม่ได้ที่จะละลายไปกับโทนเสียงนั้น มันเซ็กซี่สุด ๆ ไปเลย“เธอเป็นของคุณแล้วนะ” คาลวินปล่อยมือจากฉันและหลีกทาง ก่อนจะเดินจากไปคิลเลียนดึงฉันเข้าไปในอ้อมกอดเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีช่องว่างระหว่างเรา "เป็นยังไงบ้าง? ปวดหลังหรือเปล่า? ขาเป็นยังไง?"เห็นไหม ฉันบอกแล้วไง เขาเป็นเสือร้ายในคราบทนายความ แต่ดูแลเอาใจใส่และรักใคร่ในฐานะคู่ครอง ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันมีสเปคแบบไหน จนกระทั่งฉันได้พบเขา"สบายดีค่ะ ที่รัก ไม่ต้องเป็นห่วงขนาดนั้นก็ได้" ฉันหัวเราะเบา ๆ ดันตัวเองเข้าไปใกล้เขามากขึ้น"ผมเคยบอกว่าผมรักคุณแล้วหรือยัง?" เขาถามฉันอดไม่ได้ที่จะยิ้มขณะที่เขย่งปลายเท้าและกระซิบชิดริมฝีปากของเขา "ประมาณพันครั้งแล้วค่ะวันนี้ แต่ฉันไม่ได้บ่นอะไรนะ""คุณคือสิ่งที่ดีที่สุดที่เคยเกิดขึ้นกับผมเลยนะครับ เอมม่า ผมนึกไม่ออกเลยว่าชีวิตผมจะเป็นยังไงหากไม่มีคุณ ผมรู้ว่าเราได้กล่าวคำสาบานกันไปแล้ว แต่ผมสัญญาว่าจะรักและทะนุถนอมคุณเสมอ เพราะคุณคือของขวัญที่เบื้องบนประทานมา ผมสัญญา
มอลลี่เป็นหนึ่งในเพื่อนเจ้าสาว เช่นเดียวกับเอวา คอนนี่ เล็ตตี้ ฮาร์เปอร์ และคินลีย์ พวกเธอเป็นเพื่อนสาวกันมาสี่ปีแล้วตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุวันนั้น แน่นอนว่าฉันไม่มีวันหาใครมาแทนมอลลี่ได้ เธอเป็นเพื่อนสนิทที่สุด แต่ฉันก็รู้สึกขอบคุณที่มีพวกเธออยู่เช่นกันอีกอย่างเมื่อวานนี้มอลลี่บอกฉันว่าเธอกำลังคิดจะย้ายมาอยู่ที่นี่ ฉันตื่นเต้นมาก ฉันรักเธอ แต่เรายอมรับว่าเป็นเพื่อนระยะไกลกันมันรักษาความสัมพันธ์กันได้ยาก ฉันมีความสุขมากที่เธอจะย้ายมาอยู่ใกล้ ๆเสียงเพลงช้าลง และกันเนอร์ก็เดินเข้ามา ตัดบทสนทนาทั้งหมด“เต้นรำกันหน่อยไหมครับ แม่?”มีเสียง ว้าว ดังขึ้นเป็นระลอก และฉันสาบานได้ว่าหัวใจฉันละลายไปตรงนั้นเลย"แน่นอนสิจ๊ะ สุดหล่อของแม่" ฉันตอบก่อนจะจับมือเขาตอนนี้กันเนอร์อายุสิบสี่ เป็นวัยรุ่นแล้วเชื่อไหมล่ะ? เขาสูงเท่าฉันแล้ว และฉันมั่นใจว่าอีกไม่กี่ปีเขาจะสูงกว่าฉัน ฉันไม่ว่าอะไรหรอก เขาก็จะเป็นลูกชายตัวน้อยของฉันเสมอคาลวินและฉันตัดสินใจส่งเขาไปเข้ารับการบำบัดทันทีที่ฉันออกจากโรงพยาบาล เราเข้าร่วมการบำบัดร่วมกันบ้าง และพูดคุยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเรา และเกี่ยวกับวันที่เกิดอุบัติเหตุ
เอมม่าฉันเต้นรำกับมอลลี่ ปล่อยให้เสียงเพลงโอบล้อมตัวไว้ ฉันรู้สึกปวดหลังเล็กน้อยแต่ก็ไม่สำคัญอะไรเลยเมื่อฉันมีความสุขสุด ๆ แบบนี้ชุดเดรสสะบัดไปมาขณะที่เราตะโกนเนื้อเพลง หน้าร้อนแสนสาหัส ของเทย์เลอร์ สวิฟต์ออกมาสุดเสียง เอวาที่กำลังตั้งครรภ์ท้องแก่ก็เข้าร่วมกับเราด้วย ฉันหัวเราะเพราะเธอคิดว่าเธอกำลังเต้นอยู่เลยแต่เปล่าเลย ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเรียกสิ่งที่เธอกำลังทำว่าอะไรดีจำนวนครั้งที่ฉันเรียกว่าตนเองมีความสุขนั้นสามารถนับนิ้วได้เลย หนึ่งคือตอนที่ฉันสอบเนติบัณฑิตได้ สองคือตอนที่กันเนอร์เรียกฉันว่าแม่เป็นครั้งแรกหลังจากผ่านมานาน และสามคือวันนี้ งานแต่งของฉันคุณได้ยินไม่ผิดหรอกค่ะ ฉันแต่งงานแล้วและฉันมีความสุขอย่างที่สุดจำทนายหนุ่มน่ารักที่ฉันเล่าให้เอวาฟังในวันเกิดของเจมส์ได้ไหมคะ? จะว่าอย่างไรดี เขาไม่เคยละความพยายามเลยค่ะ ไม่ว่าฉันจะปฏิเสธเขากี่ครั้งก็ตาม เขาขอฉันคบหาอยู่เรื่อย ๆ และที่ฉันบอกว่าเรื่อย ๆ ก็คือเขาขอเกือบทุกวัน ฉันเบื่อที่จะได้ยินคำถามเดิม ๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนวันหนึ่งฉันก็ตอบตกลง ปรากฏว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดในชีวิตนี้เลยฉันชะลอฝีเท้าลง ดวงตามองหาเจ้าบ
กันเนอร์มีน้องชายแล้ว งงกันอยู่ใช่ไหมคะ? เพราะเมื่อกี้ฉันกับเอวากำลังคุยเรื่องแฟนกันอยู่เลย เชสไม่ใช่ลูกชายของฉันค่ะ เขาเป็นลูกชายตัวน้อยของคาลวินและคินลีย์ พวกเขาแต่งงานกันเมื่อปีที่แล้วแล้วมีเชสตัวน้อยน่ารักคนนี้เป็นลูกน้อยคาลวินและฉันสนิทกันมากขึ้นตั้งแต่อุบัติเหตุ เหมือนกับกันเนอร์ เขายกโทษให้ฉัน และพวกเราก็สามารถสร้างมิตรภาพที่สวยงามได้คินลีย์เป็นผู้หญิงที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ เธอเข้ากับพวกเราทุกคนได้ เธอใจดีและน่ารัก และที่สำคัญที่สุด เธอทำให้คาลวินมีความสุขและปฏิบัติต่อกันเนอร์เหมือนลูกชายของเธอเอง"ไม่จ้ะ ไม่เคยเกินจริงเลย" เอวาแก้ตัว "น้าแค่อยากให้แม่หนูเล่าเรื่องทนายความน่ารักที่ที่ทำงานให้ฟังมากกว่านี้""ผมขอจบตรงนี้นะครับ ไปดีกว่า" เขาพูด ดูเหมือนจะขยะแขยงเล็กน้อย "แม่ดูน้องได้ใช่ไหมครับ หรือผมควรจะพาน้องไปด้วย?"“แม่สบายมากจ้ะ…ไปเล่นกับเพื่อน ๆ เถอะ”เขาพยักหน้าก่อนที่จะวิ่งไปหาโนอาและคนอื่น ๆ คาลวินใจดีพอที่จะแก้ไขข้อตกลงเรื่องการดูแลบุตร ตอนนี้พวกเราดูแลกันเนอร์ร่วมกัน ลูกอยู่กับคาลวินวันธรรมดาและใช้วันหยุดสุดสัปดาห์กับฉัน"เอาล่ะ กลับมาเรื่องผู้ชายน่ารักคนนั้นก่อนนะ
สามปีต่อมาเอมม่า"จริงจังนะ เอมม่า เมื่อไหร่เธอจะหาแฟนสักที?" เอวาเอ่ยถามพร้อมนั่งลงข้าง ๆ ฉันฉันมองออกไปที่สวนหลังบ้านและยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้ วันนี้เป็นวันเกิดของเจมส์ลูกชายของทราวิสและเล็ตตี้ ซึ่งตั้งชื่อตามพ่อของพวกเราและเจมส์กำลังจะอายุครบหนึ่งขวบเล็ตตี้และทราวิสแต่งงานกันเมื่อประมาณสองปีที่แล้ว ทราวิสคุกเข่าขอเธอแต่งงานทันทีที่ฉันได้สติขึ้นหลังจากอุบัติเหตุที่เกือบจะพรากชีวิตฉันไป คุณอาจจะสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนขับรถคนนั้น เขาถูกจำคุกห้าปีในข้อหาขับรถโดยประมาท ฉันหวังว่าเขาจะได้รับบทเรียนนะกลับมาที่ทราวิสและเล็ตตี้ ฉันคิดว่าการเห็นฉันอยู่ในโรงพยาบาลทำให้เขารู้ว่าชีวิตสั้นแค่ไหน เขาขอเธอแต่งงานและเล็ตตี้ก็ตอบตกลง พวกเขาแต่งงานกันซึ่งเป็นงานแต่งงานฤดูใบไม้ผลิที่สวยงามตอนนี้ัฉันได้กลายเป็นเพื่อนกับเอวาก็เลยถูกดึงเข้ามาในวงจรนี้ด้วย คอนนี่และรีเปอร์แต่งงานกันแบบงานแต่งงานเล็ก ๆ ที่เป็นกันเองกับเพื่อนสนิทและครอบครัว สี่เดือนต่อมาทั้งสองก็อ้าแขนรับลูกสาวของพวกเขา เฮเวน ตอนนี้คอนนี่ก็กำลังตั้งครรภ์ลูกคนที่สองซึ่งเป็นลูกสาวอีกคนฮาร์เปอร์และเกเบรียลก็กำลังจะมีลูกด้วยกันอีก
"ไม่ไหวแล้ว! ฉันต้องเบ่งเดี๋ยวนี้" ฉันคำรามพร้อมจับเสื้อเกเบรียลไว้ฉันรู้สึกบ้าไปแล้ว เหมือนฉันเสียสติไปแล้ว ความเจ็บปวดกำลังทำให้ฉันบ้าไปแล้วจริง ๆโชคดีที่พวกเราไปถึงห้องคลอดก่อนที่ฉันจะคลอดลูกตรงทางเดินของโรงพยาบาล ฉันถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเดินไปถึงห้องคลอด และเจ้าหน้าที่ก็เริ่มเตรียมพร้อมให้ฉันเอวาอยู่ในห้องเรียบร้อย ฉันรู้สึกขอบคุณที่มีคนเข้าใจความรู้สึกตอนที่ช่องคลอดฉีกออกเป็นสองส่วนเพื่อให้เด็กตัวน้อย ๆ ออกมาดูโลก"ฉันไม่ไหวแล้ว" ฉันกัดฟันพูด ก่อนที่จะยกตัวขึ้นและเบ่งสุดแรงฉันสาบานว่าฉันรู้สึกเหมือนก้นจะแตกและมันก็เพิ่มความเจ็บปวดให้ฉันมากขึ้น"ความผิดคุณเลย!" ฉันกรีดร้องใส่เกเบรียลขณะที่จับมือเขาไว้แน่นฉันจ้องเขม็งไปที่เขา ลมหายใจถี่กระชั้น และรูจมูกบานออกเพื่อพยายามสูดอากาศเข้าไปในปอดให้ได้มากที่สุด"เตรียมนะ เธอ เบ่งเลย" เอวาเร่งเร้าฉันขณะที่เช็ดเหงื่อออกจากหน้าผากให้ฉัน "เกเบรียลไม่สำคัญแล้วตอนนี้""อ้าว ใจร้ายนะ เอวา" เกเบรียลพึมพำพร้อมจ้องเขม็งไปยังเอวา เธอจ้องเขม็งกลับราวกับจะบอกให้เขาหุบปากและทำตามน้ำไปฉันบีบมือพวกเขาเมื่อมดลูกหดตัวอีกครั้ง และฉันก็ออ
"สบายมากจ้ะ หมีน้อยลิลลี่ แม่กำลังจะคลอดลูก... จำที่แม่บอกหนูได้ไหมว่าอะไรจะเกิดขึ้นตอนถึงเวลาแบบนี้?"เธอพยักหน้า "ค่ะ แม่บอกว่าแม่จะเจ็บท้อง แต่หนูไม่ต้องห่วง เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้น้องเกิดมาค่ะ""ดีมากจ้ะ" ฉันเบ้หน้าเมื่อการหดเกร็งตัวจู่โจมฉันอีกครั้ง "นั่นคือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้ ดังนั้นอย่ากลัวไปนะจ๊ะ"เกเบรียลจับมือและช่วยให้ฉันเดินออกจากห้อง ฉันหายใจเข้าทางจมูกและหายใจออกทางปาก แต่พูดตามตรงมันไม่ได้ช่วยอะไรเลย"หนูแค่ไม่เข้าใจน่ะค่ะ ทำไมแม่ต้องเจ็บด้วย? ทำไมเด็กถึงออกมาจากท้องแม่ไม่ได้โดยไม่ทำให้แม่เจ็บล่ะคะ?"สิ่งที่ฉันไม่ต้องการที่สุดคือทำให้ลูกสาวหวาดกลัวโดยต้องอธิบายให้เธอฟังว่าความเจ็บปวดนั้นจำเป็นสำหรับการออกแรงเบ่งเด็กออกมาจากร่างกายฉัน เธอจะอยากรู้ว่าทำไมต้องเบ่งลูกออกมาด้วย และฉันจะต้องอธิบายว่าเพราะลูกตัวใหญ่และทางออกเล็กกว่า ดังนั้นการหดเกร็งตัวเหล่านั้นจึงจำเป็นสำหรับการเบ่งลูกออกมา จากนั้นเธอจะอยากรู้ว่าทางออกนั้นคืออะไร และฉันจะต้องบอกเธอว่าลูกออกมาทางนั้นอย่างไรเล่าอย่างที่คุณเห็น นั่นไม่ใช่บทสนทนาที่เธอเตรียมใจรับได้นัก เธอจะตกใจกลัวเมื่อรู้ว